ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เรื่องโรคภัยหรือพระกันโรคระบาดเหล่านี้ หลังๆกลายเป็นสิ่งที่คนถามกันมาทุกวัน ถ้ามีก็อยากให้เปิดราคาต่ำๆเพราะจะได้บูชาแขวนกันให้ครบทุกคนในครอบครัว...ก็เป็นเรื่องน่ากังวลกันสุดๆแล้วจริงๆสำหรับไวรัสโคโรนา เดี๋ยวยังไงจะแจ้งกันอีกทีนะครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    องค์หยวนสือเทียนจุนมีคนมาเล่าให้ฟังว่า ตอนได้รับรู้สึกถึงท่านเลยค่ะ ว่าเราไปนอนหนุนตักท่าน แล้วท่านก็ลูบหัวเราด้วย ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะตน แต่ก็ยืนยันได้ว่าพระญาณท่านมาเต็มจริงๆ

    ส่วนที่ถามหากันมามาก ก็จะนำเครื่องมงคล
    ชุดพระผงอโรคยาสงเคราะห์โรคออกให้จองกันเช้าพรุ่งนี้ คนที่แจ้งว่าต้องการกันหลายองค์ก็ให้ลุ้นกันเองด้วยองค์พระมีจำนวนจำกัดใครทันก็บูชาไปไม่ว่ากัน รายการนี้ต้องบอกว่าเฉพาะผงสำคัญชุดนี้ก็คุ้มค่าแล้ว ผงอย่างเดียวก็เกินราคาเพราะมีผงสำคัญที่ท่านเลือกมาใส่เฉพาะด้วย จึงเป็นอีกรุ่นที่เรียกว่าพระหลักร้อยพุทธคุณเกินล้าน
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา พระธรรมสวามีผงพุทธอุปถัมภ์พยาบาลรักษาปิดเคราะห์ซ่อนกรรม(ชุดอโรคยาสงเคราะห์โรค)

    "เมื่อไหร่ที่บารมีถึงพร้อม...ให้เธอทำผงพุทธอุปถัมภ์ให้ลูกหลานของฉันเสียคราวหนึ่งนะ"
    "สำหรับคนที่ไม่มีอะไรมา...มาแต่ตัว ไม่มีอนาคตอะไรเลยท่านต้องช่วยพวกเขามากๆหน่อยนะครับ”
    "พระผงพุทธอุปถัมภ์นี้พระใหญ่ท่านให้ทำมาใช้ติดตัวนะ ไม่เหมาะสำหรับเก็บไว้เฉยๆใครวางไว้นานๆไม่ใช้เดี๋ยวหายได้ แหมม..ของดีก็ต้องใช้ก่อนใช่มั๊ยจึงจะรู้ว่าดี"


    พระพุทธเจ้าผู้เป็นสรรเพชชุดาญาณนั้นท่านคือครูผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยทรงมีคุณทั้งสามได้แก่พระปัญญาคุณ,พระบริสุทธิคุณ,พระมหากรุณาธิคุณโดยปรกติ เมื่อเสด็จพระใหญ่ท่านให้พ่ออาจารย์ทำผงพุทธอุปถัมภ์โดยอาศัยพุทธานุภาพนั้นก็เพื่อที่จะได้พยาบาลรักษาปิดเคราะห์ซ่อนกรรมช่วยเหลือบุคคลอันมีบุญสัมพันธ์กันมาก่อนร่วมกับท่าน คนที่เกิดไม่ทันยุคศาสนาของท่าน...หรือคนที่ผ่านกระแสธาราของกฏแห่งกรรมอันเชี่ยวกรากมาจนถุงยุคนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาพุทธอุปถัมภ์นี้เจาะจงเหลือเกินในการที่จะคํ้าจุน,คํ้าชูทั้งให้การสนับสนุนผู้ตั้งจิตอาราธนา เปรียบเสมือนการรับเราไว้ในอุปถัมภ์,อุปการะของเสด็จพระใหญ่ ท่านจะคอยเลี้ยงดูเราทั้งค้ำยันไว้ไม่ให้ล้ม จะคอยอุดหนุน คอยบำรุงให้เราเจริญขึ้น พยุงให้สูงขึ้น ทั้งส่งเสริมช่วยเหลือคอยอุปการะสงเคราะห์อนุเคราะห์กันในทุกๆโอกาส พ่ออาจารย์ว่าเช่นนี้ฉันจึงย้ำว่าต้องใช้แล้วจะรู้เอง เพราะพระผงรุ่นนี้ท่านตั้งใจทำมาให้คนที่ได้ทุกข์ยากและต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษเหล่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าจะรู้สึกได้เองเหมือนชีวิตเรามีผู้เลี้ยงดูคอยอุปถัมภ์ชุบเลี้ยงค้ำจุนเผื่อแผ่อยู่ข้างๆตัวเองเสมอ
    สำหรับผู้มีศรัทธาในพุทธานุภาพ,มีความเชื่อท่านจะช่วยจะรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องทนทรมานกับความทุกข์ยากสาหัสใดๆมานานขนาดไหนก็ตาม
    ด้วยกำลังแห่งผงพุทธอุปถัมภ์นั้นจะบรรเทาช่วยเหลือสิ่งที่หนักหนาสาหัสได้ อุปมาดุจเธอนั้นเป็นคนป่วย,มีโรคภัย,มีไข้ที่พร้อมจะกำเริบอยู่เนืองๆตามกรรมเก่าที่เธอทำไว้ พอชีวิตเธอเกิดศรัทธาได้บูชาผงพุทธอุปถัมภ์นี้ก็ให้เธอขอบารมีองค์พระท่านรักษาโรคเวรโรคกรรมทั้งหลาย ที่ว่าได้เจ็บได้ไข้กันมายาวนานนั้นอันใดจะมี...อันนั้นจักหายไป ด้วยเมตตาธิคุณในพระตถาคตเจ้าอันไม่มีสิ่งใดมาวัดมาประมาณได้นั้นดั่งท่านได้ให้คำปกาศิตไว้ว่า"บุคคลใดก็ตามที่ไม่มีผู้สนใจจะดูแล ทั้งยังตั้งอยู่ในกระแสของโรคเวรโรคกรรมทั้งหลายเราจะช่วยเหลือบุคคลนั้นจนกว่าจะหาย" พ่ออาจารย์ท่านว่าผงพุทธอุปถัมภ์ที่เสด็จพระใหญ่ให้ทำขึ้นมานี้มีอาถรรพ์มากเพราะท่านตั้งใจจะช่วยเหลือทั้งให้การพยาบาลอุปถัมภ์ผู้อาราธนาอย่างแท้จริงแม้ในยามปกติหรือยามที่ชีวิตทรุดตกต่ำลง แม้ในกิจต่างๆกรรมต่างๆที่ชีวิตเราวนเวียนข้องเกี่ยวอยู่ท่านก็จะช่วยให้มีกำลังกาย กำลังใจถึงพร้อมอยู่เสมอ เรียกได้ว่าจะช่วยให้เธอนั้นกลับเข้าสู่สภาวะที่ตัวของเธอเองช่วยตนเองได้,ยืนขึ้นมาได้ด้วยขาตัวเองโดยไม่ต้องรับการช่วยเหลือจากใครอีกโดยเร็วที่สุด
    วิชาพุทธอุปถัมภ์นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าจะผูกพันกับผู้ที่ได้อาราธนาดุจบิดามารดาคอยดูแลปกป้องบุตร..จะเป็นอยู่เช่นนั้นและเป็นตลอดไป ด้วยคนเราเมื่อตกทุกข์ได้ยากสิ้นไร้ไม้ตอกหรือเจ็บไข้ไม่สบาย เมื่อใดก็ตามที่เราได้ทุกขเวทนาอย่างถึงที่สุดคนทั้งหลายก็มักจะนึกถึงพ่อแม่ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วนั่นก็จริงอีกที่คุณบิดามารดานั่นแหละที่ช่วยเราได้เสมอ เพราะได้ชื่อว่ามีพระคุณเกื้อกูลโดยตรงต่อเราอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดังนั้นวิชาพุทธอุปถัมภ์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเสด็จพระใหญ่ท่านจึงให้ฉันผูกวิชาไว้นอกจากคนใช้เวลาอาราธนาจะต้องนึกถึงพระพุทธคุณแล้วยังต้องนึกถึงคุณบิดามารดาของตัวเองอีกด้วย
    ท่านว่าเกิดมาเป็นคนอย่าลืมพระคุณพ่อแม่ที่แม้แต่พระศาสดายังทรงสรรเสริญเท่านี้ก็เจริญโดยลำดับแล้ว ด้วยบิดามารดานั้นเป็นพระพรหมของลูก,เป็นพระอรหันต์เป็นพระที่ไม่เคยทอดทิ้งเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นผงพุทธอุปถัมภ์นี้จึงเปรียบได้กับกระแสความรักอันสูงสุดเมื่อเราเชื่อ มีศรัทธาจนเกิดปิติปาฏิหาริย์ทั้งหลายก็จะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนาถของโลกพระองค์ก็ยังรู้ซึ้งถึงพระคุณของผู้เป็นบิดามารดาที่คอยอนุเคราะห์บุตรนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเสด็จพระใหญ่นั้นท่านได้สรรเสริญกำลังบิดามารดานี้เมื่ออนุเคราะห์แก่กุลบุตรธิดาใดว่าดุจเป็นบุรพเทวดา,เป็นบุรพาจารย์,เป็นอาหุเนยยบุคคลของบุตรดังนี้ ด้วยจะมีแต่กำลังแห่งบิดามารดาเท่านั้นที่จะมั่นคงอยู่ได้ในพรหมวิหารธรรมโดยไม่ยอมทิ้งลูกของตน ย่อมมีเมตตารักใคร่ปรารถนาจะเห็นลูกของตนมีความสุขปราศจากโรคภัยเบียดเบียน ทั้งยังมีกรุณาสงสารเมื่อบุตรนั้นประสบกับความทุกข์คิดแต่จะช่วยให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน ช่วยให้มีความสุขความเจริญก้าวหน้าแบบสุดกำลังเท่าที่จะช่วยได้ เมื่อลูกถึงพร้อมซึ่งความสุขสามารถยืนขึ้นได้ด้วยตัวเองก็พลอยมีใจยินดีด้วยไม่อิจฉาริษยาในความสุขของลูก เมื่อเห็นลูกต้องประสบทุกข์เดือดร้อนก็ไม่ซ้ำเติมเช่นนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์รักษาลูกก่อนเทวดาทั้งปวง เพราะวิชานี้เป็นของกลางที่จะช่วยเหลือผู้บูชาโดยไม่ยึดติดกับอารมณ์เกลียดและโกรธใดๆดั่งคุณพระบิดามารดา...ดั่งพระพุทธคุณเช่นนั้นแม้เราทำผิดก็ยกโทษให้ไม่คำนึงถึงความผิดใดๆทั้งสิ้นมุ่งแต่ให้พวกเขามีความสุขความเจริญฝ่ายเดียว ทั้งจะให้อุปการะดุจนำพาลาภสักการะทั้งหลายมาป้อนให้ลูกถึงปากพ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนั้นพระผงพุทธอุปถัมภ์นี้จึงมีอานุภาพมากแม้ใครได้อาราธนาติดตัวหรือกราบไหว้บูชา ดุจดั่งว่าได้ดำรงค์อยู่ใกล้ชิดพระอรหันต์ขีณาสพทั้งยังได้กราบไหว้บูชาท่านอยู่ตลอดเวลา ####เช่นนั้นพระผงนี้ใครได้ไปแนะให้เอาไปให้พ่อแม่ตนเองอธิษฐานให้พรซ้ำๆพูดแต้สิ่งที่ดีกับลูกเสมอต่อองค์พระลูกจะมีแต่เจริญไม่มีตกอับ(หากผู้ใดพ่อแม่ไม่อยู่แล้วก็ให้นึกถึงพ่อแม่ของตัวเองไว้ คิดเองเออเองเลยว่าท่านพูดอะไรให้พรเราอย่างไร..อยากได้พรอะไรก็คิดอย่างนั้น) แม้ทำได้ดังนี้ก็จะมีความสุขความเจริญแก่ชีวิตทั้งเป็นที่สรรเสริญของเทวดาทั้งหลายแลเป็นเหตุให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง
    ท่านได้ลบถมผงวิเศษตามสูตรเฉพาะของเสด็จพระใหญ่ที่ท่านกำชับไว้หนักหนาว่าไม่ให้พูดออกไปเด็ดขาดใครเชื่อใครมาเอาไปใช้ก็ให้เป็นที่บุญและวาสนาของเขาจริงๆเท่านั้นท่านว่าพอจะบอกได้ก็มี
    - ผงวาสนาค้ำฟ้า ใช้ค้ำชูชะตาเร่งนำพาวาสนาของเราให้เปิดออก ให้รับความสุขมีชีวิตอยู่ในช่วงที่ดีที่สุด
    - ผงสร้างคน ใช้สร้างอำนาจลาภยศและบารมีชื่อเสียงต่างๆให้คนกลายเป็นคนเต็มตัว
    - ผงหาทรัพย์ ท่านว่าใช้ทางหาลาภทำมาหากินให้เจริญในอาชีพได้ทุกทาง
    - ผงแก้โรค อันนี้ใช้แก้โรคภัยไข้เจ็บตลอดจนฟื้นฟูสุขภาพที่ทรุดโทรม
    - ผงดับทุกข์ ใช้แก้ทุกข์แก้ความเดือดร้อนทั้งหลาย
    - ผงแก้อาถรรพ์ ใช้ล้างสิ่งอัปมงคลและแก้อาถรรพ์ร้ายต่างในตัวเราไม่ให้กำเริบขึ้นมา
    - ผงเมตตา ใช้ในการเข้าหาคนให้ผู้ใหญ่เมตตามีแต่คนรักไม่มีคนเกลียด
    - ผงยกฐานะ ช่วยให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าไม่มีทางตันสามารถขยับฐานะตัวเองได้ง่ายและไวขึ้น
    - ผงขุมทรัพย์ ช่วยไม่ให้อดดุจคนมีทรัพย์ตลอดเวลาแม้ทรัพย์ขาดไปเทวดาต้องช่วยเหลือ...
    ท่านว่าบอกได้คร่าวๆแค่นี้เพราะผงแต่ละอย่างนั้นเสด็จพระใหญ่ท่านทำให้เต็มที่
    ท่านว่าผงแต่ละอย่างนี้แม้ตกในแผ่นดินผืนใด จะเป็นเหย้าเรือนหรือได้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์แก่บุคคลใด จะมีผลเพิ่มพูนให้ไม่รู้จบ มีคุณล้ำค่ายิ่งกว่าแก้วสารพัดนึก แค่ได้พบเห็นก็ได้ชื่อว่ามีบุญมีบุพกรรมได้ทำมาดีแล้ว อย่าไปกลัวเลยว่าจะตกทุกข์ได้ยาก ขอให้บูชาไว้ให้ดีเถิดชีวิตจะเต็มไปด้วยมงคลทั้งหลายทั้งข้าวของสมบัติก็บริบูรณ์นักถึงขั้นคหบดีเป็นเศรษฐีรุ่งเรือง แม้ปรารถนาสิ่งใดก็จะสัมฤทธิ์ผลเจริญขึ้นวัฒนาสถาพรตลอดไป
    **** พระผงชุดอโรคยาสงเคราะห์โรคนี้ท่านแยกกดพิมพ์ไว้เป็นพิเศษ นอกจากชนวนมวลสารดังกล่าวแล้วยังแก่ผงแก้โรคผงแก้อาถรรพ์อย่างถึงที่สุด ท่านว่าในอนาคตโรคภัยจะมาก จะมาหาถึงตัวหลีกเลี่ยงกันไม่ได้เลย พระชุดนี้องค์ปฐมท่านให้ทำไว้เพื่อสงเคราะห์ยามผจญทุกข์โรคาพาธทั้งหลาย

    เสด็จพระใหญ่ท่านเจาะจงให้พ่ออาจารย์ทำพิมพ์พระเป็นพระปางพยาบาลเช่นนี้เพราะจะได้สื่อเข้าไปให้ถึงใจว่าต่อแต่นี้ด้วยผงคุณพระวิชาพุทธอุปถัมภ์นั้นก็จะได้โอบอุ้มดูแลกันไป แม้ในวันที่ตกต่ำและทุกข์ยากหรือในวันที่เธอเจ็บอย่างถึงที่สุดก็จะไม่ทอดทิ้งกันพระธรรมสวามีเนื้อผงพุทธอุปถัมภ์นี้ท่านว่าทำไว้ให้ครบแล้วตามแต่จะอธิษฐานใช้ แม้ผู้ใดนำไปอาราธนาจะยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ดั่งบุญวาสนาที่แข่งกันไม่ได้ท่านว่าแม้ได้พบได้นำไปอาราธนานั่นก็ถือว่ามีวาสนาแล้ว "อุปมาดั่งกาไก่จะกลายเป็นหงส์" จะเกิดเมตตามหามงคลล้นมากดังมีเทวดาอยู่กับตัว ไปทางไหนคนทั้งหลายก็เปิดทางให้จะรักเมตตาเราด้วยอำนาจของศีลของพระธรรม อำนาจนี้แรงกว่าการทำให้รักด้วยวิชาใดๆหลายเท่านัก ทำให้เรามีบารมีโดดเด่นเป็นที่ยำเกรง ทั้งยังจะระงับภัยและเหตุการณ์เลวร้ายเบื้องหน้าได้ ทั้งยังนอนกินมีชีวิตความเป็นอยู่สบายดุจมีคนคอยอุ้มชูอุปถัมภ์ใช้แล้วจึงมีชื่อเสียงโด่งดังเสริมสง่าราศีเสริมความก้าวหน้าเสริมกิจการให้สำเร็จสมหวังทุกอย่าง เหตุหลายประการล้วนสรุปที่คำว่าดีทั้งสิ้นยังให้เกิดผลดีต่างๆตามมาเป็นอันมาก สุดท้ายจะไม่ตายโหงไม่ตายเป็นผีสัมภเวสีมีที่อันจะไปด้วยดี

    พระชุดอโรคยาสร้างด้วยมวลสารพิเศษผงธาตุทิพย์หรือธาตุนิพพาน

    ซึ่งผงธาตุนิพพานนี้ถือว่าเป็นยอดผงที่พ่ออาจารย์ท่านได้แบ่งออกมานวดผสมไว้ตอนกดพระชุดอโรคยาสงเคราะห์โรคนี้


    ผงนี้กิดขึ้นจากธาตุนิพพานทั้งสามชนิดที่สมเด็จองค์ปฐมท่านกำชับให้พ่ออาจารย์รวบรวมไว้ ท่านว่าแทนด้วยคุณพระไตรรัตนญาณอันประเสริฐเป็นเลิศกว่าสิ่งใดในโลกา ทั้งยังเป็นธาตุทิพย์หรือที่ท่านเรียกว่าธาตุนิพพานมาเนรมิตให้เกิดขึ้น - ให้ปรากฏรูป - ให้เป็นไป
    ...เพื่อที่จะได้ใช้ช่วยฉุดและปลดเปลื้องเภทภัยในอนาคตกาลอันจะนำมาซึ่งทุกขเวทนาทั้งหลาย ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำว่าเป็นผงทิพย์หรือของทิพย์ฉันไม่ได้ทำเอง มีแต่พ่อพระปฐมท่านให้ไปรวบรวมมาตามสถานที่ซึ่งท่านกำหนด พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้จึงก้าวล่วงไม่ได้ ได้แต่บอกอย่างเดียวว่าใช้ทำอะไรแค่นี้
    ธาตุนิพพานเนรมิตใช้ทำอะไร ธาตุนี้ท่านเรียกสั้นๆว่าธาตุทิพย์ เพราะเป็นของจากพระนิพพานที่พ่อองค์ปฐมท่านรักษาไว้ให้ลูกๆเอาไว้ใช้อธิษฐานขอเมตตา ดุจว่าจิตมีนิพพานเป็นที่หมายเป็นเครื่องระลึกถึง นึกถึงพระนิพพาน นึกถึงองค์ธรรมบิดา นึกถึงองค์ปฐมสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อมีเหตุปัจจัยย่อมมีผลไม่มีการกระทำใดเสียเปล่า ธาตุทิพย์นี้เป็นกำลังจากนิพพาน เต็มเปี่ยมด้วยบารมีสามสิบทัศน์ทั้งฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการขององค์สัมมาพุทธเจ้า เหล่าอรหันต์และมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ปฐมเมตตารวมกำลังให้ทั้งหมดเลย นี่หากใครตาดีเค้าจะเห็นกันเลยว่าธาตุเหล่านี้แม้อณูเดียวแยกออกมาก็มีแสงทิพย์โอภาสขาวสุกใสประกายเพชร เพราะเป็นธาตุธรรมธาตุทิพย์ขององค์ปฐมต้น ทั้งยังเป็นธาตุทิพย์ขององค์ธรรมบิดา และเป็นธาตุทิพย์ขององค์วิสุทธิเทพ ทั้งสามธาตุนั้นเรียกว่าไตรรัตนญาณ พ่ออาจารย์ท่านว่าคลุมหมดทั้งฟ้าอนันตจักรวาล
    พ่ออาจารย์ท่านว่าอณูธาตุเหล่านี้
    เค้าทำงานกันด้วยการเปล่งรัศมี เมื่อเค้าเกาะกลุ่มรวมกันอยู่เค้าจะหมุนวนรัศมีของแต่ละธาตุมารวมกันแล้วสาดออกไปกระทบกัน สาดประกายผ่านตัวเราให้ตัวเรารับกำลัง สาดไปรอบตัวเรา รอบโลก รอบจักรวาล ซึ่งมหาอณูธาตุทิพย์นี้เขาทำงานกันด้วยความเร็วสูงสุดเรียกว่ามีความถี่มากแม้ตัวพ่ออาจารย์เองยังมิอาจกะเกณฑ์ใดๆได้(ทำงานไวนั่นคือสำเร็จไว) และด้วยเหตุว่าธาตุทิพย์นี้แม้เทพ,พรหม,ผี,สัมภเวสีใดๆก็ไม่อาจแตะต้องเข้าครองได้นอกจากมนุษย์ที่เคยมีวาสนาพลาผลอันจะได้เกื้อกูลในหนทางข้างหน้าต่อไปเท่านั้น ด้วยธาตุทิพย์นั้นวิเศษล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง เพราะเป็นดั่งตัวแทนของกำลังที่ส่งเข้าหาตัวเราโดยตรงจากองค์ปฐม,องค์ธรรมบิดา,องค์วิสุทธิเทพ เป็นพลังของนิพพานธาตุที่องค์พระท่านเมตตาประทานลงมา ท่านว่าเพื่อประโยชน์ใหญ่ทั่วมหาอนันตจักรวาล ทั้งนรกโลก เทวโลก พรหมโลก เพื่อที่จะได้ยกระดับจิตคนที่ดีมีบุญวาสนาให้ดำรงค์ตนอยู่ ให้ได้อริยมรรคอริยผลทั่วทั้งหมดในอนาคตกาลไม่มีการยกเว้น ด้วยมีคุณผลักดันธรรมวิเศษอันทรงคุณที่พันไว้รอบนอกให้เกิดผลทันทีเพื่อจะได้สงเคราะห์ชีวิตตนแล้ว
    ตัวอณูธาตุทิพย์เองเมื่อเราอาราธนาพกติดกายประจำเขายังเข้าไปบรรเทากิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทานในจิตใจด้วยการชำระล้างตลอด พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นแหละชำระให้เบาลง ของแบบนี้ต้องค่อยๆชำระเพราะมันตกตะกอนหนาจับเป็นชั้นๆมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติไม่ใช่พกปุ๊ปจะหายไปหมด ยิ่งคนไหนหนามากก็ต้องใช้เวลานานหน่อย คนไหนเบาบางก็จะไวหน่อย แต่ดีกว่าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรจนเปิดรับทุกขเวทนาและเภทภัยทั้งผอง อย่างน้อยก็ชำระกันบ้างจะได้ปิดกั้นอบายภูมทั้งสี่อันมีนรก,เปรต,อสุรกาย,เดรัจฉานเป็นที่ไป พ่ออาจารย์ท่านว่าให้หมั่นจับธาตุและระลึกถึงองค์พระไว้จิตจะเป็นกุศลเหมือนเราได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น หากเมื่อใดถึงกาลกิริยาตายกันจริงๆก็นั่นแหละนึกถึงองค์พระไว้ไปสวรรค์เป็นอย่างต่ำ ถ้ากำลังใจมากทำความดีมาพอประมาณก็ไปถึงชั้นพรหม แต่ถ้าชำระกันหมดชาตินี้จิตสะอาดเบิกบานดีแล้วนั่นก็ย่อมหมายเอานิพพานเป็นที่ไปได้...แต่จะถึงนิพพานเลยเช่นนี้ท่านบอกเลยว่าใช่ว่าจะเกิดได้กับทุกคน ด้วยอณูทิพย์นี้ปิดกั้นอบายภูมิและปิดกั้นเคราะห์กรรมทั้งหลายไม่ให้เกิดได้ระยะหนึ่ง(หากผู้ครอบครองไม่หลงมัวเมาจนยากกลับใจ)จึงทำให้ได้รับประโยชน์ใหญ่ในการดำเนินชีวิตตามวิถีแต่ละคน

    ### พ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำอย่างน่าตระหนกว่า อณูทิพย์นี้องค์พุทธบิดาท่านจะประทานให้ในช่วงเวลาที่เกิดกลียุค ต่อไปเบื้องหน้าจะมีวาตะภัย ทั้งไฟบรรลัยกันต์อันเกิดจากความรู้และวิทยาการของมนุษย์ ทั้งจากอาวุธนิวเคลียร์ จากการทดลองดัดแปลงพันธุกรรมอันเกินธรรมชาติจะรับไหว ท่านว่าต่อไปโลกจะถดถอยทั้งเกิดภัยธรรมชาติแปรปรวนทำให้ผู้คนล้มตายกันมากมาย นั่นแหละอณูทิพย์นี้จะช่วยปกปักรักษาให้ปลอดภัยจากอันตรายทุกชนิด ท่านว่าผู้ที่จะได้ไปต้องนับเนื่องในวาสนา ถือได้ว่าโชคดีเคยทำบุญมามหาศาลพอตัว
    ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไกลแต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งภัยพิบัติคร่าชีวิตจากความเกรี้ยวกราดของธรรมชาติได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังไม่มีเทคโนโลยีใดใช้ให้ไปถึงสวรรค์หรือนิพพานกันได้เลย ด้วยตัวความสบายและเทคโนโลยีนี่แหละที่จะพอกพูนกิเลสตัณหา ทำให้ทั้งคนทั้งพระติดสบาย ทำให้คนกลัวตายยื้อยุดให้ห่างไกลจากธรรมมากขึ้น เช่นนั้นอณูทิพย์ซึ่งเป็นธาตุนิพพานคือธาตุที่มาจากจิตเดิมขององค์ธรรม,องค์ปฐม..เหล่านี้จึงจัดเป็นธาตุประภัสสรที่จะแสวงหาจิตเดิม ทั้งยังนำความสุขกายสุขใจและวาสนาต่างๆไม่รู้สิ้นมาสงเคราะห์คน พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าเป็นแม่ธาตุอันประเสริฐที่เหนือกว่าธาตุใดทั้งหมดเพราะท่านย้ำว่าเขาช่วยให้ถึงความสุขในชาตินี้ได้เช่นนั้น

    ด้วยกฏของวัฏจักรการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปย่อมเป็นของธรรมดาโลก เพราะทุกสิ่งแม้ร่างกายเราย่อมเปฺ็นของสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น คือดำรงค์อยู่อย่างแปรปรวนรวนเรดั่งสายน้ำวกวนรอวันสูญสลายเพียงเท่านี้ หากแต่เรื่องการเอาดีไม่ให้เสียชาติเกิดนั่นกลับเป็นของจริง เป็นหน้าที่ของสรรพชีวิตที่น้อยนักยากจะทำได้ เพราะจิตนั่นแหละคือตัวตนจริงของเรา การขัดเกลาดวงจิตพัฒนาดวงจิตต่างๆเหล่านี้จึงเป็นการทำให้จิตนเองนั้นสะอาดและศักดิ์สิทธิ์....พ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือหน้าที่ขัดเกลาของอณูทิพย์ เป็นปฏิบัติการณ์ชำระจิตใจให้ค่อยๆใสสะอาด ไม่เกาะเกี่ยวในสมมติ มองพ้นโลกพ้นสงสาร เพราะเขาอยู่เหนือกว่าสิ่งสมมติทั้งหลายไม่ว่าจะดิน,น้ำ,ลม,ไฟมหาธาตุทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านเปรียบให้เข้าใจง่ายๆว่าโลกและสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะสอดตามองไปทางไหนเราย่อมจะเห็นและรู้แต่บางคนก็ไม่รู้และไม่เข้าใจ ซึ่งก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงไปได้ว่าทุกสิ่งนั้นผูกขึ้นมาด้วยธาตุทั้งสี่ เพราะมีธาตุทั้งสี่นี่แหละตัวเราหรือตัวเขาและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ว่าจะโลกหรือจักรวาลจึงมีรูปกายมีรูปร่าง เมื่ออณูทิพย์อยู่เหนือธาตุทั้งสี่นั่นคือเขาเหนือโลกไปแล้ว เหนือไปกว่าทุกอย่างด้วยเป็นของสูงมากเพราะลงมาจากแดนทิพย์แดนนิพพานไม่เกาะเกี่ยวด้วยสิ่งสมมติทั้งหลาย เมื่ออยู่เหนือโลกเช่นนี้จึงมีพลังงานบันดาลได้ทุกสิ่งตามปรารถนาด้วยแสงทิพย์โอภาส

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคุณวิชาที่รวมกันแต่ละอย่างของเครื่องมงคลชุดนี้จัดว่าเป็นที่สุดอย่างแท้จริง แม้ตัวธาตุนิพพานกว่าจะได้มาก็ยากนักเพราะต้องขึ้นเขาลงห้วยเข้าถ้ำครบ ไม่มีอะไรที่ไม่ลำบากเลยเพราะผู้เฝ้าผู้ดูแลเขาหวงหนัก ถ้าพ่อพระพุทธไม่เปิดทางไม่อนุญาติก็เหมือนนำชีวิตไปทิ้ง และธาตุทิพย์นี้พ่อพระพุทธท่านเรียกว่าลูกจิตนิพพาน เขามีความเป็นทิพย์ทั้งสุขสบายสมปรารถนาในตัวเองทุกอย่างย่อมจะช่วยให้ผู้ครอบครองได้ดังนั้นเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าปัจจุบันคนที่ตั้งหน้าทำงานหาเงินทั้งหลายย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ายังติดอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆในโลก เมื่อเรามีขันธ์ห้าก็ย่อมแสวงหาสาเหตุของการผุดเกิดเวียนว่าย ทั้งกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณหากแต่เราลืมหน้าที่และไม่ได้ค้นคว้าสนใจตรงนี้เพราะมัวแต่ทำงาน อีกทางหนึ่งก็พอกพูนกิเลสเมื่อเราทำงานเพื่อสิ่งเหล่านี้เราย่อมเกิดตัณหาอยากอยู่ในโลก ทั้งยังผูกพันก่อเกิดพันธะอันดักดานมาเนิ่นนานมั่นคง ที่จิตหยาบหนาหน่อยก็มีความโลภในสรรพสิ่ง มีความโกรธความหลงอยู่ในตนเอง พอกพูนทุกวินาทีนับวันเดือนปี นับชาติภพ นับกัปกัลป์ สิ่งเหล่านี้เสมือนยาขม ขมมาก ทรมานมาก หากจะรักษาก็ยิ่งยากเพราะสะสมกันมาเนิ่นนาน เช่นนี้ยาขมจึงต้องกลั้วไปพร้อมขนมหวาน เพื่อจะเอาดีทั้งทางโลกและทางธรรมให้ได้ก่อนในเริ่มแรกจึงจะพัฒนาตนเองเหนือกว่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นกี่ชาติภพก็ไร้การพัฒนา เพราะเราตัดหน้าที่อันจำเป็นต้องพึงกระทำในชีวิตตนเองตอนนี้ไม่ได้จะเอาแก่ใจอะไรมาลดละเลิกอวิชาทั้งหลาย
    เพื่อประโยชน์ให้พ้นโลกียสมบัติ,สวรรค์สมบัติให้ถึงซึ่งนิพพานสมบัติไม่ต้องกลับมาเรียนรู้ในโลกมายาสมมุติทั้งสิ้นนี้อีกพ่ออาจารย์ท่านจึงให้อาราธนาอณูทิพย์ แม้ท่านเองก็ยังใช้ติดตัวเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าคนบางคนนั้นต่ำต้อยบุญน้อยวาสนาไม่มีหากแต่ดวงตากระจ่างยังมองเห็นภัยอันตรายในวัฏสงสาร หรือบางคนไม่ปรารถนาจะเกิดมาเป็นคนเป็นเทวดา..เหล่านี้อีก นี่คือคนที่มีความปรารถนาความตั้งใจแต่เบื้องต้น คนแบบนี้จะมองโลกไม่เหมือนคนประเภทอื่นเพราะเค้าเบื่อโลก เมื่อเขารับอณูทิพย์นี้ไปก็จะได้ชำระล้างจิต ชำระสิ่งสกปรกตกตะกอนทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นยังมีบาปกรรมมีความโกรธความอยากได้ใคร่ดีทั้งยังหลงงมงายไม่สิ้นสุดนั่นแหละสิ่งเหล่านี้คือความสกปรกในจิตเรา เพราะเราไม่รู้ความเป็นไปใดๆที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเกิดขึ้นเบื้องหน้าเลย อณูทิพย์นี้จึงส่องสว่างทำหน้าที่ปัดเป่าชำระเคราะห์กรรมทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าพอชำระๆไปมันก็หมดพวกที่ชีวิตหนักๆเขาก็จะเบาขึ้นๆไปเองทีละขั้นทีละลำดับ ถ้าเรื่องมันน้อยเคราะห์มันไม่มากชำระพักเดียวก็ไม่ปรากฏแล้ว เป็นเช่นนี้เอง เพื่อจะให้พวกเธอถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรือง

    รายการนี้ท่านว่าฟ้าปิดแต่สวรรค์เปิดคือข้างบนเค้าไม่ให้รู้อะไรไม่ให้พูดถึงมากนัก เพราะใครจะได้สัมผัสหรือพบเจอนั้นย่อมต้องอาศัยวาสนาที่เคยทำมาเป็นเอนกชาติ ถ้าคนสติปัญญาไม่ถึงไม่เห็นความสำคัญก็จะมองไปอีกทางหนึ่งว่านี่อะไร พกทำไม ใช้อะไรไร้สาระเขาจะคิดอย่างนั้นกันไปเลย เพราะเขาไม่ใช่ผู้ถูกกำหนด และภัยพิบัติในอนาคตนั้นก็ยากจะหลบเลี่ยง ท่านว่ารายการนี้เพราะพูดไม่ได้มาก พ่อพระพุทธท่านห้ามมาเอง ที่เราพูดเท่านี้ท่านก็เขม่นแล้ว คือของบางอย่างนั้นไม่ควรไปพูดถึงเลยต้องใช้กำลังใจรับรู้เท่านั้นจึงบอกได้แค่นี้

    คาถาบูชา(ท่านให้นึกถึงพระพุทธคุณและคุณบิดามารดาเป็นที่สุดก่อนว่าบทสักกัตวา)
    สักกัตวาพุทธะรัตตะนัง โอสะถังอุตตะมังวะรัง หิตังเทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินานัสสันตุ ปัททะวา สัพเพทุกขาวูปะสะเมนตุเมฯ
    สักกัตวาธัมมะรัตตะนัง โอสะถังอุตตะมัวะรัง ปิริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินานัสสันตุ ปัททะวา สัพเพภะยาวูปะสะเมนตุ เมฯ
    สักกัตวาสังฆะรัตตะนัง โอสะถังอุตตะมังวะรัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถิน นัสสันตุปัททะวา สัพเพภะยาวูปะสะเมนตุเมฯ


    *** ร่วมทำบุญบูชาองค์พระธรรมสวามีผงพุทธอุปถัมภ์(ชุดอโรคยาสงเคราะห์โรค)ได้เฉพาะทาง PM เท่านั้น รายการนี้ท่านทำไว้อาราธนาใช้โปรดสรรพสัตว์แช่ทำน้ำมนต์อาราธนาแช่น้ำว่านน้ำยาอาบกินของท่านด้วย ท่านว่าพระรุ่นนี้วาสนาเราทำได้แค่ครั้งเดียว ใครจะได้จะบูชานั่นก็ขึ้นอยู่กับวาสนาอีกท่านว่าต้องมีวาสนาทั้งผู้ทำและผู้รับจริงๆ ใครบารมียังอบรมมาไม่พอก็ไม่ได้ไป รายได้ร่วมสมทบทุนค่าน้ำค่าไฟตามวัดต่างๆเพื่อเป็นปัจจัยนำมาซึ่งแสงสว่างแก่ชีวิตสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระธรรมสวามีผงพุทธอุปถัมภ์พยาบาลรักษาปิดเคราะห์ซ่อนกรรม(ชุดอโรคยาสงเคราะห์โรค) บูชา 900 บาท

    89490566-624569461453665-8032828031779209216-n.jpg 89203428-1233114906881067-6027063066003243008-n.jpg
    88273861-3450899181603848-6491913810310332416-n.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ชัยวัฒน์ EI 6559 9363 9 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 6559 8411 5 TH

    พี่นฐมน EI 6559 8412 4 TH

    พี่ธวัช EI 6559 8413 8 TH

    พี่รังสรรค์ EI 6559 8414 1 TH
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พิจารณาสังขาร

    สมาธิ กับ ปัญญา นั้นเป็นธรรมคู่เคียงโดยจะแยกจากกันไม่ออก ควรใช้ปัญญาคู่เคียงกันไปกับสมาธิตามโอกาสอันควร คือ ถ้าเราจะดำเนินในทางสมาธิโดยถ่ายเดียว ไม่คำนึงถึงเรื่องปัญญาเลยแล้ว จะเป็นเหตุให้ติดสมาธิ คือ ความสงบ เมื่อจิตถอนออกมาจากสมาธิแล้ว ต้องพิจารณาในทางปัญญา เช่น พิจารณาธาตุขันธ์โดยทางไตรลักษณ์ วันนี้ก็พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วันหน้าก็พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ทุกวันทุกคืนไป ไม่ต้องสงสัยว่าจะไม่ชำนาญในทางปัญญา ต้องมีความคล่องแคล่วชำนาญ เช่นเดียวกันกับทางสมาธิ

    ปัญญาในเบื้องต้นต้องอาศัยการบังคับให้พิจารณาอยู่บ้าง ไม่ใช่จิตเป็นสมาธิแล้วจะกลายเป็นปัญญาขึ้นมาทีเดียว ถ้าจิตเป็นสมาธิแล้วกลายเป็นปัญญาขึ้นมาเอง โดยผู้บำเพ็ญไม่ต้องสนใจมาพิจารณาทางด้านปัญญาแล้ว จิตก็ไม่มีโอกาสจะติดสมาธิ ดังที่เคยปรากฏดาษดื่นในวงนักปฏิบัติ ความจริงเบื้องต้นต้องอาศัยมาพิจารณา ปัญญาจะมีความคล่องแคล่วและมีความสว่างไสว ทั้งรู้เท่าทันกับสิ่งที่มาเกี่ยวข้องเป็นลำดับ จะเป็นไตรลักษณ์ที่หยาบก็จะเห็นในทางปัญญา

    คำว่า ไตรลักษณ์อย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียดนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณา เช่น เราพิจารณาในส่วนร่างกายจัดว่าเป็นไตรลักษณ์ส่วนหยาบ พิจารณาในเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จัดเป็นไตรลักษณ์ส่วนกลาง พิจารณาเรื่องที่เป็นรากเหง้าแห่งวัฏฏะจริงๆแล้ว นั่นคือ ไตรลักษณ์ส่วนละเอียด เมื่อจิตได้ก้าวเข้าสู่ไตรลักษณ์ส่วนหยาบ ไตรลักษณ์ส่วนกลาง ไตรลักษณ์ส่วนละเอียด จนผ่านพ้นไตรลักษณ์ทั้งสามนี้ไปแล้ว ธรรมชาติที่ปรากฏขึ้นในอันดับต่อไปอย่างไม่มีปัญหาใดๆนั้น จะเรียกว่า อัตตาก็ตาม อนัตตาก็ตาม ไม่เป็นไปตามความสมมตินิยมใดๆทั้งนั้น เพราะอัตตากับอนัตตาเป็นเรื่องของสมมติ ซึ่งโลกก็มีอยู่ด้วยกัน ธรรมชาติอันนั้นไม่ใช่สมมติ โลกทั้งหลายจึงเอื้อมได้ยาก เมื่อมีอัตตาและอนัตตาเป็นเครื่องเคลือบแฝงอยู่ในใจ

    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพิจารณาในสภาวะทั้งหลาย โดยไตรลักษณ์ส่วนหยาบ ส่วนกลาง และส่วนละเอียด จนเห็นประจักษ์แจ่มแจ้งพระทัยแล้วกาลใด กาลนั้นพระองค์จึงทรงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า เรียนจบไตรภพโดยสมบูรณ์แล้ว จากนั้นก็ทรงปลงพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์ทั้งหลาย มีเบญจวัคคีย์ เป็นต้น พร้อมกับการประกาศพระองค์ว่า เป็นศาสดาของโลกได้ ถ้าพระองค์ยังไม่ผ่านไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งส่วนหยาบ ส่วนกลาง และส่วนละเอียดไปแล้ว พระองค์จะเป็นศาสดาของโลกอย่างเต็มที่ไม่ได้เลย เราทั้งหลายผู้มุ่งจะเป็นครูสอนตน เป็นผู้ฝึกฝนทรมานตน เราก็ต้องดำเนินไปตามแนวทางที่พระองค์ทรงพิจารณา และทรงรู้เห็นไปโดยลำดับเช่นนี้

    ไตรลักษณ์มีอยู่ในกายในใจของทุกคน

    คำว่า “ไตรลักษณ์” คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วย ไตรลักษณ์ขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด ด้วย พึงทราบว่ามีอยู่ในกายในใจของเราทุกท่าน ไม่ใช่มีแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว และพระสาวกของพระองค์เท่านั้น พึงทราบว่า เราทั้งหลายเวลานี้กำลังเป็นภาชนะที่สมบูรณ์อยู่แล้ว ที่จะสามารถพิจารณาและรับรองสภาวะที่ได้อธิบายมานี้ ให้เห็นแจ่มแจ้งขึ้นในใจ ซึ่งเรียกว่า ธรรมในหลักธรรมชาติ เป็นของมีอยู่ตั้งแต่วันก้าวสู่ปฏิสนธิวิญญาณมาเป็นลำดับจนถึงวันนี้

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านพิจารณาเห็นสภาวธรรมทั้งหลาย ไม่ได้ไปค้นหาที่ไหน ธรรมทั้งหลายมีอยู่แล้วอย่างสมบูรณ์ พระองค์พิจารณาตามหลักธรรมชาติเหล่านี้ ให้เห็นชัดแจ่มแจ้งตามหลักแห่งธรรมทั้งหลายที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ทั้งภายนอกและภายใน จนหายสงสัยข้องพระทัยทุกอาการแล้ว จึงได้ประกาศพระองค์ว่า เป็นผู้สิ้นแล้วจากสังสารจักร คือ ความหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ความเกิด แก่ เจ็บ ตายเหล่านี้ เราซึ่งเป็นพุทธบริษัทของพระองค์เจ้า ขอได้โปรดพิจารณาสภาวธรรมซึ่งมีอยู่ในตัว และเราอย่าคิดมากไปว่า เราไม่มีศีลจะบำเพ็ญสมาธินั้นเป็นไปไม่ได้ เราไม่มีสมาธิจะบำเพ็ญปัญญานั้นเป็นไปไม่ได้ดังนี้ พึงทราบว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นธรรมสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องอยู่กับหัวใจของผู้ตั้งใจปฏิบัติด้วยกันทุกท่าน

    ศีล หมายถึง ปกติ ความเป็นปกติของใจในปัจจุบันนั้น ปรากฏเป็นศีลขึ้นมาแล้ว ความสงบของใจในขณะที่กำลังภาวนานั้น เรียกว่า จิตเป็นสมาธิขึ้นมาแล้ว การพิจารณาไตร่ตรองในหลักธรรมชาติ คือ ไตรลักษณ์ที่มีอยู่ในทั่วสรรพางค์ร่างกาย และจิตใจทั้งภายในและภายนอก จะเป็นเวลาใดก็ตาม พึงทราบว่า ปัญญาเริ่มปรากฏขึ้นมาภายในใจของเราแล้ว

    • ผู้มีปัญญาโปรดพิจารณาร่างกายให้เห็นไตรลักษณ์

    ผู้มีปัญญาโปรดพิจารณาร่างกายนี้ ให้ได้มองเห็นหน้าเห็นตาของไตรลักษณ์ ซึ่งแสดงตนอย่างเปิดเผยในร่างกายของเราทุกท่าน และโปรดพิจารณาซ้ำๆซากๆ จนเกิดความชำนาญในการพิจารณา เห็นร่างกายนี้เป็นกองแห่งธาตุ เป็นกองแห่งทุกข์อย่างเปิดเผยขึ้นกับใจ ไม่มีสิ่งใดจะสามารถมาปิดบังลี้ลับปัญญาได้เลย

    เมื่อปัญญาก็เห็นชัด จิตก็เชื่องต่ออารมณ์ ย่อมเป็นโอกาสของจิตจะรวมสงบลงได้โดยสะดวกสบาย เมื่อถอนขึ้นมาจากสมาธิแล้ว ปัญญาก็ทำหน้าที่พิจารณาร่างกายตามความเคยชินมาแล้ว ร่างกายทั้งท่อนจะเป็นที่ท่องเที่ยวของปัญญา จนมีความสามารถเต็มที่แล้ว อุปาทานในส่วนแห่งกายจะขาดกระเด็นออก เพราะกำลังของปัญญา จิตกับกายและกับกองทุกข์ในร่างกายก็แยกทางกันเดิน ไม่เป็นบ่อแห่งความกังวล ดังที่เคยเป็นมา
    ส่วนเวทนาในจิต ได้แก่ สุข ทุกข์ เฉยๆ สัญญา ความจำหมาย สังขาร ความปรุง ความคิดภายในใจ วิญญาณ ความรับรู้ในสิ่งที่มาสัมผัสทั้ง ๕ ขันธ์นี้ เป็นกองแห่งไตรลักษณ์เช่นเดียวกับร่างกาย ถ้าคำว่า “จิต” อันเป็นตัวสมมติยังมีอยู่ตราบใด ขันธ์ทั้ง ๕ และไตรลักษณ์ทั้ง ๓ ยังเข้าครองตัวอยู่ในจิตนั้นตราบนั้น

    ฉะนั้น ต้องตามค้นหาขันธ์ทั้ง ๕ ไล่ตะล่อมลงรวมในไตรลักษณ์ให้ได้ด้วยอำนาจของปัญญา โดยค้นหาตัวสัตว์ บุคคล หญิง ชาย เรา เขา ในขันธ์ทั้ง ๕ นี้ โดยละเอียดถี่ถ้วน เราจะไม่เห็นสัตว์ บุคคล เป็นต้น แม้รายหนึ่งแฝงอยู่ในเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้นเลย จะปรากฏ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ล้วนๆเต็มอยู่ในขันธ์นั้นๆ และการพิจารณานามขันธ์เหล่านี้ ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับการพิจารณากาย พิจารณากลับไปกลับมาอย่างซ้ำๆซากๆ ถึงกับปัญญารู้ชัดว่าไม่มีอะไร นอกจากไตรลักษณ์ล้วนๆ เต็มอยู่ในขันธ์ ๕ เหล่านี้เท่านั้น ปัญญาจะหมดความสงสัยในขันธ์ทั้งปวง เพราะความฉลาดและคล่องแคล่วของปัญญา จะสามารถตามค้นเข้าไปถึงรากฐาน ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งขึ้นธ์ทั้ง ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะไปพบจิตดวงสมมติอันเป็นจุดรวมแห่งอวิชชาเต็มอยู่ในที่นั้น สติปัญญากับอวิชชา ก็จะกลายเป็นสนามรบกันในที่นั้นเอง

    อวิชชา คือ ยอดสมมติ กับ สติปัญญาอันเป็นยอดของมรรค คือ ทางแห่งวิมุตติ ได้ทำหน้าที่ของตนต่อกันจนสุดกำลัง ผลปรากฏว่า ได้พบบ่อเกิดแห่งขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดจากจุดเดียวนี้ทั้งนั้น และบ่อแห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็รวมอยู่ในจิตดวงสมมตินี้ด้วย จิตดวงสมมตินี่แลท่านให้นามว่า อวิชชา คือ ความรู้จอมปลอม คำว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หญิง ชาย เกิดไปจากจุดเดียวนี้ เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเรื่องทุกข์เป็นเรา เราเป็นทุกข์ จนแยกจากกันไม่ออกตลอดกัปตลอดกัลป์ เกิดจากจุดเดียวนี้ทั้งนั้น

    จึงควรจะกล่าวได้ว่า แม่พิมพ์ของโลกทั้งมวล คือ ธรรมชาติอันนี้ บัดนี้ปัญญาที่ทันสมัยได้ค้นหาตัวแม่พิมพ์ของวัฏฏะ ได้พบกันอย่างเปิดเผยในสถานที่ที่อวิชชาเคยซ่อนตัว จึงทำลายธรรมชาตินี้ลงด้วยอำนาจของปัญญาคมกล้า ซึ่งฝึกซ้อมมาจนชำนาญ แม่พิมพ์ของวัฏจักรได้ถูกทำลายแตกกระเด็นลงในขณะเดียวเท่านั้น วิวัฏฏะได้ปรากฏขึ้นอย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งใดปิดบัง ปัญญาทั้งหมดได้สิ้นสุดลงในขณะอวิชชาดับลงไป ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี ได้ตามส่งเราไปถึงจุดนั้น กิเลสทั้งมวลก็จะรบกวนเราไปถึงแค่นั้น ความโลภ โกรธ หลง ก็หมดฤทธิ์หมดอำนาจ จะไม่สามารถทำเราให้หมุนเวียนอีกเช่นเคยเป็นมา แม้ขันธ์ซึ่งเคยเป็นบริวารของอวิชชา ก็กลับกลายมาเป็นขันธ์ล้วนๆ ไม่เป็นกิเลสอาสวะแต่อย่างใด ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ทราบชัดว่าเป็นเครื่องมือสำหรับแก้กิเลสอาสวะที่เป็นข้าศึกต่อตัวเรา เพราะรู้เท่าเหตุ รู้เท่าผล อย่างแจ่มแจ้ง แล้วปล่อยวางไว้ตามเป็นจริง

    รู้เท่าเหตุ คือ เหตุแห่งทุกข์ ได้แก่ สมุทัย มีกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นต้นด้วย รู้เท่าเหตุแห่งสุข คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วย และรู้เท่าผล คือ ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากสมุทัยด้วย และรู้เท่าผลแห่งสุข คือ นิโรธที่เกิดขึ้นจากเหตุแห่งสุข คือ มรรคด้วย ผู้รู้เท่าสัจจะของจริงทั้ง ๔ นั้นนั่นแลเป็นธรรมพิเศษ จึงควรให้นามว่าวิมุตติธรรม เพราะนอกจากสมมติสัจจะไปแล้วเป็นธรรมตายตัว เด่นชัดอยู่ด้วยความเป็นอิสระในตัวเอง ไม่ขึ้นอยู่กับสมมติใดๆเป็น “ธมฺโม ปทีโป” อย่างสมบูรณ์ (ความสว่างแห่งธรม) เช่นเดียวกับพระอาทิตย์ที่ปราศจากเมฆกำบังแล้ว ย่อมส่องแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ฉันนั้น ในขณะเดียวกัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ อันเป็นอัตสมบัติอย่างประเสริฐได้ปรากฏขึ้นในใจของผู้มีชัยโดยสมบูรณ์


    edu-photo-197576089587.jpg
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เกี่ยวกับความกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่หลายๆคนบ่นกันอยู่มากว่าใกล้ตัวขึ้นเรื่อยๆแล้ว ก็คงจะไม่แปลกที่คนเริ่มคิดและเริ่มกังวลกันแต่ที่น่าสนใจคือสายปฏิบัติหลายๆท่านที่รู้จัก แต่ละคนมาพูดให้ฟังว่ากลัวทำไม กังวลทำไม ก็แค่มีพระที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างในรุ่นที่ท่านทำไว้ให้กันโรคกันภัยโดยเฉพาะเหล่านี้ อาราธนาพระแช่น้ำดื่มกินจะอาบด้วยก็ดี ทำแค่นี้ก็สบายใจแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ตอนแรกที่คนแรกพูดผมก็ฟังผ่านๆ แต่พอมาห้าคนพูด...สิบคนพูดก็เริ่มเอะใจทำด้วยบ้างหรือทำตามเขาพูดบ้างส่วนใหญ่จะกินแล้วก็เอามาผสมน้ำล้างหน้าล้างตาทุกวัน มันก็รู้สึกว่าโอเคขึ้นคือไม่ป่วยเล็กๆน้อยเช่นหวัดน้ำมูกที่ปกติจะมีบ่อยๆช่วงหลังๆตอนนี้ก็ไม่มี

    อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ แต่อยากจะให้ลองทำกันดู เฉพาะรุ่นที่กันโรคกันภัยเหล่านี้อาราธนาทำน้ำมนต์ ทำน้ำยา ดื่มกินอาบกันก็อุ่นใจดี
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ในเครื่องมงคลหลายๆชนิดเครื่องมงคลชุดพิเศษแบบที่แกะสลักจากธาตุหรือวัตถุอาถรรพ์ ซึ่งนับว่าทำยากและมีพลังงานรุนแรงเป็นพิเศษนั้น ของแบบนี้ถือได้ว่านานปีจะมีครั้ง เพราะพ่ออาจารย์ท่านนานๆถึงจะทำและแกะออกมาเป็นชุดเป็นรุ่น โดยปกติจะเห็นกันแค่ชุดเนื้อผงหรือเหรียญหล่อกันซะมาก ด้วยว่าชุดแกะสลักแบบนี้ทำยากเรียกว่ามีตกปีละรุ่นสองรุ่นเท่านั้นถือเป็นชุดลิมิเต็ดที่คนรีบจองกันมากที่สุดจริงๆ เดี๋ยวมาติดตามกันดีๆนะครับช่วงนี้
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เดี๋ยวไม่เย็นๆวันนี้ก็พรุ่งนี้นะครับ จะลงเครื่องมงคลที่ท่านแกะจากวัตถุอาถรรพ์ชุดพิเศษ รายการนี้แอบบอกได้ว่าท่านฝังพระสยามเทวราชเอาไว้ด้วย นานๆครั้งจริงๆจึงจะเห็นเครื่องมงคลชุดพิเศษเช่นนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2020
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EI 6559 8547 3 TH

    พี่พิสุทธิ์ EI 6559 8548 7 TH

    พี่พรหมพล EI 6559 8549 5 TH
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา พระเปิดโลกเบิกมรรคาพยุงนิพพานเจ็ดชาติจักพรรดิเทวะบัญชา(พระสยามนั่งเมือง)

    "ต่อไปนั้นหากไม่พยุงไว้คงล้มกันทั้งหมด"

    ด้วยชีวิตคนเรานั้นก็เปรียบเสมือนดวงดาว หากเป็นดาวฤกษ์ย่อมเปล่งแสงในตัวเอง หากเป็นดาวเคราะห์ย่อมอาศัยแสงจากดาวฤกษ์ อยู่ที่ตัวเองเลือกจะเป็นอะไร จะพึ่งตัวเองจนส่องแสงออกมาได้สำเร็จเช่นดาวฤกษ์ หรือชีวิตนี้จะต้องพึ่งแสงจากคนอื่นเช่นดาวเคราะห์ พ่ออาจารย์ท่านให้คติไว้ดังนี้เพราะพระชุดจักรพรรดิเทวะบัญชานั้นเปรียบเสมือนแสงสว่างที่จุดประกายให้คนใช้อาราธนาต้องไม่ล้มลงไปในยามที่ชีวิตมืดมิดลง ท่านว่าหากเลือกที่จะยืนส่องประกายขึ้นได้ด้วยตัวเองนั่นแหละค่อยใช้พระของฉันท่านว่าจะได้เป็นแสงสว่างเปิดนำทางให้สาธุชนทั้งหลาย ต่อไปใครพบกับพระพิมพ์นี้เท่ากับพบแสงสว่าง มีปัญญาบารมีมาก นำชัยชนะ นำความสำเร็จ นำความสุข นำความเจริญมาให้ จะได้พบกับแสงสว่างในกิจที่ทำที่ดำรงค์อยู่ ทั้งการทำมาหากิน ราชการ การค้า...ทุกกิจอาชีพ ต้องสำเร็จ ต้องสมหวัง ต้องมีชัยชนะทุกคราวไป คิดทำสิ่งใดก็ออกผลงอกงาม การทำมาหากินได้โชคลาภเงินทอง มีความสุข ชีวิตมีทางออกตลอดเวลา ให้เสด็จพระใหญ่ท่านแผ่พุทธานุภาพให้แสงสว่างชี้ทิศ นำทาง นำชัยชนะ นำความสำเร็จมาสู่ชีวิตเธอ

    ...แต่เดิมนั้นสมัยท่านยังแสวงหาความวิเวก พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านได้รับเหล็กไหลก้อนหนึ่งจากพวกบังบด มีลักษณะเป็นก้อนสัณฐานกลมแบบดวงแก้ว มีสีทองคำเหลือบเขียวและมีเหล็กไหลไพรดำซึ่งเป็นสุดยอดตำนานของวัตถุธาตุกายสิทธิ์เคียงคู่มากับเหล็กไหลน้ำหนึ่ง เป็นสายแร่เหล็กไหลไพรดำวิ่งผ่านภายในเนื้อบางส่วน ซึ่งท่านเล่าว่าการเลี้ยงไพรดำถือว่ายากแล้ว แค่ว่านไพรดำนั้นก็มีอำนาจไม่ต่างจากเหล็กไหลน้ำหนึ่งดีๆนี่เอง แต่การเลี้ยงให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ให้เกิดธาตุกายสิทธิ์ในไพรดำนั้นจนเป็นเหล็กไหลไพรดำ และสายธาตุเหล็กไหลไพรดำวิ่งเข้ารวมกับธาตุกายสิทธิ์อื่นนั้น หากเทพพรหมไม่เล่นฤทธิ์แล้ว ท่านว่าปุถุชนแม้มีอาคมเฟื่องฟูอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้เลย พ่ออาจารย์ท่านเรียกของวิเศษนี้ว่าเหล็กไหลจักรพรรดิทองคำ ท่านว่ามันอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ตลอดจนวรรณะของตระกูลเหล็กไหลต่างๆ มีฤทธิ์และบารมีมากจนถึงขั้นที่ว่ามีจิตวิญญาณและกายทิพย์ของตน ท่านว่าเป็นอจินไตยไม่สามารถพูดได้ เอาแค่ว่ากายสิทธิ์นี้สามารถบันดาลให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สามารถเปลี่ยนเป็นไปได้ ทำให้สิ่งที่ไม่มี เกิดมีขึ้นได้ เป็นของสวรรค์ที่ควรกล่าวว่ามีคุณอนันต์จะตกมาเป็นสมบัติในครอบครองของผู้ทรงศีลธรรมเท่านั้น ว่ากันว่าของวิเศษเช่นนี้เป็นหนึ่ง ไม่มีสองทีเดียว ยากที่จะปรากฏให้พบเห็นหรือให้ผู้ใดได้ไว้ถือครอง คราวหนึ่งเมื่อพ่ออาจารย์ท่านได้รับพุทธนิมิตจากสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งเรื่องนี้จะไม่กล่าวมากเพราะเป็นเรื่องของญาณวิถี จะกล่าวแต่พอสังเขปเท่านั้น ท่านว่าเสด็จพระใหญ่ท่านขอให้ทำพระพิมพ์พิเศษขึ้นมาเพื่อให้ตกต้องแก่ศาสนิกอันมีวาสนาต้องกันกับพระองค์ท่าน เพื่อจะได้ช่วยปลดเปลื้องกาลแห่งทุกข์ ช่วยให้กิจและภาระทั้งหลายสำเร็จไปโดยพุทธานุภาพ เพื่อเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งใจ เป็นเครื่องระลึกถึงพระมหากรุธาธิคุณ โดยท่านนิรมิตให้เห็นรูปแบบเฉพาะ พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านกำชับไว้ว่าห้ามทำในลักษณาการประทับนั่ง ให้ทำในปางเปิดโลกอันหมายถึงเปิดหมดทั้งห้วงจักรวาล ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุในแสนโกฏิจักรวาล ตรงนี้สว่างแล้ว เปิดแล้ว ที่ให้ทำในปางนี้นั้น เพราะการเปิดโลกของพระองค์ท่าน ท่านว่านอกจากจุดประสงค์ในการเปิดให้สามโลกได้รู้เห็นว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว พระสัทธรรมสถิตย์เสถียรมั่นคงดีแล้ว ในกาลนั้นสัตว์ทั้งหลายตลอดสามภูมิก็ได้อานิสงค์บรรลุธรรมเป็นอันมาก ตลอดจนมีผู้ตั้งปรารถนาประสงค์ในการตรัสพระโพธิญาณสืบต่องวงศ์วานหน่อเนื้อพระชินสีห์สืบมา ท่านว่านี่คือสาเหตุที่มาแห่งความเจริญรุ่งเรือง รุ่งอรุณของชีวิต เมฆร้ายจะถูกปัดเป่าไป สัตว์ทั้งปวงจะไม่ถึงฆาตไม่เข้าสู่ความพินาศและตกต่ำลง

    ด้วยโองการบรมครูนั้นท่านให้หาไม้วิเศษซึ่งเป็นทนสิทธิ์ในตัวเองมาสถาปนาขึ้นเป็นองค์พระนี้ แต่พ่ออาจารย์ท่านก็ว่าของมันยังไม่ถึงเวลา หาให้ตายอย่างไรก็ไม่พบแม้แต่เงา จนกระทั่งท่านได้รับปากไปทำพิธียกศาลพระภูมิให้ที่บ้านของมหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านว่าความหวังของเราสำเร็จได้ บรรลุได้ก็ด้วยการเดินทางครั้งนี้ ด้วยท่านเศรษฐีนี่เองที่ได้เข้ามากราบขอคำปรึกษากับพ่ออาจารย์ว่าแต่เดิม บรรพบุรุษของเค้าได้เคยรับคำทำนายและบอกกันสืบต่อมาภายในวงศ์ตระกูลว่าตระกูลของเราจะเป็นเศรษฐีมีเชื้อสายยิ่งใหญ่เจริญสืบต่อไปภายหน้าถึงเจ็ดชั่วอายุคน ซึ่งท่านก็กล่าวว่าหากนับตามชั่วอายุแล้วก็เห็นว่าจะมาสิ้นสุดที่ตัวผมพอดี จึงอยากกราบขอพ่ออาจารย์ให้ทำพิธีเสริมดวงหนุนต่อวาสนานี้ให้ภายในตระกูลของตนด้วย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ไม่ได้รับปากแต่อย่างใด หากแต่ได้เดินดูในบริเวณบ้านและพื้นที่ของท่านคหบดีท่านนี้แทน ก็ปรากฏว่าท่านพบต้นขนุนต้นใหญ่ที่ขึ้นทับบริเวณโคนต้นไม้ยอ ที่โคนมีจอมปลวกปกคลุมยืนต้นตายอยู่ในลักษณะนี้ ท่านได้ให้ความสนใจกับต้นขนุนนี้เดินสำรวจลักษณะต่างๆ ก็พบกาฝากรัก กาฝากชุมแสงและพยุงอยู่ตามต้นด้วย นอกจากนี้ยังมีลักษณะพิเศษอีกสองประการที่เข้าลักษณะตามที่ครูท่านกำหนดซึ่งท่านว่าเราบอกไม่ได้ เมื่อท่านพบต้นไม้ทนสิทธิ์ที่เกิดขึ้นต้องตำราในตระกูลเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ที่สืบทอดมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนดังนี้ ท่านก็ได้ออกปากขอท่านเศรษฐีว่าเราจะทำให้ แต่ท่านได้ขอกาฝากพยุงสุดยอดอาถรรพ์ที่พยุงชะตาชีวิตบ้านเศรษฐีมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนนั้นเพื่อจะทำพระชุดนี้โดยเฉพาะโดยเสด็จพระใหญ่ท่านเรียกไม้อาถรรพ์ชุดนี้ว่า "พยุงนิพพานเจ็ดชาติ" ท่านว่าด้วยองค์พระที่แกะจากกาฝากพยุงอันมีอาถรรพ์มากชุดนี้ จะได้ช่วยพยุงค้ำชะลอกรรมในยามยาก ด้วยเป็นไม้อาถรรพ์เป็นมงคลนาม ซึ่งองค์ปฐมท่านบอกแก่พ่ออาจารย์เอาไว้ว่า *** ต่อไปนั้นหากไม่พยุงไว้คงล้มกันทั้งหมด
    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านได้นำกิ่งไม้ขนุนสำคัญที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกนี้มาเสกและแกะพระประจำตระกูลให้เศรษฐีนำไปบูชา พร้อมกับกำชับว่าตราบใดที่องค์พระนี้ยังอยู่วาสนาในตระกูลจะไม่เสื่อมจะได้เป็นเศรษฐีมหาคฤหบดีอยู่ดีมีสุขไปอีกหลายชั่วอายุคน ในกาลนั้นท่านก็ได้นำไม้กาฝากพยุงมาแกะพระชุดนี้ ท่านว่าเหมือนอาศัยบารมีเศรษฐีเขาสร้างคนไปในตัว เอาบารมีในกาฝากที่เขาฝากไว้มาหนุนเรา ากของเดิมที่มันไม่เหลือไม่มีแต่นี่เรามีกาฝากของเขาเอาบุญเขามาใช้เราก็ไม่เหนื่อย(พ่ออาจารย์ว่าเคล็ดมันมีอะไรมากกว่านี้อีกเยอะที่องค์ปฐมท่านบอกไว้แต่ท่านห้ามพูด เราจึงบอกได้แค่"สบาย" จำคำนี้ไว้ก็พอ) เกี่ยวกับพระเปิดโลกตำรับวิเศษนี้ท่านว่าไม่ใช่นึกจะทำก็ทำได้ แค่เปิดโลกหากแต่อาศัยกำลังตัวเองอย่างเดียวก็เหนื่อยเท่าเดิม มีมานะมีความพยายามมากก็ยิ่งจะแย่กันหนักเข้าไปอีก ดังนั้นจึงต้องเอาความสบายไว้ก่อนทั้งช่วยพยุงให้ล้มไม่เป็น ท่านว่าลำพังองค์พระนี้ก็มีคุณอยู่ในตัวอย่างถึงที่สุด ด้วยเป็นไม้ทนสิทธิ์ที่เกิดจากวาสนาของมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินระดับหมื่นล้าน และเป็นเศรษฐีทั้งตระกูลสืบมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนไม่มีตกต่ำลงแม้ซักชั่วอายุหนึ่งทั้งยังอาศัยบารมีเขาดั่งกาฝากที่ฝากเอาไว้อาศัยร่มเงาเขาจนเติบโตเจริญงอกงามเช่นนั้น ถือคติว่าไม่ต้องไปลงแรงเหนื่อยจนตายเองถึงจะมีได้ ดึงเอาบารมีเขามาผลักดันให้เราสูงขึ้นจากที่ไม่เคยมีก็จะได้มี จากที่จะล้มก็พยุงเราขึ้นทั้งชีวิต พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าทั้งชีวิตฉันคงทำได้ครั้งเดียวเพราะจะหาไม้มงคลที่เป็นทนสิทธิ์ซ้ำซ้อนให้เข้าตามโองการบรมครูเช่นนี้ทั้งชีวิตเชื่อได้ว่าย่อมเจอหนเดียวเช่นกัน

    พ่ออาจารย์ท่านเมื่อแรกนั้นก็ได้แกะองค์พระไม้ไว้ ก่อนนำมาลงอาถรรพ์พระจักรพรรดิ์เปิดโลกก่อนคำรบหนึ่ง ### โดยชุดพิเศษนี้ท่านได้ทำวิชาพระเจ้าย่างบาทลงไปด้วย ท่านว่าเมื่อพระพุทธองค์ท่านเปิดโลกแล้วท่านย่อมเยื้องย่างพุทธดำเนินไปไม่หยุดนิ่ง องค์ปฐมจึงสำทับให้พ่ออาจารย์อาราธนาองค์พระเสกกำกับวิชาชุดนี้เสริมไปอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่า "วิชานี้คนอาราธนา ดุจตัวเขาเดินเหยียบอยู่ใต้ร่มพระฉาย(เงา)ของพระพุทธองค์...เดินเหยียบอยู่ในร่มเงาของพระตถาคตเจ้า จะปิดกั้นตัวเขาออกจากเรื่องวุ่นวายต่างๆทั้งหลายทีเดียว" วิชาพระเจ้าย่างพระบาทนั้น พ่ออาจารย์ท่านเปรียบเทียบเอาไว้ว่าดุจครูท่านย่างเท้าก้าวเข้ามาในชีวิตเรา ดุจครูท่านยื่นขาเดินเข้ามาร่วมชะตากรรมอยู่กับเราเรียกว่าตกบันไดพลอยโจนทิ้งตัวลงมาอยู่กับเราแล้วเช่นนั้นก็ว่าได้ ดังนั้นวิชานี้จึงเป็นวิชาสำคัญที่เรียกว่าเลือดไม่เข้าตาอย่างถึงที่สุดก็อย่าได้นำมาใช้เพราะคุณครูบาอาจารย์นั้นจะช่วยให้เจริญรุ่งเรืองได้อย่างน่าประหลาดใจ ที่แย่กลับเป็นรุ่ง จากดวงที่ตกต่ำกลับได้ดีเจริญด้วยธนสารสมบัติ ทั้งยังปราบศัตรู ปราบทุกข์เข็ญ พิชิตมาร ทำให้สิ่งที่ข้องขัดและแน่นิ่งไปแล้วไหลลื่น สามารถก้าวต่อไปได้เรื่อยๆไม่หยุดอยู่กับที่และไม่ถอยหลังลงด้วยอาถรรพ์คุณวิชาดุจพระเจ้าเยื้องย่างพระบาทประกาศพระศาสนามีแต่จะก้าวไปข้างหน้าไม่มีทางถอยหลังกลับ เช่นนั้นจึงมีคติไว้ว่าผู้ใดรับไปอาราธนานั้นต้องมีบุญสัมพันธ์กับสมเด็จพระตถาคตเจ้า ด้วยเขาจะใช้ชีวิตดุจเดินเหยียบอยู่ในร่มเงาของพระศาสดา เช่นนั้นคนไม่เชื่อก็ไม่ต้องใช้ เพราะถ้าใครไม่เชื่อก็จะตกนรกอย่างเดียวด้วยเป็นวิชาของพระองค์ท่านให้ผลแรงถึงขนาดนั้น
    - วิชาพระเจ้าย่างพระบาท องค์ปฐมท่านเลือกทำวิชาพระเจ้าย่างพระบาทนี้กับพระพิมพ์เปิดโลกเสริมเข้าไป ท่านว่านอกจากอาถรรพ์จากคุณวิชาแล้วรูปแบบพิมพ์ทรงก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันซึ่งกันและกันด้วย ด้วยถือคติว่าจะทำวิชาพระเจ้าย่างพระบาทใส่พระเปิดโลกให้เป็นมงคลนิมิตแห่งความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จเพิ่มพูนเกียรติยศแบบไม่รู้สิ้นสุด ดั่งคำว่ามีแล้วไม่จนเป็นอย่างไรท่านก็จะทำให้เช่นนั้น ถือเป็นพระพิมพ์สำคัญที่มีคุณูปการอุปถัมภ์ให้คนใช้เจริญก้าวหน้าเป็นเศรษฐีได้ไม่หยุดนิ่งซ้ำยังประทานพรให้เราดั่งใจได้ทุกสิ่ง พ่ออาจารย์ท่านเสกกำกับทำวิชาจนมั่นใจว่าใครได้ไปมีไว้จะไม่ตกอับ จะต้องสำเร็จ และต้องเจริญไปควบคู่กันเท่านั้น เรียกว่าวิชาแต่ละชุดนั้นท่านเสกให้เสร็จนานนับเดือนตั้งแต่ยังไม่ได้อุดไม่ได้ฝังอะไรนั่นทีเดียว ทั้งวิชาอาถรรพ์พระเจ้าย่างพระบาทนั้นยังมีอำนาจพิเศษนอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วเพื่อใช้ชะลอผลแห่งกรรมได้ในระดับหนึ่ง เช่นนั้นท่านจึงนำองค์พระที่แกะไว้มาลงจารด้านหลังก่อนกำกับวิชาชะลอกรรมตามศาสตร์ของหลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง เสริมลงไปด้วยอีกคำรบหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดผลการชะลอกรรมทั้งหนักและเบาทั้งหลายอย่างแน่นอนด้วยอำนาจแรงครู ท่านอธิษฐานจิตเข้าสมาธิเสกตามวิธีของท่านจนจิตเกิดความว่างแล้วถอยอารมณ์เดินคาถาเสกอักขระนี้จนเกิดนิมิตสำเร็จในเบื้องต้น พ่ออาจารย์ท่านว่าการชะลอกรรมนั้นชื่อก็ตรงตัวอยู่แล้วเราจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก เอาว่ารู้ตัวกันนะสำหรับคนที่กรรมมันหนักมากจนหยุดไม่ได้แล้วจริงๆก็ควรรู้ตัว ในเมื่อหยุดไม่ได้แต่กลับชะลอได้ การชะลอนี้ก็คือการให้โอกาสเธอมีชีวิตใหม่ ให้โอกาสได้สะสม ได้ประกาศคุณงามความดีให้สมกับเป็นคนที่ได้รับโอกาสแล้ว อย่าเอาไปใช้ให้เสียของเปล่ามีโอกาสแต่กลับไม่ทำบุญไม่สนใจการภาวนา เช่นนี้ท่านว่าอย่าได้เอาไปเลยเพราะต่อให้มีของดีเพียงไหน มีโอกาสอย่างไรก็เสียชาติมนุษย์เปล่าๆพ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานจิตทำวิชาชะลอกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าห้าสิบหกครั้ง เท่ากับกำลังของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ให้มีอิทธิคุณแฝดดั่งกำลัง ดั่งคุณของพระชินสีห์เช่นนั้น ทั้งยังเชิญเสด็จพระใหญ่มาแผ่กำลังทำวิชาพระเจ้าย่างพระบาทให้จนสำเร็จในวาระแรกอีกแปดสิบครั้งให้ได้เท่าวาสนาของพระชินสีห์ดั่งกำลังของ “พุทธะ” ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้รื่นเริงอยู่ในธรรม และไม่มีการหวนกลับย้อนคืนมาสู่ความเป็นปุถุชนอีก เมื่อก้าวไปข้างหน้าย่อมขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด(พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ทำยากอย่างมาก แค่คิดจะเสกก็นานนับปีแล้ว เพราะทุกอย่างของพิธีกรรมล้วนสัมพันธ์กับวาสนาของพระตถาคตเจ้า ด้วยหมายเอาวาสนานั้นดึงคน ดังผู้มีบุญสัมพันธ์ในอดีตอยู่บ้างแม้เพียงเล็กน้อยกับพระองค์ให้พ้นออกจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลาย)
    ท่านเรียกพระสำคัญนี้ว่า
    พระเปิดโลกก้าวหน้า เพราะท่านว่าองค์ปฐมท่านให้ใช้กำราบทุกข์เข็ญ ความอดอยาก แห้งแล้ง และโรคภัยนานาประการที่กำลังเป็นอยู่ เพื่อประโยชน์ใหญ่ที่จะเห็นแจ้งแก่ตนเองว่าไม่ช้าไม่นาน ทั้งอาเพศ ภัยร้าย และทุกข์เข็ญ ความอดอยาก สิ่งขาดแคลน และโรคที่ย่ำยีทั้งหลายจะค่อยๆหมดไปอย่างน่าอัศจรรย์ ให้ผู้ใช้อยู่รอดปลอดภัยจากทั้งภัยของมนุษย์ที่พยายามคุกคาม ภัยจากอมนุษย์ ภัยจากธรรมชาติ และภัยที่มีอันตรายจนอาจทำให้เจ็บให้ตายได้ เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย มีกินมีใช้ต่อเนื่องไปจนถึงกาลดับซึ่งธาตุสังขาร ทั้งยังส่งเสริมให้มีวาสนาและบารมีเหนือผู้อื่นๆ แลมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพหน้าที่การงานที่คิดจะทำ ได้เป็นเจ้าคนนายคนหรือประสบความเจริญรุ่งเรืองในกิจธุระแห่งตน มีชีวิต ขยับเยื้อนเคลื่อนไหวได้แบบก้าวกระโดด

    แล้วท่านจึงรวบรวมผงวิเศษและว่านยาต่างๆ ทั้ง ไพรดำสาลิกา เทพรำพึง เทพรำลึก ดอกทอง มหาเสน่ห์ กะลาตาเดียว ธาตุแม่โพสพ กฤษนา กะลำพัก ขอนดอก ชมด พิมเสน พิกุล บุญนาก กาหลง บัวเผื่อน สัตตบุตร สัตตบรร บัวหลวง ชงโค โยทกา สวาท หนาด พุท มะกรูด ส้มป่อย จำปา กุหลาบ อังกาบ คันทรง สาวหลง จันขาว จันแดง มะลิวัล มะลิซ้อน มะลิลา ญาณรังสี สหัสรังสี ฉัพรรณรังสี มรกต เหล็กไหล ศรีมหาโพธิ์ สหรีพันต้น ผงคตวิเศษสามตระกูลอาทิคตพืช คตสัตว์จตุบท คตสัตว์ทวิบาท ผงกูโบ๊ท ผงจักรพรรดิ์ ผงเศรษฐีทั้งหก ผงวิชาเศรษฐีทั้งเก้า ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ผงปถมัง ผงปถมังเก้าวรรค ผงปถมังเก้าชั้น ผงสุริยะประภา ผงจันทรประภา ผงเศรษฐี ผงเงินล้าน ผงมหากัน มหาเมตตา มหานิทรา มหาถอน และอื่นๆ ท่านว่าเป็นการรวบรวมมวลสารเพื่อจะสถาปนาพระเครื่องชั้นสูงสุดเช่นนี้เป็นครั้งแรก เมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำเครื่องมงคลที่ท่านพิจารณาแล้วว่าเหมาะแก่กันคู่ควรกันทุกกรณี เพื่อฝังและประสิทธิ์ประสาทลงไปนั้น ท่านยังได้ทำวิชาเพิ่มไว้ในองค์พระอีกสองวิชาด้วย โดยลงตะกรุดฝังไว้ด้านหลังสองชนิด
    - ตะกรุดเงินหรือตะกรุดเทวะบัญชา สำหรับตะกรุดเงินนั้นเป็นวิชาที่ปกติพ่ออาจารย์ท่านจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะว่าท่านกริ่งเกรงคนไม่ดีจะเอาไปใช้ แต่เมื่อท่านสร้างสมเด็จองค์ปฐมเพื่อบูชาครูพระบรมศาสดานั้น ท่านว่าวิชาที่จะลงเสริมไว้ย่อมต้องเป็นที่สุด หนึ่งไม่มีสองเช่นกันถึงจะคู่ควร ท่านจึงทำตะกรุดเทวะบัญชาขึ้น ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาทางปากดีๆนี่เอง แต่ว่าอยู่คนละขั้นกับปากพระร่วง ท่านว่าวิชานี้แทบจะสูญหายหรือไม่มีคนใช้กันแล้ว เพราะให้คุณรุนแรงตรงตามปากพูด ดุจว่าเป็นเทวราชบรรหาร ทุกสิ่งที่ขอที่อธิษฐานเป็นปกาศิตจากเทวดา เมื่อพูดสิ่งใดย่อมเป็นไปตามนั้น เสมอปาก เสมอความคิด เสมอใจ จึงเรียกตะกรุดนี้ว่าเทวะบัญชา เหมือนเทวดามีคำสั่งอะไรออกมาทุกสิ่งย่อมสำเร็จสัมฤทธิ์ผลเสียบัดเดี๋ยวนั้น ไม่ช้าไม่นานเลย
    - ตะกรุดเงินดอกที่สองหรือตะกรุดเสมอฝัน ท่านว่าคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด ที่จะฝัน ที่จะสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เพื่อขวนขวายชีวิตความเป็นอยู่หรือสิ่งต่างๆบรรดามีให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น แต่จะมีซักกี่คนเล่าที่เดินตามความคิด ความฝัน มีบุญเปิดฟ้าหนุนส่งจนประสบความสำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านี้มีเสียน้อยยิ่งกว่าน้อย ที่เหลือนั้นเดินไปได้แต่ไม่สุดบ้างหรือแค่คิดจะเดินก็ล้มเหลวแล้วบ้าง ท่านว่าตะกรุดเสมอฝันนี้ท่านไม่พูดมาก บอกแค่คร่าวๆว่าฝันที่เป็นจริงก็แล้วกัน มันจะช่วยทำให้เราสานต่อและเติมเต็มความฝันความปรารถนาในชีวิตเราได้ไม่มีอุปสรรคใหญ่โตหรือติดขัดสิ่งใดจนต้องหยุดชะงัก ความหมายก็ตรงตามชื่อว่าเสมอฝัน ขอให้ความฝันนั้นเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองย่อมสำเร็จโดยพระพุทธานุภาพ

    ทั้งองค์พระเปิดโลกนั้นครูท่านโองการให้พ่ออาจารย์ท่านหล่อ"พระสยามเทวาธิราชนั่งเมือง"ฝังไว้ด้วย
    "พระสยามเทวาธิราชนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำริว่า ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่บังเอิญมีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ ชะรอยคงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการปั้นรูปสมมติขึ้น แล้วหล่อด้วยทองคำแท่ง มีลักษณะแบบเทวรูป มีความสูง ๘ นิ้ว ทรงเครื่องอย่างเทพารักษ์ ทรงมงกุฎ ประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นในท่าจีบเสมอพระอุระ ประทับในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ มีลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน และถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง"......
    เกี่ยวกับพระสยามนั้นก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นเทพซึ่งมีชื่อใกล้เคียงกับท้าวสุยามเทวราชจอมภพแห่งสวรรย์ชั้นยามาจริงๆพ่ออาจารย์ท่านได้พูดถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ไว้คร่าวๆ ว่าเป็นชื่อเรียกเทวดา แต่เป็นชื่อที่เรียกรวมแบบหมู่คณะ มิได้เจาะจงเฉพาะผู้ใด เอาว่าถ้าเราเรียกพระสยามเทวาธิราชนี่จะมากันหมด มากันเป็นหมู่ใหญ่เชียวล่ะ มีทั้งเทพ จอมเทพ และพรหมชั้นต่างๆรวมกันอยู่มากมาย พระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยรวมส่วนใหญ่จะเป็นดวงพระวิญญาณอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าตั้งแต่ยุคบุกเบิกอาณาจักรย้อนไปถึงอารยธรรมโบราณนั่นทีเดียว ทั้งพระมหากษัตริย์เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่เค้ารักบ้านรักเมือง ห่วงบ้านห่วงเมือง คุ้มเกรงบ้านเมืองและประชาชนที่นับถือบูชา นอกจากนั้นคำว่าพระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านยังบอกว่าเป็นชื่อที่สำคัญมากนะ ส่วนใหญ่คนจะใกล้เกลือกินด่าง รู้จักชื่อท่าน แต่ไม่เคยไหว้หรือบนบอกท่านกันเสียเท่าไหร่
    จริงๆแล้วท่านเป็นเทพที่มีคุณใหญ่หลวง มีอานุภาพมาก มีความรักและปรารถนาดีอย่างยิ่งกับลูกหลานเชื้อชาติไทย พ่ออาจารย์ท่านว่าพระสยามเทวาธิราชนี้คือกลุ่มคณะเทพพรหมที่มีอำนาจใหญ่สูงสุด เรืองอำนาจที่สุดของพระราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเทพที่มาจากอำนาจ ความเชื่อ หรือลัทธิใด เมื่อมาอยู่ในประเทศไทยแล้วก็ล้วนแต่อยู่ในอำนาจของกลุ่มพระสยามนี้ทั้งสิ้น
    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริจะสร้างพระสยามเทวาธิราชตามแบบอย่างเทวรูปที่สร้างไว้ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่สี่ แต่ด้วยโองการครูพ่ออาจารย์ท่านว่าครูท่านให้ทำปางนั่งเมืองถือพระขรรค์ จะได้ประทานพรเรื่องความมั่นคงให้รากฐานแข็งแรงทั้งทรัพย์สมบัติ ดลความปรารถนาให้บังเกิดให้สำเร็จให้มั่งมีในวิถีชะตาของผู้กระทำสักการะเทวะบูชา ดังน้นพ่ออาจารย์ท่านจึงกระทำตามครูสั่งเช่นนั้น ก่อนจะใช้ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลต่างๆผสมด้วยแผ่นจารวิชายันต์เรียกทรัพย์และปรอทกายสิทธิ์ทั้งหลายทั้งปรอทดิน ปรอทป่า ปรอทดำ ปรอทหลวงปู่ละมัย หลอมหล่อออกมาเป็นรูปเทพยดาเจ้าทรงพระขรรค์เพชร พ่ออาจารย์ว่าโดยนัยน์แล้วหมายถึงการกระทำสำแดงพระราชอำนาจอันเป็นอาญาสิทธิ์เหนือสรรพีวิตทั้งปวงในพระราชอาณาจักรของพระสยามเทวาธิราช
    เมื่อท่านหล่อองค์พระสยามนั้น พ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าพระสยามนี้เป็นของสูง มีปรากฏการณ์ธรรมชาติตั้งแต่เมื่อครั้งหล่อหลอมแล้ว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านพูดเกี่ยวกับพิธีตอนหล่อพระสยามว่า ได้ปรากฏมีสายอสุนีบาตฟาดลงมาใส่เบ้าตอนหลอมชนวนมวลสาร ดังนั้นพระสยามรุ่นนี้จึงได้ประจุอานุภาพของสายฟ้าไว้ เป็นอานุภาพที่รุนแรงของเทพเจ้า ที่จะใช้ทำลายหมู่มารไพรี ทั้งอุปัทวมงคล โภยภัย อันตราย โรคร้ายต่างๆ เครื่องขัดขวางหนทางอุปสรรคชีวิตทุกประการ เป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นด้วยกาล ด้วยวาระที่พิเศษจริงๆ เมื่อท่านหล่อหลอมแล้วพ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้เนืองๆ เพราะท่านให้เหตุผลว่าคณะพระสยามนี้เป็นเทพคณะใหญ่ครอบคลุมสวรรค์ชั้นฟ้า มีตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกาไล่ขึ้นไปจนถึงมหาพรหม ดังนั้นเมื่อจะสร้างพระสยาม เทพทั้งหลายหรือคณะเทพพระสยามนี้ท่านจะลงมากันหมด ด้วยท่านถือว่าชื่อพระสยามนี้เป็นชื่อเป็นตำแหน่งของพวกท่าน ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านต้องค่อยๆทำและเชิญไปเรื่อยๆให้รูปเปรียบพระสยามนี้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุด โดยพ่ออาจารย์ท่านได้นำเหล็กกจารมาลงจารเรียกสูตรกลึงวิชานะเรียกเงินมาใส่ไว้ที่ด้านหลังองค์พระทุกองค์ ท่านว่าครูเขาสั่งจะได้ประเคนมาให้ถึงที่ ขอให้มีมานะขยันทำมาหากินอีกนิด มีความเห็นที่ถูกทางประพฤติตนในกรอบคุณธรรม ครูพระสยามท่านว่า "กูจะไม่ทิ้งมึง" พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นไปตามกฏและกำหนดการณ์ไม่มีความบังเอิญใดๆทั้งสิ้น เมื่อองค์ประกอบครบจึงจะลงตัว อันคณะเทพพระสยามนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามีทั้งเทพและพรหม เป็นคณะของอดีตบูรพกษัตริย์ตลอดจนดวงจิตของขุนศึกทุกท่านตลอดจนบุคคลสำคัญต่างๆตั้งแต่ยุคปฐมก่อกำเนิดอาณาจักรย้อนกลับไปไกลกว่ายุคสุโขทัยที่ยังรักบ้านรักเมืองรักลูกหลานเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ที่ยังรักยังห่วงแผ่นดินท่านสายเลือดของพวกท่าน ซึ่งพ่ออาจารย์ก็ได้ค่อยๆทำและเชิญไปจนครบจนสำเร็จเพื่อให้พระสยามนี้มีอานุภาพสูงสุด ท่านกล่าวว่าในรูปพระสยามของเราเพียงองค์เดียวนั้น หากใครตาดีจิตดีก็จะมองออกว่าประกอบไปด้วยเทพพรหมมากมายมาอารักขา เป็นคณะเทพพระสยามนั่นเอง ไม่ใช่รูปของเทพทั่วไปเพียงองค์สององค์ไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าของเช่นนี้สำคัญนะ เพราะว่าไหว้ทีก็ไปถึงกันทั่ว ขอพรองค์เดียวเหมือนขอพรคณะเทพนับร้อยพัน ด้วยองค์เทพพระสยามทั้งคณะนี้ก็อธิษฐานบอกกล่าวท่านได้ร้อยแปดพันประการอยู่แล้ว ท่านหมั่นเพียรเสกเก็บค่อยๆทำไปจนมั่นใจว่าเปล่งอานุภาพครบเต็มพระบารมี ท่านจึงให้นำมาฝังพระชุดนี้
    *** จากที่มีคนถามหามาเรื่อยๆ และญาติตลอดจนเพื่อนๆของเศรษฐีผู้โชคดีคนที่เคยใช้พระสยามของพ่ออาจารย์ที่รู้ข่าวก็ปิดข่าวและติดต่อมาอยู่เนืองๆ ถามหาและรอเวลากันว่าเมื่อไหร่พ่ออาจารย์จะนำพระสยามออกมาให้ร่วมทำบุญ เพราะพวกเขาอยากได้กันจริงๆและกลัวใจว่าจะไม่ทันจึงต้องปิดต้องบังและถามกันมาเรื่อยๆ ประกอบกับที่บางคนเจอแรงครูท่านไปตาม จึงทำให้พระสยามนั้นเป็นเครื่องมงคลลับๆที่มีคนรอจองมากมายนับ ด้วยองค์พระมีน้อยท่านจึงตัดปัญหาฝังในพระเปิดโลกสำคัญนี้ทั้งหมด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้จำกัดไว้ว่าจะต้องให้ใครหรือเป็นของผู้ใด ท่านว่าให้รอพร้อมๆกัน ใครมีบุญรับได้ก็เป็นของคนนั้น ถ้าเราใช่ เป็นของๆเราจริงๆเราก็จะได้ครอบครอง

    เมื่อท่านได้เตรียมมวลสารพร้อมแล้ว ทุกอย่างประกอบกันสมบูรณ์ดีแล้ว ท่านได้ขอคำปรึกษาจากเสด็จพระใหญ่ให้ลงมาช่วยกำกับในทุกขั้นตอนด้วย ซึ่งตรงนี้นั้น เมื่อท่านขอท่านได้รับคำแนะนำว่าให้นำของกายสิทธิ์อันมีพลังงานของสวรรค์ เป็นของวิเศษที่เทพพรหมรักษาอันท่านได้มาจากชาวบังบดมาประดิษฐานลงไปด้วย พ่ออาจารย์ท่านปกติจะใช้เหล็กไหลนี้ทำน้ำมนต์บ้าง อธิษฐานจิตภาวนาหรือสวดบริกรรมบ้าง แต่เมื่อได้รับคำสั่งท่านถือว่าเป็นโองการที่ไม่ควรคิดเป็นอื่น ทุกสิ่งเป็นของนอกกาย เมื่อควรจะสละก็ต้องสละมันเสีย ท่านจึงอาราธนาให้ดวงเหล็กไหลนั้นแตกออกมา มีกี่ส่วนท่านก็จะทำพระเพียงเท่านั้นองค์ หากแตกออกมาชิ้นเดียวก็จะทำเพียงองค์เดียว โดยวันรุ่งขึ้นนั้นท่านตรวจสอบพบความอัศจรรย์ว่าก้อนเหล็กไหลนั้น ได้แบ่งส่วนตัวเองออกมาถึงเก้าส่วนซึ่งท่านได้ทำพระชุดเนื้อผงไปหมดแล้ว และในวาระเดียวกันยังเหลือส่วนนึงซึ่งเป็นลูกที่ไม่สมบูรณ์(***ส่วนนี้เองที่ท่านได้แยกไว้บดทำพระชุดพิเศษนี้)และจะตกต้องแก่ผู้มีบารมีคู่ควรกันเท่านั้น เมื่อท่านผสมเนื้ออุดผงฝังของอาถรรพ์แล้วท่านได้นำมาเสกเก็บไว้ตกสองปี ซึ่งการเสกนี้ไม่ใช่การเสกแบบธรรมดา แต่เป็นการเสกและอธิษฐานจิตแบบเปิดโลก ซึ่งต้องใช้กำลังใจสูงมากกว่าการเสกที่ผ่านๆมา โดยทุกวาระท่านจะหาสถานที่สงบที่มีพลังธรรมชาติสูงจากการคำนวณของท่านเองและนำองค์พระนี้ไปเสกแบบเฉพาะกิจเปิดโลกมาตลอด ท่านว่าทำทุกครั้งเราไม่ได้ทำคนเดียว ท่านบอกแค่เราเสกแบบเปิดโลก เสด็จพระใหญ่ท่านก็ทำให้แบบเปิดโลกเช่นกัน ทั้งยังนำไปหนุนหัวนอนเสกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันท่านว่าเรานอนอธิษฐานทำการเสกแบบถือเคล็ดไว้ด้วยนั่นคือเอามาหนุนหัวนอน เพื่อที่คนบูชาจะได้หนุนดวงไม่ให้ตกดุจดั่งองค์พระนี้ที่หนุนหัวค้ำศรีษะของท่านมานานนับปี ให้มีคุณวิเศษทางหนุนดวง ค้ำชะตา ยกฐานชีวิตให้สูงขึ้น คงจะไม่มีพระรุ่นใดแล้วที่พระองค์ท่านจะเมตตาทำให้ถึงเพียงนี้ ท่านพูดเพียงแต่ว่านี่คือตำนานสืบไป เบื้องหน้านั้นย่อมไม่ปรากฏขึ้นอีก

    "ถ้าไม่น้ำตาตกอย่าเพิ่งเอามาใช้" ด้วยปัจจุบันท่านเห็นว่าคนเริ่มน้ำตาตกใน เจ็บช้ำน้ำใจจากภัยรอบด้านด้วยไม่อาจต่อต้านหรือเปลี่ยนแปลงวงจรชีวิตของตนให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้ พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าอาการเหล่านี้ตรงกับคำของเสด็จพระใหญ่ท่านนั่นคือคนเริ่มน้ำตาตกในแล้ว ควรแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะเอาองค์พระเปิดโลกนี้ให้กับคนที่เหมาะสมและคู่ควรใช้อาราธนาเพื่อวัตถุประสงค์ชะลอกรรมด้วยวิชาและแรงของครูต้นวิชานั่นเอง

    คาถาบูชา(ท่านว่าจิตดีๆนึกถึงพระพุทธเจ้าก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าจิตไม่ไดีก็สวดพุทธคุณนึกถึงองค์ปฐมเอาแค่นั้นเพราะนี่เป็นวิชาของท่าน)
    อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

    - อาราธนาพระสยามเทวาธิราช
    สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวามหิทธิกา เตปิตุมเหอนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะสุเขนะจะ เอเตนะสัจจะวัชเชนะสุวัตถิโหตุสัพพะทา
    สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา ทุกขะโรคะภะยาเวรา โสกาสัตตุจุปัททะวา อะเนกาอันตะรายาปิ วินัสสันตุอะเสสะโต ชะยะสิทธิธะนังลาภัง โสตถิภาคะยังสุขังพะลัง สิริอายุจะวัณโณจะ โภคังวุฑฒีจะยะสะวา สะตะวัสสาจะอายุจะ ชีวะสิทธีภะวันตุเม
    (พระสยามเทวาธิราชเป็นจอมเทวดา ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลายทรงมีมหิทธิฤทธิ์แกล้วกล้ายิ่ง ขอพระองค์จงอภิบาลรักษาข้าพเจ้าให้ปราศจากโรคาพาธ อุปาทวะอันตราย ความพินาศทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้ามีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยประการทั้งปวง ด้วยอำนาจสัจจะวาจาที่อ้างถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ ขอจงประทานความสุขสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยประการทั้งปวง ด้วยอานุภาพพระสยามเทวาธิราชและเดชพระสยามเทวาธิราช ขอจงขจัดทุกข์ โรคภัย ความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อย ให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญ และยศ ตลอดจนการมีอายุยืนหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ความสำเร็จแห่งกิจการงานในความเป็นอยู่จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ)


    **** สำหรับพระเปิดโลกเนื้อพยุงนิพพานเจ็ดชาตินั้น พ่ออาจารย์ท่านทำไว้ได้ห้าองค์โดยท่านแยกไว้เลี่ยมติดตัวเององค์หนึ่งจึงมีให้บูชาสี่องค์ ท่านว่าจะมีไว้เป็นมงคลแก่ชีวิตเฉพาะผู้มีวาสนาต้องกัน ต้องเกื้อหนุนกัน ต้องช่วยเหลือกัน ต่อไปภายหน้าถึงแม้รวยล้นฟ้าแต่ไม่มีวาสนาก็ไม่สามารถครอบครองได้ รายการนี้รับเฉพาะทาง PM เท่านั้น สำหรับผู้บูชาท่านให้แจ้งเพียงชื่อนามสกุลไว้ ท่านจะทำการเจิมบอกกล่าวเสด็จพระใหญ่รวมถึงจิตกายสิทธิ์ในไม้อาถรรพ์และองค์เหล็กไหลอีกคำรบหนึ่ง รายได้ร่วมสมทบทุนเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระเปิดโลกเบิกมรรคาพยุงนิพพานเจ็ดชาติจักพรรดิเทวะบัญชา(พระสยามนั่งเมือง) บูชา 4,000 บาท

    87492219-888959284867097-6106312591368257536-n.jpg 87872267-625699858274158-928029835802968064-n.jpg
    89512632-592780148118116-588841828757798912-n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พยุงชุดนี้มีอาถรรพ์มากด้วยขึ้นตามลักษณะมงคลที่ยากจะเกิดขึ้นได้ ดั่งที่ท่านว่า "เป็นไม้ทนสิทธิ์ที่เกิดจากวาสนาของมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินระดับหมื่นล้าน และเป็นเศรษฐีทั้งตระกูลสืบมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนไม่มีตกต่ำลงแม้ซักชั่วอายุหนึ่งทั้งยังอาศัยบารมีเขาดั่งกาฝากที่ฝากเอาไว้อาศัยร่มเงาเขาจนเติบโตเจริญงอกงามเช่นนั้น ถือคติว่าไม่ต้องไปลงแรงเหนื่อยจนตายเองถึงจะมีได้ ดึงเอาบารมีเขามาผลักดันให้เราสูงขึ้นจากที่ไม่เคยมีก็จะได้มี จากที่จะล้มก็พยุงเราขึ้นทั้งชีวิต" (ท่านว่าใช้สำหรับคนที่ไม่มีของเก่าเลย ไม่มีบารมีเก่าหนุน ไม่เคยทำของเก่ามา หรือบุญเก่ายังไม่ส่งผลจะยิ่งดีขึ้น เร็วขึ้น เหมือนเราเป็นดั่งกาฝากที่บารมีเขาต้องพยุงเราไว้จนเติบโตสูงใหญ่ทัดเทียมกัน)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    มีเล่าเรื่ององค์ตั่วเหล่าเอี๊ยกันเข้ามาในประสบการณ์หลายๆทาง แต่ที่ผมจะยกมาพูดกันก็คือกรณีนำไปอาราธนาขอองค์ท่านเรื่องการปราบมาร(ในชีวิต) ก็คือพวกศัตรูคู่แข่งนั่นเอง กรณีนี้สมควรจะระวังกันหน่อย เพราะเห็นคนบอกว่าแสดงผลเร็วมาก

    ที่จริงเรื่องนี้ต้องแยกออกเป็นสองกรณีนะครับ
    ถ้าเกิดมารเขาผิดเขาเลวเขาอาฆาตพยาบาททำร้ายเราจริง แบบนี้ย่อมเห็นผลไวเพราะองค์ท่านก็ไม่เอาไว้อยู่แล้ว แต่อีกกรณีหนึ่งอันนี้ก็น่ากลัวเหมือนกันและเห็นบ่อยมากนั่นคือความเข้าใจผิด เข้าใจผิดไปเองคิดไปเองว่าคนนี้คนนั้นริษยาเรา ปองร้ายเรา ไม่ชอบขี้หน้าเรา ...อันนี้หลีกเลี่ยงกันไม่ได้เลยเพราะคนเราทุกวันนี้อยู่ในสังคมมักมีนิสัยหวาดระแวงและระมัดระวังตัวมากขึ้น พอมันเยอะไปจากที่มโนไปเองมันจะกลายเป็นเกลียดกันจริงๆ และในกรณีที่เราคิดไปเองข้างเดียวอย่างนี้องค์ท่านก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน

    เช่นนั้นเรื่องปราบข่มพิฆาตมารหรือศัตรูในเส้นทางของเรา ก่อนจะไปขอท่านก็ควรพิจารณากันดีๆซักนิดหนึ่ง และอยากจะบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องขอเลยจะยิ่งดี เพราะต่อให้เราไม่ขอท่านก็ช่วยอยู่แล้วไม่ได้ทิ้งเลย ดีกว่าขอแต่ผิดเรื่องผิดคนจะเป็นบาปกรรมกันไปเสียเปล่า รายการนี้แค่อาราธนาห้อยคอไว้ก็แรงเหลือกินแล้วครับ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EI 6559 9742 3 TH

    พี่ณธพรหม EI 6559 9743 7 TH

    พี่พรเทพ EI 6559 9744 5 TH
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีคนท้วง มีคนถามกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆว่าช่วงนี้พ่ออาจารย์ท่านไม่เอาของด้านเสน่ห์เมตตาเน้นๆมาออกเลยหรือ ...สงสัยคงเป็นผลกระทบจากที่อากาศร้อนขึ้นแล้วสถานการณ์บางแห่ง ใจคนบางประเภทเราก็ต้องยอมรับว่าร้อนมากกว่าอากาศจริงๆ ใครรอสายหวานสายเสน่ห์ก็ติดตามกันดีๆนะครับ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ใครที่รอเครื่องรางชุดที่คนถามถึงกันมามากที่สุดในอดีต ติดตามกันดีๆนะครับ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธีธัช EI 6559 9881 2 TH

    พี่ทวีพงษ์ EI 6559 9882 6 TH
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    รายการเย็นนี้ติดตมกันดีๆนะครับ แอบกะซิบว่าถ้าปกติจะออกหก-แปดพันก็ยังได้ แต่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจจะให้ออกราคาเบาๆให้คนเอาไปใช้และของก็มีน้อยด้ว ถ้าหมดหรือใครไม่ทันอันนี้ว่ากันไม่ได้นะครับ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดทวิภาคฟ้าสั่งรวยมหาศาสตร์โยนีคลั่งรัก(อุดยาภารตะ,ว่านดอกทองเข้านางสามตัณหา)

    *** ตะกรุดรุ่นนี้เป็นดอกครูที่ต้องบีบอักขระทั้งสองพระยันต์จารไว้ในดอกเดียว
    ถือว่าทำได้ยากทั้ยังต้องใช้พลังจิตพลังใจมากกว่าดอกปกติที่เคยให้บูชาทั่วไป จึงนับได้ว่ารุ่นนี้ตะกรุดแต่ละดอกนั้นย่อมแกร่งกล้าอิทธิคุณอย่างแท้จริง

    พ่ออาจารย์ท่านอธิบายว่าวิชาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องทะลึ่งหรือสิ่งผิดแต่อย่างใด โยนีนี้เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง หรือเปรียบแทนแม่ผู้ให้กำเนิด แม้แต่ในคัมภีร์พระเวทย์นับแต่ยุคโบราณก็มีกล่าวถึงหลายครา ท่านว่าโยนีคือต้นกำเนิดแห่งชีวิต ทุกสิ่งถ้าปราศจากชีวิตนั่นคือสิ่งที่ตายแล้ว ไม่อาจจะเจริญหรือมีพัฒนาการใดๆได้ ซ้ำโยนี้นี้ยังเป็นตัวแทนของพลังงานแห่งมหาศักติและองค์เทวีทั้งหลายด้วย พลังงานแห่งมหาศักติและมหาเทวีนั้นคือรูปของการสร้างสรรค์ เป็นพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่หยุดนิ่งสามารถเคลื่อนไหวไปได้ทั่วหมื่นจักรวาล มหาศาสตร์โยนีนี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะเชื่อกันว่าหากปราศจากโยนีแล้วความเป็นบุรุษเพศก็จะไร้ค่าและหมดความหมายไป ท่านว่าวิชานี้จึงมุ่งเสริมให้ใช้ได้ทั้งชายและหญิงทีเดียว และเมื่อจะสร้างท่านพิจารณาแล้วจึงได้ใช้ความรู้เก่าซึ่งนับว่าครูแรงที่สุดเมตตามาใช้ทำการสร้างและปลุกเสก
    พ่ออาจารย์ว่าวิชามหาศาสตร์โยนีคลั่งรักนั้น ท่านจะลงวิชาซึ่งเป็นโยนีมหาภูติเอาไว้ วิชานี้ท่านได้มาสมัยธุดงค์เป็นวิชาของเหล่าเพชรพญาธรที่จะมาจารึกไว้ตามผนังถ้ำให้พวกฤาษีได้เห็นได้เรียน ตลอดจนให้ผู้มีบุญที่คิดว่าจะรับวิชาได้ ได้เห็นได้รู้ นำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ ท่านว่าวิชาเหล่านี้ย่อมมีพลังสูงสุด ต่างจากวิชาที่เรียนหรือศึกษากันโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากครูเค้าแรง ท่านว่าเรียนได้ครั้งเดียว เมื่อไปดูอีก ทุกสิ่งย่อมอันตรธานหายไปดั่งเช่นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

    พ่ออาจารย์ท่านทำอย่างพิถีพิถัน โดยตะกรุดทวิภาคนั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วน จะขอกล่าวถึงก่อนเป็นส่วนๆไป
    - ในระดับแรกเราก็จะมาพูดถึงวิชาโยนีก่อน ท่านว่าท่านทำตามวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น นำมาผสมผสานกับศาสตร์วิชาโยนีสายเขมรกลั่นกรองออกมา โดยท่านกล่าวว่ามหาโยนีนี้คือเครื่องรางที่มีอำนาจของเทพเจ้าฝ่ายมหาศักติทั้ง 108 องค์หนุนส่งไหลเวียนอยู่ จะไม่แรงได้อย่างไรก็ในเมื่อมีแม่ที่เก่งกล้าในทุกทางสารพัดอยู่ร่วมกันถึงปานนั้น เพื่อให้ได้เครื่องรางทางเสน่ห์ที่แรงที่สุด ปลุกเสกเรียกธาตุมหาโลกียะทั้งสี่ใส่อาการจนครบ ท่านว่าเครื่องมงคลนี้พระสงฆ์องค์เจ้าจับไม่ได้เลย อย่าแม้แต่คิดจะนำไปใช้ เดี๋ยวผ้าเหลืองจะร้อน วัวเขานิ่ม(สตรีเพศ)จะมาขวิดเอาไปกินเสียหมด
    ด้านอานุภาพนั้น ตะกรุดมหาศาสตร์โยนีคลั่งรักนี้ใช้ได้หลายอย่าง
    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้ให้เจริญทางโลกก็ได้ จะเล่นทางเสน่ห์เมตตาก็ย่อมได้ เพราะท่านเสกเน้นด้านเสน่ห์ รัญจวนจิตอย่างแรงให้ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย พกพาอาราธนาไว้จะทำให้คนอื่นมองเห็นเราดูดีขึ้นเพราะพลังแห่งมหาศักติคือพลังที่อ่อนโยนจะช่วยให้เราดูหนุ่มขึ้นหรือสาวขึ้นกว่าปกติ หรือแม้จะใช้อธิษฐานให้ดลใจคนที่เราหมายปองก็ย่อมได้ ท่านว่าคำว่าคนที่หมายปองนั้นไม่จำเป็นต้องรักใคร่ชอบพอถึงจะอาภัพคู่ รูปไม่สวย ไม่หล่อไม่น่าพึงใจก็เปลี่ยนเป็นเจริญใจได้ จะใช้ในการงานการเข้าหาคน อธิษฐานให้แม่โยนีดลจิตดลใจเขาก็ได้ มีอำนาจพลังลึกลับในการจูงจิต จูงใจ ผูกจิต ผูกใจคน กระตุ้นให้เค้าอยากรู้จักเรา สนใจเรา ใกล้ชิดเรา ท่านว่าใช้ไปเรื่อยๆจะรู้เอง ท่านเรียกว่าแรงสั่งได้ สะกดให้ลุ่มหลงก็ได้ ออกได้ทุกทางตามแต่ใจจะปรารถนา

    นอกจากนี้มหาศาสตร์โยนียังมีคุณด้านอื่นๆเสริมอยู่ในตัวเองอีกด้วย ท่านว่ากันคุณกันของ การกระทำทางไสยศาสตร์ทั้งหมดไม่ต้องห่วง รับรองว่าไม่ได้กิน ซ้ำเมื่อใดที่พกตะกรุดนี้อยู่ผีสางทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏตัวมาหลอกหลอน หรือแม้แต่จะคิดทำร้ายรังแกเราได้เลย ที่สำคัญกว่านั้นท่านว่าโยนีนี้ท่านตั้งใจทำมาก เพราะมันเป็นวิชาพิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหน คือมีพลังอำนาจในการดูดทำลายเรื่องอัปมงคลต่างๆ แม้พกไว้กับตัวใครที่ว่าป่วยหน้าดำ มีเรื่องไม่ดี ต้องอุบาทว์ ชีวิตซวย มีสิ่งผิดปกติในร่างกายทุกสิ่งนั่นแหละท่านว่าจะถูกดูดทำลายให้เสื่อมถอยกำลังไปหมด ### ถึงขั้นที่ว่าอาราธนาตะกรุดนี้แม้ตัวเองผ่านอาถรรพ์เรื่องเสื่อมเหตุอันเสื่อมหรือโดนของใดๆกระทำมาก็หลุดหมด เป็นดาวข่มอวมงคลทั้งหลายอย่างแท้จริง เพื่อแก้ทางไม่ให้เรามีสิ่งใดมาปิดกั้นขัดขวาง จะได้รับพลังได้โดยง่าย ปรารถนาสิ่งใดจะใช้ทำอะไรล้วนสำเร็จทุกประการ

    นอกจากนี้ยังใช้ทางโชคลาภได้ จะค้าขายก็ดีหรือแสวงหาโชคลาภก็ดีท่านว่าใช้ได้หมด เสกให้เกื้อหนุนดวงชะตา ใครที่คิดว่าชีวิตอดอยาก เงินทองฝืดตัว ทำมาหากินติดขัด นี่แหละท่านว่าของแก้ทาง รับรองว่ามีกินไม่อด เงินทองไม่ขาดสภาพคล่อง มีดีทางโชคลาภอยู่แล้ว ทำมาหากินราบรื่นไม่ติดขัด ท่านว่าถ้าใช้เรื่องเสี่ยงโชค มีแต่ดีกับได้ทุกทาง ท่านว่าไม่อยากจะพูดเลยแต่ก็จะบอกไว้คร่าวๆ ### ตะกรุดนี้เวลาพกพาไปในสถานที่ต่างๆที่มีการฝังของฝังอาถรรพ์ไว้ ท่านว่าต่อให้ของที่ไหนแรงๆก็เถอะรับรองว่าสะกดหรือข่มเราไม่ได้ทั้งนั้นในมหาทิศทั้งสี่นี้ไปได้กลับได้อย่างปลอดภัยทุกที่

    นอกจากนั้นตะกรุดทวิภาคหนึ่งดอกนั้นแบ่งเป็นสองส่วนที่พ่ออาจารย์ท่านต้องเพ่งสมาธิมนต์วิชาลงจารอักขระพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงวิชาปถมังสูงสุดในสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าเสริมไว้ด้วย ท่านว่า *** วิชานี้มีสามระดับหาคนเรียนสำเร็จและทำได้จริงยากนัก ท่านว่าหลวงปู่ศุขใช่ว่าจะดีแต่ทางเหนียว แต่ท่านทำได้ทุกทาง ด้านโชคลาภนี้ก็หาตัวจับยากเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเล่นแต่เสน่ห์อย่างเดียวก็ไม่งาม ยุคนี้สมัยนี้ต้องรวย ต้องมีกินด้วย ท่านจึงลงตะกรุด ที่เรียกว่าฟ้าสั่งรวย ตำรับหลวงปู่ศุขไว้คู่กัน ท่านว่าวิชานี้เป็นศาสตร์วิชาโบราณ เป็นอีกหนึ่งคุณวิชาที่มีดีครบหมด เมตตาก็มี แต่ทว่าที่เด่นและแรงแซงหน้าทางอื่นก็คือโชคลาภ ท่านว่าตัวฟ้าสั่งรวยนี้เน้นทางหาเงินหาทอง ให้ผู้ใช้เจริญในเงินทองทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ ให้รุ่งเรืองเป็นมหาจำเริญขั้นสูงสุด ท่านว่าตะกรุดฟ้าสั่งรวยนี้สมัยก่อนหลวงปู่ศุขท่านจะทำให้พวกเศรษฐี คนธรรมดาไม่มีหวังจะได้เห็น เพราะว่าเค้าจะแข่งความร่ำรวยกัน ใครมีตะกรุดนี้เงินทองเหมือนอยู่ใกล้มือ ทำอะไรก็ทางสะดวกไม่ไกลเกินเอื้อม เป็นเคล็ดลับที่เศรษฐีสมัยก่อนไม่นิยมบอกหรือพูดต่อกัน เรียกว่าใช้จนตายไปกับตัว วิชาฟ้าสั่งรวยนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าแรงนัก...จะไม่แรงได้อย่างไร ท่านว่าชีวิตคนนั้นประกอบด้วยตัณหาทั้งสาม คือความอยากในอารมณ์รักใคร่หนึ่ง ความอยากในอารมณ์อยากมีอยากเป็นหนึ่ง ความอยากในอารมณ์ที่ไม่อยากมีไม่อยากจะเป็นหนึ่ง ท่านว่าตะกรุดฟ้าสั่งรวยคือวิชาที่เสริมตัณหาทั้งสามนี้ให้บริบูรณ์ พูดให้ครบคือได้ในสิ่งที่คิด ห่างไกลในสิ่งที่ไม่พึงใจ ก็แล้วมันจะไม่ดีได้ยังไง ก็ในเมื่อมันตอบสนองความคิดจิตวิญญาณตัณหาคนใช้ถึงปานนั้น

    วิชานี้ท่านว่านอกจากจะเป็นสิ่งที่ถูกปกปิดแล้วยังเป็นวิชาที่แปลกพอๆกับศาสตร์มหาโยนีเลยทีเดียว ท่านจึงตัดสินใจนำมารวมกัน เพราะวิชาฟ้าสั่งรวยนั้น ก็เหมือนกับชื่อคืออยู่ดีๆฟ้าก็สั่งให้คนๆนี้รวย มันเป็นพลังวิชาแบบปาฏิหาริย์ ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ศุขแล้วท่านก็ไม่ได้ทำให้ใครมาก เพราะผู้รับก็เหมือนภาชนะที่จะรองรับปาฏิหาริย์ฟ้า เป็นชีวิตที่จะต้องเกิดปาฏิหาริย์ ถ้าเดิมชีวิตเค้าไม่ดีก็เรียกว่าจะพลิกกลับจากหน้าเป็นหลังมือทีเดียว *** พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเจริญขึ้นเป็นลำดับ ต่อชาติ ต่อภพไป เช่นว่าคนยากจนจะเป็นเศรษฐี เศรษฐีจะเป็มหาคหบดี มหาคหบดีจะเป็นขุนนางเจ้าพระยามหาอำมาตย์ เจ้าพระยามหาอำมาตย์จะเป็นกษัตริย์ กษัตริย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ท่านว่านี่คือวงจรชีวิตที่ต้องเกิด ถ้าชาตินี้จบลงที่ตรงไหน ก็ไปเริ่มใหม่ที่ชาติหน้าไม่มีถอยกลับจนกว่าจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์นั่นเอง

    ### เหนือสิ่งอื่นใดตะกรุดชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้นำผงชุดพิเศษมีพืชพรรณอาถรรพ์ ว่านเก่งมีฤทธิ์มีตัวมีเพชรพญาธรรักษา ตลอดจนผงยาต่าง ท่านเรียกว่ายาสิบหกภาษา หมายถึงยาวิเศษสิบหกชาติพันธุ์เป็นการเรียกให้ครอบคลุมชาติพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ท่านว่าผงยาเหล่านี้แรงสะเทือนอารมณ์กันเลยทีเดียว ตลอดจนผงวิเศษต่างๆมาผสมกันโดยเน้นใช้เนื้อว่านดอกทองเป็นหลัก ลำพังว่านดอกทองนี้ก็แรงพอดูแล้วท่านว่า ตั้งแต่สมัยโบราณเชื่อกันว่า ถ้าใครได้สัมผัส ได้กลิ่นหอมของว่านชนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะทำให้ผู้ใช้มีเสน่ห์ น่ารัก น่าคบหามากขึ้นคืออันนี้พูดแบบอ่อนที่สุดแล้วนะเอาว่าเขาอยากจะเข้าหาเราแล้วกัน ความจริงมันรุนแรงกว่านั้นเยอะถึงขั้นเลยเถิดไปไกลทีเดียว เอาแค่อย่างอ่อนๆเพราะท่านว่าไม่สามารถพูดได้เต็มที่ เอาว่าใครเห็นจะรักจะชอบ หากใช้กับคนรัก ไปไหนแล้วจะต้องกลับมาเชยชม กินอยู่หลับนอนอยู่ด้วย ดังนั้นครูบาอาจารย์แต่โบราณจึงนิยมนำมาทำมวลสารพระในตระกูลขุนแผนอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ขุนแผนหลวงปู่ทิมก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และว่านนี้ก็ยังมีหลายตัวหลายตระกูล มีความแรงแตกต่างกันไป พ่ออาจารย์นำว่านดอกทองที่ท่านปลูกและกู้เองทุกตระกูล ซึ่งเป็นว่านที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์ของเพชรพญาธรซึ่งมีอานุภาพมากกว่าว่านดอกทองปกติมาพลีหั่นบดลงเป็นผงเพื่ออุดตะกรุดครั้งนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังเมตตานำยาภารตะผสมคลุกลงในผงและว่านวิเศษเป็นกฤติยาคมแฝดด้วย
    - ยาภารตะ พ่ออาจารย์ท่านได้ปรุงยาภารตะสั่งเสน่ห์ขึ้นมานานนักหนาแล้ว เรียกว่าเป็นวิชาที่ยากและซับซ้อนมากที่สุด เพราะท่านทำแบบเต็มสูตร ท่านว่ายาภารตะสั่งเสน่ห์นี้ไม่ใช่แค่นึกจะทำก็หามวลสารมาผสมนั่งเสกๆเอาหรือใครจะทำก็ทำได้ มันมีวิธีการและขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่านั้น ท่านว่าทุกสิ่งต้องดูมิติของดวงดาว ต้องทำในฤกษ์ในยามที่ดวงดาวมีกำลังส่งผลอย่างเด่นชัด เป็นเรื่องละเอียดอย่างมาก เช่นต้องหามวลสารเมื่อราหูอมจันทร์เท่านั้นทำให้ตอนนั้นถ้าท่านไม่มีความตั้งมั่นจริงๆย่อมไม่สามารถกระทำได้เลย ดีที่ว่ามีราหูอมจันทร์เกิดขึ้นเนืองๆ แล้วยังต้องหุงมวลสารในกำลังพระราหูเพื่อจะเน้นอำนาจจากดาวราหูส่งผลให้มีอานุภาพทางกามราคะ กามตัณหาความลุ่มหลงมัวเมาต่างๆ และนำมาเสกในฤกษ์ที่มีอิทธิพลของดาวศุกร์ เพื่อจะให้แสดงผลในเรื่องการเงินความมั่งคั่งร่ำรวย ความรักชายหญิง เครื่องเพศ กามราคะ ท่านว่าในส่วนของวิชาทุกอย่างเคร่งครัดอย่างมาก หากอธิษฐานจิตเฉยๆเสกอย่างไรก็เสกไม่ขึ้น ไม่มีทางสำเร็จยาภารตะสั่งเสน่ห์นี้ได้ ยานี้ท่านว่ามีความแตกต่างในตัวเองสูงมาก เป็นมนต์สูงสายขาวใช้ได้ไม่เป็นอันตรายกับตัวเองแน่นอน ท่านว่าเราทำให้ไม่เพียงแต่ทำตรงตำรา แต่ยังทำให้เกินตำราอีกด้วยท่านว่าในอดีตนั้นยาสั่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวนัก พ่ออาจารย์ท่านว่านี่ยังแค่ไสยศาสตร์แบบไทยๆเรานะ แล้วลองย้อนขึ้นไปของเขมรดูสิ จากนั้นก็ย้อนขึ้นไปถึงวิชาแขกฮินดูแดนภารตะอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่าแน่นอนวิชาเขมรย่อมแรงอย่างยิ่งแต่หากเทียบกันแล้วก็ยังสู้ของแขกไม่ได้ แรงครูเค้าก็แรงกว่า ท่านว่ายาภารตะสั่งเสน่ห์นี้แรงกว่ายาสั่งที่ปรุงธรรมดาร้อยเท่าพันเท่า เพราะมวลสารนั้นมีตั้งแต่ของสูงชนิดตาเห็นก็ไม่มีปัญญาเอาได้ ของที่ประดิษฐานอยู่กลางฟ้าบ้าง แม้ตัวขี้ผึ้งที่ผสมลงไปนี้ท่านก็ไม่ได้ใช้ขี้ผึ้งธรรมดามาทำ ท่านนำขี้ผึ้งน้ำตานางมัทรีมาทำ ซึ่งมันมีอาถรรพ์สูงมากในตัวเองอยู่แล้วจึงกล่าวได้ว่าเป็นเสน่ห์เหนือมหาเสน่ห์เลยกว่าได้ ท่านว่าขี้ผึ้งน้ำตานางมัทรีนี้แค่นี้ก็ปวดหัวแล้วเพราะไม่ใช่ของที่จะเดินเข้าไปขอวัดไหนก็ได้ แต่เราต้องทำไปถวายเองต้องเสาะหาสิ่งอาถรรพ์มาปั้นเทียนทำสารพัดกว่าจะได้สิ่งที่เรียกว่าน้ำตานางมัทรี ท่านว่าทุกอย่างที่นำมาทำนั้นท่านพยายามจะให้มีอิทธิคุณแฝดอย่างแรงสูงสุดในสายขาวสายเทพเจ้าไม่มีให้ไปยุ่งกับซากศพ กับของต่ำหรือต้องเสกในป่าช้าแต่อย่างใด เพราะว่าจะนำเรื่องไม่ดีที่เรียกว่าซวยมาถึงคนใช้ ทุกอย่างเป็นปริศนาต้องตีต้องคิดขบด้วยปัญหาให้แตกฉานกว่าจะเข้าใจและเตรียมตัวออกไปตามหาได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านว่าไม่เพียงเท่านี้ แต่ท่านยังนั่งลบผงวิชาเสน่ห์ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดทางโซนของเราถึงสิบชนิด เสาะหาว่านยาเฉพาะทางเพื่อนำมาบดทำผงปั้นแท่งดินสอ ก่อนจะลบยันต์กระดานชนวนนวดกับยาภารตะไปด้วย ทั้งวิชาอีหง่างโบราณ พระศรีสะแลงแงง อีเป๋อ ม้าเสพย์นาง หมูเสพย์เสือ ช้างผสมโขลง พญาเขาคำ อิ้นแก้ว วัวกินนมเสือ หนูกินนมแมว ซึ่งแต่ละวิชานั้นพูดได้คำเดียวว่าอย่างแรงแม้ได้ซักตัวหนึ่งก็เป็นยอดคนมีคุณวิเศษในตัวเองอยู่แล้ว แต่นี่รวมกันถึงสิบชนิดท่านว่าถ้าคนจะเอาดีทางโลกไม่สามารถมองข้ามได้เลยทีเดียว ท่านว่าเน้นเอาคุณวิชาทำให้อย่างเต็มที่ พ่ออาจารย์ท่านว่ายานี้เป็นของวิเศษนัก ท่านว่ามันมีอำนาจเกินยาสั่งที่คนไทยเข้าใจไปมากโข ด้วยแรงครูแห่งมหาเทพทั้งหลายลงประสิทธิ์แฝงพลังอย่างแรง ท่านว่าถึงขนาดดาวบนฟ้าแม้ปรารถนาก็ต้องได้ ของสูง ของที่ไม่มีปัญญาเอา หมายปองดอกฟ้า คนที่ชาติตระกูลสูงกว่าเราทั้งหลาย เมื่ออยากรักก็ต้องได้รักสมใจเช่นนั้น นอกจากนี้ยังเป็นยาสั่งรวย ยาเปลี่ยนชีวิตด้วย ท่านว่าสั่งฟ้าสั่งรวยได้ตามใจ ถึงขนาดว่าสั่งอะไรได้อย่างนั้น คนไม่มีวาสนาจะไม่พาลพบยาสวรรค์โอสถของพระเจ้าเช่นนี้แน่นอนทีเดียว ท่านว่าวิสัยของเราให้พูดหรืออธิบายคงจะไม่งามให้เอาไปใช้เองเถิด

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ใช้ง่ายๆ นั่นคือหากเราอยากบูชาคุณของอิตถีเทพนารีด้านใน ก็ให้หาสำรับขนมหวาน พวกเครื่องทองยิ่งดี คือทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุนต่างๆ มาไหว้บูชาครู ลำดับต่อไปเมื่อจะใช้ ท่านว่าตะกรุดนี้ใช้ได้สุดที่จะอธิษฐานกันเลย หากพกแล้วยังรู้สึกว่าไม่แรงสมใจ อยากจะเร่งอีกหน่อย อยากให้แรงกว่านี้อีกนิด ท่านว่าเมื่อเลี่ยมให้เจาะรูที่ปลอกตะกรุดไว้ ถ้าจะเอาด้านเสน่ห์ก็ให้เซ่นด้วยเหล้าขาว โดยเอาเหล้าขาวหยอดลงไปในรูที่เจาะ หรือว่าถ้าวันไหนต้องการทางด้านโชคลาภเงินทองแบบเร่งด่วน ก็ให้ประพรมด้วยน้ำหอมฉีดใส่รูนั้นเช่นกัน
    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์บอกว่ายิ่งใช้ยิ่งมีแต่จะดีจะแรงขึ้น ไม่ต้องการการดูแลรักษาแต่อย่างใด ยิ่งไหว้ด้วยเครื่องทองต่างๆก็ยิ่งครูแรง ยิ่งใช้เซ่นเหล้าเซ่นน้ำหอมก็ยิ่งแรงเสริมไปอีก พกไว้ในที่ต่ำได้ท่านว่าถ้าร่นไว้ระดับเดียวกับจุดเพศเราตรงนี้ไม่ได้ลามกหรืออนาจารแต่อย่างใด ท่านว่าจะยิ่งแรง ยิ่งดูดขับสิ่งไม่ดีทั้งหลายได้มากขึ้น เรียกว่าแก้ไขจากภายในก็ไม่ผิด ท่านว่าถ้าใครเห็นว่าพกแล้วเสน่ห์แรงไปจะปวดหัวควบคุมไม่ไหว ก็ให้ร่นตะกรุดออกมาภายนอก คือใส่ในระดับการคาดตะกรุดปกติเพียงเท่านี้ก็จะทุเลาลงถ้าร่นตะหรุดมาภายนอกก็จะเหมาะกับการหาโชคลาภเน้นๆแทน ท่านว่าปรับใช้ตามแต่สถานการณ์นั่นเลย

    คาถาบูชา
    โอม อุอุ อะอะ มหาภูตา ปริภูเต ภูติ เวสันติ มะมะมามา โยนิโส ธะฮีนะ สวาหับ


    พ่ออาจารย์ท่านทำการเสกปิดในวันวาเลนไทน์ ที่เรียกว่าเป็นวันและเวลาที่มีพลังงานแห่งความปรารถนา ความรักของมนุษย์ที่รุนแรงเป็นพิเศษ ประกอบกับเป็นตะกรุดที่คุณวิชานั้นแรงมากแต่เดิมอยู่แล้ว ท่านว่าเสกจนตัวท่านนั้นรู้สึกได้เลยว่าวิชานี้ทำแล้วเหนื่อยจริงๆเรียกว่าถึงกับไข้ขึ้นทีเดียว ท่านว่าวิชาแบบนี้ต่อไปท่านจะไม่ทำอีก เพราะเป็นวิชาที่ฝืนวัฏฏะสงสารมากเกินไป ก็แค่อยากเห็นคนใช้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขความสบายมากขึ้น ท่านจึงตั้งใจว่าจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านว่านี่คือหนึ่งในตำนาน หลังจากนี้จะมีเสียงเรียกร้องให้สร้างอีกมากเพราะคนที่เค้าใช้ ได้เห็น ได้รู้ กับเนื้อกับตัวก็จะอยากมีอยากได้เอาไว้ให้คนที่เค้ารัก ให้คนในครอบครัวใช้บ้าง ท่านว่าหลังจากนี้จะไม่มีอีกซักครึ่งรุ่น เพราะมันทำยากยิ่งเสกก็ยากขึ้นไปอีก ท่านว่าทำครั้งเดียวจบ เพราะครูเบื้องบนคงไม่พอใจแน่หากเราจะทำของแบบนี้ขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง มันหนักเกินไป ของเช่นนี้ปกติมนุษย์แล้วไม่มีที่จะได้ใช้ได้เห็น แม้สมัยหลวงปุ่ศุขก็ยังต้องเลือกคนรับคนให้เช่นกัน ดังนั้นท่านจึงอธิษฐานฝากครูพระ ครูเทพทั้งหลาย ให้ดลใจผู้ที่มีวาสนากับเครื่องมงคลให้รีบรู้และรีบมารับไป

    *** รายการนี้เนื่องจากเป็นเครื่องรางรุ่นเก่าของท่านที่ท่านทำพร้อมกับตัวที่ออกให้บูชามาหลายปีแล้ว และตัวนี้เป็นตัวพิเศษท่านค้นออกมาและให้บูชากันในราคาพิเศษจริงๆ รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น สำหรับผู้จองให้แจ้งชื่อ นามสกุลมาด้วย ท่านจะทำพิธีเป่ามนต์มหากำเนิดประสิทธิ์ตะกรุด และจะสระสรงตะกรุดด้วยน้ำปรุงอีกคำรบหนึ่งเป็นการเบิกฤกษ์ให้ก่อนนำไปใช้กัน รายได้ร่วมสมทบทุนสถานพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดทวิภาคฟ้าสั่งรวยมหาศาสตร์โยนีคลั่งรัก(อุดยาภารตะ,ว่านดอกทองเข้านางสามตัณหา) บูชา 2,500 บาท

    89275946-797779987399084-4140578004986232832-n.jpg 89275946-797779987399084-4140578004986232832-n.jpg 89685867-530709034519680-387292843351212032-n.jpg

    89285093-490150428324445-7985318400630980608-n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    มีคนถามว่าตะกรุดทวิภาคนี่เล่นทางอื่นได้มั๊ย เอาไปใช้เรื่องทำมาหากินได้หรือเปล่า อันนี้ต้องบอกว่าอยู่ที่เจตนาการใช้เลย บางคนไปตั้งแง่เอาเองว่าเป็นของทางเสน่ห์ชู้สาวเลยรังเกียจก็มีเพราะตัวเองไม่ได้ฝักใฝ่ด้านนี้ จนกลายเป็นลืมหรือไม่สนของทางนี้ไปเลยแล้วพอไปดูชีวิตเค้าจริงๆมันก็ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ด้วยตามที่เค้าเล่ามาตลอด เราก็อยากจะบอกเค้าให้พกของทางเสน่ห์เหมือนกันแต่ก็รู้ว่าไม่ใช่จริตจึงไม่แนะนำ ก็เลยพูดเตือนๆว่าคนยังไงก็เป้นสัตว์สังคมต้องเข้าสังมตลอด ใช้ของทางความรักทางเมตตาบ้างก็ได้

    ที่พูดนี่คือไม่ใช่จะให้พกกันไปเอาผัวเอาเมียมีแต่เรื่องแบบนี้ หากแต่ให้พกเพื่อให้คนอื่นรักคนอื่นเมตตาบ้าง พอเรื่องต่างๆผ่านชีวิต
    เข้ามามันก็ง่าย เพราะที่สังเกตุดูมานานตั้งแต่เปิดกระทู้ บรรดาคนมีอันจะกิน บรรดาเศรษฐีหลายๆคนที่มีฐานะดีกว่าคนปกติ เวลาพ่ออาจารย์ท่านให้ออกของทางด้านเสน่ห์นี่เค้าจะไวมากเลย คือรีบคว้ารีบเช่าก่อนหมดเลย บางท่านก็เหมาปิดยอดไปเลยเพราะอะไร... เราก็ถามเคยนั่งคุยมาหลายคนทุกคนบอกเหมือนกันว่าพี่ไม่ได้มีเจตนาเอาไปใช้ทางกาม ทางผู้หญิง ทางชู้สาว แต่พี่สังเกตุตัวเองว่าของเสน่ห์ของพ่ออาจารย์นั้นเวลาพกมันทำให้เค้าเข้ากับคนได้ง่ายขึ้น คือใช้แล้วหน้าที่การงานเจริญขึ้นสวนทางกับกระแสสังคมกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างชัดเจน เช่นนี้เมื่อท่านออกของทางเสน่ห์มาแต่ละทีจึงเป็นที่จับตากันของคนที่รู้กลุ่มนี้

    และที่สำคัญที่สุดผมย้ำเสมอว่ามันอยู่ที่เจตนาการนำไปใช้ จะใช้ทางไหนก็เจตนาเรานี่แหละเป็นแรงขับเคลื่อนผลักดันออกมา พูดกันหยาบๆเลยถ้าเราเป็นคนดีจริงต่อให้มีใครมาแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าเราก็ไม่เอา เห็นมั๊ยว่านี่มันขึ้นอยู่กับบุคคล
    ถ้าในหัวเรามีแต่เรื่องงานเรื่องความเจริญก็รับรองได้ว่าจะเจริญขึ้นทุกคน เอาของเสน่ห์ไปใช้เรื่องงานมันก็จะเห็นผลกว้างให้เจ้านาย..ให้ลูกค้า...ให้เพื่อนร่วมงาน...หรือแม้แต่คู่แข่งมีใจนึกเอ็นดูเรา มีใจผ่อนปรนช่วยเหลือผูกมิตรกับเราแบบนี้ ในขณะที่อีกประเภทคือหาสาวหาญิงนั่นก็อีกเจตนาหนึ่งไม่เหมือนกัน

    บางคนเคยมาเล่าว่าพกของเสน่ห์ของพ่ออาจารย์บางทีตัวเค้าไม่ได้ปรารถนาแต่ก็มีผู้หญิงมาชอบ มามองพูดง่ายๆคือมาอ่อย ...แต่ในที่นี้พออ่อยแล้วเรานิ่งเราเฉยภายนอกเราไม่เล่นด้วยทุกอย่างมันก็จบ โอกาสมันก็ผ่านไปเช่นนี้เพราะเราไม่ได้เล่นด้วยใจเราไม่เอาทางนี้มันก็ไม่มีอะไร เพียงถือว่ามีคนมองเรานะ มาสนใจเรานะพอเป็นรสชาติเป็นประสบการณ์ชีวิตไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนแบบนี้ เราก็มานั่งแปลกใจอยู่ว่าบางคนจองของเสน่ห์มาจะบอกชัดเลยว่า
    พี่มีครอบครัวครับ..พี่เอาไว้ใช้เฉพาะเรื่องทำมาหากินครับ..พี่ไม่มีเจตนาใช้เรื่องชู้สาวเลยครับ แต่ละคนก็จะบอกแตกต่างกันไปแต่จะบอกกันเกือบหมดไม่ปิดเราเลยแล้วก็จริงว่าคนที่เอาไปใช้ทางการงานทางหาเงินนี่มีมากขึ้นเรื่อยๆๆ บางคนจะใช้เฉพาะเรื่องชู้สาวก็จะบอกมาเช่นกัน จนเรามาคิดว่าที่จริงแล้วพอชีวิตเขามั่นคงมากจริงๆในระดับหนึ่งคือมีเงินนั่นแหละจะเรียกลมเรียกฝนเอาอะไรก็ได้ บางทีคนที่มีปัญญาหรือรอบคอบจึงกำกับมาเฉพาะด้านหน้าที่การงานแบบนี้

    เช่นนั้นจึงต้องดูด้วยว่าเราเป็นคนยังไง เอาไปใช้ทางไหน ผลก็จะออกมาแบบนั้นเหมือนหว่านพืชเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...