เหรียญรุ่นแรกลพ.สนิทศีลขันธ์ปรกโพธิ์ลป.ทองสามปลื้มสมเด็จลพ.แป๋ว ดาวเรืองพ่อสงฆ์เจ้าฟ้าศาลาลอย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724408113362.jpg
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อพิมพ์หลังขุนสรรรค์ ออกวัดสนามชัย ศิษย์หลวงพ่อกวยปี๒๕๒๕
    ประวัติหลวงพ่อพิมพ์
    ท่านเกิดที่บ้านวังขรณ์ ต.โพธิ์ชนไก่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน 2458 เป็นบุตรของ พ่อขวัญ-แม่พัว อินทอง ที่บ้านวังขรณ์นี้อยู่ไม่ไกลจากวัดสนามชัย แต่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ชีวิตวัยเรียนจบชั้นประถม 4 ซึ่งถือว่าสมบูรณ์และสูงสุดแล้ว ในวัยหนุ่มท่านเป็นคนใจร้อน พูดน้อย ไม่เกรงกลัวผู้ใด รูปร่างล่ำป้อม ผิวสีค้อนข้างดำ แข็งแรง ทำจริงชอบยิงกระสุน (คล้ายธนู) และเรียนกระบี่กระบองจนจบ พูดจริง ทำจริง และไม่เคยข้องแวะกับสตรีเพศเลย จนกระทั่งบวช มีชื่อเล่นว่า นายพลุ เพราะเป็นคนจริง ลงถ้าโมโหแล้วจะไม่เกรงกลัวผู้ใดเลย นายพิมพ์ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์หอม ต. เชิงกลัด อ. บางระจัน จ. สิงบุรี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2479 โดยมีท่านพระครูศรีวิริยะโสภิต (หลวงพ่อสี) วัดพระปรางค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีอาจารย์พัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์และมหากราด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เป็นพระภิกษุสงฆ์ เวลา 15.00 น. ได้รับฉายาว่า สุวณ۪โณและได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์
    หอม 1 พรรษา เพื่อหัด
    ศึกษาวิชาอาคม
    หลังจากพรรษาที่ 1 ผ่านไป ท่ามเริ่มที่จะศึกษาวิชาอาคมวิปัสสนากรรมฐาน โดยไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่า ท่านได้เดินทางมาเรียนวิชากับหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค เพราะท่านเคยเป็นลูกศิษย์หาบสำรับให้หลวงพ่อกวย ตอนที่หลวงพ่อกวยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิมถึง 7 ปี (แต่พักจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย) เมื่อพระพิมพ์แจ้งความจำนงว่าจะขอเรียนวิปัสสนาและวิชาอาคม หลวงพ่อกวยได้ตอบปฏิเสธ โดยบอกว่าให้ไปเรียนกับอาจารย์ของท่านโดยตรงเลยคือ หลวงพ่อสีวัดพระปรางค์ หลวงพ่อสีองค์นี้แก่กล้าอาคมยิ่งนัก สร้างเหรียญไว้ 1 รุ่น ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เต็มองค์ สวยงามยิ่งนักสนนราคาแพง มีลูกศิษย์หลายองค์ล้วนแต่แก่กล้าอาคม เช่น หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา อาจารย์ดำรง วัดเขาขึ้น หลวงพ่อฟุ้ง หลวงพ่อเฟื่อง วัดแหลมคาง หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ ที่โด่งดังทะลุฟ้า คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และที่เก่งและรักลูกศิษย์เหมือนหลวงพ่อรักลูก ก็หลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (ติดอันดับ 1 ใน 9 ยอดเกจิอาจารย์รัตนโกสินทร์ยุค 4) ขอเงินหมื่นให้เงินหมื่น ขอเงินแสนให้เงินแสน ขอเงินล้านให้เงินล้าน ฯลฯ อันตัวท่านหลวงพ่อสีนี้ สร้างโบสถ์โดยไม่ได้เรื่อไรใคร ท่านสามารถเรียกทรัพย์แผ่นดินได้ เป็นเหรียญเงินเก่าสมัย ร.5, ร.6 โดยไปตักเอาในบ่อเล็กๆ ในวันฌาปนกิจศพท่าน ดาวได้ขึ้นเวลากลางวันซึ่งอัศจรรย์มาก
    หลังจากที่หลวงพ่อพิมพ์ได้ศึกษาอาคมจากหลวงพ่อสีระยะหนึ่ง ท่านก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้พักอยู่วัดปากน้ำภาษีเจริญแต่ท่านไม่ได้เรียนวิชาธรรมกาย คงยึดมั่นในการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อสีอยู่เหมือนเดิม ท่านมาอยู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ 8 ปี ท่านได้เรียนทางปฏิบัติ คือ นักธรรมตรี, โท และเอก แล้วท่านก็กลับมาวัดสนามชัย การกลับมาครั้งนี้ของท่านปรากฏว่าหลวงพ่อพ่อสี วัดพระปรางค์ องค์อาจารย์ได้มรณภาพแล้ว การกลับมาครั้งนี้ท่านได้ปฏิบัติทางจิตอย่างจริงจัง หลังจากฉันเช้าแล้ว ท่านก็เข้าไปนั่งสมาธิในป่าช้า จนมืดค่ำดึกดื่น จะว่าท่านเรียนวิปัสสนากรรมฐานได้ช้า ไม่เหมือนศิษย์พี่ คือ หลวงพ่อกวย ก็ไม่เชิง เพราะหลวงพ่อกวยมีหลักฐานว่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานเพียงปีเดียวสำเร็จ โดยพักที่วัดหนองตาแก้ว ได้ขุดสระศักดิ์สิทธิ์เอาไว้และปลูกต้นสมอเอาไว้ ใครอาบน้ำในสระโดยไม่ตัดไปอาบจะเป็นขี้กลาก ใครปัสสาวะที่ต้นสมอจะชักดิ้นชักงอ แต่หลวงปู่พิมพ์ท่านกลับฝึกทางจิต โดยนั่งสมาธิถ้ามีเวลาว่าง ท่านปฏิบัติทางจิตจนกระทั่งบั้นปลายของชีวิต ในบั้นปลายของชีวิตของท่าน ท่านก็คงแข็งแรง ไม่กินหยุบกินยา ล่ำป้อมดำเหมือนเดิม ถามผมว่า หลวงพ่อกวยสอนมึงอย่างนั้นหรือ ผมบอกว่าเปล่า แต่คาถาของหลวงพ่อกวยกล่าวไว้ว่า พุทโธ คือลมหายใจเข้า -ออกของพระพุทธเจ้า แล้วท่านก็ถามผมต่อ แล้วใครสอนมึง ผมตอบว่า อาจารย์ชา วัดหนองป่า
    เป็นอุปัชฌาย์
    หลวงปู่พิมพ์ ท่านไม่สนใจลาภยศ ชอบสงบ ชอบปฏิบัติทางจิต แต่พอพรรษาที่ 9 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระปลัด พอพรรษาที่ 10 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปัชฌาย์ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ ชื่อ พระครูสรรคภารวิชิตโดยได้รับคำสั่งจากเจ้าคณะภาคกรุงเทพฯ ท่านถึงกลับนิ่งอึ้งไป เพราะท่านไม่ได้ยินดีในลาภยศตำแหน่งใดๆ การได้มาซึ่งตำแหน่งยิ่งทำให้ท่านทำตัวสมถะ และเพื่อเห็นแก่ศาสนาท่านจึงรับไว้ ท่านปกครองพระภิกษุสงฆ์ในอำเภอสรรคบุรีอย่างจริงจัง ถ้าท่านได้ยินข่าวว่าพระภิกษุยุ่งเกี่ยวกับสีกา ท่านจะเรียกมาพบ โดยมากพระภิกษุที่มีเรื่องแบบนี้ท่านมักจะมีสตางค์ ท่านจะเอาปัจจัยข้าวของมาถวายท่านมากมาย แต่ท่านหลับพูดว่า ท่านเอาของของท่านกลับไปซะ แล้วไปหาที่อยู่ไกลๆ ให้พ้นจากเขตปกครองของจ้า ไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าไม่ดีไม่ได้นะ รีบๆ ไปซะไปให้ไวๆ ไปให้ไกลๆ ด้วย เนื่องจากตบะแล้วความแกกล้าอาคม ความสันโดษ ความไม่เกรงกลัวใครนี่เอง ลูกศิษย์ที่ท่านได้บวชให้ไปได้อนุญาตท่านเปลี่ยนนามสกุล จากนามสกุลเดิม “สรรคภารวิชิต” ได้ขอเปลี่ยนหลายคน
    ของคู่บุญ
    หลวงพ่อพิมพ์ ท่านชอบปฏิบัติทางจิต แต่ไม่ชอบเรียนวิชา แม้ศิษย์พี่คือหลวงพ่อกวย จะอยู่ไม่ไกล (ตอนที่ท่านเป็นอุปัชฌาย์ ท่านต้องไปจำพรรษาอยู่วัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดที่ว่าการอำเภอ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านชอบคือคันกระสุน(คล้ายธนู) ใช้ลูกดินยิง คือ ท่านเคยเรียนกระบี่กระบองมาก่อน ท่านได้สั่งศิษย์หาไม่ไผ่ป่าที่ล้มอยู่มีโขลงช้างข้ามและมีผีตายทับ ถ้าได้ช่วยทำให้ท่านสัก 1 อัน อยู่ต่อมาลูกศิษย์ของท่านได้ไปดูเขายิงเสือ (คน) นอนตายทับลำไม้ไผ่เมื่อดูไปดูมา ได้เห็นรอยเท้าของโขลงช้างเดินข้ามไปมานานแล้ว ลูกศิษย์ของท่านเลยตัดเองมา แม้ว่าจะทำได้ 2 อันแต่ลูกศิษย์ของท่านกลับทำเพียงอันเดียว เพื่อให้เป็นของหนึ่งเดียว คันกระสุนนี่ยาวกว่าของหลวงพ่อกวยเกือบ 1 ฟุต แต่ของหลวงพ่อกวยไม้แก่กว่า ไม้แก่มากเกือบเป็นสีแดง แต่ท่านจะยิงกระสุนวิถีคดได้แบบหลวงพ่อกวยหรือเปล่าไม่รู้เพราะครั้งหนึ่งศิษย์รุ่นเก่าไปกราบท่าน เห็นท่านถือคันกระสุนอยู่ จึงแกล้งแหย่ท่านว่า หลวงปู่หันหน้าไปทางโน้น แล้วยิงให้โดนหัวผมที ท่านนิ่งเฉย ท่านพูดว่า กูไม่ใช่หลวงพ่อกวยนี่หว่า ภายหลังคันกระสุนนี้ได้ตกมาอยู่กับศิษย์ใกล้ชิดท่านนึง ปัจจุบันได้มอบให้พิพิธภัณหลวงพ่อกวยไปแล้ว
    ผู้สืบทอดอาจารย์ธรรมโชติ
    ที่อำเภอสรรค์บุรีนี้ ถ้าพระองค์ใดเป็นเจ้าคณะอำเภอจะต้องจำพรรษา หรือเป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดหรือใกล้ที่ว่าการอำเภอ ท่านพระครูพิมพ์ก็เช่นกัน เดิมก็เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง อยู่ๆ ท่านไม่ชอบใจกรรมการวัด ท่านก็มาจำพรรษาที่วัดสนามชัย บ้านเกิดของท่าน เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นมา 3 ครั้ง ตั้งแต่พระครูปัตร, พระครูปุ่น ซึ่งสืบเชื้อสายเป็นญาติพี่น้องกันมาทั้ง 3 องค์ ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ว่า สืบเชื้อสายมาจากขุนสรรค์ แต่ตัวพระครูพิมพ์นั้นกลับมีปฏิปทา เหมือนหนึ่งเป็นหน่อของท่านอาจารย์ธรรมโชติ คือใครเดือดร้อนของเหรียญรูปท่าน ท่านก็ให้ไป แต้ถ้าเป็นทหาร เป็น ตชด. ท่านต้องแจกตะกรุด เหรียญหันหลังชนกันกับขันสรรค์ ผ้ายันต์ ผ้ายันต์นี้แม้ไม่มีก็จะเขียนให้ จะค้างคือที่วัดก็จะเขียนให้ แม้ผืนขนาดใหญ่ ผู้พันให้ลูกน้องมาขอ เขียนด้วยปลุกด้วย 3 วัน 3 คืน เอาไว้ป้องกันบังเกอร์ก็เขียนให้ เงินไม่สำคัญ ทหารกินข้าววัด
    เป็นผู้มีเชื้อสายของคนจริง และเทพสังหาร
    พระครูพิมพ์ มีชื่อเล่นว่า นายพลุ มีศักดิ์เป็นน้องปู่ฉุ่น อดีตครูใหญ่คนแรกวัดสนามชัย ภายหลังได้ลาออกและโดนกักบริเวณที่บางขวางเป็นสิบปี และเป็นน้องของสางฉาว สางฉาวนี้ คำว่า สาง หมายถึงคนที่ตายไปแล้วจะเรียกว่าเสือฉาวก็ได้ เป็นที่ไม่กลัวคน ไม่ว่ามีดหรือปืน จะเดี๋ยวหรอหมู่ก็ได้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค หนังเหนียว ปืนยิงไม่ออก แถมล่ำป้อมแบบพระครูพิมพ์ เป็นเสือบุกเดี่ยว แต่ไม่ปล้นชิงบริเวณบ้าน เคยติดคุกที่บางขวาง ที่เกาะตะรุเตา ก็หนีมาได้ ตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังได้รับจ้างทหารญี่ปุ่นซ่อมสะพานพุทธยอดฟ้าฯ ครั้งสุดท้ายติดคุกที่ชัยนาท พัศดีสั่งตีตัวแดง (สั่งตาย) โดยทั้งไม้ทั้งปืน ยังแหกคุกที่มีลวดไฟฟ้าออกมาได้ ท่านมีหลาน – เหลน อยู่คนสองคน คนแรกเป็นกำนัน ชื่อกำนันใส กำนันใสนี้ถ้าลูกบ้านทะเลาะกันอย่างรุนแรงท่านก็จะเตียน ถ้าเตียนไม่ฟัง แกจะฆ่าคนผิด โดยไม่คิดสตางค์ และไม่แย้มให้ใครรู้เลย
    จอมคน
    ในสมัยเสือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สุพรรณบุรี ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นเสือปล้น เสือที่โด่งดังที่สุดที่ขนาดตั้งเป็นชุมเสือได้คือ เสือฝ้าย โดยมากก็จะมีของดี ทราบว่าเสือที่มีของดีและมีคุณธรรมคือ เสือมเหศวร ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ อยู่บ้านไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท ครั้งหนึ่งเสือฝ้ายได้มาตั้งชุมเสือที่บ้านล่องใหญ่ บ้านเดิมบางนางบวง สุพรรณบุรี ได้รู้ข่าวว่า บ้านนายยอด เดชมา (พ่อหมอเฉลียว เดชมา) มีปืน ร.ศ.ปืนพระราม อยู่ 5 กระบอก จึงได้ให้ลูกน้องมาเอาปืนที่บ้านโยมยอดโยมยอดได้มาบอกหลวงพ่อกวยให้ช่วย แต่หลวงพ่อกวยได้ไปเรียนวิชาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ โยมยอดเลยวิ่งแจ้นไปบอกพระครูพิมพ์ พระครูพิมพ์ท่านก็รับกิจนิมนต์ทันที ท่ารนเดินลัดตัดทุ่งไปทันทีที่หมู่บ้านสามเอก (ดงเสือ) ขณะที่ชุมเสือฝ้ายได้ตั้งชุมอยู่ ไม่รู้ว่าท่านพูดอย่างไร แล้วท่านก็สะพายปืนยาวรุ่นเก่า 5 กระบอก มาหน้าตาเฉย เรื่องนี้ท่านไม่ยอมเล่าให้ใครฟังถึงที่ไปที่มา ยังมีลูกหลานที่ทำนิสัยแบบนี้อีก คนคนนี้เป็นคนบ้าบิ่น (โหล่) ชื่อเชน (ปิ๊ด) ฉายาแหวนแขนเรดาร์ บ้านเดิมอยู่หัวเด่น ขณะบวชอยู่กับหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค ปรากฏว่ามีพวกเสือได้วิ่งไล่จะปล้ำคุณยายม่าย (เป็นคนจีนเตี่ยเอามาขาย 2 คนพี่น้อง) ยายม่ายได้วิ่งมาหวังพึ่งหลวงพ่อกวย พอดีเจอพระเชนพอดี พระเชนโดดเหน็บมีดหมอหลวงพ่อกวย ห่มผ้าไปส่งยายม่าย พระเชนได้พูดว่า “ถ้ามันกล้าปล้ำผู้หญิงต่อหน้ากู กูก็ขาดจากพระวันนี้แหละวะ”
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อพิมพ์หลังขุนสรรค์ออกวัดสนามไชย ปี๒๕๒๕
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240823_153741.jpg IMG_20240823_153819.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2024 at 22:35
  2. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +822
    รับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    rv.jpg หลวงปู่ละมัย-ฐิตมโน-สำนักสวนป่าสมุนไพร-อ.เมือง-จ.เพชรบูรณ์.jpg FB_IMG_1724410496582.jpg

    พระสมเด็จทรงเครื่อง หลังช้าง วัดช้าง นครนายก
    พิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวรารามปี ๒๕๔๔ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน เป็นประธานเสก
    พระผง รุ่นไหว้ครู ปี 2544 ขณะนั้นหลวงปู่หมุน อายุ 106 ปี พิธีไหว้ครู ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม พ.ศ.2544 หลวงปู่อธิฐานปลุกเสกก่อนงาน 9 วัน 9 คืน และในพิธีไหว้ครูได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดย
    หลวงปู่หมุน เป็นประธานพิธี พร้อมด้วย
    หลวงปู่ลมัย อายุ 102 ปี
    หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ์ กทม.อายุ96ปี
    ร่วมกันปลุกเสกอีกด้วยครับ
    พิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ 2544
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อายุ 107 ปี พิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2544 โดย
    1. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระปรมาจารย์อมตะมหาเถระ 5 แผ่นดิน
    2. หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน อายุ 102 ปี สำนักสงฆ์สวนสมุนไพร เพชรบูรณ์ พระผู้เชี่ยวชาญในกสิณสมาบัติ และวิชาปรอท เล่นแร่แปรธาตุ
    3. หลวงปู่ทอง อายุ 96 ปี วัดจักรวรรดิ กทม. สหธรรมิกร่วมสมัยกับหลวงปู่หมุน ผู้เคยทดลองวิชาอาคมในยุคอินโดจีน
    พระเครื่องรุ่นนี้ ท่านเจ้าคุณวัดสุทัศน์ เตรียมไว้แจกแก่ผู้ที่มาร่วมงานที่ วัดโดยไม่มีจำหน่าย
    พระชุดนี้เมื่อทำเสร็จก็ได้นำเข้าพิธีที่วัดสุทัศน์ฯ เป็นที่แรก และข้าพเจ้าจำได้ว่าท่าน อาจารย์ต๊ะได้นำมาแจกตอนพรมน้ำมนต์หลังเสร็จพิธี จำนวน ๑กล่องใหญ่ ๔-๕ ร้อยองค์ และที่เหลือได้มอบไว้ที่วัดสุทัศน์ ส่วนที่เหลือได้นำกลับมาเสกต่อที่วัด และทยอยแจกให้ศิษย์เรื่อยมา จำนวนการสร้าง ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ ๕,๐๐๐ องค์ เห็นจะได้ จะมีด้วยกัน ๓ แบบๆที่ปั๊ม "วัดช้าง" ๕๐๐๐ องค์ แบบที่ปั๊มเป็นรูป "ช้างทรงเครื่อง" ๕๐๐๐ องค์ และแบบ )มรูปช้างทรงเครื่อง ๒ เชือกมี ๑๐๐ องค์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จทรงเครื่อง หลังช้าง วัดช้าง นครนายก
    พิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวรารามปี ๒๕๔๔
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งอยู่ 30 บาทครับ

    IMG_20240823_153848.jpg IMG_20240823_153911.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724410496582.jpg

    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลวงปู่ทองวัดสามปลื้ม
    หลวงปู่ทอง โสณุตฺตโร แห่งวัดสามปลื้ม ท่านเป็นพระคณาจารย์สายปฏิบัติที่จำพรรษาอยู่กลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร ด้วยวัยวุฒิถึง100 ปี และพรรษาที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ยาวนานถึง 70กว่าพรรษา ในอดีตท่านพำนักอยู่ภายในกุฏิคณะ 5 บริเวณกุฏิของท่านจะมีสาธุชนเดินทางขึ้นลงคับคั่งทั้งวัน และเหตุที่ใครๆมักจะไปหาท่านจนล้นกุฏิแทบทุกวันนั้นก็สืบเนื่องด้วยเหตุหลายประการ โดยเฉพาะน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดวิชาเสกน้ำมนต์ดอกบัวบานหลวงปู่ทองท่าน
    น้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์
    สุดยอดวิชาเสกน้ำมนต์ดอกบัวบานตำรับโบราณ
    หลวงปู่ทอง ท่านเมตตาทำน้ำพุทธมนต์ดอกบัวบาน พิธีสะเดาะเคราะห์ให้แก่ศิยานุศิษย์ ที่มาขอความเมตตาพึ่งบารมีของท่าน ให้ช่วยปัดเป่าทุกข์ สารพัดเหตุเภทภัย หลวงปู่ท่านพิจารณา แล้วจึงเมตตาทำให้
    วิชาทำน้ำพุทธมนต์ดอกบัวบาน ซึ่งเป็นเอกวิชาหนึ่งของหลวงปู่ทอง หนึ่งในสรรพวิชาที่ท่านมี ที่ท่านร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ท่านคือท่านพระมหาปั้น วัดสามปลื้ม เพื่อ นำมาใช้สงเคราะห์สาธุชน ช่วยสร้างเสริมกำลังใจให้ดีขึ้นได้ เป็นวิชาพลิกฟื้น กลับร้ายกลายดี เสริมชะตาราศรี ขจัดมลทิลอัปมงคลต่างๆชงัด
    น้ำพุทธมนต์ดอกบัวบัวบาน ที่หลวงปู่แผ่เมตตาเสกทำให้ จะใช้ในพิธีสืบต่ออายุ โดยให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยนั้น ให้เตรียมเทียนมากกว่าอายุ ในแต่ละครั้ง ในขณะที่องค์หลวงปู่สวดเสก ก็จะมีผู้มาขอร่วมให้ท่านเมตตาทำพิธีเป็นจำนวนมาก
    ในแต่ละปีจะมีแท่งเทียนต่ออายุขนาดใหญ่สูงกว่าเทียนพรรษา มากกว่าสองต้น และในวันอาสาฬหบูชา ของทุกปี หลวงปู่จะให้นำเทียนต่ออายุนี้ ไปหล่อเป็นเทียนจำพรรษา เพื่อใช้จุดตลอดพรรษา ให้เกิดเเสงสว่าง
    วิชาอิติปิโสบัวบาน เป็นวิชาโบราณเก่าแก่ มีการเล่าสืบทอด กล่าวถึงสายวิชานี้ไว้ว่า พระบูรพาจารย์ที่สำเร็จในวิชานี้ ท่านจะทำน้ำพุทธมนต์ ภาวนาด้วยพระคาถาอิติปิโส ฯ จนดอกบัวที่ตูมอยู่สามารถแย้มบานเองได้ หากมิเหนือแห่งวิสัยกรรมที่จะช่วยได้ แม้ดวงยังไม่ถึงฆาต หากใช้วิชานี้ช่วยสงเคราะห์เมื่อดอกบัวบานเมื่อใด จากหนักก็กลายเป็นเบา เหมือนดังดอกบัวที่เบ่งบาน มีชีวิตชีวา
    พระมหาทองนั่นน่ะเก่ง
    เรื่องนี้ มีผู้บันทึกลงเผยแผ่ไว้ในนิตยาสารนะโมนานมาแล้ว ผู้โพส ได้สืบถึงเรื่องราวนี้ ตามเนื้อเรื่องที่จะเล่านี้ จากหลายๆท่าน ที่อยู่ในพิธี ไหว้ครูวัดสุทัศน์ คณะ๗ เมื่อปี๒๕๔๔ ซึ่งเป็นงานไหว้ครูของหลวงปู่หมุน สืบจนแน่ชัด ก่อนจะเผยเเผ่ ให้ได้ซึ่งข้อมูลแท้จริง มิใช่การเเต่งเติม โยงใย หรือ เอาชื่อเสียงครูบาอาจารย์ มาส่งเสริมกัน เพื่อเรียกศรัทธาแต่อย่างใด หลวงปู่ทองท่านเองเป็นดั่งทองแท้ที่งดงามอยู่แล้ว ผู้โพสเห็นว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่สมควรแก่การบันทึกไว้ เพื่อการเผยแผ่กิตติคุณครูบาอาจารย์ ความสัมพันธ์ของท่านทั้งสอง ที่เป็นสหธรรมมิกกันทางธรรมในอดีต จะต่างกันก็เพียงอายุและพรรษา
    หลวงปู่มหาทอง วัดสามปลื้ม เดิมทีนั้น ท่านมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงพระคณาจารย์มาช้านาน นับแต่ปีพ.ศ. ๒๕๓๐เป็นต้นมา นามหลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม มีปรากฏอยู่ในงานพิธีสำคัญต่างๆ มานานแล้ว เป็นที่รู้จักในแวดวงพระคณาจารย์ ยุคสมัยนั้น ก่อนที่หลวงปู่หมุนจะมีชื่อเสียง จะเป็นที่รู้จักโดยกว้างขวางในภายหลัง
    ในพิธีไหว้ครูวัดสุทัศน์ หลวงปู่มหาทองท่านได้รับการอราธนา ให้เป็นหนึ่งในครูบาอาจารย์แผ่เมตตาบารมีสู่มณฑณพิธี งานไหว้ครู และพุทธาภิเษก วัตถุมงคล ในครั้งนี้อีกท่านหนึ่ง เมื่อพิธีดำเนินการเสร็จสิ้น หลวงปู่หมุนได้เอ่ยชมพระเก่งรูปหนึ่ง ที่นิมนต์ท่านมาร่วมงาน ให้ศิษย์ฟัง ผู้รับฟังมา จึงนำเรื่องราวนั้นเรียบเรียงลงนิตยาสารนะโม
    พระที่หลวงปู่หมุนชมว่าเก่งนั้น คือหลวงปู่ทอง เเนะนำให้ศิษย์เข้ามากราบหลวงปู่ทอง ทั้งกล่าวชมว่า พระมหาทองนั่นน่ะเก่ง หลวงปู่หมุนได้เล่าถึงหลวงปู่ทองให้ศิษย์ฟังว่า
    หลวงปู่หมุนได้เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมบาลี ก็ได้พบกับพระมหาทอง มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี พระมหาทองมีบารมีสัมพันธ์กับพระฤาษีมาก หลวงปู่หมุนร่ำเรียนพระปริยัติธรรมบาลีกับสมเด็จพระสังฆราชแพ อยู่ในพระนครจนมีอายุได้๓๕ปี หลวงปู่จึงจาริกลาพระนครไปสู่วิถีทางอันสงบของท่านต่อไป หลังจากนั้นก็มิได้พบกับพระมหาทองอีกเลย จวบจนกระทั่งงานไหว้ครูนี้ คณะ๗ วัดสุทัศน์ครั้งนี้ จึงได้พบกันอีก
    (ปี๒๕๔๔ขณะนั้นหลวงปู่ทองอายุ๙๖ปี )
    ทั้งหลวงปู่มหาทอง และ หลวงปู่หมุน เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพพระสมเด็จ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปรกโพธิ์ ลป ทองวัดสามปลื้ม ไหว้ครูปี๓๕ ๒ องค์
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240824_035616.jpg IMG_20240824_035636.jpg IMG_20240824_035657.jpg IMG_20240824_035719.jpg IMG_20240824_035739.jpg IMG_20240824_035805.jpg IMG_20240824_035556.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    1724448742431.jpg
    พระงบน้ำอ้อยเนื้อตะกั่วหลวงพ่อหอมวัดท่าอิฐ อ่างทองศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    ประวัติบุคคลต้นแบบของข้าพเจ้า(THE IDOL)
    #พระครูสุคนธศีลคุณ (หอม ปัญญาพโล) ประถมศึกษา ๔,น.ธ.โท อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าอิฐ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
    #พระครูสุคนธศีลคุณ (หอม ปัญญาพโล) พื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ชื่อเดิมคือ หอม นามสกุล ไม้หอม เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๖๒ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม เป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวนทั้งหมด ๘ คน ของนายเรือง ไม้หอม และนางตุ่น ไม้หอม ซึ่งมีอาชีพทำนา อยู่บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ ๖ ตำบลกฤษณา อำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ท่านก็ชอบเล่นซุกซนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป ชอบตามบิดามารดาไปทำบุญที่วัดมิได้ขาด #ชอบเล่นเป็นพระ สมมติตนเองนั่งเทศน์ ให้ศีลให้พรกับเพื่อนด้วยกัน เป็นที่เอ็นดูของพระเณรและชาวบ้านที่พบเห็น เมื่ออายุครบเกณฑ์เข้าโรงเรียน จึงเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดสาลี อำเภอบางปลาม้า จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ออกมาช่วยบิดา มารดา ทำนา จนอายุได้ ๑๘ ปี ต้องการศึกษารสพระธรรมอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ จึงบรรพชาเป็นสามเณรกับเจ้าคณะหมวดผ่าน วัดบ่อหัวกรวด ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๔๘๐ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด #ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๔๘๔ ที่วัดลาดน้ำขาว ตำบลสาลี โดยพระอุปัชฌาย์องค์เดิม ท่านใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรมมาก จึงเดินทางมาศึกษาที่สำนักเรียนวัดน้ำอาบ บ้านน้ำอาบ ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ในสมัยหลวงพ่อโล่ห์ เป็นเจ้าอาวาส และสอบนักธรรมตรีได้ใน ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ สอบได้นักธรรมโท ที่สำนักเรียนวัดไทรย์ ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านได้ศึกษาและจำพรรษาอยู่ที่วัดไทรย์นี้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ที่วัดท่าอิฐ ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ทอง ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง ชาววัดท่าอิฐมีความศรัทธาท่านมาก จึงนิมนต์ท่านมาเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็มารักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าอิฐ จนถึงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ปฏิบัติศาสนกิจ พัฒนาและบำรุงศาสนสถานด้วยดีตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๓ ในปีต่อมา คือเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
    #การพัฒนาและการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
    พระครูสุคนธศีลคุณ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า หลวงพ่อหอม นั้น ปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด เสมอมา มีระเบียบในการปกครองวัด ทำวัตร สวดมนต์เช้าเย็นมิได้ขาด มีการทำอุโบสถ(แสดงพระปาฏิโมกข์) ทุกปักษ์ และเป็นสื่อกลางประสานงานติดต่อข่าวสารระหว่างทางคณะสงฆ์กับทางราชการ และยังทำหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายอบรมพระภิกษุสามเณรและประชาชน นอกจากนี้ยังมีผลงานการพัฒนาทั้งอาคารสถานและศิลปวัฒนธรรมอีกมากมาย คือ
    ปฏิสังขรณ์ สร้างอุโบสถ กุฎิ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ ฯลฯ ของวัดท่าอิฐ โดยใช้เงินจาก การขายที่นามรดกของโยมบิดาและมารดา
    >พ.ศ. ๒๕๐๑-๒๕๐๒ นำทายกทายิกาพัฒนาวัดขุนอินทประมูลเพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณและก่อสร้างกุฏิ ๓ หลัง อาราธนาพระสงฆ์มาอยู่จำพรรษา,ในปี'๔๒ สร้างอาคารเรียนเป็นตึกหลังใหม่ให้กับโรงเรียนชุมชนวัดท่าอิฐ เป็นต้น
    #คำสอนของหลวงพ่อหอม
    หลวงพ่อหอม เคยเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางโคนม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณร
    หลวงพ่อมักสอนนักเรียนและชาวบ้านเสมอว่าเกิดเป็นคนต้องขยันประหยัด อดทน กตัญญู รู้คุณบิดามารดา
    เกิดเป็นคนอย่าจนความดี เกิดมาทั้งทีต้องสร้างบารมีให้แก่ตน
    พระที่บ้านเปรียบก็คือพระพุทธบิดาพระพุทธมารดาหรือคือพ่อแม่ของเรานั้นสำคัญที่สุด ให้ดูแลปฏิบัติให้ดี จะเป็นสิริมงคล และชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง
    หลวงพ่อจะสอนสัทธิวิหาริก อันเตวาสิก เสมอว่า ร่างกายเรามีค่าแค่ หนึ่งบาทเท่านั้น จึงไม่ควร ทะนงตน ไม่ควรประมาท
    โดยส่วนตัวแล้วหลวงพ่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บรรพชิตในเรื่องไม่สะสมเงินทอง เมื่อญาติโยมหรือผู้ศรัทธาถวายก็จะนำเข้าบัญชีส่วนกลางสำหรับก่อสร้างเจดีย์ทั้งหมด
    #อาพาธ-มรณภาพ
    ด้วยความที่หลวงพ่อท่านอายุมากแล้ว และปฏิบัติงานมาตลอดจึงเริ่มมีอาการอาพาธเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอ่างทอง ตั้งแต่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๒ กลับมาได้อีก ๒ เดือนก็มีอาการอาพาธอีก จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช พอค่อยยังชั่วกลับมาอยู่ได้อีก ๓ เดือนก็อาพาธอีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเข้าโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๓ พอถึงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๓ หลวงพ่อ ก็มรณภาพด้วยอาการสงบ ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ยังความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ญาติโยมและประชาชนผู้เคารพนับถือท่านอย่างยิ่งสิริอายุ ๘๑ ปี ๔ เดือน ๑๓ วัน พรรษา ๕๙
    "#ที่มาของการสร้างเจดีย์"
    พระบรมสารีริกธาตุวัดท่าอิฐคือ“ส่วนพระศอ” พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระศอนี้ก็คือบริเวณไหปลาร้าของพระพุทธองค์ ที่มีกล่าวยืนยันไว้ในพระไตรปิฎกหรือตำราเรียนทางพระพุทธศาสนา ว่าส่วนนี้มีเหลืออยู่จริง หลังจากถวายพระเพลิงสรีระพระบรมศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เมื่อสองพันกว่าปีก่อน “พระเดชพระคุณพระครูสุคนธศีลคุณ (หลวงพ่อหอม) “คราวจาริกไปที่ประเทศอินเดีย เนปาล และศรีลังกา เพื่อสักการะดินแดนพุทธภูมิอันมีสังเวชนียสถานทั้งสี่นั้น ท่านได้พบชาวจีนจากเมืองซัวเถามาค้าขายอยู่ที่ประเทศศรีลังกา มีศรัทธาต่อ “หลวงพ่อหอม” เป็นอย่างมาก ตัดสินใจถวาย “พระบรมสารีริกธาตุ”ส่วนนี้ให้กับหลวงพ่อ ซึ่งถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีจากรุ่นสู่รุ่นนับเป็นพันปี หลวงพ่อจึงนำกลับมาประเทศไทย และสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” พระองค์จึงทรงพระราชทานนามพระเจดีย์นี้ว่า “พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง” ฯลฯ
    หมายเหตุ ชื่อเดิมของพระเจดีย์คือ “พระเจดีย์แก้วนพเก้า” ตามที่ “หลวงพ่อหอม” ท่านเรียกขานเพื่อสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงเมื่อครั้งทรงผ่าตัด เมื่อปี ๒๕๓๘ และเพื่อสร้างทดแทนเจดีย์โบราณที่ปรักหักพังไป
    หลวงพ่อหอมท่านเป็นศิษย์ก้นกุฎิของ “พระครูวิหารกิจจานุการ” (หลวงพ่อปาน โสนนฺโท) แห่งวัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อหอมยังเป็นศิษย์ผู้น้องของ “พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อหอมเป็นชาวอำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณ (ซึ่งถือเป็นคนบ้านเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง) หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปอยู่ “วัดท่าซุง” หลวงพ่อหอม ไปอยู่ “วัดท่าอิฐ”
    ปัจจุบันสรีระของ “หลวงพ่อหอม ปญฺญาพโล” ยังบรรจุอยู่ในโลงแก้วมุก ๑๙ ปี อายุ ๘๑ พรรษา ๕๙ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าอิฐ ๔๗ ปี
    #ครบชาตกาล ๑๐๐ ปี เมื่อ ๑๔ มีนาคม'๖๒,ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๔,วันเกิดท่านใช้เดือนไทยเป็นเกณฑ์ นับแบบสากลใช้ ๒๗ มีนาคม ฯลฯ
    บโพธิ์,ล๊อคเก็ตหลังเว้า,ภาพขาวดำ ปี'๑๔ เป็นต้น
    #ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    พระปลัดจีร์(Dr.G) ผู้รวบรวมข้อมูล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เพจวัดท่าอิฐ
    พระงบน้ำอ้อย๒หน้าเนื้อตะกั่ว
    ราคา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240824_042220.jpg IMG_20240824_042150.jpg IMG_20240824_042131.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2024 at 10:07
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    1724478194347.jpg
    เหรียญ พระศีลขันธ์โสภณ(สนิท ทองสีนวล) วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง ปี 2517 รุ่นแรก
    เหรียญอยู่เย็น เป็นสุข พระศีลขันธโสภณ(สนิท) วัดศีลขันธ์ อ่างทอง ที่ระลึก 5 รอบ 27 มิ.ย. 2517
    ท่านเจ้าคุณสนิทเป็นศิษย์รุ่นน้องของท่านเจ้านรฯ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชและศึกษาอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอดจนไปประจำอยู่ที่วัดศีลขันธ์ อ่างทอง
    พระเทพสังวรญาณ (ท่านเจ้าคุณสนิท) วัดศีลขันธาราม เป็นศิษย์ในท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เจริญ แห่งวัดเทพศิรินทราวาส ที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านเจ้าคุณนรฯ
    พระเทพสังวรญาณ ฉายา ถิรสินิทโธ อายุ ๗๘ พรรษา ๕๕ นักธรรมชั้นเอก เจ้าอาวาสวัดศีลขันธาราม และเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง(ธรรมยุต) ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เดิมชื่อสนิท นามสกุล ทองสีนวล เกิดวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗ บิดาชื่อนายเย็น ทองสีนวล มารดาชื่อนางเจียม ทองสีนวล ตำบลหนองตีนนก อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา บรรพชา เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๙ ณ วัดอุทกเขปสีมาราม ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พระอุปัชฌาย์คือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) เจ้าอาวาสวัด เทพศิรินทราวาส อำเภอป้อมปราบฯ กรุงเทพมหานคร(สมเด็จเมืองชล) ท่านเจ้าคุณสนิท ท่านมีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกันกับท่านเจ้าคุณนรฯ ถือได้ว่าเจ้าคุณสนิทท่านเป็นศิษย์ผู้น้องร่วมสํานักกับท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านทั้งสองถือเป็นศิษย์เอกท่านเจ้าคุณเจริญที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมมาโดยตรง พระผงที่ทันท่านปลุกอธิษฐานจิตจึงไม่ธรรมดา ของดีวิเศษราคาเบา
    พระเทพสังวรญาณ ได้ถึงมรณภาพ ที่โรงพยาบาลศิริราช ห้องไอ.ซี.ยู. เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๐๐.๔๕ น. ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมอายุได้ ๗๘ ปี ๓ เดือนพรรษา ๕๕

    1323758-25b26.jpg 1323758-3bca8.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ราคา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240824_123049.jpg IMG_20240824_123132.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    วันนี้จัดส่ง
    1724495599172.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,557
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724495791071.jpg FB_IMG_1724495852499.jpg FB_IMG_1724495856940.jpg
    เหรียญหลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ปี ๒๕๒๐
    ตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืน ที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน บ้างต้องจอดรถยนต์เดินกันเป็นระยะทาง ๒-๓ กิโลเมตร ในระหว่างงานมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น คือ หาใช่เพียงแต่ผู้คนไม่ที่มานมัสการสรีระของหลวงปู่ แม้แต่เต่าที่ท่านได้เคยเลี้ยงและได้ปล่อยไปแล้ว ยังกลับมาที่วัดเสมือนว่ามันจะทราบว่าหลวงปู่ได้ละสังขารแล้วในวันที่เต่าปรากฏนั้นเกิดพายุหมุน เล่นเอาสังกะสีหลังคาโรงที่สร้างเอาไว้สำหรับรองรับคนที่มาฟังเทศน์ ฟังการสวดพระอภิธรรม กระจัดกระจาย สังกะสีปลิวว่อนแต่ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด เต่าตัวนี้มีขนาดประมาณ ๑๕-๒๐ นิ้วเห็นจะได้ เมื่อมาถึงที่ศาลามีคนอุ้มเอาขึ้นไปวางไว้ตรงหน้าหีบศพของหลวงปู่ เมื่อวางเสร็จเต่าตัวนี้ก็ทำหัวผงกๆ จากนั้นก็นิ่ง มีคนเห็นเต่าน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองชุมพร คนก็เลยมาดูเต่ากันมากขึ้น สิ่งที่น่าประหลาด คือ เมื่อนำเต่าออกมาถ่ายรูปหรือจะนำออกมาวางในลักษณะใดก็ตาม พอวางเสร็จซักครู่เต่าก็จะหันหัวกลับไปที่หีบศพทุกครั้ง แล้วกลับไปนอนนิ่งใต้หีบศพของหลวงปู่
    ความแปลกยังมีอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ จากจำนวนเต่า ๑ ตัวแรก กลายเป็น ๙ ตัว เพราะมีเต่าเพิ่มมาอีก บางตัวมาปรากฏอยู่หน้าลานวัด บางตัวชาวบ้านจับเอามาส่งที่วัด เพราะเขาเล่าว่าตอนขณะที่พวกเขาจะเดินทางมานมัสการหลวงปู่ เต่าได้ออกมาขวางหน้ารถ คล้ายกับว่าจะให้พามันมานมัสการหลวงปู่ด้วยนั่นเอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะเหตุว่าเมื่อตอนหลวงปู่ยังอยู่นั้นหากชาวบ้านพบเต่าคลานอยู่หรือว่าจับได้ ก็จะนำมาถวายหลวงปู่ที่วัด ท่านก็จะเอาสีเขียนทาลงไป เขียนชื่อท่านบ้าง เขียนชื่อวัดบ้าง บางตัวก็จะมีอักขระขอม เป็นที่รู้กันว่านี่คือเต่าของหลวงปู่ เป็นเต่าพันธุ์เต่าหก มีลักษณะ ๖ ขา เป็นเต่าพันธุ์เฉพาะถิ่นในแถบเมืองชุมพรนี้ บางตัวหากจะยกต้องใช้ผู้ชายกำลังดีๆ ถึง ๔คนจึงจะยก

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ


    เหรียญหลวงปู่สงฆ์หลังปู่เจ้าฟ้าปี ๒๕๒๐
    บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240824_173818.jpg IMG_20240824_173844.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...