เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 พฤษภาคม 2025 at 20:23.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,709
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,737
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,709
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,737
    ค่าพลัง:
    +26,607
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พวกเราส่วนหนึ่งก็กำลังทำความสะอาดสถานที่ เพื่อรอรับงานเป่ายันต์เกราะเพชรช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งฉิวเฉียดกับการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่วัดดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี พูดง่าย ๆ ว่าประชุมวันที่ ๓๐ วันที่ ๓๑ ก็เป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชร..!

    ดังนั้น..เรื่องต่าง ๆ ต้องเตรียมการให้พร้อมไว้ กรรมการที่ตั้งเอาไว้แต่ละฝ่ายให้ทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่ โดยเฉพาะฝ่ายดูแลจัดการจราจร เพราะว่าผู้คนที่มาจำนวนมาก ๆ มักจะมีบุคคลที่ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของระเบียบ ของสถานที่อะไรอยู่เป็นปกติ หลายต่อหลายคนจะใช้วิธีหน้าด้าน จอดรถขวางคนอื่นเพื่อที่ตัวเองจะได้มาเข้าพิธี ประกาศเรียกเท่าไรก็ทำหูทวนลม ถ้าเจอบุคคลประเภทนี้ก็ให้รถตำรวจยกไปเลย ให้ไปจ่ายค่าปรับเสียให้เข็ด..!

    เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ กระผม/อาตมภาพก็ต้องมาไล่ตามงาน ด้วยความที่ว่าการเดินทางไปอินเดียงวดนี้คร่อมอยู่ระหว่าง ๒ เดือน โดยปกติแล้ว ช่วงปลายเดือนจะมีสารพัดบัญชีที่ต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็งานอื่น ๆ อีกมาก ถ้าหากว่ามีเร่งด่วนก็ต้องรีบทำให้เขาก่อน เมื่อกลับมาเลยเวลาปลายเดือนไปหลายวัน จึงต้องมาเร่งรัดงานต่าง ๆ เพื่อส่งให้ทันกับเวลา

    ถ้าถามว่ารู้อย่างนี้แล้วทำไมถึงไปปลายเดือนคร่อมต้นเดือน ? ก็เพราะว่าผู้ร่วมคณะส่วนหนึ่งรับราชการอยู่ ซึ่งมีระเบียบชัดเจนว่าแต่ละเดือนให้ลาได้ไม่เกินกี่วัน ดังนั้น..ถ้าหากว่าคร่อม ๒ เดือน เขาจะได้ใช้วันลาได้ทั้ง ๒ เดือน โดยที่ไม่ต้องลากิจลาป่วยอย่างอื่น

    ซึ่งก็คล้ายคลึงกับระเบียบของวัดท่าขนุนของเรา ซึ่งบางทีพระใหม่หรือว่านาคที่มาใหม่ก็ยังไม่ทราบว่า
    ถ้าท่านอยู่วัดครบ ๑ เดือน มีสิทธิ์ลาได้ ๗ วัน ถ้าหากว่าอยู่ครบ ๒ เดือนโดยไม่ได้ลา ก็มีสิทธิ์ลาได้ ๑๕ วัน วันไปก็นับ วันกลับก็คิด ยกเว้นพวกที่เรียนหนังสือที่ไม่อนุญาตให้ลา เนื่องเพราะว่าแทบจะไม่มีเวลาอยู่วัดทำงานอยู่แล้ว แถมยังใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเรียนอีก ต้องช่วยอยู่วัดทำงานให้คุ้มกับค่าเรียนบ้าง ยกเว้นเรื่องสำคัญพิเศษเร่งด่วน ให้มาขออนุญาตกระผม/อาตมภาพทีละอย่าง ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าเหลวไหลก็ไม่ต้องไป..!

    สถานที่ต่าง ๆ ถ้าหากว่ามีบุคคลจำนวนมาก ระเบียบจะต้องชัดเจน อย่างพวกเราที่มาลงสมุดลา เมื่อครู่นี้
    กระผม/อาตมภาพก็ได้เขียนถามไว้ว่า "ใครลา ?" และ "ใครอนุญาต ?" เนื่องเพราะบอกแค่ว่าวันนี้ไปไหนเท่านั้นเอง ลงสมุดต้องลงให้ชัดเจนว่าพระภิกษุ หรือสามเณร หรือญาติโยมท่านใด ฉายาหรือนามสกุลอะไร ? ไปทำธุระอะไร ? แล้วนำไปให้เวรที่รับสังฆทานอยู่เซ็นเสียก่อนถึงจะไปได้ ไม่ใช่ทิ้งเอาไว้เฉย ๆ ปล่อยให้เขามาหาเองว่าใครลา ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,709
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,737
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าท่านอยู่ ๆ หายไป เมื่อถามแล้วต้องมีคนรู้ว่าไปไหน เพราะว่าภิกษุเที่ยวไปโดยไม่บอกลา ถ้าไม่ได้อานิสงส์พรรษาก็ผิดศีลอยู่แล้ว อย่าเห็นว่าเป็นของเล็กน้อย เพราะว่าแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เป็นระเบียบของวัด ส่วนใหญ่ก็ช่วยไม่ให้เราละเมิดศีลของพระนั่นเอง แต่ก็มีบุคคลมักง่ายบางประเภท ที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สักแต่ว่าเขียน ๆ ไป ใครจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ช่าง กูไปแล้ว..!

    อย่าลืมว่าพวกเราถือว่าเป็นวัดสายปฏิบัติ ถ้าหากว่าทำไปแล้วหาความละเอียดของใจไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องของการลายังไม่ชัดเจน ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น เพราะว่ากำลังใจในการปฏิบัติธรรมต้องละเอียดกว่านั้น ระเบียบวินัยต่าง ๆ หรือว่าศีลพระ เป็นการตีกรอบป้องกันไม่ให้กิเลสกินเราได้ง่าย

    โดยเฉพาะการลา ถ้าบอกครูบาอาจารย์เอาไว้ ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายท่านมีความสามารถพิเศษ เราไปประสบเหตุฉุกเฉินที่ไหน บางทีท่านก็สามารถช่วยได้ ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านคุย ๆ อยู่กับญาติโยมที่ไปกราบเป็นปกติ อยู่ ๆ ก็หยุดชะงัก เอามือตบพื้นกระดานศาลาเสียงปังใหญ่ แล้วก็หันมาบอกกับญาติโยมว่า "พระที่ลาไปธุดงค์เจอกับควายป่า ถ้าหากว่าไม่ช่วยจะเป็นอันตราย"

    บรรดาญาติโยมก็สอบถามว่า "พระรูปไหนที่ออกธุดงค์แล้วมาลาท่าน ท่านก็บอกให้" พอถึงเวลาพระท่านกลับมาก็สอบถามว่า "วันนั้น เวลานั้น มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ?" พระท่านก็บอกว่า กำลังเดินธุดงค์อยู่ เผลอสติหน่อยเดียว เดินไปเผชิญหน้ากับควายป่าทั้งฝูง ซึ่งควายป่านั้นเป็นสัตว์ที่มุทะลุดุดันมาก ถ้าเจออะไรที่คิดว่าเป็นศัตรูจะวิ่งใส่และขวิดแหลกเอาไว้ก่อน..!

    แม้กระทั่งกาญจนบุรีของเรา ท่านอาจารย์เป้า ขอเอ่ยชื่อก็ได้ พระครูใบฎีกาอุเทน อุฏฺฐานโรจโน อดีตเจ้าอาวาสวัดไกรเกรียง โดนควายป่าขวิดมรณภาพ พระธุดงค์คณะนั้นท่านไม่ทราบเหมือนกันว่าจะหนีไปทางไหน เพราะว่าเผชิญหน้ากับควายทั้งฝูง ท่านบอกว่า
    "อยู่ ๆ ได้ยินเสียงปังใหญ่ เหมือนฟ้าผ่า แล้วควายก็ตกใจ เตลิดไปหมด..!"

    แม้แต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพออกนอกวัด ไปลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่าน เมื่อถึงเวลากลับมา ท่านจะถามทันทีว่า "ไปตรงนั้นมา ไปตรงนี้มา ใช่หรือไม่ ?" เพราะว่าส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพเองนั้น ถ้าหากว่าสงสัยอะไร ต้องไปพิสูจน์ทราบ ท่านบอกว่าตรงไหนเป็นภูเขาทอง ตรงไหนมีแร่ยูเรเนียม ก็ไปดูว่าจริงอย่างที่ท่านพูดไหม ? เมื่อกลับมาท่านสอบถาม ก็เรียนตอบท่านไปตามความเป็นจริง ท่านบอกว่า "แกไปแล้วยังดี เพราะว่ามีกล้องถ่ายรูป ถึงเวลาก็มีรูปถ่ายมาเป็นหลักฐาน สมัยข้าไม่มีของแบบนี้ ได้แต่จำแล้วก็มาเล่าให้คนอื่นฟัง คนที่เชื่อก็ดีไป คนที่ไม่เชื่อก็หาว่าข้าโกหก..!"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,709
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,737
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เพราะฉะนั้น..แม้แต่เรื่องการลาภายในวัดของเรา ก็อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะว่าเป็นการขัดเกลาและฝึกตนเองของพวกเรา ให้อยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบ ซึ่งเรื่องของระเบียบกฎเกณฑ์ก็คือศีลนั่นเอง ถ้าเราสามารถที่จะทำได้เป็นปกติ กำลังใจในการรักษาศีลของเราก็ไม่ต่างจากการรักษาระเบียบตรงนั้น

    อีกประการหนึ่งก็คือ ญาติโยมที่มาหาแล้วสอบถามหากระผม/อาตมภาพ ตอบเขาไปชัด ๆ เลยว่า "หลวงพ่อเล็กไม่รับแขก ท่านเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่" เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาจะไปงานคณะสงฆ์ก่อน อย่าได้คิดว่าไปกิจนิมนต์เป็นอันขาด เพราะว่าการไปกิจนิมนต์ ส่วนใหญ่ก็จะได้สตางค์ กระผม/อาตมภาพไปงานไหนก็จ่ายงานนั้น..!

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ ก็ไม่มีเวลาที่จะมาต้อนรับญาติโยม แล้วก็ได้ตั้งเวรสังฆทานเอาไว้ เพื่อให้ต้อนรับและรับการทำบุญจากญาติโยม แต่ก็ยังมีบุคคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่เข้าใจว่าสังฆทานและปาฏิปุคคลิกทาน นั้นต่างกันอย่างไร ? ก็ระบุจำเพาะเจาะจงว่า "จะมาหาหลวงพ่อเล็กเพื่อถวายสังฆทาน..!" ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นสังฆทานได้ เพราะเป็นการเจาะจงเฉพาะตัวบุคคลไปแล้ว

    ช่วยบอกให้เขาทราบด้วยว่า สังฆทานก็คือทานสำหรับส่วนรวม พระภิกษุสามเณรในสถานที่นั้น มีส่วนที่จะร่วมกินร่วมใช้ทั้งหมด ปาฏิปุคคลิกทานเป็นทานเจาะจงเฉพาะพระสงฆ์หรือสามเณรรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งอานิสงส์ต่างจากสังฆทานเป็นแสนเท่า..!

    เนื่องเพราะว่าถึงเวลาแล้วพวกเราก็มักจะถวายสังฆทานกับพระที่เรามั่นใจ อย่างเช่นว่าถ้าเป็นสมัยก่อนแถวนี้ ก็อยากถวายสังฆทานกับหลวงพ่ออุตตะมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม หรือว่าถ้าเป็นที่อื่น ก็อยากถวายสังฆทานกับหลวงพ่อคูณ (พระเทพวิทยาคม) วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

    ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ พระหนุ่มเณรน้อยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่กำลังใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวจริง ๆ พออดอยากลำบากเข้าก็อาจจะสึกหาลาเพศไปหมด พระศาสนาของเราก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ แต่ว่าสังฆทานนั้นมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เพราะว่าเป็นทานรักษาพระศาสนา ดังนั้น..ช่วยบอกให้ญาติโยมเขาตั้งกำลังใจเสียใหม่ว่า ตั้งใจถวายสังฆทานเพื่อหมู่สงฆ์ทั้งปวงที่อยู่ในอารามแห่งนี้ อย่าได้จำเพาะเจาะจงว่าจะถวายกับใคร เพราะว่าโอกาสพลาดมีสูงมาก..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,709
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,737
    ค่าพลัง:
    +26,607
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ เนื่องจากว่ากลับมาแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องทำบัญชีรับจ่ายของการทำบุญทางออนไลน์ด้วย ปรากฏว่าเดือนนี้ยอดเงินทำบุญออนไลน์มหาศาลมาก เนื่องเพราะว่าได้รับโอนจากคุณสิริกุล อาจมังกรมา ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยปกติแล้ว วันไหนเงินทำบุญถึง ๕,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพก็ดีใจมากแล้ว บางทีก็อยู่ที่ ๓๐๐ - ๔๐๐ หรือ ๕๐๐ - ๖๐๐ บาท เดือนไหนยอดรวมถึง ๑๐,๐๐๐ บาทก็จะดีใจมาก ไม่ใช่ดีใจว่าได้เงิน แต่ดีใจว่าญาติโยมยังสร้างความดีกันมาก

    ลักษณะเดียวกับที่พระภูมิเจ้าที่ท่านมาจดความดีของบุคคล แล้วไปส่งให้ปัญจสิกขเทพบุตรประกาศในที่ประชุมเทวสภาทุกวันพระ เมื่อมีบุคคลสร้างบุญสร้างกุศลมาก เทวดานางฟ้าก็ดีใจว่า ถึงเวลาแล้วเราก็จะมีสหาย ก็คือเพื่อนที่จะมาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็ลักษณะเดียวกันกับที่กระผม/อาตมภาพว่าดีใจที่เห็นโยมทำบุญกันมาก
    คำว่ามากในที่นี้คือจำนวนคน ไม่ใช่จำนวนเงิน เพราะว่าหลายท่านก็ตั้งโอนอัตโนมัติวันละ ๑ บาทเป็นปกติอยู่แล้ว..!

    เพียงแต่ว่าถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าใส่เศษสตางค์มา อาตมภาพไม่ได้หมิ่นเงินน้อย แต่เนื่องเพราะว่า
    บัญชีทำบุญออนไลน์นั้น ผูกอยู่กับกรมสรรพากร ทางวัดต้องลงบัญชีทุกบาททุกสตางค์ พลาดแม้แต่สตางค์เดียว เขาสามารถตั้งข้อหาว่าทุจริตได้ ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าเอาเลขสวยเข้าว่า บางท่านก็โอนมามีเศษสตางค์ ๑๑ สตางค์ ต้องการเลข ๑ บางท่านโอนมามีเศษ ๙ สตางค์บ้าง ๙๙ สตางค์บ้าง เพราะคิดว่าเป็นเลขมงคล

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าท่านทำแล้วสบายใจก็ทำเถิด แต่ว่าเลขมงคลของท่านขอให้เป็นยอดเต็มได้หรือไม่ ? เพื่อที่อาตมภาพจะได้ไม่ต้องลำบาก เพราะว่าถ้าหากว่าผิดพลาดแม้แต่สตางค์เดียว เขาสามารถเล่นงานข้อหาทุจริตได้ ถ้าโดนแบบนั้นเราก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้ว

    จำได้ว่าบ่นไปทีไร ก็จะหายไปหลายเดือน แล้วก็ค่อย ๆ กลับมามาอีก อาจจะเป็นความเคยชินของท่านก็เป็นได้ ถ้าอนุเคราะห์สงเคราะห์พระแก่ให้ทำงานง่ายขึ้น ก็กรุณาโอนเป็นจำนวนเต็ม จะ ๑ บาท ๒ บาท ๓ บาทก็ได้ แต่ถ้าไม่กลัวว่าพระจะลำบาก จะโอนเป็นเศษสตางค์ตามเดิม อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...