เรื่องเด่น พระพุทธเจ้าท่านได้เคยทำกรรมอะไรไว้บ้างในอดีตและรับผลกรรมอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 28 มกราคม 2017.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B22..jpg


    พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ด้วยพระองค์เองในคัมภีร์อปทานตอนที่ว่าด้วย ปุพพกัมปิโลติ พุทธาปทาน ข้อ ๓๙๒ ถึงกรรมเก่าที่พระองค์ทรงกระทำมาแล้วในอดีต ๑๔ ข้อ ๑๔ ข้อนั้นมีดังนี้

       ๑. เราเห็นภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตรรูปหนึ่งแล้ว ได้ถวายผ้าเก่า เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรก เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในกาลนั้น ผลของกรรมคือการถวายผ้าเก่า ย่อมอำนวยผลให้เป็นพระพุทธเจ้า กรรมเก่าข้อแรกนี้เป็นกุศลกรรม

    ๒. ในกาลก่อน เราเป็นนายโคบาลต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่นมัวจึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ แม้เราจะกระหายน้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามปรารถนา

    ๓. ในชาติอื่นแต่กาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ บางแห่งเป็นมุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวยทุขเวทนาแสนสาหัสหลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมอันเหลือนั้นในภพหลังสุด เราจึงได้รับคำกล่าวตู่ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา

    ๔. เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงท่องเที่ยวอยู่ในนรกสิ้นกาลนานถึงหมื่นปี ได้ความเป็นมนุษย์แล้วได้ถูกกล่าวตู่เป็นอันมาก ด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น นางสุนทริกามากับหมู่ชน ได้กล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่จริง

    ๕. เมื่อก่อนเราเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะบูชา สอนมนต์ให้กับมาณพ ๕๐๐ คนอยู่ในป่าใหญ่ ได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก มาในสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษีผู้ไม่ประทุษร้าย โดยได้บอกกะพวกศิษย์ของเราว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม แม้เมื่อเราบอกเท่านั้น พวกมาณพก็เชื่อฟัง ครั้งนั้นมาณพทั้งปวงเที่ยวไปภิกขาในสกุล พากันบอกแก่มหาชนว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ภิกษุทั้ง ๕๐๐ เหล่านี้ได้รับคำกล่าวตู่ทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา

    ๖. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์จับใส่ลงในซอกเขา แล้วทับด้วยหิน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วเท้าของเราจนห้อเลือด

    ๗. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ในหนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผาดักไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนูผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา

    ๘. ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้างได้ไสช้าง ให้จับมัดพระปัจเจกมนีผู้สูงสุด แม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ช้างนาฬาคิรีตัวดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอกเขา เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ

    ๙. ในกาลก่อน เราเป็นทหารราบ เป็นแม่ทัพฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมที่เหลือนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ที่เท้าของเราทั้งสิ้นอีก เพราะกรรมยังไม่พินาศไป

    ๑๐. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กลูกของชาวประมงในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะคือปวดศีรษะได้มีแล้วแก่เรา ในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน ถูกพระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว พระเจ้าวิฏฏุภะนี้คือพระเจ้าวิฑูฑภะที่ฆ่าเจ้าศากยะนั่นเอง

    ๑๑. เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ ว่า “ท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง อย่ากินข้าวสาลีเลย” ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้วอยู่ในเมืองเวรัญชา ได้บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน

    ๑๒. ในเวลาที่นักมวยปล้ำๆ กันอยู่ เราได้เบียดเบียนบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความปวดหลังได้มีแก่เรา

    ๑๓. เมื่อก่อน เราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้บุตรเศรษฐีตาย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นโรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา โรคนี้แหละที่เกิดแก่พระพุทธเจ้าของเราในเวลาใกล้จะปรินิพพาน

    ๑๔. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่าว่า เมื่อเราเป็นมาณพชื่อโชติปาละ ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหนโพธิญาณนั้นท่านได้ยากยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นเราได้ทำกรรมที่ทำได้ยากคือทุกกรกิริยา ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี แต่นั้นจึงได้บรรลุโพธิญาณ แต่เรามิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ คือมิได้บรรลุโพธิญาณด้วยทุกกรกิริยานี้ เราอันบุพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณในทางที่ผิด บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบาปและบุญ เว้นจากความเร่าร้อนทั้งปวงไม่มีความโศกเศร้า ไม่คับแค้น เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน

    ทั้งหมดนี้คือกรรมเก่าของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงกระทำไว้ในอดีต ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นกุศลเพียงข้อ ๑ ข้อเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก ๑๓ ข้อเป็นอกุศลทั้งสิ้น

       จะเห็นว่าแม้ขณะเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายท่านยังต้องได้รับผลของกรรมเก่า ที่ทำไว้ในชาติก่อนมาสนองหลายอย่าง แล้วอย่างเราละ...???

    รีบทำความดี....ทำทาน รักษาศีล ภาวนา กันดีกว่า....ตามคำสอนของพระศาสดา


    ขอบคุณที่มา : http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=7
    https://www.pageqq.com/en/content/view/page/cntth1/0-1455916.html
     
  2. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    กรรมต่างๆ เราไม่อาจรู้ได้เเลยรู้แต่ว่าสร้างกรรมดีไว้ในชาตินี้เท่านั้น สาธุ
     
  3. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. sutin_boons

    sutin_boons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +12,887
    การได้ทำดี การมีใจอยู่กับปัจจุบัน การน้อมรับกรรมนั้น เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ ท่านทำให้รู้ทั่วกันว่า ผลกรรมนั้นมีจริง ตามจริง ทุกคนต้องรับทั้งทางดี แลชั่ว

    สิ่งที่ท่านยังไม่ได้ใส่ลงในนี้คือ แล้วเหตุใดพุทธองค์ท่านเป็นพุทธได้ด้วยกรรมดีเพียงกรรมเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ผมเชื่อในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์

    ผมเชื่อว่าท่านตั้งจิตทำ และทำติดต่อกันมาข้ามภพชาตินับไม่ถ้วน เกิดมานับไม่ถ้วน ชาติใดคิดได้ก็จะบำเพ็ญเพียร แลสร้างกุศลกรรม ด้วยบารมี อุปปบารมี และปรมัติถบารมี เมื่อกุศลส่งแล้วท่านก็สามารถระลึกได้ตลอดแลติดต่อกัน ด้วยความคิดของผมท่านทำกุศลกรรมสืบเนื่อง ติดต่อมายาวนานหลายภพ-ชาติ แน่นอนหลายๆชาติท่านสละชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สมบัติ ครอบครัว เพื่อกระทำกุศลกรรม

    ส่วนที่ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านได้เคยตกนรกบ้างบางชาติก็มีหลายๆเรื่อง อย่าชาติที่ท่านเกิดเป็นกษัตริย์ก่อนเสวยพระชาติเป็นพระเตย์มี ท่านเคยสั่งประหารนักโทษ เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเตย์มี ท่านเลยคิดออกบวช ไม่อยากสั่งฆ่าใครอีก

    ส่วนชาติที่เป็นกระต่ายสละร่างกายให้เสือแม่ลูกอ่อน ชาติที่เกิดเป็นพระยาปลาช่อน ชาติที่เกิดเป็นนกคุ่ม ชาติที่่เกิดเป็นยูงทอง ฯลฯ ล้วนทำกุศลกรรมหลากหลายครับ

    ที่ผมมาติงตรงนี้คือคนอื่น ท่านอื่นอาจจะหลงผิดกับคำที่ท่านแสดงไว้ว่า "ซึ่งเป็นกุศลเพียงข้อ ๑ ข้อเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก ๑๓ ข้อเป็นอกุศลทั้งสิ้น" ผมว่าอันตรายนะ

    ส่วนเรื่องอื่นผมอนุโมทนาครับ
     
  5. athip19

    athip19 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2017
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +43
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...