เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 มกราคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ระยะนี้นิสิตของวัดท่าขนุนเราต้องปฏิบัติธรรมประจำปี ซึ่งเลื่อนมาจากเดือนธันวาคมของทุกปี ก็เพราะว่าวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์เป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่ตั้งใหม่ การงานต่าง ๆ ยังขาดความคล่องตัวอยู่มาก โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้งบประมาณส่วนกลาง เขามีกรอบเวลาให้ทำตามนั้น ยังโชคดีที่ว่าสามารถอ้างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ ก็เลยทำให้สามารถเลื่อนต่อมาได้อีก ๑ เดือน ไม่อย่างนั้นงานทุกอย่างต้องจบลงเมื่อสิ้นไตรมาส ก็คือสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔

    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นความเคยชิน แต่เป็นความเคยชินในด้านที่ไม่ดี ที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นภาษาบาลีว่า อตฺตาหิ กิร ทุทฺทโม ได้ยินว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ เพราะว่าส่วนใหญ่กลายเป็น "นิสัยถาวร" ไปแล้ว ในเมื่อกลายเป็นนิสัยถาวร การแก้ไขต่าง ๆ จะยากมาก

    แล้วถ้าหากว่ายิ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรมด้วย ก็มักจะยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของสีลัพพตุปาทาน คือ "กูทำดีแล้ว กูทำถูกแล้ว" ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เชื่อถือได้จริง ๆ มาบอกกล่าวให้แก้ไข ก็มักจะรั้น ไม่ยอมแก้ไข

    เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพเจอมาตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง ขนาดหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกปากเอง เขายังไม่คิดเลยว่าตัวเองผิด อย่างเช่น มีอยู่วันหนึ่งท่านบอกว่า "วันนี้พระเสด็จมา ท่านบอกว่า พระของคุณมีอยู่ ๔ รูปที่กำลังใจดำมาก" อันนี้หมายถึงสีของจิต "ถ้าหากว่าไม่แก้ไข โอกาสลงอบายภูมิมีสูง..!"

    เมื่อได้ยินแบบนี้ พอเลิกจากปาฏิโมกข์ ออกจากโบสถ์มา เสียงที่กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วรู้สึกรำคาญใจก็คือ ทุกคนไปไล่ถามกันว่า "ใครวะ ?" กระผม/อาตมภาพกับท่านชาติชาย (พระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล - ลือพาณิชย์กุล) ตอนนั้น ๒ รูปนี้มีวีรกรรมเยอะมาก เพราะว่างัดข้อกับท่านอื่นเป็นประจำ ด้วยความหมั่นไส้กระผม/อาตมภาพก็เลยบอกว่า "ผมกับท่านชาติชายรับไป ๒ ไอ้ที่เหลือไปแบ่งกันเองก็แล้วกัน..!"

    ก็คือทุกครั้งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกกล่าวอะไร โดยเฉพาะในส่วนไม่ดีที่ต้องแก้ไข กระผม/อาตมภาพจะคิดอยู่เสมอว่า "กูด้วย" "กูโดนด้วย" "กูต้องแก้ไข" แต่นิสัยถาวรของพวกเรา แม้แต่คนในวัด มักจะไม่คิดว่าตัวเองผิด อยู่ในลักษณะที่โบราณเขาบอกว่า "โทษคนอื่นมองเห็นเป็นภูเขา โทษของเรามองเห็นเท่าเส้นขน" ในเมื่อเป็นอย่างนั้น โอกาสที่จะได้ดีก็หายากมาก
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    เรื่องนี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของบุคคลที่หนาไปด้วยกิเลส การยอมรับว่าตัวเองผิดมันเสียหน้ามาก บังเอิญว่ากระผม/อาตมภาพโชคดี ได้รับการฝึกฝนมาแบบทหาร ถ้าเจ้านายบอกว่าผิดก็คือมึงผิด คำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือเสียงสวรรค์ ทหารต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลา ถ้าหากว่ามีใครบอกกล่าวอะไร ก็ต้องจะดูตัวเองก่อนว่าเราผิดตรงไหน ? อย่างที่เคยเล่าให้พวกท่านทั้งหลายฟังว่า บางครั้งหาที่ผิดไม่ได้จริง ๆ จนในที่สุดก็สรุปลงไปว่า "มึงผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว ถ้าไม่เกิดมาก็ไม่เจอเรื่องแบบนี้"

    พอสรุปได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านโทรมาเดี๋ยวนั้นเลย ท่านจะเฉลยให้ฟังว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ปรากฏว่างานนั้นโดน "ท่านย่า" ฝากด่ามา ก็คือไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก แต่ให้ด่า ๆ ไว้หน่อย ท่านย่าบอกว่า "ไอ้นี่รู้ตัวเร็ว ถ้าด่ามันแล้วมันจะระวัง คนอื่นจะได้เล่นงานไม่ได้" ดังนั้น...พวกท่านทั้งหลายจะไปคิดว่า ถึงเวลาแล้ว คนโน้นผิด คนนั้นผิด...ไม่ใช่ เราต้องคิดอยู่เสมอว่าตัวเราผิด ใช้หลักอัตตนา โจทยัตตานัง ต้องกล่าวโทษโจทย์ตนเองอยู่เสมอ

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพก็ตำหนิคณะกรรมการร้านค้าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนไปว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวก มีการปฏิบัติแบบ ๒ มาตรฐาน เพื่อที่จะไปให้แก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าเป้าหมายของการตั้งร้านชุมชนของกระผม/อาตมภาพเองก็คือ เพื่อประโยชน์ของคนทั้งอำเภอทองผาภูมิ ไม่ใช่ตั้งมาเพื่อคณะกรรมการแค่ไม่กี่คน

    แต่ปราฏว่าท่านทั้งหลายกลับไปเที่ยวเสาะหาแล้วก็กล่าวโทษคนอื่น โดยที่ไม่ได้ดูว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไข ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเสียใจ เพราะว่าถ้ายังทำอย่างนี้อยู่โอกาสที่จะได้ดีก็ไม่มีเลย เพราะว่าไม่เห็นความผิดของตัวเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    แม้กระทั่งภายในวัดท่าขนุนของเราก็มี หลายคนก็เอาจริตนิสัยเฉพาะตัวมา อย่างบางทีกระผม/อาตมภาพสั่งให้แจกของสังฆทานก็ดี หรือว่าให้แจกอาหารแก่คนก็ดี ก็มีการ "หวงของ" ประมาณว่าถ้าผมไม่ได้สั่ง คนอื่นจะมาสั่งไม่ได้ คนอื่นจะมาขอไม่ได้

    สันดานแบบนี้เคยเกิดกับกระผม/อาตมภาพแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง สมัยที่ยังเป็นฆราวาสช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ที่บ้านสายลม ตอนนั้นมีเด็กเล็ก ๆ ตามพ่อแม่มาถวายสังฆทาน กระผม/อาตมภาพเห็นว่าถ้าให้วัตถุมงคลไป เด็กน่าจะรักษาไม่ได้ จึงไม่ให้

    แต่ปรากฏว่าพอเหลือบตาไป หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพยักหน้าให้นิดหนึ่ง ก็คือบอกชัดว่าให้เด็กด้วย แล้วหลังจากนั้นมีผู้ใหญ่มาเป็นคณะ แต่ทำบุญมาแค่คนเดียว กระผม/อาตมภาพก็มอบวัตถุมงคลให้คนเดียว หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ทั้งคณะไปเลย

    ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพแจกกระจาย ใครมาให้หมด ก็เพราะเห็นชัดเจนว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำเพื่อประโยชน์คนอื่น คนเขาต้องการ มาถึงอาจจะไม่มีเงินทำบุญ แต่อยากได้วัตถุมงคลเป็นที่ระลึก ความคิดตอนนั้นก็คือ "หลวงพ่อท่านยังไม่หวง แล้วกูจะหวงไปทำไม ?"


    เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดกับกระผม/อาตมภาพ เคยเกิด..แต่รู้ตัวเร็ว แก้ไขเร็ว หลังจากนั้นก็เป็นคนไม่เคยหวงของ ถือหลักว่า "ถ้ามึงกล้าขอ กูก็กล้าให้" แต่อย่างของวัดเรา บางทีพระเจ้าไปเบิกข้าวเบิกของ ยากเย็นแสนเข็ญ หวงเอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ แค่อยากให้คนเห็นว่า "กูมีความสำคัญเท่านั้น" โดยที่ลืมไปว่ากิเลสกำลังท่วมหัวตัวเองอยู่..!

    บุคคลที่ไม่เห็นโทษตนเอง ไม่เห็นความผิดตนเอง โอกาสที่จะแก้ไขให้ดีนั้นยากมาก โดยเฉพาะบุคคลที่จะเป็นกระจกสะท้อนให้นั้นมีน้อย เพราะว่าทุกคนย่อมรักตัวเอง ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน เพราะว่ากลัวคนอื่นเกลียดขี้หน้า ก็ได้แต่ประจบยกยอกันไปวันหนึ่ง ๆ ซึ่งหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย โอกาสที่จะแก้ไขตนเองให้ กาย วาจา ใจ ดีขึ้นก็ไม่มี
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,544
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,376
    ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นภายในวัดของเรา พระภิกษุ สามเณร แม่ชีหรือฆราวาสก็ตาม หรือว่าในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับวัดท่าขนุน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน หรือสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ถ้าหากว่าต้องการให้งานเหล่านี้ไปได้ดี ต้องลดความเห็นแก่ตัวลงให้มากที่สุด พยายามเห็นแก่ส่วนรวมให้มากที่สุด ประมาณว่า "ทำงานเอาดัง" ไม่ใช่ทำงาน "เพื่อประโยชน์ของตน" คำว่าทำงานเอาดังก็คือ เสียสละทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ทำนานไป ๆ ผลงานเกิดขึ้น คนเขาก็จะสรรเสริญเยินยอไปเอง ตอนนี้ออกมาจากความเป็นจริงที่เรารับได้โดยไม่ต้องอายใครอีกด้วย

    ในส่วนของวันนี้ที่บอกกล่าวออกมา นอกจากท่านทั้งหลายที่ได้ยินได้ฟังแล้ว แม้กระทั่งญาติโยมที่อยู่ทางบ้านหรือว่าอยู่ต่างประเทศ ถ้าหากว่ารู้ตัวแล้วปรับแก้ได้ก็ถือว่าเป็นคุณแก่ตนอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากว่าไม่รู้ตัว ปรับแก้ไม่ได้ หนทางในการเวียนว่ายตายเกิดของท่านก็ยังอีกยาวนานนัก อยู่วันหนึ่งก็ทุกข์ยากไปวันหนึ่ง อยู่เดือนหนึ่งก็ทุกข์ยากไปเดือนหนึ่ง อยู่ปีหนึ่งก็ทุกข์ยากไปปีหนึ่ง อยู่ชาติหนึ่งก็ทุกข์ยากไปชาติหนึ่ง

    แต่ว่าการกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจของท่าน ถ้าไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ไม่ได้ทุกข์ยากแค่ชาติเดียว แต่จะพาให้เส้นทางการเวียนว่ายตายเกิดของเรา ยาวนานออกไปอีกไม่รู้จบ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกกี่ร้อยกี่พันชาติที่เราจะต้องทนทุกข์ยากกันต่อไป


    ดังนั้น...ถ้าหากว่าเราเห็นโทษตรงนี้ก็รีบแก้ไขตัวเราให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าไม่แก้ไข กระผม/อาตมภาพก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้เหมือนกัน เนื่องเพราะว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังบอกกล่าวเอาไว้ชัดเจนว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้แต่ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น เมื่อชี้ทางออกบอกทางถูกให้แล้ว ท่านไม่ยอมเดิน พระองค์ท่านก็ได้แต่อุเบกขา ในเมื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา แล้ว ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ เมื่ออุเบกขาขึ้นมาก็แปลว่าปล่อยเราไปตามเวรตามกรรมเท่านั้นเอง..!


    ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...