วัดสะแก อำเภออุทัย มีหนังสือออกประกาศวัดสะแกในเรื่องเรี่ยไรบอกบุญ และเรื่องปฏิปทาของหลวงปู่ดู่ ที่มา...https://www.facebook.com/watsakae
ระหว่างไปวัดแล้วได้เห็นได้ยินคนนั่งสวดมนต์หน้าพระกับไปแล้วได้เห็นได้ยินคนเขย่าติ้วเสี่ยงทายต่อหน้าพระ อย่างไหนดีกว่ากันล่ะครับ
การที่คนสวดมาสวดถึงวัดสะแกได้ แสดงว่าผู้เผยแพร่คาถายังระลึกถึงคุณหลวงปู่ดู่ จึงมีการแจ้งและระบุเจ้าของพระคาถา ซึ่งหลวงปู่ดู่ท่านก็เป็นคนแต่งคาถานี้จริงๆ ไม่ใช่การแอบอ้าง และขอบอกตามตรงผมรู้จักหลวงปู่ดู่ก็เพราะพระคาถานี้ล่ะครับ ผมสงสัยจึงต้องไปค้นที่มาประวัติคาถา และร่วมถึงประวัติผู้แต่งด้วย จึงได้ชื่นชอบแนวทางหลวงปู่ดู่ และพระคาถา ถ้ามีผู้สวดมีความศรัทธามาก จะตั้งชื่อพระคาถาให้อำนวยเชิงปลุกใจ ผมว่าก็ไม่เห็นจะผิดอะไร .. และผมก็เชื่อว่าพระคาถานี้มีคุณมากอยู่จริง และผู้สวดที่มาถึงวัดได้ ก็แสดงว่าเขายังระลึกถึงพระคุณหลวงปู่ดู่ด้วยนะครับ คือ มันเป็นบุญหรือเป็นบาปครับ?
เห็นตามประกาศของวัด และเห็นตามแบบของสำนักศิษย์หลวงปู่ครับ...พูดตามตรงนะ ออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่วัดประกาศว่า ไม่ใช่ปฏิปทาของหลวงปู่ แต่มีคำกล่าวก่อนหน้านั้นเรียกบทนี้ว่า"คาถาบูชาพระ" สรุปคือ สมัยหลวงปู่ก็มีสวดอยู่แล้ว ถ้าสรุปได้อย่างนั้นก็ไม่น่าจะต้องมาคิดต่อว่าใช่ไม่ใช่ปฏิปทา ของหลวงปู่ท่านหรือไม่..... แล้วกลับมาประโยคสอง "ไม่ได้มุ่งเน้นการสวด แต่เน้นการเจริญจิตภาวนาตามแบบพระพุทธเจ้า" เป็นคำถามต่อมาว่า การสวด ไม่ใช่การเจริญจิตภาวนาตามแบบพระพุทธเจ้าตรงไหน (การสวดมนต์ เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชื่อว่าเป็นการเจริญกรรมฐานในพุทธานุสสติกรรมฐาน ธัมมานุสสติกรรมฐาน สังฆานุสสติกรรมฐาน กรรมฐานในอนุสสติ ๑๐ ในกรรมฐาน ๔๐ มีจารึกชัดในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ตามแบบอย่างจากพระพุทธเจ้า).... ประกาศข้อที่ ๒ ของวัด ถ้าพิจารณาตามเหตุตามผลแล้วนะ ผมคิดว่ามีปัญหาอยู่มาก .... อ้างอิง คัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้จากที่นี่.... http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99-download-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8-%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0-25-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-e-book.337921/
ที่บ้านผมมีหนังสือประวัติและรวมธรรมะหลวงปู่เล่มใหญ่ทีเดียว เรื่องบทสวด "คาถาบูชาพระ" ผมจำได้ว่าเหตุแห่งการที่ท่านเริ่มเผยแผ่ (ไม่แน่ใจว่าท่านแต่งตอนนั้นด้วย หรือแต่งมานานแล้ว) คือลูกศิษย์คนหนึ่งของท่าน ได้พระจากท่าน แล้วอยากขอบทสวดบูชา ท่านเลยให้บทนี้ไป ส่วนโดยเนื้อหาของบทสวดมาจากเรื่อง พญาชมพูบดี โดยมีตอนที่พระพุทธเจ้า ท่านนิมิตรตัวท่านทรงเครื่องพระจักรพรรดิ์ (ลองหาประวัติโดยละเอียดดูได้ครับ) ดังนั้นจึงมีที่มาว่า "บทพระจักรรพรรดิ์" บทสวดนี้หลวงปู่สวดประจำ โดยท่านยังกล่าวว่าดี เพราะมีคำว่าพระสีวลีด้วย และถ้าพิจารณาทุกวรรค จะพบว่าหลวงปู่ใส่ของดีเอาไว้มาก ทั้ง นะโมพุทธายะ ก็เป็นการน้อมพระบารมีพุทธเจ้าห้าพระองค์ซึ่งโดยมาก จะอยู่ในคาถาอิทธิฤทธิ์ขั้นสูงทั้งสิ้น คำกล่าวถ่อยหลัง ยะธาพุทโมนะ อันนี้เป็นบทกลับจำไม่ได้ครับ แต่มีความหมาย ซึ่งเข้าใจว่าคำประกาศจากทางวัดก็ไม่ได้ว่าบทสวดไม่ดี แต่ถึงอย่างไรการที่คนสวดกันมาก มันก็เหมือนกับ การที่เราทำพระผงแจก นั้นล่ะครับ เราทำเพื่อคนที่ยังอ่อน คนที่กำลังหัด ซึ่งมีจำนวนที่มากกว่า ให้เขาได้เข้ามาสร้างบุญด้วยการสวดคำอันเป็นบุญที่กล่าวถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การระลึกถึงพระผง ซึ่งคือการระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปในตัว ซึ่งปฏิปทาการสร้างพระผง หลวงปู่ท่านก็ทำนะครับ และยังมีคำกล่าวท่านที่ว่า สร้างพระไม่ว่าเล็กหรือใหญ่มีอานิสงส์บุญให้ผลนาน 5 กัป (ท่านไม่ธรรมดานะ ถามว่าใครรู้ได้แบบนี้บ้าง?)
แบบกรรมฐานที่เว็บ หลวงพ่อดู่ ตามประกาศของวัดรับรองนั้น ได้กล่าวถึงกรรมฐานที่หลวงปู่สอนไว้ .....โดยเนื้อรวมแล้ว ก็เห็นว่าไม่พ้นเรื่องสวดมนต์.... luangpudu.com / luangpordu.com .................................................................................................................. ปกิณกะบทสวดมนต์ที่หลวงปู่สอน โดย กระทู้ปักหมุด โพสโดย คุณ สิทธิ์ มีข้อความเขียนไว้ดังนี้..... http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=30963 เอาเป็นว่าถ้าเอาตามเว็บ หลวงพ่อดู่ กล่าวถึง และเป็นกระทู้ปักหมุด ให้ความสำคัญ..... แสดงว่าทางวัดก็ให้ความสำคัญ..... หลวงปู่ท่านรับรองว่าสวดแล้วไม่จน ใครไม่อยากจน ก็สวดตามหลวงปู่ต่อไปเถอะครับ.....
....กระบี่เย้ยยุทธจักร...5555 เหมือนในหนังจีน ดังกว่า เด่นกว่า ก็โดนโลกธรรม ..... เข้าใจว่า เพราะบางเว็บดังกว่า ก็เลยเกิดปัญหา เฮ้อ.... ทำไม ถึงคิดว่า เป็นเจ้าข้าว เจ้าของครูบาอาจารย์ล่ะครับ คนเขาศรัทธาครูบาอาจารย์ก็ให้เขาเคารพบูชามั่งสิครับ หรือว่าเดี๋ยวนี้ ทางวัดได้นำเอารูปและคำสอนหลวงปู่ไปจดสิทธิบัตรแล้ว ถ้าทำก็เฮ้อ มนุษย์..หนอ ใจกว้าง
งง...ค่ะ ก็ไปวัดสะแกก่อนเพลหน้ากุฎิหลวงปู่ดู่ มีคุณป้าท่านหนึ่งที่ประจำอยู่ที่วัด ก็จำให้สวดคาถาจักรพรรดิ์โดยพร้อมเพรียงกันตรงกุฎิหลวงปู่ดู่ ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งค่ะ พอเห็นประกาศจากทางวัด (ข้อ 2) มันเกิดคำสอนของหลวงปู่เลยว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร"????
เอาตามประกาศของทางวัดก็แล้วกันครับ อย่าไปหาเหตุผลมาแย้งอะไรเลยครับ เวลาเราไปวัดสะแก ทางวัดท่านไม่เน้นให้สวดมนต์บทนี้ เราก็สวดในใจเป็นการภาวนาไปในใจ ก็ไม่ต้องไปรบกวนใคร ส่วนที่ว่าเรี่ยไรเงิน เรามีอยากให้ก็ให้ เราไม่มีหรือมีแล้วไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ เรื่องใครเรื่องมัน ทางวัดท่านไม่มีนโยบายเราก็รับไปซะของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเอง ของต่างๆเป็นแค่สิ่งนอกตัว นอกกาย ผมเข้าไปดูเว็ปทางวัดสะแก และก็เว็ปวัดหนึ่งที่มีการกล่าวเฉียดๆถึง ผมว่าแต่ละคนแต่ละทางนั้นไม่ผิดหรอกครับที่จะคิดแตกต่างกัน ผมไม่แปลกว่าสมัยพุทธกาลลูกศิษย์พระ 2 สายทะเลาะกันเอง แม้แต่ต้นแห่งครูบาอาจารย์อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังห้ามปรามไม่ได้ จึงปลีกวิเวกไปอยู่ในป่า ปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วทุกอย่างจึงสงบ ขณะที่อยู่ในป่า มีลิงตัวนึงคอยมาถวายผลไม้ และลิงตัวนั้นอีก 500 ปีผ่านมาได้เป็นพระอรหันต์ผู้มีปัญญามาก ส่วนลูกศิษย์พระ 2 สายนั้น ยังคงเป็นหนอนเวียนตายเวียนเกิดไม่ไปไหนอยู่มั้งน่ะ
เท่าที่ผมเคารพนับถือเป็นศิษย์หลวงปู่มาร่วมสามสิบปี แต่เดิมการปฏิบัติภาวนาด้วยพระไตรสรนาคมณ์ การสวดมนต์พระคาภามหาจักรพรรดิ์ ก็ทำกันแบบสงบเรียบร้อยไม่เอิกเกริกอะไร ส่วนใหญ่มุ่งให้ได้ประโยชน์แก่ตนในการปฏิบัติ ช่วงที่ไม่ได้ปฏิบัติต่อหน้าหลวงปู่ ก็ต่างคนต่างหามุมเหมาะในหอสวดมนต์ปฏิบัติกันเอง ไม่ได้มารวมกันเป็นหมู่มากจนเต็มศาลา ดูแต่ละคนตั้งใจกันจริงจัง เรื่องวัตถุมงคลในยุคหลวงปู่ไม่มีทีมงานหน้าม้ามาโปรโมทแต่อย่างใด ของแต่ละอย่างท่านไม่ได้รับรองชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ ท่านเพียงต้องการให้เป็นกำลังใจในการน้อมนำจิตของผู้ที่ยังอ่อนอยู่ให้เข้าสู่สมาธิ แต่เริ่มออกอาการไม่ดีตั้งแต่วันที่หลวงปู่ละสังขาร เริ่มมีการพบพระตกค้างอยู่ตามกุฎิโน้นกูฎินี้ วัตถุมงคลหลายอย่างข่าวว่าหมดในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากหลวงปุ่อธิษฐานจิตให้ แต่กลับพบว่ามีเหลือตกค้างอยู่ในกุฎิหลวงปู่เป็นจำนวนพอสมควร นำออกมาให้เช่ายาวเป็นปีจนถึงวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ โดยเฉพาะเรื่องลูกศิษย์ที่หลวงปู่ชมเชยก็มีไม่กี่ท่าน เป็นเพียงชาวบ้านแถวย่านนั้นที่ตั้งใจปฏิบัติจนได้ดี หลวงปู่ไม่เคยยกย่องลูกศิษย์ที่มาจากที่อ่ื่นว่าปฏิบัติได้ดีสามารถสอนแทนท่านได้ แต่เมื่อหลวงปู่สิ้นแล้วกลับมีลูกศิษย์โดดเด่นขึ้นมาหลายท่าน มีวัตรปฏิบัติที่พิศดารยิ่งขึ้น การปฏิบัติมีขั้นมีตอนเกินความเรียบง่ายในสมัยหลวงปู่มาก พร้อมกับการก่อสร้างสำนักการสร้างวัตถุมงคลอีกมากมายจนเด่นเกินครูบาอาจารย์ ผมติดตามดูแล้วก็งงมากๆ ทุกวันนี้ดูๆ ไปคนจะหลงในวัตถุมงคลหลวงปู่เสียมากจนต้องไปเสียเงินเสียทองให้พวกเซียนพระนักปั่นพระมากมาย การปฏิบัติรู้สึกจะเลือนๆ ไป ท่านที่สนใจปฏิบัติจริงๆ ผมว่าแค่หาโหลดหนังสือพระผู้จุดประทีบในดวงใจมาอ่านและปฏิบัติภาวนาพระไตรสรนาคมณ์ก็เพียงพอเอาตัวรอดจากอบายได้แล้ว.........
แล้วหลวงตาม้าล่ะ ท่านก็สอนปฎิปทาของหลวงปู่ดู่ เน้นสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์ ท่านก็บอกว่า สวดแล้วดี คนสวดหลายคนก็ได้ผล หลวงตาม้าท่านก็ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่มิใช่รึ เห็นหลายคนบอกว่า บทสวดพระมหาจักรพรรดิ ไม่ใช่ของหลวงปู่ดู่ เท็จจริงเป็นอย่างไร พูดไม่ตรงกัน ไม่มีใครให้ข้อเท็จจริงได้เลย แต่สำหรับเราไม่สนหรอก เพราะเราปฎิบัติเลย ทำให้รู้ว่า สวดพระคาถามหาจักรพรรดิได้ผล รวมทั้งบทบูชาพระด้วย เรามีพระผงจักรพรรดิแจกฟรีจากวัดถ้ำเมืองนะ ส่วนจะมีการเช่าบูชาพระมากมายที่วัดถ้ำ ก็เพราะว่า บางส่วนก็เอาไปกำขณะสวดมนต์ หรือว่า เช่าไปเป็นสิริมงคลก็แล้วแต่ สำหรับเรามั่นใจว่า คนที่เช่าพระไปบูชา จากวัดถ้ำเมือง นะ ส่วนใหญ่ก็ไหว้พระสวดมนต์ สวดพระคาถากันทั้งนั้นนะ เพราะว่าสวดแล้วส่วนใหญ่ได้ผลไง เพราะพระที่หลวงตาม้าท่านหล่อ ท่านสร้าง ก็เป็นพระใหญ่และเป็นพระที่ไม่ได้โด่งดังหรือเก่าแก่อะไร คนบูชาก็เพราะศรัทธา สวดแล้วได้ผล น่าสงสัยว่า พระท่านขัดกันหรือเปล่า เลยไม่ให้สวดพระมหาจักรพรรดิในวัดสะแก