เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 กันยายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตรงกับวันพระใหญ่ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นบาลี ยังต้องใช้คำว่าสาวนะมาสัสสะ ก็คือเดือน ๙ ส่วนเดือน ๘ นั้น จะเป็น ๘ แรก หรือว่า ๘ หลังก็ตาม จะเป็นอาสาฬหะมาสัสสะเหมือนกัน

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครที่ยังเข้าใจตรงนี้ไม่ชัด ให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ การบอกศักราชภาษาบาลี เขาให้นับเดือนทางจันทรคติ เริ่มตั้งแต่เดือนอ้าย คือมิคะสิระมาสัสสะ ไล่ไปจนถึงเดือน ๑๒ คือกัตติกามาสัสสะ ไม่ใช่ตามที่หนังสือบางเล่มลงเอาไว้ผิด ๆ ว่าเดือนนั้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นเดือนสากล

    สำหรับวันนี้มีหลายเรื่องที่อยากจะพูดถึง เรื่องแรกก็คือความชัดเจนว่าพระหลวงตาที่ลงไปฉันในบาตร นอกจากท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ตำแหน่งการปกครองยังเป็นถึงรองเจ้าคณะอำเภออีกด้วย..! ก็เลยไม่มั่นใจว่าจะมีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา จะเลียนแบบด้วยการลงไปนั่งฉันในบาตรแบบนั้นหรือเปล่า ? ซึ่งทำไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นว่าจะก่อให้เกิดความเลื่อมใสจากชาวบ้านอะไรเลย นอกจากเวทนาสงสารที่ท่านตีความหลักธรรมของพระพุทธเจ้าผิดพลาด

    เรื่องต่อไปก็คือ ในระยะนี้ทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ มีการนำเอาสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดแล้วไปลง แต่ไปลงแบบ "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับเอาไปกระเดียด" อย่างเช่นที่กระผม/อาตมภาพบอกเล่าไปว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ได้ตอกหลักอาถรรพ์เพื่อสกัดไม่ให้ไสยศาสตร์เขมรเข้าสู่กรุงเทพฯ คนเอาไปลงต่อก็พาดหัวหน้าคลิปด้วยความภาคภูมิใจว่า "ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นผู้ตอกหลัก" หรือไม่ก็นำเอาพระคาถาเงินล้านที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ถ่ายทอดให้ ไปทำเป็นคลิป แล้วก็โปรยหัวว่า "แค่ฟังก็รวยแล้ว" กระผม/อาตมภาพอยากจะทราบเหมือนกันว่าโคตรพ่อโคตรแม่ใครสอนมันอย่างนั้น..!

    อย่าลืมว่าพุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาของเหตุและผล เราต้องสร้างเหตุ ผลถึงจะเกิด ต่อให้เราสร้างเหตุ ถ้ายังสร้างไม่เพียงพอ ผลก็ไม่เกิด พระคาถาเงินล้าน นอกจากเคล็ดลับต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการภาวนาอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ฟังเท่านั้น..!

    อยากจะด่าไอ้คนพาดหัวแบบนั้นว่า "ควาย" ก็เสียดายเกินไป เพราะว่าดูแล้วควายจะฉลาดกว่า..! ถ้าจะด่าก็ต้องด่าว่า "ไอ้ควายสะตวง..!" อยากรู้ว่าควายสะตวงเป็นอย่างไร ให้ไปถามท่านตี้ (พระวสุพล อภิปุญฺโญ) ดู เป็นแค่ดินเหนียวปั้นอยู่ในกระทงแก้บนเท่านั้น หาคุณงามความดีอะไรมากกว่านั้นไม่ได้เลย..

    แต่ก็เป็นเรื่องแปลกว่า คนเราถ้ากิเลสตรงกัน ก็คือกูขี้เกียจ..! ในเมื่อขี้เกียจภาวนา แค่ฟังก็รวยแล้ว ก็เลยไปฟังกันใหญ่ อย่างเก่งก็ได้อนุสติ หรือถ้าหากว่าได้สติขึ้นมา กำลังใจภาวนาตามไปสักเล็กน้อย ก็อาจจะมีผลนิด ๆ หน่อย ๆ เรื่องพวกนี้ถ้าทิ้งไว้นานไป คนก็จะเข้าใจผิดไปเรื่อย แล้วกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป ก็คือสิ่งที่ปฏิบัติกันผิด ๆ เชื่อถือกันผิด ๆ แทรกเข้ามาในหลักธรรมที่แท้จริง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    แบบเดียวกับหลายท่านที่นำเอาเสียงภาวนาพระคาถาเงินล้าน หรือว่าเสียงสวดพระคาถาเงินล้านของหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ไปลง แล้วก็พาดหัวว่าเป็นเสียงสวดของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เกิดไม่ทันยังไม่พอ ยังโง่ด้วยการรับรองไปเต็มที่แบบนั้นอีก..! ก็เลยทำให้มีคนเข้าใจผิดไปเป็นจำนวนมาก ว่าเสียงสวดของหลวงพ่อโอก็คือเสียงหลวงพ่อฤๅษีฯ ซึ่งถ้าไม่มีกระผม/อาตมภาพเข้าไป "คอมเม้นต์" ให้ ก็คงจะโง่ต่อไปกันอีก เรื่องพวกนี้ยิ่งนาน ก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่ามีการบอกด้วยการ "แชร์" กันต่อ ๆ ไป

    สมัยที่กระผม/อาตมภาพฝึกอยู่ในกองโรงเรียนของทหาร เขาบอกว่า ข่าวออกจากปาก ถ้าถึงคนที่สอง ความคลาดเคลื่อนก็จะปรากฏ ยิ่งผ่านปากมากเท่าไร ก็ยิ่งคลาดเคลื่อนมากเท่านั้น ปลาไหลตัวใหญ่หน่อย อาจจะกลายเป็นมังกรไปเลยก็ได้..! ว่าแล้วครูฝึกก็กระซิบใส่หูคนแรก บอกว่าภายในครึ่งนาที จะต้องรู้ถึงหูคนสุดท้าย ทุกคนก็กระซิบต่อกันไปด้วยความรวดเร็วมาก

    ท้ายที่สุด คนสุดท้ายก็วิ่งออกมาหน้าห้อง ชิดเท้าปัง..! ตรงหน้าครูฝึก "ขอบคุณครับ..!" ครูฝึกถามว่า "อะไรวะ ?" เจ้าเพื่อนคนท้ายแถวบอกว่า "ครูฝึกจะให้เงินผม ๒๐..!" เล่นเอาครูฝึกหัวเราะจนชักดิ้นชักงอ เพราะว่าสิ่งที่เขาบอกก็คือ "มึงบอกไอ้คนสุดท้าย ให้มันวิดพื้น ๒๐..!" เพราะฉะนั้น..เรื่องที่คลาดเคลื่อนพวกนี้ ถ้าหากว่าไม่มีการชี้แจง ต่อไปก็จะเข้าใจผิดกันไปเรื่อย ๆ

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือระยะนี้มีแต่คนโทรมาถาม เรื่องที่ทางด้านปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) ไปให้ใครก็ไม่รู้ บอกบุญเรี่ยไรเพื่อสร้างวัด คือเขาถามว่า "ใช่สาขาของวัดท่าขนุนหรือไม่ ?" เพราะว่าระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเป็น "สำนักสงฆ์วัดท่าขนุน" ซึ่งไอ้คนตั้งชื่อมันบ้า..! สำนักสงฆ์แต่เป็นวัด..! ถ้าหากว่าไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นได้แค่ที่พักสงฆ์ ถ้าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้นทะเบียนไว้ จึงเป็นสำนักสงฆ์ เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ถึงจะเป็นวัด

    กระผม/อาตมภาพเบื่อแล้วเบื่ออีกกับการโทรถามไม่รู้แล้วไม่รู้เลิก ขอแม้กระทั่งรายละเอียดว่าส่งใครไปอยู่ ? ชื่ออะไร ? ฉายาอะไร ? อายุพรรษาเท่าไร ? มึงสงสัยทำไมมึงไม่ถามตรงนั้น ? เสือกมาถามกู..! ก็ถึงได้บอกไปในกลุ่มไลน์ว่าให้เปลี่ยนชื่อเสีย จะเป็นสำนักสงฆ์อะไรก็ได้ แต่ให้เอาคำว่าวัดท่าขนุนออก เนื่องเพราะว่าวัดท่าขนุนไม่เคยมีสาขา มีอยู่แค่วัดเดียว ท่านอื่น ๆ ที่ส่งไปเป็นเจ้าอาวาส ก็เป็นเจ้าอาวาสตามชื่อวัดเดิม หรือสำนักสงฆ์เดิมของเขา

    โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรา บอกไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร สิ่งที่มีการบอกบุญให้ญาติโยมทำกันอยู่ในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้น เป็นโยมที่ได้รับอนุญาตแล้ว อาสาไปตั้งกระทู้ให้ญาติโยมต่าง ๆ ได้ทำบุญ ในโอกาสหรือว่าในกองบุญที่ทางวัดมีอยู่ เมื่อได้รับปัจจัยครบถ้วนแล้ว ก็ต้องปิดกระทู้ทิ้งไปเลย ซึ่งหลักการปฏิบัติจะเป็นในลักษณะอย่างนี้ ดังนั้น..ถ้าญาติโยมคนไหนฟังอยู่แล้วสงสัย โปรดอย่าโทรถามมาทางนี้ ให้โทรมาถามคนบอกบุญเรี่ยไรโน่น ก็คือโทรไม่รู้จักแล้วไม่รู้จักเลิก เช้ากลางวัน เย็น กลางคืน
    ถึงมึงว่าง..กูก็ไม่ได้ว่างเหมือนมึง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องดังที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา ที่มีมือปืนยิงตำรวจตายในงานฉลองของกำนันท่านหนึ่ง เรื่องดังนั้นไม่ได้ดังในเรื่องที่ว่าตำรวจตายฟรี หรือว่าใครวางแผนฆ่าตำรวจ..! แต่ไปดังตรงที่ว่ามีคนทำคลิปไปลง YouTube ว่าบรรดาเจ้าพ่อต่าง ๆ มักจะนิยมพระเครื่อง หรือว่าเครื่องรางสายเหนียว เพราะว่าต้องเสี่ยงชีวิตอยู่กับปืนกับระเบิดมาโดยตลอด..!

    ถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อน เอาแค่ยุคในหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ก็พอ ครูบาอาจารย์สมัยนั้น ส่วนใหญ่แล้วมาสายอยู่ยงคงกระพันมหาอุดกันหมด เพราะว่าสภาพสังคมเต็มไปด้วยศึกด้วยสงคราม เต็มไปด้วยเสือปล้น พอเลยจากยุคนั้นมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือชาวบ้านต้องการความคล่องตัวในการทำมาหากิน แล้วสืบเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน จึงไปเน้นในเรื่องของเมตตามหานิยม หรือว่าค้าขายดี

    ก็แปลว่า
    ความต้องการวัตถุมงคลนั้นเป็นไปตามยุคตามสมัย หรือว่าตามความนิยมในวงการนั้น ๆ ในวงการของบรรดาเจ้าพ่อหรือมือปืน จึงต้องนิยมพวกคงกระพันมหาอุด แต่ว่าถ้าถึงวาระอย่างไรก็ไม่รอด..!

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ สมัยที่ยังช่วยทางกรมตำรวจปราบพวกโจรผู้ร้ายหนังเหนียว มีโจรรายหนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครยิงออกได้เลย ปรากฏว่าวันนั้นได้ข่าวว่าโจรคนนั้นโดนยิงตาย หลวงพ่อท่านก็เลยรีบไปดู ปรากฏว่าร้อยตำรวจเอกขุนบำราบปรปักษ์เป็นคนยิงโจรตาย หลวงพ่อท่านถามว่า "ท่านขุนยิงมันได้อย่างไร ? ปกติไอ้นี่ต่อให้มันเผลอหรือหลับ มันจะทำอะไรอีท่าไหนก็ตาม ยิงไม่ออกทั้งนั้น..!"

    ท่านขุนบอกว่า "คุณลองลากมันออกจากตรงนั้นสักศอกแล้วยิงดูสิ" หลวงพ่อท่านก็เลยลากศพ ขยับออกจากที่มาประมาณช่วงแขนหนึ่ง คราวนี้ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก นั่นขนาดตายแล้วนะ..! ก็เลยถามท่านขุนว่า "ทำไมท่านขุนถึงยิงออก ?" ท่านบอกว่า "ตรงนั้นเป็นที่ตายของมัน..!"

    หรือไม่ก็อย่างตี๋ใหญ่ ที่พกตะกรุดโทน หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ตำรวจยิงตี๋ใหญ่เท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ยิงไม่ออก ก็คือยิงออกแล้วไม่ถูก แต่วันนั้นตี๋ใหญ่โดนยิงตาย ตำรวจค้นตัวแล้วไม่เจอตะกรุดโทนที่ติดตัวอยู่ประจำ มาสอบถามทีหลัง ปรากฏว่าวันนั้นตะกรุดที่คาดอยู่ตลอดเวลา เชือกเปื่อยแล้วขาด ตี๋ใหญ่ก็เลยไม่ได้พกตะกรุดติดตัว เราจะเห็นได้ว่า ถ้าหากว่าวาระกรรมมาถึง ต่อให้เหนียวแสนเหนียวก็ตายจนได้

    ดังนั้น..ส่วนของการใช้วัตถุมงคล ถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุด ต้องประกอบด้วยศีลธรรม ถ้าหากว่าเราเป็นผู้มีทาน มีศีล มีภาวนาเป็นปกติ ต่อให้ไม่พกวัตถุมงคล กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า พรหมเทวดาที่รักษาตัวเรา ท่านจะช่วยเอง แต่ถ้าพกวัตถุเต็มตัว วัตถุมงคลของแท้ แต่คนเก๊ ไอ้คำว่าคนเก๊ในที่นี้ก็คือ ไม่มีศีล ไม่มีธรรม แบบนั้นของแท้แค่ไหนก็ช่วยท่านไม่ได้..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...