สูตรเพื่อสังคมนู สกินพลังความดี...แบบปากต่อปาก

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 4 ธันวาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    สูตรเพื่อสังคม'นู สกิน'พลังความดี...แบบปากต่อปาก

    สูตรเพื่อสังคม "นู สกิน" พลังความดี...แบบปากต่อปาก

    [​IMG]

    ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมซึ่งถือเป็นบริบทหนึ่งในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR : Corporate Social Responsibility) ต่อสังคมภายนอก ทำให้กิจกรรมเพื่อสังคมของแต่ละองค์กรนั้นมีทั้งความเหมือนและความต่าง เหมือนในแง่ของความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนในสังคม หากแต่มีความต่างในแง่ของวิธีการให้ที่แตกต่างไปตามลักษณะและทักษะความสามารถขององค์กร

    "นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย" ภายใต้แบรนด์ "นู สกิน" ธุรกิจขายตรงสัญชาติอเมริกัน ที่ปักธงดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 9 ปี มีมุมมองและวิธีการให้ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะการใช้ทักษะที่ธุรกิจขายตรงมีความเชี่ยวชาญที่สุดจากการบอกต่อ

    "ภคพรรณ ลีวุฒินันท์" ผู้จัดการทั่วไปบริษัท

    นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย บอกว่า "เราทำธุรกิจขายตรง ทักษะสำคัญคือการบอกต่อสิ่งที่ดี เหมือนกับที่คนใช้สินค้าของเราและดีมันก็มีการบอกต่อ การบอกต่อเรื่องดีในลักษณะของการให้ก็เหมือนกัน ใครที่เห็นว่าเป็นโครงการที่ดี เขาก็บอกต่อการทำงานเพื่อสังคมของเรามันก็ล้อไปกับธุรกิจ"

    กลยุทธ์ปากต่อปาก

    นอกเหนือจากการนำเสนอสินค้าและสร้างโอกาสทางธุรกิจ วิธีการบอกต่อเช่นนี้เองที่ "นู สกิน" นำมาใช้ในการสร้างโอกาสในการทำความดีด้วยการระดมทุนจากทั้งตัวแทนจำหน่ายประชาชนทั่วไป โดยโครงการหลักของ "นู สกิน" ในไทยคือการบริจาคเงินให้มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี ที่ได้ให้การช่วยเหลือมาตลอดระยะเวลาเกือบ 9 ปี และสามารถระดมทุนไปแล้วกว่า 9 ล้านบาท

    ภคพรรณบอกว่า ถ้าจะมองจริงในประเทศไทยยังมีคนที่ต้องการได้รับการช่วยเหลืออีกเยอะ แต่ตอนนี้เราเลือกที่จะช่วยตรงนี้และทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เรียกว่าเป็นโครงการหลัก แต่ความต้องการที่เข้ามากะทันหัน เราก็สามารถช่วยได้

    ตั้งแต่เริ่มมาเปิดที่ไทย มองว่าจะทำอย่างไรกลับไปที่สังคมบ้าง และเริ่มมองหาโครงการ มองเรื่องคุณภาพชีวิตของเด็ก การที่ทำให้สังคมและโลกน่าอยู่ต้องเริ่มจากเด็กซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง เราพบมูลนิธิผ่าตัดหัวใจเด็ก วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งคือช่วยเด็กที่มีปัญหาหัวใจ เด็กหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด คนไทยเป็นมากและเป็นกับครอบครัวที่ยากจนส่วนใหญ่ ฉะนั้นโอกาสของเด็กที่มีชีวิตอยู่ต่อน้อยมาก

    "วิธีการในการทำงานทำหมดทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้จัดจำหน่ายและประชาชนทั่วไป เพราะเป็นโครงการที่อยากช่วยเหลือมูลนิธิ เราทำทุกทางที่เรามีช่องทาง ใน 9 ปีที่ผ่านมา เราจัดคอนเสิร์ตการกุศล วิ่ง บาสเกตบอล และมีการนำเงินส่วนหนึ่งจากการขายมอบให้มูลนิธิ"

    ประสิทธิผลจากการเลือก

    ปัญหาส่วนใหญ่ของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในไทยของหลายองค์กร เป็นการช่วยแบบกระจาย กรณีศึกษาของ "นู สกิน" กำลังสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกโครงการและเรื่องที่จะทำ โดยโฟกัสไปที่ "เด็กที่มีความผิดปกติทางหัวใจ" เป็นหลักอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ มากกว่าการกระจายเงินไปยังโครงการจำนวนมากโดยไม่ได้ในแง่ของประสิทธิผล

    จากจุดเริ่มต้นที่เพียงให้เงินบริจาคเพื่อช่วยผ่าตัดหัวใจ การช่วยเหลือค่อยๆ ขยายผลไปสู่สิ่งที่มูลนิธิต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างห้อง ไอ.ซี.ยู. เด็ก ที่โรงพยาบาลราชวิถี ไปจนกระทั่งการให้ทุนการศึกษาสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ จนปัจจุบันบริษัทเข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้หลายเรื่องในการบริหารจัดการเพื่อการระดมทุนที่มีประสิทธิผล มากกว่านั้นในปัจจุบันยังสามารถสร้างเครือข่ายจากบริษัทนู สกิน ซึ่งเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกิดมูลนิธิ SEA Chidren Heart Fund ที่เป็นการระดมทุนจากประเทศในภูมิภาคต่างๆ

    ในแง่ของการดำเนินกิจกรรม เลือกให้ความสำคัญไปยังการช่วยเหลือเพียงโครงการใดโครงการหนึ่งที่บริษัทมีศักยภาพเพียงพอจะให้ความช่วยเหลือ ยังส่งผลที่เป็นรูปธรรมในแง่ของการดำเนินการโครงการที่เกิดประสิทธิผลเพราะการส่งผ่านพลังแห่งความดีนั้น ดึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน ตั้งแต่พนักงาน ผู้แทนจำหน่าย ไปจนลูกค้า ประชาชนทั่วไปให้เข้ามามีส่วนร่วม

    "โครงการที่ต่อเนื่องแบบนี้มันช่วยให้คนเห็นว่าเรามีความตั้งใจจริงมากกว่า ปีนี้ทำอันนี้ ปีหน้าทำอีกอย่าง ทำให้คนไม่ทราบว่าโครงการคืออะไร อย่างที่เราบอกว่าจะต้องเริ่มต้นจากผู้แทนจำหน่ายก่อน ให้เขารับรู้และเข้าใจ ถ้าเขายังไม่รู้ พูดไม่ได้ด้วยซ้ำ มันไม่ได้ผลเท่ากับ 1 โครงการ"

    วัฒนธรรมแบบนู สกิน

    "สิ่งที่เราพยายามปลูกฝังเหมือนว่า ถ้าคุณได้โอกาสแล้ว เราอยากให้โอกาสนั้นกับคนอื่น เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะคนที่เข้ามาทำธุรกิจนู สกิน ไม่ได้ทำแล้วต้องรวย การเข้ามาอยู่ในองค์กรเราแล้ว เราอยากให้เขารู้จักการให้ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกสนุกกับการทำงานและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราอยากให้เขาได้จากตรงนี้"

    นอกเหนือจากโครงการดังกล่าว อีกโครงการที่เป็นโครงการสำคัญของนู สกิน ทั่วโลกในปัจจุบัน ในชื่อ Nourish The Children โดยดูแลเรื่องเด็กขาดสารอาหาร หัวใจสำคัญอยู่ที่ Vitameal ซึ่งมีการพัฒนาร่วมกันระหว่าง นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส และ ดร.เคน บราวน์ แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส เพื่อให้เป็นผลิตภัณท์ข้าวธัญพืชปรุงรสที่อร่อย เมื่อหุงสุกแล้วสามารถรับประทานได้ทันที เพราะ Vitameal มีคุณค่าจากวิตามินและเกลือแร่กว่า 25 ชนิด ที่จำเป็นต่อเด็กที่ขาดสารอาหารในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ปัจจุบันสามารถมอบอาหาร 1.2 ล้านมื้อ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่แอฟริกา อีก 500,000 มื้อ ในเฮติ ในไทย หลังจากเข้าร่วมโครงการ 2 ปี ได้ส่งข้าวไปช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ห่างไกลในภาคเหนือกว่า 14 โรงเรียน และศูนย์เด็กเล็กอีก 6 แห่ง มีมูลค่ารวมกว่า 14 ล้านบาท

    เชื่อมโยงจากผลิตภัณท์

    หากมองย้อนกลับไป "นู สกิน" ในต่างประเทศทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาก ในช่วงแรกให้การช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคดักแด้ก่อน ปัจจุบันจะช่วยเหลือเด็กที่ขาดสารอาหารทั่วโลก

    "เราเป็นนู สกิน มีผลิตภัณท์บำรุงผิว เราอยากให้ผิวใหม่กับเด็ก จากนั้นประมาณ 10 ปีที่แล้ว เราเริ่มขยายไลน์ผลิตภัณท์อาหารเสริม เราอยากทำให้คนมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น หรือทำสิ่งดีให้สังคมโดยผ่านเรื่องอาหาร การที่คนจะแข็งแรง สุขภาพดี ต้องมาจากข้างในและข้างนอก เราจึงทำทั้ง 2 ทาง โดยเน้นในเรื่องสุขภาพของเด็ก"

    เป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจทั่วโลก คือพลังแห่งความดี หรือ Force For Good ที่เผื่อแผ่ผู้ยากไร้ทั่วโลกเพื่อให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

    อาจจะอย่างที่ "แซนดี้ ทิลล็อทสัน" รองประธาน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส บอกว่า "สำหรับนู สกิน เราประเมินความสำเร็จของธุรกิจจากความช่วยเหลือที่เราทุ่มเท เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้คน มากกว่าจะวัดความสำเร็จจากตัวเลขยอดขายที่น่าประทับใจ"

    ----------------------------
    ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
    http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr01041249&day=2006/12/04
     

แชร์หน้านี้

Loading...