ทำไม ดร.สมิทธ, ดร.สุมิตร, ดร.อาจอง, ดร.ก้องภพ ถึงถูก Discredit ?

​

ได้อ่านบทความการแสดงความคิดเห็น ของท่าน ดร. ทั้ง 3 ท่านมาโดยตลอด ที่ผ่านมาโดยส่วนตัวรู้สึกมีความภาคภูมิใจและประทับใจในผลงาน ของทั้ง 4 ท่านนี้มาก ​

แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำมัย การแสดงความเห็นเรื่องภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ของ ดร. ทั้ง 3 ท่านนี้มักจะถูก Discredit จากนักวิทยาศาสตร์ไทยคนอื่น ๆ เสมอ​

เรื่องภัยพิบัติที่ทั้ง 4 ท่านนี้ที่เห็นตรงกันคือ หายนะที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 ซึ่งผมไม่คิดว่าคนระดับที่มีวุฒิฯ เป็นถึงระดับ ดร. จะพูดอะไรลอย ๆ ได้หรอกครับ ยิ่งโดยเฉพาะแต่ละท่านผ่านงานระดับประเทศมาแล้วทั้งนั้น ยิ่งมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะระมัดระวังคำพูดของตน ​

ผมสังเกตุว่าทุกครั้งที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้ออกมาให้ข้อมูลอะไรก็ตาม มันจะเกิดกรบวนการดังนี้ทุกครั้ง ​

1) ข้อมูลแย้ง - ข้อมูลที่ตรงกันข้าม ซึ่งจู่ ๆ ก็มีข้อมูลแย้งขึ้นมาเฉย ๆ คนที่เค้าวิเคราะห์หาข้อมูล หาสาเหตุ และทำการวิจัยเป็นปี ๆ แต่พอเอางานออกมาเปิดเผยปุ๊บ ตูม.... มีอาจารย์ จาก ม.นู้น ม.นี้ ต่างก็ควักเอาข้อมูลออกมาแย้งแบบเป็นกระบิ เป็นฉากเหมือนบะหมี่สำเร็จรูป ลวกน้ำร้อน 3 นาที แย้งได้เลย เพราะตอบกลับแบบรวดเร็วเหลือเชื่อเหมือนมีการเตรียมการล่วงหน้า​

2) ทุกครั้งที่สังคม - ได้รับข้อมูลแย้งเหล่านี้ สิ่งที่เกิดตามมาคือ คนที่เคยฟัง ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้จะเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองโง่ที่จะเชื่อ และเริ่มทำอะไรแบบที่ตัวเองคิดว่าฉลาด คือ เริ่มประมาทและไปกดดันให้คนที่คอยระวังและยังเชื่ออยู่ ให้เลิกเชื่อ ​

3) อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ ดร.ก้องภพ ที่ออกมาบอกว่า วันที่ 11-12 มิย. ที่ผ่านมาว่ามีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศไทย คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามข่าวจริง ๆ จะไม่รู้เลยว่าวันนั้น จริง ๆ แล้วเกิด แผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ที่ทะเลอันดามัน ซึ่งเฉียดเมืองไทยไป ไม่ถึง 2 องศาเลย แต่เหตุการณ์ กลายเป็นว่า ข่าวเงียบมากแทบจะไม่ได้ยินข่าวเลยว่ามันเกิดขึ้น เรื่องเลยกลายเป็นว่า "... แผ่นดินไม่ไหว งั้นแสดงว่าตานี่เพี้ยน"​

ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ กับ ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้ สำหรับผมในฐานะประชาชนผู้บริโภคข่าวสารคนหนึ่ง และเป็นแฟนเว็บบอร์ดเรื่องภัยพิบัติในเว็บพลังจิตนี้ กลับยิ่งเห็นข้อมูลข่าวสารภัยพิบัติที่มากขึ้น และรุนแรงขึ้น แทบจะทุกวัน ซึ่งเป็นเหมือนตามที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านบอก ผมเองขอยืนยันอีกครั้งว่าผมรู้สึกภูมิใจในตัวดร. ทั้ง 4 ท่านมาก ที่ออกมาให้ข้อมูลแม้รู้ว่าเสี่ยงกับการถูกด่า ถูกประนาม แต่ก็ยังทำ ยังไม่รวมถึงการเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าจะการคิดรถยนต์พลังน้ำของดร. สุมิตร ศูนย์เตือนภัยของ ดร. สมิทธ การให้ข้อมูลเชิงลึกของดร.ก้องภพ และงานช่วยเหลือสังคมอื่น ๆ ของ ท่าน ดร.อาจอง ​

และสุดท้าย คุณค่าของวิทยาศาสตร์ คือ การทำนายถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ กัน การที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านได้ออกมาทำนายปรากฎการณ์ที่ได้เกิดขึ้นและมีผลกระทบกับโลกแล้ว ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านโดยสมบูรณ์แล้ว สำหรับคนที่แย้งว่า การพยากรณ์ของ ดร. ทั้ง 4 นี้ผิด ช่วยบอกผมทีว่าที่ถูกมันเป็นอย่างไร ....​

(ปล. สำหรับใครที่พอทราบสาเหตุ ของการ Discredit ดังกล่าวช่วยแชร์ข้อมูลด้วยครับ ยอมรับครับ ว่าหลายครั้งหมั่นไส้คนไทยที่เอาแต่แย้ง แต่ไม่ให้ข้อเท็จจริงว่าจริง ๆ มันต้องเป็นยังงัย)​

 

ผลประโยชน์ครับ เอาความจริงมาเปิดเผยทำให้คนที่ได้รับประโยชน์เกิดเสียประโยชน์ขึ้นมาจึงถูกเดิสเครติด ตลาดหุ้นล้มไป จะเกิดอะไรขึ้นลองนึกดูดีๆนะครับ

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
เรื่อง แผ่นดินไหวที่บริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์
--------------------------------------------------
เมื่อเวลาประมาณ ๐๒.๒๖ น. ของวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้เกิด
แผ่นดินไหว มีศูนย์กลางอยู่บริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ห่างจากจังหวัดพังงาไปทางทิศ
ตะวันตกประมาณ ๗๐๐ กิโลเมตรลึก ๑๕ กม. หรือละติจูด ๗.๗๖ องศาเหนือ ลองจิจูด ๙๒.๐๑ องศา
ตะวันออก ขนาด ๗.๖ ตามมาตราริคเตอร์ คาดว่าจะเกิดสึนามิขนาดเล็กในบริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง จึงให้
เฝ้าระวังการเกิดคลื่นสึนามิ และรอประกาศจากสำนักเฝ้าระวังแผ่นดิไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๐๒.๔๕ น.


(นายอังสุมาล ศุนาลัย)
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา<!-- google_ad_section_end -->

***********


นี่ครับ ข้อมูลที่ว่าวันที่ 13 เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง

.... ลักลอบนำมาจาก กระทู้ ประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติอย่างที่ทำนายจริงหรือ หน้า 1032 โพสต์ของคุณ ถาวโร ครับ

 

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เมื่อราวเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2551 (ค.ศ.2008) อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย จากการเป็นผู้คิดค้นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนในประเทศไทยเป็นคนแรก โดยพัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำ ทำให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานน้ำแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนได้สำเร็จ หรือเรียกง่ายๆ ว่า รถใช้น้ำที่ใครหลายคนฝันไว้ ได้เกิดขึ้นได้จริงจากนักวิจัยท่านนี้

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่านอกจากการเป็นนักวิจัยของไทยที่นับว่ามีความรู้ความสามารถท่านหนึ่งแล้ว อาจารย์สุมิตรยังทำงานอยู่ในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซ่า ในสายงานที่อาจเรียกว่าพิเศษก็ไม่ผิดนัก กล่าวคือ ต้องทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ ปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันในวงจำกัดเท่านั้น!!!

อาจารย์สุมิตร บอกเล่าผ่านรายการ The Taxi ทางช่องเอ็นบีที เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติของโลก ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดหายนะขึ้นจากเหตุอุทกภัย น้ำจะท่วมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งคนในองค์การนาซ่าทุกคนต่างทราบเรื่องนี้มานานแล้ว จึงได้พยายามสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนหนีภัยน้ำท่วมโลก โดยอาจารย์สุมิตร เผยว่า ยานอวกาศดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าสร้างไว้ทั้งหมดกี่ลำ

พร้อมกันนี้ อาจารย์สุมิตร ยังระบุด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า โดยใช้วิธีสื่อสารทางโทรจิตในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555) อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ทางสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างปกปิด ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ เนื่องจากอาจมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

"โลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ"

เมื่อรู้เช่นนี้ อาจารย์สุมิตร จึงเสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทย เพื่อให้เร่งสร้างยานอวกาศเตรียมไว้สำหรับอพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลก ค.ศ.2012 แต่กลับไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอาจเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากพอในเชิงหลักฐาน

"อีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมด ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นวันหายนะที่ร้ายแรง ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่"

นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ไทยจากองค์การนาซ่า ที่หลายคนอาจเชื่อ แต่หลายคนอาจไม่เชื่อ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี นอกจากอาจารย์สุมิตรแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกลายคนที่พยายามจะมาเตือนคนไทยเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมล้างโลกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทำนายกรุงเทพฯ จมใต้น้ำในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และอีกท่านที่รู้จักกันดี คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ทำนายอนาคตโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี พ.ศ.2560 (ค.ศ.2017) โดยท่านทำนายไว้เมื่อปี พ.ศ.2548

ย้อนกลับไปดูผลงานรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนของอาจารย์สุมิตร เป็นรถที่ใช้น้ำแทนน้ำมัน วิ่งได้ 56 กิโลเมตร/ลิตร โดยอาศัยหลักการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ทำให้ได้ก๊าซไฮโดรเจน 2 อะตอม และ ออกซิเจน 1 อะตอม โดยใช้อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นเรียกว่า "รีแอคเตอร์" เป็นตัวแยก เมื่อนำไปติดตั้งกับรถยนต์จะใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่รถ 12 โวลต์ เข้ามาทำการแยกโดยขั้วบวกจะมีปฏิกิริยาของออกซิเจน ขั้วลบจะเป็นปฏิกิริยาของไฮโดรเจนในการแยกโมเลกุลน้ำ และได้ไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิง แล้วส่งเข้าไปสันดาปในเครื่องยนต์

"จุดประสงค์ที่คิดค้นเกิดจากอยากให้โลกรู้ว่า น้ำสามารถเป็นพลังงานทดแทนได้ในอนาคต จึงได้พัฒนาอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา นอกจากนี้รีแอคเตอร์ยังเป็นตัวแก้ปัญหามลพิษ สภาวะปัญหาของโลกในปัจจุบันที่เกิดสภาวะโลกร้อน เพราะการใช้น้ำมาเป็นพลังงานเป็นเชื้อเพลิง จะทำให้ลดภาวะโลกร้อนและแก้ปัญหามลพิษไปด้วย ผลงานชิ้นนี้จะไม่ใช่ชิ้นแรกและชิ้นสุดท้าย ขอให้คนไทยเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานทำหน้าที่ต่อไปให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" พ.อ.อ.สุมิตร กล่าว

สำหรับ อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เดิมเป็นชาว จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่าอากาศ เริ่มต้นรับราชการที่กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อในหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมอากาศยาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปี ในบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โบอิ้ง หรือแอร์บัส ทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา มีผลงานการประดิษฐ์ที่ทำให้ประหลาดใจหลายอย่าง จนเพื่อนร่วมงานขนานนามว่า "พ่อมด" แห่งองค์การนาซ่า

การศึกษา

• ปริญญาโทสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (19 มีนาคม พ.ศ.2550)
• ปริญญาตรีสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (13 มิถุนายน พ.ศ.2545)
• ประกาศนียบัตรจากบริษัทการบินไทยจำกัด มหาชน ( 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 – พ.ศ.2542)
• A -300- B 4/ A- 300-600 Familiarization Course
• B -747-400 Basic course
• B -737-400 ใบอนุญาตวิศวกรท่าอากาศยาน
• ประกาศนียบัตรจากโรงเรียนฝึกช่างเทคนิคการบิน
• จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี

รางวัลที่เคยได้รับ

• รางวัลปฏิบัติการยอดเยี่ยม ปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525), Wing 23 ฐานการบินอุดร ,การบินไทย
• พนักงานยอดเยี่ยม ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) US Air Force สหรัฐอเมริกา
• รางวัลยอดเยี่ยมของผู้บังคับการกองทัพทหารบก สหรัฐอเมริกา กองทัพอัจฉริยะ ครั้งที่ 204,การสำรวจแผนที่จากอากาศ

โครงการและสิ่งประดิษฐ์

• ระบบควบคุมน้ำอัจฉริยะ (อยู่ในระหว่างจดสิทธิบัตร)
• น้ำ-ไฮโดรเยน พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคต สำหรับโครงการมนุษยชาติในประเทศไทย
• Fuel Cell (พลังงานเชื้อเพลิง)
• รถวิ่งโดยใช้น้ำ

**********************


ดร.สุมิตร จะโดนบริษัท น้ำมันเก็บมั๊ยเนี่ย

 

คนเรามันอิจฉาริษยากันครับ กรรมของสัตว์โลก
กรุณาแก้ไขหัวข้อกระทู้ที่ถูกต้องเขียนว่า "ทำไม" ไม่ใช้ "ทำมัย"
ร่วมกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง รู้รักษ์ภาษาไทย
อนุโมทนาครับ

 

แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

อนุโมทนา สาธุ
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ จขกท ด้วยครับ

 

อายุพระศาสนา 5000 ปีครับ

 

เห็นผลประโยชน์ส่วนตน มากกว่า ส่วนรวม ใครจะตายก็ช่างมัน พวกนี้แหละครับบั่นทอนชาติ

 

เป็นการทดสอบกำลังใจในการสร้างบารมีกระมังคะ ในยามที่เรามีจิตปรารถนาดีต่อคนอื่นมักมีอุปสรรคเสมอ:'(

 

คนไทยชอบ "ตั้งธง"

ถ้าอะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองเคยเชื่อ....จะปฏิเสธ โดยไม่รับฟังเหตุผลใดๆ

อีกประการหนึ่งก็คือ ผลประโยชน์และการตื่นตระหนกกับข่าว ทำให้ธุระกิจมีปัญหา

สุดท้ายก็คงแล้วแต่เวรกรรมและบุญบารมีของแต่ละคน....ครับ

 

itchy&scratchy<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3462806", true); </SCRIPT>
สมาชิก

ทำไม ดร.สมิทธ, ดร.สุมิตร, ดร.อาจอง, ดร.ก้องภพ ถึงถูก Discredit ?
ไม่รู้ ไม่เคย <!-- google_ad_section_end -->


<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>

<!-- google_ad_section_start -->ได้อ่านบทความการแสดงความคิดเห็น ของท่าน ดร. ทั้ง 3 ท่านมาโดยตลอด ที่ผ่านมาโดยส่วนตัวรู้สึกมีความภาคภูมิใจและประทับใจในผลงาน ของทั้ง 4 ท่านนี้มาก
เห็นคนมีความรู้ความสามารถ... ก็ชื่นชมเหมือนกัน​

แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำมัย การแสดงความเห็นเรื่องภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ของ ดร. ทั้ง 3 ท่านนี้มักจะถูก Discredit จากนักวิทยาศาสตร์ไทยคนอื่น ๆ เสมอ
มีด้วยเหรอ... ต่างคนก็ต่างแสดงความคิดเห็นทางวิชาการมั๊งครับ​

เรื่องภัยพิบัติที่ทั้ง 4 ท่านนี้ที่เห็นตรงกันคือ หายนะที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 ซึ่งผมไม่คิดว่าคนระดับที่มีวุฒิฯ เป็นถึงระดับ ดร. จะพูดอะไรลอย ๆ ได้หรอกครับ ยิ่งโดยเฉพาะแต่ละท่านผ่านงานระดับประเทศมาแล้วทั้งนั้น ยิ่งมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะระมัดระวังคำพูดของตน ​

ถ้าแสดงความคิดเห็น ก็คือแสดงความคิดเห็น
เรื่องพูดลอยๆ ไม่เกี่ยวหรอกครับว่า ด็อกหรือไม่ด็อก

ผมสังเกตุว่าทุกครั้งที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้ออกมาให้ข้อมูลอะไรก็ตาม มันจะเกิดกรบวนการดังนี้ทุกครั้ง
ไหนๆ อะไรมั่งล่ะ...​

1) ข้อมูลแย้ง - ข้อมูลที่ตรงกันข้าม ซึ่งจู่ ๆ ก็มีข้อมูลแย้งขึ้นมาเฉย ๆ คนที่เค้าวิเคราะห์หาข้อมูล หาสาเหตุ และทำการวิจัยเป็นปี ๆ แต่พอเอางานออกมาเปิดเผยปุ๊บ ตูม.... มีอาจารย์ จาก ม.นู้น ม.นี้ ต่างก็ควักเอาข้อมูลออกมาแย้งแบบเป็นกระบิ เป็นฉากเหมือนบะหมี่สำเร็จรูป ลวกน้ำร้อน 3 นาที แย้งได้เลย เพราะตอบกลับแบบรวดเร็วเหลือเชื่อเหมือนมีการเตรียมการล่วงหน้า
มันก็มีบ้าง... สังคมที่ดำรงค์คงอยู่ด้วยผลประโยชน์ก็อย่างงี้แหละ​

2) ทุกครั้งที่สังคม - ได้รับข้อมูลแย้งเหล่านี้ สิ่งที่เกิดตามมาคือ คนที่เคยฟัง ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้จะเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองโง่ที่จะเชื่อ และเริ่มทำอะไรแบบที่ตัวเองคิดว่าฉลาด คือ เริ่มประมาทและไปกดดันให้คนที่คอยระวังและยังเชื่ออยู่ ให้เลิกเชื่อ
ก็แค่ความคิดเห็นน่ะ... ใครเชื่อก็โง่ดิ
รับฟังแล้วพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงด้วยตนเอง... น่าจะเหมาะสมแล้วนี่นา​

3) อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ ดร.ก้องภพ ที่ออกมาบอกว่า วันที่ 11-12 มิย. ที่ผ่านมาว่ามีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศไทย คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามข่าวจริง ๆ จะไม่รู้เลยว่าวันนั้น จริง ๆ แล้วเกิด แผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ที่ทะเลอันดามัน ซึ่งเฉียดเมืองไทยไป ไม่ถึง 2 องศาเลย แต่เหตุการณ์ กลายเป็นว่า ข่าวเงียบมากแทบจะไม่ได้ยินข่าวเลยว่ามันเกิดขึ้น เรื่องเลยกลายเป็นว่า "... แผ่นดินไม่ไหว งั้นแสดงว่าตานี่เพี้ยน"
เอางี้ดีกว่ามั๊ย ไอ้เรื่องแผ่นดินไหวเนี่ย วันไหนแผ่นดินโลกไม่ขยับตัวเลย วันนั้นแหละเราจะแปลกใจและตื่นเต้นมาก
ถ้ามีรีบรายงานกันมาเลย... จะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวทั้งเวบเลย​

ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ กับ ดร. ทั้ง 4 ท่านนี้ สำหรับผมในฐานะประชาชนผู้บริโภคข่าวสารคนหนึ่ง และเป็นแฟนเว็บบอร์ดเรื่องภัยพิบัติในเว็บพลังจิตนี้ กลับยิ่งเห็นข้อมูลข่าวสารภัยพิบัติที่มากขึ้น และรุนแรงขึ้น แทบจะทุกวัน ซึ่งเป็นเหมือนตามที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านบอก ผมเองขอยืนยันอีกครั้งว่าผมรู้สึกภูมิใจในตัวดร. ทั้ง 4 ท่านมาก ที่ออกมาให้ข้อมูลแม้รู้ว่าเสี่ยงกับการถูกด่า ถูกประนาม แต่ก็ยังทำ ยังไม่รวมถึงการเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าจะการคิดรถยนต์พลังน้ำของดร. สุมิตร ศูนย์เตือนภัยของ ดร. สมิทธ การให้ข้อมูลเชิงลึกของดร.ก้องภพ และงานช่วยเหลือสังคมอื่น ๆ ของ ท่าน ดร.อาจอง ​

ถ้าคิดว่ากระทำเหมาะสมแล้ว ถูกประนาม ถูกด่า... มันจะสึกหรอตรงไหน แค่ขำๆ ผมสักเส้นก็ไม่มีใครเขาถอนไปจากหัว
ไม่ได้จับไป Crusified สักหน่อย

และสุดท้าย คุณค่าของวิทยาศาสตร์ คือ การทำนายถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ กัน การที่ ดร. ทั้ง 4 ท่านได้ออกมาทำนายปรากฎการณ์ที่ได้เกิดขึ้นและมีผลกระทบกับโลกแล้ว ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านโดยสมบูรณ์แล้ว สำหรับคนที่แย้งว่า การพยากรณ์ของ ดร. ทั้ง 4 นี้ผิด ช่วยบอกผมทีว่าที่ถูกมันเป็นอย่างไร ....
ไม่เคยมีความเห็นกับความคิดเห็นของ ดร. หลายท่านนี้นานแล้ว
ดูเองรู้เองดีกว่าเยอะเลย...​

(ปล. สำหรับใครที่พอทราบสาเหตุ ของการ Discredit ดังกล่าวช่วยแชร์ข้อมูลด้วยครับ ยอมรับครับ ว่าหลายครั้งหมั่นไส้คนไทยที่เอาแต่แย้ง แต่ไม่ให้ข้อเท็จจริงว่าจริง ๆ มันต้องเป็นยังงัย)
ก็คงมีทั้งคนที่เขาหมั่นไส้อิจฉา และเรื่องผลประโยชน์
นอกเหนือจากนี้ก็คงไม่มีใครเขาเอาเป็นจริงเป็นจังมากมายนักหรอก​

คนทำมาหากินแบบหาเช้ากินค่ำจริงๆน่ะ เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้กันเลยนะท่าน... เขาสนแต่ว่าลูกเขาหิวหรืออิ่ม หาเงินจ่ายค่าเทอมลูก เหมือนอยู่คนละมิติกับหลายๆท่านในเวบนี้เลย​

"สื่อมวลชน"มักใช้คำว่า ดร. ออกมาเตือน ทั้งที่เขาก็แสดงความคิดเห็นทางวิชาการไปตามธรรมชาติของวิชาอาชีพของเขา
พิจารณากันให้ดี ว่าปมมันอยู่ตรงไหน​

เพราะการแสดงความคิดเห็นกับการเตือนนั้น มันมีขอบเขตและรายละเอียด รวมทั้งน้ำหนักให้ใส่ใจ... แตกต่างกัน​

<!-- google_ad_section_end -->

 

ประเทศไทยยังทรงพระพุทธศาสนาได้ 5,000 ปี ครับ พุทธพยากรณ์มี 1ไม่เป็น 2 ดังนั้น ประเทศไทยจะคงอยู่ต่อไป โลกไม่แตกแน่นอน แต่ไม่แน่ว่าสหรับอเมริกาอาจแตกสลายได้เขาจึงต้องสร้างยานอวกาศเอาไว้ขนคนของเขา เป็นไปได้ยากที่สหรัฐอเมริกาจะสร้างยานอวกาศเพื่อขนคนทั้งโลกไปดาวอื่น

 

ถึงเวลาจะตายก็ตาย หนีได้ที่ไหน รับฟังไว้ตั้งตนในความไม่ประมาท

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยืดมั่น ถือมั่น

 

คนไทยส่วนใหญ่จะไม่เห็นประโยชน์ของสิ่งดีๆที่อยู่ตรงหน้าคับ ดูอย่างไทเกอร์ วูดส์ สมัยก่อนเขาอยากจะเป็นนักกอล์ฟเคยไปสมัครในนามประเทศไทยแต่คนไทยบ่างคนไม่ยอมรับ ดูถูกฝีมือ จนได้ไปลงแข่งในนามต่างประเทศ พอมาตอนนี้ที่มีชื่อเสียงดัง พวกคนกลุ่มนั้นมาทำเป็นอยากให้ไทเกอร์ วูดส์ พูดถึงประเทศไทยบ้าง นี่แหละ คนไทย

 

กระทู้นี้ถูกใจผมจังเลยครับ

ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี เรามองที่เจตนาเขาดีกว่านะครับ

อย่าพึงตัดสินใคร ดูไปก่อน

ผมเองก็มีความเชื่อในตัวของดร.ทั้ง4ท่านมากๆเลยครับ และก็เชื่อในสิ่งที่ท่าบบอกท่าน

เตือน แต่ที่มีคนออกมาค้านออกมาแย้งผมก็คิดเหมือนคุณแหละ

แต่ไม่อยากไปว่าเขา คิดว่าเขาคงหวังดีนะครับ เราจะได้ไม่มีจิตอกุศล

 

พวกอาจารย์ไม่ได้โกหก

แต่ที่ประเทศไทยรอดพ้นจากภัยธรรมชาติได้

เพราะว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองหรือเปล่า

เรื่องของพลังจิตก็ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง

 

กาลเวลาจะพิสูจน์เองครับว่า

ทั้งหมดที่พวกท่านพูดนั้น

จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่

 

..

ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ..อาจจะผิด..
..
อาจารณ์ทั้ง4ท่านนั้นท่านเป็นคนลงมือทำน่ะครับ.ก็จะต้องศึกษาและต้องทำ ไม่ค่อยได้วิจารณ์ใคร เพราะกิจที่อยู่ตรงหน้ามันมีอยู่.....คนที่วิจารณ์มันเป็นปกติของคนน่ะครับ..เราๆท่านๆเองก็เป็น. อย่างเช่นอ่านหนังสือพิมพ์หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องมีวิจารณ์อะไรๆเข้าให้..ผมเองก็เป็น แสดงว่า ผมเองนี่ถ้าวิจารณ์เรื่องอะไรแล้ว เรื่องนั้นคือเรารู้ไม่จริง.. คนทำส่วนใหญ่มีน้อย คนวิจารณืวิเคราะห์มีมาก..นายจ้างกับลูกจ้างนี่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน..แต่การทำงานนายจ้างรับผิดชอบงาน+ทำงานมากกว่านะครับ..นายจ้าง1คน .แต่ลูกจ้างหลายสิบคนหรือหลายร้อยคน เวลาถูกวิเคราะห์วิจารณ์.นายจ้างถูกเหมาคนเดียวจากคำวิจารณ์ของลูกจ้างทั้งหมดนะครับ..
..อะไรๆที่อ่านจากหนังสือพิมพ์หรือนิตรสาร.มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คนลงไว้ก็ได้นะครับ..ที่กล้าพูดอย่างนี้เพราะว่าเคยเจอกับตัวเองมาแล้วครับ..สัมภาษณ์มาเราตอบไป..แต่เวลาลงในหนังสือกลับกลายเป็นความหมายอีกอย่าง..เหลือเรื่องจริงๆในคำพูดของเราไม่ถึง40%เลย..นอกนั้นพวกเอาซะเป็นนิยายตามแนวหนังสือซะงั้นน..โอ้วววว..

 

ผมเห็นด้วยกับคุณ จขกท.
แต่คุณต้องเข้าใจว่า ที่นี่ประเทศไทยซึ่งเต็มไปด้วยความขัดแย้งมากกว่าความร่วมมือกัน เพื่อการเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า หากเกิดขึ้นจริงแล้ว ประเทศไทยเราทำอย่างไรให้สูญเสียน้อยที่สุด และรีบเตรียมอพยพผู้คนให้ปลอดภัยมากที่สุด ถึงแม้ว่าผมเองก็ไม่อยากเห็นด้ามขวานของไทยจมหายไปในทะเลโหดก็ตามที