เรื่องเด่น เรื่องกาม พระธรรมเทศนา โดยพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 9 ตุลาคม 2010.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    [​IMG]?

    เรื่องกาม

    พระธรรมเทศนา โดยพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)

    อันว่ากาเม นี้ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัญหาหนักอกหนักใจของพระหนุ่มเณรน้อยเกือบทุกรูป หรือไม่หนุ่มก็เถอะ ว่ากันว่าการที่นักบวชไม่สามารถครองผ้ากาสาวพัสตร์ไปได้ตลอดรอดฝั่งนั้น

    ต้นเหตุสำคัญก็อยู่ที่แรงดึงดูดอันมหาศาลของ เรื่องนี้นั่นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อหลวงพ่อสอนเรื่องกาม แม้จะเป็นเรื่องหยาบก็ต้องสอนกันบ่อย ๆ และพูดกันอย่างตรงไปตรงมา เพราะลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อ ส่วนมากก็เป็นพระหนุ่มพื้นบ้าน


    “งูเห่าตายแล้วหรือยัง?” ครั้งหนึ่งหลวงพ่อถามพระหนุ่มผู้ร้อนผ้าเหลือง ลูกศิษย์ก้มหน้างุด หน้าแดงและตัวสั่นนิด ๆ “ระวังนะอย่าให้งูเห่ามันฉก วันไหนมันแผ่แม่เบี้ยมาก ๆ ก็ให้ทำความเพียรให้มาก”

    อีกตัวอย่าง ที่เป็นคำสอนของท่านในเรื่องนี้ก็เช่นว่า

    “เออ ! มันหลงน้อ ไอ้โลภ โกรธ หลงนี่เลิกไม่ได้ซักทีน้อ ความงามมันงามอยู่แค่ตานี่นะ ต้องดูให้ดี ๆ ความหลงมันก็หลงอยู่ที่จิตใจนี้ มันไม่ภาวนานะ งามหนัง หลงหนังเรอะ ดูดี ๆ ซิ ข้างล่างมันมีอะไร ดูดีแล้วเหรอ


    ?

    ?

    จิตใจมัน เป็นยังไงนักหนา จะไม่ให้มันพ้นเชียวเหรอ ทุกข์พวกนี้น่ะ อยากเข้าคุกอีกเหรอ รักรูขี้เขาเหรอ นี่สองรู รูขี้ ไม่ล้างละก็เหม็นคลุ้งเลยนะ ไม่เชื่อเหรอ ขี้มูกไหลอยู่น่ะ ไม่รู้ว่าหลงรูขี้เขาด้วยซ้ำ รูขี้เขาทุกขุมขน ทั่วใบหน้า บ้าแท้ ๆ ยังจะหลงมันอีก ยังอยากกลับไปตายที่เก่าอีก ยังไม่พออีกเหรอ"

    บางครั้งท่านก็เทศน์เรื่องอสุภะอสุภัง เรื่องของการเกิด อย่างท่านจะดุว่า

    “ออกมาแล้วยังอยากจะกลับเข้าไปอีกเหรอ กว่าจะคลอดออกมาได้ จมอยู่กับของสกปรก ผ่านของสกปรกมามากแค่ไหน ยังไม่รู้สึกอีก”

    แล้วท่าน จะเปรียบเทียบกับรู หรือท่อในส้วมให้เห็นว่า มันสกปรกอย่างนั้น บางทีท่านก็เปรียบเทียบความอยากในกามเหมือนคนอยากกินเนื้อสัตว์ว่า

    “กามนี้ พระพุทธเจ้าหรือปราชญ์ทั้งหลายท่านสอนว่า เหมือนกันกับคนกินเนื้อสัตว์ เมื่อมันเข้าไปในซี่ฟันเจ็บปวด แล้วก็เอาไม้มาจิ้มมันออก แหม ! สบายนะ เดี๋ยวก็คิดอยากอีกแหละ อยากเนื้ออีกก็มากินอีก

    เนื้อมัน ก็ยัดเข้าไปในซี่ฟันแล้วก็ปวดอีก ไปหาไม้มาแหย่มันออกจิ้มมันออก แล้วก็สบายอีกแล้ว แต่นึกไปอีกอยากอีก ใช่ไหม ไม่รู้จัก ยังงั้นถึงเป็นกรรม กามนี่ขนาดนี้ ไม่ดีไปกว่านั้น พอปานนั้นแหละ”

    หลวงพ่อเล่าถึงตัวเองว่า

    “พอ บวชมาแล้ว โอ้โฮ มันกลัวทั้งนั้นแหละ มันคล้าย ๆ ว่าเห็นกามที่เขาอยู่นะ ไม่เห็นความสนุกกับเขา แต่เห็นความทุกข์มากกว่า มันคล้าย ๆ กับกล้วยน้ำว้าใบหนึ่ง เราไปทานมันก็หวานดี มันมีรสหวานก็รู้อยู่

    แต่เวลา นี้รู้ว่า เขาเอายาพิษไปฝังไว้ในกล้วยใบนั้น แม้จะรู้อยู่ว่ามันหวานเท่าไรก็ช่าง ถ้ากินไปแล้วมันจะตายใช่ไหม ความเห็นมันเป็นเช่นนั้นทุกที ว่าจะกินก็เห็นยาพิษ ฝังอยู่ในนั้นทุกทีนั่นแหละ

    มันก็เลยถอยออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีอายุพรรษามากขนาดนี้แล้ว ถ้าเรามองเห็นแล้ว มันไม่น่ากินเลยนะ”

    พระ อาจารย์รูปหนึ่งเล่าว่า “สมัยก่อนผมเองก็เคยมีปัญหาเรียนถามท่าน บางครั้งก็ภาวนาไม่ลง เพราะถ้าเห็นผู้หญิงสาวสวย ๆ ก็เกิดมีความรัก ชอบมองดู ผมเขาก็สวยดูเรือนร่างของผู้หญิงแล้วสวยงามไปหมด ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร

    ผมก็จนใจ เพราะติดอยู่ตรงนั้น ภาวนาไม่ลง หลวงพ่อท่านก็ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับจิตใจของผม ท่านว่า นั่นแหละเราไปหลงในรูปร่างกายของคนอื่น ถ้ายึดว่าสวยก็ไปหลงรัก ถ้ายึดว่าไม่สวยก็ไปหลงชัง
    เพราะเรา ยังภาวนาไม่เป็นเกิดความมัวเมาลุ่มหลงอย่างนั้น ดูให้แน่ชัดซิว่ามันสวยจริง ๆ หรือ ถ้ามันยังตอบว่าสวยจริง ๆ ก็หันไปดูแม่ยายของเขาเสียก่อนว่า มีสภาพเป็นอย่างไร ผมที่ว่าดำสลวยสวยงามนั้น อีกไม่นานก็จะหงอกขาว

    เนื้อหนัง ที่เต่งตึงในวัยสาวพอถึงวัยชรามันก็เหี่ยวย่น หย่อนยานไป นับวันจะทรุดโทรมลงทุกวัน ๆ ดูแม่เขาซิ เมื่อก่อนเขาก็สวย แต่เดี๋ยวนี้เขาก็มีอันเปลี่ยนไปดูไม่ได้ใช่ไหม นั่นแหละมันเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ


    กฏของ สภาวะธาตุที่ไม่มีใครจะฝ่าฝืนได้ ควรที่เราจะหันมาค้นคว้าพิจารณาดู เพื่อให้รู้แจ้งทั้งร่างกายของเราและของคนอื่นด้วยการพิจารณาอสุภกรรมฐาน เพื่อเพิกถอนความลุ่มหลงของจิตใจให้จางคลายไป

    เพราะหมด ความสงสัย ว่าสวยว่างาม เพราะเราดูเพียงผิวเผินจึงทำให้ลุ่มหลงเอามาก ๆ ให้พวกเราพิจารณาให้ลึกซึ้งด้วยปัญญา จึงจะเห็นตามสภาพความเป็นจริง จึงจะสามารถถอดถอนความกำหนัดยินดีออกจากจิตใจได้

    สามารถยกจิตใจออกจากกองทุกข์ได้ หลวงพ่อท่านมีปัญญามีความฉลาดรอบรู้ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีที่สุดครับ”

    สำหรับรายที่อาการหนักจริง ๆ ภาวนาเท่าไร ๆ ก็ยังฟุ้งซ่าน หลวงพ่อมีคำแนะนำซึ่งทำให้ผู้ฟังคอย่นว่า

    "สันอีโต้ สันขวนฮั่น สับมันลงไปโลด เบิ่งเบิ๋งมันสิกล้าโงหัวขึ้นอีกอยู่บ้อ"

    (สันมีดโต้ หรือสันขวานแน่ะ สับมันลงไปเลย ดูซิมันจะกล้าผงกหัวขึ้นมาอีกไหม)

    แต่คำว่า กาม มีความหมายกว้างขวางนัก มิใช่แต่ความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม หลวงพ่อเคยเตือนสติพระเณรว่า

    "อย่างเรา บวชเข้ามานี้ก็ดีใจว่า จะไม่ได้เสพกามแล้ว อันนี้เป็นคำพูดของเราที่ติดปากกันมา แต่เมื่อเรามองเข้าไปอีกทีว่า ใครเสพนี่ ตามันเห็นรูป ถ้ามันยังเกลียดหรือชอบเขาอยู่ มันก็เสพแล้วนี่

    ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ถ้าไม่รู้เรื่องมัน ๆ ก็เสพทั้งหมด เดี๋ยวนี้ทั้งพระทั้งเณรเสพกามนี้ ไม่ได้หนีกามหรอก ตาเห็นรูปผู้หญิง มันชอบก็เสพแล้ว จมูกดมกลิ่น มันหอมชอบมันก็เสพอีก ยังเสพกามอยู่ยังปล่อยวางอารมณ์ไมได้ ที่ว่าเราเป็นพระนั่นสมมุติขึ้นมาหรอก"

    นอกจากนี้ท่านก็เปรียบเทียบให้เห็นโทษในการติดรสของกาม ซึ่งเป็นอันตรายต่อการประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่งว่า

    "การ ประพฤติปฏิบัติมันก็ยาก ครูบาอาจารย์จะสอนให้เข้าแบบเข้าแนวก็ยาก มันติดรสเสียแล้ว เหมือนกับสุนัข ถ้าเอาข้าวเปล่า ๆ ให้กินทุกวัน ๆ มันก็อ้วนอย่างหมูเหมือนกัน

    แต่ถ้าวันหนึ่งเอาแกงราดข้าวให้กินซี เอาซักสองจานเท่านั้นแหละ วันหลังเอาข้าวเปล่าให้กิน มันไม่กินแล้ว แน่ะ มันติดเร็วเหลือเกิน

    ดังนั้น รูป เสียง กลิ่น รสนี่ จึงเป็นเครื่องทำลายการประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้าหากว่าเราทุกคนไม่มีการพิจารณาในปัจจัยสี่ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยารักษาโรค"


    แล้วท่าน ก็ยังชี้ให้เห็นว่า แม้การชอบคลุกคลีกับเพื่อน หาความสนุกกับการพูดคุยก็เป็นอาการของกาม ท่านบอกว่า พระอรหันต์พระอริยเจ้า อยู่กันเป็นหมื่นเป็นแสนก็ไม่มีเสียง ผู้ประพฤติปฏิบัติจริงอยู่กันร้อยสองร้อยก็ไม่มีเสียงคุย

    เพราะ ฉะนั้น หลวงพ่อจึงย้ำแล้วย้ำอีกว่า นักปฏิบัติมุ่งหน้าปฏิบัติจริง ๆ ไม่มีการพูดคุย เวลาซักผ้าที่โรงย้อม ระหว่างรอผ้าแห้งท่านก็ให้ขัดบาตรรอไปพลาง ๆ หรือทำไม้สีฟันบ้าง รูปไหนเผลอส่งเสียง ท่านจะมาฮึ่มใส่ว่า "ปล่อยให้หมากันอีกแล้ว"

    เพราะโรงย้อมอยู่ใกล้กับกุฏิของท่าน เวลาจะไหนท่านจะสั่งเสียให้รักษาวัดให้ดี อย่าปล่อยให้หมามาขี้ใส่ เป็นต้น
    ?
    เรื่องกาม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
     
  2. mkmk_kmkm1

    mkmk_kmkm1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +220
    ทั้งหญิงชาย มีแต่รูขี้ มองเห็นจริงๆ
     
  3. สนังกุมารพรหม

    สนังกุมารพรหม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +992
    เหอๆ สาธุกับหลวงปู่ครับ ก็เพราะรู่นี่หละที่ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ เหอๆๆ
     
  4. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ พยายาม ลด ละ เลิก แต่ก็ใจสั่นหวั่นไหวเหลือเกิน เวลาคิดถึงคนที่ตนรักทีไร ห้ามใจไม่ค่อยได้ มันหวั่นไหวจริงๆ ค่ะ อยากพิจารณาได้เก่งๆ ชัดเจน เฉียบขาดจัง
     
  5. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
  6. Red-X

    Red-X เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +1,217
    กรานอนุโมทนาคะ เวลาหนังหุ้มเนื้ออยู่ใครก็ว่าสวยว่างาม แต่พอใช้มีดผ่าดูข้างในแล้วบางคนถึงกับทนดูไม่ได้ ขยะแขยง อาเจียน เป็นลม คำว่าที่ว่าสวยว่างามก็หายไปเลย-->ข้อคิดจากอาจารย์ใหญ่
     
  7. หมั่นเพียร

    หมั่นเพียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +708
    กราบอนุโมทนาเจ้าค่ะ พยายามเหลือเกินที่จะพิจารณาร่างกาย สังขาร แต่บางครั้งบางที มันก็ยากจังเลย เพราะยังเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสหนานั่นเอง
     
  8. Laputa

    Laputa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +212
    ยากจริงๆ ครับ อดมองไม่ได้จริง แม้จะพยายามแล้วก็ตาม ฮ่าๆ สาธุ
     
  9. Presxy

    Presxy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +48
    พอใจหรือไม่พอใจ
    ผ่านอายตนก็เสพแล้ว
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,422
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ชัดเจนเลย
    ร่างกายเรานี้มี "ขี้"ทั้งตัว ตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า ลองพิจารณาดูสิ
    ;41jaah
     
  11. tumpopo

    tumpopo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +143
    ถูกใจตรงเนี้ย

    "แม้การชอบคลุกคลีกับเพื่อน หาความสนุกกับการพูดคุยก็เป็นอาการของกาม ท่านบอกว่า พระอรหันต์พระอริยเจ้า อยู่กันเป็นหมื่นเป็นแสนก็ไม่มีเสียง ผู้ประพฤติปฏิบัติจริงอยู่กันร้อยสองร้อยก็ไม่มีเสียงคุย"

    อย่างนี้นี่เอง ผมถึงไม่ชอบคลุกคลีกะเพื่อน <------ ตอนนี้เลยไม่มีเพื่อนสักคน หุหุ

    *^v^*
     
  12. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    เนื้อหนังบังตา กิเลสบังใจ
     
  13. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    อนุโมทนา สาธุครับ ละกามได้เป็นการดีอย่างยิ่ง สังคมจะได้ไม่มีเดนมนุษย์ที่ข่มขืนผู้หญิงในสังคมปัจจุบันอย่างที่ข่าวลงอยู่เกือบทุกวัน
     
  14. tunotun

    tunotun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +79
    ขัดออกทีละนิดก็คงจะหมดละครับ

    อิอิ
     
  15. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    อนุโมทนากับคำสอนของหลวงปู่ค่ะ ชัดเจน ทำให้เข้าใจมากขึ้น สาธุ
     
  16. ธัมปฏิบัติ

    ธัมปฏิบัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +1,019
  17. มุฑิตา

    มุฑิตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +24
    อนุโมทนาสาธุครับ...
    กำลังเร่งถอดถอนความหลงในเนื้อหนังอยู่ครับ...
     
  18. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    การไม่ละกามให้เด็ดขาดมีโทษอย่างไร
    1.ปฎิทานี้ไม่เกิดมรรคผลนิพพาน ไม่เกิดญาณทัศนะ ไม่ทำพระนิพพานให้แจ้งอย่างนี้ครับ

    2.แต่ในระดับปุถุชนผู้ขวนขวายปฎิบัติกำลังใจยังไม่มากให้ถือการมีอย่างอย่างสุจริต
    มีภายใต้ศีล5 อย่างนี้ครับ

    3.ระดับหลงมากๆลองเอ๊ะนิดนึง สุขมันเที่ยงไหม มีทุกข์เจือไหม กิเลสมันโตนี้ควรไหม

    อนุโมทนานะครับ
     
  19. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ ๆ
    ก็ กิเลสกามนี่แล เป็นรากเหง้าเค้ามูล
    ของต้นเหตุแห่งกิเลสตัณหา ตัวอื่น ๆ
    ถ้าตัดกามตัณหาได้ ก็เหมือนตัดรากแก้ว
    ของกิเลสตัวอื่นได้ กิเลสตัวอื่น ๆ ก็จะเฉาตายตามไปเอง
    นี่ คือ ตัวกิเลสตัวใหญ่ ทำให้ตายแล้วเกิด สร้างบาปกรรม
    ก็เพราะกิเลสกามตัณหา เป็นตัวใหญ่ เป็นรากเหง้าที่แท้จริง
    ไม่ว่า คน สัตว์ เทวดา ฯลฯ ก็ยังหนีไม่พ้นกิเลสกามตัณหา
    ถ้าตัดมันได้จริง ๆ ก็สบายไปหลายอย่าง กามสุขน้อยแต่ทุกข์มันมากมายมหาศาล
    ให้ใช้ อสุภะกรรมฐาน เข้ามาฝึกให้มาก ๆ เมื่อมันเกิดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2010
  20. poopenๆ

    poopenๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +86
    โมทนาด้วยคนครับ
    อยากตัดให้ได้เหมือนกัน แต่ทำไมมันตัดไม่ขาดไม่รู้ได้
    ใครตัดได้ช่วยบอกหน่อยครับ...ขอบคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...