สารอาหารแห่งอนาคต

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Mr.Lawrence, 28 มิถุนายน 2010.

  1. Mr.Lawrence

    Mr.Lawrence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,520
    ค่าพลัง:
    +3,542
    <CITE></CITE>
    สารอาหารแห่งอนาคต

    อาหารฟังก์ชันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนใส่ใจสุขภาพ

    เมื่อคุณเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เกต หรือร้านขายของชำ
    อาจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอาหารและเครื่องดื่ม
    ที่มีการโฆษณาว่าใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ให้สารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
    มีประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบกับดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม พกพาสะดวก
    ยกตัวอย่างเช่น อุดมไปด้วยวิตามิน กากใยอาหาร ฯลฯ
    ซึ่งเบื้องหลังของสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนานาสรรพคุณ น่าอร่อย น่าลองนี้
    ก็คือ อาหารฟังก์ชัน (Functional food)
    [​IMG]

    ที่ผู้ผลิตในปัจจุบันพยายามเพิ่มหรือเติมสารอาหารที่สังเคราะห์มาจากวัตถุดิบทางธรรมชาติลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่มธรรมดา
    ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อที่วิ่งตามกระแสสุขภาพ
    อยากลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
    จึงไม่น่าแปลกว่าธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
    และก็มีคนคาดการณ์ว่า ธุรกิจสายนี้มีส่วนแบ่งตลาดโลกถึง 10,000 ล้าน-20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี!

    ต้นกำเนิดของเทรนด์อาหารฟังก์ชัน ประเทศแถบเอชียมีอาหารทำนองนี้มานานแล้ว
    แต่อยู่ในรูปแบบอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ เพื่อป้องกันและรักษาโรคมากกว่า
    ยกตัวอย่างเช่น อาหารจีนที่ใช้เครื่องเทศหลากหลายชนิด
    แต่การเปิดเผยและใช้คำว่าอาหารฟังก์ชันมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศญี่ปุ่นในยุค 80
    เมื่อรัฐบาลเห็นชอบและสนับสนุนให้ทุนเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาสารอาหารที่ได้จากสัตว์
    พืชหรือแบคทีเรียว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
    ซึ่งตอนนั้นเรียกกันว่า อาหารเพื่อประโยชน์เฉพาะต่อสุขภาพ หรือ FOSHU
    และเมื่อ ค.ศ.1988 ประเทศแคนาดาและสวีเดนก็ออกกฎหมายแจ้งให้ผลิตภัณฑ์อาหารใดๆ
    ที่ใช้สารอาหารแบบนี้ต้องติดฉลากแจ้งบนสินค้า
    จนถึงปัจจุบันเทรนด์อาหารก็ขยายเข้าสู่การแข่งขันของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่างรุนแรง
    ซึ่งประเด็นหลักของจุดขายใหญ่ก็คือ
    นำเสนอความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เน้นผลประโยชน์ด้านสุขภาพ ป้องกันโรคต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอแก่)
    และสุดท้ายหาซื้อได้สะดวก รับประทานหรือดื่มได้ทันที
    ยกตัวอย่างเช่น น้ำผลไม้ นม กาแฟ เครื่องดื่มธัญพืช
    เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา เป็นต้น
    ส่วนประเภทของอาหารฟังก์ชัน เราสามารถแบ่งออกตามลักษณะของแหล่งที่มาได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ
    นั่นคือ สารอาหารที่มาสัตว์ แบคทีเรียและพืชผักผลไม้ต่างๆ


    1. สารอาหารที่ได้จากสัตว์
    สารอาหารที่ได้รับการเติมลงในผลิตภัณฑ์มากและได้รับความนิยมก็คือ
    โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6
    แคลเซียม ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน
    กลุ่มวิตามินบี
    ได้แก่ วิตามินบี 1 บี 2 ไนอาซิน บี 6 บี 12 แพนโธทีนิก และกรดโพลิค (Pholic)
    มีผลต่อสมาธิ ความคิด ความจำและความฉลาด
    อาหารในกลุ่มนี้ช่วยป้องกันสมองเสื่อม
    โดยเฉพาะกรดโพลิค วิตามินบี 6 บี 12 จะช่วยกันทำงานป้องกันการลดระดับของฮอร์โมนซีสเตอีนในเลือด
    ทำให้ความจำ การเรียนรู้ ไม่ล่าถอยลง
    มีในอาหารประเภทนมและผลิตภัณฑ์นม และอาหารทะเล

    กรดไลโนเลอิค ประโยชน์ในการควบคุมระบบความดันโลหิต ควบคมระดับไขมันในเลือด ระบบฮอร์โมนต่าง ๆ
    ลดการอักเสบที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือติดเชื้อ ทางด้านสุขภาพจึงนำมาใช้ควบคุมด้านสุขภาพของระบบเส้นเลือด
    แล้วยังใช้ในสุขภาพผิวอีกด้วย ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้จะทำให้ผิวสดชื่น
    ไม่แห้งหยาบ คัน หรือลดการเป็นจุดด่างดำ โดยเฉพาะสตรีที่มีอายุมากขึ้น

    กรดอะมิโนและโปรตีนเวย์ มีผลในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน



    [​IMG]


    2. แบคทีเรีย
    เป็นแบคทีเรียสุขภาพที่ดีพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และขับถ่ายของมนุษย์
    พรีไบโอติก (Prebiotics) คือ ส่วนของอาหารที่ไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหาร

    ซึ่งมีผลทำให้กระตุ้นการเจริญของแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ใหญ่หรือโพรไบโอติกนั่นเอง

    โพรไบโอติก (Probiotics)
    กลุ่มของจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งเข้าไปอยู่ในระบบของร่างกายมนุษย์และสัตว์
    แล้วก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
    โดยจุลินทรีย์สุขภาพนั้นทำหน้าที่ช่วยปรับสมดุลของสภาพแวดล้อมในระบบลำไส้
    เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยปรับสมดุลของสภาพแวดล้อมในระบบลำไส้
    ช่วยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ชนิดก่อโรคมาเกาะติดผนังลำไส้
    และหลั่งสารพิษที่มีผลทำให้เยื่อบุลำไส้อักเสบได้
    เพิ่มความแข็งแรงของผนังลำไส้ ช่วยลดความรุนแรงของอาการท้องเสีย
    โดยลดระยะเวลาของโรคและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
    ช่วยบรรเทาอาการไม่ทนต่อแลคโตส (Lactose intolerance)
    เนื่องจากแลคโตสไม่สามารถถูกย่อย
    ดังนั้นหลายคนที่ดื่มนมแล้วจึงเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน ปวดท้อง
    โพรไบโอติกในอาหารประเภทนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตสามารถช่วยบรรเทาอาการนี้ได้
    เนื่องจากโพรไบโอติกได้ช่วยย่อยแลคโตสไปแล้วในระหว่างการหมัก
    จึงทำให้มีแลคโตสเหลือน้อยกว่าหรือไม่มีเลย

    แลคโตบาซิลลัส
    และเสต็ปโตคอกคัส เป็นแบคทีเรียยอดนิยมในอาหารประเภทนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตต่าง ๆ
    บางสายพันธุ์อาจช่วยให้ระบบลำไส้แข็งแรงขึ้น และลดความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิด
    อีกทั้งยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในคนบางกลุ่ม
    แต่จะทำงานได้ดียิ่งขึ้นถ้าได้รับแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินดี
    วิตามินบี 2 ฟอสฟอรัส และโพรไบโอติกร่วมด้วย

    [​IMG]

    3. จากพืช ผักและผลไม้
    ได้แก่ กากใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่คนเราต้องการในแต่ละวัน
    แม้จะต้องการปริมาณไม่มากแต่ก็ขาดไม่ได้
    และกลุ่มวิตามินป้องกันการเสื่อมสลายของเซลล์ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี
    หรือศาสตร์ชะลอแก่ พวกแอนติออกซิแดนซ์
    ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น

    คอลลาเจน
    เป็นโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของผิวหนัง
    ทำหน้าที่ป้องกันอวัยวะภายในและเป็นตัวเชื่อมอวัยวะต่างๆ
    ในร่างกาย และช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น นุ่มนวล ยืดหยุ่นได้ดี
    ไม่เหี่ยวย่น
    จึงได้รับความสนใจในการใช้เสริมอาหารเพื่อเสริมสุขภาพผิว
    การได้รับเสริมในอาหารอาจจะช่วยหรือกระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์
    คอลลาเจนในร่างกายจึงเป็นกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิวที่ต้องทำการวิจัยเพิ่มเติม

    ฟลาโวนอยด์ เป็นสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและอาจช่วยป้องกันมะเร็ง ลดการอักเสบของข้อ ชะลอภาวะหลงลืมง่าย

    โคเอนไซม์คิว 10
    เป็นสารที่ทำหน้าที่กับสารตัวอื่นๆ
    ในการรักษาอาการผิดปกติมานานแล้วในวงการแพทย์
    มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ
    ส่งเสริมภูมิต้านทาน ทำให้สดชื่นกระฉับกระเฉง
    ป้องกันโรคสมองเสื่อมและลดความดัน
    แต่ช่วงหลังได้รับความสนใจมากจากในเรื่องยับยั้งการสร้างสารอนุมูลอิสระ
    ราสามารถรับโคเอนไซม์คิว 10 ได้จากการรับประทานตับ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เป็นต้น

    ไลโคปีน
    สารอาหารที่พบมากในผักหรือผลไม้ที่มีสีสันแดง-ส้ม
    หรือผลไม้จำพวกที่ขึ้นต้นด้วย มะ ทั้งหลาย
    เช่น มะเขือเทศ มะม่วง มะปราง มะละกอ
    ป้องกันเซลล์ระบบภูมิต้านทานจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
    ป้องกันภาวะจอตาเสื่อม โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น

    คาเตชิน
    ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอล
    และช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
    และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 200 มก.
    เรามักพบสารนี้ในเครื่องดื่มประเภทชาหรือกาแฟ
    ข้อควรระวังคือ สตรีที่ให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาเขียว

    เพกติน
    มาจากใยอาหารชนิดละลายน้ำ
    ช่วยป้องกันหลอดเลือดจากการทำลายของโคเลสเตอรอลชนิดร้าย
    มีประโยชน์ต่อการรักษาโรคอุจจาระร่วงและโรคเบาหวาน

    ลูเตอินและซีแซนทิน
    เป็นสารอาหารที่จัดอยู่ในกลุ่มต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน
    ได้มาจากผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้มและเขียวสด ช่วยบำรุงสายตา
    ช่วยในการมองเห็น

    กรดไฮยาลูโรนิค
    เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ร่างกายสังเคราะห์ได้ในชั้นหนังแท้
    มีคุณสมบัติสำคัญคือ สร้างความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
    เพราะสามารถดูดและอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่า
    สารชนิดนี้เป็นส่วนประกอบสุดฮิตที่เติมลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
    แต่ปัจจุบันได้แผ่ขยายความนิยมมาในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบ้างเพื่อสร้างจุดขาย
    แต่เนื่องจากปริมาณที่เติมมีสัดส่วนน้อย
    ดังนั้นจึงเป็นการรับประทานตามแฟชั่นมากกว่าหวังผล 100%

    [​IMG]


    ดังนั้นไม่ว่าอาหารหรือเครื่องดื่มจะผ่านกระบวนการคิดค้น
    วิจัยหรือพัฒนาให้อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างครบครันแค่ไหน
    คุณก็ยังต้องรับประทานอาหารที่ปรุงสดๆ ใหม่ๆ ทั่วไปเป็นหลัก
    เพราะร่างกายคนเราต้องการสารอาหารที่หลากหลายจากอาหารหลากชนิด
    การหวังพึ่งหรือยึดติดกับอาหารแห่งอนาคตมากไปไม่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอย่างยั่งยืน
    พูดง่ายๆ คือ ต้องเดินสายกลาง
    ถ้าคุณคิดว่ารับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำอยู่แล้ว
    ก็ไม่ต้องดิ้นรนหามารับประทานมากนัก
    แต่ถ้าคิดว่าชีวิตประจำวันยุ่งจนไม่มีเวลารับประทานอาหารให้ครบได้
    ก็รับประทานอาหารหลักคู่กับอาหารที่เติมสารอาหารพิเศษร่วมด้วยก็ได้
    แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมแก่ความต้องการและถูกกับโรคของตัวเองนะคะ



    เราชวนคุณให้เป็นคนหูหนักและจู้จี้!
    กรณีผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มฟังก์ชันที่โฆษณาอ้างเกินจริง

    เทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทางเลือกแก่ผู้ซื้อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
    และครบถ้วนจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มนั้นๆ
    แต่การเติมสารอาหารทุกอย่างก็มีข้อควรระวังเช่นกัน
    โดยเฉพาะสารอาหารที่เติมลงไปนั้นต้องปลอดภัยต่อสุขภาพจริง
    ได้รับมาตรฐานและตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว
    และที่สำคัญคุณยังจำเป็นต้องศึกษาและใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อก่อนนำมารับประทานเสมอ
    ไม่ตกเป็นเหยื่อของการอ้างอิงหรือโฆษณาที่เกินจริง

    ซึ่งล่าสุดมีตัวอย่างให้เห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
    กาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งได้ลักลอบใส่สารซิลเดนาฟิล (Sildenafil)
    ยาที่ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ซึ่งผลข้างเคียงคือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน หากผู้ที่เป็นโรคหัวใจดื่มก็อาจอันตรายถึงเสียชีวิตได้
    เช่นเดียวกับการโฆษณาว่า
    อาหารหรือเครื่องดื่มนั้นมีสรรพคุณในเชิงป้องกันรักษาโรค
    เช่น ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เป็นต้น




    อ้างอิง
    Dietary Supplement Health Foods Market Profile in Thailand: The Industry Perpestive Review; Dr.Pisuth Lertvilai, Heath Food and Supplement Association,Thailand
    Sports and Health Drink Ingredients, P.12 March 2008, Asia Food Journal,
    สุขภาพดีจากภายใน สวยสดใสสู่ภายนอก, โย วิคมันส์
    คู่มือฉลาดใช้ วิตามิน แร่ธาตุและสมุนไพร, รีดเดอร์ส ไดเจสท์



    <CITE>ข้อมูลโดย : นิตยสาร Health Today</CITE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2010
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ใช่แล้วค่ะ ต้องเดินสายกลางอย่างที่บอก
     
  3. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]
     
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    ค่ะ การทานอาหาร ทุกอย่าง
    ต้องรู้จัก ระมัดระวัง
    และควบคุมให้ดี
    ทั้งคุณภาพและปริมาณ
    เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพ ค่ะ
    ดูแล รักษาสุขภาพกันนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...