พระหน้าเปลี่ยน ชาวบ้านโวย ปิดทองกลางดึก

พระหน้าเปลี่ยน ชาวบ้านโวย ปิดทองกลางดึก




ชาวบ้าน จ.น่าน ประท้วงเจ้าอาวาส ขอตรวจสอบ ลงรักปิดทองพระประธานโบสถ์ วัดหัวเมือง อ.ปัว จ.น่าน อายุเกือบ 100 ปี เหตุทำให้หน้าพระเปลี่ยนไป ข้องใจที่ปิดโบสถ์ทำตอนกลางคืน

วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ชาวบ้านบ้านหัวเมือง หมู่ที่ 5 ตำบลแงง อำเภอปัว จังหวัดน่าน กว่า 100 คน ได้พากันไปที่วัดหัวเมือง ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านขอพบพระปรัชญา คันธศรีโร เจ้าอาวาสวัด เพื่อขอคำอธิบายในการลงรักปิดทององค์พระประธาน ของวัดที่มีอายุเกือบ 100 ปี เมื่อ 3 วันก่อน โดยชาวบ้านสงสัยว่า การลงรักปิดทองดังกล่าว เป็นการทำที่มีเงื่อนงำซ่อนเร้น เพราะทำกันในเวลากลางคืนโดยปิดประตูโบสถ์ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปร่วมด้วย ที่สำคัญเมื่อทำเสร็จสรีระ และพระพักตร์ขององค์พระผิดไปจากเดิม ซึ่งนายอินผาย ชัญญะ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 5 บ้านหัวเมือง ตำบลแงง อำเภอปัว จังหวัดน่าน

ประธานกลุ่มผู้สูงอายุของหมู่บ้าน ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า ชาวบ้านรับไม่ได้ที่เห็นองค์พระประธานมีหน้าตาบูดบึ้ง ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส อิ่มเอิบเหมือนองค์เดิม และการดำเนินการของคณะที่ลงรักปิดทอง ก็มีข้อสงสัย เนื่องจากปิดประตูโบสถ์ทำตอนกลางคืน โดยที่ชาวบ้านไม่มีส่วนเข้าไปรู้เห็น และขอให้นำผง เหงื่อไคล ที่ขูดจากองค์พระมาแสดง คืนให้ชาวบ้านด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการหมู่บ้านพร้อมชาวบ้านได้นำรูปภาพองค์พระเดิมที่ยังไม่ได้มีการลง รักปิดทองมาเปรียบเทียบ และขอให้เจ้าอาวาสนำเมาลีบนเศียรพระมาเปรียบเทียบกับรูปภาพด้วย ซึ่งก็ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าเป็นของเดิมหรือไม่

ทางด้านพระปรัชญา คันธศรีโร เจ้าอาวาสวัด ได้ชี้แจงกับชาวบ้าน และนำคณะที่ทำพิธีลงรักปิดทองมาชี้แจงต่อหน้าชาวบ้าน ซึ่งมีพระคมกฤษณ์ วิชชากโร อ้างว่า เป็นพระลูกวัดของวัดตลุกป่าตาล ตำบลโป่งแดง อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นช่าง แต่ชาวบ้านของดูใบสุทธิก็ไม่สามารถนำมาแสดงได้ โดยบอกว่าลืมไว้ที่บ้านญาติโยม โดย พระคมกฤษณ์ฯบอกว่า ทำตามพิธีอย่างถูกต้อง ที่ต้องปิดประตูโบสถ์ทำตอนกลางคืนเพื่อให้มีสมาธิและไม่ให้ลมพัดตอนปิดทอง ที่ชาวบ้านเห็นรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะแสงไฟที่ส่ององค์พระ สะท้อนเงา จึงทำให้เห็นเป็นอย่างนั้น

ส่วนเจ้าภาพที่จัดทำเป็นเภสัชกร ในตัวเมืองปัว บอกว่า หมดเงินไปกว่า 2 แสนบาท เมื่อชาวบ้านไม่พอใจก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของชาวบ้าน พวกตนทำบุญไปแล้วก็แล้วไป หากมีการพาดพิงทำให้พวกตนเสียหายก็จะฟ้องร้องตามกฎหมาย

ด้านคณะ กรรมการหมู่บ้านพร้อมชาวบ้าน ยืนยันว่า จะให้ตั้งกรรมการมาตรวจสอบ พร้อมทำหนังสือร้องไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อมาพิสูจน์ว่า มีการนำของมีค่าในองค์พระไปหรือไม่ และมีการขูดองค์พระหรือไม่ และอาจจะมีการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อความโปร่งใสต่อไป

เจ้าอาวาสวัดฯ กล่าวอีกว่า ไม่มีการขูดหรือเปลี่ยนแปลงองค์พระแต่อย่างใด ของที่อยู่ในองค์พระก็ไม่แตะต้อง ตอนที่คณะลงรักปิดทององค์พระทำ ก็อยู่ด้วยพร้อมเณร เมื่อชาวบ้านไม่พอใจ สงสัยก็ยินดีให้พิสูจน์ แต่ต่อไปคงไม่มีใครกล้ามาทำบุญหรือร่วมพัฒนาวัดอีก


ที่มา: ไทยรัฐ
พระไทยดอทเน็ท

 

องค์เดิมสวยกว่านะเนี้ย

 

คุณธรรมนำความคิด ....

 

เท่าที่เห็น ความคิดส่วนตัว ว่าน่าจะ องค์เดิมนะครับ

 

เท่าที่เห็น ความคิดส่วนตัว ว่าน่าจะ องค์เดิมนะครับ

 

น่าจะองค์เดิมล่ะครับ
ตอนที่ยังไม่ได้ลงรักปิดทอง พระโอษฐ์มีรูปตามสีที่ทาไว้
แต่พอปิดทองลงไป พระโฮษฐ์จึงมีรูปเป็นตามที่ช่างปั้นไว้

(ประมาณว่า เหลือแต่ส่วนนูน ไม่เหลือส่วนที่ทาสีล่ะนะครับ)

แต่ก็นะครับ...ผมไม่ได้ดมีโอกาสไปสังเกตด้วยตาตัวเอง ที่พูดมานี่แค่เดาๆนะครับ ^^

 

เรื่องนี้คงคิดนาน

 

แหมมมมพูดยากจริงๆ เจตนาดีแต่ทำให้ส่วนรวมเศร้าหมอง......น่าจะประชุมกันก่อนทำแปลกดี....ทำบุญแทนที่จะนำมาซึ่งความปิติเบิกบาน แต่กลับต้องมาทุกข์ใจ..........ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เทวดาที่ปกปักรักษาพระพุทธรูปท่านอาจจะไม่พอใจเป็นไปได้ไหมครับ???

 

พระท่านจะยิ้มหรือไม่ยิ้มอยู่ที่คนมองครับ

 

เพราะคนนับถือศาสนาเพียงเพราะเป็นเครื่องมือใช้กรอกข้อมูล ไม่เข้าใจในพระศาสนาแล้วก็ออกมาตีโพยตีพายเหมือนกรณีพระปางรับผลมะม่วงหรือปางอื่นๆ เห็นพระพุทธปฏิมาเป็นเช่นนั้นก็เอาความคิดของตนไปว่าเช่นที่ตนคิด ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เหมือนพวกออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิ.....พวกนี้ตกนรกทั้งเป็นแน่ๆเพราะกรรมของตน

 

น่าจะเป็นองค์เดิมค่ะ อย่างไรก็เป็นพระพุทธรูปสัญลักษณ์เเทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน ผู้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูปย่อมได้กล่าวกันว่าพุทธมหาเตชะวันโต คือการบูชาเคารพเลื่อมใสศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง ส่วนคนที่เห็นเเล้วว่านั่นว่านี่อาจจะมีวิกิจฉาอยู่ เเทนที่จะโมทนากับเจ้าภาพที่เค้าบริจาคปัจจัยปิดทององค์พระ

 

เป็นเรื่องของคนที่งมงายครับ

เขายึดติดอยู่กับแค่พระประธานองค์เก่า ทั้งๆ ที่พระประธานก็ยังเป็นองค์เดิม แต่ความยึดติดของเขา ทำให้พระประธานองค์เดิม เขายังเห็นเป็นองค์อื่น โดยไม่พิจารณาหาเหตุผล สุดท้ายก็ได้แค่นี้แหละครับ

เรื่องมรรค ผล นิพพาน เราคงหวังอะไรไม่ได้กับชาวบ้านกลุ่มนี้หรอกครับ ในเมื่อเขายึดติดอยู่แค่วัตถุที่มีวันเสื่อมสลาย แล้วธรรมะขั้นสูง จะเอาอะไรกับคนกลุ่มนี้

 

สิ่งใดที่ชาวบ้านเค้าเคารพบูชาอยู่ จะทำอะไร เปลี่ยนแปลงอะไร ควรให้พวกชาวบ้านตั้งตัวแทนเข้ามารับรู้ด้วย จักได้ไม่เกิดปัญหาตามมา ไม่ใช่ว่าพระอยู่ในวัด เป็นสิทธิของวัด จะทำอะไรยังไงก็ได้ ถือเป็นบทเรียนครับ

 

ผมว่าน่าจะเป็นคนละองค์กันนะครับ สังเกตตรงตำแหน่งพระหัตถ์ที่วางบนพระบาท ทั้งสององค์แตกต่างกันนะครับ แต่ยังไงเราก็ยึดถือเป็นพุทธานุสติได้ทั้งสององค์ครับ บาปบุญอยู่ที่เจตนาครับ.

 

ผมว่าน่าจะเป็นคนละองค์กันนะครับ สังเกตตรงตำแหน่งพระหัตถ์ที่วางบนพระบาท ทั้งสององค์แตกต่างกันนะครับ แต่ยังไงเราก็ยึดถือเป็นพุทธานุสติได้ทั้งสององค์ครับ บาปบุญอยู่ที่เจตนาครับ.

 

องค์พระ เดิม ฉาบปูน ลงสี สามารถแต่งหน้าตา องค์พระได้

องค์พระ ปิดทอง เป็นการลงลัก ปิดทอง ตามเคร้าโครงเดิม

จึงทำใ้ห้องค์พระ ดูเปลี่ยนไป

แต่ก็ไม่ยาก ในการพิสูจน์ ว่าเป็นองค์เดิม หรือไม่

แต่ที่น่าเสียใจ คือ ผู้เป็นเจ้าภาพทำบุญ ทำด้วยความศัทธา

แต่กลับได้รับการต่อต้าน โดย ไม่ใช้ สติคิด ถึงหลัก เหตุและผล

ขอให้กำลังใจ แก่ ผู้ทำบุญด้วยจิตศัทธา อันบริสุทธิ์

และขอให้เจ้าอาวาส สู้สู้ พัฒนาวัด ต่อไป เพื่อพุทธศาสนา

มารผจญ


ความคืบหน้า


พระองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ มาก

ทำใ้ห้คนทั่วประเทศ รู้จักท่าน

ทั้งที่องค์พระอยู่ไกล จาก กทม 760 กม

วัดหัวเมือง อยู่ไกล จากตัวจังหวัด 65 กม

เป็นวัดในชนบท หมู่บ้านเล็ก ๆ

ตอนนี้ ทางกรมศิลปกรณ์

ออกหนังสือรับรอง ว่าเป็นองค์เดิม

ชาวบ้าน มีมติ ให้ พระพักษ์ เกศา พระเมาลี แขน ทาสี เหมือนเดิม

จีวร องค์พระ ปิดทอง

เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน

หากผมได้สำเนา หนังสือรับรอง จากกรมศิลปกรณ์

จะนำมาแสดง ใ้น กระทู้ นี้

เพื่อแสดง ว่า ธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม

กรรมอยู่ที่เจตนา

จริง ๆ เรื่องนี้มีการขัดผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งละเอียดอ่อนมาก

แต่ ทำดี ย่อมได้ ดี

บารมีพระพุทธฯ ทรงคุ้มครอง

หน่อยงานราชการทุกหน่วย ที่เกี่ยวข้อง ออกมายืนยัน

ว่า เป็นองค์เดิม

 

โดยส่วน ในมุมมองผมนะ ผมคิดว่าเป็นองค์เดิมครับ แต่ของเดิมไม่มีการลงรัก ปิดทอง ทำให้ดูจนชินสายตามานานแล้ว แต่พอมีการลงรักและปิดทองขึ้น ภาพเก่า ๆ ในสายตาก็เลยขัดแย้งกับภาพลักษณ์ใหม่ เพราะการลงรักและปิดทอง อาจทำให้องค์เดิมมีการเพิ่มขนาดขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากครับ และการที่จะไปขูดลอกทองออกเพื่อพิสูจน์นั้น ก็ถือว่า บาป นะครับ พุทธศาสนิกชนเราเคารพองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ไม่ว่ารูปเคารพพระองค์ท่านจะเปลี่ยนไป หรือทำจากอะไร เราก็ควรจะเคารพด้วย " ศรัทธา " มิใช่วัตถุ ในบางครั้งเราติดตากับของเดิม ๆ แต่พอมีของใหม่ที่แปลกตาไป ก็ต้องใช้เวลาในการปรับนิดนึงครับ " การบูชาอื่นใด ไม่เท่าการปฏิบัติบูชา "

 

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งๆครับ.... คนเราต้องมีระเบียบวินัยในการ(อยู่ในสังคม-ส่วนรวม) พระพุทธรูปนี้เป็นสมบัติของพระศาสนาและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จะทำอะไรควรที่จะมีการปรึกษาหารือ "องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า...."กรรมดีจะนำมาซึ่งความแช่มชื่นร่มเย็น" นี่อะไร...มุบมิบทำ..พอคนส่วนใหญ่เจ้าของพื้นที่ ที่เค้ากราบไหว้ดูแลรักษากันมานานมาพบเข้า ทำให้คน(หมู่มาก) "จิตใจเศร้าหมอง"!!!! "แถมของเก่าเค้าก็ยังดีๆอยู่ยังดูสวยสดงดงามมาก"....ทำไมถึงต้องไปปิดทองพระแล้วไม่บอกกล่าวต่อส่วนรวม??? แล้วทำไมต้องแจะจงมาปิดทองพระประทานองค์นี้???? คำถามล้วนแต่น่าคิดทั้งนั้น......

 

จริงๆจะว่าไปหลวงพ่อพระประทานองค์นี้ก็ศักดิ์สิทธิ์มากๆนะ....ที่ทำให้ผู้คนทั้งประเทศได้ทราบข่าวนี้(ทั้งๆที่อยู่ไกลถึงเมืองน่าน)ถ้าเหตุการนี้เป็นเรื่องดีผู้คนทั้งหลายก็คงต่างพากันโมทนาสรรเสริญยินดี...แต่ถ้านี่เป็นเรื่องตุกติก....ก็คงจะมีแต่ผู้คนสาบแช่งด่าทอประจานทั่วทั้งแผ่นดิน....