เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 เมษายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง กระผม/อาตมภาพก็นำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๖ ปฏิบัติธรรมช่วงเช้ามืด ต่อด้วยการทำวัตรเช้า หลังจากนั้นก็ให้พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนออกบิณฑบาต เนื่องจากว่าแผลผ่าตัดที่เท้าของกระผม/อาตมภาพนั้นยังไม่หายดี ไม่สามารถที่จะเดินบิณฑบาตได้ตามปกติ แม้ว่าวันนี้จะมีงาน "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ก็ตาม จึงต้องปล่อยให้พระภิกษุสามเณรท่านทำหน้าที่กันเหมือนกับว่าตนเองไม่ได้อยู่วัด

    หลังจากที่ฉันเช้าแล้ว น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้นำกระผม/อาตมภาพวิ่งตรงไปยังวัดห้วยสะพาน หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำพระสมเด็จคำข้าวพิมพ์ปรกโพธิ์เล็ก จำนวน ๒,๐๐๐ องค์ ไปส่งให้หลวงพ่อพระครูกิตติพัฒน์ (พระครูโสภณกาญจนพัฒน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยสะพาน เจ้าคณะตำบลตำบลหนองโรง ตามที่ท่านได้สั่งเอาไว้

    หลวงพ่อพระครูกิตติพัฒน์ท่านบ่นว่า "ญาติโยมขอบูชากันมากเหลือเกินทั้ง ๆ ที่พระยังมาไม่ถึงมือผมเลย ถ้าหากว่าหลวงพ่อเล็กไม่ไปประกาศบอก ผมก็จะได้เก็บเอาไว้เงียบ ๆ แต่ในเมื่อทุกคนรู้แล้ว ก็ดูท่าว่าจะเก็บต่อไปไม่ไหว"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายท่านไปว่า "ทางวัดไม่มีของเหลือแล้ว แม้ว่าจะขึ้นราคาไปหนึ่งเท่าตัว แต่ปรากฏว่าญาติโยมก็สู้ราคากันเหลือเกิน โดยเฉพาะในท้องตลาดนั้น ขึ้นราคาไปมากกว่าทางวัดเสียอีก" ท่านเองท่านก็บอกว่า "อยากจะเก็บเอาไว้รอภาวะสงครามเกิดก่อน แต่ดูท่าว่าจะเก็บไม่ไหว"

    อีกส่วนหนึ่งที่เห็นของวัดห้วยสะพานก็คือ วันนี้เป็นงานทำบุญอัฐิ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติโยมที่ล่วงลับไปแล้ว ปรากฏว่ามีคนมาทำบุญเป็นพันคนเหมือนกัน ต้องบอกว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพเคยรณรงค์ ก็คือ "ทำอย่างไรให้การจัดงานทำบุญนั้น ให้มีญาติโยมมากกว่าพระ" แล้วก็ได้รับการถกเถียงคัดค้านขึ้นมาจากบรรดาพระสังฆาธิการว่า ถ้าทุกคนมีบารมีเหมือนหลวงพ่อเล็กก็ทำได้ แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่าทุกคนสามารถที่จะทำได้

    เนื่องเพราะว่าถ้าพระภิกษุสามเณรของเรา เป็นพระภิกษุสามเณรตามแบบที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาสั่งสอนเอาไว้ ก็ไม่มีญาติโยมที่ไหนอยากจะเดินทางไปทำบุญไกลจากบ้านตัวเองหรอก ในเมื่อมาเห็นทางวัดห้วยสะพานจัดงานทำบุญแล้วมีโยมมาเป็นพันคน ทั้ง ๆ ที่มีพระภิกษุสามเณรไม่ถึง ๒๐ รูปดี ก็รู้สึกว่านี่เป็นอีกวัดหนึ่งที่ถือว่าเป็นวัดที่มีญาติโยมศรัทธาอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถเป็นที่พึ่งแก่ญาติโยมในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งต่อไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เพื่อที่จะร่วมในพิธีถวายภัตตาหารพระราชทานแก่ผู้เข้าสอบบาลีสนามหลวงรอบที่ ๒ ประจำปี ๒๕๖๖

    ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ว่าจะไปนั่งรวมกับบรรดานักเรียนบาลีที่เข้าสอบ แต่ปรากฏว่าท่านพระครูปลัดอ๋อ (พระครูปลัดสุวัฒนวิมลคุณ, ดร.) มานิมนต์กระผม/อาตมภาพไปนั่งยังที่นั่งพระเถระ โดยมีเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์ (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ.๙) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร หรือที่พวกเราเรียกกันตามคุ้นเคยว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ ท่านเป็นประธานในการรับภัตตาหารพระราชทานครั้งนี้ โดยมีกระผม/อาตมภาพเป็นผู้รับสัพพีฯ หลังจากที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ถวายพระพรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รับ ภะวะตุ สัพพะมังคะลังฯ เสร็จพิธีแล้วจึงไปฉันเพลกัน

    โดยที่พระเดชพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านมาช้าอยู่นิดหนึ่ง เพราะมีภารกิจข้างนอก แต่ก็ยังอุตส่าห์มาร่วมวงฉันด้วย ในวงนั้นนอกจากพวกเราที่รู้จักมักคุ้นกันแล้ว ก็ยังมีท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านพระครูศรีรัตนาภิวัฒน์ (ทวี รตนเมธี) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น ซึ่งทุกคนบ่นเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า ในเมื่อการสอบรอบสองไม่ใช่ธรรมเนียมประเพณีที่สืบเนื่องกันมาเป็นร้อย ๆ ปี แล้วทำไมทางแม่กองบาลีสนามหลวงจึงไม่เลื่อนเสียหน่อย ?

    แม้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะกำหนดเป็นวันขึ้นแรม แล้วบังเอิญมาตรงกับช่วงสงกรานต์ก็ตาม ทุกคนก็รู้ว่าวันสงกรานต์นั้นทุกวัดมีงานวุ่นวายขนาดไหน แต่นี่ต้องมาจัดสอบบาลีในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เมษายน ซึ่งหลายวัดแม้กระทั่งวันที่ ๑๗ เมษายนก็ยังมีงานทำบุญสงกรานต์กันอยู่เลย แค่ประกาศเลื่อนให้ไปสอบวันที่ ๑๘, ๑๙, ๒๐ นั้นยากนักหรือไร ์ ก็ได้แต่บ่นแล้วพูดคุยกันไป เพราะไม่ว่าอย่างไร ถึงเวลาก็อยู่ในลักษณะที่ว่า "ผีถึงป่าช้า" ก็คือไม่เผาก็ต้องฝังกันไปตามเพลง

    เมื่อฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณแย้ม เจ้าคณะภาค ๑๔ แล้วก็เดินทางมาพักที่วัดท่ามะขาม เมื่อถึงเวลาก็ได้ออกไปทำการบังสุกุลอัฐิหน้าป้ายบูรพาจารย์วัดท่ามะขาม ตามที่ท่านพระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามแห่งนี้นิมนต์ แล้วรับการถวายน้ำสรงช่วงสงกรานต์จากคณะสงฆ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เมื่อเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งต่อไปยังวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) หมู่ที่ ๔ บ้านวังสารภี ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจัดงานหล่อรูปพระอุปคุตเถระ เมื่อไปถึงปรากฏว่ามีญาติโยมจำนวนมากมารออยู่ ท่านพระครูวินัยธรถวิล ถาวรธัมโม เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) รองเจ้าคณะตำบลปากแพรก มุ่งแต่จะพากระผม/อาตมภาพไปพบกับญาติโยม ที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพหล่อรูปพระอุปคุตเถระในครั้งนี้ จนเกือบจะพาเดินเลยผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ดีที่กระผม/อาตมภาพได้ยินเสียงเรียกจากพระเดชพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

    เมื่อหันไปแล้ว นอกจากเห็นหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ก็ยังมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณประสงค์ - พระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายธรรมยุต

    และหลวงพ่อเจ้าคุณวัดญวน - พระสมณานัมธีราจารย์ วัดถาวรวราราม นั่งอยู่ด้วยกัน กระผม/อาตมภาพจึงกราบลงกับพื้นตรงนั้นเอง แล้วขอตัวไปพบกับญาติโยมที่รออยู่ ซึ่งแต่ละคนก็ไม่มีอะไรหรอก นอกจากตั้งใจว่ามารอทำบุญกับหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนเท่านั้น

    เมื่อได้เวลากระผม/อาตมภาพก็ขึ้นนั่งปรกอธิษฐานจิต ในการเสกรูปหล่อพระอุปคุตเถระ และคุมธาตุในการหล่อรูปพระอุปคุตเถระองค์ใหญ่ ปรากฏว่าเห็นพระอุปคุตท่านมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางมณฑลพิธีแล้ว น้อมจิตน้อมใจกราบลงแทบเท้าท่าน เพราะว่าท่านเคยให้การสงเคราะห์มาหลายต่อหลายครั้ง

    ถ้าหากว่าท่านใดที่ไม่รู้ว่าพระอุปคุตเถระนั้นมีรูปร่างลักษณะอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าท่านนึกถึงหลวงพ่อสูงก็แล้วกัน ก็คือมีรูปลักษณ์ผอมสูงมาก แต่ว่าถ้าหากว่าในสมัยนั้น ท่านเองก็คงมีรูปร่างปกติ นอกจากจะผอมไปหน่อยเท่านั้นเอง

    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำการพรมน้ำพระพุทธมนต์ ที่ญาติโยมทั้งหลายแย่งกันยื่นหัวมา จนกระทั่งทางเจ้าภาพต้องขอร้องว่า ให้ไปพรมรูปหล่อพระอุปคุตเถระ ทั้งรูปบูชาและรูปหล่อองค์ใหญ่เสียก่อน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    หลังจากนั้นก็ได้กราบลาทุกท่าน เดินทางเข้ามาพักที่วัดท่ามะขามอีกรอบหนึ่ง เพราะว่างานต่อไปก็คืองานทำบุญถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า ซึ่งมรณภาพครบรอบปีไปแล้ว

    ความจริงหลวงพ่อท่านมรณภาพในวันที่ ๙ เมษายน แต่ว่าถ้าหากทำบุญช่วงนั้นก็อาจจะไม่สะดวก ทางด้านพระครูกาญจนกิจโสภณ, ดร. เจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่ารูปใหม่ เจ้าคณะตำบลทุ่งลาดหญ้า จึงได้เลื่อนมาทำบุญในวันนี้ ซึ่งเป็นการทำบุญช่วงสงกรานต์ จะได้รวมสองงานเป็นงานเดียว ถือว่าเป็นการประหยัดไปในตัว

    แต่ว่าการกลับมาพักที่วัดท่ามะขามนั้น กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมบุคคลถึงเป็นลมแดด เนื่องเพราะว่าตนเองอยู่ในมณฑลพิธีหล่อพระที่ร้อนมาก เมื่อกลับถึงที่พัก ทำการเปลื้องจีวรและสังฆาฏิออกแล้ว จึงได้เห็นว่าตนเองนั้น อังสะเปียกโชกไปเกือบครึ่งตัว..! เพราะว่าอยู่ในมณฑลพิธีที่ร้อนมาก

    บางคนเคยบอกว่า "พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่มีเหงื่อ" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นพระระดับไหนก็มีสภาพขันธ์ ๕ เหมือน ๆ กัน ดันไปจับเอาพระพุทธวจนะที่ตรัสกับสัจจกพราหมณ์ ซึ่งมาโต้วาทีกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เมื่อถึงเวลาจนแต้มแล้วก็เหงื่อท่วมตัว แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปิดจีวรให้ดูว่าพระองค์ท่านไม่มีเหงื่อเลย ซึ่งความจริงเหงื่อตรงนั้นก็คือเหงื่อจากความตื่นเต้น ไม่ใช่เหงื่อจากความร้อนตามปกติ

    องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อไม่มีความตื่นเต้นกับใคร จึงไม่มีเหงื่อไหลออกมาเหมือนสัจจกพราหมณ์ที่เหงื่อท่วมตัวเพราะจนแต้ม ไม่สามารถที่จะตอบปัญหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

    กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำอยู่ว่า ตนเองก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ก็ดันมีผู้ที่มาฟันธงว่ากระผม/อาตมภาพเป็นพระสุปฏิปันโนแน่แล้ว ในเมื่อเป็นพระสุปฏิปันโน ทำไมถึงยังมีเหงื่ออยู่ ? จึงเป็นเรื่องที่ "หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้" เพราะว่าท่านทั้งหลาย "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด" เอาเรื่องโน้นไปปนกับเรื่องนี้ สับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งภายหลังก็จะทำให้สัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการเลือนลางผิดเพี้ยนไปมากต่อมากด้วยกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...