มาเรียนรู้ศาสนาพุทธกันใหม่ดีกว่า...ว่าฆาราวาสจะทำอย่างไร?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NARKA, 5 มีนาคม 2012.

  1. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    บทที่1. ปฏิยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท
    พระพุทธเจ้า เป็นชาวอินเดีย...ในยุคของพระองค์ท่าน ศาสนาฮินดูพรามณ์เกิดมาก่อนหลายพันปี...ซึ่งจะมีแต่เทพเจ้า พระพรหมฯลฯต่างๆมากมาย ที่ล้วนอยู่ใน วัฏสงสารทั้งสิ้น...พระพุทธองค์จึงสละลูกเมียออกหาสัจจธรรม ด้วยตนเอง
    จนสำเร็จอนุตตรสมโพธิญาญาน ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า...
    ...ในยุคอดีตฮินดูพรามณ์นี้ หรือ ปัจจุบันนี้นั้น เป็นเทพ เป็นพรหม ที่อยู่ใน"โลกียะฤทธิ์ทั้งสิ้น"จึงเกิดลัทธิ"อ้อนวอนขอพรวิเศษจากท่านเหล่านั้น"และท่านเหล่านั้น ก็ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปๆๆๆๆๆ
    ...แต่พระพุทธเจ้า ตรัสรู้สูงไปอีก คือ เลยฤทธิ์ไป...เป็น"โลกุตตละ"คือ ความหลุดพ้นวัฏสงสาร...ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป.....
    .....พระพุทธเจ้าใช้วิธี ปฏิบัติ...คือ ธุดงค์...และใช้วิปัสสนา... กรรมฐาน...
    ...จนหลุดพ้นไปได้...ไม่มีตำรา.
    ...การเกิดตำราคือพระไตรปิฏก เกิดภายหลัง...จึงมีตำรานำทาง คือ ปฏิยัติขึ้นมา(ซึ่งสังคายนาไปแล้ว5ครั้ง)แล้ว จึงยึดตำราไปปฏิบัติ(สมาธิภาวนา) จนเกิด"ผลลัพภ์" คือ "การหลุดพ้นวัฏสงสาร"ได้..
    ...ในช่วงนี้ประมาณ700ปีมั๊ง ก็เกิดแตกออกไปเป็นมหายาน และย่อยไปอีก20กว่าสาย ส่วนหินยานหรือเถรวาทเดิม ก็แตกย่อยออกไปอีก10กว่าสาย..
    ...ในไทยรับมาสองสาย คือ มหานิกายและธรรมยุตต์...หรือ พระบ้านกับพระป่า...
    ...พระบ้านอาศัยตำราปฏิยัติเป็นส่วนมาก พระป่า อาศัย ปฏิบัติ เป็นส่วนมาก..เช่นพระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต...
    ..พระบ้านมีวัด26000วัด พระป่ามีวัด2000วัด โดยประมาณ..
    ...พระบ้าน พอได้ตำราก็จะกลายเป็นหนอนตำราคือยึดปฏิยัติเป็นหลัก...
    ..แต่พอถึงการปฏิบัติ ส่วนใหญ่ก็จะละเลย เพราะถูกความเจริญ การพัฒนา พิธีกรรมต่างๆมาแทน...จนทำให้ห่างเหินการปฏิบัติภาวนาไปเรื่อยๆ..
    ...ส่วนพระป่า โดยมากไม่ยึดตำรา แต่ใช้วิธีปฏิบัติตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์..
    ...จึงเรียกว่าตรงตามแนวทางพระพุทธเจ้ามากที่สุด คือ ปฏิบัติภาวนา จนสามารถหลุดวัฏสงสารไปได้หลายๆองค์.....
    ....คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าการปฏิบัติของศาสนาพุทธคืออะไร...จึงทำให้"หลงทาง"ไปมากมาย.....
    .....การปฏิบัตินี้คือการนั่งสมาธิภาวนา โดยต้องบวชก่อนเป็นอันดับแรก..แล้วยึดธุดงควัตร13และขันธวัตร14 เพื่อทรมานใจและกาย พร้อมทำวิปัสสนากรรมฐาน..มีวาสนาจึงหลุดพ้นวัฏสงสารไปได้....แค่เดินป่าอย่างเดียวนี่ ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์จริงๆแล้ว...ตายในป่าไปแล้วมากมาย...
    ...การภาวนานี่ก็ต้องไต่ขึ้นไปจากขณิกสมาธิ อุปจารสามาธิ อัปนาสมาธิ(ถ้าเขียนผิดขออภัย)เลยไปถึงต้องได้ ฌานสมาบัติ รูปฌาน4และต้องได้ อรูปฌาน4 เป็นฌานสมาบัติ8 ด้วย โดยมีพื้นฐานคือ กรรมฐาน40กองแล้วแต่จะเลือกตามจริตของตนเอง...และพอใช้วิปัสสนาควบด้วยแล้วจึงจะสามารถหลุดพ้นได้ ซึ่งยากๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆขึ้นกับบุญวาสนาเดิมด้วย...จึงจะพ้นวัฏสงสารไปได้....พร้อมกันนั้น...การทำสมาธิภาวนานี้...โดยอัติโนมัติ จะเกิด ญานทั้งหมด 21 ญาน.... ซึ่งญานทั้ง21 ญานนี้แหละ ที่ฆาราวาสต้องไปกราบความเมตตาสอบถามข้อข้องใจทางโลกทางธรรมกับพระป่าองค์นั้นๆเอาเอง...ถ้าท่านเมตตาตอบ เราก็จะได้รู้ว่า จริงๆแล้ว ปัญหาทางโลกทางธรรมนี้นั้น ความจริงมันเป็นอย่างไร...


    2....สมาธิภาวนา...จนเห็น...น่ะเห็นจริง....แต่สิ่งที่เห็น..."ไม่จริง"
    ....ฆาราวาสส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติธรรมภาวนา ที่มิใช่ผ้าขาวหรือแม่ชี จะหลงทิศเป็นส่วนใหญ่...ฆาราวาสที่มิได้ภาวนา ก็จะหลงทิศเป็นส่วนใหญ่...
    .....ฆาราวาสที่ครองเพศอยู่นั้น. ที่ภาวนา..แทบจะหาไม่ได้เลยที่มีศีล5 ศีล8 ศีล10 บริสุทธิ์...เมื่อไม่บริสุทธิ์ ญานที่ได้จึงเป็นกิเลศลวงจิตทั้งสิ้น ไม่ใช่ของจริง..
    ..ส่วนฆาราวาสที่ไม่ภาวนา...ก็จะหลงทิศไปเชื่อทางไสยศาสตร์ เลขผานาที อ้อนวอนขอพร....หลงเรื่องบุญ เรื่องบาป...อ่านตำราแล้วคิดไปเอง วินิจฉัยไปเอง...ซึ่งห่างไกลจากธรรมของพระพุทธองค์ไปมากมาย...ไปหลงเชื่อทำบุญ9วัด ไปหลงเชื่อพระธาตุองค์นี้เหมาะกับปีนั้นๆ..ไปหลงเชื่อวันชง ไปหลงเชื่อการแก้กรรม ไปหลงเชื่อสำนักทรงเจ้าเข้าผี ไปหลงเชื่อเทวดา...ฯลฯ

    3.การหา"ธรรม"จริงๆ...หาได้ที่ไหน?
    ....อย่างที่บอก คนส่วนใหญ่จะไปหาจากหนอนตำราทั้งสิ้น.....ซึ่งบางสิ่งก็ใกล้เคียง หลายสิ่งก็ผิดเพี้ยนไป.....
    ...การหาธรรมจริงๆแล้ว ต้องหาจากพระปฏิบัติ....คือ สมาธิภาวนา ทำวิปัสสนากรรมฐาน...เราต้องสังเกตุและสอบถาม ค้นหาเอาเอง....แน่นอนที่สุดก็พระป่านี้แหละของจริง หาไม่ยาก....
    .....เพราะธรรมที่ท่านตอบนั้น ผ่านญาน21ญานที่ท่านได้มาแล้ว อาจมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที...แต่เป็นธรรมของแท้ ที่ได้จากญานที่ท่านได้จริงๆรู้จริงๆ...มิใช่รู้โดยการเป็นหนอนตำรา....
    .....อย่างเช่นผมถามอาจารย์เขียว ศิษย์อาจารย์แดง วัดไม้ขาว วัดป่าภูเก็ตนี่
    ...ผมถามเลยว่า.."บุญที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายนี่ เห็นหลวงปู่ขาววัดถ้ำกลองเพลบอกว่า อาจถึงถ้าญาติเราไปเป็นเปตรบางจำพวก จริงไหมอาจารย์"...
    .....อาจารย์เขียว วัดไม้ขาวภูเก็ต ตอบตามธรรม ตามญานที่ท่านปฏิบัติจนได้มาว่า...
    ..."เป็นจริง...แต่ส่วนใหญ่จะไม่ถึง...เพราะคนที่ล่วงลับไป ทั้งหมดต้องไปอุบัติทันที ถ้าเขาไปเป็นวัวเป็นควายกินหญ้า....อย่างนี้เขาก็รับไม่ได้...แต่บุญนั้นจะตกเป็นของๆเรา ไปกองๆไว้ ใครก็เอาไปไม่ได้...เดี๋ยวเราก็ได้เมื่อเราไป"
    ....อันนี้คงหมายถึงเมื่อเราตายไปมั๊ง....
    ...เรื่องทำบุญทำทาน ผมก็เคยกราบเรียนถามท่าน....
    ..อาจารย์เขียวอธิบายโดยสรุปว่า...
    ...ขึ้นอยู่กับ"เนื้อนาบุญนั้น"ว่าจะได้มากหรือน้อยในบุญที่เราทำ...
    ...คือถ้าเราทำบุญด้วยจิตบริสุทธิ์และทำกับพระปฏิบัติที่เป็นอริยะสงฆ์ คือพระที่ปฏิบัติจนได้โสดาบัน สกิทานา อนาคามีหรืออรหันต์แล้ว "บุญนั้นได้เต็ม"
    ...แต่ถ้าจิตเราบริสุทธิ์ แต่ดันดูพระไม่เป็น ไปทำบุญกับพระที่ยังไม่ได้เป็นอริยะสงฆ์...บุญนั้นก็จะได้ แต่ได้น้อยมากๆ.....
    ....เหตุนี้ ในสมัยโบราณ....ผู้คนยุคฮินดูพรามณ์...หรือยุคพุทธองค์..เขาน่าจะมีวิจารณญานดั่งนี้...
    ...."องค์นี้ น่าจะได้อริยะแล้ว เราทำบุญหนักๆหน่อย...องค์นี้น่าจะยังไม่ได้ เพราะบวชใหม่..เราทำบุญสงเคราะห์น้อยๆหน่อย...เพื่อให้ท่านปฏิบัติให้มีความเพียรมากๆ เดี๋ยวท่านได้เป็นอริยะแล้วเราถึงค่อยทำหนักๆ"
    .....นี่วิธีคิดต้องเป็นแบบนี้....ไม่ใช่ว่าพระบ้านไม่ปฏิบัติแล้วเราจะไม่ทำบุญ ที่เราทำบุญให้ท่านเพราะเราคาดหวังว่าท่านจะปฏิบัติ เดี๋ยวก็ได้เป็นอริยะสงฆ์ในไม่ช้า.....แต่โลกของความจริงมันก็โหดร้ายมากๆ....ทำบุญไปแล้ว หวังว่าท่านต้องปฏิบัติภาวนา....แต่ส่วนใหญ่มันก็มิได้ดังใจเราเลย.....จึงต้องมีคำถามว่า ทำไมปัจจุบัน ท่านจึงมิค่อยปฏิบัติ.เหมือนพระป่า ...แล้วเราจะไปหาเนื้อนาบุญที่ไหนกันได้เล่า....ในตัวเมืองต่างๆของประเทศไทย..นอกจากมุ่งหาบริเวณบ้านนอกนี่แหละได้เจอเนื้อนาบุญแน่นอน....
    .....สรุปท้ายมาถึงเทวดาสองผัวเมีย ในสวรรค์ลาภยศสรรเสริญน้อยลง..จึงใช้ฤทธิ์ส่องดูพระอริยะสงฆ์ ก็เห็นพระสารีบุตร กำลังจะออกจากนิโรธสมาบัติ จึงแปลงกายมาทำบุญกับท่านเมื่อลงจากเขามา พอได้บุญใหญ่แล้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใส...พระสารีบุตรจึงถาม ก็ได้ความว่าเป็นเทวดาแปลงมาเอาบุญใหญ่ เพราะพระอรหันต์ที่ออกจากฌานสมาบัติ นิโรธสมาบัตินั้น ผู้ใดได้ทำบุญแล้ว ได้บุญล้นปรี่เชียวล่ะ...นี่ เทวดาเอาเปรียบมนุษย์เราเช่นนี้....เราไม่มีฤทธิ์ แต่เราใช้ความรู้ สืบเสาะค้นหาพระอริยะสงฆ์เอาเอง พิจารณาเลือกดูเอาเอง....
    ตาดีได้ ตาร้ายเสียคือได้บุญน้อย.....
    ..อย่าคิดว่าโลภ....เพราะเทวดายังโลภกว่าเรา...ฮา..
     
  2. Naka96

    Naka96 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    สรุปลงตรงที่... ทาน ศีล ภาวนา.. ศีล สมาธิ ปัญญา.. มรรคมีองค์ 8 .. อริยสัจ 4 ..

    ไตรลักษณ์ ..ตัดกิเลส นิวรณ์ 5 ให้ได้ .. ไม่ว่าพระบ้าน หรือพระป่า ถ้าปฏิบัติเพื่อละ

    กิเลสได้ ก็บรรลุได้ ฆราวาส ก็เช่นกัน ถือศีล 5 บริสุทธิ์ ปฏิบัติสายตรง ก็บรรลุธรรมได้..
     
  3. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    คุณ NARKA นี่มีอะไรดี ๆ มาแจกอยู่เรื่อย ๆ
    ดีครับ ดี ดี ดี สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...