เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 กันยายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดบ้านทวน ตำบลพนมทวน อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เหตุที่ไม่บอกว่าเป็นหมู่ที่เท่าไร ก็เพราะว่าตำบลพนมทวนนั้น ๖ หมู่บ้านใช้ชื่อว่า "บ้านทวน" ทั้งหมด เพียงแต่ว่าเป็นบ้านทวนหมู่ที่ ๑ บ้านทวนหมู่ที่ ๒ บ้านทวนหมู่ที่ ๓ เป็นต้น

    เมื่อ
    กระผม/อาตมภาพไปถึง ก็เดินดูนิทรรศการต่าง ๆ โดยเฉพาะการสร้างเกวียน ซึ่งปัจจุบันนี้การสร้างเกวียนนั้น เป็นการสร้างเพื่อเอาไว้โชว์มากกว่าเอาไว้ใช้งาน และเกวียนเล่มหนึ่งสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ ราคาอยู่ที่ประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท แต่ว่าต้องใช้เวลาหลายเดือน เนื่องเพราะว่าวัสดุบางส่วน อย่างเช่นกงเกวียน ต้องใช้เวลาในการดัดให้เข้ารูป เนื่องเพราะว่าถ้าจะใช้วิธีตัดให้เข้ารูปนั้น ต้องใช้กระดานแผ่นใหญ่มาก ถึงจะตัดโค้งเป็นกงเกวียนได้

    เมื่อต้องใช้กระดานชิ้นเล็ก จึงจำเป็นที่จะต้องค่อย ๆ ดัด กว่าที่จะเข้ารูปก็นานมาก แต่ยังดีที่ว่าทางด้านบ้านทวนนี้ ยังมีปราชญ์ชาวบ้านที่ยังมีความสามารถในการสร้างเกวียนได้ เพียงแต่ว่าท่านก็อายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว และยังไม่มีใครสืบทอดวิชานี้เอาไว้ ถ้าสูญหายไปก็จะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

    จากนั้นกระผม/อาตมภาพก็เข้าไปที่เต็นท์ของโรงพยาบาลท่านเจ้าคุณไพบูลย์ ซึ่งมาตั้งเต็นท์เพื่อตรวจสุขภาพให้ มีการเจาะเลือด ตรวจเบาหวาน วัดความดัน วัดการเต้นของหัวใจ เป็นต้น ทุกอย่างของกระผม/อาตมภาพอยู่ในระดับที่เจ้าหน้าที่บอกว่าดีมาก แล้วก็ไปกราบทักทายบรรดาคณะกรรมการต่าง ๆ ที่ทยอยกันมา

    เมื่อคณะกรรมการฉันเช้ากันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ประธานคณะกรรมการอำนวยการกลางโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็นำพวกเราเข้าไปกราบพระ เจริญพระพุทธมนต์กันในโบสถ์เก่าของวัดบ้านทวน แล้วก็มากราบรูปหล่อหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน

    หลวงปู่ม่วงในสมัยนั้นคือพระครูสิงคิคุณธาดา ซึ่งเป็นพระครู ๗ ตำแหน่งของจังหวัดกาญจนบุรีโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย พระครูวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูลย์ พระครูอดุลสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร และพระครูวัตตสารโสภณ ภายหลังตำแหน่งพระครูวิสุทธิรังษี ปรับเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคุณพระวิสุทธิรังษี สังฆปาโมกข์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    ในสมัยก่อนการจะได้เป็นพระครูนั้นยากเป็นอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่แล้วต้องมีชื่อเสียงก้องฟ้า อย่างชนิดที่เรียกว่าเจ้าคุณชั้นธรรม หรือว่ารองสมเด็จพระราชาคณะในสมัยนี้ ยังไม่สามารถที่จะเทียบชื่อเสียงได้เลย โดยเฉพาะในแบบธรรมเนียมเก่า ๆ ซึ่งจะรักษาเอาไว้ว่า ตำแหน่งนี้เป็นพระครูเฉพาะของจังหวัดไหน ตำแหน่งนี้เป็นพระราชาคณะจำเพาะของจังหวัดไหน แต่ปัจจุบันนี้ บางทีก็สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนวุ่นวายไปหมด

    ทางด้านวัดบ้านทวน โดยเฉพาะชาวบ้านทวนทั้ง ๖ หมู่บ้านนั้น มีขบวนกลองยาวมารับคณะกรรมการของเรา แล้วยังมีการแสดง ก็คือรำเหย่ย และร่อยพรรษา ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้าน มัวแต่แสดงกันนาน จึงทำให้เวลาเหลือน้อย เมื่อถึงเวลาตรวจประเมิน คณะกรรมการเพิ่งจะสอบถามได้ ๒ ฝ่าย กระผม/อาตมภาพฝ่ายที่ ๓ เพิ่งแนะนำตัว พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มบอก "พอ ๆ ๆ คนเมืองกาญจน์จะมาถามอะไรเรื่องของเมืองกาญจน์" กระผม/อาตมภาพก็เลยสบาย ลงคะแนนประเมินไปตามใจตนเองได้เลย ไม่มีเวลาที่จะมาสอบถามอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าเลยเพลแล้ว

    เมื่อส่งใบประเมินเสร็จสรรพเรียบร้อย
    กระผม/อาตมภาพก็บอกกับท่านเจ้าคุณปัญญา (พระปริยัติวรานุกูล) เลขานุการของโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ระดับหนกลางว่า กระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ฉันเพลด้วย เนื่องเพราะว่ารับงานปลุกเสกวัตถุมงคลไว้ที่วัดบางหลวงหัวป่า จังหวัดปทุมธานี จึงขออนุญาตลาแล้วเดินทางออกมาเลย โดยที่มาแวะซื้อข้าวกล่องฉันเพลกลางทางตามเคย ขนาดนั้นยังเดินทางไปถึงวัดบางหลวงหัวป่าแบบจวนเจียนมาก

    เมื่อเข้าไปถึงก็ไปนั่งรออยู่ครู่เดียว เขาก็นิมนต์ขึ้นอาสนะ ปรากฏว่าบรรดาพระเกจิอาจารย์นั้น ส่วนใหญ่ก็รู้จักมักคุ้นกันดี อย่างเช่นหลวงพ่อแม้น (พระครูสมบูรณ์จริยธรรม) วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่ออวยพร (พระครูปฐมวราจารย์) วัดดอนยายหอม หลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดแคแถว หรือว่าวัดสว่างอารมณ์ หลวงพ่ออ๊อด (พระครูโสภณภัทรเวทย์) วัดสายไหม หลวงพ่อติ๋ว (พระครูวิมลญาณอุดม) วัดมณีชลขัณฑ์ หลวงพ่อคำนวณ วัดแก้วเจริญ หลวงพ่อแก้ว (พระครูปลัดสุวัฒนเถรคุณ) วัดตะโก เป็นต้น

    เมื่อถึงเวลา พวกเราเข้าที่ภาวนากัน จนกระทั่งใกล้จะจบพิธี พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลางก็เดินทางมาถึง เป็นประธานในการดับเทียนชัย เมื่อญาติโยมถวายไทยธรรมเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อาศัยความคล่องตัว ลื่นปรู๊ดออกมาทางด้านนอก ขึ้นรถได้ก็ไปแน่บเลย พระเกจิอาจารย์บางรูปถึงกับหัวเราะ บอกว่า "หลวงพ่อเล็กท่านว่องไวอย่างนี้เสมอ"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าปล่อยให้หลวงปู่หลวงพ่อพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ออกมาเมื่อไร รถทุกคันก็จะแน่นขนัดกันไปหมด เนื่องจากว่าจะต้องวิ่งมารับครูบาอาจารย์ของตนเองที่หน้าศาลา แล้วคันที่อยู่ข้างหน้า ถ้าหลวงปู่หลวงพ่อท่านอายุมาก เดินช้า คันอื่นก็ไม่ต้องออกกันพอดี

    มีกระผม/อาตมภาพเท่านั้นที่นิยมเดินทางไกล มักจะบอกให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งทำหน้าที่พลขับก็คือ "จอดไกลไม่ว่า แต่ให้ออกสะดวกที่สุด" บางครั้งก็ต้องเดินเป็นกิโลฯ ทีเดียว แต่ก็สะดวกตรงที่ว่าไม่มีใครสามารถที่จะบดบังได้ เมื่อถึงเวลาเราออกมาแล้วก็ไปแน่บ ขณะที่คนอื่นก็ยังคงรถติดกันอีรุงตุงนังอยู่ทางด้านใน เรื่องพวกนี้บางทีถ้าหากว่าเรายอมลำบากนิดหน่อย แล้วมาสบายทีหลัง ก็ยังดีกว่าการที่จะไปเบียดกันอยู่ทางด้านใน

    โดยเฉพาะหลวงพ่อแป๊ะนั้น ผู้คนรู้จักกันมากเป็นพิเศษ เพราะว่าอยู่ที่ไหน ท่านก็เสียงดังคับสถานที่อยู่เสมอ แม้กระทั่งหลวงพ่อพระเทพประสิทธิคุณ (ประจวบ ขนฺติธโร ป.ธ.๔) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ยังสงสัยว่ากระผมกับหลวงพ่อแป๊ะรู้จักกันได้อย่างไร ? ต้องกราบเรียนท่านว่า "สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง ตาแป๊ะของกระผมนั้นเพิ่งบวชใหม่ ๆ ได้ ๒ พรรษา ท่านไปอยู่วัดท่าซุงมากกว่าวัดของตัวเอง จนกระทั่งคนส่วนหนึ่งคิดว่า หลวงพ่อแป๊ะเป็นลูกศิษย์บวชที่วัดท่าซุงเสียด้วยซ้ำไป"

    เพียงแต่ว่าสมัยนั้นต่างคนต่างฝึกฝนวิชา ต่างคนต่างภาวนา เจอหน้ากัน
    กระผม/อาตมภาพก็จัดที่พักให้ แต่พูดคุยกันน้อยมาก มีโอกาสมาพูดกันอย่างชนิดน้ำไหลไฟดับก็ในระยะนี้เอง บางทีนึกถึงสมัยนั้น ยังรู้สึกว่าสบายหูกว่าสมัยนี้ สมัยนี้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าหากว่าตาแป๊ะของกระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าเขาทำอะไรไม่ทันใจขึ้นมา ก็ด่าโขมงโฉงเฉงเลย ถ้าหากว่าคนที่ไม่เข้าใจก็จะว่าท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้าย แต่ความจริงก็คือหลวงพ่อแป๊ะท่านกำลังสอนงานให้ว่า "เอ็งทำแบบนี้งานจะไม่สะดวก เอ็งทำแบบนี้งานจะไม่คล่องตัว ถ้าหากว่าทำแบบที่ข้าว่าก็จะคล่องตัวขึ้น" เป็นต้น

    แต่คาดว่าคนโดนด่าอาจจะมัวแต่รับพรอยู่ ก็เลยไม่ได้ดูว่างานตัวเองช้าจนโดนด่า หรือว่างานตัวเองผิดพลาด ถึงได้โดนด่า จึงทำให้หลวงพ่อแป๊ะท่านเป็นที่เลื่องลือ ในลักษณะของการอวยพรด้วยคำพูดแรง ๆ อยู่เสมอ กระผม/อาตมภาพเองอยู่ข้าง ๆ จึงปลอดภัย เพราะว่า "ตำบลกระสุนตก" มักจะไปลงอยู่ที่หลวงพ่อแป๊ะแทน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    ส่วนพระเกจิอาจารย์ท่านอื่น ๆ อย่างวันนี้ พระอาจารย์แจ้ (พระครูสมุห์ตะวัน อิทฺธิโชโต) วัดน้อมประชาสรรค์ ซึ่งท่านพรรษาน้อยมาก ตอนนี้ก็ยังอยู่ในระดับของพระนวกะเท่านั้น แต่เมื่อมีชื่อเสียงขึ้นมา คนจึงนิมนต์ไปเสมอ เมื่อท่านมาก็ไม่รู้จะตีหน้าอย่างไร เพราะว่าที่นั่งเหลืออยู่ที่เดียว ระหว่างหลวงพ่ออวยพรกับกระผม/อาตมภาพ

    ท่านเองเดินหนีไปวนรอบก็หาที่นั่งไม่ได้ จนกระทั่งท้ายสุด กระผม/อาตมภาพต้องกวักมือบอก "มานี่เถอะ" ในเมื่อถึงเวลาหาที่ไม่ได้แล้ว ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่ได้ถือเนื้อถือตัวอะไร ยกมือไหว้ขอโทษขอขมากันเสร็จ ก็ขึ้นนั่งไปตามหน้าที่ของเรา ท่านเองก็ยังทำหน้ากะเรี่ยกะราดอยู่ เพราะว่าถูกหนีบอยู่ระหว่างพระอายุกาลพรรษามาก ๆ ทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาได้

    แต่เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า พระอาจารย์แจ้นั้นมีเวรกรรมมาก พรรษาเพิ่งจะ ๔ - ๕ พรรษาเท่านั้น ก็มีชื่อเสียงในระดับนี้แล้ว กว่าที่จะแก่เท่ากระผม/อาตมภาพ แล้วกว่าที่จะแก่เท่าหลวงพ่ออวยพร หรือว่าหลวงพ่อแม้น รับประกันได้ว่าโดนญาติโยมกวนกันจนตายไปข้างหนึ่ง..!

    เรื่องนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของใครของมัน ถ้ารู้จักรักษาเวลาส่วนตัว ก็ยังพอที่จะมีเวลาพักผ่อนบ้าง แต่ถ้าหากว่าสงเคราะห์ญาติโยมอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้ดูเวลาส่วนตัวของตัวเอง ก็อาจจะต้องโดนหามเข้าโรงพยาบาลไปให้น้ำเกลือ เหมือนกับพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายรูป ที่มีเมตตาเป็นปกติ แต่ว่าเมตตาจนลืมไปว่า ตนเองนั้นต้องเมตตาต่อตนเองด้วย..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...