เรื่องเล่าเดิมจากลุงคนเชียงใหม่ กับเฮติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงคนเชียงใหม่, 19 มกราคม 2010.

  1. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    มีเรื่องราวที่ผมดูข่าว
    การแก่งแย่งอาหาร รวมกลุ่มกันปล้นฆ่าแย่งอาหารกัน
    ทำให้นึกถึงเรื่องราวทีุ่พระคุณลุงเคยเล่าให้พวกเราฟังตอนยังเป็นฆาราวาส
    ทำให้ผมกลับไปค้นดูในสิ่งที่พระคุณลุงเคยโพสส์ไว้
    มาดูอีก มีเหตุการณ์ เหมือนกับที่เกิดขึ้น
    หวังว่า ภาพเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในบ้านเรา

    วิกรม หลานพระคุณลุงครับ


    *****************************
    สถานที่ปลอดภัย(ต้องขออภัยที่พิมพ์ผิดบ่อยๆเพราะแป้นพิมพ์มันเล็กกว่าที่ตาของลุงจะเป็นชัดๆ)
    ในเชียงใหม่เองที่จะโดนหนักมีสองเรื่องคือ ฟังวลีนี้ไว้แล้วคิดตัดสินด้วยนะ
    "น้ำปิงจะกลายเป๋นสันดอย บ้านคนควันจะลอยอุ้ม คนหนุ่มจะกำมีดมาฆ่ากั๋น เป๋น100 วันบาตรแก่นน้อยก่อปะเต๋ม
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง เมียบะนับผัว ผัวบะนับเมีย ลูกจะขุดเซาะหาป้อ หมองีบก่อบะได้นอน แฮ้งก๋าบินฮ่อนมืดเต๋มเวียง
    จ๋นวันตี้ฟ้ามีเสียงเหมือนโลกแตก ตี้เป่นดอยก็จะแยกเป๋นตี้เปียง คนตี้เปียงจะเสี้ยงตี้ยืน คนเป่นหมื่นจะปาต๋ายเกือบเสี้ยง เจ๊ามีเสียงดังเต๊าหมาตดคนก็กั๋ว ก้มหัวกราบขอบะหื้อต๋าย"

    แปลเผื่อคนที่ไม่ใช่คนเหนือ

    "แม่น้ำปิงจะหายกลายเป็นสันดอย(ภูเขา) บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้)
    คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธอกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร
    คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ
    คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน) ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน แร้งกาบินว่อนเต็มเมือง
    จนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน
    คนนับหมื่นจะพากันตาย คนกลัวหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"

    ลองแปลความให้ดูนะ น้ำปิงจะหายกลายเป๋นสันดอย (เพราะฉนั้น สถานที่ไม่ปลอดภัยน่าจะเป็นพื้นที่ๆติดกับน้ำปิงทั้งหมด) เจดีย์โผล่ออกมา [ลุงไม่แน่ใจนะว่าที่พระอาจารย์เอ่ย จากพื้นดินหรือจากน้ำถ้ามาจากน้ำทางเหนือก็สัณนิฐานได้2 ที่คือที่ชุมชนเก่าเมืองเชียง(ที่พระนางจามเทวีมาพักหลังจากเดินทางมาจากขอม ก่อนมาเข้าเมืองลำพูน ที่พระฤาษีวาสุเทพ สร้างถวาย ) ที่ถูกน้ำท่วมไปจากการสร้างเขื่อนภูมิพล ซึ่งหมายถึงน้ำในเขื่อนหมดไปแล้วนั่นเอง หรือจากบริเวณ ชุมชน และตอนเหนือของเขื่อนแม่กวง ]
    ช่วงนี้เผ่นดินไหวที่เชียงใหม่บ่อยขึ้นคงใกล้แล้วหละ

    *************************************
     
  2. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ล่าเรื่องที่เหลือต่อกัน.................
    "บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้) คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธออกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร"
    ภาพ ของความจราจลหลังการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง มากจนความเสียหายที่เกิดไม่มีคนมีกำลังมากพอที่จะไปช่วยกันดับไฟ หรือเกิดจากการปล้นสะดมเพื่อแย่งอาหาร เพราะประโยคต่อไป ตามด้วยเหตุการณ์ที่คนออกมาเข่นฆ่ากัน จนบรรยายเห็นภาพว่า แม้แต่พระสงฆ์องค์พระเจ้าทั้งหลายก็มีอาหารไม่พอฉัน นานร่วมร้อยวัน (น่าเป็นห่วงนะ สำหรับพระที่ไม่เคยปฏิบัติ เคร่งครัดแต่เรื่องธรรมวินัยไม่เคยฝึกจิตมีเป็นจำนวนมาก ยิ่งพระที่เป็นพระพุทธพานิชย์คงอดอาหารที่3-7วันฉัน 1มื้อ แต่พระสายพระป่าคงไม่ยากหรอก ใครที่ฝึกปฏิบัติกับพระอาจารย์ที่ระดับจิตสูงๆแล้ว ท่านมักจะแนะนำให้ฝึกถือศิลอดนะลองถามดูท่านจะยิ้มๆถึงเหตุผล** คงให้เตรียมตัวไว้**)
     
  3. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง
    แปล "คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่ มีที่พอกลบฝังศพ คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน)"

    "**คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า***ถ้าท่านเป้นคนหนึ่งที่ยังมี น้ำตาเสียใจคร่ำครวญกับความตายของญาติหรือคนที่รักของท่านแสดงว่าท่านไม่ รู้จักความตายว่าเป็นสัจจธรรม วันที่เกิดเหตุการณ์ ท่านจะรับไม่ได้กับความสูญเสีย ลองสมมุติภาพนะว่าทั้งบ้านพ่อแม่พี่น้องตายหมดเหลือเพียงท่านคนเดียว ท่านจะอุเบกขากับเหตุการณ์นั้นได้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้(ต้องอย่างรวดเร็วด้วยนะ)
    ท่านอาจกลายเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
    ***ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ ***คงบรรยายภาพจำนวนคนที่ต้องจากเราไปนะว่าจำนวนเท่าใด
    ***คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง***
    คนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ประสพภัยพิบัติอย่างรุนแรง คือ
    1.คนที่ยังติดโลภ ติดหลง กับทรัพย์สมบัติ กับชีวิตของผู้จากไป ทำให้ไม่จากไปใหน
    2.คนที่ทั้งชีวิตเป็นเด็กในเมือง ไม่มีตลาดไม่เคยรู้ว่า จะไปหาอะไรกินได้จากใหน
    นึกไม่ออกว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรถ้าไม่มีตลาด เขาก็จะไปแก่งแย่งเข่นฆ่ากันตามซากซุเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย
    รวมทั้งคนที่ไม่ได้เตรียมตัว+เตรียมใจ+ไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์+ไม่มีแผนอะไรไว้ในใจ ที่จะออกจากพื้นที่ ที่เป็นปัญหา
    ****ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน****ภาพต่างคนต่างเอาตัวรอด คนที่แต่งงานกันเพราะความอยากในกาม ก็จะทิ้งกันเอาตัวรอด ภาพของเด็กที่ไปคุ้ย ซากปรักหักพังเพื่อหาศพพ่อแม่ ท่ามกลางเสียงร้องไห้กระจองอแงเศร้าโศรกเสียใจ ภาพหมอที่ต้องรักษาคนที่บาดเจ็บจนแทบจะไม่ได้นอนคงพอเห็นภาพอะไรนะ****
    ***************************************************
    ""แร้งกาบินว่อนเต็มเมืองจนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"
    และบทสุดท้ายก็คือ
    แร้งกาจะบินว่อนเต็มเมือง หมายถึงมีศพมามายจนคนที่เหลือไม่มีกำลังพอที่จะกลบฝัง
    แล้วก็มีเสียงดังเหมือนฟ้าแตก **ลุงไม่แน่ใจว่าจะดังขนาดไหน แต่พระอาจารย์ว่าคนที่ไม่สามารถแยกจิตออกจากกาย หลังจากวันนั้นเขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย(คงแก้วหูแตก)**พื้นที่ๆเป็น ภูเขาจะกลายเป็นที่ราบ พื้นที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน*** อันนี้ลุงเดาเอาเองนะไม่ได้ถาม ถ้าน้ำท่วมที่ราบหมด พื้นที่เราเห็นว่าสูงๆก็จะเป็นที่ราบไปเอง หรือไม่ก็ทรุดลงไปจริงๆ
    ***คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"***
    คนตายจำนวนมาก คนที่เหลืออยู่ก็อยู่ในภาวะหวาดกลัว จนเปรียบเทียบว่าเสียงดังเท่าหมาตดก็ก้มลงกราบขอชีวิต**ดังแค่ใหนไม่ทราบ เพราะลุงก็ยังไม่เคยได้ยินหมาตดเลยในชีวิต**
    **************************************************
    ข้อความทั้งหมดที่ลุงคัดลอกมาจากบันทึกที่ลุงได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมและบวช อยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อแยกกายจิตได้ พระอาจารย์ท่านก็เมตตา เล่าให้ฟัง
    เรื่องราวเหล่านี้พระอาจารย์จำนวนมากทราบแต่ ติดที่ศิลของท่านที่ไม่สามารถเล่าเรื่อง
    ให้อนุสัมปัน(คนที่มีศิลต่ำกว่าฟังได้)
    และท่านอาจารย์ยังย้ำนะว่าให้ไปฝึกจิตให้เลื่อนระดับสูงขึ้นไป
    เพราะหลังจากเหตุการร์เกิดขึ้น ในโลกของอสุร ก็จะเต็มไปด้วยอสุรที่เกิดใหม่ ไม่มีอาหารเพียงพอในโลกนั้น ก็จะเข้ามาเบียดเบียนมนุษย์
    ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยคนที่มีจิตสูงเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งทำทานอาหารให้สรรพสัตว์ในภพภูมินี้
    ได้อยู่อย่างสงบด้วย หมายถึงโลกจะสงบจากการเข้ามาเบียดเบียนของอสุระกายต่างๆหมายถึงต้องมีผู้รอด ที่มีความพร้อมในการทำทาน แผ่ส่วนกุศลแบบไม่มีประมาณให้สรรพสัตว์เหล่านี้ด้วย


    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2006ครับ
     
  4. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ อ่านข้อความ
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าสิ่งที่ลุงเห็น เป็นอะไรแต่ส่วนหนึ่งที่ลุงตัดสินใจที่จะเดินหน้า
    และยิ่งมีความมั่นใจ เมื่อพบกับกลุ่มบ้านคนญี่ปุ่นที่ เมื่อสอบถามประวัติหลังจากรู้จักกันดีแล้ว
    ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
    นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น
    ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่

    ขอเล่านิมิตรของลุงให้ฟังก็แล้วกัน ไม่ต้องเชื่อนะ เพราะระดับการฝึกจิตของลุงยังไม่ถึงขั้นที่
    จะบอกตัวเองได้ถึงขั้นใหน การถอดจิตยังไม่เป็นวสีได้
    แต่อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นในนิมิตรนั้น
    ตัวเมืองเชียงใหม่พังยับเยิน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
    หลังจากนั้นเขื่อนที่เกิดรอยร้าวก็ทลายลง
    คนในตัวเมืองและระหว่างทางไหลของน้ำ ต้องก้มหน้าร้องไห้กับความสูญเสีย
    แต่ไม่ทันที่คนจากภาคอื่นจะเข้ามาช่วยนั้น
    ก็เกิดแผ่นดินไหว ซ้ำจนร่องลำน้ำแม่ปิงหายไป
    ทุกอย่างดับมืดไปหมด ตึกสูงระเนระนาด
    ..............................................
    ลุงเห็นภาพลุงกำลังใส่บาตรพระที่พายเรือ
    เห็นยอดแหลมดผล่ขึ้นมา
    พระท่านยิ้มแล้วบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งของเจดีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา
    ......................................................................................
    แผ่นดินที่อิสานแตกร้าวไปทั่ว น้ำที่เจิ่งนอกในภาคอีสาน กินไม่ได้แม้แต่หยดเดียว
    (คงเป็นวิบากกรรมของคนอีสานเรื่องน้ำ) คนอีสานบ้านเรานำโดยพระอาจารย์หูเป็นรอยปาน
    ข้ามลำน้ำโขงไป อยู่ที่ฝั่งลาว

    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2006ครับ
     
  5. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คุณหนุมานดูข้อมูลนี้หน่อยนะ
    ********************************
    ช่องทางที่ต่อจากเชียงแสนมายังเชียงใหม่มีดอยนางแก้ว
    วางขวางอยู่ตั้งแต่แม่สายไปจนต่อกับดอยขุนตาลของลำปาง
    ลองดูแผนที่และเป็นสาเหตุหนึ่งที่พะเยาไม่อยู่ในพื้นที่ทำนาย
    ของพื้นที่ปลอดภัย
    ภาพที่น้ำข้ามภูเขามาลุงได้บอกไว้แต่ต้นแล้วหละ
    ดูตามรูปที่ลุงแนบมาด้วยนะ (เป็นรูปที่พวกลุงและกลุ่มเพื่อนได้ศึกษาพื้นที่กัน
    นอกจากการดูกันทางจิตและก็คำทำนายทุกอย่างที่มีอยู่แล้วครับ )
    ส่วนทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ ที่น้ำมาจากสาละวิน (ต้นน้ำจากหิมาลัยเช่นกัน)
    จะมีเทือกเขาบรรทัดกันอยู่ สูงกว่าเทือกเขาดอยนางแก้วอีก
    สบายใจได้ครับ
    *******************************
    ในส่วนอากาศหนาวเจอแน่นนอนครับทุกที่ ยกเว้นส่วนที่จมทะเลไปแล้ว
    น้ำจากทางเหนือเป็นน้ำที่เกิดจากการทะลัก
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าเกิดอย่างที่คุณหนุมานเอ่ยอ้าง
    แต่ลุงคาดว่าเกิดจากเขื่อนของจีนต้นน้ำโขงพังทะลายลง
    ********************************
    และความอดอยากจะรุนแรงในแหล่งที่ไม่มีอาหารในพื้นที่เช่นเขตเมือง
    ที่แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ในแหล่งที่มีพืชอาหารในพื้นที่
    สบายครับ
    *********************************
    ส่วนภาคกลางจะรุนแรงมากเท่าไรลุงไม่มีภาพที่เห็นนะ
    *******************************
    พูดคุยกับเพื่อนที่ ภาคอีสาน
    ลุงเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมอีสาน
    ถึงมีน้ำที่กินไม่ได้เต็มพื้นที่(ตามคำทำนาย)
    เพราะเพิ่งทราบว่าใต้พื้นดินอีสานเต็มไปด้วย(เกลือสินเทาว์ โปแตส)
    ทำให้น้ำที่จะทะลักขึ้นมาจากพื้นหินใต้ดินแตกหัก
    จะใช้ได้ไม่กี่วันก็จะเค็ม จนใช้ไม่ได้ พืชอาหารตายหมด
    จนต้องข้ามไปฝั่งลาว( เหมือนที่ลุงเคยได้รับการบอกเล่า
    คงเป็นเหตุหนึ่งที่วันหนึ่งลาวกับไทยจะเป็นประเทศเดียวกัน )
    *********************************

    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2006ครับ
     
  6. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ลองนึกภาพที่บ้านของเรา
    วันนี้แผ่นดินไหว ตึกใหญ่ บ้านปูนพังยับ
    ถนนที่มีอยู่ใช้การไม่ได้ พังยับเยิน
    ปั้มน้ำมันระเบิดไฟใหม้จนแทบไม่เหลือ
    ไฟฟ้าดับหมด โรงไฟฟ้าพังยับเยิน
    อาหารไม่มีคนขาย เพราะบ้านส่วนใหญ่พังหมด (คงมีการไหวของแผ่นดิน 15-20 ริกเตอร์ หรือมากกว่า เพราะขนาดที่มีการทำนายกันไว้ว่าแผ่นดินแยก เหมือนมีงูยักษ์มุดออกมาจากแผ่นดินต้องไหวระดับแรงหินใต้ดินโก่งตัวอย่าง รุนแรง)
    ทุกคนอยู่ในอาการกระวนกระวายร้องให้เพราะความสูญเสีย อาหารที่มีในมือก็พอกินได้ อีก2-3 มื้อ
    เป็นปรกติแล้วที่เราจะมีอาหารอยู่ประมาณนั้น ที่เหลือพึ่งตลาด
    เพราะอาหารในตู้เย็นเริ่มเสียแล้วเนื่องจากไฟดับ
    หรือ ถูกบ้าน(โดยเฉพาะแบบสร้างด้วยปูน)ถล่ม
    อาหารขาด เงินจำนวนมากเท่าไดก็ไม่สามารถแลกอาหารได้มากพอ เริ่มมีการแก่งแย่งกันเกิดขึ้น
    หลายพอเริ่มจะตั้งหลักกันได้
    คนที่เริ่มคิดได้ก็จะไปริมทะเลเพื่อมองหาอาหารแล้ว คลื่นยักษ์ที่เกิดจากแผ่นดินไหว ก็พากันกวาดเอาคนจำนวนมาลงทะเล
    จนคนจำนวนมากไหวหวั่น กระวนกระวาย
    การจราจรแย่งอาหารเกิดขึ้นในเขตเมืองก่อน
    แล้วค่อยลามมายังเขตปริมณฑลที่ยังพอมีอาหารมากกว่า .........................
    -----------------------------------------------------------
    วันที่ 3ก็มาถึง น้ำเหลือจำนวนมากมายก็พากันหลั่งโหมเข้ามากวาดเอาคนต้อนคนที่บนทรากปรักหักพังลงสู่ท้องทะเล
    เสียงกรีดร้องน้ำตา จากความเศร้าเสียใจของคนที่เหลือเพียงไม่กี่คน
    (ตำนวนของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เลือกอยู่บนยอดดอย เพราะเขามีการสอนกันมาว่าเขาคือผู้ที่รอด
    ในบ้านนอกมียุ้งข้าวที่กินได้
    มีฟักข้างบ้าน มีไก่เลี้ยงตามใต้ถุน มีหมูที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน
    แล้วเราคนในเมืองหละถ้าวันี้ ต่อไปอีก 3วันตลาดไม่มีอะไรเลย(เพราะถนนพังทั้งหมด)
    ไม่มีอุปกรณ์หุงหาอาหาร เพราะไฟฟ้าดับหมด
    ...........................................
    มองในมุมร้าย หรือมองโลกในแง่ร้ายมากไปหรือเปล่า

    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2006ครับ
     
  7. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ายละเอียดและที่ตั้งที่ได้มีการศึกษาจากกลุ่มคนที่ทำงานกับลุงมา2-3 ปีแล้ว
    ในการหาว่าจุดที่ปลอดภัยควรจะเป็นจุดใด
    ทั้งจาก น้ำ แผ่นดินไหว ภัยสงคราม
    และรังสีจากการมีสงครามนิวเครียส์
    เมื่อเลือกกันทั้งหมดแล้ว ก็เลือกกันว่า
    พื้นที่ๆพอมีแผ่นดินไหวบ้าง
    แต่มีความสามารถในป้องกันภัยด้านอื่นได้
    น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
    จึงเลือกเอาบริเวณเหนือหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นไปประมาณ 2 กิโลกว่าๆ
    ซึ่งน่าแปลกใจที่แผ่นดินไหวคราวที่แล้วห่างจากบริเวณนี้ไปประมาณไม่ถึง 30 กิโลเมตร แต่ฝั่งนี้กับไม่รู้สึกเลย(อาจเป็นเปลือกหินคนละก้อนกัน)
    ใครมีจุดที่ดีกว่า หรือมีข้อมมูลที่ๆลูกเลือกแล้วมันอันตราย ปรือปลอดภัยมากกว่าลุง ส่งมาให้ลุงด้วย
    บริเวณที่ตั้งที่ลุงกับเพื่อนๆเลือก เป็นเขตบ้านนอกแนวสันเขาด้านหลังมีทิวเขาห่างไปพอสมควรเป็นแนวกั้นลมได้ดี พื้นเป็นดินยังมีความสมบูรณ์ ปลูกมัน เผือกได้ขนาดใหญ่มาก(ดูจากของญี่ปุ่นปลูก) เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างวัดพระบาท4รอย กับวัดป่าดาราภิรมย์(มีพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า ที่จะพบรังสีม่วงในคนที่ฝึกสมาธิมาถึงระดับสัมผัสจิตอรหันต์) ที่ทั้ง2ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่จนครบ 5000 ปี

    "ตามที่พระอาจารย์เคยบอกนิมิตรไว้ว่าภาคเหนือจะได้รับภัยก่อน แล้วก็จะหยุดก่อน
    แต่ที่เหลือจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาก ตามมาภายหลัง
    ในส่วนภาคอีสาน พระอาจารย์ บอกไว้ว่าคนเกือบทั้งหมดจะข้ามไปอยู่ฝั่งลาว
    เพราะบ้านเราไม่มีอาหารเพียงพอ และหนาวมากจนไม่มีฟืนไปในพื้นที่พอจุดกองไฟประทังหนาว
    ภาคเหนือหลังจากเกิดเหตุแล้ว เมืองลี้เมืองลาวจะหนาว ทุ่งนาจะเป็นสีขาว ต้นไม้สูงยาวจะเฉาตายทั้งป่า ฝูงปลาจะพากันแข็งตาย (สงสัยมีหิมะตกแล้วต้นไม้พากันตายหมด เสียดายที่ไม่ได้ทันถามรายละเอียดเพราะตอนนั้นยังไม่แน่ใจเท่าวันนี้)

    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2004
     
  8. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คุณสัปเหร่อ ช่วงนี้ลุงมาส่งครูบาฯที่หนองคายคงประมาณ ต้นเดือนมกราคมถึงจะกลับเชียงใหม่
    คุณpinkrosepaper ลุงคงช่วยอะไรไม่ได้มากเนื่องจากระดับจิตของลุงยังไม่สามารถเห็นภาพ
    ที่อยู่ไกลออกไปมาก แต่จะพยายามถามพระอาจาย์ซึ่งช่วงนี้ท่านกำลังเดินทางไปหนองคาย และ
    จะเข้าไปที่ประเทศลาว (ลุงไม่แน่ใจพระอาจารย์จะกลับมาเมื่อไหร่)

    แต่สิ่งที่สบายใจกันได้ก็คือ (สิ่งนี้พระอาจารย์จะไม่ค่อยพูดถึง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะมากและรุนแรง จนทำให้คนที่เต็มไปด้วยกิเลสหลงชีวิต ที่เต็มไปด้วยบาปกรรม จะยิ่งเบียดเบียนคนอื่น เพื่อตัวเองจะรอด(คิดว่าจะรอด) จะทำให้สถานที่ที่เต็มไปด้วย ความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น หนักจนพื้นหินทรุด และการที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมารมากๆ จะทำให้การเลื่อนระดับจิตของตนเองยากยิ่งขึ้น)
    พระอาจารย์ย้ำเสมอ ขอให้เชื่อว่าศาสนาพุทธจะอยู่บนแผ่นดินสุวรรณภูมิไปจนถึง 5,000ปี
    และเหตุร้ายที่เกิดนั้น จะเกิดขึ้นรุนแรงในความรู้สึกของคุณที่ติดอยู่ใน ความโลภ ความโกรธและความหลง รับไม่ได้กับการที่ต้องเริ่มต้นใหม่เกือบทั้งหมด และประมาทในชีวิต
    แต่ในคนที่ เข้าใจในสัจจธรรม
    ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งที่เรามี เราเห็น นั้นเป็นเพียงของสมมุตินั้น
    การสูญเสีย คนที่เรารัก ผูกพันธ์ ของที่เราหามาได้และผูกพันธ์จิตกับมันเช่นบ้านรถ
    และที่สำคัญคือไม่กลัวกับความตายก็จะมีสติ
    มองเห็นภาพที่เกิดขึ้นเหมือนเราอยู่บนฝั่งมองทะเลบ้าคลั่งเท่านั้นเอง
    แต่จุดที่ลุงกำลังชวนหลายคนมารวมกันหรือคิดร่วมกันก็คือ
    จุดบนฝั่งที่ปลอดภัย เพื่ออย่างน้อยเราอาจจะเป็นคนที่มีเรี่ยวแรงไปช่วย(ทำบุญ)
    กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    ............................................................................
    (ลุงเห็น ภาพ) คนที่หิวกระหาย ทั้งอาหารและน้ำ จะรวมกลุ่มกันรื้อค้น ทุกหย่อมหญ้าเพื่อหาอาหารมาประทังความหิว คนชั่งที่คิดว่าโลกสิ้นสุดแล้ว จะตามข่มขืน ฆ่า ความไม่พอใจโกรธเคืองกันที่อยากจะฆ่าฟันที่อยู่ในใจจะระเบิดขึ้นมา(แต่ไมรู้ ว่าเป็นจุดใหนนะ)
    (ลุงเห็น ภาพ) คนตัวสั่นงันงก ต่อเสียงกรีดร้องของ ดวงวิญญานที่รับไม่ได้กับการตายของตนเอง ดังก้องไปทุกโสตประสาท(จิตของมนุษย์หยาบลงจนสัมผัสเสียงของ สัมภเวสี เปรตอสุรกายได้ เนื่องจากความหวาดกลัว จึงมีหลายสำนักแนะนำให้ไหว้พระ สวดมนต์จิตจะได้ไม่อยู่ในภาวะหวาดกลัว ซึ่งจะสัมผัสมากขึ้นไปอีก) ขอให้รีบไปฝึกในการปลงอสุภะ ภาพที่เกิดขึ้นก็จะเบาบางลง ในจิตของเรา

    (ลุงเห็น ภาพ) ภาพน้ำไหลข้ามภูเขา ปลาตัวเท่าวัวเท่าควาย ถูกซัดไหลมาตามทำให้ต่างตื่นกลัวจนลนลาน พื้นที่ติดกับขอบฟ้าที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น(น่าจะเป็นชายฝั่งตอนเหนือนะ)จะ ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวแต่หลังจากนั้นต้องรีบไปอยู่ที่อื่น ให้ไกลๆ
    .......................................................................................
    คุณpinkrosepaper
    สัญญานเตือนที่ เริ่มต้น วันใดเมืองเชียงใหม่ ยับเยินลงไปแล้ว
    เรามีเวลาอีก 3วัน 7วัน ขอให้ไปอยู่ในที่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัย

    ขอให้ผู้ที่มีอภิญญาทั้งหลายได้โปรดเมตตา
    สงสารแก่เพื่อนมนุษย์
    (ลุงคงมีกรรมที่จนถึงวันนี้ยังไปไม่ได้ไกล
    คงเป็นเพราะจิตยังติดห่วงในกระแสกรรมบางสิ่ง
    ที่ยังเห็นเพื่อนมนุษย์ได้รับ จากการไปในครั้งแรกๆของจิตของลุง
    แล้วไม่อาจทิ้งภาพนั้นไปได้จนสนิท จนเกิดเป็นตะกอนในจิต ที่ยังไม่สามารถกำจัดออกไปด้วย
    ตนเองในขณะนี้ได้)
    ขอท่านทั้งหลายได้เตรียมตัว กับส่งที่จะเกิดขึ้น

    วิกรมคัดลอกมาจากของพระคุณลุงที่โพสส์ไว้ปี 2004
     
  9. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ผมไม่พยายามเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในนิมิตรของผมเอง
    ได้แต่นำเอาข้อความที่พระคุณลุงของผม ได้โพสส์ไว้ตั้งแต่ในช่วงปี 2004 ถึง 2006
    ที่นับวันสิ่งที่พระคุณลุงได้ บอกไว้ตั้งแต่ก่อนที่พระคุณลุงจะไปบวช นั้น
    มันได้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง

    ขอเป้นเหตุเตือนสติ เพื่อให้เร่งการคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    เพื่อเร่งสะสมบุญกันทุกท่านด้วยเทอญ
    วิกรมหลานพระคุณลุง คนเชียงใหม่ครับ
     
  10. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    ธรรมชาติบอบช่ำเพราะการกระทำของมนุษย์...ถึงเวลาที่มนุษย์จำต้องชด..และใช้คืนให้แก่ธรรมชาติ...
    มนุษย์ ทำร้ายธรรมชาติจนสูญเสียความสมดุล ท้านสุดขาดความสะมะดุล ธรรมชาติจำเป็นต้องเยียวยาตัวเอง เพื่อคืนความสมดุลให้แก่ตน...
    กรรมะเป็นส่วนหนึ่งอันเกิดจากแรงแห่งการกระทำ..ยังผลให้เกิดวิบากที่จำต้องชดใช้..
    มากน้อยขึ้นอยู่กับเจตนาที่กระทำ...:z16
     
  11. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    มนุษย์มักไขว่คว้าหาความสุขจากภายนอก..โดยลืมไปว่าแม้จริงสุขทุกข์อยู่ที่ใจ..
    ความสุขเกิดจากใจ หากมนุษย์ได้รู้ว่าสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ..ล้วนเป็นสิ่งที่ผ่านเข้ามาและพร้อมที่จะแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงคราวที่ต้องพรัดพรากมนุษย์จะเข้าใจและยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว...
    ไม่มีกฏใดที่ยิ่งใหญ่ และทรงพลัง และไม่มีกฏใดในโลกที่จะเทียบเท่า กฏแห่งพระไตรลักษณ์...กฏแห่งการแปรเปลี่ยน กฏแห่งความไม่เที่ยง..!
    รัก โลภ โกรธ หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ ท้ายสุดต้องละวาง.!
    สามสิ่งควรยึดให้มั่น ดวงแก้วอันประเสริฐ

    พุทธังสะระณังคัจฉามิ
    ธัมมังสะระณังคัจฉามิ
    สังฆังสะระณังคัจฉามิ

    จงพิจารณา มรณานุสติ การตายเป็นเรื่องธรรมดาของโลก..เมื่อถึงเวลาจะรู้..!คำสอนของพระพุทธองค์ใช้ได้จริง..จริง! ดังคำที่ว่า ธรรมะนั้นเป็น อกาลิโก เอหิปัตสิโก ท้ายสุดจงน้อม เป็น โอปณยิโก...สุดท้ายจนเกิดปัญญาในการพิจารณา ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหีติ...
     
  12. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    ต้องขอประทานอภัย คุณลุงด้วยนะคับที่เข้ามาในบ้านโดยพะละการ..
    ผมยังอ่อนด้อยในทางธรรม..
    สิ่งที่คุณลุงนำมาเสนอ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อริยะเจ้าท่านกล่าวเตือน..
    ผมเองก็อยากจะให้มันเกิดวันนั้นเร็วๆ..ฟังดูอาจเป็นคนที่ใจร้าย ขาดซึ่งเมตตาธรรม..
    แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เราจะได้มาในภายภาคหน้าย่อมคุ้ม...
    มนุษย์จิตใจหยาบกระด้างจนเกินไป..จิตไม่สามารถรองรับคุณความดีของพระธรรมได้...
    ซ้ำร้ายแรงแห่งวิบากที่กระทำย่อมน้อมนำให้เกิดภัยที่จะตามมา...
    เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้าย มนุษย์จะได้พบเจอยุคใหม่ที่ใสสะอาดเสียที..ธรรมะจะอยู่ครบห้าพรรวษา...
    ตัวผมเองก็คนเลวคนหนึ่ง..คงจะไม่มีโอกาสได้เห็นวันที่พระธรรมสุกสว่าง และเจริญรุ่งเรืองจนขีดสุด...
    มนุษย์มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ เราเลือกเองได้ว่าจะเอาวิบากดี ฤา ชั่ว..!
     
  13. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ชีวิต ก็เป็น เช่นนี้
    คนชั่ว คนดี มีถม
    บุญบาป สาปซ้ำ จำจม
    ผสม ระทม ทุุกข์ทน

    บ้างเห็น ทางออก บอกเพื่อน
    บ้างเตือน แต่ใย ไม่สน
    คนยัง เดินลง หลุมโคน
    วกวน เหมืแนแมงเม่า เข้ากองไฟ
     
  14. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    คุณลุงหมายถึงพระยาธรรมมิกราชนะหรือคับ...
    แต่เท่าที่พอรู้..การที่พระองค์จะมาได้ นั่นย่อมหมายถึงโลกเกิดกาลวิบัติเสียก่อนไม่ใช่หรือคับ..หรือว่าพระองค์ท่านจะมาก่อน...
    ผู้ชายหนวดยาวผมขาวขี่มาขาววิ่งมาอยู่เหนือเมืองเชียงใหม่...
     
  15. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    มนุษย์หลงลืมธาตุแท้แห่งตน ไขว่คว้าลาภยศมาประดับตน.. ท้ายสุดแม้แต่มือที่กำก็ยังถูกบังคับให้ต้องแบตอนรดน้ำศพ.! น้ำซักหยดยังเอาติดตัวไปไม่ได้เลย..
    สูงสุดเพียงใด..ท้ายสุดย่อมคืนสู่ธรณี!
     
  16. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    คำกล่าวของท่าน naknoi.b ช่างตรึงใจยิ่งนัก...
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,690
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เมืองอันตราย ****

    เมืองที่มีคนโกงกินมาก ไม่ซื่อสัตย์ไม่รักษาสัญญา ไม่รักษาคำพูดกันมาก
    เมืองมีผู้คนเบียดเบียนกันมาก มีอบายมุขมาก
    เมืองที่ค้าขายพระมาก เอาศาสนามาหากินกันมาก
    เมืองที่เอาความเชื่อนอกศาสนา มาบดบังสัจจะคำสอน
    แม้ดูมั่นคงเพียงใด ก็ล่มจม ล่มสลายได้
    แม้กุฏิที่อยู่บนเขาสูง แต่ไม่ปฏิบัติดีไม่ปฏิบัติชอบ น้ำก็ท่วมถึงได้
    แม้เมืองไม่เคยแผ่นดินไหว แผ่นดินก็แตกแยก ไหลไปตามลาวาได้
    วัดจะไม่ใช่ที่ปลอดภัย เมื่อคนดีเขาไปหมดแล้ว
    แต่คนที่เชื่อสัจจะแล้วทำได้จริง อยู่ตรงไหนก็ปลอดภัย
    เป็นปฏิหาริย์คลาดแคล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    สาธุ! ขอบคุณคับ...
     
  19. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    กลางเวียง มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวทอดยาว

    ตระหนักด้วยสติ อย่าตระหนก จนขาดสติ

    พิจารณาข้อมูลอ้างอิง ปัจจุบัน โยงสู่อดีต


    ��蹴Թ������§����:�ѭ�ҳ�ѹ���·����ͧ���ѧ (2) �ҡ���͡ ����๪��� oknation.net

    จากการรวมรวมสถิติของผมในช่วง 2 – 3 ปีเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง พบว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่านับวันศูนย์กลางจะยิ่งใกล้เขตเมืองเชียงใหม่เข้าทุกวัน ๆ และเขตอำเภอรอบนอกของเชียงใหม่ก็เกิดถี่ขึ้นทั้งในหางดง สันทราย ดอยสะเก็ด แม่ริม ฯลฯ

    อย่างไรก็ตาม กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2550 แม้ว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะอยู่ไกลจากเชียงใหม่ โดยห่างจากอำเภอเชียงของประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="60 กิโลเมตร" />60 กิโลเมตร</METRICCONVERTER />แรงถึง 6.1 ริกเตอร์ อันเกิดขึ้นบริเวณรอยเลื่อนแม่จันที่อยู่บริเวณประเทศลาว แต่ผลกระทบการสั่นสะเทือนก็มีสูงมาก รู้สึกได้รุนแรงถึงเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ

    ซึ่งการที่ผมโฟกัสอันตรายที่เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือที่มีตึกสูงมากกว่าจังหวัดใด กล่าวคือมีอาคารสูงเกิน 8 ชั้น 50 แห่ง เป็นอาคารที่ได้รับอนุญาตสร้างก่อนปี 2540 จำนวน 36 แห่ง และหลังปี 2540 อีก 14 อาคาร

    ซึ่งคอนโดมิเนียมฟอร่าวิลล์ เป็นอาคารสูงสุด 28 ชั้น ตั้งอยู่ย่านวัดเกตุ แขวงกาวิละ และอาคารริเวอร์ไซด์ ริมน้ำปิงหน้าสำนักงานเทศบาล สูง 25ชั้น และยังมีการก่อสร้างอาคารสูงอีกหลายแห่งทั้งโรงแรมระดับ 5ดาว ในย่านช้างคลานอีก 2 แห่ง

    ยังไม่รวมการทุ่มลงทุนก่อสร้างตึกสูง – อพาร์ทเมนท์ ในช่วงพืชสวนโลกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง

    ทั้งนี้ อาคารสูงของเชียงใหม่ที่มีการก่อสร้างขึ้นหลังจากปีพ.ศ.2540 ซึ่งอยู่ภายใต้กฎกระทรวง น่าจะรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ริกเตอร์ได้ ส่วนอาคารสูงที่ก่อสร้างก่อนปีพ.ศ.2540 ไม่มีการรับประกันว่าจะสามารถรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นไหวได้หรือไม่ได้

    ประการสำคัญคือ โรงพยาบาล โรงเรียน สถาบันการศึกษาต่างๆ น่าจะมีการตรวจสอบว่า ถ้าหากว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ บริเวณใกล้ๆหรือห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร จะรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนแล้วครับ

    นอกจากนั้นเชียงใหม่ยังมีเขื่อนแม่กวง อุดมธารา และเขื่อนแม่งัด ซึ่งสามารถกักเก็บปริมาณน้ำได้ถึง 260 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหวอย่างมาก

    ถึงแม้ตัวเขื่อนโดยมาตรฐานได้ออกแบบป้องกันการเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงขนาด 8 ริกเตอร์ ก็ถือว่ายังเสี่ยงอยู่เช่นกัน หากป้องกันไม่ได้ปริมาณน้ำมหาศาลจะไหลบ่าสู่ตัวเมืองได้ในเวลาไม่นานนัก

    หากเกิดศูนย์กลางอยู่ใกล้ตัวเมืองมาก รัศมีทำลายสูง ผมก็ไม่กล้าจินตนาการว่าหายนะจะเกิดขึ้นอย่างประเมินค่ามิได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น!!

    อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนประวัติศาสตร์เมื่อปี พ.ศ.2088 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนกระทั่งเจดีย์หลวงพังทลายลงมา ซึ่งวัดเจดีย์หลวงวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระยาแสนเมืองมา กษัตริย์ในราชวงศ์มังรายองค์ที่ 7 ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด และได้รับสร้างต่อมาในสมัยพระยาติโลกราช (พ.ศ.2022 - 2024) การที่ถูกเรียกชื่อว่า "วัดเจดีย์หลวง" เนื่องจากมีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่

    นอกจากนั้น ข้อมูลแผ่นดินไหวจากกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ภายใน 70 ปีที่ผ่านมา ภาคเหนือเกิดแผ่นดินไหวขนาดกลางประมาณ 5-6 ริคเตอร์ 6 ครั้ง คือ พ.ศ.2478 จ.น่าน วัดได้ 6.5 ริคเตอร์

    พ.ศ.2518 อ.ท่าสองยาง จ.ตาก วัดได้ 5.6 ริคเติอร์

    พ.ศ.2537 อ.พาน จ.เชียงราย วัดได้ 5.1 ริคเตอร์ มีความเสียหายกับสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน วัด ใน อ.พาน จ.เชียงราย

    พ.ศ.2538 อ.ร้องกวาง จ.แพร่ วัดได้ 5.1 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ และน่าน เสียหายเล็กน้อยที่ จ.แพร่

    พ.ศ.2538 อ.พร้าว จ.เชียงราย วัดได้ 5.2 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และแม่ฮ่องสอน เสียหายเล็กน้อยใกล้ศูนย์กลาง เสียชีวิต 1 คน เพราะล้มศีรษะกระแทกพื้น และครั้ง

    และ พ.ศ.2539 อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย วัดได้ 5.5 ริคเตอร์

    เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2549 แผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ ศูนย์กลางที่อำเภอแม่ริม - ดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ รู้สึกที่ อ.แม่ริม อ.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย โดยเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่องถึง 70 ครั้ง และมีระดับรุนแรง 2 - 3 ริกเตอร์

    ส่งผลกระทบให้ผู้ที่อยู่ในอาคารสูงของ อ.แม่จัน จ.เชียงราย อ.แม่ริม อ.เมือง และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ต้องหนีออกจากตัวอาคาร

    นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์</PERSONNAME /> อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กล่าวในครั้งนั้นว่าสิ่งน่าแปลกใจและน่าจับตาอย่างมากคือ เกิดอาฟเตอร์ช็อคเกิน 10 ครั้ง ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเกิดขึ้นถี่มาก เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดการขยับตัวของรอยเลื่อนแม่ทา ซึ่งเป็นรอยเลื่อนเดิมแต่ยังมีพลังอยู่

    ในอดีตบริเวณดังกล่าวเคยขยับตัวมาหลายครั้งมีความแรงระดับตั้งแต่ 2, 3 และ 4 ริกเตอร์ ทั้งนี้ เคยแรงสุดถึง 5.2 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2538 มีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ การเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงอีกครั้งเมื่อกลางดึกของวันที่ 13 ธันวาคม น่าจะเกิดจากการสะสมพลังงานของเปลือกโลกมานาน และมีการปลดปล่อยออกมา


    “แผ่นดินไหวบ่อยๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาจนกระทั่งครั้งล่าสุดนี้ ผมไม่ขอสรุปว่าจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับกรณีการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล หมู่เกาะนิโคบาร์ และทำให้เกิดคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547

    เพราะถ้าวัดระยะทางจากจุดศูนย์กลางมาถึงพื้นที่ภาคเหนืออยู่ห่าง 2,000-<METRICCONVERTER w:st="on" productid="3,000 กิโลเมตร" />3,000 กิโลเมตร</METRICCONVERTER />

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ภาคเหนือนั้นมีความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว เนื่องจากมีกลุ่มรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ถึง 7 ใน 13 กลุ่มรอยเลื่อนทั่วประเทศ” นายอภิชัยกล่าว


    ด้าน ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย</PERSONNAME /> ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) กล่าวว่า กรณีที่แผ่นดินไหว 5.1 ริคเตอร์ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อปลายปี 2549 ได้ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นแผ่นดินไหวขนาดกลางที่เกิดใกล้เขตเมือง และระดับความแรงนี้จะเป็นอันตรายกับอาคารบ้านเรือน มีรัศมีการทำลาย <METRICCONVERTER w:st="on" productid="10 กิโลเมตร" />10 กิโลเมตร</METRICCONVERTER />

    ทั้งนี้ จะต้องดูว่าตำแหน่งศูนย์กลางของแผ่นดินไหวจริงอยู่ระดับไหน ถ้าตื้นมากวัดจากผิวดินลงไป 5-<METRICCONVERTER w:st="on" productid="6 กิโลเมตร" />6 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> จะอันตราย แต่ถ้าลึกระดับ 30-40 กิโลเมตรก็ไม่น่าเป็นห่วง


    จากสถิติพบว่า เคยเกิดแผ่นดินไหวที่เชียงใหม่เป็นชุดเมื่อปี 2538 ซึ่งการเกิดครั้งนั้นประมาณ 4 - 5 ริกเตอร์ มี 4 ครั้ง ในช่วง 1 - 2 ปี และหายไปพักใหญ่ และครั้งนี้ผ่านมา 11 ปี มาเกิดความแรงขนาดกลาง จึงทำให้คนตกใจ เพราะรู้สึกได้

    ทั้งนี้ ในเขตภาคเหนือนั้นมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดกลางระดับ 4 - 5 ริกเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้องเกิดตรงรอยเลื่อนต่างๆ ได้ทุกที่ เนื่องจากใต้พื้นดินมีรอยแตกรอยแยกที่มีจุดอ่อนทางธรณีวิทยากระจายเต็มไปหมด และจะเกิดแบบสะเปะสะปะ

    แต่ถ้าเป็น 6 - 7 ริกเตอร์ จึงจะเกิดตามรอยเลื่อน ซึ่งในอดีตเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง เมื่อหลายปีก่อนเคยมีการขุดทางธรณีวิทยาพบบางตำแหน่ง เคยเกิดแผ่นดิน 6 ปลาย 7 ริกเตอร์ และแผ่นดินไหวขนาดนั้นก็เป็นอันตรายมาก เช่น แถวรอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย


    ขณะที่รศ.ดร.สมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์</PERSONNAME /> หัวหน้าศูนย์วิจัยภัยพิบัติแผ่นดินไหว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย สาขาภาคเหนือ กล่าวว่า

    เหตุแผ่นดินไหวใกล้เมืองเชียงใหม่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว เนื่องจาก พื้นที่ใจกลางของเชียงใหม่มีลักษณะทรุดตัวลงของเปลือกโลกเมื่อประมาณ 10 ล้านปีก่อน ทำให้มีรอยแตกในชั้นหิน

    เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีดินตะกอนมาทับถม ปัจจุบันใต้พื้นดินของตัวเมืองเชียงใหม่มีรอยเลื่อนที่มองไม่เห็นและมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา

    มีแรงสั่นสะเทือน 2-3 ริคเตอร์ ทำให้รับรู้ความรู้สึกไม่ได้ แต่จากเครื่องตรวจสอบวัดได้ตลอดเวลา

    "แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี โดยพบว่าเกิดใต้ผิวดิน <METRICCONVERTER w:st="on" productid="8.5 กิโลเมตร" />8.5 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ถือว่าตื้นมาก ทั้งนี้ หากความรุนแรงถึง 5.5 ริคเตอร์ขึ้นไป จะทำให้เกิดความเสียหายกับอาคารสิ่งปลูกสร้างได้

    ส่วนในอนาคตจะเกิดแผ่นดินไหวในตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยืนยันไม่ได้ว่าจะถึง 5.5 ริคเตอร์ หรือไม่"


    รศ.ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์</PERSONNAME /> กล่าวว่าในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่ทา รอยเลื่อนแพร่ รอยเลื่อนเถิน ซึ่งแนวลอยเลื่อนเหล่านี้ ยังคงมีการเคลื่อนไหวอยู่

    นอกจากนี้ยังมีรอยเลื่อนอีกสองแนวในบริเวณภาคใต้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย และที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมาว่า มีฟองอากาศผุดขึ้นมา มีรอยแยกในทะเล ซึ่งจริงๆแล้วตรงนั้นอยู่ในแนวของรอยเลื่อนระนอง ซึ่งมีฟองก๊าซ ที่ตอนนี้พิสูจน์ทราบแล้วว่า เป็นก๊าซมีเทน

    ก๊าซมีเทนเกิดจากการเน่าสลายของสิ่งมีชีวิต อาจจะเป็นพืชหรือสัตว์ แต่ไม่เกี่ยวกับศพที่เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งเมื่อมีการเขย่าของพื้นดินก็เลยทำให้ทะลักขึ้นมา

    สำหรับในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งใกล้ตัวเรา คือ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน พบว่า มีรอยเลื่อนที่สำคัญอยู่หลายแนว รอยเลื่อนเหล่านี้ ก็มีการเคลื่อนตัวอยู่ แต่การเคลื่อนตัวหรือขยับตัวของภาคเหนือ ยังค่อนข้างน้อยมาก

    แผ่นดินไหวที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนเหล่านี้ สูงสุดที่เคยวัดได้ที่ 5.6 ริกเตอร์ที่แม่สะเรียง ส่วนที่ใกล้จังหวัดเชียงใหม่ ที่อำเภอพร้าว ดอยสะเก็ด สันกำแพง จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4 ริกเตอร์หรือสูงสุดประมาณ 5.1 ริกเตอร์ที่อำเภอพร้าว ซึ่งก็ยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายนัก เพียงแต่ทำให้เราตกใจบ้าง มีลักษณะเขย่าและสั่นนิดๆ หลายจุดอาจจะมีรอยแตกร้าว

    แต่ขนาด 5.1 ริกเตอร์ ยังไม่ทำอันตรายต่อโครงสร้างของอาคาร แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2537 เกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ ที่อำเภอพาน โรงพยาบาลพานเสียหายทั้งหลัง ทำให้ใช้งานไม่ได้เลย กล่าวคือ เสาแตกร้าว ปูนกะเทาะเห็นเหล็กเส้นที่อยู่ข้างใน ทำให้ต้องรื้อทิ้งทั้งอาคารเลย


    สำหรับโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในภาคเหนือ จากข้อมูลที่ได้ศึกษามา ในรอบตั้งแต่ปีพ.ศ.2443 รอบประมาณ 100 ปี ในประเทศไทยไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 6 ริกเตอร์ ขนาดใหญ่กว่านั้น จะพบในประเทศพม่าที่มีขนาดใหญ่ถึง 7-8 ริกเตอร์ นอกจากนั้นจะเป็นจีนตอนใต้ และสปป.ลาว

    ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศพม่าขนาด 7-8 ริกเตอร์ จะเป็นอันตรายต่อประเทศไทยบางจุดที่อยู่ติดชายแดน เพราะชายแดนห่างกันเพียง 200-<METRICCONVERTER w:st="on" productid="300 กิโลเมตร" />300 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ขนาดแค่พอรู้สึกได้ หรือตึกเขย่า แต่ไม่ถึงกับพังทลาย

    แต่รอยเลื่อน 5 รอยเลื่อนทางภาคเหนือ จะมีการเคลื่อนตัวปีละไม่กี่มิลลิเมตร ทำให้โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือ ขนาดประมาณ5-6 ริกเตอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ได้ อาจจะเกิดขนาด 6 ริกเตอร์ได้

    เพราะในภาคเหนือมีศักยภาพที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ ได้ เพราะมีรอยเลื่อน 5 แห่ง พื้นที่ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6 ริกเตอร์ เช่น อำเภอปัว จังหวัดน่าน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย และอำเภอดอยสะเก็ด พร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่สามารถที่จะพยากรณ์ได้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไร ส่วนแผ่นไหวขนาด 7 ริกเตอร์ ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นในภาคเหนือหรือไม่

    จากการที่ศึกษาการเกิดแผ่นไหว เมื่อมันเคยเกิดแล้ว มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ที่นั่นบ้าง ที่นี้บ้าง ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน แต่สิ่งที่รู้ ก็คือว่า มันจะเกิดตรงบริเวณที่เคยเกิดเป็นประจำประมาณ 80% ซึ่งถ้าดูจากสถิติรอบๆมหาสมุทรแปซิฟิก

    ประมาณ 80% จะเกิดแถวนี้ ไล่ขึ้นมาถึงอินโดนีเซีย พม่า ซึ่งอยู่ในโซนที่เกิดแผ่นดินไหว จีนตอนใต้ อิหร่าน ตุรกี ตอนเหนือของอินเดีย อาฟกานิสถาน อยู่ในโซนที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นประจำ และมีขนาดแรงถึง 7 ริกเตอร์

    รศ.ดร.สัมพันธ์ เสนอว่าน่าจะมีการศึกษาเรื่องของแผ่นดินไหวกันใหม่ หาตัวเลขที่ชัดเจนกว่านี้ ให้มั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม หรืออาคารที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล ไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น จะต้องไม่พัง

    สมมุติเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ริกเตอร์ กลางเมืองเชียงใหม่ โรงพยาบาลในเชียงใหม่จะต้องไม่พัง ซึ่งมาตรการนี้เป็นข้อที่พึ่งปฏิบัติกันทั่วโลก ดังนั้นการสร้างโรงพยาบาลจะต้องเผื่อไว้ก่อน ลงทุนสูงเท่าไรก็ต้องยอม ยอมไม่ได้ที่จะให้โรงพยาบาลพัง ถ้าเกิดแผ่นดินไหว เพราะถ้าเกิดโรงพยาบาลพัง ก็จบกันทำอะไรไม่ได้เลย

    เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ก็อยู่ใกล้รอยเลื่อน และมีอาคารสูงจำนวนมาก ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน คอนโดมิเนียม และโรงแรม หน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชน ให้เกิดความตระหนักในภัยที่เกิดจากแผ่นไหว เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรม และเพื่อบรรเทาภัยและลดความเสียหายจากแผ่นดินไหว ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต

    การเตรียมการเพื่อพร้อมที่จะรับมือกับแผ่นดินไหวจึงเป็นเรื่องที่สมควรกระทำอย่างยิ่ง ดังเช่นที่ได้มีการปฏิบัติกันในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

    สำหรับการเตรียมการในอนาคตจะต้องทำอย่างไร

    1. สิ่งก่อสร้างสำหรับสาธารณประโยชน์ควรออกแบบให้เป็นพิเศษ เช่น ไฟฟ้า โรงประปา โรงพยาบาล เขื่อนเก็บกักน้ำ เป็นต้น จะออกแบบเช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างธรรมดาไม่ได้ อย่างน้อยควรให้รับแรงแผ่นดินไหวได้มากขึ้นกว่าปกติ 1 ขั้น ตามมาตรามอดิฟายด์เมอร์แคลลี

    2. ระบบป้องกันอัคคีภัยจะต้องดี แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายแห่ง เช่น นครซานฟรานซิสโก เมื่อ พ.ศ.2449 และที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ.2466 เกิดไฟไหม้อยู่หลายวันหลายคืน ดังนั้นจึงต้องเตรียมการในด้านนี้ให้รัดกุม

    3. ระบบตัดก๊าซ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ก๊าซกันมากขึ้นกว่าอดีต หากก๊าซรั่วจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย จะต้องมีวิธีการที่ดี ซึ่งเมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล้ว หากท่อส่งก๊าซเกิดรั่วขึ้นมา จะต้องมีระบบตัดก๊าซที่ปฏิบัติการได้ทันท่วงที

    4. การออกแบบโครงสร้างและการก่อสร้าง จะต้องให้มีความเหนียว ของส่วนประกอบโครงสร้างที่ดี มิเช่นนั้นอาจจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เช่นที่ถนนสองชั้นพังทลายลงมาทับรถยนต์ที่กำลังแล่นไปมา ในขณะเกิดแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโก เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2532 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึงกว่า 60 คน

    ที่สำคัญควรศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสภาวะของแผ่นดินไหว และการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนที่สำคัญในประเทศไทยให้ละเอียดกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องยิ่งขึ้น สำหรับการออกแบบโครงสร้างต่อไปและพร้อมกันนี้ควรมีการติดตั้งเครื่องวัดอัตราเร่งของพื้นดิน (accelerograph) ในเมืองใหญ่และสถานที่ก่อสร้างสำคัญๆ เช่น เขื่อนเก็บกักน้ำ เป็นต้น เพื่อจะได้ข้อมูลสำหรับการศึกษาและการป้องกันต่อไป

    สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ อาคารขนาดตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไปที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ถ้าไม่ได้ก่อสร้างเผื่อไว้ อาคารก็พังได้ ขอให้เจ้าของอาคารสูง ผู้รับผิดชอบ โรงพยาบาล โรงเรียน ต่างๆต้องตรวจสอบตั้งแต่บัดนี้

    ถ้าอาคารใดไม่ได้มีการออกแบบก่อสร้างต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นไหว ก็ควรจะหาทางแก้ไข โดยการเสริมความแข็งแรง โดยเอาไปดามเหล็กไว้ เพื่อให้เกิดความแข็งแรง โดยไม่ต้องรื้ออาคารเดิมทิ้ง ในเรื่องนี้วิศวกรผู้รับผิดชอบโครงการสามารถที่จะทำได้ เพราะต่างประเทศ เช่น ซานฟรานซิสโก เขาก็ใช้วิธีนี้กัน

    นอกจากนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่และองค์การบริหารส่วนตำบลที่รับผิดชอบในการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร จะต้องปฏิบัติในฐานะผู้ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดทั้งในด้านการอนุญาตให้ทำการก่อสร้างและการควบคุมดูแลการก่อสร้างให้เป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมาย จะทำให้มีความปลอดภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้

    นี่คือสถิติที่ผมได้ประมวลและรวบรวมขึ้นในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาครับ

    · เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2547 เวลา 23.53 น. เกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="13 กิโลเมตร" />13 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ละติจูดที่ 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.0 องศาตะวันออก มีขนาด 2.0 ริคเตอร์ แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกสั่นสะเทือนที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่


    · วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2548 กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องแผ่นดินไหวรู้สึกได้ที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.53 น. ของวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2548 (ตามเวลาในประเทศไทย)

    ได้เกิดแผ่นดินไหวรู้สึกได้มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หรือที่ละติจูด 17.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.0 องศาตะวันออกมีขนาด 3.0 ริคเตอร์ ระยะทางห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศใต้ ประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="110 กิโลเมตร" />110 กิโลเมตร</METRICCONVERTER />

    · วันที่ 18 กันยายน 2548 เมื่อเวลา14.26 น. เกิดแผ่นดินไหวโดยมีศูนย์กลางอยู่บริเวณพรมแดนพม่า–อินเดีย หรือละติจูด 24.62 องศาเหนือ ลองจิจูด 94.5 องศาตะวันออก ระยะทางห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="800 กิโลเมตร" />800 กิโลเมตร</METRICCONVERTER />

    โดยสามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับ 6 ริกเตอร์ มีรายงานว่า ผู้อยู่บนอาคารสูงในจังหวัดเชียงใหม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    · วันที่ 4 ธ.ค. 48 ได้เกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีศูนย์กลางความสั่นสะเทือนอยู่ระหว่าง อ.หางดง และ กิ่ง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในสองพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งเขต อ.เมือง โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่อาศัยบนตึกสูงทั้งโรงแรม และคอนโดมิเนียม ต่างตื่นตระหนกกับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น

    แผ่นดินไหวเกิดขึ้นติดต่อกัน 2 ครั้งในวันเดียวกัน คือครั้งแรกในเวลา 16.34 น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 4.5 ริกเตอร์ แรงพอที่ประชาชนจะรู้สึกได้ ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.58 น. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 3.7 ริกเตอร์

    สำหรับเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว มีสาเหตุจากการเคลื่อนตัวของลอยเลื่อนซึ่งเป็นจุดเดิมที่เคยตรวจจับได้หลายครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งยังประมาทไม่ได้เนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าวอาจมีอาฟเตอร์ช๊อกตามมา แต่จะเป็นลักษณะไหนและรุนแรงเท่าไหร่ยังไม่สามารถระบุได้

    · วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2549 เกิด เหตุการณ์แผ่นดินไหวรู้สึกได้ในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ ทั้ง อ.ฝาง แม่ริม แม่อาย สันทราย เวียงแหง และ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ โดยมีจุดศูนย์กลางในรัฐฉาน ประเทศพม่า วัดได้ 5.7 ริกเตอร์

    · วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2549 เมื่อเที่ยงคืนเศษเกิดแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.1 ริคเตอร์ ปรากฏว่าวัดเจดีย์หลวงวรวิหารก็ได้รับผลกระทบ โบสถ์โบราณล้านนา อายุ 123 ปี ที่อยู่ด้านหลังพระนอนพระพุทธไสยาสน์ หรืออยู่ด้านหลังองค์เจดีย์หลวงนั้น

    ได้พบรอยแตกแยกระหว่างเสาโบสถ์ กับกับปูนฉาบกำแพงแตกร้าวและแยกออกจากกัน จำนวนกว่า 10 แห่งภายในโบสถ์ ส่วนด้านนอกโบสถ์นั้นปูนที่ฉาบกับเสารอบๆ โบสถ์ก็พบรอยแตกออกมาบ้างแล้ว คาดว่าหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงซ้ำก็หวั่นว่าจะเกิดการทรุดตัวของโบสถ์ล้านนาโบราณ

    · วันที่ 19 ธันวาคม 2549 เมื่อเวลา 07.03 น. เกิด เหตุแผ่นดินไหว รู้สึกได้ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นแผ่นดินไหวท้องถิ่นขนาดเล็กวัดได้ 2.7 ริกเตอร์ ระดับความลึกที่ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="10 กิโลเมตร" />10 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ศูนย์กลางอยู่ที่ อ.สันทราย

    · 24 ธ.ค. 49 เวลา 18.49 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหวรู้สึกได้ที่ ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ แผ่นดินไหวขนาด 3.3 ริกเตอร์ ห่างจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหว ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="16 กิโลเมตร" />16 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ในเขต อ.แม่ริม เป็นบริเวณเดียวกับที่เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.

    · 6ม.ค.50 ชาวบ้านหมู่บ้านน้ำหลง ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวอีกระลอก ขนาด 3.1 ริกเตอร์ ช่วงสายของวันนี้ พบว่ารอยร้าวผนังอาคารบางจุดที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งที่ผ่านมา ได้ขยายขนาดความกว้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

    · วันที่ 15 พ.ค. 2550 เวลา 21.30 น. เกิดแผ่นดินไหว 5.1 ริคเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ที่พรมแดน ไทย-ลาว ห่าง จ.เชียงราย ประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="95 กิโลเมตร" />95 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> หรือเลยสามเหลี่ยมทองคำ ด้าน อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือของแม่น้ำโขง ประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="35 กิโลเมตร" />35 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> ที่บริเวณท่าเรือเมืองพง บ้านโป่ง ประเทศพม่า และที่เมืองมอม แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า เกิดเหตุเป็นรอยเลื่อนเชียงแสน ที่พาดผ่านชายแดนไทย-ลาว-พม่า

    · วันที่ 16 พฤษภาคม 2550 เกิดแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณรอยเลื่อนแม่จันที่อยู่บริเวณประเทศลาว ห่างจากอำเภอเชียงของประมาณ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="60 กิโลเมตร" />60 กิโลเมตร</METRICCONVERTER /> โดยเป็นเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์



     
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    <table id="post2830324" class="tborder" border="0" align="center" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">[​IMG] 11-01-2010, 12:48 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #12448 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2830324", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 3,149
    พลังการให้คะแนน: 2835 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2830324" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->เดี๋ยวนี้แม้แต่รายการทีวีระบบก็จัดให้ดู

    เมื่อกลางปีที่แล้ว พาสามีไปพบแพทย์ ได้ดูแนชันแนลจีโอกราฟฟิค (ที่บ้านไม่มีเคเบิ้ล)
    ได้ดูเรื่องภัยนาร์กิส จึงได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ตายเพราะคลื่นยักษ์และน้ำท่วมจากคลื่นที่เกิดจากพายุ ไม่ใช่ตายเพราะพายุจริงๆ
    ที่ติดตามภาพนิมิตรของกัลยาณมิตรเรื่องคลื่นยักษ์เดือนพค. จากมหาสมุทรอินเดียนั้นมาจริงๆ คนตายสิบเท่าสึนามิ ๒๐๐๔ จริงแต่ไม่ได้มาจากแผ่นดินไหว

    วันนี้ที่บ้านมีเคเบิ้ลแล้ว เพิ่งย้ายจากเคเบิ้ลปรกติเป็นยูบีซีเดิมเมื่อเดือนก่อน
    สามีดูช่องประวัติศาสตร์ กลับมีรายการเรื่องแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดที่น่าจะเกิดทีวนอุทยานเยลโล่สโตน สหรัฐอเมริกา

    เขาว่าเทือกเขางูใกล้เยลโล่สโตนนั้นเป็นร่องรอยการประทุของภูเขาไฟเป็นแถว (แบบงูสวัสดิ์) แต่ละจุดห่างกันหกแสนปี ทะเลสาปในอุทยานคือปล่องที่ปิดแล้วจากการประทุครั้งสุดท้าย ที่เกิดเมื่อราวหกแสนปีเศษที่ผ่านมา

    อึ๋ย หกแสนปีล่วงไปแล้ว ของใหม่จะประทุเมื่อไร
    ปล่องแมกม่าใต้ดินลึก ๔๐๐ กม. มีแมกม่าเหลว เคลื่อนตัวเหมือนงูใต้ดินด้วยความร้อนสูง
    ความร้อนนี้เองที่ให้กำเนิดน้ำพุร้อนและธารน้ำร้อนทั้งหมดในวนอุทยานเยลโล่สโตน

    ก่อนภูเขาไฟระเบิดจะมีแผ่นดินไหวมาก
    เยลโล่สโตนมีแผ่นดินไหววันละ ๑๐-๑๒ ครั้งทุกวัน แต่ไหวแบบแผ่วๆ
    ตั้งแต่มกรา ๐๙ เยลโล่สโตนมีแผ่นดินไหวทุกวันๆละ ๓๖-๔๘ ครั้ง ๓-๔ ริกเตอร์
    แถมผืนดินพองตัวสูงขึ้น ขณะนี้เรือทีจมทะเลสาปถูกยกขึ้นมาพ้นน้ำแล้ว
    นักธรณีวิทยาบอกว่า ก่อนภูเขาไฟจะระเบิดแผ่นดินเหนือปล่องจะยกตัวสูงขึ้น
    เหมือนเราเป่าลูกโป่งแล้วมันพองขึ้นๆนั่นเอง
    นักะรณีเขาวัดจีพีเอสพื้นดิน
    พบว่าขณะนี้มันสูงขึ้นปีละสอง-สามนิ้ว จริงๆ

    เยลโล่สโตนแผ่นดินไหว ๔ ริกเตอร์เขายังกลัวๆ แล้ว ring of fire ของเราไหววันละสี่ห้าหน ห้าริกเตอร์ขึ้นทุกวันนี่หล่ะ

    นึกถึงกว๊านพะเยา ปัจจุบันวัดที่จมไปหลายร้อยปีโผล่ขึ้นมา
    หรือเป็นปล่องภูเขาไฟโบราณ....
    เห้นไหมว่าเรามีแนวตะเข็บน้ำพุร้อน ตั้งแต่ระนองขึ้นไปทางพร้าว ฟังแล้วเหมือนเยลโล่สโตนไหม
    ที่คำทำนายกล่าวว่าภูเขาไฟจะระเบิดที่ทิวเขาตะนาวศรี และอีกที่ๆอีสาณ (จำชื่อไม่ได้)
    ทิวเขาตะนาวศรีก้กั้นไทยกับพม่า จากตะวันตกขึ้นไปถึงทางเหนือ

    คณะมโนมยิทธิเห็เส้นไฟสีอมแดงอมส้มวิ่งใต้ดิน
    ชาวพลังเมื่อปีที่แล้วสัมผัสได้ถึงเส้นไฟใต้พิพภพวิ่งใต้ประเทศไปบุรีรัมย์

    หินที่ภูหินร่องกล้า เพชรบูรณ์ เป็นแมกม่าเย็นตัวจากภูเขาไฟ

    หมดนี่ข้อมูลแจ้งอะไรแก่เรา
    เรานี้เป็นแค่มดปลวกในโลกใบนี้...<!-- google_ad_section_end --> </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...