มีข้อสงสัยครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย urachat, 24 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. urachat

    urachat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    คือว่าผมสงสัยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ไม่นิยมเลี้ยงกุมารีครับทั้งที่ก็เป็นผีเหมือนกันผมสังเกตตามร้านที่ให้บูชา ตามวัดหรือแม้แต่ตัวคนเลี้ยงส่วนใหญ่ก็เห็นมีแต่กุมารทองหรือว่าความแรงความเฮี้ยนกุมารีสู้กุมารทองไม่ได้เพราะเป็นหญิง เห็นเขาว่ากุมารีมหาวีโรแรงใครมีประสบการณ์ลองมาเล่าหน่อยครับบอกด้วยว่ารุ่นไหนหรือว่าใครพอรู้หรือสามารถตอบข้อสงสัยได้ช่วยหน่อยครับ:cool:
     
  2. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    :boo:กุมารีมีแน่นอน กุมารทองมีแน่นอน แต่สงสัยว่าคุณจะเอาพวกเขามาทำไม พวกเขาน่าสงสารมากนะ ถ้าเอามาเลี้ยงขอให้รู้ไว้ว่า กำลังเอาชีวิตหนึ่งที่รอเวลาจะไปภพภูมิใหม่
    มากักขังเป็นทาสทรมาน บาปหนักในลักษณะจะตกกับตัวคนเลี้ยงในอนาคตเช่นการงานไม่ก้าวหน้าบ้าง ชีวิตไร้ความสุขเหมือนกับถูกกักขังดักดาน อยากหนีจากบางที่ที่เราอึดอัดอย่างที่สุด แต่จะต้องทนอยู่ที่นั่นอีกนานโดยไม่มีทางเลือก คนไทยมักจะถือเรื่องเครื่องรางของขลังแตกหัก ไม่ก็เบื่อเพราะเป็นภาระที่จะเลี้ยง หรือถ้าเขาไม่ให้คุณเจ้าของที่เลี้ยง ก็เห็นมีแต่มุขเดิมๆ คือเอาเขาไปทิ้งผลสุดท้ายหนูน้อยทั้งหลายที่รอจะหลุดพ้นก็ไม่ต้องไปไหนถูกกักไว้ด้วยมนต์ดำทุกข์ทรมาน หนูกุมารเล็กๆเขาหิวข้าวเหมือนพวกเรานี่แหล่ะถ้าเขาถูกทิ้งวิญญาณพวกเขาจะไม่แตกดับไป แต่จะทนทรมานด้วยความหิวคนเราลองอดข้าวดูสักวันนึงสิจะรู้ว่าเป็นยังไง แต่พวกเขาจะทนหิวอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ จะแยกแยะกุมารของจริงๆให้เข้าใจแต่ไม่ใช่กุมารที่เอามนต์ดำมากักขังจากประสบการณ์จริงให้รู้นะแต่ถ้าอยากได้กุมารที่เป็นเทวดาตัวน้อยของจริงไม่ใช่กุมารผีชั้นต่ำที่ไปบังคับเอามาใส่ในตุ๊กตาขายทุกวันนี้ อยากได้ต้องปฎิบัติธรรมเอาเอง เพราะสมัยนี้คนเรามีสภาพจิตใจที่อ่อนแอลงมาก เหมือนโนบีตะที่ชอบพึ่งของวิเศษของโดราเอมอน จะแยกแยะจากประสบการณ์แท้จริงโดยไม่แต่งเติมที่ละข้อนะ
    1.หลวงพี่เองมักจะเดินทางเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านเล็กๆเพื่อเผยแพร่และนำความรู้ทางการปฎิบัติธรรมและไม่ให้ยึดติดกับความงมงาย เวลาสอนปฎิบัติธรรมก็จะเดินรอบผู้ที่นั่งสมาธิ (แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครมาสืบทอดการปฎิบัติธรรมแบบนี้สักคน) มีอยู่ช่วงเข้าพรรษาตอนตีสี่ระหว่างที่พาโยมปฎิบัติธรรม หลวงพี่จะเดินรอบทุกคน หลังจากออกจากสมาธิแล้ว ถามจะทกคนว่าพบอะไรในสมาธิกันบ้าง ป้าคนนึงท่านบอกหลวงพี่ว่าป้าได้กลิ่นหอมสดชื่นที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วมีเด็กเล็กๆ5คนมามองป้าอยู่ข้างหน้าในสมาธิ อายุประมาณ5-7ขวบ หลวงพี่จึงถามป้าว่าเป็นไงอีก ป้าบอกว่ามีทั้งเด็กหญิงและายแต่หน้าตาน่ารักมากๆเด็กชายบางคนจะมีสร้อยวาลย์รอบตัวนุ่งผ้าโจงกระเบนมีผมจุกสีขาวสะอาดส่วนเด็กหญิงนุ่งผ้าถุงสีขาว ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน พอออกจากสมาธิแล้วก็ไป เป็นอย่างนี้ประจำเห็นแล้วมีความสุข ป้าอีกคนนึงเจอประจำแทบทุกครั้งคราวหลวงพี่จะเดินวนรอบแต่ป้านี่มาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นรอบตัวป้าน่ารักทุกคนทั้งเด็กชายหญิงระหว่างที่หลวงพี่เดินผ่านใกล้ถึงป้าได้ยินเสียงป้าพูดพร้อมกับโบกมือเล็กน้อยบอกว่า ไปเดี๋ยวก็ไปโดนตัวหลวงพี่หรอกอย่าไปรบกวน พอหลวงพี่เดินจะถึงตัวป้าเด็กๆก็โดดหนีไปพอเดินพ้นไปก็มากอดมาเล่นกับป้าอีก หลังจากออกจากสมาธิแล้วถามป้าบอกว่ามีเด็กหน้าน่ารักชายหญิงชอบมากอดคอมาเล่นด้วย ป้ารำคาญแล้วอีกอย่างเวลาหลวงพี่เดินผ่านจะวิ่งไปชนเอา เป็นอย่างนี้ประจำ
    2.เมื่อประมาณสัก3เดือนที่ผ่านมาหลวงพี่มักจะพาลูกศิษย์ที่เก่งทางปฎิบัติธรรมคนหนึ่ง
    มักจะพาเขาไปสอนปฎิบัติธรรมในโบสถ์ช่วงดึกๆวันหยุดเพราะมันเงียบดีไม่วุ่นวาย ก็สอนแบบวิธีเดิม แต่คราวนี้หลวงพี่อยากให้เขาสืบทอดความรู้แบบที่หลวงพี่พาทุกคนปฎิบัติธรรมบ้างเผื่อวันหน้าจะได้เอาความรู้นี้ไปพาผู้อื่นปฎิบัติธรรมบ้างจะไดไม่สูญหายและเป็นมหากุศลด้วย หลวงพี่ก็นั่งสมาธิหน้าองค์พระประธาน แล้วให้น้องเดินบรรยายธรรมรอบตัวหลวงพี่เอง หลังจากทีหลวงพี่เอ่ยปากอนุญาตเพื่อให้เขาเดินผ่านรอบตัวครูของเขาได้ หลังจากที่บอกเขาแล้วหลวงพี่เริ่มหลับตามองเห็นเป็นเงาคนเดินผ่านหน้าตอนหลับตาเพราะไฟเปิดอยู่ ก็ไม่สนใจเริ่มทำสมาธิ ระหว่างทำสมาธิน้องเขาก็บรรยายธรรมเสียงสั่นบ้าง เบาบ้างแล้วก็ไม่ได้เดินผ่านหน่าหลวงพี่สักครั้งทั้งๆที่บอกไปแล้วว่าอนุญาตให้เดินผ่านหน้าได้ เมื่อออกจากสมาธิหลวงพี่ถามเขาว่าทำไมถึงไม่ทำอย่างที่หลวงพี่สอน เขาตอบว่าพอหลวงพี่หลับตาแล้วผมเริ่มเดิน แต่พอจะเดินผ่านหน้าหลวงพี่เขาเข้ามาในจิตให้ผมเห็นเลย คือเขาเดินผ่านหน้าหลวงพี่ไป ในลักษณะเดินทะลุกำแพงฝั่งหนึ่งมา ผ่านหน้าหลวงพี่แล้ว เดินทะลุกำแพงอีกด้านหนึ่งหายไป เขากลัวมากเลยเดินบรรยายธรรมเสียงสั่นบ้างกลัวบ้างอยู่แค่ด้านหลังเท่านั้น พอฟังเขาพูดแล้วก็เลยทำจิตเป็นสมาธิสักครู่ จึงลำดับเหตุการณ์ได้ว่า เขาเป็นกุมารทองของจริงๆที่เป็นเทวดาและไม่ใช่ผีเด็กกุมารที่เขาเอามาเลี้ยงกัน เพราะปกติแล้วบริเวณรอบโบสถ์ จะไม่สามารถเข้ามาได้แน่นอน กำหนดสมาธิดูเห็นเป็นเด็กโตหน่อยอายุประมาณ 10 ขวบ รูปร่างจ้ำม้ำ ไว้ผมจุกมีทองคำคาดจุกไว้ มีสร้อยสังวาลย์เป็นเพชรพลอยสวยมากคาดตัว ที่แขนและที่ข้อเท้าสวมกำไลทอง ผิวไม่ขาวมาก หน้าตาน่ารักแบบไทยๆ นุ่งโจงกระเบนสีแดงสด ที่เข้าเดินผ่านหน้าหลวงพี่ให้น้องเขาเห็นเพราะหนูกุมารคงไม่อยากให้น้องเดินบรรยายธรรมผ่านหน้าหลวงพี่ไม่เหมาะ มันเหมือนกับเดินข้ามหัวพระนี่เอง
    คราวนี้ ถ้าคุณอยากได้เขามาอยู่ด้วยจริงๆ ก็แนะนำวิธีนี้นะ ในทางโลกคุณหมั่นทำบุญใส่บาตรบ่อยๆจนเคยชิน หรือจะทำบุญในรูปแบบใดก็ตาม ขอให้อุทิศให้แก่เด็กๆทั้งหลายที่ตายเพราะถูกทำแท้งบ้างวิญญาณเด็กๆทั้งหลายที่เสียชีวิตไปแล้ว เวลากรวดน้ำก็นึกพวกเขาอธิษฐานจิตให้พวกเขาทุกครั้ง จิตคุณจะสว่างบริสุทธิ์ขึ้นเอง ในโลกวิญญาณเขามองเห็นคุณอยู่ ที่สำคัญที่สุดคุณต้องฝึกเจริญสมาธิ ภาวนา เพราะเป็นมหากุศลสูงสุดที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณเองหลังจากออกจากสมาธิแล้วให้กรวดน้ำส่งมหากุศลนี้ให้เด็กๆทั้งหลายโดยไม่มีประมาณ ทำอย่างนี้บ่อยๆจิตคุณจะถูกฝังด้วยเมตตาที่มีต่อเด็กทั้งหลาย พวกเขาจะมาอยู่กับคุณเองในลักษณะของเทวดาเด็กที่มีอำนาจมากกว่ากุมารผีหลายเท่า เพราะโลกวิญญาณคนที่ปฎิบัติธรรมเหล่าวิญญาณทั้งหลายเขามองเห็นแสงพุทธคุณของคนใจบุญ หรือมนุษย์ที่ปฎิบัติธรรมจนจิตเกิดการมองเห็นโลกวิญญาณมักจะเห็นแสงพุทธคุณเหล่านี้ ตัวหลวงพี่เองก็บอกจากประสบการณ์ที่แท้จริงแต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น พูดมากกว่านี้อาจจะไม่เหมาะกลัวจะกลายเป็นถูกตำหนิว่าอวดอุตริไป ไม่ต้องเชื่อ แต่พิจารณาดูแล้วลองทำอย่างที่แนะนำไปสักระยะเชื่อว่าไม่ยาก หลวงพี่ก็คงให้คำแนะนำทางสว่างให้คุณได้เท่านี้ พระศาสดาก็ไม่เคยสอนให้ใครเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเราเอง อ้างนู่นอ้างนี่ไม่มีประโยชน์เท่ากับได้ลองปฎิบัติจริงๆ......เท่านั้น:cool:
     
  3. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ไม่รู้สิ ผมเป็นคนส่วนน้อย ชอบเลี้ยงกุมารี
     

แชร์หน้านี้

Loading...