หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มหาโพธิสัตว์เมืองกรุงเก่า ตอน หลวงปู่ปานกราบศพ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 22 มีนาคม 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มหาโพธิสัตว์เมืองกรุงเก่า ตอน หลวงปู่ปานกราบศพเคารพพระธรรม
    [​IMG]
    หลวงพ่อปานไหว้ศพ นี่ลูกหลานทั้งหลายน่ะ ก็เคยฟังมาแล้วนา เล่าให้ฟัง แต่ว่ามันเล่าแล้วก็หายไปนี่ คราวนี้มาเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อปานไหว้ศพ ประเพณีของหลวงพ่อปาน แต่ความจริงท่านไม่ได้ทำเป็นประเพณี ท่านทำด้วยจิตเลื่อมใส คำว่าประเพณีกับคำว่าเลื่อมใสมันไม่เหมือนกันนะ ลูกหลานฟังให้ดีนะ ตานี้ว่ากันถึงการไหว้ศพ ไม่ว่าศพอะไรทั้งหมด จะเป็นศพเด็กศพผู้ใหญ่ ศพผู้หญิงศพผู้ชายก็ตาม เวลาเขานำมาที่วัดหลวงพ่อปานท่านก็คว้าธูปคว้าเทียน ถ้าเขามาตั้งเรียบร้อยแล้ว หยิบธูปหยิบเทียน ห่มจีวรคลุมผ้าสังฆาฏิว่ากันเต็มยศแล้วท่านก็ไปไหว้ศพ พวกพระทั้งหมดสมัยนั้นนะ พระสมัยนั้นกับพระสมัยนี้ไม่ค่อยเหมือนกัน ฉันดูพระสมัยนี้มันตื้อๆ เหมือนเรือเกลือยังไงไม่รู้ พระผู้หลักผู้ใหญ่พระหัวหน้าจะทำอะไรไม่ค่อยดู บางทีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่พระวัดไหนเขาดีบ้างฉันก็ไม่ทราบ เดี๋ยวนี้มันเห็นครูบาอาจารย์เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ เห็นคนแก่คนเฒ่า พระเก่าพระแก่ทำก็เฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ว่าระบบของที่นั่นเขาคอยดูกัน มีพระคอยจ้องหน้าคอยจ้องดู ก็มีพวกฉันแหละ ไอ้ลิง ๓ ตัวนี่ ไอ้ลิงดำ ไอ้ลิงขาว ไอ้ลิงเล็ก เพราะเป็นลิงหน้าพลับพลาประจำคอยสังเกตหลวงพ่อปาน ว่าหลวงพ่อปานจะขยับเขยื้อนอะไรก็ให้จังหวะแก่เพื่อน บรรดาเพื่อนพระทั้งหลายก็พร้อมพรึ่บพรั่บทันที นี่เขาเตรียมกันไว้ยังงี้นา เขาไม่ได้คอยให้ครูบาอาจารย์มาตะโกนโวยๆ พระสมัยนิวเคลียร์นี่ไม่เป็นเรื่อง เป็นเหยื่อลุงพุฒิหมด ไม่หมดก็เหลือน้อยเต็มที หรือว่าไงลุง ฮึ แกบอกว่าบวชน้อยๆ น่ะ บวชทันสมัยน่ะทุกรายแหละ บวชแบบทันสมัยนี่ทุกราย ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าวัว ฆ่าควาย บวชกินเลี้ยงทุกราย ถ้าไม่ทำความดีรีบหนีละก็เสร็จ ลงอเวจีเป็นแถว ฟังให้ดี เวลาพระพุทธเจ้าท่านบวช ท่านไม่ได้มีแห่นะ เวลาที่ใครไปบวชกับท่านก็ไม่มีพิธีรีตองมาก ท่านเรียกเอหิภิกขุอุปสัมปทา ว่าเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด เท่านี้แหละ เอหิภิกขุนะ เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด เท่านี้ ต่อมาให้ถึงติสรณาคม ก็ให้ว่าพุทธัง ธัมมัง สังฆัง ก็เป็นอันบวช ต่อมาให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ให้มีพระคู่สวด พระอันดับ ก็ไม่มีแห่อะไร ไม่ต้องทำพิธีมาก ที่ทำกันมากน่ะนอกเรื่องนอกราว ไม่เกี่ยวกับพระศาสนา ทำเลี้ยงต้องเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง ฆ่าเป็ดฆ่าไก่ บาปมันมากกว่าบุญจะไปสวรรค์กันได้ยังไง พวกแบบนี้เขาเรียกว่าลงทุนซื้อนรก เวลาบวชเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ปฏิบัติหรอกนะ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขาไม่เอา ไปคุยกันถึงเรื่องสาวบ้านนี้ จะทำงานบ้านโน้น จะหาลาภอย่างนี้ จะร่ำรวยอย่างนั้น อยากจะได้ยศแบบนี้ ยศขั้นนั้นหมดไป นรกหมดไม่มีเหลือ บวชแล้วไม่ได้เป็นพระหรอก เป็นพระแต่หัวกับผ้าเหลือง ใจไม่ได้เป็นพระ พระที่เขาบวชต้องถือ นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา หรือว่าคำขอบรรพชาแบบธรรมยุตขึ้นต้นก็ขอพระนิพพานเลย เป็นอันว่า จิตเราจะบวชเพื่อพระนิพพานอย่างเดียว บวชเข้าไปแล้วก็เริ่มปลดอารมณ์ อารมณ์ที่เป็นฆราวาสทั้งหมดเริ่มปลดลงไป ปลดมันขาดไม่ได้ก็ยับยั้งไว้ชั่วขณะก็ยังดี อย่างนี้เรียกว่าบวชเล็ก ถ้าปลดได้เลยเป็นบวชใหญ่ ถ้าบวชสะสมทรัพย์ บวชปรารถนายศฐาบรรดาศักดิ์ เสร็จแล้วก็เมายศด้วย ลุงพุฒิว่าไง แกบอกว่าตอบแล้วนี่ เมื่อวาน เสร็จทุกราย ที่ใครได้ยศแล้วไม่เมายศ มีลาภแล้วไม่เมาลาภยังดี ได้ยศแล้วเอายศวางเสีย เวลาใช้ค่อยใช้กัน ไม่ถึงเวลาใช้ก็วางเก็บไว้ก่อน มีลาภสักการก็ทำเป็นสาธารณประโยชน์ แล้วก็เลี้ยงตัวพอสมควร เหลือก็เอาไปทำในส่วนที่เป็นสาธารณประโยชน์ ในเมื่อมีศพทุกศพ หลวงพ่อปานท่านถือดอกไม้ธูปเทียน พาดสังฆาฏิ ทำกันเต็มยศ ท่านไม่ชวนใคร ไม่ตีระฆัง ท่านก็ลงไปศาลาไหว้ศพ พระทั้งหมดพอศพมาก็ต้องเตรียมผ้าสังฆาฏิเหมือนกัน ไม่ต้องบอกกัน เห็นหลวงพ่อปานลุกจากหน้ากุฏิ กุฏิท่านอยู่ลึกเข้าไป ศาลาอยู่อีกด้านหนึ่ง มายืนจุกกันอยู่ทางปากทางหมด พอหลวงพ่อปานเดินออกหน้า ต่างคนต่างเดินเรียงกันตามลำดับอาวุโส ไม่ใช่ตามลำดับยศ ไอ้ยศน่ะพระศาสนาเขาไม่ใช้หรอก ไม่ใช่เรื่องของพระพุทธเจ้า ในศาสนานี้ถืออาวุโสเป็นสำคัญ ยศไม่เกี่ยว เป็นเรื่องข้างนอก ยศเป็นโลกธรรม ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงยกย่อง ไม่ใช้ ผิด เมื่อเดินกันตามลำดับอาวุโสไปถึงหน้าศพ หลวงพ่อปานก็จุดธูปเทียน พวกพระก็จุดบ้าง หลวงพ่อปานกราบ พระก็กราบบ้าง กราบแล้วท่านนั่งเฉย ประเดี๋ยวพระก็นั่งบ้าง เวลาท่านลุกกลับก็กลับบ้าง คนอื่นเขานึกยังไงฉันไม่รู้ สำหรับตัวฉันไม่รู้หรอก เห็นท่านกราบก็กราบ เห็นท่านนั่งก็นั่ง เห็นท่านกลับก็กลับ อย่างนี้เรียกว่าขี้ตามช้าง กราบแบบนี้ประมาณ ๑๐ ศพ คราวหนึ่งยายฟูแกตาย ยายฟูนี่นะเป็นคนที่มาทำงานวัดทุกวัน มาดายหญ้าบ้าง ถูกุฏิบ้าง อะไรบ้าง ตอนเย็นแกก็กลับ รู้สึกว่าตอนแก่นี้แกไม่เอางานบ้านเลย แกสนใจอยู่กับวัด เป็นคนรับใช้หลวงพ่อปาน ทำอาหารการบริโภค ทำครัว ถูกุฏิ กวาดวัด มีเรื่องตักน้ำตักท่าจิปาถะ ยายฟูนี่เอาทุกอย่าง แต่ว่าฉันเห็นว่าแกแก่แล้ว ฉันก็ไปช่วยแก ถ้าเวลาแกตักน้ำฉันก็คว้าหาบไปช่วยแก บอกแกว่าน้าฟูไม่ต้องทำ น้าฟูแก่แล้ว ทำตรงนี้ ทำตรงเบาๆ ตรงหนักๆ นี่ฉันทำแทน สงสารแก ตอนนั้นเห็นแกมีน้ำใจดี แล้วหลวงพ่อปานก็เรียกยายฟู ว่า อีฟู จะธุระอะไรก็อีฟูเอ๊ย ฟูเอ๊ย มาหาหลวงน้าหน่อยวะ นี่ท่านเรียกอีฟู แต่ฉันเรียกน้าฟู พอยายฟูตาย เขานำศพยายฟูจากบ้านมาขึ้นศาลา หลวงพ่อปานก็พาดสังฆาฏิอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงละ กี่ร้อยศพก็ทำแบบนี้ แบบนั้นตอนที่ฉันเป็นหัวหน้าพระ ฉันก็ทำตามท่านเสมอ แต่ตอนนี้ขึ้นมาสายเหนือนี่ ทำไม่ได้หรอก ไม่เห็นเขาเอาท่าเอาทางกันนี่ เขาไม่เอาไหนกันเลยนะ เขาเอาอย่างเดียว บังสุกุลมาติกาหาสตางค์กินเท่านั้น ส่วนสาธารณประโยชน์เขาก็ไม่ค่อยทำกัน พระสายเหนือนี้เขามีอุเบกขาบารมีดีมาก ไม่เอาไหนหรอก เรื่องธัมมะธัมโมนี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจกัน ไม่ค่อยตรงกับพระไตรปิฎก ไปๆ มาๆ เขาบอกว่าทำเป็นประเพณีไป ก็ดีเหมือนกันนะลุงนะ เสร็จ ลุงพุฒิบอกแบบนี้เสร็จ จดแหง ไม่ได้จดหรอก มันขึ้นเอง ลุงพุฒินั่งยิ้ม วันนี้มานั่งพูดตรงนี้นะ หลวงพ่อท่านยิ้มใหญ่ บอก เออ พูดไป พูดไป ท่านว่ายังงั้น ตรงนี้ดีว่ะ ท่านว่ายังงั้น ตอนฉันอยู่น่ะท่านก็พูดยังงี้เหมือนกัน ไอ้ลิงดำเอ๊ยอย่างนี้ดีว่ะ อย่างนี้ไม่ค่อยดีนะ ไอ้ลิงดำเอ็งอย่าทำยังงี้นา อย่างนั้นเอ็งอย่าทำนะ ฮื่อ แล้วท่านว่าไง แกขโมยอะไรข้าบ้าง แกก็บอกเขาด้วยนะ แน่ะมาซ้อมไว้ นี่มาสั่งไว้เดี๋ยวนี้เอง แกขโมยอะไรข้าบ้าง แกบอกให้ชาวบ้านเขาฟังไว้นะ แกอย่าไปปกปิดเขานา แล้วก็ยิ้มหัวเราะชอบใจ หลวงพ่อท่านใจดี ปกติท่านใจดีเสมอ ท่านสงเคราะห์ฉันอยู่เสมอ แต่ฉันก็เป็นลูกศิษย์หัวรั้นไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แบบฉันนี่อย่าตามมันนักนา ถ้าจะตามก็ตามแบบดี แบบเลวอย่าตามนะ มันไม่เกิดประโยชน์ ต่อไปพอศพยายฟูมาก็ไปกันตามเดิม ไม่ต้องพูดถึงเข้าแถวหรอกรำคาญหู หลวงพ่อปานท่านก็กราบ กราบแล้วท่านก็นั่งเฉยๆ นั่งตามแบบฉบับซี ตอนนั่งท่านนั่งปลง แต่ฉันไม่ได้ปลงหรอก ฉันไม่รู้นี่ ท่านนั่งฉันก็นั่งมั่งซิ ท่านหลับตา ฉันก็ทำตายิบๆๆๆ กลัวท่านจะลุกมาแล้วฉันไม่รู้ หลับเป็นตากระต่าย พอท่านนั่งเสร็จแล้ว ท่านลืมตาขึ้นมา ฉันหรี่ตาไว้นี่ ทำไมฉันจะไม่รู้ท่านลืมตา ฉันเลยถามว่า หลวงพ่อขอรับ ก็ยายฟูน่ะเวลามีชีวิตอยู่หลวงพ่อเรียกอีฟู แล้วเวลายายฟูตาย หลวงพ่อมากราบทำไมขอรับ ท่านหันมามองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็มองพระทุกองค์คล้ายๆ กับท่านจะถามในใจของท่านว่า พระทุกองค์น่ะคิดเหมือนไอ้ลิงดำหรือเปล่า ท่านก็บอกว่า ไอ้ลิงดำ ที่มาไหว้ศพน่ะเขามาไหว้สัจธรรมของพระพุทธเจ้านะ คำว่าสัจธรรมน่ะเป็นแบบนี้ คือว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าร่างกายของคนน่ะ อย่าพูดเลยว่าขันธ์ ๕ มันยุ่งเปล่าๆ ขันธ์ห้าขันธ์เห้ออะไรนี่ยุ่ง มันฟังยาก ขันธ์น่ะแปลว่ากอง ไม่ใช่ภาษาไทยเสียอีก เอาร่างกายก็แล้วกัน ร่างกายของคนและสัตว์นี่น่ะมันเป็นอนิจจัง มีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ ทุกขัง แต่ในที่สุดก็เป็นอนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาที่เรามาไหว้กันนี่เขาไหว้พระสัจจธรรมของพระพุทธเจ้า เวลากราบลงไปเขากราบพระพุทธเจ้ากันนะทีแรก กราบพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้าเทศน์นี่นะถูก ทรงเทศน์ไว้ตรง ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับนับถือ ขอเอาธรรมข้อนี้หรือคำสอนตอนนี้ไปคิดเป็นประจำใจ จะได้เป็นคนไม่ประมาท ตกอยู่ในคุณธรรมชั้นสูง เป็นมรณานุสสติกรรมฐาน แล้วก็กราบลงไปครั้งที่ ๒ ก็นึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนที่พระองค์ทรงหลั่งไหลออกมาจากพระโอษฐ์ เหมือนดอกมะลิแก้ว เพราะแพรวพราวไปด้วยความจริง แพรวพราวไปด้วยคำประเสริฐ นี่พระธรรมที่หลั่งไหลออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เป็นของจริงเป็นของประเสริฐ ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามัน ให้เข้าถึงความสุข กราบครั้งที่ ๓ ก็กราบพระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านอุตส่าห์ร้อยกรองพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว ไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไป รวบรวมเข้าไว้ นี่กราบความดีของพระ ๓ พระนา เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ แกจะเห็นว่าคนที่ตายแล้วฉันมากราบ แม้แต่เด็กฉันก็กราบ นี่ความจริงฉันไม่ได้กราบเด็ก ไม่ได้กราบคนตาย ฉันกราบพระพุทธ กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์ และเอาคนตายนี่เป็นครูฉัน ว่าเขาเกิดมาแล้วตาย จริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัส แล้วท่านก็หันมาถามว่า เออ เจ้าลิงดำ แล้วเอ็งกราบอะไร ก็เลยกราบเรียนท่านว่า ที่ผมกราบไม่ใช่กราบอะไรหรอกครับหลวงพ่อ ผมก็กราบผี ท่านก็เลยถามว่านี่ล่อมากี่ผีแล้วพ่อคุณ บอกว่าสิบกว่าผีแล้วขอรับ ท่านว่าแล้วกันไอ้ลิงดำ กราบผีเข้าให้แล้ว ดีเหมือนกัน ไอ้คนอย่างแกมันก็โง่น้อย ไม่ใช่โง่มาก หมายความว่าโง่แล้วพอพูดแล้วมันก็เกิดความฉลาด โง่แล้วยังดีกว่าไอ้คนโง่แล้วไม่พูดไม่ถาม พูดแล้วก็ยิ้มๆ มองกวาดไปทางพระองค์อื่น บอกว่า ไอ้ที่โง่แล้วไม่ถามมันอาจจะมีเยอะนา ในกลุ่มที่นั่งนี่น่ะ บวชก่อนพวกแกตั้ง ๑๐ พรรษา ๒๐ พรรษาก็มี เข้าใจกันหรือเปล่า ฉันทำให้ดูไม่เข้าใจก็ถามซิ ถ้าไม่ถามขี้ตามช้างมันก็ดีเหมือนกัน แต่ประโยชน์น้อย เอาเถอะก็ดี ทีนี้ท่านก็เลยบอกว่าการกราบศพเขากราบคุณพระรัตนตรัย กราบสัจจธรรมของพระพุทธเจ้า ทีนี้เวลาเผาศพก็เหมือนกันนะ อย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใดที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่าวันนี้เราเผาเขา ไม่ช้าเขาก็เผาเรา คนเกิดมาแล้วมาตายอย่างนี้เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่เกิดดีกว่า เราไปพระนิพานนั่นละดีที่สุด เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ไม่มีอะไรเป็นความหมาย ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสารไม่ได้ หาประโยชน์ไม่ได้ นี่ท่านสอนอย่างนี้ก็จำไว้นะลูกหลาน เผาผีก็มุ่งไปนิพพาน ไปกราบศพไปเคารพศพก็ไปนิพพาน อย่าทำกันเป็นประเพณีนะ ประเพณีที่เขาจัดทำทำไปเถอะ แต่ใจอย่าเป็นประเพณี ไหนๆก็ลงทุนเสียเวลาไปในงานศพแล้ว เอากำไรกลับมานะ เอากำไรกลับมา คิดว่าเราต้องตายอย่างเขา เมื่อเขาอยู่ก็มีทุกข์อย่างเรา เราเกิดอย่างเขาเราก็แก่อย่างเขา เราป่วยไข้ไม่สบายอย่างเขา เราจะต้องตายอย่างเขา ถ้าหากว่าเราจะต้องตายอย่างนี้ จะต้องป่วยอย่างนี้ ต้องลำบากอย่างนี้ ต้องมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ เราจะเกิดมันทำเกลืออะไรอีก เกิดเป็นเกลือยังดีมันรักษาความเค็มของมันได้ ไอ้เกิดมีร่างกายนี่รักษาไว้ไม่ได้ระยำกว่าเกลือตั้งเยอะ เอ้า เรื่องยายฟูนี่ผ่านไปนะ
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญฉลองพระพุทธรูปรับวัตถุมงคล.561939/page-7
     
  2. นาย หวังดี

    นาย หวังดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,272
    กราบหลวงพ่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...