เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,664
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,975
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,664
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,975
    วันนี้เป็นวันพุธที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ คาดว่าพวกท่านส่วนใหญ่ ก็คงเห็นรูปของทิดเก่งหรืออดีตพระวินัยธรฉัตรฐิภัค อริโยไปแล้ว ขอบอกว่าอย่าไปอิจฉาเขา ผมส่งรูปไปให้พระครูศรีกาญจนวิสุทธิ์ เลขานุการหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าจะขอเปลี่ยนตัวผู้ถือพัดฐานานุกรมนี้ แล้วส่งรูปไปให้ท่านดู ท่านบอกว่า "ถ้าผมมีอย่างนี้ ผมก็สึกเหมือนกันแหละ..!"

    แต่ผมขอบอกให้นะครับ ถ้าท่านใดคิดแบบนี้ คิดผิด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย..! ชีวิตคู่เป็นเรื่องยากที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ถึงสมชีวิธรรม ๔ ประการ มีไม่ครบ ไปไม่รอดครับ

    ประการที่ ๑ เรียกว่า สมสีลา มีศีลเสมอกัน ถ้าประเภทภรรยาถือศีล ๘ ทุกวันพระ แต่สามีเมาหัวทิ่มอยู่ทุกวัน รับรองได้ว่าไปไม่รอด ระยะหลัง ๆ นี้ ท่านอาจจะได้คลิปที่จะมีคนกล่าวปิดท้ายว่า "ศีลเสมอแล้วเจอกัน" ผมอยากจะบอกว่า ถ้าแค่ศีลเสมอ ไม่ได้เจอกันครับ เพราะว่าต้องเสมอกันถึง ๔ ประการ

    ข้อที่ ๒ เรียกว่า สมสัทธา มีศรัทธาเสมอกัน ไม่ใช่คนหนึ่งปฏิบัติธรรมเข้าวัด มีหลวงปู่หลวงพ่อที่ตนเองเคารพนับถือ อีกคนหนึ่งเข้าแต่ผับทองหล่อ แบบนี้ก็ไปไม่รอดแน่นอนครับ

    ประการที่ ๓ สมจาคา มีการสละออกที่เสมอกัน ไม่ต้องไปพูดถึงข้าวของเงินทองในการทำบุญ แค่สละประโยชน์สุขส่วนตัวเพื่อเขา เราทำได้ไหม ? มีผู้รู้บอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าเขารักเราจริงหรือเปล่า ให้เรียกมาอยู่ตรงหน้า แล้วเอาถ่านร้อน ๆ แดง ๆ หย่อนใส่หัวพร้อมกัน ดูสิว่าเขาจะปัดของใครก่อน ? ถ้าปัดให้อีกฝ่ายก่อน แสดงว่ารักเขาจริง แต่เชื่อเถอะว่าร้อยละ ๙๙.๙๙ ปัดให้ตัวเองก่อนแน่นอน..! เพราะท้ายสุดทุกคนก็รักตัวเองมากกว่า

    ข้อสุดท้าย ยิ่งสำคัญที่สุด สมปัญญา ต้องมีปัญญาเสมอกัน เห็นว่าอะไรดี อะไรควร อะไรถูก อะไรผิด อะไรก่อให้เกิดประโยชน์ อะไรไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะปัญญาในการรู้เห็นและเข้าถึงธรรม
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,664
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,975
    ฉะนั้น..เรื่องของการครองชีวิตคู่นี่ยากสุด ๆ ถ้าหากว่าใครเคยศึกษาตำราพรหมชาติมาเกี่ยวกับสมพงศ์คู่มา เขาบอกว่าคู่ที่มีความสุขก็คือคู่มนุษย์กับมนุษย์ ยักษ์กับยักษ์ เทวดากับนางฟ้า ข้ามคู่เมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น ประมาณว่านางฟ้าไปเจอกับยักษาอย่างนี้ หรือไม่ก็มนุษย์เจอกับยักษี เจริญ...! มีหวัง โดนแม่แหกอกอยู่ทุกวัน..!

    เคยได้ยินเรื่องของภริยา ๗ ประเภทกันบ้างไหม ? จริง ๆ แล้วต้องสามีด้วย แต่คราวนี้โบราณเขาถือผู้ชายเป็นใหญ่ เรื่องนี้อย่าเรียกร้องสิทธิสตรี เพราะว่าการสร้างบารมีมา กว่าจะบรรลุมรรคผล เราต้องเกิดเป็นผู้หญิงก่อน จนกระทั่งบารมีมากขึ้น ๆ ถึงอุปบารมีขั้นปลายก็จะค่อย ๆ เกิดเป็นผู้ชาย แต่พอกลายเป็นผู้ชายมา นิสัยความเป็นผู้หญิงยังติดมา เราก็ไปเรียกแบบดูถูกดูแคลนว่า "อีตุ๊ด"

    ขณะเดียวกัน พอบารมีใกล้ถึงอุปบารมีขั้นปลาย ยังไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย นิสัยความเป็นผู้ชายเกิดขึ้นในคราบผู้หญิง เราก็ไปดูถูกดูแคลนเขาว่า "อีทอม" ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติของการสร้างบารมี จะต้องเป็นอย่างนี้ทุกคน เพราะฉะนั้น..เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผู้ชายพูด แล้วยกผู้ชายเป็นใหญ่

    ถ้าว่ากันในเรื่องของวัฏสงสาร ในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด ผู้ชายสร้างบารมีมามากกว่า แต่มีผู้หญิงประเภทหนึ่งที่สร้างบารมีมามากเท่าไร ก็ยังต้องเป็นผู้หญิง ก็คือบุคคลที่อธิษฐานมาเป็นเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์ หรือบุคคลที่อธิษฐานมาเพื่อเป็นพุทธมารดา เราจะเห็นว่าเมื่อพรรษาที่ ๗ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศน์โปรดพุทธมารดา พระอินทร์ต้องไปเชิญเทพบุตรที่สวรรค์ชั้นดุสิตมา นั่นแหละคือพุทธมารดา ก็คือพอไม่จำเป็นต้องเกิดเป็นมนุษย์ ท่านก็อยู่เต็มบุญเต็มบารมีของตน ก็ต้องเป็นเทพบุตร
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,664
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,975
    วธกาภริยา มีเมียเหมือนเพชฌฆาต ทุบตีทำร้ายร่างกายสามีอยู่ตลอด

    อัยยาภริยา มีเมียเหมือนมีเจ้านาย ชี้นิ้วใส่ตลอดเวลา ไปหุงข้าว ไปซักผ้า ไปล้างจาน ไปถูบ้าน...!

    มาตาภริยา มีเมียเหมือนมีแม่ เลี้ยงดูปูเสื่อ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม

    สขีภริยา มีเมียเหมือนเพื่อน ร่วมทุกข์ร่วมสุข หัวหกก้นขวิด อดด้วยกัน อิ่มด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน

    ภคินิภริยา มีเมียเหมือนน้องสาว อ้อนตลอด ถ้ามีประเภทนี้นี่ต้องระวัง กระเป๋ากลวงเอาง่าย ๆ

    ทาสีภริยา ประเภทสุดท้าย มีเมียเหมือนทาส ยอมทำทุกอย่างให้ผัวตัวเอง ต่อให้เลวร้ายขนาดที่คนอื่นเห็นว่า ไอ้นี่ไม่สมควรที่จะเกิดเป็นมนุษย์ ก็ยังมอบกายถวายชีวิตให้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทิดเก่งจะเจอประเภทไหน ? เพราะฉะนั้น...อย่าไปอิจฉาเขา

    การเกิดมา ได้พบกัน ได้เจอกัน ได้แต่งงานกัน ในบาลีกล่าวเอาไว้ว่า ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ หรือที่เราเรียกในภาษาไทยว่า บุพเพสันนิวาส คือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน ชาติก่อน ๆ เคยเป็นคู่กันมา ประเภทนี้ถ้าเจอหน้านี่ เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ อย่างไรท้ายสุดก็ตะเกียกตะกายไปหากันจนได้
    ภูเขาจะกั้นขวางหน้า แดดกล้าจะร้อนเพียงใด พี่จะไปหาเธอจนได้ เป็นตายก็จะไปหานาง...!

    ปัจจุปันนะ หิเตนะวา เกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน ช่วยเหลือเกื้อกูลอีกฝ่ายหนึ่ง จนกระทั่งเกิดเห็นอกเห็นใจ ก็รักใคร่ชอบพอ แต่งงานกัน
    เพราะฉะนั้น..ใครที่ไปหาหมอดูแล้วถามว่า ชาตินี้มีเนื้อคู่หรือไม่ ? เสียเวลาถาม ถึงไม่มีบุพเพสันนิวาส ก็ต้องมีเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

    เอวันตัง ชายะเต เปมัง ถ้าหากว่าสองสาเหตุนี้ก็ย่อมก่อเกิดความรักขึ้นมา

    อุปะลัง วะ ยะโถทะเกฯ เหมือนน้ำกับอุบลชาติคือดอกบัว ฉันนั้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,664
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,975
    ยะโถ ทะเก บาลีคำนี้ขั้นสูงมากนะมหาไบท์

    ยะถา + อุทกะ แปลง อากับอุ เป็นโอ สำเร็จรูปเป็นยะโถ พวกไม่ได้เรียนบาลีก็จงมองต่อไป...(หัวเราะ)... ยะถา ฉันนั้น

    อุปะลัง วะ ยะโถทะเก ดุจอุบลชาติกับน้ำ ฉันนั้น

    เรื่องพวกนี้คิดได้ เวลาจะสึกเราจะเห็นช่องทางไปหมดครับ ที่ผมใช้คำว่า "คิดจะปลูกผักบุ้งขายก็ยังรวย" แต่ของจริงแล้วใช่ไหม ? ผมถึงได้บอกว่า โบราณเขาว่า ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม ถ้ารอหลาย ๆ พรรษาแล้วไปไม่รอดครับ เพราะว่าประสบการณ์ของเราจะหยุดอยู่แค่ก่อนบวช โลกปัจจุบันไปไกลเกินแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมท่านแป๊กถึงต้องกลับมาบวชใหม่ เพราะว่าไปไม่ได้จริง ๆ ครับ

    พวกเราก็ประเภทยินดีอวยพรให้เพื่อนไป ส่วนเพื่อนจะได้ดังคำพรหรือเปล่า ก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมที่เขาสร้างมา กลัวอย่างเดียว..งานแต่งจะเป็นคลัสเตอร์หรือเปล่า ? ระเบิดโควิดตูมลงกลางงานนี่บรรลัยเลยนะ..! วันนี้เอาแต่เพียงแต่นี้ พูดมากเดี๋ยวจะอิจฉาเพื่อนกันไปใหญ่


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...