รับขันธ์กับตำหนักทรง

รับขันธ์กับตำหนักทรง

ถาม - เมื่อปลายปีนี้เอง ดิฉันได้ไปที่ตำหนักทรงที่หนึ่ง มีคนขึ้นกันมาก ดิฉันมีปัญหาชีวิตมากมาย
ต้องการหาที่พึ่ง ก็ได้รับ คำแนะนำจากคนที่รู้จักกัน ว่าให้ไปหาเจ้าเข้าทรงที่ตำหนักทรงแห่งนี้ พอดิฉันเข้าไปหา
ร่างทรงที่บอกว่าได้ทรง เจ้าพ่อไทรทอง ก็ตรวจดูดวงชะตาของดิฉัน แล้วก็บอกว่าดวงชะตาดิฉันไม่ดี ให้ทำ
พิธีต่อชะตาชีวิต และให้ดิฉันรับขันธ์ แล้วจะดีขึ้น ดิฉันก็ทำตาม
ดิฉันจัดพานดอกไม้ มีพานรับขันธ์ (ทางตำหนักทรงจัดให้) และเงินค่ายกครู ดิฉันก็ทำตาม ปรากฏว่าชีวิต
ก็ดีขึ้นจริง ๆ แต่เป็นเพียงแค่ระยะเดียว ระยะสั้น ๆ จากนั้นมาก็มีปัญหามาตลอด ทำอะไรไม่ดี ไม่ประสบผล
สำเร็จ ชีวิตทุกข์มาก บางครั้งมีเรื่องมีราวตลอด หาความสุขใจไม่ได้เลย แต่ละครั้งที่มีปัญหา ดิฉันก็ไปปรึกษา
ที่ตำหนักนั้นทุกครั้ง และทุกครั้งก็เสียเงินทุกครั้ง
ตอนนี้ดิฉันจะแก้ไขอย่างไรคะ ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

ตอบ - ถ้าคุณสนิทกับผม ผมจะบอกว่า "คุณเป็นคนโง่" เพราะเชื่อเจ้า แต่ไม่เชื่อตัวเอง แต่นี่เรา
ยังไม่รู้จักกัน ก็เอาคำว่า "ยังไม่ฉลาดพอ" ไปแทน
ผมรู้ว่าคุณเองคงได้รับแต่สิ่งที่ไม่ดี (ก่อนไปรับขันธ์) ถึงต้องดิ้นรนหาที่พึ่ง ไปหาสิ่งที่คุณก็พิสูจน์ไม่ได้ว่า
มีจริงหรือไม่จริง เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็เป็นอย่างนี้ มักจะเชื่อ และงมงายในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ยิ่ง
บวกกับการโฆษณา (ของเพื่อนคุณ)คุณก็คิดว่ามันน่าจะช่วยคุณได้
ทำไมไม่คิดล่ะครับว่า ที่คุณดีหรือไม่ดี ไม่ใช่เพราะคนอื่น ไม่ใช่เพราะเจ้า หรือผี หรือเทวดา แต่เกิดขึ้น
จากตัวคุณเอง ตัวคุณนั่นแหละเป็นผู้กระทำ เราเรียกสิ่งที่คุณกระทำไปแล้วว่า "กรรม"
คุณทำ "กรรมดี" ก็จะได้ดี คุณทำ "กรรมไม่ดี" คุณก็จะได้กรรมไม่ดี
ผี เจ้า เทวดา ช่วยคุณไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณทำไม่ดีเอาไว้
ถ้าเจ้าช่วยคุณหรือคนอื่นได้ ตัวเจ้า (ร่างทรง) เองก็ต้องทำให้ตัวเองดีขึ้น รวยขึ้น มีเงินมีทองมากขึ้น
แต่นี่ทำไมเจ้ายังต้องอาศัยค่ายกครูของคนที่มาหาล่ะครับ ทำไมเจ้าไม่บันดาลให้ตัวร่างทรงเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ
ให้ถูกรางวัลรวย ๆ ไปเลยล่ะครับ ทำไม่ได้หรอกครับ เอาแค่ให้ตัวร่างเองเอาตัวรอดยังไม่ได้เลย
คุณรู้มั้ย การ "รับขันธ์" น่ะ หมายถึง การยอมไปเป็นขี้ข้าเขานะครับ
ขันธ์ จริง ๆ มาจาก ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ที่รวมกันเป็นร่างกายคนเรานี่แหละ
เมื่อขันธ์ 5 หมายถึงร่างกายเรา แล้วเราไปยกให้คนอื่น นั่นก็หมายความว่าเราเอาร่างกายเราไปให้เขา (ร่าง - เจ้าพ่อ
เจ้าแม่) เขาก็ใช้คุณได้อย่างกับทาส อย่างกับขี้ข้า ก็คุณไปยกร่างกายให้เขาแล้วนี่ เขาก็ตักตวงจากตัวคุณเต็มที่
โง่มั้ยล่ะ?
ที่จู่ ๆ ก็ไปยอมเป็นขี้ข้าคนอื่น เป็นทาสคนอื่น
เอาล่ะ เมื่อมันพลาดไปแล้ว ก็ไม่อยากซ้ำเติม เดี๋ยวคุณพาลผูกคอตาย ผมจะบาปอีก จะบอกทางแก้ให้
ทำตามนะ แล้วคุณจะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ขึ้น
วิธีแก้
เมื่อคุณไปรับขันธ์ (ความจริงเจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรนั่นเป็นคนรับขันธ์ต่างหาก) คุณอยากปลีกตัวออกมา คุณก็
ต้องหาเจ้านายใหม่ ไปเป็นทาสของคนใหม่ที่เหนือกว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้านายใหม่เขาจะได้มีบารมีคุ้มคุณ
เจ้านายใหม่ที่ว่านี้ ต้องมีบารมีสูง ๆ จนถึงสูงที่สุด มีอำนาจล้นเหลือ
คิดออกมั้ยครับว่าเป็นใคร อย่าคิดให้นานเลย ผมบอกให้ก็ได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง
ใครล่ะจะบารมีสูงเท่าพระพุทธเจ้า ไม่มีครับ ผมยังมองไม่เห็น
ไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นทาสของพระพุทธเจ้า โดยผ่านทาง พระธรรม หรือ ธรรมะ ที่พระองค์ทรงค้นพบ
เพราะพระองค์ตรัสว่า "ที่ใดมีธรรม ที่นั่นมีตถาคต" (ตถาคต = พระพุทธเจ้า)
วิธีการง่าย ๆ เลือกเอาวันที่คิดว่าสะดวกที่สุด (ฤกษ์ดีคือฤกษ์สะดวก) จุดธูปเทียน ต่อหน้าพระ จะพระสงฆ์
หรือพระพุทธรูปก็ได้ (เพื่อเป็นพยาน) บอกว่า
"นับตั้งแต่นี้ไป ข้าพเจ้า.......................จะขอน้อมนำ และปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเต็มใจ และตั้งใจ เพื่อให้ผลบุญบารมีของธรรมะที่ข้าพเจ้าปฏิบัตินั้น
เป็นเหมือนเกราะกำบังป้องกันสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ผู้ที่คิดไม่ดีต่าง ๆ ให้ห่างพ้นตัว และข้าพเจ้าจะตั้งใจเต็มใจ
สร้างแต่ความดี เพื่อเพิ่มผลบุญกุศล"
อะไรทำนองนี้แหละครับ นึกเอาเองบ้าง แต่พูดเป็นนัยว่า เราจะไม่พึ่งเจ้าพ่อเจ้าแม่แล้ว เราจะพึ่งพระ
พุทธเจ้าแล้ว (โดยผ่านพระธรรมหรือธรรมะ) ขอบารมีของพระพุทธเจ้าคุ้มครองด้วย
แต่มีข้อแม้นะครับ เราตั้งจิตอธิษฐานอย่างนี้แล้ว ต่อหน้าพระ ด้วยความตั้งใจอย่างนี้ เท่ากับเราให้สัจจะ
แล้วว่าจะปฏิบัติธรรม จะทำแต่ความดี เพราะฉะนั้น อย่าบิดพลิ้ว อย่าขี้โกง อย่าลืม อย่าสักแต่ว่าจุดธูปบอกกล่าว
อย่างเดียว
บอกแล้วต้องทำ ต้องทำตามสัญญา และสัจจะ

แล้วจะทำกุศลหรือความดีอะไรล่ะ?
ตอบกัน 3 วันก็ไม่หมด เพราะความดีที่เป็นกุศลมันมากมาย ให้ยึดหลักแค่นี้ก็พอ ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
กับตัวเอง ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง และคนอื่น แค่นี้ก็พอ แล้วไปพิจารณาดี ๆ ตรง
นี้คลุมหมด ค่อย ๆ พิจารณา

แต่ไม่มีการทำกุศลใดได้ผลบุญ ได้อานิสงส์ ได้บารมีมากมาย เท่ากับการปฏิบัติ ก็คือการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน

 

อนุโมทนาครับ
เป็นข้อมูลความรู้ทีดีมากครับ
บางคนไปรับขันธ์ยังไม่ทราบเลยครับว่าหมายถึงอะไร
รับไปซะงั้น
เฮ้อ..ยาวละครับงานนี้

 

มีน้องที่รู้จักไปรับขันธ์รับแล้วลุกขึ้นพานคว่ำลูกศิษย์ตำหนักเก็บพานแล้วให้รับใหม่รับแล้วก็คว่ำอีก คราวนี้ลูกศิษย์ตำหนักก็ไปเอาพานบายศรีมาให้รับ (จ่ายเงินแล้วกลัวไม่ได้รับขันธ์) อย่างนี้ได้หรือไม่คะ ..รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด่วน แล้วน้องที่รับมาจะเป็นยังงัยบ้าง และต้องทำอย่างไรบ้าง (เพิ่งรับมาตอนต้นเดือน).............ขอบคุณค่ะ.

 

*ทำความเข้าใจกับกระทู้ที่ตั้งให้ละเอียดเพราะนั้นคือคำตอบ* ​

 

ขอบคุณคุณ*จอมขมังเวทย์*ค่ะ

 

ข้าพเจ้าขอร่วมอนุโมทนาบุญกุศลกับคุณจอมขมังเวทย์ด้วยนะครับ.

 

อย่าเหมารวมหมดนะ บางคนต้องเกิดมาทางนี้จริงๆก็มี หน้าที่ของเค้า

 

พิจารณาจากข้อถามตอบ และเจตนาของ จขกท. นี้
น่าจะมีมุมมองเพียงด้านเดียว ดูเหมือนจะไม่มีประสบการณ์ตรง
หากไม่รู้จริง ก็ไม่ควรจะนำเสนอให้เกิดข้อกังขาใดๆ