เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 มิถุนายน 2025 at 09:09.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,014
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,764
    ค่าพลัง:
    +26,628
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,014
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,764
    ค่าพลัง:
    +26,628
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๗ อีก ๑๐ วันจะเป็นวันเกิดของกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าเกิดวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ประมาณ ๓ - ๔ ปี จะมีวันเกิดครั้งหนึ่ง เพราะว่า ๓ - ๔ ปี ถึงจะมีวันวิสาขบูชาที่ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗

    คราวนี้การจัดงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชรของเราปีนี้ มาอยู่ในช่วงมรสุมเข้าพอดี ฝนตกต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนมาเป็นอาทิตย์แล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องขอบารมีพระและเจ้าที่ ช่วยสงเคราะห์
    ไม่ให้ฝนตกในช่วงเป่ายันต์เกราะเพชรด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าฝนตก ญาติโยมไม่ยอมออกจากศาลา กิจกรรมต่าง ๆ ก็จะไปต่อได้ยาก แล้วก็เป็นไปตามที่ขอ คือฝนไม่ตกในช่วงนั้น

    แต่ญาติโยมที่เดินทางกลับ ถ่ายรูป
    มาให้ดูและแจ้งว่าทางด่วนพิเศษสาย เอ็ม ๘๑ กลายเป็นทะเล..! ฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทาง รถส่วนใหญ่ต้องจอดชิดข้างทาง ไม่สามารถที่จะขับต่อได้ ซึ่งถ้าเป็นคนเก่า ๆ ที่อยู่มานานก็จะรู้ เขามักจะเตือนกันว่า "ถ้างานวัดท่าขนุนตรงกับหน้าฝน หลังงานให้รีบหนีให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเจอฝนแน่นอน..!" ความจริงแล้วการอนุเคราะห์สงเคราะห์ของพระ หรือครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่ได้ให้เปล่า ๆ เพราะว่าต้องไปฝืนธรรมชาติ ก็แปลว่าเราน่าจะต้องบิณฑบาตแบบเปียก ๆ กันไปอีกหลายวัน..!

    การเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งนี้ บุคคลที่โดนไสยศาสตร์มามีน้อย เราจะเห็นว่าบางปีพวกโดนไสยศาสตร์ร้องแข่งกันเหมือนวงดนตรีออเครสตร้า..! แต่งานนี้แทบจะกลายเป็น "โซโล่" แสดงเดี่ยว ก็เพราะว่าส่วนใหญ่ที่คิดว่าตนเองโดนไสยศาสตร์นั้น เกิดจากวัยทอง ฮอร์โมนพร่อง เมื่อเกิดอาการแปลก ๆ กับตนเองแล้วไม่ยอมไปหาหมอ กลับมานั่งคิดเองเออเองว่าโดยคุณไสย แต่พอมาเข้าพิธีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..!?

    ถ้ายอมไปหาหมอรับฮอร์โมน รับวิตามินมากิน ก็หายดีไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะรับความจริงไม่ได้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าอยากโดนคุณไสยเพื่อความเท่หรืออย่างไร ? ถึงได้ไม่ยอมไปหาหมอ ไปปักใจว่าตนเองโดนคุณไสย

    แบบเดียวกับครอบครัวหนึ่งซึ่งพาลูกสาววัยรุ่นมาหา บอกกับกระผม/อาตมภาพว่าลูกสาวโดนผู้ชายทำคุณไสยจนหนีไปอยู่กับเขา กระผม/อาตมภาพดูแล้วไม่เห็นมีอะไร จึงได้บอกว่า "ไม่ใช่คุณไสย แต่เป็นผีกิเลสชักนำ" แต่พ่อแม่เขาก็ยืนยันว่าให้รดน้ำมนต์ให้ลูกหน่อย กระผม/อาตมภาพจึงบอกกับเด็กไปว่า "ขอโทษด้วยอีหนู ที่ต้องทำให้เปียก แต่พ่อแม่แกไม่เชื่อ คิดว่าแกโดนคุณไสย หลวงพ่อจะรดน้ำมนต์ให้ กลับบ้านแล้วก็หนีไปอยู่กับผู้ชายตามเดิมก็แล้วกัน..!"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,014
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,764
    ค่าพลัง:
    +26,628
    เนื่องเพราะว่าหลายบ้าน สถานการณ์ในบ้านตัวเองเครียด ผู้ใหญ่มักจะบีบคั้นเด็ก โดยที่ลืมไปว่าตัวเองก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน เมื่อเด็กอยู่บ้านแล้วเครียด ไม่สบายใจ มีคนแสดงความเห็นอกเห็นใจก็รู้สึกว่าดีกว่าอยู่บ้าน จึงหนีออกจากบ้านไปอยู่กับเขา พ่อแม่ที่คิดว่าลูกเป็นเด็กดีมาตลอด อยู่ ๆ หนีไปอยู่กับเพศตรงข้าม ก็เหมาเอาไว้ก่อนว่าโดนทำคุณไสย..!

    อยากจะบอกว่าคนที่โดนคุณไสยนั้น ถ้าไม่ใช่ซวยจริง ๆ ก็เป็นคนที่โชคดีมาก เนื่องเพราะว่าโอกาสที่จะโดนนั้นยาก คนทำต้องจ้างเขาถึงจะทำให้ โอกาสที่จะโดนแบบลมเพลมพัด ถ้ารู้จักรักษาตัวเองก็โดนได้ยาก แต่ว่าพวกเรามักจะไปคิดว่าโดนง่าย ๆ ก็เลยทำให้บรรดาหมอต่าง ๆ ที่มีอาชีพด้านนี้ ทำมาหากินกันเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะวิธีแก้ไข มีแต่แพง ๆ ทั้งนั้น จะส่งมาให้กระผม/อาตมภาพรักษาก็ไม่ได้ เพราะว่าถ้าไม่ใช่งานเป่ายันต์เกราะเพชร กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ?

    อีกเรื่องหนึ่งที่ขอกล่าวถึงก็คือทางวัดสันโป่ง เมดิเตชั่น เซ็นเตอร์ ฮกซุน ประเทศนอร์เวย์ ขออนุญาตให้ญาติโยมรับยันต์เกราะเพชรจากประเทศนอร์เวย์ที่นั่น ซึ่งเวลาต่างจากบ้านเราถึง ๕ ชั่วโมง แล้วญาติโยมก็ยังอุตส่าห์ถ่างตาร่วมงานบวงสรวงไหว้ครู ซึ่งเริ่มตอน ๗ โมงครึ่งเมืองไทย ก็แปลว่าตี ๒ ครึ่งของนอร์เวย์ แล้วอากาศที่นั่นก็ยังหนาวมากอยู่ ด้วย..!

    จากนั้นก็ยังร่วมพิธีรับยันต์เกราะเพชรทั้ง ๒ รอบ ด้วยความศรัทธาและเต็มอกเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอาการบ่งบอกว่ารับยันต์ได้ตามที่กระผม/อาตมภาพบอกไป
    เรื่องนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าการรับยันต์เกราะเพชร ไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของโลกก็สามารถรับได้ เพราะว่าถึงเวลา บารมีพระที่ท่านสงเคราะห์ลงมา สามารถครอบคลุมได้ทั้งโลกในพริบตาเดียว

    เพียงแต่ว่าพระภิกษุของเราต้องเหนื่อยมาก โดยเฉพาะบรรดาผู้รับผิดชอบฝ่ายต่าง ๆ หนักที่สุดก็เรื่องของการจราจร เรื่องความสะอาด และเรื่องห้องน้ำห้องส้วม มีข้อผิดพลาด ข้องขัดหรือไม่คล่องตัวอย่างไร ให้กำหนดจดจำไว้ ถึงเวลาก่อนงานครั้งหน้า เมื่อมีการประชุมแบ่งงานกัน จะได้นำเสนอเพื่อการแก้ไขในที่ประชุม เรื่องพวกนี้จะขึ้นกับประสบการณ์ของเราเอง ยิ่งทำงานมากก็ยิ่งมีความคล่องตัวมาก

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพแนะนำท่านบิ๊ก (พระศตวรรธน์ กุสโล) ไปว่า ถ้าเป็นโรงทานที่มีผัด มีทอด มีกลิ่นอาหารแรง พยายามให้ไปอยู่ทางหน้าโรงหลอมเทียน หรือว่าทางด้านสะพานข้ามห้วยไปเลย เพื่อที่เราจะได้เปิดหน้าต่างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย รับลมด้านนอกได้ ไม่เช่นนั้นถ้าต้องปิดหน้าต่าง การระบายอากาศไม่ดี คนข้างในก็จะร้อน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,014
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,764
    ค่าพลัง:
    +26,628
    การทำงานแต่ละครั้งอะไรที่ดีให้จดจำไว้ อะไรที่ไม่ดีก็เตรียมแก้ไข โดยเฉพาะอารมณ์ใจของเราเอง เวลาหิว เวลาเหนื่อย เวลาง่วง เราสามารถควบคุมรักษากำลังใจของตนเองได้หรือไม่ บุคคลถ้าหากว่าเจริญกรรมฐานจนกำลังใจเหนือร่างกาย สามารถที่จะสั่งร่างกายให้ทำงานทุกอย่างได้ แม้ว่าร่างกายจะไม่ไหวก็ตาม

    ท่านทั้งหลายต้องดูพระอาจารย์มหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ถอดน้ำเกลือได้ก็มาร่วมงาน จะเดินเข้ามาช่วยงานแต่ละที แทบจะต้องอุ้มกันเข้ามา นั่นคือลักษณะการใช้กำลังใจควบคุมร่างกาย ซึ่งกระผม/อาตมภาพกับท่านอาจารย์มหาเอถือคติเดียวกัน ก็คือ
    "ในเมื่อร่างกายไม่ใช่ของกู กูก็ต้องใช้มึง ไม่ใช่ให้มึงมาบังคับกู" เรื่องพวกนี้ ถ้ากำลังใจยังไม่ถึง อย่าเพิ่งเลียนแบบ เพราะว่าถ้ากำลังใจไม่ถึง เราควบคุมร่างกายไม่ได้

    มีญาติโยมบางท่านที่รู้จักกับกระผม/อาตมภาพมาประมาณ ๔๐ ปีแล้ว ด้วยความที่อายุใกล้เคียงกัน กำลังใจในการทำงานคล้ายกัน แต่กำลังสมาธิไม่เท่ากัน เมื่อถึงเวลาเห็นกระผม/อาตมภาพป่วย แล้วลากสังขารไปโน่นไปนี่ทำงานต่าง ๆ ได้เหมือนคนปกติ ก็เลียนแบบและทำตาม

    พอตักเตือนไปก็ใช้คำพูดประมาณว่า "หลวงพี่ยังทำได้เลย" แต่ไม่ได้ดูว่ากำลังใจของตัวเองมีแค่ไหน ท้ายสุดก็ไปล้มฟาดพื้นให้เขาหามไปโรงพยาบาลเสียหลายรอบ..! ไม่รู้ว่าเข็ดหรือยัง ? ถ้ายังไม่เข็ด ก็ยังคงจะโดนหามไปอีก แต่ถ้าอยู่ในลักษณะนี้อีก ไม่นานก็จะโดนหามเข้าเมรุแทน..!

    รู้ว่าไม่ไหวก็อย่าฝืน แต่ถ้าหากว่าฝืนได้ครั้งหนึ่งก็เท่ากับเรามีความก้าวหน้าขึ้นไปส่วนหนึ่ง คล้าย ๆ กับการขึ้นที่สูง สมมติว่าเราเดินขึ้นบันไดได้ครั้งละ ๑๐๐ ขั้น ถ้าฝืนเดินได้อีก ๓ - ๔ ขั้น ต่อไปกำลังใจก็จะบอกว่าต้องได้เท่านั้น เราก็จะมีพัฒนาการไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่จะทำประเภทนี้ต้องไม่กลัวตาย ถ้ายังกลัวตายอยู่ไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะถ้าไม่ไหวเมื่อไร ร่างกายก็จะตายเอาจริง ๆ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...