งามวิจิตรตรึงใจ ในพุทธศิลป์ถิ่น“แม่ฮ่องสอน”

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 4 พฤศจิกายน 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 พฤศจิกายน 2552 15:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระธาตุดอยกองมู สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แม้“แม่ฮ่องสอน”จะถูกภาคการปกครองและภาคการท่องเที่ยวกำหนดให้เป็น 1 ในกลุ่ม จังหวัดล้านนา แต่ถ้าหากมาพิจารณาถึงอัตลักษณ์ของเมืองนี้จะพบว่า เมืองสามหมอกแม่ฮ่องสอนมีความแตกต่างจากเมืองล้านนาอื่นๆตรงวิถีแห่งความเป็น“ไทยใหญ่”หรือ“ไต”อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สมดังจังหวัดที่มีผู้คน(เชื้อสาย)ไทยใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุดในเมืองไทย

    นั่นจึงทำให้แม่ฮ่องสอนอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งไทยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมิตรจิตใจอันดีงาม วิถีที่ยังแนบแน่นในพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันมีรูปแบบเฉพาะตัว อาหารการกิน รวมไปถึงงานศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ที่ปรากฏในงานพุทธศิลป์ต่างๆมากมาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทะเลหมอกยามเช้า ในมุมมองบนพระธาตุดอยกองมู </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ด้วยเหตุนี้เมื่อ“ตะลอนเที่ยว”ได้มีโอกาสขึ้นแอ่วแม่ฮ่องสอนครั้งล่าสุดเมื่อลมหนาวมาเยือน เราจึงถือโอกาสตระเวนเข้าวัดวาในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปไหว้พระ ทำบุญ พร้อมไม่ลืมที่จะชื่นชมงานพุทธศิลป์แบบไทยใหญ่อันเป็นเอกอุของเมืองสามหมอกแห่งนี้

    สำหรับวัดแรกที่ไป คือ“วัดพระธาตุดอยกองมู”ที่ตั้งเด่นตระหง่านง้ำบนดอยกองมู(กองมูแปลว่าพระธาตุหรือเจดีย์) วัดแห่งนี้เดิมชื่อวัดปลายดอย มีงานพุทธศิลป์โดยรวมเป็นแบบไทยใหญ่ เป็นสถานที่ประดิษฐาน“พระธาตุดอยกองมู”พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่ว่ากันว่าใครไปแอ่วเมืองสามหมอกแล้วไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยกองมูถือว่ายังไปไม่ถึง

    พระธาตุดอยกองมู เป็นพระธาตุคู่สีขาวเด่นเคร่งขรึมขลัง พระธาตุองค์ใหญ่(องค์แรก)สร้างในปี พ.ศ.2403 โดยจองต่องสู่ ใช้เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระที่นำมาจากพม่า พระธาตุองค์เล็ก(องค์หลัง)สร้างในปี พ.ศ. 2417 โดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ตรงมุมทั้งสี่ของฐานพระธาตุประดับด้วยประติมากรรมรูปสิงห์ปูนปั้น ส่วนที่ฐานประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดในต่างๆ แต่ละวันจะมีคนขึ้นมาไหว้องค์พระธาตุและพระพุทธรูปประจำวันเกิดไม่ได้ขาด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>วัดก้ำก่อ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากความเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองแล้ว บนวัดพระธาตุดอยกองมูยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี ที่เมื่อมองลงไปจะเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่อย่างสงบงามท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม ฝั่งหนึ่งมองเห็นหนองจองคำ-วัดจองคำ-วัดจองกลาง อีกฝั่งหนึ่งมองเห็นสนามบินที่หากใครไปถูกจังหวะเวลาก็เห็นเครื่องบิน บินขึ้น-ลง เป็นของแถมชั้นเลิศ

    ส่วนช่วงหน้าหนาวถ้าใครขึ้นวัดนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ มีโอกาสกว่า 80 % ที่จะเห็นทะเลหมอกอันสวยงามลอยอ้อยอิ่งปกคลุมตัวเมืองและขุนเขาที่เห็นยอดแพลมอยู่ไกลๆ ดูประหนึ่งราวกับว่าวัดพระธาตุกองมูตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าที่มีเมฆลอยพลิ้วลิ่วละเรี่ย สมดังคำขึ้นต้นคำขวัญจังหวัดว่า“กองมูสูงเสียดฟ้า”อันลือลั่น

    ลงจากพระธาตุดอยกองมู “ตะลอนเที่ยว”แวะบริเวณเชิงดอย(ทางขึ้นพระธาตุ) เพื่อไหว้พระติดกัน 3 วัดรวดที่อยู่ในละแวกเดียวกัน

    วัดแรกคือ “วัดก้ำก่อ” (ก้ำก่อภาษาไทยใหญ่แปลว่า "ดอกบุนนาค")หนึ่งในวัดเก่าแก่คู่เมืองสามหมอก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2433 ด้านหน้าวัดโดดเด่นด้วยสิงห์คู่ศิลปะไทยใหญ่ 2 ตัวยืนขนาบซ้ายขวา ถัดไปฟากถนนเป็นเจดีย์สมส่วนขนาดย่อม ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นทางเดินหลังคาคลุม มีซุ้มประตูหลังคาซ้อนชั้นตกแต่งลวดลายฉลุสังกะสีอย่างวิจิตรบรรจง ทางเดินสายนี้นำเข้าสู่ศาลาอันขรึมขลัง ข้างในมีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่-พม่า อันสวยงามให้สักการะบูชา

    ด้านข้างทางเดินเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ มีภาพแกะสลักไม้ลงสีสวยงาม เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับพุทธประวัติที่ทางวัดบอกว่าได้มาจากร้านขายของเก่า หางดง เชียงใหม่

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระนอนวัดพระนอน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ตรงข้ามกับวัดก้ำก่อเป็น“วัดพระนอน” จุดหมายลำดับต่อไป วัดแห่งนี้ประดิษฐานพระนอนยาว 12 เมตร สร้างด้วยศิลปะไทยใหญ่ มีพุทธลักษณะงดงามมาก พระพักตร์หวาน ดูอิ่มบุญ จีวรพลิ้วดูสบายตา ตามประวัติเล่าว่าสร้างโดยพระนาง เมี๊ยะ ภริยาของพระยาสิงหนาทราชา

    ข้างๆองค์พระนอน(ฝั่งพระพักตร์)มีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่ จีวรประดับกระจกสวยงามประดิษฐานอยู่ เขยิบถัดไปอีกหน่อยเป็นพิพิธภัณฑ์ของทางวัด ข้างในมีโบราณวัตถุน่าสนใจอยู่หลากหลาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปไทยใหญ่ พม่า และพระพุทธรูปบัวเข็มที่พบมากตามวัดในแม่ฮ่องสอน เพราะชาวไทยใหญ่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์วัดม่วยต่อ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากวัดพระนอนเราไปแวะ“วัดม่วยต่อ” เพื่อไหว้พระ และชมเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญสีขาวเด่น บนเนินด้านหลังวัด อันเป็นจุดชวนชมสำคัญของวัด

    ออกจากวัดม่วยต่อ “ตะลอนเที่ยว”เดินทางไปยังหนองจองคำ เพื่อเที่ยวชมวัดจองกลางและวัดจองคำ 2 วัดที่อยู่ติดกันแบบไม่มีกำแพงขวางกั้น จนหลายๆคนยกให้เป็นดังวัดคู่แฝดแห่งเมืองแม่ฮ่องสอน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>วัดจองกลางกับเจดีย์อันโดดเด่นเป็นสง่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับวัดจองกลางนั้น มีจุดเด่นอันเป็นความต่างจากวัดจองคำคือ มีเจดีย์องค์ใหญ่ฐานสีขาว ยอดสีทอง อันสวยงามสมส่วนตั้งอยู่ทางส่วนหน้าของวัด เจดีย์องค์นี้ตามประวัติของวัดระบุว่า เริ่มสร้างเมื่อพ.ศ.2456 แล้วเสร็จใน พ.ศ.2458 จากศรัทธาของขุนเพียร (พ่อเลี้ยงจองนุ) พิรุญกิจและแม่จองเฮือนคหบดี โดยช่างชาวไทยใหญ่ เป็นรูปทรงจุฬามณี มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมมีมุข 4 ด้าน มีสิงห์ด้านละ 1 ตัว ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มานมัสการ

    นอกจากองเจดีย์อันโดดเด่นแล้ว ในวิหารวัดจองกลางยังมีพระพุทธสิหิงค์จำลองให้ผู้คนได้สักการะบูชา ส่วนด้านข้างทางวัดจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงศิลปวัตถุอันหลากหลาย ที่เด่นๆก็มี บุษบก พระไม้ ไม้แกะสลักเป็นเทวทูตทั้ง 4 (เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย) ตุ๊กตาแกะสลักต่างๆ ภาพวาดบนแผ่นกระจก และข้าวของเก่าแก่อีกหลายชิ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>วัดจองกลาง-จองคำ ในมุมมองผ่านหนองจองคำ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ออกจากวัดจองกลางเดินไปอีกนิดก็จะเป็น“วัดจองคำ”ที่มีข้อมูลระบุว่าชื่อวัดมาจากการที่เสาวัดประดับไปด้วยทองคำเปลว

    วัดจองคำ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2370 เป็นวัดแห่งแรกในเมืองแม่ฮ่องสอน มีความโดดเด่นตรงหลังคาวัดเป็นรูปปราสาทซ้อน 9 ชั้น พร้อมองค์ประกอบเป็นงานฉลุสังกะสีประดับประดาอย่างสวยงาม ตามความเชื่อที่ว่าปราสาทเป็นของสูง ผู้ประทับในปราสาทจึงควรจะเป็นพระมหากษัตริย์หรือตัวแทนพระศาสนาเท่านั้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลวงพ่อโต วัดจองคำ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วัดแห่งนี้มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ“หลวงพ่อโต”พระพุทธรูปองค์โต สร้างเมื่อ พ.ศ.2477 มีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์หวานอมยิ้มเล็กน้อย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.85 เมตร ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ซึ่งมีลักษณะแปลกไปจากวิหารพระทั่วไปในแม่ฮ่องสอน เพราะมีตัวอาคารเป็นศิลปะตะวันตก

    หลังไหว้หลวงพ่อโตองค์งามแล้ว เราไปต่ออารมณ์ไหว้พระงามกัน ณ วัดสุดท้ายของทริป ที่ “วัดหัวเวียง” (วัดกลางเวียง,วัดกลางเมือง) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้ๆกับตลาดเช้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>งานประดับสังกะสีฉลุที่วัดจองคำ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วัดแห่งนี้ สร้างใน พ.ศ. 2406 เมื่อเข้าไปแล้วภาพของความงดงามในงานศิลปกรรมไทยใหญ่ก็พุ่งจับหมับเข้าดวงใจทันที ทั้งเจดีย์สีขาวยอดสีทองอันสมส่วน วิหารใหญ่หลังคาซ้อนหลายชั้น ในนั้นมีพระพุทธรูปหลายองค์ด้วยกัน มีทั้งงานฝีมือช่างพื้นบ้านและงานฝีมือช่างชั้นครูที่สร้างพระพุทธรูปได้อย่างปราณีตขรึมขลัง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=298><TBODY><TR><TD vAlign=top width=298 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจ้าพาราละแข่ง สุดยอดพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ส่วนสิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดหัวเวียง ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาเที่ยวชมก็คือ “พระเจ้าพาราละแข่ง”พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสามหมอก ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าพาราละแข่ง ซึ่งมีการบูรณะซ่อมแซมไปในปี พ.ศ. 2536 มีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมรูปทรงออกแนวไทยใหญ่ประยุกต์ หลังคามุงกระเบื้องไม้ซ้อนชั้นไล่ขนาดกันขึ้นไป

    สำหรับองค์“พระเจ้าพาราละแข่ง”นั้น ปัจจุบันทางวัดสร้างประตูเหล็กกั้นรอบองค์พระอีกที ตามประวัติเล่าว่า จำลองมาจาก“พระมหามุนี” เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า โดยลุงจองโพหย่า เดินทางไปนิมนต์มา แล้วสร้างเป็นท่อนๆ รวม 9 ท่อน ล่องแม่น้ำมา ก่อนนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง

    พระเจ้าพาราละแข่ง เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพม่าที่ได้รับการยกย่องว่ามีพุทธลักษณะงดงามมากที่สุดในเมืองไทย พระวรกายเพรียวงาม พระพักตร์อิ่มเอิบ ส่วนเครื่องทรงองค์ประกอบอื่นๆช่างสมัยโบราณก็สร้างอย่างสุดวิจิตรบรรจง

    นับเป็นความงามในพลังแห่งศรัทธาปิดท้ายทริปไหว้พระในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ที่จะว่าไปบรรยากาศในตัวเมืองให้อารมณ์ทางการท่องเที่ยวค่อนข้างแตกต่างไปจากเมืองปายโดยสิ้นเชิง ยังไงๆเราก็ขอให้ชาวแม่ฮ่องสอนเก็บวิถีอันงดงามแบบนี้ให้อยู่คู่เมืองสามหมอกไปอีกตราบนานเท่านาน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> *****************************************
    สอบถามข้อมูล เส้นทางเที่ยววัดในตัวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในแม่ฮ่องสอนเพิ่มเติมได้ที่ ททท.แม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-2982-3
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...