เรื่องเด่น ฉีดธรรมะกันโควิด วัคซีนสุขแท้วิถีใหม่

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 27 เมษายน 2021.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    1234yyy.jpg


    การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ได้เกิดขึ้นมาในประเทศไทยด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป...ณ เวลานี้ไม่มีจังหวัดใดเลยที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ ความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจกันทุกคน ทุกฝ่าย


    Dtbezn3nNUxytg04acy2JveigQs6vYfowx1hsMwIzXeWEP.jpg

    พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า ทุกชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดก็ตามต่างมีความเกี่ยวเนื่องด้วยกันทั้งหมดอันตรายถึงกับชีวิตได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทางที่ดีและทางที่จะรอดได้ก็คือ...“ความร่วมมือร่วมใจและจิตสำนึกในการรับผิดชอบตนเองรวมถึงผู้คนในสังคม”

    วันนี้...เราจึงไม่แตกต่างจาก “ไก่อยู่ในสุ่ม”

    “เชื้อโรค” ที่แพร่ตามหลักการทางแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ก็ร่วมมือกันป้องกัน...แก้ไขกันต่อไป ส่วนการป้องกันในทางศาสนาหรือทางความเชื่อก็ไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นภูมิคุ้มกันโรคนี้ได้อย่างดี นั่นก็คือ...การนำเอาหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาประยุกต์ใช้ ยึดถือกันอย่างจริงจัง

    นับตั้งแต่การป้องกันมิให้โรคร้ายนี้มาสู่ตัวเรา ครอบครัวของเราด้วยการตั้งอยู่ใน “ความไม่ประมาท” ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของศาสนาด้วยการมีศีลเป็นของตนเอง ไม่ละเมิดหลักธรรมคำสอนของศาสนา อย่างเช่น...การเข้าไปชมการแข่งขันชกมวยและอื่นๆ

    ด้วยว่า...การชื่นชอบและรักในกีฬาเป็นสิ่งที่ดี แต่การลักลอบเล่นการพนันขันต่อได้กลายเป็นการประพฤติผิดศีลธรรมอย่างชัดเจนเพราะการพนันนั้นเป็น “อบายมุข” คือ “ทางแห่งความเสื่อม”

    การลักลอบนำเอาแรงงานต่างชาติเข้าประเทศก็เป็นการประพฤติผิดศีลฆราวาสข้อที่สองคืออาการของคนขโมย...เป็นการประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย เป็นการใช้ชีวิตที่ผิดทั้งทางโลกและทางธรรม

    “การเปิดแหล่งบันเทิงเริงรมย์ก็เป็นการนำเอาผู้คนให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข เช่นเดียวกันนับตั้งแต่ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านการงาน จึงเป็นวังวนแห่งความเสื่อมและความหายนะ นั่นคือเป็นต้นเหตุให้ผู้คนในชาติเกิดความเสื่อม...”

    ทำให้เศรษฐกิจของชาติเกิดความหายนะ ต่างได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนกันอย่างถ้วนหน้า เพราะเป็นการกระทำของผู้คนในสังคมบางคนบางส่วนเท่านั้น นี่คือชะตากรรมของ “ไก่อยู่ในสุ่ม”

    เมื่อสิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้นมาในสังคมของเราแล้ว เราก็คงไม่ต้องไปชี้โทษให้กับใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว มาร่วมมือกัน “ป้องกัน” และ “แก้ไข” จึงจะเกิดประโยชน์ต่อทุกชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม

    Dtbezn3nNUxytg04acy2JveigQs6vYforB8ohfCJbA8cB4.jpg
    บทเรียนในอดีตที่ได้เกิดขึ้นมานั้นสอนพวกเราได้เป็นอย่างดี เมื่อเจ็บแล้วก็ต้องจำ เมื่อจำแล้วก็ต้องหาวิธีป้องกัน...แก้ไข มิให้เราเจ็บซ้ำสองหรือซ้ำสาม ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้นแล้วแปรปรวนไปในท่ามกลางและดับสลายไปในที่สุด

    ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนนอกจาก “ความดีหรือความชั่ว” ที่เรากระทำไว้ในครั้งที่เรายังมีลมหายใจกันอยู่ สองสิ่งที่จะเหลือไว้คือ ถ้ากระทำดีก็จะกลายเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้นำไปเป็น “ตัวอย่างที่ดี” นำไปประพฤติปฏิบัติตาม แต่ถ้ากระทำชั่วก็จะกลายเป็นตราบาปให้ชีวิตเรา...ให้คนรุ่นหลังได้เสื่อมศรัทธา ไม่นับถือ

    แน่นอนว่าการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือกันแล้วเดินไปในทิศทางเดียวกันหรือทิศทางที่คล้ายคลึงกัน ก็จะกลายเป็นพลังแห่ง “ความสามัคคี” ไปในที่สุด

    “ความสามัคคีเท่านั้นจึงจะทำให้เราอยู่ได้และอยู่รอด”

    คนเราเมื่อรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรกระทำแต่ก็ยังลงมือกระทำหรือเข้าไปเกี่ยวข้องก็เพราะคนเราตกอยู่ในอำนาจของ “กิเลสคือเครื่องที่ทำให้เราเศร้าหมอง” ได้ครอบงำ

    สิ่งที่จะทำให้เราเศร้าหมองคือ...ความโลภ ความโกรธ ความหลง

    อยากได้สิ่งของของคนอื่นมาในทางที่ผิดไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมก็ทำให้เศร้าหมอง มีความโกรธขึ้นมาเพราะไม่ได้ดังตั้งใจไว้ก็มีโอกาสทำร้ายหรือเข่นฆ่าชีวิตกันขึ้นมาได้ “หลงผิด”...และ...“เข้าใจผิด” ก็สามารถทำให้มนุษย์เรากลายเป็นคนอีกชนิดหนึ่งไปได้เช่นเดียวกัน

    “บางทีอาจจะถูกให้เปลี่ยนแปลงสถานะที่เคยมีและเคยเป็นก็ได้ บางทีอาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายก็ได้เพราะความหลงผิดนี่เอง ดังนั้นชีวิตของเราจะอยู่อย่างมีความสุขและความเจริญจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของ กิเลส ...เมื่อเราหลุดพ้นจากกิเลสแล้วจะต้องมี ปัญญา ไว้เป็นหางเสือคอยส่องสว่างทางชีวิต”

    การแพร่ระบาดไวรัส “โควิด-19” จึงต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจ กฎ...กติกาทางสังคมกำหนดออกมาเช่นใดก็ขอให้เราให้ความร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติ อย่าได้อ้างเหตุผลส่วนตัวหรือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง

    Dtbezn3nNUxytg04acy2JveigQs6vYfodAD0FyHyKWZuBh.jpg
    “ทุกชีวิตล้วนมีเหตุและผลเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองด้วยกันทั้งนั้น เรายอมเสียสละส่วนตนเพื่อส่วนรวมขอให้ช่วยกันประพฤติปฏิบัติ แล้วประโยชน์ที่เกิดต่อส่วนรวมก็มีจะเกิดขึ้นมามีคุณค่าอย่างมหาศาล”

    สุดท้าย...ส่วนรวมก็จะพบแต่ความสุขความร่มเย็นดังที่ทุกคนปรารถนา มนุษย์เรามีความสุขก็เพราะมนุษย์ทำให้เกิดความสงบ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้ามนุษย์เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความทุกข์ก็เพราะมนุษย์เราร่วมกันสร้างแต่บรรยากาศที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้ง” นั่นเอง

    ฉีด!...“ธรรมะ” กันโควิด ถึงตรงนี้ พระมหาสมัย บอกอีกว่า โรคภัยไข้เจ็บที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้จะสงบระงับได้ก็ต้องอาศัยทุกชีวิต ทุกคนล้วนเป็นศาสนิกชนที่ดีของศาสนาที่ตนเองเคารพนับถือ ขอให้ยึดหลักธรรมคำสอนของพระศาสดามาเป็นแนวทางปฏิบัติของชีวิตให้เคร่งครัด อย่าได้ละเมิดข้อห้ามทางศาสนา

    “ขอให้น้อมนำเอาคำสอนที่ดีเหล่านั้นมาใช้กันอย่างจริงจัง พฤติกรรมใดที่เคยไม่ดีมาแล้วในอดีต ขอให้มันผ่านไป ขอให้นำมาเป็นบทเรียนของชีวิต ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชนคือชาวพุทธแล้วขอให้ยึดถือหลักศีลห้าของตนเองอย่างเคร่งครัด การเข่นฆ่าชีวิตคนอื่น การลักขโมยเอาทรัพย์สินของคนอื่น การพฤติผิดลูกเมียคนอื่น...

    การพูดจาที่ไม่สุภาพและก่อให้เกิดโทษแก่คนอื่น การดื่มสุรา ของมึนเมา ยาบ้า ยาเสพติดล้วนเกิดโทษ...จะก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆ ติดตามมา เหล่านี้ก็ขอให้ลด ละ เลิกกันเสีย”

    ไม่มีใครคนใดที่จะให้สติและเตือนใจเราได้นอกจาก “ตัวเรา” เอง มากลับตัวกลับใจโดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเราจะดีขึ้น ครอบครัวของเราจะดีขึ้น ตระกูลของเราจะดีขึ้น ชุมชนและหมู่บ้านของเราจะดีขึ้น โดยที่เราประพฤติตนเองเป็นตัวอย่าง

    “ชีวิต”...ยังไม่สายเกินที่จะแก้ ถ้ารู้แล้วมาแก้ไขด้วยตนเองและเริ่มที่ตัวเราเอง

    Dtbezn3nNUxytg04acy2JveigQs6vYfoLlD13B7tzbvVSD.jpg
    ไวรัส “โควิด” จะแพร่ระบาดกี่ครั้งกี่รอบก็จะสลายหายไปจากมนุษย์เราได้ตราบใดที่ผู้คนในสังคมได้มีจิตสำนึกในการให้ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎและกติกาทางสังคมร่วมกัน “วัคซีน”...ที่จะฉีดป้องกันได้ผลดีที่สุดก็ต้องอาศัยทั้งสองฝ่ายคือวัคซีนฝ่ายทางโลกและวัคซีนฝ่ายทางธรรม

    ผนวกบวกกับผู้คนในสังคมและในชาติ ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของศาสนา รักษาศีล...รักษาธรรมให้มีความสงบร่มเย็นทั้งภายนอก...ภายใน สิ่งชั่วร้ายก็จะไม่เข้ามาเบียดเบียน ทุกชีวิตก็ปลอดภัย

    “ศีลห้า” และ “อบายมุข” คือ “หลักธรรม”...ที่จะป้องกัน แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ “ไวรัสโควิด-19” อย่างได้ผล หันมาฉีดธรรมะสู้โควิด-19 เพื่อความสุขแท้วิถีใหม่กันเถิด.




    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.thairath.co.th/news/local/2077600
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 เมษายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...