สติปัฏฐาน 4 กับ การเกิด อภิญญา

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย nyeb, 25 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. nyeb

    nyeb สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +21
    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    คัดลอกจาก หนังสือ "เดอะท็อปซีเคร็ตII"


    ..........การกำหนดสติไปจับไว้ที่ความรู้สึกทางกาย (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน) อาการ การเคลื่อนไหวของกายในทุกอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน ยุบหนอ พองหนอ เดินจงกรม การกำหนดอิริยาบถย่อยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไปนักกีฬาที่มีสติทางด้านกายาสูงกว่าปกติ จะสามารถจับการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ด้วย สติคือการระลึกได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาจะจับทางคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา ผู้ปฏิบัติธรรมที่ยึดหลัก กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน จะมีความสามารถทางกายที่เหนือปกติ สามารถยืดหดเวลา ร่นระยะทาง ฟังเสียงจากที่ไกลๆ มีตาทิพย์เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น สามารถสร้างอิทธิฤทธิ์ในทางโลก ได้เร็วกว่าฐานอื่นๆ........

    ......... การฝึกเวทนานุปัสสนาสติปัฎฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีตัณหาจริตแต่มีปัญญากล้า จะทำให้มีความอดทนสูง รู้เท่าทันความรู้สึกทางกายและทางใจทั้งของตนเองและของผู้อื่น และถ้าจับความรู้สึกของผู้อื่นได้แล้วล่ะก็ จะเจรจาทำการสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ นอกจากนั้นผู้ที่ฝึกสติฐานนี้จะมีโอกาสเกิดญานระลึกชาติ ได้มากกว่าฐานอื่นๆ

    การกำหนดสติไปจับไว้ที่ความรู้สึกทางจิต สังเกตอาการ การเปลี่ยนแปลงในทุกอารมณ์ ความรู้สึก จะทำให้มีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไป ซิกมุนด์ ฟรอยด์ สามารถเอาความรู้สึกส่วนลึกของมนุษย์มาสร้างทฤษฎีจิตวิเคราะห์อันลือลั่น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ฝึกกำหนดความรู้สึกอย่างต่อเนื่อง จะสามารถล่วงรู้ไปถึงความรู้สึกของคนอื่นๆด้วย หรือที่เรียกกันว่า ญานหยั่งรู้ใจคน เมื่อจับจิตคนอื่นๆได้ จะทำอะไรก็ย่อมประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย

    อาชีพที่ควรฝึกสติจับความรู้สึกทางจิต (จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน) คือ นักประพันธ์ นักเขียนบท นักแสดง พิธีกร บรรณาธิการ นักข่าว นักขาย นักการโฆษณา นักจิตวิทยา จิตแพทย์ โหราจารย์ ผู้กำกับภาพยนตร์ นักสังคมสงเคราะห์ ทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ ฯลฯ ......</O:p
    <O:p
    ......
    เมื่อเข้าใจธรรมชาติของรูปนาม มีกำลังสติที่ไวขึ้น สามารถแยกแยะองค์ประกอบจนมองเห็นตัวสภาวะและความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย จะเกิดปัญญาญานหยั่งรู้ถึง ความเชื่อมโยง ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของธรรมชาติต่างๆทั้งหลายในจักรวาล ทั้งรูปทางกายภาพและนามธรรมอย่างความรู้สึกภายในจิต ทำให้เข้าใจถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปจยาตา อริยสัจ4 โพชฌงค์7 นิวรณ์5 ฯลฯ โดยอัตโนมัติ เกิดสติเข้าใจธรรมทั้งหลายทั้งปวง (ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน) จะมีปัญญาสูง ภิกษุในพระพุทธศาสนานิกายเซน หลายรูปสามารถบรรลุนิพพานอย่างฉับพลันได้ ก็เพราะการตั้งสติพิจารณารูปนามทั้งภายนอก ภายในร่างกาย จนเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติทั้งปวง ผู้ปฏิบัติธรรมที่ฝึกเจริญสติด้วยหลัก ธรรมานุปัสสนาสติปัฎฐาน มีโอกาสที่จะเกิด ญานหยั่งรู้สูงกว่าฐานอื่นๆ
    <O:p</O:p
    ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เหมาะสำหรับผู้มีทิฏฐิจริตที่มีปัญญากล้าอาชีพ ที่ควรฝึกสติฐานนี้ ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย แพทย์ ครู อาจารย์ วิศวกร เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักบริหาร นักเศรษฐศาสตร์ นักวางแผน ฯลฯ

    <O:p</O:p
    [​IMG]


    ที่มา http://www.satabun.com/
    </O:p
     
  2. เทพบุตร

    เทพบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +114
    ผมปฏิบัติธรรม ในสายนี้อยู่ครับ ยืนยันว่าอภิญญาเกิดขึ้นได้จริงในสายนี้ครับ ของผมเกิดขึ้น2อย่างแบบอ่อนๆครับ

    สังเกตว่า ถ้าบอกเรื่องที่เรารู้ จะเสื่อมไประยะหนึ่งครับ แต่ถ้ารู้แล้วไม่ได้บอกใครออกไป จะเกิดถี่ขึ้นครับ(ความรู้พิเศษนี้คือ รู้อนาคต กับ มีอำนาจดนจิตใจคนให้ติดต่อมาหาเรา) ทำให้แนวคิดเปลี่ยนไปจากเดิมมากครับ

    ตอนนี้เชื่อเรื่อง การแสดงฤิทธิ์ ว่ามีอยู่จริง แม้ว่าบางเรื่องจะพิศดารเกินปัญญาของเราที่จะไปถึง เช่นเรื่อง การแสดงยมกปาฏิหารย์ ให้ท่อไฟออกจากมือซ้าย และให้ท่อน้ำไหลออกจากมือขวานะครับ เหตุที่เชื่อเพราะ

    ได้ไปปฏิบัติธรรมกับเพื่อน แล้วเพื่อนผมที่เคยประสบอุบัติเหตุใหญ่ทางรถมา กระดูกหักหลายท่อน เวลาปฏิบัติธรรม
    ถึงระดับหนึ่งที่จิตละเอียดมากๆ เขาจะเล่าให้ผมฟังว่า รู้สึกได้ชัดเจนว่า ร่างกายของคนเรา แบ่งซีกกลางตัวอย่างชัดเจน คือซีกหนึ่งเย็นเหมือนน้ำ อีกซีกหนึ่งก็ร้อนมาก ซึ่งเพื่อนคนนี้เวลาปฏิบัติธรรม

    ก็จะเสวยเวทนาปวดเด่นชัดอย่างเดียว (อาจเกิดสาเหตุจากอุบัติเหตุก็ได้) เพื่อนคนนี้ไม่เคยรู้เรื่องการแสดงยมกปาฏิหารย์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยครับ

    ทำให้รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมอาการของเพื่อนมีส่วนคล้ายกับยมกปาฏิหารย์ จึงทำให้อนุมานเอาได้ว่า การที่ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์นั้น น่าจะเกิดขึ้นจริงๆในครั้งพุทธกาล ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นภายหลัง เล่า่สู่กันฟังครับ ยังไงก็ใช้วิจารณญาณ ไตร่ตรองความดูครับ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อ100%ว่าพลังเหนือธรรมชาติมนุษย์มีอยู่จริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2009
  3. สุภิญโญ

    สุภิญโญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +325
    ผมก็เชื่อครับ 100% เช่นกัน

    เพราะว่าผมพิสูจน์แล้ว

    ลองพิสูจน์กันดูนะครับ
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ความจริงแล้ว สติปัฏฐาน.....ก็รวมอยู่ในกรรมฐาน 40 นั่นหละครับ........
    ถึงแม้จะไม่ใช่หลักสูตรการฝึกทางด้าน อภิญญาโดยตรง ...แต่สามารถใช้เป็นพื้นฐานได้......โดยเฉพาะผู้ที่ได้แล้วในกาลก่อน......ไม่ว่าฝึกแบบใหน...ถึงเวลารวมตัว....มันมาของมันเอง......

    ส่วนตัวเรื่องอภิญญา เชื่อครับ.....พิสูจน์ได้แล้ว......และท้าให้ทุกท่านพิสูจน์...
     
  5. mozard002

    mozard002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +433
    มายืนยันด้วยคนครับ กรรมฐานหมวดอนุสติต่างๆช่วยให้เกิดอภิญญาได้จริง ทำให้เข้าฌาณได้เร็วด้วย และทรงอารมสมาธิได้นานด้วยครับ เป็นกรรมฐานอีกหมวดหนึ่งที่แนะนำสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามานั่งนิ่งๆได้นานครับ สาธุๆ
     
  6. Vikie

    Vikie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +114
    สติปัฏฐาน คือการดูกาย เวทนา จิต ธรรม ของตัวเราเอง

    เมื่อใดเราพิจรณารู้เท่าทันตัวเรา เราก็จะรู้สภาวะอื่นๆได้ตามความเป็นจริง (หรือมีอภิญญา)นั่นเอง
     
  7. nut5467

    nut5467 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +164
    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่จิตใจ
     
  8. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    การเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นการเจริญเพื่อเป็นแนวทางในการพ้นทุกข์จากสงสารวัฏฏ์
    การเกิด อภิญญา...นั้นเป็นผลพลอยได้จากการภาวนา...
    ผู้มีวาสนาบารมีสั่งสม..มาเท่านั้น..จึงจะมีจะเกิดขึ้น..
    ไม่ได้เกิดขึ้นได้ในทุกคน..

    เราทั้งหลายฯ มุ่งมั่นตั้งใจเพื่อการปฏิบัติภาวนา...เพื่อความพ้นทุกข์...
    ส่วน อภิญญา..นั้น หากเกิดขึ้นมีขึ้น..ถือเป็นผลพลอยได้
    เพื่อสงเคราะห์โลก..เป็นประโยชน์ต่อโลก...และเพื่อการแสดงธรรมอันสมควร...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  9. lekjung13

    lekjung13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +376
    อนุโมทนา...สาธุค่ะ (ชอบจังเวปเนี๊ยะ) สิ่งที่ไม่รู้ ทำให้รู้
     
  10. จื่อหลิง

    จื่อหลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +698
    อืม ผมฝึกจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานอยู่ กับ อานาปานสติ รู้สึกว่ามันสัมพันธุ์กันยังไงไม่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2009
  11. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    อานาปานสติแบบพุทโธ กับ พองหนอ ยุบหนอ กับสติปัฏฐาน4 ล้วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกันโดยธรรมชาติ
    "ดูกายเห็นจิต รู้จิต เห็นธรรม" ผมว่าทุกอย่างที่เกิดในจิต มันต้องเริ่มจากความตั้งมั่นแห่งจิตคือสมาธิให้ได้เสียก่อน
    ถึงจะไปทำอย่างอื่น หรือจะไปเรียนบทเรียนบทอื่นต่อไป ถ้าจิตไม่สงบแต่ต้นแล้วจะทำอะไรให้สำเร็จก็คงเป็นเรื่องยาก
     
  12. tinnakornten

    tinnakornten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +494
    จริงแท้และแน่นอน ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ได้ทุกคน ขอให้ถึง
     
  13. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    สาธุค่ะ กำลังเพียรพยายาม หาหนทางดับทุกข์ และมีดวงตาเห็นธรรมอยู่ค่ะ:d
     
  14. ลึกล้ำ

    ลึกล้ำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +11
    กำลังพยายามอยู่เช่นกันครับ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
    แต่จะพยายามให้ดีที่สุด ฝึกทุกครั้งที่ว่าง
    ทำงานเสร็จก็ฝึก เดินกลับบ้านก็ฝึก ก่อนนอนก็ฝึก
    หวัดว่าสักวันจะสำเร็จดังที่ปราถนาครับ
     
  15. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ผมรู้จักกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่เค้าฝึกสติปัฏฐาน4 ตามแนวทางหลวงพ่อเทียน

    ก็เกิดญานรู้เห็นได้เหมือนกันครับ :cool:
     
  16. นวสูตร

    นวสูตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +22
    ครับ.ผมเคยฝึกอยู่ ตอนนั้นฝึกทุกวันครับตื่นตี3 เดิน1ชม. นั่ง1ชม. อาการที่เกิดขึ้นคือ จิตไม่อ่อนเพลีย นอนน้อยแต่ไม่ง่วง กินน้อยแต่อิ่ม เวลาทำงานแก้ไขเครื่องจักรจะมีความรู้สึกว่า(ในใจมันแวบขึ้นมานะ) ต้องทำตรงนี้แก้ตรงนี้ ก็ปรากฏว่าจริงตามนั้นเลย เดินก็รู้ตัวตลอด มีเสียงดังก็ไม่ตกใจ(ปรกติเป็นคนตกใจง่าย ขี้กลัวครับ) เวลานอนบอกกับตัวเองว่าตื่นเวลานั้นเวลานี้ก็จะตื่นตามนั้น ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยครับ เผื่อมีใครปฏิบัติแล้วมีความรู้สึกแบบผมบ้าง ขอบคุณครับ
     
  17. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    อะไรที่ไม่มีจิงและไม่เป็นประโยชน์ พุทธองค์ไม่ตรัสไว้หรอกคับ อีกอย่างอภิญญาผมก็เจอมากับตัวแล้วจิงๆ ในชาตินี้เลย
     
  18. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ดูกายเห็นจิต รู้จิต เห็นธรรม เริ่มต้นมาจากสัมมาทิฏฐิ ก่อน เหมือนติดกระดุมเสื้อเราในเม็ดแรก ครับ
     
  19. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    จับพองยุบคับ สำหรับผู้ฝึกใหม่จะเห็นอารมณ์ชัด ถ้าเก่งแล้ววางจิตไว้ที่จมูกก็จับได้คับหรือที่ไหนก็ตาม ต้องเดินจงกลมด้วยคับสลับกัน จะเห็น ว่าร่างกายเรา มี ดิน น้ำ ไฟ ลม คับ ยิ่งสมาธิเยอะก็จะเห็นอารมณ์ชัดเจนคับ ตามดู กาย เวทนา จิต ธรรม ของตนเองไปเรื่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2012
  20. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    วิสุทธิ หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความหมดจด

    ในทางพระพุทธศาสนา มีการกล่าวถึง วิสุทธิ 7 ซึ่งหมายถึง ความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้นไปตามลำดับ เป็นการทำให้บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกฝนตนเองที่เรียกว่าไตรสิกขา ไปโดยลำดับ จนบรรลุจุดมุ่งหมายคือนิพพาน มี 7 ขั้น คือ
    ศีลวิสุทธิ หรือ ความหมดจดแห่งศีล คือ การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตั้งใจรักษา ทำให้สามารถปฏิบัติ สมาธิกับวิปัสสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้กล่าวถึง ปาริสุทธิศีล 4 ซึ่งหมายถึง ความประพฤติบริสุทธิ์ที่จัดเป็นศีล มีสี่ข้อ ได้แก่
    ปาฏิโมกขสังวรศีล หมายถึง ศีลคือความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ เว้นจากข้อห้าม และทำตามข้ออนุญาต ตลอดจนประพฤติเคร่งครัดในสิกขาบท (คือ ศีลและมารยาทที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกนั่นเอง)
    อินทรียสังวรศีล หมายถึง ศีลคือความสำรวมอินทรีย์6 ระวังไม่ให้บาปอกุศลธรรมเกิดขึ้นได้ ในขณะที่รับรู้อินทรีย์ทั้งหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
    อาชีวปาริสุทธิศีล หมายถึง ศีลคือความบริสุทธิ์แห่งอาชีวะ เลี้ยงชีพในทางที่ชอบธรรม
    ปัจจัยสันนิสิตศีล หมายถึง ศีลที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ คือ การพิจารณาใช้สอยปัจจัย ให้เป็นไปตามประโยชน์ที่แท้ของสิ่งนั้น ไม่บริโภคด้วยตัณหา เช่น ไม่บริโภคด้วยความอยากรับประทาน ไม่บริโภคด้วยความอยากอยากใช้สอย

    จิตตวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งจิต คือ การฝึกอบรมจิตจนบังเกิดสมาธิ ให้ได้อุปจาระสมาธิและอัปปนาสมาธิ ได้ฌาน ได้อภิญญาสมาบัติ อันเป็นปทัฏฐานที่สำคัญเพราะจะทำให้เกิดวิปัสสนาขึ้นได้ง่าย ยิ่งสมาธิดีเท่าใดยิ่งบรรลุได้ง่ายเท่านั้น.

    ทิฏฐิวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งทิฏฐิ คือ ความรู้เข้าใจ มองเห็นนามรูปตามสภาวะที่เป็นจริง เห็นรูปธาตุและนามธาตุเป็นคนละธาตุกันอย่างชัดเจน เป็นเหตุข่มความเข้าใจผิดว่ารูปขันธ์นี้เป็นเราเสียได้ เริ่มดำรงในภูมิแห่งความไม่หลงผิด

    กังขาวิตรณวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย ความบริสุทธิ์ขั้นที่ทำให้กำจัดความสงสัยได้ คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้แล้วจึงสิ้นสงสัย เห็นปฏิจจสมุปบาท

    มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง จิตรับรู้ถึงกระแสแห่งไตรลักษณ์ได้

    ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน (วิปัสสนาญาณ 9)รู้ทุกขอริยสัจจ์ทั้ง๘ระดับจึงรู้สมุทัยอริยสัจจ์ทั้ง๘ จึงรู้นิโรธอริยสัจจ์ทั้ง๘ จึงรู้มรรคอริยสัจจ์ทั้ง๘ และพิจารณาทั้งสิ้นพร้อมกัน (สามัคคีธรรม)เมื่อถึงสัจจานุโลมมิกญาณ คือหมุนธรรมจักรทั้ง๘ และพิจารณาดุจผู้พิพากษาพิจารณาเหตุทั้งสิ้น

    ญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ คือการปฏิบัติบริบูรณ์จนก้าวผ่านภูมิจิตเดิมคือโคตรภูญาณและวิทานะญาณ ได้ความรู้แจ้งในอริยมรรคหรือมรรคญาณ ความบรรลุเป็นอริยบุคคลหรือผลญาณ พิจารณาธรรมที่ได้บรรลุแล้วคือปัจจเวกขณะญาณ ย่อมเกิดขึ้นในวิสุทธิข้อนี้ เป็นอันบรรลุผลที่หมายสูงสุดแห่งวิสุทธิ หรือไตรสิกขา หรือการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น

    จาก วิกิพิเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...