พระอุปคุต (ปราบ) พระยามาร...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 11 มกราคม 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    [​IMG]

    พระอุปคุต ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเล่าเอาไว้มาให้อ่านนะครับ



    วันที่ไปเยี่ยมจาตุมหาราชที่เล่ามาแล้วนั้น ก็เลยไปดาวดึงส์ ไปยามาแล้วก็ดุสิต ที่ชั้นดุสิตหลวงพ่อปานมารับ ก็กราบๆ ท่าน ท่านถามว่า เออ อยากพบพระศรีอาริย์ไหมล่ะ ตอบว่า อยากจะ เจอะ จะเจอะ ยังไงได้ล่ะ ท่านบอกว่า ไม่ต้องไปหรอก ท่านมาแล้ว สวย ดุสิตนี่สวยจริงๆ ยามาน่ะ เขาขาวพรึ่ดหมด ต้นไม้น่ะมีแค่ ดาวดึงส์แห่งเดียวนะ เทวดานักฟ้อนก็มีแต่ดาวดึงส์แห่งเดียวเพราะว่า เป็นเมืองหลวง ชั้นยามาสวดมนต์ ตะพึด ดุสิตสวยสดงดงาม ไปถึงชั้นนิมมานรดี เทวดาที่ทำหน้าที่นิรมิตต่างๆ เป็นชั้นที่ 5 ที่ว่า "ชั้น" น่ะไม่ใช่เป็นชั้นซ้อนๆ กันนะ เป็นพื้นเดียวอย่างโลกเรานี่แหละ แบ่งเป็นเขตเท่านั้นเองแต่เป็นทิพย์ ไปถึงแวะเยี่ยมท่านแก้วจินดาก่อน ท่านแก้วจินดา ท่านก็มาด๊งเด๊งๆ ตามมสภาพของท่าน องค์นี้เคยทะเลาะกันมาเรื่อย

    ท่านถามว่ามาไงล่ะ ตอบว่า มาเที่ยวซี

    ถามท่านว่า เออ วิมาน พระยามาราธิราช อยู่ไหน หัวเราะก้ากเลย บอกว่า พระโง่ยังงี้ก็มีด้วย

    ถามว่าทำไมล่ะ ตอบว่า ที่นี่เขาเรียก ท้าวมาลัย ครับ ที่นี่ไม่มีพระยามาราธิราชหรอก มีแต่สมัยพระพุทธเจ้า

    ชื่อแกจริงๆ ชื่อ ท้าวมาลัย เป็นหัวหน้าเทวดาชั้น ที่ 6 เป็นผู้ว่าการ ก็เลยไปหากัน ท่านก็ออกมารับแหม สวยแฉ่งเลย รัศมีกายผ่องใส มารับที่เขตวิมานเชียวนะ ที่ไปกันตอนนี้สมทบกันไปหลายชั้น จำนวนมันก็ หลายหมื่นซี ท่านเชิญเข้าไป ไอ้หน้ามุขมันนิดเดียวแหละถามท่านว่า ขึ้นหมดรึนี่ ท่านตอบว่า ไม่เป็นไร หรอก วิมานเทวดายืดได้ แน่ะ เก่งเสียด้วย ไม่เหมือนเมืองมนุษย์หรอก ตั้งแค่ไหนก็แค่นั้น มองดูกะว่า จุสัก 200 ก็แย่แล้ว แต่เราเข้าไป เป็นหมื่นยังเต็มไม่ถึงครึ่ง คุยไปคุยมา

    ถามท่านว่า ทำไมถึงไปลิดรอนพระพุทธเจ้า ตอบว่า ปัดโธ่ ท่านไม่รู้จักความโง่ของผม
    ถามว่า ทำไมล่ะ ตอบว่า ผมกลัวพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนเอาคนไปนิพพานเสียหมด พอเวลาผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้างแล้ว ผมจะสอนใครล่ะ

    เราก็นึกในใจว่า โธ่ ไม่น่าโง่เลย จะขนไปยังไงหมด ถามท่านว่า เวลานี้ยังเป็น พระยามาร ไหม ท่านตอบ ไม่ๆๆๆ พวกท่านมีหลายคน แหม เขากลัวพระยามารกันจริงๆ ก็ไอ้มารอยู่ในตัวเองน่ะไม่ยักกลัว พระยามารนี้เวลานี้ช่วยชาวบ้าน พวกพุทธมามกะทุกคน พระยามารต้องบังคับให้ลูกน้องไปช่วยเหลือ คือ ที่ประคับประคอง พวกเรานี่แหละ จะเรียกว่า พระยามาร ไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่า ท้าวมาลัย

    ทีนี้ย้อนมาตอนต้น ตามตำนานที่พระพุทธเจ้าตรัส มีคนถามว่า ทำไม่ท่านไม่ทรมานพระยามาราธิราชล่ะ ท่านตอบว่า ไม่ใช่คู่ปรับกัน พระยามารนี่จองขัดคอ ให้ปั่นป่วนนิดหน่อย ไม่จองเวรแรงขนาดเทวทัต เมื่อสมัยนั้น ท่านเป็นคนเลี้ยงม้าด้วยกันทั้งคู่ จะม้าแข่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี ท่านไปเกี่ยวหญ้าม้ากัน เกี่ยวไปก็แยก งกันไปที ทีนี้ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เสด็จจาก ภูเขาคันธมาส กุฏิของท่าน มันไม่ค่อยดี ท่านต้องการ ต้นหญ้านี่ ไปผสมกับดินทาฝา เพราะพระจะเกี่ยวหญ้าเองก็ไม่ควร เมื่อเห็นสองคนนี้เกี่ยวหญ้า ท่านก็เหาะลงมายืนเฉย พระพุทธเจ้าของเรา ก็นึกในใจว่า เราเอาของเราถวายท่าน ก็เป็นการสมควร อยากจะเอาของเพื่อนถวายบ้างสักก้อนหนึ่ง แต่ถ้าเพื่อนกลับมาแล้วแสดงความไม่พอใจ ก็จะมีโทษมาก เพราะพระพุทธเจ้า เป็นพระที่มีบุญหนัก ก็เลยไม่ได้ถวายไป พอตอนเย็นกลับมารวมกัน ขนหญ้าขึ้นเกวียน ท่านก็เล่าเรื่องให้ฟัง เท่านั้นแหละแกโกรธหาว่า กลัวจะดีเท่าเทียม เอาละ ท่านไปไหนก็ตาม เราจะตามไปขัดคอ แต่ทุกชาติไม่ได้ขัด มาขัดเอาชาติสุดท้าย เมื่อ ระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยออกมหาภิเนษกรมณ์ เห็นท่าไม่เป็นเรื่องแล้ว สิทธัตถะนี้ไปแน่ กูไม่ทันนี่หว่า แล้วก็มาขัดคอ ต่างๆ อย่างที่ทราบ กันดีอยู่แล้ว

    มาในระยะหลังๆที่พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา อีตอนนั้นซี พระอุปคุต ท่านไปคุดอยู่กลาง มหาสมุทร บรรดาพระทั้งหลายนั่งประชุมกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน คราวนี้ ยังไงๆ พระยามารต้องเล่นงานแน่ แล้วเราจะมีใครป้องกันได้บ้าง พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ปฏิสัมภิทาญาณก็มีอภิญญาก็มี ไม่มีใครสู้พระยามารได้หรือ ? สู้ได้ ไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่ทุกองค์บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

    ทีนี้ในการประชุมคราวนั้น พญานาค ขึ้นมาฟังด้วย พอดี พญาครุฑ บินมาในอากาศเห็นเข้าก็จะ ฉะพญานาคละซี ปฏิปักษ์กันนี่ โฉบลงมา พญานาควิ่งพรวดเข้าไปกลางวงพระ พระทั้งหลายตกตะลึง บอกว่าเณร ช่วยพญานาคเดี๋ยวนี้ เณรแกอายุ 7 ปีเท่านั้น เป็นพระอนาคามีได้อภิญญา พอท่านสั่ง เณรก็ยิ้ม เข้ามา วาโยกสิณ เอาลมหอบพยาครุฑไปเสียไกล พระได้ท่า บอกว่า เณรฉันบอกให้แกช่วยพญานาค แกยิ้มนั่นยิ้มเยาะพระ นี่ต้องลงทัณฑกรรม นั่น แน่ ไม่ใช่เล่น หาเรื่องคน เป็นที่หนึ่ง เณรก็ยอม แล้วแต่พระคุณเจ้าจะ ลงทัณฑ์ ท่านก็สั่งว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงลงไปตาม อุปคุต มานั่น ตอนแรกปรึกษากันว่า ใครจะเป็นคน ไปนิมนต์พระอุปคุต ที่จำพรรษาอยู่กลางทะเล พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มีอุปคุตคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคู่ ปรับพระยามาธิราช ปราบให้แพ้น่ะได้ แต่คู่ปรับนี้ ต้องปราบ ให้แพ้ด้วย แล้วทำให้ เลื่อมใส กลับเป็นคนดีด้วย ความประสงค์เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ท่านจะปราบก็ปราบได้ แต่ท่านไม่สามารถทำให้ พระยามาร เป็นคนดีได้ ตอนก่อนจะนิพพาน ท่านจึงบอกไว้ว่า พระยามาราธิราชนี้มีคู่ทรมานเป็นพระอรหันต์ เบื้องหลัง เมื่อเรานิพพานไปแล้ว 200 ปี มีนามว่า อุปคุต

    [​IMG]

    พอพระอุปคุตมาถึง พระทั้งหลายก็ว่า นี่อุปคุตเป็นอรหันต์แล้ว หาความสุขแต่ผู้เดียว ไม่ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ไปเข้านิโรธสมาบัติ อยู่กลางทะเลอย่างนี้ ต้องถูกลงทัณฑกรรม เอาอีกแล้ว ทัณฑกรรมเฟ้อจริงๆ พระอุปคุตก็ยอมรับว่า ไม่เป็นไรครับ เอาไงก็ว่ามาเถอะ เลยได้รับมอบหมายให้ต่อต้าน พระยามาราธิราช ในอีก 7 วันข้างหน้า พระอุปคุตก็ยอม แต่ขอกินข้าวให้อ้วนเสียก่อน ไม่อ้วนนี่ ท่าจะไม่เป็นเรื่อง เอา 7 วันก็พอ ตอนเช้าท่านก็เดินย่องแย่งเป็นขี้ยาเข้ามาในเมือง มีคนเขาบอกว่า นี่องค์นี้แหละที่เขาไป ตามมาต่อต้านพระยามาร พระเจ้าอโศกมหาราช ว่า โถ ! พระขี้ยาผอม เหลือแต่กระดูกยังงี้หรือ จะไปต่อต้านพระยามาราธิราช ไม่ได้ต้องลอง เลยเอาช้างพระที่นั่ง ตัวดุที่ตกมัน มายืนดักข้างทาง พอพระอุปคุต คล้อยหลังก็ไสช้างไล่แทงเลย พระอุปคุตได้ยินเสียงข้างหลัง เอ๊ะ อะไรกันแน่ เห็นช้างวิ่งเข้ามาใกล้ท่านก็ เอานิ้วจิ้มปั๊บ บอกว่า "หยุด" ช้างกันจ้ำเบ้าเลย นั่งเหมือนกะ หินอยู่ตรงนั้น จะขี้แตก ด้วยหรือเปล่าจำไม่ได้ พระเจ้าอโศกมหาราชเลยบอกว่า ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอก แล้วท่านก็เอามาเลี้ยงเสียอ้วนปี๋เลย

    ทีนี้พอวันเริ่มต้นงาน พระยามารก็แสดงเดช ทำมืดครึ้ม ไม่ให้เห็นแสงอาทิตย์เลย พระทั้งหลายก็เตือนว่า นั่นไง ท่านอุปคุต พระยามารแสดงแล้ว ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรเรื่องเล็กพอแต่งตัวรัดประคดเรียบร้อย ก็ไปหาพระยามาร บอกว่า คลายฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่คลายเป็นพัง เราอุปคุต พระยามารได้ยินก็ชักขนลุกซู่ๆ รู้ฤทธิ์ รู้เดช ฉะกันมาหลายชาติแล้ว ตาเขาก็หนึ่ง ในตองอูเหมือนกัน เอ้า เก่งจริง ก็เชิญเลย นี่พระยามาราธิราชไม่เคยกลัวใคร แม้แต่ พระสมณโคดม ก็ยังไม่กลัว เลยสู้กัน ความจริง เอาเสียที่เดียว ก็ได้เหนือ ชั้นกว่ามาก ล่อกันไปล่อกันมา ท่านอุปคุต ท่านขี้เกียจขึ้นมา ก็จับเอามือไพล่หลัง อธิษฐาน ให้แก้ไม่ออก ไม่ใช่แต่เท่านั้น อธิษฐานเอาหมาเน่ามาผูกคอเสียอีกด้วย พระยามาราธิราชแกก็เทวดาองค์หนึ่งเทวดา นี่แต่กลิ่นคนเขาก็เหม็นเสียแล้ว โดนหมาเน่าเข้าวิ่งโร่ไปหาพระอินทร์เจ้านายใหญ่ พระอินทร์บอกว่า อ้าว ทำไมไปเล่นกับพระอุปคุตเล่า เขาจะทำบุญพระศาสนากันดันไปแกล้งเขา ใครจะไปมีฤทธิ์เท่าพระอรหันต์ ได้ไม่มี มีทางเดียวท่านไปขอขมาท่านอุปคุตเสีย แล้วสัญญาว่า จะไม่ทำพยศอีก พระอุปคุตก็จะอภัยแก่ เธอ ท่านก็จำเป็นจำยอมไปขอโทษขอโพย พระอุปคุตถามว่า ยังไง สิ้นฤทธิ์แล้วรึ ? แกบอกว่า ยอมๆ ยอม ทุกอย่าง ต่อไปไม่แกล้งอีกแล้ว พระอุปคุต ก็แก้หมาเน่า แก้มัดมือออก แต่ยังเอารัดประคต ผูกเข้าไว้ กับ เขาพระสุเมรุเสียอีกหลายเปลาะ ปล่อยพระยามารดิ้นด็อกแด็กอยู่ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ดิ้นเสียเขาพระสุเมรุ หวั่นไหว ดาวดึงส์ สะเทือนไปหมด

    พอพระเจ้าอโศกมหาราช ฉลองศาสนาเสร็จ ไปถึง พระยามาร ก็บ่นว่า โธ่เอ๋ย พระสมณโคดม ท่านก็ใจดี นะ แต่สาวกนี่แหมใจร้ายเต็มที ท่านอุปคุตไปถึงก็ต่อว่า สาวกสมัยก่อน อย่างพระโมคคัลนา พระสารีบุตร พระบิณโฑลภารทวาชะ ใครๆ ก็มีฤทธิ์ มากกว่าท่านเสียอีก แต่ไม่ใจร้าย มีท่านคนเดียว ใจร้ายกับเรา ท่านอุปคุตก็โต้ว่า รู้แล้วไม่ใช่หรือ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านกับเราเท่านั้น ที่เป็นคู่ปรับกัน ความจริงแล้ว ท่านผู้มีฤทธิ์ ทั้งหมดน่ะ ตัวท่านสู้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางสู้ เวลานี้ แม้แต่เณร 7 ขวบ ที่ไปตามเรา ท่านก็สู้ไม่ได้ แต่ที่ท่านทั้งหลายไม่ทำ ก็เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของเราผลที่สุดพระอุปคุตท่านก็ปล่อย แต่บอกว่า ก่อนปล่อย ต้องสัญญากับเราก่อนว่า จะไม่รบกวน บรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสิกา ผู้ปรารถนาในธรรม ถ้ารบกวนเมื่อไรโทษจะหนักกว่านี้หลายพันเท่า พระยามารก็บอกว่าไม่เอาแล้ว ไอ้ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน นี่ก็พอแล้ว

    พระอุปคุตท่าน ก็ขอร้องให้พระยามาร แสดงเป็นรูปพระพุทธเจ้า สมัยยังทรงพระชนม์อยู่ให้ดู พระยามาร ตอบว่า ได้ๆๆ เรื่องเล็ก แต่สัญญากันก่อนนะ จะไหว้ผมไม่ได้ นะห้ามไหว้ โดยเฉพาะ พวกท่าน เป็นอรหันต์ เป็นพระอริยะ มาไหว้ผมละ ไม่เป็นเรื่องหรอก พระอุปคุต ก็ตกลง พระยามาราธิราช บอกว่า ผมจะ เดินไปทางหลังเขา ถ้าออกมา ห้ามไหว้เด็ดขาดนะ เพราะ บาปจะตกอยู่กับผม พอพระยามาร ไปหลังเขา พระอุปคุต ก็ให้สัญญาณ เรียกพระอรหันต์มาทั้ง 2 แสนรูป สักครู่หนึ่ง พระยามารก็ออก เป็นพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี รัศมี สว่างไสว สวยสดงดงามมาก มี พระโมคคัลลา พระสารีบุตร อยู่เบื้องซ้ายขวาครบเครื่องมาเลย พระทั้งหมด ลืมสัญญา ลุกขึ้นกราบพร้อมกัน กราบพระพุทธเจ้า พระยามารรีบคลายตัวทันที บอกว่า ท่านทำไมทำยังงี้ เป็นโทษกับผม ท่านอุปคุตก็บอกว่า ท่านไม่ต้องวิตก เพราะว่าการกราบนี้เขา ไม่ได้กราบท่าน เขากราบพระพุทธเจ้า โทษของท่านไม่มี พระยามาราธิราชก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าทั้งหมดงดโทษให้ผมด้วย พร้อมด้วยพระรัตนตรัย เพราะว่าผมเองก็ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วท่านก็กลับไป เรื่องก็จบลงแต่เพียงนี้


    ::
     
  2. kittikorn

    kittikorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    2,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,850
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ
     
  3. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    โมทนา สา ธุ
    ขอขอบคุณมากๆ ที่นำความรู้จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาเผยแพร่ให้ได้รับทราบโดยทั่วกันครับ
    ผมเองก็ได้มีเหรียญพระอุปคุตไว้บูชาติดตัว โดยได้รับมาจากท่านฮั้วโต๋เมื่อต้นปีที่แล้วดีใจมากเลยครับ
    ถ้ามีโอกาส คราวหน้า คุณ vanco หาเรื่องเล่าดีๆ จากหลวงพ่อฯมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ ขอบคุณครับ
     
  4. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    อนุโมทนา สาธุ ๆ
    ในบุญกุศลทุกอย่างด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  5. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    นำบทความของท่านภิกษุณีธัมมนันทา (ดร.ฉัตรสุมาลย์) จากมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1639 วันที่ 13 มกราคม 2555 มาให้อ่านครับ

    [FONT=Tahoma,]
    หน้า 65
    [/FONT][FONT=Tahoma,]ธรรมลีลา

    [/FONT][FONT=Tahoma,]ฉัตรสุมาลย์

    [/FONT][FONT=Tahoma,]พระเถระอุปคุต อย่าสับสนกับพระสิวลี

    [/FONT][FONT=Tahoma,]รูป พระเถระอุปคุตและพระสิวลีนั้น มักจะสับสนกับบ่อยๆ วันก่อนในบทความเรื่องพระอุปคุต ที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์ แต่รูปประกอบกลับเป็นพระสิวลี วันนี้ ก็เลยขอนำรูปที่สองพระองค์มาลงให้เห็นชัดๆ ถึงความแตกต่าง

    รูปพระเถระอุปคุตปางที่ชาวบ้านเรียกว่า จกบาตร คือมือขวาค้างอยู่ในบาตรนั้น พระสิวลีก็เป็นรูปในท่าเดียวกันเลย แต่ถ้าเป็นพระอุปคุต ท่านจะเงยหน้าขึ้น ในขณะที่พระสิวลีนั้น พระพักตร์ตรง

    มีเรื่องเล่าที่มาว่า การที่พระอุปคุตท่านเงยหน้าขึ้นนั้น ท่านกำลังฉันภัตตาหาร วันนั้น ค่อนจะล่วงเวลาใกล้เที่ยงเข้าไปมากแล้ว พระภิกษุสามารถฉันอาหารกลางวันซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายได้ภายในเวลาพระอาทิตย์ ตรงศีรษะ พระอุปคุตท่านเกรงว่าจะเลยเที่ยง ท่านเงยหน้าขึ้นพูดกับพระอาทิตย์ ขอให้พระอาทิตย์รอก่อน แสดงว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ขอร้องพระอาทิตย์ได้ ท่านจึงมีชื่อเสียงในทางอิทธิฤทธิ์

    พระอุปคุตจะรูปร่างผอมบาง



    ทีนี้ พระสิวลีนั้น ท่านมีบารมีทางทาน สร้างสมทานบารมีมามาก ไปไหนไม่เคยอด

    มีเรื่องเล่าว่า พระพุทธเจ้าจะเสด็จต่างแคว้นพร้อมพระสาวก ท่านทรงหันมาถามว่า "สิวลีมาด้วยหรือเปล่า" ทั้งนี้ เชื่อกันว่า ไปไหนท่านไม่เคยอด โดยเฉพาะที่ศรีลังกาจะนิยมบูชาพระสิวลีมาก โดยเชื่อว่า จะได้ไม่อด

    รูปพระสิวลีจะอยู่ในท่ากำลังฉันอาหาร มือขวาค้างอยู่ในบาตร แต่หน้าตรง ไม่เงยหน้า รูปร่างงดงาม

    คาถาบูชาพระสิวลี ว่าดังนี้

    "สีวลี จะมหาเถโร เทวตา นรปูชิโต โสรโหปัจยาทิมหิ อะหังวันทามิ ตังสะทา สีวลีเถรัสสะ เอตังคุณัง สวัสติลาภัง ภวันตุเม"



    ทาง ฝ่ายพระอุปคุตนั้น ไม่ใช่พระภิกษุที่เกิดในสมัยพุทธกาล ประวัติของท่านน่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เกิดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช (ประมาณ พ.ศ.218) เมื่อบวชแล้วท่านบำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุเป็นอรหันต์ เลื่องลือจนเป็นที่เล่าขานโดยเฉพาะในด้านอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์

    แต่มีปฏิปทาไปในทางสันโดษเล่ากันว่าท่านเนรมิตกุฏิขึ้นที่สะดือทะเล จึงเป็นที่มาของพระบัวเข็ม ก็คือพระอุปคุตที่จำอยู่ในท้องทะเลนั่นเอง

    ในวัยเด็ก ผู้เขียนจำได้ว่า พระอุปคุตที่เรียกว่า ปางพระบัวเข็มนี้ เป็นที่นิยมมาก เป็นความเชื่อที่ผ่านมาจากทางพม่า แม้ในปัจจุบัน จะหาพระบัวเข็มก็ต้องขึ้นไปทางเหนือ ที่ยังรักษาประเพณีความเชื่อทางพม่าไว้

    เรื่องราวที่เล่าเป็นตำนานมากับพระเถระอุปคุตก็คือ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช หันมารับนับถือพุทธศาสนาแล้วนั้น ปรารภจะสร้างสถูปเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าถึง 84,000 แห่ง

    ความนี้ปรากฏในพงศาวดารของฝ่ายศรีลังกาทั้งมหาวงศ์และทีปวงศ์ แต่ในงานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์นั้น พระเจ้าอโศกทรงปรารภจะจัดเป็นงานมโหฬาร ต้องให้แน่ใจว่า ทุกอย่างต้องเรียบร้อยปราศจากอุปสรรค พระองค์จึงอยากอาราธนาพระอรหันต์ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ให้มาคุ้มครอง

    พระสงฆ์ทั้งหลาย เห็นพร้อมกันว่า ไม่มีใครที่จะรับงานนี้ได้ ต้องลำบากไปนิมนต์พระเถระอุปคุต

    แต่เนื่องจากท่านอยู่ถึงสะดือทะเล พระสงฆ์ 2 รูปที่ทำหน้าที่ไปนิมนต์ก็ต้องมีอิทธิฤทธิ์ เช่นกัน ทั้งสองรูปทำอิทธิฤทธิ์ ชำแรกมหาสมุทร เรียกว่า แหวกน้ำ ลงไปจนได้พบพระเถระ และอาราธนาท่านตามความปรารถนาของพระเจ้าอโศกมหาราช

    พระเถระก็รับนิมนต์

    แต่ครั้นมาถึง พระเจ้าอโศกทอดพระเนตรพระเถระแล้ว ไม่ค่อยศรัทธา เพราะพระเถระอุปคุตเป็นพระรูปร่างผอมๆ วันรุ่งขึ้นท่านจึงทดสอบว่าพระเถระมีฤทธิ์จริงสมดังคำร่ำลือหรือไม่

    ทรงให้ปล่อยช้างตกมันให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาเถระอุปคุตสะกดช้างตกมันให้หยุดอยู่กับที่ สะกด ไม่ใช่สะกดตัวหนังสือนะคะ มีความหมายว่าตรึงไว้ให้หยุดไม่ไหวติง ราวกับช้างหินเลยทีเดียว

    พระเจ้าอโศกทรงเห็นเช่นนั้น ก็ทรงเลื่อมใส เข้าไปทูลขอขมาต่อพระเถระ ท่านก็ให้อภัย

    ตกลงว่าได้ทูลขอบารมีให้พระเถระช่วยดูแลความราบรื่นของงานมหาพิธีฉลองพระสถูปเจดีย์



    ตัว ป่วนก็คือพญามารสวัสวตี เข้ามาในพิธีโดยหวังจะก่อความไม่สงบ ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ บ้างก็แปลงร่างเป็นสัตว์ป่า สัตว์หิมพานต์ แต่พระมหาเถระอุปคุตก็จัดการได้ทั้งหมด สุดท้ายเมื่อพญามารกำลังจะออกจากพิธี พระมหาเถระเสกหมาเน่าผูกด้วยประคดรัดเอวของท่าน คล้องคอพญามารไว้ โดยสะกดว่า ไม่ให้ใครแก้ออกได้นอกจากท่านรูปเดียว

    ทุกครั้งที่พญามารเอื้อมมือจะไปแก้สายรัดประคด ก็จะมีไฟลุกไหม้ทันที พญามารเสียหน้ามาก เที่ยวตระเวนไปหาคนช่วยเอาหมาเน่าที่ผูกติดกับคอออก ไม่ว่าจะเป็นอินทร์พรหมหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้

    พญามารถูกทรมานจนในท้ายที่สุด ต้องยอมกลับมาหาพระมหาเถระ แต่เพราะพิธียังไม่แล้วเสร็จ พระมหาเถระเกรงว่า พญามารจะกลับมาอาละวาดอีก จึงเอาหมาเน่าไปทิ้งลงเหว แต่สายรัดประคดนั้น ยังคงรัดคอพญามารอยู่ แล้วเอาไปผูกไว้กับยอดเขา

    เสร็จพิธีจึงจะมาแก้ออกให้



    อย่า ลืมว่าพิธีฉลองพระสถูปนั้นนานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ในช่วงที่ทนทุกข์ทรมานอยู่นั้น พญามารก็ระลึกถึงพระพุทธคุณ ละทิ้งพยศในสันดาน ระลึกถึงและกล่าวสดุดีในพระเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้า และตั้งจิตอธิษฐานด้วยว่า "ถ้าหากข้ายังมีกุศลที่ได้สั่งสมมาแต่กาลก่อน ข้าฯ ขอตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคตดังเช่นพระองค์ต่อไป"

    พระมหาเถระอุปคุตได้ยินคำอธิษฐานก็ทราบว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้รัดประคดของท่านออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ นอกจากจะขอขมาแล้ว ยังบอกด้วยว่า เพื่อช่วยให้พญามารได้ระลึกถึงพุทธภูมินั่นเอง

    เรื่องราวของพระเถระอุปคุตอาจจะหาอ่านได้ในตำนานพระอุปคุต คัมภีร์ปฐมสมโพธิ์ คัมภีร์อโศกอวทาน เป็นต้น



    ใน ส่วนที่เป็นพระบัวเข็มนั้น ตามตำนานพระเครื่องเล่าว่า เริ่มเข้ามามีบทบาทในสมัยปลายรัชกาลที่สาม แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในช่วงที่เจ้าฟ้ามงกุฎยังทรงผนวชอยู่มีการติดต่อกับพระมอญที่มาจาก พม่าอยู่บ่อยครั้ง

    พระมอญมักนำพระบัวเข็มมาถวายเสมอ พระองค์ทรงยอมรับเอาพระบัวเข็มเข้ามาในพิธีขอฝน โดยถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ในด้านอิทธิฤทธิ์ ชนะศัตรูหมู่มาร บังเกิดความอุดมสมบูรณ์ มีลาภสักการะ แก่ผู้บูชา

    พระบัวเข็ม ที่เรียกว่า บัว เพราะมักนิยมทำใบบัวคว่ำคลุมศีรษะ ที่เรียกว่า เข็ม นั้น เพราะนิยมทำเข็ม หรือหมุดเล็กๆ จำนวนเลขคี่ โดยฝังตามตำแหน่งต่างๆ เช่น หน้าผาก แขนทั้งสอง หน้าอก มือทั้งสอง หัวเข่าทั้งสอง และด้านหลัง ผู้เขียนเคยเห็นพระบัวเข็มในพิพิธภัณฑ์ของเจ้าทางเชียงรุ้ง ที่แกะสลักด้วยไม้สัก แต่เข็มหรือหมุดที่ฝังนั้นเป็นทองคำแท้

    วิธีการบูชาพระบัวเข็มและพระอุปคุต มีหลักว่า องค์พระต้องอยู่เหนือน้ำ โดยใช้ภาชนะใส่น้ำไว้โดยรอบ บูชาด้วยดอกไม้เครื่องหอม

    คาถาที่นิยมใช้ มีมากกว่าหนึ่งคาถา แต่ที่ผู้เขียนท่องจำได้ว่าดังนี้

    จิตติ จิตติ ริตติ ริตติ มิตติ มิตติ เอหิมะมะ

    ปทุมมะพุทโธ นานาปารมี สัมปันดน อิติปิโส ภควา

    มะอะอุ เมตตา จะ มหาราชา สัพพะสิเนหา จะปูชิโต

    สัพพะสุขัง มหาลาภัง สัพพทุกขัง สัพพะโกธัง วินัสสันตุ

    อหังวันทามิ สัพพทา

    คราวนี้ ท่านผู้อ่านได้องค์ไหนมาบูชา ก็จะได้ทราบความเป็นมาที่ถูกต้อง

    สวัสดีปีใหม่ค่ะ
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00577sa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      374
    • DSC01682sa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      343
  6. peerayuth

    peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,004
  7. JoeBS

    JoeBS Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +49
    อนุโมธนา สาธุ
    ผมคนหนึ่งที่แขวนพระอุปคุต บูชาพระบัวเข็ม
     
  8. อู๋ใช้

    อู๋ใช้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +510
    ขอบคุณครับสำหรับเรื่องดีที่เอามาให้อ่าน อนุโมทนา สาธุ สาธุ
     
  9. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ...
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  10. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านนะคะ
     
  11. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    สาธุ สาธุ สาธุ เคยอ่านนานแล้ว ลืมแล้ว แต่วันนี้ได้อ่านอีก สนุกดี มีเรื่องดี ๆ ก็นำมาเล่าสู่ฟังอีกบ้างเน้อ สาธุ สาธุ
     
  12. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  13. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    ขอบพระคุณมากครับ อยากรู้ว่าท่านเป็นใครมานานแล้ว

    โมทนาบุญกับเจ้าของกระทูที่ให้ธรรมทานครับ

    อยู่กับลมแต่ลืมลม คือคนตายจากความดี
     
  14. chalovecartoon

    chalovecartoon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +15
    พยามาร ที่ท่านแพ้วันนั้น เพราะท่านเมาเหล้าหนักครับ พอเมาหนัก ก็ออกไปสู้ ก็เลยแพ้
    คิดว่าน่าจะคออ่อน ล้อเล่นนะครับ
     
  15. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,634

แชร์หน้านี้

Loading...