สงสัยว่าปฏิบัติศีล8อย่างไรจึงจะถูกวิธีคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Puengdotcom, 12 พฤศจิกายน 2007.

  1. Puengdotcom

    Puengdotcom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +66
    เวลาถือศีล8 สามารถทายาดับกลิ่น(โรลออน),ครีมกันแดดและแป้งได้รึเปล่าคะ ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงามแต่ทาเพื่อไม่ให้เก้อเขินในการสมาคมจะผิดศีลมั้ยคะ ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ
    (b-deejai) (b-inlove)
     
  2. Kawee_win

    Kawee_win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +420
    ตามความคิดเห็น......ยึดตามหลักนั้นก็ผิดครับ...ตอนที่ผมถือศีลผมเลี่ยงไปใช้ พวกสารส้มแท่ง (มีขายทั่วไป) เพื่อดับกลิ่นตัว ส่วนเรื่อง ครีมต่าง ๆ ผมงดเลยครับ...มักจะเลี่ยงแดดเอาเองมากกว่า.....ส่วนเรื่องความเก้อเขินในการสมาคมนั้น ตอนถือศีลแรก ๆ ก็เป็นอยู่เหมือนกันครับ ผมก็บอกไปว่าผมถือศีลนะ...ผมก็จะบอกเพื่อน ๆ รอบ ๆ ข้างไว้ครับ (ถ้าเค้าถามว่าเราทำไมดูแปลกไป หรือช่วยไปไหนที่ผิดศีล)...ส่วนเรื่องเสียงเพลงหรือการบันเทิงนั้น เราก็ห้ามคนเปิดไม่ให้เปิดก็ไม่ได้ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพียงแต่พยายามไม่ให้จิตไปยึดติดกับบทเพลง ก้บเนื้อเพลง จะได้บ้าง หลุดบ้าง ก็ไม่เป็นไร เพียงเพราะจิตของคนเรา ไม่สามารถควบคุมได้....เพียงเท่านั้นเอง เพียงแค่รู้ว่ามันเป็นอย่าง ๆ ไร กำลังเป็นอย่างไร ผมว่าน่าเพียงพอแล้ว...
    ***เจตนาผมในการถือศีล คือการปฏิบัติธรรมและครองสมาธิให้คงอยู่

    ในความคิดเห็นของผมว่า การถือศีลของฆราวาส ถ้าเคร่งได้ก็ขอให้เคร่งไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ควรจะลดสิ่งที่ไม่จำเป็นให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ....ศีลทุกข้ออยู่ที่จิตเจตนาครับ....อานิสงค์ยังไงมันก็ได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ตั้งใจที่จะเริ่มเข้าศีล แต่จะมากจะน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและจิตเจตนานะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  3. Kawee_win

    Kawee_win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +420
    ตามความคิดเห็น......ยึดตามหลักนั้นก็ผิดครับ...ตอนที่ผมถือศีลผมเลี่ยงไปใช้ พวกสารส้มแท่ง (มีขายทั่วไป) เพื่อดับกลิ่นตัว ส่วนเรื่อง ครีมต่าง ๆ ผมงดเลยครับ...มักจะเลี่ยงแดดเอาเองมากกว่า.....ส่วนเรื่องความเก้อเขินในการสมาคมนั้น ตอนถือศีลแรก ๆ ก็เป็นอยู่เหมือนกันครับ ผมก็บอกไปว่าผมถือศีลนะ...ผมก็จะบอกเพื่อน ๆ รอบ ๆ ข้างไว้ครับ (ถ้าเค้าถามว่าเราทำไมดูแปลกไป หรือช่วยไปไหนที่ผิดศีล)...ส่วนเรื่องเสียงเพลงหรือการบันเทิงนั้น เราก็ห้ามคนเปิดไม่ให้เปิดก็ไม่ได้ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพียงแต่พยายามไม่ให้จิตไปยึดติดกับบทเพลง ก้บเนื้อเพลง จะได้บ้าง หลุดบ้าง ก็ไม่เป็นไร เพียงเพราะจิตของคนเรา ไม่สามารถควบคุมได้....เพียงเท่านั้นเอง เพียงแค่รู้ว่ามันเป็นอย่าง ๆ ไร กำลังเป็นอย่างไร ผมว่าน่าเพียงพอแล้ว...
    ***เจตนาผมในการถือศีล คือการปฏิบัติธรรมและครองสมาธิให้คงอยู่

    ในความคิดเห็นของผมว่า การถือศีลของฆราวาส ถ้าเคร่งได้ก็ขอให้เคร่งไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ควรจะลดสิ่งที่ไม่จำเป็นให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ....ศีลทุกข้ออยู่ที่จิตเจตนาครับ....อานิสงค์ยังไงมันก็ได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ตั้งใจที่จะเริ่มเข้าศีล แต่จะมากจะน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและจิตเจตนานะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  4. Kawee_win

    Kawee_win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +420
    ศีล ๘ หรือ อัฏฐศีล มีดังนี้
    ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี การเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
    ๒. อทินฺนาทานา เวรมณี การเว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย
    ๓. อพฺรหฺมจริยา เวรมณี การเว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์, เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือร่วมประเวณี
    ๔. มุสาวาทา เวรมณี การเว้นจากการพูดเท็จ
    ๕. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี การเว้นจากน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

    ------- เพิ่มเติมจาก ศีล ๕ สามข้อ
    ๖. วิกาลโภชนา เวรมณี การเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงแล้วไป จนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่
    ๗. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี การเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้ ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
    ๘. อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี การเว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่หรูหราฟุ่มเฟือย


    ศีล ข้อ 7 ตอนที่ผมถือศีล ผมก็ยังคงดูทีวี....แต่อยู่เฉพาะข่าวสาร ครับ เรื่องละครผมจะหลีกเลี่ยงครับ....
    ข้อ 8 ที่นอนผม ก็สูงนะครับ (รู้สึกว่าจะต้องไม่สูงเกิน ๑ ศอกหรือหัวเข่ -เคยถามแม่ชีมา) แต่ที่นอนผมก็ยังเกินมานิดหน่อย และมีฟูก ทุก ๆ ครั้งที่นอน ผมก็พิจารณาว่ามันสบายนะ...เรากำลังสบาย...แต่สิ่งนั้นอยู่กับเราไม่นาน เดียวก็ไป...เพราะทุกสิ่งเกิดและดับไปเสมอ

    ****ศีล ข้อไหนที่ผมเลี่ยงไม่ได้..หรือหลีกเลี่ยงแล้วผิดการวิธีการดำเนินชีวิตโดยสิ้นเชิง (ทำให้เราลำบากแบบสุด ๆ ) ก็เน้นพิจารณา...เอาครับ....แต่ไม่ใช่ผิด ดะ แล้วมานั่งพิจารณานะครับ...พยายามทำทุกอย่างให้เป็นแบบธรรมชาติที่สุดก่อนนะครับไม่ให้แต่ต่าง จากเดิมมากนัก แล้วค่อย ๆ ลดไปเรื่อย ๆ .....ไม่ใช่รักษาศีล แล้วทรมาน มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยนะครับ... ธรรมะ คือ ธรรมชาติ นะครับ........
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อนุโมทนา สาธุ

    การทาโรลออน ครีมกันแดด และแป้ง ทาได้ครับแต่ควรทา ก่อนที่จะรับศีล ๘ ครับ

    เพราะก่อนรับศีล ๘ เรากำลังถือศีล ๕ อยู่ ดังนั้นทาได้ครับ แต่หลังจากรับ ศีล ๘ แล้วไม่ควรครับ อาจจะโดนตำหนิได้ครับ(เกรงว่าจะหลงใหล ในกลิ่นที่หอมครับ ถึงแม้ว่าไม่ประสงค์เพื่อความสวยงามครับ)
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ศีล 8 หมายถึง
    สำหรับฝึกตนให้ยิ่งขึ้นไปโดยรักษาในบางโอกาส หรือมีศรัทธาจะรักษาประจำก็ได้ เช่น แม่ชีมักรักษาประจำ หัวข้อเหมือนศีล ๕ แต่เปลี่ยนข้อ ๓ และเติมข้อ ๖-๗-๘ คือ
    ๓.เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
    ๖.เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
    ๗.เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
    ๘.เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย;
    คำสมาทาน (เฉพาะที่ต่างจากศีล ๕) ว่า ๓.อพฺรหฺมจริยา- ๖.วิกาลโภชนา- ๗.นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา- ๘.อุจฺจาสยนมหาสยนา- (คำต่อท้ายเหมือนข้อ ๑ ในศีล ๕); ดู อาราธนาศีล ด้วย
    (จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ พระธรรมปิฎก)

    วิเคราะห์,,,,,,,,,,,,,,จากคำถาม ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Puengdotcom
    เวลาถือศีล8 สามารถทายาดับกลิ่น(โรลออน),ครีมกันแดดและแป้งได้รึเปล่าคะ ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงามแต่ทาเพื่อไม่ให้เก้อเขินในการสมาคมจะผิดศีลมั้ยคะ ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ
    ศีล 8
    ๗.เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง

    ชัดเจนขอรับ ถ้าไม่ใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง ก็ไม่ผิดศีลขอรับ
     
  7. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    ความหมาย...เพื่อไม่ให้เก้อเขินในการเข้าสมาคม...นั่นก็คือ คุณกลัวว่าคนอื่นจะมองคุณไม่สวย ใบหน้าไม่น่ามอง หม่นหมองมีจุดด่างดำ ปากซีด ขอบตาคล้ำ กลิ่นตัวแรง (กลิ่นตัวสามารถใช้สารส้มก้อนระงับกลิ่นได้) ซึ่งก็หมายความว่า คุณยังห่วงสวยอยู่นั่นแหละ

    หากคุณตั้งใจที่จะถือศีลปฏิบัติธรรม ในช่วงเวลานั้นก็ขอให้คุณอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด งดเว้นจากสิ่งปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวงนะคะ สิ่งดังกล่าวนั้น มีไว้สำหรับฉาบทารูปกายภายนอกให้ดูสวยงาม ฉะนั้น เพียงแค่ถือศีลไม่กี่วัน คุณตั้งสัจจะรักษาทั้ง 8 ข้อให้สมบูรณ์ครบถ้วนไม่ดีกว่าเหรอคะ อุตส่าห์ปลีกตัวมาปฏิบัติธรรมทั้งที ให้มีแต่กำไรล้วน ๆ กลับไปบ้านดีกว่านะคะ อย่าปล่อยให้ขาดทุนเลย
     
  8. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ข้อ ๖.เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
    ปุจฉา
    1. ปกติคนทั่วไปที่ทำงานประจำ จะพักทานอาหารเวลา 12.00 น. ถึง 13.00 น. จะถือว่าศีลขาดหรือไม่?
    2. นม ชนิดต่างๆ บริโภคได้หรือไม่

    ขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ร่วมสนทนาธรรมครับ
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    วิสัชนา
    1.พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า ทานข้าวได้ไม่เกินพระอาทิตย์เลยหัวไปสองนิ้วครับ ดังนั้นถ้าเกินเที่ยงสักเล็กน้อยไม่น่าจะขาดครับ ถ้าทานเกินสักสิบนาทีน่าจะศีลขาดไปเรียบร้อยแล้วครับ
    และผมว่าลองอ่านศีลข้อ ๖ ที่ผมหามาให้อ่านดูครับ
    [SIZE=+0]

    [/SIZE]
    2.ไม่ได้ครับ นมสดทุกชนิดห้าม แต่ทรงอนุญาติให้บริโภค เภสัช๕ ได้ครับ
     
  10. nutnun_k

    nutnun_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +1,021
    จริงๆ ใช้ไม่ได้นะคะ เพราะศีล 8 เป็นศีลที่ละเอียดลงเอาไว้สำหรับฝึกเพื่อเห็นสัจธรรม ศีล 1-5 อันนี้รู้แล้ว แต่มีละเอียดลงไปอีก แต่ละข้อถ้าจำไม่ผิดนะ
    -ข้อที่ 1 ไม่ให้ฆ่าสัตว์ ยุง ไม่ได้เลยห้ามตบ มดห้ามแตะ ไรห้ามบี้ กัดช่างมันฝึกความอดทนเข้าไว้ ทนรำคาญหน่อย มันกัดก็ให้มันดูดไป ให้มันเอาคืนบ้างไปฆ่ามันมาเยอะละ ดูดไป ลิตรสองลิตร จนป่วยก็ให้มันรู้ไป แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็นใครป่วยกลับไปซักคน
    -ข้อที่ 2 คิดอยากได้โน่นได้นี่ อยากมีโน้นมีนี่ เห็นเงินผ้าป่า เห็นของในวัดแล้วอยากได้ อันนี้คิดได้อย่างเดียวก็ดับไว้ที่จิตนั่นแหละ อย่าให้มันมาอยู่ที่มือ ปาบหนัก หรือตอนนั่งสมาธิอยากเห็นนรก สวรรค์ อยากมีความวิเศษเกิดขึ้น คิดจนปัญญาจะอ่อนลง อันนี้ไม่ได้ เรื่องข้อสองจะเป็นฝึกห้ามความอยาก
    -ข้อที่ 3 เรื่องกาเมอันนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ชู้สาวอย่างเดียว รวมไปถึง การส่องกระจก หวีผม ชมตัวเองว่าสวย หรือคิดหมายปองใคร คิดลามก คิดถึงเพสตรงข้าม ข้อนี้ยากหน่อยสำหรับคนมีแฟนเพราะคิดถึงแฟนเข้าใจอยู่ แต่ต้องพยายามหน่อยตัดไปบ้างเพราะเรามาฝึก
    -ข้อที่ 4 เรื่องมุสา ไม่ใช่แค่เรื่องโกหกนะ อันนี้น้อยไป รวมถึงพูดไปเรื่อยเปื่อย เพ้อเจ้อ เขาให้มาฝึกก็คุยกันซะ อวดโน้นอวดนี่ สอนคนนั้นสอนคนนี่ อวดรู้นั้นอวดรู้นี่ อันนี้ใช้ไม่ได้ เรื่องหยาบคายอย่าใช้ในวัด บาปยิ่งกว่าใช้ข้างนอกนะคะ จริงๆเขาไม่ให้พูดนอกจากตอนสอบอารมณ์ หรือถ้าต้องพูดจริงๆ ท่านให้พูดน้อยๆ ฝึกให้มากๆ
    -ข้อ 5 ไม่ขอกล่าวมากเพราะคงไม่มี
    -ข้อที่6 ไม่ให้กินอาหารยามวิกาล หรือหลังเที่ยง อันนี้จะได้ฝึกให้กินน้อย ลดกิเลสเรื่องการกินลง และฝึกขันติเรื่องความหิว
    - ข้อที่ 7 เรื่องการดูละคร ฟ้อนรำ ฟังเพลง ทาของหอมห้าม เพราะมันเป็นอาหารของกิเลส ถ้ายังทาของหอมอันนี้ก็หนีเวทนา หนีธรรมมะ ถ้ามาฝึกแล้วมาทาของหอมก็กลับบ้านไปอย่าอยู่ให้ผิดศีล ถ้าอ้างว่าทำไปเพราะอายชาวบ้าน อันนี้ไม่ต้องอายเพราะชาวบ้านเขาก็มาฝึก ก็ต้องฝึกความอดทน ฝึกรับรู้เวทนาเหมือนกัน
    -ข้อที่ 8 ห้ามนอนที่สูง อ่อนนุ่ม เพราะจะทำสบายเกินไป ตื่นสาย ไม่เป็นการฝึก เป็นการเลี้ยงกิเลส อยู่บ้านก็กิเลสเกาะบานอยู่แล้ว ตื่นสายพออยู่แล้ว หัดนอนพื้น นอนเสื่อบ้าง จะได้แกะกิเลสออก
     
  11. Rattanaporn

    Rattanaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +13,348
    สมมุติว่า...ถ้าเราอยากจะถือศีล 8 เป็นปกติทุกวัน...แต่ทำทั้งวันไม่ได้...หลวงพ่อฤาษีลิงดำแนะนำให้เรา...อาราธนาศีล 8 ก่อนนอนทุกคืน ก่อนหลับจนกระทั่งตื่นเช้าวันใหม่ค่ะ...(รับรองว่าเราไม่ละเมิดศีล 8 ข้อ อย่างเด็ดขาด เพราะเราหลับอยู่ค่ะ)...หลังจากตื่นแล้ว..เราก็ถือศีล 5 ต่อตลอดวัน...พยายามทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเรียกได้ว่า..เราได้กำไรแล้ว...แต่ที่แน่ ๆ ให้เราอาราธนาศีล 5 (ตอนเช้า) และศีล 8 (ตอนกลางคืน) ทุกวันจะเป็นการดียิ่งค่ะ...
     
  12. กิมหยง

    กิมหยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +535
    เคยไปบวชชีพรามณ์มาเค้าให้ทาเเป้งได้แต่ว่าทาบาง และให้เรียกแป้งกว่าเป็นยาค่ะ
     
  13. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ครีมกันแดดกับแป้งทาได้ ถ้ามีความสามารถพิจารณาให้เป็นยา
    ลองดูแล้วกัน ว่าใจเรามันจับเป็นยาไหม

    โรลออนไม่ควรทา เว้นแต่กลิ่นแรงมากจนรบกวนผู้อื่น
    เป็นกรณีเดียวกับเรื่องบุหรี่ในทางย้อนกลับ

    ศีล8ขาดข้อเดียวไปหมดทุกข้อเน้อ
    อะไรไม่จำเป็นจริงๆก็เลี่ยงๆไว้
     
  14. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    1. กินไปเหอะ ศีลไม่ขาดหรอก เวลาพักตามที่เขากำหนดนิ
    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้กำหนดศีลข้อนี้ขึ้นมาเพื่อจับผิด ใจความของศีลคือให้กินเพื่ออยู่ ไม่ตามใจปาก พิจารณาก่อนกินด้วยเน้อ

    2. กินได้ พิจารณาเป็นยา เป็นเนยใส พิจารณาไม่เป็นก็อย่าไปกินมันเลย รวมถึงเรื่องพักเที่ยงด้วย ถึงเวลาก็รู้เองว่าทำไรได้มั่ง
     
  15. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    เราเองถือศีล 8 ด้วยและถือมานานแล้วและไม่ขาดด้วย ปัจจุบันก็ยังทาโรลออนอยู่และทาครีมกันแดดด้วยเพราะถ้าไม่ทาครีมกันแดดก็จะแสบหน้ามากๆ แต่ไม่ใส่น้ำหอม ส่วนเรื่องการแต่งหน้านั้นถ้าหากว่าที่ทำงานจำเป็นต้องรับแขกหรือทำการติดต่องานการก็จำเป็นต้องแต่งเพราะถ้าไม่แต่งก็ทำงานไม่สมบูรณ์เพราะบางที่บางแห่งเขาถือว่าการแต่งหน้าเป็นมารยาทสังคม เป็นการให้เกียรติสถานที่ อย่างเช่นต้องไปเป็นแขกในงานแต่งงานที่จัดในโรงแรมหรูหราก็ต้องแต่งตัวให้สวยเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพ แต่ก็ต้องระมัดระวังอารมณ์ใจของตัวเองให้ดีในระหว่างการแต่ง เพราะถ้าในขณะที่แต่งหน้าทาแป้งอยู่ใจเราคิดว่าเราจะแต่งหน้าเพื่อให้วันนี่เราสวยขึ้นเพื่อให้คนอื่นๆมองแล้วตาค้างไปเลย แบบนี้ก็ผิดศีลเต็มๆ แต่ถ้าเราแต่งหน้าโดยมีจิตคิดเอาไว้เสมอว่าแต่งเพราะเป็นหน้าที่ แต่งเพราะต้องสมาคม ก็ไม่ผิดศีล ศีล 8 เป็นศีลของผู้ที่ทรงสมาธิควบคุมจิตใจของตนเองไม่ให้หลงใหลไปกับกามฉันทะและอารมณ์กระทบกระทั่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีสติให้มากที่สุด เราไม่ต้องรับศีล 8 ทุกวันเพราะการถือศีล 8 เป็นความตั้งใจจริงของเรา ไม่จำเป็นต้องรับก็ถือได้ และถ้าวันไหนศีลขาดเพราะความพลั้งเผลอก็ต่อใหม่ได้ ตั้งต้นใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องเสียกำลังใจไปว่าเราละเมิดศีลไปแล้ว ขอให้มีความเพียรในการรักษาศีล 8 และมีกำลังใจที่แน่วแน่รับรองว่ารักษาได้แน่นอน เอาใจช่วยนะจ๊ะ โมทนาในความตั้งใจจริง
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขออนุโมทนาค่ะ ว่าแต่ละเอียดดีจัง สาธุ
     
  17. ทศมาร

    ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +237
    มีความตั้งใจรักษาศีล แล้วรู้ทันกิเลสว่าเมื่อไรเกิดความกังวล เมื่อไรอยากให้คนอื่นไม่ดูถูก เมื่อไรกลัว เห็นกิเลสเมื่อไร ได้ปัญญา ก็เป็นการรักษาศีลที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
     
  18. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ทาโรลออนได้ และขอร้องว่าให้ทา เพราะมันเหม็นมาก 555
    เราทาเพื่อระงับกลิ่นกาย ไม่ใช่เพื่อปรุงให้หอม
    ส่วนครีมอื่นๆ ผมไม่มีความเห็นนะ
    เท่าที่จำได้ก็คือ ถ้าเราทาเพื่อลดความเก้อเขินในสังคม อย่างนี้ทาได้
    แต่ถ้าเพื่อสวยงาม อย่างนี้ไม่ได้

    ผมว่ายึดศีล ๕ ควบกรรมบถ๑๐ ก่อนดีกว่ามั้ยครับ
    เพราะเป็นพื้นฐานของพระอริยเจ้าขั้นต้น
    จนเมื่อจิตเราพัฒนาไปถึงระดับพระอานาคามี ศีล ๘ จะตามมาเอง

    แต่ถ้าเป็นเฉพาะเวลา ก็ทำให้มันเคร่งๆไปเลยครับ จะได้สบายใจ
     
  19. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คำว่าศิล๘ ก็ความหมายเดียวกับ อุโบสถ์ สมัยนี้เรียกกันเเต่ศิล๘ ไม่ได้เรียกตามคำที่สอนไว้
    ถ้าไปดูในพุทธวัจนพระพุทธเจ้าจะตรัสถึง เพียงการรักษาอุโบสถ์ การสมาทานศิล ภัยเวร5ศิล5จะไม่เห็นว่าศิล๘ เเต่ ก็ไม่ถึงกับเสียหายอะไรนะ. เพราะความสำคัญอยู่ที่การกระทำมากกว่า ก็ต้องดูข้อปฏิบัติว่ามีอะไรบ้างเพื่อเป็นการทำตามหลักของพระศาสดา เพราะอนิสงส์ในการปฏิบัติมีเขียนไว้อยู่ เเต่ก็ต้องทำในสิ่งที่บอกเอาไว้ อนิสงส์ถึงจะสำเร็จผล.

    อุโบสถ (ศีล)
    (ปาณาติปาต เวรมณี) เธอนั้น ละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต (ฆ่าสัตว์) วางท่อนไม้และศัสตรา เสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวัง ประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสัตว์ทั้งหลายอยู่.
    (อทินิทินนาทาน เวรมณี)เธอนั้นละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทินาทาน(ลักทรัพย์)ถือเอาแต่ของที่เขาให้แล้ว หวังอยู่แต่ของทเี่ขาให้ไม่เป็นขโมยมีตนเป็นคน สะอาดเป็นอยู่.
    (อพรฺหมฺจริยา เวรมณี) เธอนั้น ละกรรม อันไม่ใช่พรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์โดยปกติ ประพฤตห่างไกลเว้นขาดจากการเสพเมถุนอันเป็นของ ชาวบ้าน.
    (มุสาวาทา เวรมณี)เธอนน้ันละมุสาวาทาเว้นขาด จากมุสาวาทา พูดแต่ความจริง รักษาความสัตย์ มั่นคงใน คําาพูด มีคําพูดควรเชื่อถือได้ ไม่แกล้งกล่าวให้ผิดต่อโลก.
    (สรุาเมระยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี) เธอนั้น เว้นขาดจากการดื่มน้ําเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้ง ของความประมาท.
    (วิกาละโภชนา เวรมณี) เธอนั้นเป็นผู้ฉัน อาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เว้นจากการฉันในราตรีและ วิกาล.
    (นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา เวรมณี)เธอนั้น เป็นผู้เว้นขาดจากการฟ้อนรํา การขับร้อง การประโคม และการดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกแก่กุศล.
    (มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภู- สะนัฏฐานา เวรมณี) เธอนั้น เป็นผู้เว้นขาดจากการ ประดับประดา คือทัดทรงตกแต่งด้วยมาลา ของหอม และเครื่องลูบทา.
    (อุจจาสะยะนะมหาสะยะนา เวรมณี) เธอนั้น เป็นผู้เว้นขาดจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่ สำเร็จ การนอน บนที่นอนอันต่ําา.
    ติก. อํ. ๒๑/๒๗๑/๕๑๐.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012
  20. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    หลักคำสอนในสมัยนี้นั่นจะเห็นได้ในกรณีนี้คือ คำสอนนั้นบานกันออกไป เเละ ไม่ได้อิงจากอรรถ จากธรรม จากวินัยของพระศาสดาเเต่จะถือเอาของสาวกกันเท่านั้น ที่เเต่งกันขึ้นใหม่ อย่างอุโบสถ8ประการ ต้องดูอีกว่ากินข้าววันละ๑ แต่สมัยนี้บอก๒มื้อ ผมถึงบอกว่าคำสอนนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อนิสงส์ที่ตรัสไว้มันก็ไม่มีใครรับรองให้ เพราะพระสัญพัญญูให้ทำอย่างนี้เเต่การปฏิบัตินั้นเป็นอย่างอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...