เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันที่วัดท่าขนุนของเรามีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๗ พรรษา

    โดยปกติแล้วก็จะมีผู้สมัครบวชเกินจำนวนที่ตั้งไว้เสมอ ก็คือจำนวนที่ตั้งไว้จะเท่ากับพระชนมายุของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แต่ว่าปีนี้ ส่วนที่เกินไม่มีผู้ปกครองมาเซ็นรับรองการบวช ก็เลยต้องให้กลับบ้านไป
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ มีการตรวจเจอเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หนึ่งราย ซึ่งทางโรงพยาบาลทองผาภูมินำไปตรวจซ้ำ ยืนยันผลว่าติดเชื้อไวรัสแน่นอน ดังนั้น...พี่ชายที่บวชอยู่ที่นี่จึงกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องโดนแยกออกไปต่างหาก คือทางวัดเราก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรหรอก เพราะว่าโดยปกติแล้ววัดนี้ไม่มีใครเขาเป็นโควิดกัน ตรวจกี่ครั้งก็รอดเสมอ

    แต่ว่าหลักการดูแลคนป่วยทั่ว ๆ ไป ทางแพทย์พยาบาลเขาก็ต้องให้แยกผู้ป่วยออก เพื่อที่จะได้ไม่เป็น "คลัสเตอร์" คือการติดเชื้อหมู่ใหญ่ ๆ

    บรรดาพระพี่เลี้ยงทั้งหลาย เดี๋ยวรับเอายาเม็ดฟ้าทลายโจรไปด้วย ให้สามเณรฉันตั้งแต่คืนนี้ ๒ เม็ด ก็คือฉันเช้า ๒ เม็ด เย็น ๒ เม็ด กว่าจะครบโครงการ ๑๐ วันก็ ๔๐ เม็ด ยาเม็ดฟ้าทลายโจรบรรจุถุงละ ๒๐ เม็ด ก็เอาไปคนละ ๒ ถุง ส่วนพระพี่เลี้ยงเองก็อย่าลืมฉันเองด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าสามเณรรอดหมด แต่พระพี่เลี้ยงติดเชื้อ จะเป็นอะไรที่ฮามาก..!

    มีผู้สอบถามในยูทูบว่า "มียาห้ารากที่สามารถแก้เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้เช่นกัน ทำไมหลวงพ่อวัดท่าขนุนไม่แนะนำ ?" โดยปกติแล้ว สำหรับคำถามโง่ ๆ แบบนี้ กระผม/อาตมภาพไม่ค่อยจะตอบหรอก แต่ด้วยความสงสารก็เลยตอบไปว่า

    "ระหว่างยาห้ารากกับยาฟ้าทลายโจร อย่างไหนคนทั่วไปหาได้ง่ายกว่ากัน ?" ไม่ต้องใช้หัวแม่เท้าตรองก็รู้อยู่แล้วว่ายาเม็ดฟ้าทลายโจรหาได้ง่ายกว่า ราคาถูกกว่า ผลในการรักษาก็ใกล้เคียงกัน แล้วคุณจะไปหายาห้าราก ซึ่งแพงจนบางคนบ่นว่าเป็น "ยาห่าราก" ซึ่งเป็นของแพงไปทำอะไรกัน ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    สำหรับสามเณรของเราที่มีโอกาสในการที่เข้ามาบวช ต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญอย่างยิ่ง เพราะว่าอันดับแรกเลยก็คือ เกิดมาทันพระพุทธศาสนา คำว่า เกิดมาทัน นี้ ไม่ต้องพบพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่ว่าให้เกิดอยู่ในช่วงที่พระพุทธศาสนายังเจริญรุ่งเรืองอยู่

    อย่างที่สองก็คือ เอาชีวิตรอดมาจนมีโอกาสบวชได้ เพราะว่าคนเราตายง่ายมาก อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่า หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน ดังนั้น...การที่สามเณรรักษาตัวมาจนสามารถบวชได้ ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก

    ประการต่อไป คืออยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฐิ สนับสนุนให้ลูกบวช แม้ว่าบางคนสนับสนุนให้ลูกบวชเพื่อให้ได้สตางค์ก็เถอะ..! อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ขัดคอลูก

    ประการสุดท้ายเลยก็คือ สามเณรทั้งหลายมีศรัทธาที่ต้องการบวชเอง เพราะว่าถ้าไม่มีศรัทธาที่จะบวชเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลตรงนี้ ต่อให้พ่อแม่บอกว่าได้เงินกี่พันก็คงจะไม่เอาหรอก

    ในเมื่อเราประกอบไปด้วยสมัย ได้โอกาส เป็นผู้มีบุญเพียงพอที่ได้บวชในบวรพุทธศาสนา ก็สมควรอย่างยิ่งที่สามเณรทั้งหลายจะฉวยโอกาสตรงนี้ไว้ให้ดี โดยเฉพาะการเจริญกรรมฐาน สวดมนต์ ทำวัตรต่าง ๆ และการรักษาศีล ๑๐ เพื่อทรงความเป็นสามเณรของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์

    คาดว่าสามเณรทั้งหลายอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ว่าพระภิกษุของเราต้องได้ยินชื่อมาแน่นอน ก็คือสามเณรประยูร มีฤกษ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือ ศาสตราจารย์ ดร.พระพรหมบัณฑิต ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เราจะเห็นว่าท่านมีชื่อเสียงเกียรติคุณทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้ยังให้พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็น "สังฆโสภณ" ผู้ทำให้หมู่สงฆ์ของเรางดงาม

    หรือว่าสามเณรอุทุมพร ที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ แต่สวดพระปาฏิโมกข์ได้ ท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ปวารณาตนเป็นผู้อุปัฏฐาก ถ้าหากว่าสามเณรอุทุมพรต้องการอะไร สามารถบอกกล่าวท่านได้ทุกเวลา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ถ้าจะเอาสมัยพุทธกาล ต้นตระกูลสามเณรเลยก็คือสามเณรราหุล เป็นสุดยอดสามเณรด้านใคร่ในการศึกษา คือเป็นเอตทัคคะ ๑ ใน ๔๑ รูปที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งเอาไว้ว่า มีความยอดเยี่ยมกว่าคนอื่น สามเณรราหุลสุดยอดกว่าคนอื่นตรงที่มีความอยากเรียน ตื่นเช้าก็ไปล้างหน้าก็กอบทรายริมแม่น้ำขึ้นมา ตั้งใจอธิษฐานว่า "วันนี้ขอให้ได้พบอาจารย์ที่ให้คำสั่งสอนเราได้มากเหมือนเม็ดทรายในกอบนี้"

    หรือจะเอาสุดยอดสามเณรผู้เลิศทางให้ลาภ คือสามเณรสีวลี นั่นก็บวชตั้งแต่ ๗ ขวบ ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าไปในทางกันดาร ต้องเอาพระสีวลีไปด้วย ต่อให้ลำบากแค่ไหน ก็มีคนมาถวายภัตตาหารอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

    หรือว่าสามเณรท่านอื่น ๆ อย่างสามเณรเรวัตตะ น้องเล็กสุดในตระกูลของพระสารีบุตร เป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ ๗ ขวบ สามเณรทัพพมัลลบุตรเป็นผู้ยอดเยี่ยมในการจัดภัตตุเทศก์ ก็คือจัดกิจนิมนต์ แล้วยังมีสามเณรที่ไม่ได้เป็นเอตทัคคะอีกหลายรูป ที่ปรากฏชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ อย่างเช่นบัณฑิตสามเณร สังกิจจะสามเณร เป็นต้น

    ใครจะไปรู้ว่าสามเณรทั้งหลายที่อยู่ตรงนี้ ต่อไปในกาลข้างหน้า เราอาจจะได้บวชจนเป็นหลวงปู่ หลวงพ่อ ที่คนเคารพบูชากันทั่วประเทศไทยก็เป็นได้ ดังนั้น...ขอให้สามเณรระมัดระวัง รักษาศีล ๑๐ ของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ถึงเวลารีบสะสมบุญเอาไว้ด้วยการสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน ช่วยกันทำความสะอาดวัด เป็นต้น

    ถ้าเราสร้างบุญเอาไว้มาก สึกหาลาเพศไป จะทำอะไรก็ง่ายกว่าคนอื่นเขา ถ้าบวชอยู่ต่อไปก็จะได้เป็นกำลังใหญ่ของพระพุทธศาสนา และที่สำคัญกว่านั้น ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ต้องการบุญตรงนี้ เพราะฉะนั้น...สามเณรต้องมีการอุทิศส่วนกุศลทุกครั้ง เดี๋ยวเราทำวัตรรอบ ๒ เสร็จ ก็จะมีการอุทิศส่วนกุศลด้วย

    ให้ตั้งใจด้วยว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ และผลบุญทั้งหลายที่เราทำในการบวชวันนี้ ขออุทิศให้แก่ใครบ้าง ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้โมทนา เราจะได้รับประโยชน์ รับความสุขเท่าไร ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้รับด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องพวกนี้สามเณรอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ แต่หลวงพ่อมีเยอะต่อเยอะด้วยกัน โดนผีมาขอบุญขอกุศลจนนับไม่ถ้วนแล้ว บางแห่งก็มาทีหนึ่งเจ็ดแปดพันหรือหมื่นตน บางที่ก็มาแค่ไม่กี่ตน บางท่านได้บุญได้กุศลไปแล้วก็ยังมาอวดอีก อย่างทิดดนัย (นายดนัย ครองขวัญบุญ) ที่เพิ่งจะตายไปเมื่อไม่นานนี้ แล้วหลวงพ่อไปเป็นเจ้าภาพเผาศพให้ วันก่อนเดินบิณฑบาต ยังมายืนกับเมียใส่บาตรด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเมียรู้สึกเย็นผิดปกติหรือเปล่า ?

    ดังนั้น...ตรงจุดนี้สิ่งที่สามเณรทำ นอกจากเป็นบุญเป็นกุศลแก่ตัวเอง เป็นบุญเป็นกุศลกับพ่อกับแม่แล้ว ยังเป็นบุญกุศลที่ผู้ล่วงลับทั้งหลายอยากได้ หรือว่าต้องการมาก
    ขอให้เราระมัดระวัง ตั้งจิตตั้งใจให้ดี แค่ ๑๐ วันเท่านั้น แล้วเราก็ไม่ได้อดกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ถ้าหากว่าเป็นหลวงพ่อ หลังเพลก็ไม่เอาอาหารอะไรเลย นอกจากน้ำร้อนอย่างเดียว แต่สามเณรสามารถที่จะมีนม มีน้ำปานะอะไรฉันได้ จึงไม่ได้ยากลำบากอะไรมาก

    โดยเฉพาะให้ซักซ้อมการอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และการปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะให้ดี ถ้าใครทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ พระพี่เลี้ยงยืนยันแล้ว และหลวงพ่อจะขอทดสอบด้วย ถ้าผ่านก็รับทุนการศึกษาไปคนละ ๒,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๑๐ เมษายนนี้

    ถ้าหากว่าผ่านอย่างเดียวเอาไป ๕๐๐ บาท สองอย่างเอาไป ๑,๐๐๐ บาท สามอย่างเอาไป ๑,๕๐๐ บาท ครบสี่อย่างเอาไป ๒,๐๐๐ บาทเลย ฟังดูแล้วเหมือนกับจ้างบวชอย่างไรก็ไม่รู้ ?! แต่เป็นสิ่งที่เณรทั้งหลายจำเป็นต้องท่องให้ได้ เพราะว่าถึงเวลาแล้ว มีคนเขาบอกว่า "ไอ้หนูบวชมาแล้ว ช่วยอาราธนาศีลที" เราต้องทำได้นะครับ ถ้าหากว่าทำไม่ได้ อย่าบอกเขาว่าไปบวชที่วัดท่าขนุน ขายหน้าเขาหมดเลย..!

    วันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...