"เล่าเรื่อง แม่ชีแก้ว" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย วิริยะ13, 5 กันยายน 2024 at 05:01.

  1. วิริยะ13

    วิริยะ13 สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,947
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,530
    ค่าพลัง:
    +12,555
    09965_n.jpg

    .
    "เล่าเรื่อง แม่ชีแก้ว"

    " .. โอ๊ย นิมนต์ญาท่านไปนั่งเสียก่อนจะพูด "แกไปกับหมู่เพื่อนห้าหกเจ็ดคน พอไปแกก็เล่าให้ฟัง ถูกละที่นี่ แกบอกว่าแกผิดหวังแล้ว" คือหมดหวังไม่มีที่พึ่งแล้ว หวังพึ่งอาจารย์องค์นี้ "แต่ถูกขนาบไล่ลงภูเขาแล้วก็จะไปพึ่งใครที่นี่"

    แล้วก็ย้อนมา "ก็ท่านสอนถ้าว่าจะเชื่อท่าน แล้วท่านสอนทำไมไม่เชื่อท่าน" นี่อันหนึ่งนะ ก็เชื่อท่านบ้างซิจะเป็นยังไง เชื่อเราก็เชื่อมานานแล้ว ความเป็นความเห็นของเราอะไรท่านก็อธิบายให้ฟังแล้วมันเป็นขนาดไหน แล้วเราก็ยังติดยังพันอยู่

    แล้วส่วนอุบายของท่านสอนควรที่จะเชื่อบ้าง "ทำไมไม่เชื่อ ที่ท่านไล่ลงภูเขาก็สมควรแล้ว คือปลอบใจเจ้าของ เอ้าทีนี้ไม่ปฏิบัติตามท่านแล้วก็จะไปหาท่านได้ยังไง ต้องปฏิบัติซิ ลองทำ" ทีนี้ก็มีแต่บังคับให้อยู่ละคราวนี้เพราะมันชินพอ "พอบังคับให้อยู่ พอแน่วลงอยู่นี้ก็สว่างจ้าขึ้น"

    แล้วก็ปรากฏเป็นนิมิตเรานี้แหละมา "ถือมีดเขาเรียกว่าอะไรไม่รู้ มีดก็มีดคมกริบ แสงออกแพรวพราว ๆ ทีนี้ให้พิจารณาอย่างนี้นะ" การทำลายกายทำลายอย่างนี้ จุดตะเกียงเจ้าพายุมาด้วยนะ "หิ้วตะเกียงเจ้าพายุมาด้วยแกว่า หิ้วตะเกียงเจ้าพายุมาแล้วก็ฟันเลย ฟันตัวแกนั่นแหละ"

    ในนิมิตภาวนา "ฟันพออันนี้ขาดตกอันโน้นขาดตก" ฟันนี้ ๆ ทำอย่างนี้ ๆ แยกกายแยกอย่างนี้ "ฟันฟาดมันแหลกไปเลยนะ ฟันแล้วเขี่ย ๆ เขี่ยออก นี่ ๆ ดูเอา ๆ แล้วแยกออกไป อันไหนเป็นสัตว์อันไหนเป็นบุคคล อันไหนเป็นหญิง อันไหนเป็นชาย" เอ้าดูเทียบดู อันไหนสวยอันไหนงาม เอ้าดู ฟันออกจนแหลก

    ทางนี้ก็ดู "เกิดความสลดสังเวชภายในจิตใจ มันเป็นนิมิตอันหนึ่งออกแต่เป็นธรรม พออันนี้แตกกระจัดกระจายไปจนกระทั่งว่าเกิดความสลดสังเวชตัวเอง พอคราวนี้พึ่บลงอีก คราวหลังนี้เงียบเลย" พูดไม่ถูกคราวนี้ จะว่าอัศจรรย์ขนาดไหนพูดไม่ถูก "ทีนี้พอจิตถอนขึ้นจากนั้นก็หมอบกราบไปทางภูเขาเลยแกว่า"

    นี่แกมาเล่าให้ฟังวันที่เราขนาบแก ขึ้นมาอะไรเราว่า "แกเล่าให้ฟัง เอ้อ ๆ คราวนี้ถูกต้องแล้ว ทีนี้ให้พิจารณาอย่างนั้น ๆ นะ นั่นทางเดิน แกก็ยอมทันที" แกลงแล้วนี่ทีนี้ก็บอกง่ายนิดเดียว เอ้าพิจารณาอย่างนั้น ๆ "จากนั้นปัญญาก็ก้าวเลยเทียว พอไปปี ๙๕ เรื่องหมดปัญหาแกก็ไปเล่าให้ฟัง" พิจารณาไปอย่างนั้น ๆ มันเป็นอย่างนั้น ๆ

    "พอจากนั้นแล้วเราก็ไม่เคยสอนอีกเลยสอนแบบนั้นนะ แกเองก็ไม่เคยถามเลย" ตั้งแต่นั้นมาจนป่านนี้มันกี่ปีแล้วล่ะ พ.ศ. ๙๕ ถึงปีนี้ก็ ๔๐ ปี แล้วแกตายไป ๒ ปีนี้แล้วหักออกเสียเป็น ๓๘ ปีใช่ไหม "มันก็ควรจะเป็น (อัฐเป็นพระธาตุ) เพราะผ่านไปนานแล้ว" .. "

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     

แชร์หน้านี้

Loading...