ติดตามสถานะการณ์

UPDATE: ผู้นำอิสราเอลประกาศเดินหน้าถล่มกาซาต่อเนื่อง-เต็มกำลัง แม้ประชาคมโลกทัดทาน ชี้ต้องการเช็กบิลกลุ่มฮามาส
.
เมื่อวานนี้ (16 พฤษภาคม) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ประกาศจะเดินหน้าถล่มฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง หลังความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ระลอกใหม่ปะทุและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม้จะได้รับเสียงทัดทานจากประชาคมโลก ชี้อิสราเอลต้องการเช็กบิลกลุ่มกบฏฮามาส ที่ทำให้อิสราเอลได้รับความเสียหายและยิงจรวดโจมตีก่อน
.
ผู้นำอิสราเอลประกาศผ่านช่องทางโทรทัศน์ระบุ จะเดินหน้าถล่มกาซาเต็มกำลังและใช้ระยะเวลาอีกสักพักหนึ่ง ทางด้านรัฐมนตรีสาธารณสุขของกาซาระบุ การโจมตีดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 192 ราย เมื่อวานนี้นับเป็นวันนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตในกาซามากกว่า 45 ราย อาคารบ้านเรือนในกาซาโดนถล่มราบเป็นหน้ากลอง รวมถึงอาคารสำนักข่าว Al jazeera และสำนักข่าวต่างประเทศ อื่นๆ อาทิ AP
.
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FPA) ในอิสราเอลและปาเลสไตน์ ตั้งคำถามถึงการกระทำของอิสราเอลในการถล่มอาคารสำนักงานของสื่อต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าอาคารดังกล่าวถูกใช้งานโดยกลุ่มฮามาสตามที่กองทัพอิสราเอลกล่าวอ้าง ขณะที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึง Reporters Without Borders (RSF) ร่วมประณามเหตุโจมตีอาคารสำนักงานสื่อ ชี้การประกาศว่าอาคารสำนักงานสื่อเป็นเป้าของสงครามคือการก่ออาชญากรรมสงคราม คุกคามเสรีภาพสื่อ
.
บทความเกี่ยวข้อง:
.
ลำดับเหตุการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ระลอกใหม่ เข้าใจต้นสายปลายเหตุของการเผชิญหน้าครั้งรุนแรง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/chronology-new-israel-palestine-conflict/
.
ภาพ: Yuval Chen / Pool / AFP
.
อ้างอิง:
https://www.aljazeera.com/news/2021/5/16/netanyahu-says-gaza-bombing-to-continue-in-full-force
https://www.bbc.com/news/world-middle-east-57131272
https://www.forbes.com/sites/jemima...alls-for-immediate-ceasefire/?sh=301d02e62e6d
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews

—————————————————

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: โฆษกรัฐบาลยันประชาชน ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการ แต่อาจผ่อนผันช่วงอภิปรายในสภาฯ
.
วันนี้ (16 พฤษภาคม) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันการสวมหน้ากากอนามัยตามข้อกำหนดที่ระบุให้มีการสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และยังเป็นมาตรการที่ประชาชนต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวดตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่ออกไปแล้ว และยังมีผลต่อไป รวมถึงการประชุมสภาฯ ต่างๆ เนื่องจากเป็นการรวมตัวของคนจำนวนมาก
.
ทั้งนี้ ข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ต้องสวมอย่างถูกวิธีตามข้อแนะนําของกระทรวงสาธารณสุข เมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะยังคงเป็นข้อปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่หรือรับเชื้อ การจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมาก และมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย โดยพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ี ในกรณีที่กลุ่มบุคคลท่ีจําเป็นต้องเข้าประชุมอยู่ในสถานท่ีหน่ึงที่ใดเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่องหลายชั่วโมง ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาอาจไม่สะดวก หรือเป็นอุปสรรคต่อการทําหน้าที่ในการประชุม
.
หากผู้จัดประชุมได้กําหนดให้มีมาตรการตรวจคัดกรองบุคคลและได้ดําเนินการตามมาตรการป้องกันโรค ท่ีทางราชการกําหนดอย่างรอบคอบ รัดกุม และเข้มงวดเพียงพอแล้ว เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การให้ผู้เข้าร่วมประชุมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและเครื่องป้องกันตามมาตรการที่ทางราชการกําหนด รวมทั้งการแสดงใบรับรองผลการตรวจว่าไม่มีความเสี่ยงในการติดโควิด-19 และการจัดให้มีกระบวนการคัดกรองโดยพิจารณาจากอาการของโรค ประกอบกับได้ดําเนินการภายใต้มาตรการควบคุมการประชุมตามระเบียบหรือข้อบังคับเมื่อเกิดเหตุท่ีมีความเสี่ยง
.
โดยให้ผู้ควบคุมการประชุมกําหนดให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาการประชุม แต่อาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะช่วงเวลาของการอภิปรายหรือแสดงความเห็นในที่ประชุมได้ตามความเหมาะสมแห่งสภาพการณ์และความสมควรแก่เหตุ
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #TheStandardNews

—————————————————

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: ราชทัณฑ์ เปิดผลสอบสวนโรคโควิด-19 ของรุ้ง ชี้แดนแรกรับที่รุ้งอยู่ไม่มีติดเชื้อ ที่ติดคือแดนผู้ต้องขังเด็ดขาด
.
วันนี้ (16 พฤษภาคม) เมื่อเวลา 12.00 น. กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณี ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “บิดาและมารดาติดโควิด-19 จากตนที่ได้รับเชื้อมาจากในเรือนจำ โดยระบุว่าผู้ต้องขังและนักโทษไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากน้อยเพียงใดในเรือนจำ” นั้น
.
กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงว่า มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จริงในหลายเรือนจำ แต่กรมราชทัณฑ์ยังคงดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งในกรณีของปนัสยา กรมราชทัณฑ์ขอเรียนชี้แจงดังนี้
.
กรมราชทัณฑ์ได้รับตัวปนัสยาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 โดยควบคุมภายในห้องกักโรค องแดนแรกรับ และได้ดำเนินการตรวจหาโควิด-19 ด้วยการ Swab ครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ผลไม่พบการติดเชื้อ
.
ทำการตรวจหาเชื้อครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ผลไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน จนกระทั่งวันที่ 26 เมษายน 2564 ได้อนุญาตให้ปนัสยาลงจากห้องกักโรค (บนอาคารเรือนนอน) มาอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่นภายในแดนแรกรับ จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564
.
ทั้งนี้ ทัณฑสถานหญิงกลาง แบ่งการควบคุมเป็น 2 แดน คือ แดนแรกรับ ซึ่งเป็นแดนที่ปนัสยาถูกควบคุมตัวอยู่ มีผู้ต้องขังประมาณ 1,500 คน ได้ทำการตรวจคัดกรองผู้ต้องขัง 100% เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 ภายหลังจากปล่อยตัวปนัสยาไปไม่พบผู้ต้องขังแดนนี้ติดเชื้อ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้ต้องขังที่นอนห้องเดียวกันและใช้ชีวิตใกล้ชิดกับปนัสยาตั้งแต่พ้นจากห้องกักโรค จำนวน 4 คน ก็ไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน
.
สำหรับอีกแดนหนึ่ง คือแดนผู้ต้องขังเด็ดขาดที่เกิดการระบาดของโรค ซึ่งมีผู้ต้องขังประมาณ 2,900 คน ทำการตรวจคัดกรองผู้ต้องขัง 100% พบผู้ต้องขังติดเชื้ออยู่ในแดนนี้ จำนวน 1,039 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และได้ย้ายผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
.
ดังนั้น จึงขอสร้างความเข้าใจต่อสังคมว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีนโยบายหรือสั่งการให้ปิดบังข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้มีหนังสือกำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #TheStandardNews

—————————————————

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

BRIEF: สถิติเผย 67% ของผู้ต้องขังในเรือนจำรัฐแคลิฟอร์เนียได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
.
เรือนจำมักเป็นสถานที่ที่ถูกคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนน้อยที่สุด แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็ยังเป็น ‘ประชาชน’ ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน COVID-19 อย่างคนทั่วไป ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก็ไม่ได้เพิกเฉย และเร่งฉีดวัคซีนให้นักโทษในเรือนจำ จนขณะนี้ มากกว่าครึ่งของผู้ต้องขังในเรือนจำแคลิฟอร์เนียได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
.
หากคำนึงถึงสภาพแวดล้อม เรือนจำเป็นสถานที่ที่มีโอกาสเกิดการระบาดของ COVID-19 มากที่สุด รวมไปถึงนักโทษเองก็มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอัตราทั่วไป นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด มีนักโทษจำนวนมากเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ มากกว่าอัตราการเสียชีวิตจากโทษประหารในช่วง 70 ปีรวมกัน ดังนั้น สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้ คือการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมสมาชิกในเรือนจำทั้งหมด
.
กรมราชทัณฑ์และการฟื้นฟูสมรรถภาพแห่งแคลิฟอร์เนีย (CDCR) เริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้นักโทษตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม โดยวัคซีนที่ใช้เป็นของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
.
นับตั้งแต่ช่วงเวลา 2 เดือนหลังเริ่มฉีดวัคซีน การศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดล่าสุด เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 2 ใน 3 ของนักโทษประมาณ 98,000 คน ได้รับวัคซีนแล้ว และ 67% ของนักโทษทั้งหมดได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะเห็นการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ในเรือนจำเป็นที่แรก
.
อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ในการฉีดวัคซีนในเรือนจำไม่ใช่วัคซีนมีจำนวนจำกัด แต่นักโทษบางส่วน ไม่ต้องการฉีดวัคซีน COVID-19 เหมือนที่ชาวสหรัฐฯ บางส่วนมีแนวคิดเช่นนั้น ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ราชทัณฑ์ รวมไปถึงรัฐบาลที่อยู่ด้านนอกต้องเร่งแก้ไข
.
การศึกษาระบุว่า นักโทษส่วนใหญ่ที่ไม่ยินยอมรับวัคซีนจะเป็นกลุ่มคนอายุน้อยที่มีสุขภาพดี ขณะที่นักโทษสูงอายุจะยินยอมรับวัคซีนมากกว่า แต่ถึงเช่นนั้น 50% ของผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน COVID-19 ในตอนแรก ก็ยอมฉีดวัคซีนเมื่อได้รับการเสนออีกครั้ง
.
เจเรมี่ ฟีเบิร์ต (Jeremy Fiebert) รองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเปิดเผยว่า แคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในระบบเรือนจำที่ใหญ่สุดในสหรัฐฯ ถ้ารัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด เหล่าผู้ถูกคุมขังทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 2 ล้านคนก็ต้องได้รับสิทธิ์นี้ด้วยเช่นกัน
.
.
อ้างอิงจาก
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMc2105282

https://www.usnews.com/news/health-...rnia-prison-inmates-said-yes-to-covid-vaccine

#Brief #TheMATTER

 

BRIEF: กระทบทั้งชีวิตและเทคโนโลยี! นักวิทยาศาสตร์เตือน ชั้นบรรยากาศกำลังหดตัวกว่า 400 เมตร ชี้รีบแก้ก่อนสายเกินไป
.
เรากำลังหลงลืมปัญหาที่สำคัญ ต่อมวลมนุษยชาติไปหรือไม่ ล่าสุด กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้รายงานว่า ชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ กำลังหดตัวลงอย่างน่าตกใจ และมันจะส่งผลทั้งต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ตลอดจนเทคโนโลยีสื่อสารของพวกเรา
.
รายงานจากนักวิทยาศาสตร์ ใน Environmental Research Letters ระบุว่า ชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ หดบางลงไปแล้วกว่า 400 เมตร นับตั้งแต่ ค.ศ.1980 ซึ่งเป็นผลกระทบ มาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมนุษย์ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
.
สตราโทสเฟียร์ อยู่เหนือพื้นโลกไปบนท้องฟ้า ที่ระยะ 20 - 60 กิโลเมตร โดยมันทำหน้าที่คล้ายๆ กับผ้าห่ม ซึ่งห่มทับชั้นบรรยากาศที่เราใช้หายใจอย่าง โทรโพสเฟียร์ นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า มันอาจจะบางลงได้อีก 1 กิโลเมตร ภายใน ค.ศ.2080 หากเรายังไม่เร่งแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
.
การหดตัวของชั้นบรรยากาศในครั้งนี้ เป็นหลักฐานยืนยันข้อสันนิษฐาน ของนักวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมาว่า ชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์กำลังขยายตัว ในขณะที่สตราโทสเฟียร์ กำลังหดตัวลงเรื่อยๆ จริง การหดตัวของสตราโทสเฟียร์ ยังกระทบต่อชั้นโอโซน ซึ่งทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV ไม่ให้ตกกระทบมาที่โลกโดยตรง
.
ซ้ำร้าย การหดตัวดังกล่าวจะไม่ได้กระทบแต่เพียงสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลก เพราะชั้นสตราโทสเฟียร์ยังส่งผลสำคัญ ต่อเทคโนโลยีการสื่อสารของมนุษย์ในปัจจุบัน โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า หากมันหดตัวลงเรื่อยๆ ก็อาจจะกระทบต่อวิถีของดาวเทียม อายุการใช้งานของดาวเทียม การแพร่กระจายคลื่นวิทยุ ระบบ GPS ที่เราใช้นำทาง ตลอดจนระบบฐานปฏิบัติการบนพื้นโลก ของการสำรวจอวกาศ
.
“มันสำคัญอย่างมากว่า เรายังพบแง่มุมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถึงแม้ว่าเราจะทำการศึกษามัน มาแล้วกว่าหลายทศวรรษก็ตาม” ศาสตราจารย์ พอล วิลเลียมส์ (Paul Williams) จากมหาวิทยาลัยรีดดิ้งของสหราชอาณาจักรเผย “มันยังทำให้ผมสงสัยอีกว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศในแง่อื่นๆ ที่เรายังไม่ค้นพบอีก”
.
อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้มีการจัดประชุม Climate Summit 2021 ขึ้น โดยผู้นำในหลายรัฐสัญญาว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง เช่น สหรัฐฯ จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50-52 เปอร์เซ็นต์ ภายใน ค.ศ.2030 ในขณะที่จีนระบุว่า ภายใน ค.ศ.2030 จีนจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด และจะลดให้เหลือเป็น 0 ภายใน ค.ศ.2060 คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ผู้นำในแต่ละรัฐ จะกู้วิกฤตชั้นบรรยากาศนี้ เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติอย่างจริงใจหรือไม่
.
.
อ้างอิงจาก

https://iopscience.iop.org/article/10.1088/1748-9326/abfe2b

https://agupubs.onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1029/2017JA025060

https://www.sciencealert.com/as-inc...wDUUUZ8aKQehgt6G1rBI56xNPr2okao3m8X3ffMLIYcnA

https://www.theguardian.com/environ...ns-shrinking-the-stratosphere-scientists-find

https://www.cnbc.com/2021/04/22/biden-pledges-to-slash-greenhouse-gas-emissions-in-half-by-2030.html

#Brief #TheMATTER

 

BRIEF: ผลศึกษาชี้ว่า การชะลอฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 ออกไป 12 สัปดาห์ ช่วยให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น 3.5 เท่า
.
ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันถึงแนวทางการฉีดวัคซีน COVID-19 ว่าควรปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด หรือลุยฉีดให้ครบโดสก่อนดี ล่าสุด งานวิจัยของสหราชอาณาจักรระบุว่า การชะลอฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 ออกไปราวๆ 12 สัปดาห์ ช่วยกระตุ้นแอนติบอดีได้ดีกว่าถึง 3.5 เท่า
.
มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม (University of Birmingham) ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) เพื่อศึกษาการสร้างแอนติบอดีในระยะเวลาการฉีดวัคซีนระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 พบว่าการเว้นระหว่างห่างฉีดวัคซีน 12 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 เดือน จะทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดีมากขึ้น 3.5 เท่าในกลุ่มผู้สูงอายุ เมื่อเทียบกับการเว้นระยะฉีดในช่วงเวลาปกติ 3-4 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังทำให้แอนติบอดีคงอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
.
เฮเลน แพร์รี่ ผู้นำการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ระบุว่า ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นการตอบสนองของแอนติบอดีที่แข็งแรงมากขึ้น หลังเว้นช่วงฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไป 11-12 สัปดาห์ และนี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระยะเวลาที่ฉีดอย่างมีนัยสำคัญ
.
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ไม่ใช่วัคซีนตัวแรกที่มีการทดสอบการตอบสนองแอนติบอดี้กับการเว้นระยะเวลาฉีด ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (University of Oxford) ได้ศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีผลต่อการชะลอฉีดเช่นกัน โดยพบว่า อัตราประสิทธิภาพ (Efficacy Rate) ของแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อฉีดเข็มแรก เพิ่มขึ้นเป็น 82.4% หากเว้นระยะจากฉีด 12 สัปดาห์ ขณะที่หากเว้นระยะการฉีด 6 สัปดาห์ อัตราประสิทธิภาพจะอยู่ที่ 54.9%
.
การศึกษาเรื่องชะลอฉีดวัคซีนมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในหลายๆ ประเทศที่มีวัคซีนจำกัด และกำลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่า แนวทางใดจะควบคุมการระบาดได้ดีที่สุด ซึ่งสหราชอาณาจักรเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ตัดสินใจเลือกการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกก่อน และผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าน่าพอใจทีเดียว เพราะกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
.
ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกวัคซีนที่จะให้ผลลัพธ์หลังชะลอการฉีดเหมือนกัน ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า คุณสมบัติเหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษของวัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่ง และไม่แนะนำให้ใช้แนวทางนี้ปฏิบัตินี้กับวัคซีนตัวอื่นที่ยังไม่ได้รับการศึกษา เพราะวัคซีนบางตัว หากไม่ฉีดโดสที่ 2 ก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก
.
หมอมานพ ยังกล่าวอีกว่า การชะลอฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อาจให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่จากข้อมูลการศึกษาที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ระบุว่าการฉีดครบ 2 เข็มให้ประสิทธิภาพการป้องกันการเจ็บป่วย ติดเชื้อ แพร่เชื้อ สูงกว่าการฉีดแค่เข็มเดียว ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบโดสย่อมให้ประสิทธิภาพที่แน่นอนกว่า
.
แต่การศึกษาที่เปิดเผยมาข้างต้น อาจเป็นประโยชน์ในแง่ของการช่วยกำหนดทิศทางการตัดสินใจให้ผู้นำ ในกรณีที่ต้องการควบคุมการแพร่ระบาดให้มากที่สุด แต่วัคซีนมีจำกัด ทั้งนี้ หากมีวัคซีนเพียงพอ การฉีด 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
.
.
อ้างอิงจาก

https://www.cbc.ca/news/health/covid-19-pfizer-second-dose-delay-more-antibodies-study-1.6026765

https://www.cnbc.com/2021/02/03/delaying-second-astrazeneca-vaccine-dose-does-work-study-shows.html
https://www.birmingham.ac.uk/news/l...k95p7GbcIt6GN5e3jES9p9Lj1oq7WPf5gANKQFD73YAu8

https://www.cidrap.umn.edu/news-per...2nd-astrazeneca-covid-shot-may-boost-efficacy

https://web.facebook.com/manopsi

#Brief #TheMATTER

 

BRIEF: วิธีแก้ ‘Vaccine Hesitancy’ หรือความลังเลในการรับวัคซีนของประชาชน คือต้องให้ข้อมูลตามจริง และไม่อวยหรือด่าวัคซีนบางตัวจนเกินไป
.
ความลังเลหรือปฏิเสธเข้ารับวัคซีน (Vaccine Hesitancy) ไม่ใช่เรื่องใหม่ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เคยประกาศไว้ปี พ.ศ.2562 ก่อน COVID-19 จะเริ่มระบาด ว่าเป็นหนึ่งในสิบภัยคุกคามด้านสุขภาวะของโลกด้วยซ้ำ
.
และถ้าลองค้นข้อมูลดู ก็จะเห็นว่า WHO เคยพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา Vaccine Hesitancy ตลอดช่วงหลายปีหลัง มีรายงานตั้งแต่สไลด์ไม่กี่แผ่น ไปจนถึงเอกสารหนา 200-300 หน้า
.
ขณะที่เมืองไทยเวลานี้ หลายฝ่ายพยายามรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน COVID-19 แต่ก็ยังมีหลายคนลังเล ทั้งไม่มั่นใจประสิทธิภาพของวัคซีนที่ภาครัฐจัดมาให้ รวมถึงกังวลเรื่องผลข้างเคียง
.
The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ อ.นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ จากโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงสถานการณ์เช่นนี้
.
อ.นพ.ศุภโชค มองว่า Vaccine Hesitancy ในหมู่คนไทย เกิดจาก 1.ความกังวลว่าฉีดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น กับ 2.สงสัยว่าทำไมข้อมูลมันกลับไปกลับมา ซึ่งด้านหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากปัญหาการสื่อสาร อีกด้านหนึ่งเกิดจากข้อมูลที่เปลี่ยนไปเร็วมาก เพราะ COVID-19 อยู่กับเรามาได้ปีเศษๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการรณรงค์ให้คนมาฉีดวัคซีน จะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่อวยบางวัคซีนเกินไป หรือไม่ด่าบางวัคซีนว่าแย่มาก
.
"ความที่คนลังเลไม่อยากฉีด เป็นสิทธิส่วนบุคคล มันไปบังคับหรือไปห้ามใครไม่ได้ แล้ววัคซีน มันไม่ใช่หน้าที่ แต่มันเป็นสิทธิของคน ที่จะรับหรือไม่รับ แต่เขาต้องรู้ว่า การรับวัคซีน ที่เราอยากให้เขารับ เหตุเพราะอะไร"
.
อ.นพ.ศุภโชคยังระบุว่า ประโยชน์ของวัคซีนมี 3 อย่าง คือ 'กันหนัก-กันตาย' 'กันติด' และ 'กันหมู่' ซึ่งไม่ใช่ทุกวัคซีนจะทำได้ครบ 3 อย่าง และการจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ให้เกิดขึ้นได้ ต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนนั้นๆ รวมถึงจำนวนการฉีดในประชากรที่มากพอ
.
"สิ่งที่คนไม่ค่อยพูดกัน คือตอนนี้ทรัพยากรทางการแพทย์เทไปที่ COVID-19 เยอะมาก จนทำให้การดูแลผู้ป่วยในโรคเรื้อรังบางโรคทำได้ไม่ค่อยดี อาจารย์หมอหลายๆ คนจึงอยากให้ฉีดวัคซีนกัน เพราะถึงจะลดยอดผู้ติดเชื้อไม่ได้ แต่ก็ลดยอดผู้ป่วยหนักจนต้องเข้า ICU ได้ อย่างน้อยๆ บุคลากรทางการแพทย์จะได้หายใจหายคอ และจัดสรรทรัพยากรไปให้กับคนที่หนักจริงๆ" อ.นพ.ศุภโชคกล่าว
.
The MATTER ยังคุยกับ อ.นพ.ศุภโชคถึงการดูตัวเลขประสิทธิวัคซีนแต่ละยี่ห้อว่าควรดูอย่างไร มีอะไรที่ต้องระมัดระวัง? ประสิทธิภาพของวัคซีน COVID-19 ที่ไทยมีอยู่ตอนนี้ ทั้ง Sinovac และ AstraZeneca เป็นอย่างไรบ้าง? และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน COVID-19 ยี่ห้อต่างๆ น่ากังวลมากน้อยเพียงใด? รอติดตามได้ในบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม เร็วๆ นี้

#Brief #โควิด #วัคซีน #TheMATTER

 

BRIEF: งานวิจัยใหม่เผย การสื่อสารทางออนไลน์ในผู้สูงอายุ อาจช่วยให้หลีกเลี่ยงอัตราการเกิดโรคสมองเสื่อมได้
.
ความรู้สึกเบื่อหน่าย โดดเดี่ยว จากการกักตัว ไม่ได้เกิดแค่ในคนหนุ่มสาว แต่หมายรวมถึงผู้สูงอายุ การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์จึงถูกออกแบบมา เพื่อช่วยลดช่องว่างดังกล่าว และล่าสุด มีงานวิจัยระบุว่า มันยังสามารถเป็นตัวช่วย ให้ผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงการเกิดโรคสมองเสื่อมได้อีกด้วย
.
งานวิจัยล่าสุด จากมหาวิทยาลัยเวสต์ลอนดอน กับมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ พบว่า ผู้สูงอายุจากกลุ่มตัวอย่างชายและหญิง ซึ่งมีทักษะการฟังปกติ ในช่วงอายุระหว่าง 50 ถึง 90 ปี จำนวน 11,418 คน ที่มีปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Zoom, Microsoft Team หรือแม้แต่กระทั่ง TikTok สามารถหลีกเลี่ยง อัตราการเกิดโรคสมองเสื่อมได้
.
จากการศึกษาตลอด 15 ปี ของงานวิจัยชึ้นนี้พบว่า ผู้สูงอายุ ที่ใช้ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ มากกว่าผู้สูงอายุทั่วไป ควบคู่กันกับการสื่อสารปกติ และผ่านทางโทรศัพท์ จะทำให้การเสื่อมถอยของความจำอาศัยเหตุการณ์ ลดลงไปได้อย่างชัดเจน โดยความจำอาศัยเหตุการณ์ คือความสามารถในการระลึกถึงเหตุการณ์ ที่มีความหมายต่อบุคคลนั้นๆ ลดถอยลง ก็อาจเป็นสัญญาณของอาการสมองเสื่อมได้
.
ผศ.สนอร์รี รัฟฟุนสัน (Snorri Rafnsson) จากมหาวิทยาลัยเวสต์ลอนดอน นักวิจัยหลักในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Journals of Gerontology ระบุว่า “การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยีทางออนไลน์ จะสามารถทำให้ผู้สูงอายุกระตุ้นระบบความจำอยู่ตลอด การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางที่หลากหลายนั้น นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันแล้ว ยังส่งผลดีต่อสมองอีกด้วย”
.
รัฟฟุนสัน กล่าวอีกว่า ผู้สูงอายุ “ยิ่งชำนาญการใช้หลายแพลตฟอร์ม ยิ่งส่งผลดีมากยิ่งขึ้น” โดยเขาย้ำว่า การเห็นผู้สูงเริ่มเล่น TikTok และ Instagram มากยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นผลดี ต่อการทำงานของสมองของพวกเขาและเธอ ซึ่งมันจะทำให้สมองได้กระตุ้นระบบความจำ และช่วยลดโอกาสของโรคสมองเสื่อมได้ดี
.
สิ่งที่น่าสนใจจากการศึกษา อาสาสมัครผู้สูงอายุนับหมื่นคน รัฟฟุนสันพบว่ากว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของคุณตาคุณยาย ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป มีบัญชีผู้ใช้ Facebook เป็นของตัวเอง ในขณะที่ Ofcom เปิดเผยว่า ผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี กว่า 77 เปอร์เซ็นต์ มีอินเทอร์เน็ตใช้ในบ้าน 55 เปอร์เซ็นต์มีสมาร์ทโฟน และ 59 เปอร์เซ็นต์ มีบัญชีผู้ใช้ออนไลน์ จึงอาจเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า นอกจากอัตราการเกิดโรคสมองเสื่อมที่ลดต่ำลงแล้ว ภาพจำว่าผู้สูงอายุไม่เท่าทันโลกออนไลน์ อาจจะไม่ใช่ความเป็นจริงอีกต่อไป
.
.
อ้างอิงจาก

https://academic.oup.com/psychsocgerontology/article/76/1/101/6006262

https://www.theguardian.com/society...dementia-study-reveals?CMP=Share_iOSApp_Other

https://www.ofcom.org.uk/research-a...esearch/adults/adults-media-use-and-attitudes

#Brief #TheMATTER

 

อัพเดทสถานการณ์สปป. โควิด -19 ในสปป. ลาววันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ที่ออกโดย Task Force เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ระบุว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ โคงิด-19 ใหม่ 47 ราย ดังนี้
นครหลวงเวียงจันทน์ 4 คน (นำเข้า 1 คน)
จำปาสัก 3 คน (นำเข้า)
สะหวันนะเขต 2 คน (นำเข้า)
บ่อแก้ว 38 คน

 

เศรษฐกิจไทยดิ่งเหว จีดีพี ไตรมาสแรก 2.6% ลดเป้าทั้งปี 64 เหลือ 1.5 -2.5%

17 พ.ค. 64 กรณีเศรษฐกิจไทยและตัวเลข จีดีพี นาย ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 1/2564 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 วันนี้ ว่า

ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส 1/2564 หดตัว2.6 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ขยายตัวได้ 0.2 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี และผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดในปีที่แล้ว โดยภาคการท่องเที่ยวและบริการหดตัวมากถึง 63.5% ส่วนการใช้จ่ายในหมวดสินค้ากึ่งคงทนลดลงต่อเนื่อง 10.8% ตามการลดลงของ การใช้จ่ายหมวดเครื่องเรือน อุปกรณ์ครัวเรือนและการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และหมวดเสื้อผ้าและรองเท้า

สำหรับรายละเอียดเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 การลงทุนรวม ขยายตัว7.3% ปรับตัวดีขึ้นมากจากการลดลงร้อยละ 2.5 ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส 3.0% เทียบกับการลดลง 3.3% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูง 19.6% เร่งขึ้นจาก การขยายตัวร้อยละ 0.6% ในไตรมาสก่อนหน้า และ การส่งออกสินค้า มีมูลค่า 64,004 ล้านดอลลาร์ กลับมาขยายตัว เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสที่ 5.3%

ขณะที่ สศช.ยังได้ปรับลดประมาณการณ์จีดีพีปี 2564 จากเดิมที่คาดว่าขยายตัวอยู่ที่ 2.5% - 3.5% มีค่ากลางที่ 3% ลดลงเหลือ 1.5 - 2.5% โดยการปรับลดลงของจีดีพีนี้คาดการณ์ว่าการคุมระบาดจะทำได้ในเดือน มิ.ย.ปีนี้เป็นต้นไป พร้อมได้ให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 คือ

1.การควบคุมการแพร่ระบาดและการกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วเพียงพอ รวมทั้งการกระจายวัคซีนไปยังภาคการส่งออกและความสำคัญของประเทศเพื่อปกป้องฐานการผลิตของประเทศ

2.การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดโดยเน้นในภาคเอสเอ็มอีโดยของให้ ธปท.และธนาคารพาณิชย์เร่งปล่อยสินเชื่อให้รวดเร็ว

3. มาตรการรักษาการจ้างงานในภาคธุรกิจ รวมทั้งการจ้างงานใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้มีการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่เพิ่มเติม

4.ขับเคลื่อนการส่งออก โดยเร่งการเจรจาในเรื่อง FTA กับยุโรป และสหราชอาณาจักร และลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

5.เร่งการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย และแก้ไขปัญหาให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นการลงทุนในอนาคต

6.เน้นการขับเคลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยการเบิกจ่ายรวมต้องได้ 92% เพื่อให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ

7.เร่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเร่งกระจายวัคซีนและเตรียมความพร้อมพื้นที่ท่องเที่ยวเช่น สมุย ภูเก็ต กระบี่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวคุณภาพมีรายได้สูงเข้ามาในประเทศไทยได้มาก

และ 8.ต้องไม่มีปัจจัยทางการเมือง

ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้เหลือ 2.3% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 1.8-2.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.8% จากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ทั้งในประเทศไทยและหลายประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ลงเหลือ 2 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 5 ล้านคน รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงมาอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท ลดลง 49% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากหลายประเทศสามารถกระจายวัคซีนได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 3/2564 ถึงต้นไตรมาส 4/2564 และจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ด้านการส่งออกในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 11% ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 6.2% เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเร่งดำเนินมาตรการด้านการเงินการคลังในหลายประเทศ โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีกับการส่งออกของไทยในปีนี้ รวมถึงการเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง โครงการม 33 เรารักกัน และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบผ่านสถาบันการเงินก็เป็นปัจจัยเสริม และเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ถูกส่งผ่านไปยังระบบเศรษฐกิจก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภค ประคับประคองธุรกิจ และรักษาระดับการจ้างงานด้วย

Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

หมอเหรียญทอง เผยภาพ รพ.สนามพลังแผ่นดิน เตรียมพร้อมรับผู้ป่วยโควิด-19

หมอเหรียญทอง เผยภาพ รพ.สนามพลังแผ่นดิน คาดพร้อมรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ช่วงค่ำวันนี้ (17 พ.ค.64)

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ดีอีเอส ชี้ เพจดัง ปล่อยเฟกนิวส์ บิดเบือนภาพ-งบ รพ.สนาม "พิมรี่พาย" เทียบรัฐ

รมว.ดีอีเอส ชี้ เพจดัง "แหม่มโพธิ์ดำ" ตัดต่อภาพ "รพ.บุษราคัม" เทียบ "รพ.สนามพิมรี่พาย" ซัด บิดเบือน งบฯ โจมตีรัฐ เชื่อ สธ.แจงได้หมด มอบทีมงานสอบดำเนินคดี เหตุปล่อยเฟกนิวส์ ทำสังคมแตกแยก

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

กทม. ประกาศขยายเวลา ปิด 18 สถานที่ต่อจนถึง 31 พ.ค.

กรุงเทพมหานคร ( กทม. ) ประกาศขยายเวลา ปิดสถานที่ถึง 31พฤษภาคม 2564 ทั้งสถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น สถาบันการศึกษา สนามแข่งขัน สนามมวย สนามม้า แต่ผ่อนปรนให้นั่งกินอาหารในร้านได้ ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดไม่เกิน 25% ของจำนวนที่นั่ง ซึ่งสถานที่ทั้ง 18 แห่ง ประกอบด้วย

ทีมกู้ภัยใส่ ชุด PPE เดินเท้าฝ่าแดดเป็นกิโลฯ เก็บร่างผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ริมทางรถไฟ

1.โรงเรียน สถาบันการศึกษา สถาบันกวดวิชา
2.ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง สถานบริการ อาบอบนวด
3.โรงภาพยนตร์ โรงละคร สถานที่แสดงมหรสพ หรือการละเล่นสาธารณะ
4.สวนน้ำ สวนสนุก สนามเด็กเล่น สวนสัตว์
5.ลานสเก็ตทุกประเภท สนุกเกอร์ บิลเลียด โบว์ลิ่ง ตู้เกม
6.ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต
7.สระว่ายน้ำสาธารณะ ฟิตเนส
8.สถานที่จัดนิทรรศการ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม พิพิธภัณฑ์ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง
9.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน
10.สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ยกเว้นในโรงพยาบาล
11.สนามมวย โรงเรียนสอนมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ สนามม้า
12.ร้านทำเล็บ ร้านสักหรือเจาะผิวหนัง
13.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ
14.ศูนย์พระเครื่อง สนามพระเครื่อง
15.สถาบัน/คลินิกเสริมความงาม คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม และลดน้ำหนัก
16.ร้านสปา นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม
17. สนามกีฬา และสนามแข่งขันทุกประเภท
18.สวนสาธารณะ

เปิดได้แต่มีข้อจำกัดใช้บริการ

1.ร้านเสริมสวย เปิดได้เฉพาะ สระ ตัด ซอย และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

2.ร้านอาหาร นั่งทานในร้านได้ในสัดส่วน25% จนถึง 21.00น. และขายยกลับบ้านได้ถึง 23.00 น.

3.ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน เปิดขายได้ตั้งแต่ 4.00-23.00น.

Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

ทีมกู้ภัยใส่ ชุด PPE เดินเท้าฝ่าแดดเป็นกิโลฯ เก็บร่างผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ริมทางรถไฟ

ทีมกู้ภัยใส่ ชุด PPE เดินเท้าฝ่าแดดเป็นกิโลฯ เก็บร่างผู้เสียชีวิตปริศนา ริมทางรถไฟ โซเชียลชื่นชมในความเสียสละ

ภาพจากบันทึกการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ขณะเข้าปฏิบัติการตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต บริเวณริมทางรถไฟรางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ใกล้เคียงจุดจอดรถไฟห้วยระหัด บ้านดอนขุนสนิท ตำบลบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และนำศพผู้เสียชีวิตออกไปด้วยส่งชันสูตรด้วยความทุลักทุเล ได้ถูกแชร์ออกไปโลกออนไลน์ จนมีคนพูดถึงอย่างกว้างขวาง ถึงความทุ่มเทเสียสละของกู้ภัยเหล่านี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด และเป็นศพผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใส่ชุด PPE ป้องกันเชื้อ เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่พบศพ ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทางเดินที่ขรุขระ และชุด PPE ที่เป็นอุปสรรคในการหายใจ จึงเป็นที่น่าชื่นชมถึงความตั้งใจทำงานและความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิแห่งนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตบริเวณริมทางรถไฟรางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ใกล้เคียงจุดจอดรถไฟห้วยระหัด บ้านดอนขุนสนิท ตำบลบัวใหญ่ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยบัวใหญ่ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งที่เกิดเหตุมีการล้อมรั้วกันทางรถไฟเอาไว้ จึงไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปในจุดเกิดเหตุได้ ต้องใช้วิธีเดินเท้า พร้อมกับนำรถเข็นเข้าไปช่วยกันเข็นศพออกมา และในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำเป็นต้องใส่ชุดป้องกันเชื้อโรค จึงทำให้การเก็บศพครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องช่วยกันเข็นศพออกมาตามถนนเรียบรางไฟที่ขรุขระและเป็นโคลนลื่นเนื่องจากจากฝนตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องแวะหยุดเป็นระยะเพื่อพักเหนื่อย ซึ่งกว่าจะนำศพผู้เสียชีวิตออกมาได้ ก็ใช้ระยะเวลานานสมควร

เบื้องต้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ผู้เสียชีวิตชื่อนายวิเชียร อายุ 38 ปี เป็นผู้ป่วยจิตเวช และมีโรคประจำตัวหลายโรค ได้หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา กระทั่งมาพบเป็นศพที่บริเวณดังกล่าว คาดว่า ผู้ตายน่าจะมีอาการจิตเวชกำเริบ จึงเข้ามาเดินในบริเวณเกิดเหตุจนถูกรถไฟเฉี่ยวชนเสียชีวิต

Source : #AmarinTV #ข่าววันนี้ #ข่าว

 

รพ.พระปกเกล้า แจงกรณีผู้ป่วยสมองขาดเลือด หลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

โรงพยาบาลพระปกเกล้า แถลงการณ์ กรณีผู้ป่วยสมองขาดเลือด หลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 แจงไม่ได้เกิดจากการรับวัคซีน

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ผบ.ตร. เชิญชวนตำรวจ คนไทย ฉีดวัคซีนเพื่อหยุดการแพร่ระบาดโควิด

ผบ.ตร. เชิญชวนคนไทย ตำรวจทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อหยุดการแพร่ระบาดโควิด-19 คือวาระแห่งชาติ เผยตำรวจ บช.น. ด่านหน้าฉีดแล้วร้อยละ 50 และขอให้มากกว่านั้น ไม่เช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

บิล เกตส์ ลาออกจากบอร์ดไมโครซอฟท์ในปี 2020 หลังถูกตั้งทีมสอบสวนปมชู้สาว

บิล เกตส์ เคยถูกไมโครซอฟท์ (Microsoft) ตั้งทีมสอบสวน เนื่องจากเกตส์ ไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพนักงานคนหนึ่งของไมโครซอฟท์ในปี 2000 ก่อนที่เกตส์จะลาออกจากบอร์ดบริหารของบริษัท

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เจออีก! ชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา ติดเชื้อโควิด-19 โยงไทม์ไลน์บ่อนพนัน

เจออีก! พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์บ่อนพนันกลางกรุง เชื่อมโยงกว่า 70 ราย ขอผู้มีอำนาจช่วยมาดูด้วย

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เหยื่อแฉถูกชวนลงทุน เชื่อ "ประสิทธิ์ " สนิทใจ หมดไป 80 ล้าน

ผู้เสียหายคดี "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" และเครือข่ายฉ้อโกงพันล้าน กว่า 20 คน นำหลักฐานมอบกองปราบฯ เผยคนเดียวโดนไปร่วม 80 ล้าน ร่วมลงทุนทุกอย่าง เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคม..

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

"เขาทราย" นำทัพแชมป์โลกไทย พร้อม "นริส-แชแม้" จิตอาสาช่วยแพทย์สนามสู้โควิด

กิจกรรมจิตอาสาของชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทยเริ่มแล้ว เขาทราย นำทีมปรุงอาหารบรรจุกล่อง ประเดิมส่งมอบโรงพยาบาลสนาม ทอ. เป็นขวัญกำลังใจแพทย์ 1 เดือนเต็ม

Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline