เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 เมษายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • picture084.png
      picture084.png
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      133
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2021
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นการอบรมมัคคุเทศก์น้อยอาทิตย์ที่สอง คราวนี้จุดที่เห็นชัดเจนที่สุด ซึ่งบรรดาวิทยากรต้องไปแก้ไข ก็คือเด็ก ๆ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบโต้ ต้องกระตุ้นให้เด็กพูดให้มากกว่านั้น ต่อให้เป็นการพูดโดยใช้ประโยคที่อยู่ในคู่มือก็ถือว่าใช้ได้ เพราะฉะนั้น...ตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป ส่วนที่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรให้เด็กได้ตอบโต้ด้วยภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อาจจะให้จับคู่ออกไปพูดกันตามคู่มือทีละคู่ก็ได้ มีรางวัลอะไรให้ก็ตามแต่เหตุการณ์เฉพาะหน้าตรงนั้น

    เรื่องของภาษาอังกฤษ ถ้าขาดความกล้าในการพูดอย่างเดียว จะไปไม่รอด อย่างอื่นแก้ไขได้หมด ความกล้าแก้ไขไม่ได้ ต้องคิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น

    ตอนผมขึ้นชั้นประถมปีที่ ๕ เป็นการเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ จากชั้นประถมปีที่ ๑ ถึงปีที่ ๔ เป็นการเรียนแบบอนุรักษ์มาก ก็คือท่องจำหนังสืออย่างเดียวเลย ยกเว้นการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ แต่พอไปเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ สถานที่ใหม่ ครูบาอาจารย์ใหม่ วิธีการสอนใหม่ ๆ เข้าไปก็เจอเลย ครูให้นักเรียนสมมติตนว่าเป็นครูใหญ่ และวันนี้เปิดเทอมเป็นวันแรก ครูใหญ่ต้องไปให้โอวาทหน้าเสาธง อยากจะพูดอะไรกับเด็กก็ว่าไปเลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    คุณต้องเข้าใจนะครับว่า เด็กเพิ่งจะอายุ ๑๑ ปีเต็ม ขึ้น ๑๒ ปี และต้องไปทำตัวเป็นครูใหญ่จะเป็นอย่างไร ? ครูท่านให้เคล็ดลับว่า ให้นึกว่าเพื่อนของเธอตายหมดแล้ว เธอยืนพูดอยู่คนเดียว..ผมทำไม่ได้ครับ ก็เพื่อนนั่งจ้องกูตาแป๋วทุกคน จะไปตายได้อย่างไร ? แต่ก็ต้องพูด ในเมื่อต้องพูดและวิธีของครูใช้ไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีของตัวเอง วิธีของผมก็คือว่า "กูเก่งกว่าเพื่อนทุกคน กูถึงได้มายืนพูดหน้าห้อง เพื่อนมีหน้าที่นั่งฟังอย่างเดียว ในเมื่อกูเก่งกว่า ทำไมกูต้องกลัวเพื่อนด้วย" แล้วก็เลยพูดได้

    ฉะนั้น...ต้องบอกว่าคุณครูในสมัยนั้นมีความสามารถมาก ทำให้เด็ก ๆ กล้าแสดงออก คุณอย่าลืมนะครับว่าชั้นประถมปีที่ ๕ นี่ยังไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย สมัยโน้นผมจำได้ว่าเรียนอยู่ประถมปีที่ ๗ ผมยังแก้ผ้ากระโดดน้ำอยู่เลย สมัยโน้นเข้าเรียนตอน ๘ ขวบ คุณบวก ๗ เข้าไป เป็นอายุเท่าไร ? ไอ้ที่เราบอกว่าเป็นหนุ่มเป็นสาวสมัยนี้ สมัยโน้นยังไม่ประสีประสาอะไรเลยครับ เพราะว่ายุคนั้นไม่มีอะไรให้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงมือถือ อินเตอร์เน็ตอะไรหรอก แม้กระทั่งภาพยนตร์ทื่ถือว่าเป็นความบันเทิงชนิดเดียวที่ร้อยวันพันปีจะมีสักทีหนึ่ง ก็นาน ๆ จะโผล่มาที เป็นหนังขายยาครับ ประกาศขายยาจนเราลืมไปแล้วว่าเนื้อเรื่องไปถึงตอนไหน ขายยาจนพอใจแล้วค่อยมาฉายต่อ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    อีกอย่างหนึ่งก็คือลิเก อย่างนี้มีบ่อยหน่อย แต่ก็เฉพาะเวลางานประจำปีของวัด หรือไม่ก็งานบ้านคนรวย เขาจัดงานฉลองอะไรสักอย่างหนึ่ง อย่างเช่นว่ารุ่นพี่จบ ม.๘ สมัยนั้น ซึ่งเท่ากับ ม.๖ สมัยนี้ หรือถ้าหากว่ารุ่นผมก็เทียบเท่า ม.ศ. ๕ สมัยนั้น ถ้าหากว่าจบ ม.๘ นี่แทบจะปิดอำเภอฉลองกันเลยครับ ถือว่าลูกประสบความสำเร็จ เรียนมาสูงมาก

    พวกคุณไปหาทาง ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กได้พูดให้มากที่สุด จริง ๆ แล้วหลักของภาษาอังกฤษ มีอยู่แค่ ๔ อย่าง
    เขียน อ่าน ฟัง พูด สำคัญตรงฟังกับพูด ไปยุโรปมาด้วยกัน เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอกของผมนั้นชัดที่สุด ถึงเวลาก็ตะโกนเรียกหาแต่ผม ผมก็ว่าอะไรวะ ตอนเรียนอยู่ก็เห็นรู้เรื่องดีนี่หว่า ? ทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่าฟังไม่ทัน ในเมื่อฟังไม่ทัน ก็ตอบไม่ได้ ผมบอกว่าภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องฟังทัน คุณฟังได้สัก ๕๐ - ๖๐ เปอร์เซ็นต์ก็พอ ที่เหลือให้เดาเอา เขาก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี

    หน้าที่ของคณะกรรมการ ครูบาอาจารย์ วิทยากรทุกคน เหลือการอบรมอีก ๒ อาทิตย์ แค่ ๔ วัน ต้องทำให้เด็กพูดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้เขาเคยชินไว้ ไม่จำเป็นต้องชัด แต่ต้องให้ถูก ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจไวยากรณ์ แต่ให้สื่อสารได้ หลักการมีแค่นี้ครับ ไม่ต้องไปพูดชัดเป๊ะ ๆ ตามสำเนียงภาษาอังกฤษ แล้วก็ไม่ต้องไปตามไวยากรณ์ แต่ให้เขาสื่อสารได้ก็พอ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากพูดวันนี้ก็คือ เห็นตอนบิณฑบาตเมื่อเช้าไหมครับ ? ใครที่ไปสายตลาดกับผม กล้วยน้ำว้ามาอีก ๗ หวี...! ผมคาดว่าเราจะได้วันละ ๗ หวีไปอีกอย่างน้อย ๕ วัน เพราะว่านี่เป็นวันที่ ๒ แล้ว นั่นคือคำแนะนำของหมอดูครับ แล้วบางทีหมอดูก็เป็นพระอีกด้วย..!

    พวกประเภทชีวิตลำบาก อยากจะให้สะดวกสบาย แล้วเอากล้วยไปถวายพระ ผมว่าเหลวไหลมากครับ..! เห็นถึงความล้มเหลวของพวกเราอย่างชัดเจนที่สุด ถามว่าทำไมเป็นความล้มเหลวของพวกเรา ? เรามีหน้าที่บอกในสิ่งที่ถูกต้องซึ่งพระพุทธเจ้าสอนมา ให้โยมได้รู้และเข้าใจ จะได้มีหลักธรรมในการดำเนินชีวิต ไม่ใช่มีหมอดูเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ดังนั้น...ถ้าหากว่าญาติโยมหลงไปผิดทางแบบนี้ ต้องถือว่าเป็นความผิดของพวกเราทุกคน ทำอย่างไรจะให้เขาเข้าใจได้ถูกต้อง และทำได้ถูกต้อง ?

    ทุกวันนี้ต้องบอกว่าผมอยากจะท้อใจ แต่ท้อไม่ได้ครับ อยากจะท้อใจตรงที่ว่าญาติโยมแต่ละคนมักง่ายมาก ชีวิตไม่ดีก็เปลี่ยนชื่อ ทำการทำงานมีปัญหาติดขัด ก็เอากล้วยไปถวายพระ เกี่ยวกันไหมนั่น ?

    ผมบอกแล้ว ถ้าหากว่าสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เกิดจากความคิด คำพูด และการกระทำของเราเอง เพราะฉะนั้น...เราต้องเปลี่ยนความประพฤติ ถึงจะช่วยได้ครับ แต่ถ้าเปลี่ยนแค่ชื่อ ช่วยไม่ได้แน่นอน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    ถ้าหากว่าทำในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา ช่วยได้ แต่ทานไม่ควรที่จะเป็นกล้วย แล้วก็ไม่ควรจะเป็นบะหมี่สำเร็จรูป (ไวไวควิก) ไอ้พวกเหลวไหลนี่เยอะมากครับ ทำให้สัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในพระศาสนาของเราเยอะมาก เพราะว่าบางทีคนแนะนำก็คือพวกเรานี่แหละครับ เป็นพระด้วยกันที่ไปยึดอาชีพหมอดู

    ทำอย่างไรที่เราจะให้เขาเข้าใจว่า ถ้าคุณปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญาอย่างจริงจัง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะทำให้การดำเนินชีวิตของเราง่ายขึ้น ต่อให้เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ก็ต้องทำให้เป็นพุทธศาสตร์ให้ได้ อย่างเช่นการท่องบ่นภาวนาคาถา ทำอย่างไรที่จะให้เขาท่องบ่นภาวนาโดยยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง

    อย่างพระคาถาเงินล้าน ถ้าคุณภาวนาต่อเนื่องสัก ๑๐๘ จบต่อวัน ๒ เดือนขึ้นไป ผมมั่นใจครับ ไม่ว่าหน้าที่การงานอะไรต้องคล่องตัว ต้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าวางกำลังใจได้ถูกต้อง ไม่ภาวนาเพราะอยากรวย ผลก็ยิ่งเกิดขึ้นมาก แต่คนเรามักง่ายเป็นปกติครับ เรื่องยากไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่ไอ้เรื่องมักง่าย ทำไปแล้วก็ไม่เกิดผลอะไร นอกจากสบายใจที่ได้ทำ

    แต่เรื่องยาก ถ้าหากว่าเราทำสำเร็จ ผลจะงอกเงยและยั่งยืนมาก แต่เขาไม่นิยมทำกันครับ ผมถึงได้บอกว่าพวกเราจะอยู่กันยากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าคนประเภทนี้จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    อย่าลืมว่านี่แค่กึ่งกลางพระศาสนาเท่านั้น เลยครึ่งมาแค่ ๖๔ ปี คนเราห่างไกลหลักธรรมถึงขนาดนี้แล้วครับ ผมเคยพูดกับเพื่อนพระว่า ผมจะดูว่าไอ้ไข่จะไปได้สักกี่น้ำ เพราะว่าเทวดาระดับสูงขนาดท้าวจตุคามรามเทพยังไปได้แค่ ๒๐ ปี ท่านเริ่มดังปี ๒๕๓๐ มาตกปี ๒๕๕๐ ไอ้ไข่เป็นแค่มหิทธิกาเปรต จะไปได้สักกี่น้ำ ? ปรากฏว่าได้ประมาณ ๖ เดือน ถ้ารวมระยะเวลาที่คนไปหาแรก ๆ ด้วย ก็ไม่เกิน ๓ ปี

    ทำอย่างไรที่เวลาคนเขาลำบาก จะเข้าวัดสวดมนต์ไหว้พระ ?

    ทำอย่างไรที่เวลาคนเขาลำบาก จะมาถวายสังฆทาน ?

    ทำอย่างไรที่เวลาคนเขาลำบาก จะนั่งรักษาศีล เจริญภาวนา ?

    เป็นภาระที่ผมอยากฝากให้กับพวกเราทุกคน
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,972
    ญาติโยมที่ฟังคลิปนี้อยู่ ก็โปรดทราบด้วยว่า เรื่องยากแต่ทำแล้วผลจะยั่งยืน ให้ผลแก่เราตลอดระยะเวลา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

    แล้วถ้าหากว่ามั่นคงจริง ๆ ก็ส่งผลให้ไปจนถึงชาติสุดท้ายของเราด้วย แต่ถ้าหากว่าไปหวังเรื่องง่าย ก็ได้แค่ความสบายใจไม่กี่วัน เดี๋ยวสภาพครอบครัวและการดำเนินชีวิตก็จะบีบคั้นเรากลับไป ให้ไปหากล้วยหรือบะหมี่สำเร็จรูปใหม่ ซึ่งความจริงถ้าคนมีปัญญาก็จะพิจารณาเห็นว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ยั่งยืน แล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน

    แต่ว่าพวกเราก็มักจะไม่ค่อยเข้าใจ ด้วยความมั่นใจว่าพระสงฆ์แนะนำมา เพราะฉะนั้น..โปรดหูตาสว่างได้แล้ว แก้ไขความประพฤติ คือ กาย วาจา ใจ ของเรา จะได้ผลที่ยั่งยืนกว่า แก้ไขด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา จะมีผลที่ยั่งยืนกว่า ขอให้ทุกคนเลิกมักง่าย แล้วชีวิตเราจะลำบากแค่พักเดียว หลังจากนั้นก็จะมั่นคงและยั่งยืน ขอเจริญพร


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...