เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔

​

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้ผมไปประชุมคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ ซึ่งเว้นการประชุมมานาน เพราะไวรัสโควิด ๑๙ อาละวาด...

วาระการประชุมสำคัญก็คือ เน้นให้พระภิกษุสามเณรของเรารีบฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ๑๙ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พูดง่าย ๆ ก็คือใช้กำลังภายใน กำลังภายนอกอะไรได้ก็ให้ใช้ แต่ผมไม่ค่อยนิยมใช้ครับ เพราะว่าไปกดดันทางโรงพยาบาลเขา ผมรู้สึกว่าเหมือนกับไปทวงบุญคุณ เพราะฉะนั้นก็..ไปตามลำดับดีกว่า ส่วนหนึ่งที่สมัครผ่าน "หมอพร้อม" ไป ก็น่าจะมีวันนัดฉีดวัคซีนกันแล้ว

ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง อยากจะกล่าวถึงเมื่อเช้ามืดที่ผมเกิดความสงสัยขึ้นมา เนื่องจากว่าระยะนี้มีการปล่อยข่าวลือว่า ในหลวงกับสมเด็จพระราชินีติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านก็ยังคงสบายดี ผมก็เลยสงสัยขึ้นมาว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวลวงที่เรียกว่า "เฟกนิวส์" กันจำนวนเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็หวังผลทางการเมืองบ้าง หวังทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามบ้าง ผมอยากรู้ว่าคนประเภทนี้ ถ้าตายแล้วจะมีโทษอย่างไร ?

ผมก็เลย "นั่งฝัน" ตอนทำกรรมฐานเช้ามืดว่า ไปเจอนายบัญชีใหญ่เมืองนรก เมื่อสอบถามเรื่องนี้ ท่านบอกว่า "ไม่ต้องถาม..ไปดูเลย" แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่นำทางไป จริง ๆ แล้วเรื่องทัวร์นรกนี่ ถ้าหากว่าเป็นประมาณ ๔๐ กว่าปีที่แล้ว ผมชอบมากครับ ตอนนั้นพอฝึกท่องเที่ยวได้ใหม่ ๆ ก็ไปทุกที่ซึ่งอยากไป

แต่พอนานไป ๆ เหมือนกับว่า การฝึกทำให้ทุกอย่างจืดชืดไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็แทบจะไม่ไปไหนอีก นอกจากแวะกราบญาติผู้ใหญ่ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ แล้วก็ขึ้นพระนิพพาน แล้วหลังจากนั้นก็ขี้เกียจหนักเข้าไปอีก ก็คือพอกราบพระบนพระนิพพานเสร็จแล้ว ก็น้อมใจระลึกถึงพ่อแม่ปู่ย่าตาทวด ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหมด เห็นท่านมาปรากฏชัด ก็กราบท่านพร้อมกันบนพระนิพพานเลย

ผมทำอย่างนั้นอยู่หลายปีนะครับ แล้วผมก็คิดว่า "กูเพี้ยนหรือเปล่า ?" จนกระทั่งก่อนหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงจะมรณภาพไม่นาน ท่านเล่าเรื่องชวนเทวดานางฟ้าพรหมไปพระนิพพาน ผมถึงได้เข้าใจว่า "กูขี้ตรงร่องมาตั้งนาน" ลักษณะอย่างนั้นก็คือเราน้อมจิตเชิญให้ท่านไป ท่านถึงสามารถไปได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว..ปกติระดับที่ต่ำกว่าไม่สามารถจะเข้าสู่ระดับที่สูงกว่าได้

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น ด้วยความเคยชิน พอเทวทูตท่านพาไป ก็ไปโผล่พรวดที่หน้ามหานรกขุมใหญ่ ก็เห็นนายนิรยบาลจับสัตว์นรกโยนโครมลงไป นรกทุกขุมนี่มีไฟเป็นพื้นนะครับ ยกเว้นโลกันตนรก แล้วไฟก็จะร้อนจัดขึ้นไปเรื่อย มาถึงขุมนี้ก็แทบจะไม่เห็นเปลวแล้ว แต่รู้ชัด ๆ เลยว่าร้อนโคตร ๆ...!

แล้วในขุมก็มีดอกบัวเหล็กคมกริบเต็มไปหมด เจ้าสัตว์นรกโดนโยนลงไป ก็หน้าทิ่มลงไป ดอกบัวดอกหนึ่งก็หุบเอาไว้ มือเท้าอีกสี่ข้างก็โดนดอกบัวหุบรัดเอาไว้ ไม่ต้องห่วงนะครับ..เลือดท่วมเลย เพราะดอกบัวคมมาก แล้วเปลวก็เป็นไฟกรดครับ..พุ่งออกมาเผา แล้วจะเหลืออะไรละครับ ? ก็แหกปากร้องไป ผมจำได้ครับว่านี่เป็นมหานรกที่ชื่อว่า โรรุวะ เพราะว่านรกทั้งหมดนี่..ในอดีตผมเคยลงมาเองทั้งนั้น..! เว้นอยู่ขุมเดียวคือโลกันตนรกที่ไม่เคยลง แม้กระทั่งอเวจีมหานรก ผมก็ประเภทใช้บริการมาอย่างคุ้นเคย..!

เทวทูตท่านบอกว่า ถ้าหากว่าความชั่วหนักขนาดลงตรงเลย ก็จะมาตรงนี้ก่อน การปล่อยข่าวไม่ว่าจะใช้เครื่องไม้เครื่องมือหรือว่าจะใช้วาจา ก็ได้รับการตอบแทนเต็มที่ มือเท้าก็จมอยู่ในดอกบัวกรดคมกริบ ไฟลุกโชน หัวก็ทิ่มอยู่ในดอกบัวกรดคมกริบ...ไฟลุกโชน ไฟที่นี่ก็แปลกครับ ลอดเข้าไปได้ในอวัยวะทุกส่วนเลย พูดง่าย ๆ คือว่าทวารทั้ง ๙ ไม่มีช่องไหนที่ไฟเข้าไปไม่ได้ คราวนี้ก็ทนไปเถอะครับ ต้องเรียกว่าตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายหลายชาติ ข้างล่างยังไม่ได้ขยับพ้นขึ้นมาเลย..!

คราวนี้พอหลุดจากมหานรก มหานรกแต่ละขุม ไม่ว่าคุณจะออกทิศไหนก็ตาม จะมีนรกขุมรองที่เอาไว้เก็บดอกเบี้ย เขาเรียกว่า อุสสทนรก ด้านละ ๔ ขุม ออกทิศไหนโดนเหมือนกันครับ ความชั่วประเภทไหนก็ไปลง ๑ ใน ๔ นั้น ก็แปลว่ามหานรก ๑ ขุมมีอุสสทนรกอยู่ ๑๖ ขุม

ปรากฏว่าสัตว์นรกที่ปล่อยข่าวพวกนี้ พอหลุดจากมหานรกแล้ว จะโดดลงไปในอุสสทนรกที่ชื่อ เวตรณี ก่อนหน้านี้โดนไฟเผามาตลอดครับ ออกมาเจอน้ำใสเย็นมาก โดดใส่เลย..อยากกิน พอตูมลงไปก็เป็นเรื่องครับ น้ำใส ๆ ลุกเป็นไฟ...! แล้วข้างในมีเถาวัลย์เต็มไปหมด เถาวัลย์ก็มีแต่หนามแหลมคม ตะกายไปทางไหนก็เหวอะหวะทั้งนั้น แล้วบางตัวก็ฉลาดมาก..กูดำน้ำหนี ปรากฏว่าดำลงไปแล้วหนักเข้าไปอีก หอกดาบแหลนหลาวเพียบ..รออยู่ข้างล่าง..!

ยังไม่หมดนะครับ พอเปลวไฟเริ่มดับ นายนิรยบาลก็เอาขอเหล็กเกี่ยวขึ้นมา ตอนเกี่ยวตัวไม่เป็นไรครับ แต่คราวนี้เกี่ยวปากลากลิ้นออกมา แล้วเอาก้อนเหล็กเผาแดง ๆ ยัดเข้าไป ในเมื่ออยากโกหกเขามากนัก ก็กินของพวกนี้เข้าไปบ้าง

เจ้าก้อนเหล็กพวกนี้ร้อนสุด ๆ ร้อนสาหัส ลงไปถึงตรงไหนก็ไหม้ยาวเป็นทางลงไปเลย ถึงปาก..ปากพัง ถึงคอ..คอพัง ถึงอก..อกพัง ถึงท้อง..ท้องพัง ถ้าเป็นคนเขาเรียกว่าตาย..หมดสภาพ แต่ปรากฏว่าพอ "ลมกรรม" พัดมาก็ฟื้นใหม่ เห็นน้ำใส..หิวใหม่ ก็โดดลงไปใหม่ ก็หมุนเวียนกันไปอย่างนี้เรื่อยอย่างนี้

 

ในมหานรกนั่นเงินต้น อันนี้ดอกเบี้ย ถ้าหากว่าหมดจากตรงนี้แล้วหลุดออกไป ๔ ทิศเหมือนเดิมครับ แต่คราวนี้เยอะขึ้น แต่ละทิศมีรออยู่ ๑๐ ขุม เขาเรียกว่า ยมโลกียนรก ก็แปลว่ามีอุสสทนรก ๑ ขุม มียมโลกียนรกล้อมรอบอยู่ ๑๐ ขุม ๔ ทิศก็ ๔๐ ขุม ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองมาก...! แต่จริง ๆ เขาออกแบบสวยนะครับ ได้สมมาตรมาก..! ไปทางไหนเจอหมด ตรงนี้ก็ประเภทคิดดอกเบี้ยทบต้น เศษ ๆ ของกรรมครับ

ตรงจุดนี้ผมว่าท่านทั้งหลายน่าจะรู้จักดี เขาเรียก ตามโพทกนรก ตามรากศัพท์แปลว่า นรกน้ำทองแดง ปกติแล้วเขาเอาไว้เล่นงานพวกชอบกินเหล้าเมายา เทวทูตท่านบอกว่า ไอ้เจ้าพวกนี้เศษกรรมลงตรงนี้ได้พอดี โกหกตอหลดตอแหลกันดีนัก ก็โดนนายนิรยบาลจิกหัวเหยียบเอาไว้ บังคับให้อ้าปาก เอากระบวยตักน้ำทองแดงเดือดคลั่ก ๆ เทใส่ลงไป

เหมือนเดิมครับ ถึงตรงไหนก็ไหม้กระจาย..ตายแล้วฟื้น..ฟื้นแล้วตาย จนกว่าจะหมดกรรมของตัวเอง ดูแล้วน่ากลัวมากครับ ฝันช่วงระยะสั้น ๆ ฝันด้วยความอยากรู้ว่าพวกที่ปล่อยเฟกนิวส์จะมีโทษอย่างไร ปรากฏว่าท่านพาไปทัวร์ของเก่าได้ชัดเจนมาก เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งหลายที่นิยมทำเรื่องพวกนี้

อ้อ...ลืมบอกไป เทวทูตท่านบอกว่า ไอ้ตัวต้นเหตุลงมหานรกนะครับ ไอ้คนแชร์ต่อลงอุสสทนรก ไอ้พวกที่ใส่อารมณ์ตาม พลอยยินดียินร้ายไปด้วยลงยมโลกียนรก ก็แปลว่าไอ้พวกนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะคนต้นข่าว คนแชร์ต่อ หรือคนเกิดอารมณ์ร่วม ท้ายสุดจะไปเจอกันที่ตามโพทกนรก ก็คือจะวนกี่รอบก็แล้วแต่ ท้ายสุดจะไปเจอกันที่ตรงนั้น เราอาจจะเกิด ๆ ตาย ๆ จนนับชาติไม่ถ้วน ไอ้นั่นก็ยังสนุกสนานอยู่แถวนั้น

 

จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องโกหกครับ..! ในเมื่อเป็นเรื่องโกหก จึงไม่จำเป็นต้องกลัว ใครชอบให้ทำต่อไป ถ้าหากว่าตายวันไหน ถ้าผมมีเวลาก็จะแวะไปเยี่ยม เพราะผมรู้แล้วว่าจะต้องลงตรงไหน รับรองว่าไปตรงชนิดไม่หลงทาง..! แต่ตอนไปเยี่ยม เอาอะไรไปฝากไม่ได้ เพราะว่าคนโดนลงโทษอยู่ อุทิศส่วนกุศลให้ ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรับเลย ถึงตอนนั้นก็ลำบากลำบนกันไป ประมาณเป็นเวลาไม่ได้ กว่าจะครบตั้งแต่มหานรก อุสสทนรก ไปจนถึงยมโลกียนรก ก็น่าจะเป็นกัป..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงกัน เป็นเรื่อง "มโนฯ" ไปเอง รอได้ครับ..ชีวิตคนไม่กี่ปี ทำให้มากเข้าไว้ ตายเมื่อไรไปเจอกันข้างล่าง..! ถ้าเจอหน้าแล้วผมรู้จักมักคุ้นก็จะทักทายด้วย ถ้าไม่รู้จักมักคุ้น ก็ได้แต่ตีหน้าเวทนาแล้วก็เดินผ่านไป ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เจอกันมากมายนัก

ขอเจริญพรกับท่านทั้งหลายที่ได้กระทำเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว..เอาตัวให้รอดนะครับ..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)