ค้นพบหลักฐาน มนุษย์ต่างดาวคือผู้วาดภาพผาแต้ม อ.โขงเจียม อุบลราชธานี จริง! หรือ เท็จ!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Siani_3D, 14 มกราคม 2011.

  1. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 1 - ภาพเขียน ก่อนอารยะธรรม สี่พันปี ที่ผาแต้ม ใครเขียน ??
    เค้นเอาความรู้ โดย ยรรยง สินธุ์งาม**

    อุทยานแห่งชาติผาแต้ม


    อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เนื่องมาจากเป็นกลุ่มภาพเขียนสี ของมนุษย์ยุคก่อนอารยะธรรม กว่า 4,000 ปี เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ติดอันดับ 1 จากผ่านการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งความสะดวกสบาย ความสะอาด ความปลอดภัย และโดดเด่นในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ

    สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ชอบแดด อากาศแจ่มใส ก็ไปหน้าร้อน ชอบน้ำตก และความชุ่มชื้น ก็ให้มาในหน้าฝน อยากกลางเต๊นท์นอนชมดาว ช่วงเช้ายลตะวันขึ้นก่อนใครในสยาม ก็มาในฤดูหนาว เจ้าหน้าที่ทุกคนที่นี่ เป็นกันเอง อบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะหัวหน้าอุทยานฯท่านให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจในจุดนี้เป็นอย่างยิ่ง ถ้ามาเที่ยวในช่วงปิดเทอม ก็จะได้พบกับ ยุวมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นเยาวชน จากโรงเรียนที่อยู่ในอำเภอโขงเจียม เป็นโครงการร่วมของหลายหน่วยงาน ที่มีอุทยานแห่งชาติผาแต้มเป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อให้เด็กฝึกฝนการทำงาน และเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน

    ภาพเขียนสีมีอยู่สามกลุ่ม คือ กลุ่มผาขาม
    [​IMG]



    [​IMG]
    ภาพเขียนกลุ่มผาขาม

    กลุ่มผาแต้ม
    [​IMG]
    [​IMG]
    กลุ่มภาพเขียนสี ที่ผาแต้ม เป็นภาพเขียนกลุ่มใหญ่ที่สุด


    เป็นภาพที่ยาวต่อเนื่องกับภาพบน

    และกลุ่มผาหมอน
    [​IMG]


    [​IMG]
    กลุ่มภาพผาหมอนน้อย

    ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะ ของภาพ การตีความ ของนักโบราณคดี ที่มีอยู่แต่เดิม ซึ่งจะปรากฎตามเอกสารต่างๆ จากการเผยแพร่ของอุทยานฯ นั้น จะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเนื้อหาที่ปรากฏจากนี้ไป เป็นการไขปริศนา ภาพจากการศึกษาของ คนล่าวิญญาณ ที่บังเอิญมีผลการศึกษา ไปสอดคล้องกับ ภาพที่ถูกเขียนไว้ กว่า 4,000 ปี จึงนำมาบันทึกไว้บน เว็บไซต์วิชาการ.คอม เพื่อร่วมแลกเปลี่ยน กับทุกคนบนสังคมการเรียนรู้แห่งนี้

    ใครเขียน ?? คำตอบ คือ คนในยุคนั้น หรือ บรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ ของเรา นั่นเอง

    เขาเขียนด้วยอะไร ?? วัสดุดังกล่าว ถึงอยู่ทนมาจนถึงปัจจุบัน ?? เป็นอีกหนึ่งคำถาม
    ที่คำตอบ ในปัจจุบันของนักวิชาการชาวโลก ที่ยังไม่คลายความสงสัยให้แก่ผู้คน


    เขาเขียนภาพอะไร ?? เพื่อสื่อถึงอะไร ?? ในประเด็นนี้ ผมจะนำท่านไปหาคำตอบพร้อมๆกัน ครับ



    ห้ามพลาดครับ หน้าต่อไป จะพบกับหลักฐาน ที่อำพราง ความจริงมาจนถึงปัจจุบัน !!


    ...ยังมีต่อครับ....
     
  2. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 2 - ภาพTop view โครงสร้างหลังคา ที่ผาขาม ชี้ชัด ว่าเป็นเทคโนโลยี ยุคปัจจุบัน
    ถอดรหัสโดย ยรรยง สินธุ์งาม**

    ภาพ Top view โครงสร้างหลังคา ที่ผาขาม ชี้ว่า มาจากต่างดาว


    กลุ่มภาพที่ผาขาม เป็นกลุ่มภาพ กลุ่มแรก ที่เราจะได้พบเมื่อเดินลงไปชมภาพเขียน จะเริ่มไล่เรียงไปตามภาพที่ปรากฎ ผมก็จะเล่าไป หากมีข้อความส่วนใดที่ขัดเคือง ไม่สอดคล้องกับความเห็น ของท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ ขอให้มองเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของวิชาการ ที่มีการเปิดกว้าง นะครับ




    [​IMG]
    ภาพที่ 1

    [​IMG]
    ภาพที่ 2 ภาพ 1 และ 2 เป็นภาพต่อกันในทางยาว ตามแนวนอน


    [​IMG]
    ภาพที่ 3 นี้ ตัดส่วน จากส่วนท้ายของภาพที่ 1 ซึ่งจะเป็นส่วนหัวของภาพที่ 2 เป็นส่วนที่นำมาขยายให้เห็น ลายเส้นโครงสร้าง ของอาคารที่มีลักษณะยาว ที่เห็นเป็นเส้นๆ คล้ายกระดูกงู น่าจะเป็นโครงหลังคา เป็นการเขียนภาพที่มองจากที่สูง หรือ ภาพ Top view ในทางการเขียนแบบ


    [​IMG]
    ภาพที่ 4 แสดงภาพตลอดแนว ผาขาม

    เมื่อดูภาพตลอดแนว จะเห็นว่าอาคารดังกล่าว ยาวต่อเนื่องกัน โดยไล่เรียงจากภาพด้านซ้ายมือ
    หมายเลข 1 อาคารผู้นำ จะมีตัวอาคารสั้น มีโครงหลังคาในส่วนต้นเป็นรูปหยักฟันปลา ในจุดนี้ วัสดุที่ใช้น่าจะเป็นโลหะ จึงจะสามารถ ดัดงอ หรือเชื่อมต่อ เป็นลักษณะฟันปลา และให้ความแข็งแรงแก่โครงสร้างของหลังคา
    เมื่อ 3,500 ปี หรือ สมัยมนุษย์ถ้ำ ยังไม่มีเทคโนโลยีผลิตเหล็กเส้น ครับ

    หมายเลข 2 จุดเชื่อมต่อ เขาจะทำให้ตัวอาคารเรียวเล็กลง เพื่อทำเป็นประตู เชื่อมต่อกับอาคารหลังยาว หรืออาคารรวม เหตุผลที่ต้องมีจุดเชื่อมต่อ ลักษณะเช่นนี้ น่าจะเป็นในแง่ของ ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัย

    หมายเลข 3 อาคารรวม ในส่วนของอาคารรวม จะมีความยาวกว่าอาคารแรกถึง 4 เท่า

    หมายเลข 4และ5 เป็นช่องเปิดอาคารรวม เพื่อใช้เป็นทางเข้า ออก

    หมายเลข 6 เป็นช่องเปิดท้ายอาคาร หรือ ทางเข้า ออก ท้ายอาคาร

    จากการออกแบบ โครงสร้างอาคาร ดังกล่าว ถ้าเป็นยุคสมัยปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ ! มันเกิดขึ้นในยุคของมนุษย์ถ้ำ จึงบ่งชี้ว่า ไม่ใช่เทคโนโลยี ของมนุษย์ถ้ำอย่างแน่นอน เพราะ ตามประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ในขณะนั้น มนุษย์ ยังไม่รู้จักสร้างที่อยู่อาศัย ยังไม่รู้จักแม้แต่ถักทอ เสื้อผ้า อาจจะรู้จักเพียง นำเศษหญ้า ฟาง ใบไม้ หรือ หนังสัตว์มาห่อหุ้ม ร่างกาย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น

    การนำวัสดุหยักเป็นฟันปลา มาเสริมโครงสร้าง ของอาคารในส่วนของอาคารหลังเล็ก แสดงว่าให้ความสำคัญแก่พื้นที่ส่วนนี้ ซึ่งขอเรียกว่า อาคารที่พักของผู้นำ ที่เรียกดังนี้ เพราะมี เหตุ สนับสนุน ดังนี้
    1) เป็นอาคารที่แยกมาจาก อาคารใหญ่ และมีการก่อสร้างในรูปแบบพิเศษ กว่าอาคารหลังใหญ่
    2) การที่สร้างอาคารขึ้นมาเป็นการเฉพาะ แสดงว่า ต้องเป็นที่ ที่มีความสำคัญ ถ้าไม่เป็นที่อาศัยของ ผู้นำ หรือ หัวหน้ากลุ่ม ก็น่าจะเป็นที่อาศัยของผู้ที่ กลุ่มคนให้การเคารพนับถือ เช่น พ่อมด หมอผี หรือเทพเจ้า อย่างหนึ่งอย่างใด
    3) หรือ อาจจะใช้เป็นห้องรับรอง ห้องประชุม ห้องวางแผน หรือประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ ของกลุ่ม

    วัสดุที่จะมาทำเป็นฟันปลา แล้วก่อให้เกิดความแข็งแรง ของโครงสร้าง น่าจะเป็น วัสดุที่ทำจากโลหะ ถ้าเป็นโลกในยุคปัจจุบัน ก็ต้องเรียกว่า หลังคาโครงเหล็ก ครับ ที่ใช้การเชื่อมต่อ โดย เครื่องเชื่อมไฟฟ้า และค่อนข้างแน่ชัดว่า โครงสร้างที่เขียนเป็นเส้นตรง ก็น่าจะเป็น วัสดุที่ทำจากโลหะ เพราะการเขียนแต่ละเส้น ไม่มีเส้นคดงอ ที่น่าจะสื่อ
    ไปถึงการนำเอาไม้มาเป็นวัสดุในการก่อสร้าง

    [​IMG]
    ภาพที่ 5 แสดง อาคารผู้นำ และโครงสร้าง ของโครงหลังคาอาคาร


    ก็อย่างที่กล่าวมา จากข้อมูล มนุษย์ในยุคนี้ อยู่ถ้ำ ครับ ยังไม่มีวิทยาการใดๆ ที่จะนำมาก่อสร้างบ้านเรือน ฉะนั้น แค่เรื่องการก่อสร้างที่พักอาศัย ก็ชี้ชัดแล้วว่า เป็นเทคโนโลยีของมนุษย์จากดาวดวงอื่น ที่แวะมาถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้กับมนุษย์โลก ในยุคถ้ำ

    ภาพเขียนที่ผาขาม จะยังไม่ปรากฎ ภาพฝ่ามือ อันลือชื่อของผาแต้ม น่าแปลกมั๊ยล่ะ ?? หลายคนมาผาแต้ม แล้วเข้าใจว่า มนุษย์ถ้ำ จะวาดอะไร เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไปทั่ว ต้องบอกว่า ท่านเข้าใจอะไร ?? เกี่ยวกับบรรพบุรุษของเรา คลาดเคลื่อนไป ความมีแบบแผน ที่ผมพบ น่าจะสรุปว่า มีการวางแผน ก่อนการเขียนภาพ ค่อยๆตามติดไปนะครับ จะได้ทราบว่า เขาวางแผนบันทึกประวัติศาสตร์ ด้วยรูปภาพ จริงอย่างที่ผมนำเสนอหรือไม่ เนื่องจากยุคนั้น ยังไม่มี การประดิษฐ์ตัวอักษร ขึ้นมาใช้ จึงใช้การบันทึกโดยรูปภาพ ที่ผมตั้งข้อสังเกต เรื่องการวางแผน ในการเล่าเรื่อง ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการจงใจ ใครล่ะ?? จะเป็น ผู้วางแผน ถ้าบอกว่า เป็นบรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำของเรา คิดวางแผนเอง ก็คงต้องแย้งกัน สุดตัว ต้องเป็นผู้ที่มีอารยะธรรมสูงกว่ามนุษย์ถ้ำ !! แน่นอนจะสงสัยใครไม่ได้ นอกจาก มนุษย์จากดาวดวงอื่น เพราะอายุของโลกในขณะนั้น อารยะธรรมของมนุษยชาติ เป็นเพียง มนุษย์ถ้ำ ครับ !!

    เอาแค่ วัสดุที่นำมาทำเป็นสีเขียนหน้าผา นี่ก็ น่าทึ่ง!! แล้ว สีอะไร จะอยู่มาได้ กว่า 4 พันปี แม้นักวิชาการของโลกเรา จะบอกว่า เป็นสีจากยางไม้ และแร่เหล็ก ที่อยู่ในฝุ่นหิน ที่นำมาเป็นส่วนผสม ก็แล้วทำไม บริษัทผลิตสีในยุคสมัยนี้ ถึงผลิตสี ที่มีคุณภาพไม่ได้เศษเสี้ยวของมนุษย์ถ้ำ เอาซะเลย เต็มที่ ไม่ถึง 5 ปี ก็ ลอก ร่อน ไม่ว่าจะใช้นาโนเทคโนโลยี เข้ามาช่วย อย่างที่เขาโฆษณากันอยู่

    จากภาพที่ 4 ในส่วนท้ายภาพ มีสัญลักษณ์พิเศษที่อยู่ในวงรี ซึ่ง ยังแปลความไม่ได้ แต่ขอนำเสนอไว้ ดังนี้


    [​IMG][​IMG]
    ภาพที่ 6 แสดง ภาพขยาย สัญลักษณ์พิเศษ พร้อมลงลายเส้นสีขาว เพื่อให้ท่านสังเกตได้ง่ายขึ้น

    ขอตั้งชื่อ ว่า การขับไล่ Drive out ถ้าเป็นการขับไล่ จริงๆ ก็แสดงว่า มีมากกว่าหนึ่งเผ่าพันธุ์ ที่มาพบกับบรรพบุรุษมนุษย์ของเรากลุ่มนี้

    ถ้าไม่ใช่ การขับไล่ แต่เป็น การป้องกัน ล่ะ !! ก็แสดงว่า มีสัตว์ร้าย รูปร่างดั่งภาพ คอยมารุกราน มนุษย์เหล่านี้
    ซึ่งภาพที่วาดไว้ ก็เป็น ลักษณะของสัตว์ที่ ค่อนข้างแปลกตา อยู่นะ ครับ ??




    อะไรที่ทำให้ผมมองว่า เป็นภาพโครงสร้างที่มองจากมุมบน หรือ Top view ของวัตถุ ??

    จะยังไม่กล่าวตอนนี้ ...


    หน้าต่อไปเป็น กลุ่มภาพที่ผาแต้ม ครับ ท่านอ่านแล้วอาจจะไม่เชื่อ ?? ... ต้องติดตาม


    บันทึกพิเศษ

    หลังจากที่ผมเริ่มเผยแพร่เรื่อง การอ่านจารึก ที่ผาแต้ม 2 วันต่อมา รู้สึกแสบแผ่นหลัง เวลาอาบน้ำ คล้ายๆเราไปตากแดดจัดๆ แล้วผิวหนัง ไหม้ จนลอก ทั้งๆที่อยู่ในร่มตลอด วันต่อมาจึงถ่ายภาพแผ่นหลัง ตัวเองมาดู กลับพบว่า รอยไหม้ เป็นรูปลักษณ์ แปลกๆ คล้ายๆกับโดนใครเอา เหล็กร้อน รูปลักษณ์ดังกล่าวมานาบแผ่นหลัง มีโอกาสจะนำภาพรอยดังกล่าวให้ดูครับ

    แม้จะถูกไม่ถึงร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็เป็น มนุษย์โลก คนแรก ที่พอจะอ่านจารึกดังกล่าว รู้เรื่อง ....

    ก็นึกเล่นๆ ไปน่ะ! ถ้ามีโอกาสก็อยากไปถ่ายภาพ ในมิติของชาวต่างดาวดังกล่าว มาฝาก มนุษย์โลก !! ก่อนที่จะออกจากร่างกายหยาบ ของ ชาวดาวโลก

    บันทึกเมื่อ 17 เมษายน 2553


    [​IMG]
    24 เมษายน 2553 วันนี้ขอนำ ภาพรอยไหม้บนแผ่นหลัง ที่ผมเคยเกริ่น ไว้เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2553 มาให้ท่านดูและได้ลงลายเส้นสีแดง เพื่อให้ท่านได้เห็น ลวดลายที่ชัดเจน


    สองสัปดาห์ต่อมา รอยก็หายไปและไม่ปรากฎรอยแผลเป็น แต่อย่างใด ก็น่าแปลกดีนะครับ !!
    แล้วเขามาสลักหลังผม เพื่ออะไร?? เพราะอีกไม่นาน ร่ายกายนี้ก็ต้อง แตกดับ !! ไปตามธรรมชาติ

    และภาพนี้ เขาคงใช้เทคนิคการยิงลำแสง ผ่านแบบพิมพ์ เหมือนการใช้สีสเปรย์ ฉีดพ่น ผ่านแม่พิมพ์ที่จัดเตรียมไว้แล้ว และอาจจะเป็นวิธีการเดียวกันกับ วิธีการจารึกศิลปะถ้ำบนหน้าภูผาแต้ม ก็เป็นได้ !!
     
  3. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    เค้ามาที่นี่กันตั้งนานมากแล้ว ที่ฝังตัวอยู่มาตั้งแต่โบร่ำโบราณก็มี คนสมัยนู้น ได้เห็นการมาของพวกเค้าก็นึกว่าเป็นเทพยดาจากสวรรค์ กลายเป็นตำนานแถนจากฟ้าบ้าง กลายเป็นภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์บ้าง

    ว่าแต่ในบอร์ดนี้ มีใครเคยดูเรื่อง อาคันตุกะมฤตยู หรือ วี หรือ เดอะ คอมพลีท ซีซั่น วัน บ้าง สนุกมากมายจริงๆ นะ


    [​IMG]
     
  4. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 3 - ภาพมนุษย์ผู้มากับยานบิน ที่ผาแต้ม
    บีบเค้นเอาความรู้ โดย ยรรยง สินธุ์งาม**

    ภาพมนุษย์ผู้มากับยานบิน ที่ผาแต้ม


    เริ่มด้วยภาพ ของผาแต้ม ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบ ในภาพเป็นบรรยากาศ เมื่อ 1 เมษายน 2553
    [​IMG]

    ซึ่งถ้าเป็นหน้าฝน บรรยากาศก็จะชุ่มฉ่ำกว่านี้ อุทยานจะทำหอชมภาพเขียน ไว้ให้พร้อมสรรพ ถ้าเป็นหน้าฝนก็จะมีหลังคาไว้กันฝน กลุ่มภาพผาแต้ม ก็จะเริ่มจากจุดนี้ครับ ซึ่งระยะทางประมาณ 1,500 เมตร จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ควรมีขวดน้ำดื่ม แก้กระหาย เวลาลงเขา ขึ้นเขา ครับ
    อย่าลืมนำขยะกลับไปทิ้ง ที่ถังรองรับขยะบริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ฝากด้วยนะครับ

    ผมเริ่มจับภาพตั้งแต่ช่วงต้น จะไล่เรียงไปตามลำดับ

    [​IMG]
    ภาพ 1

    [​IMG]
    ภาพ 2
    ภาพ 1 ภาพ 2 เป็นภาพเดียวกัน ในภาพที่สอง ลงเส้นให้ง่ายต่อการสังเกต ภาพนี้ยังอยู่ระหว่างการแปลความหมายครับผม

    ภาพที่ 3 กับ 4 เป็นภาพเดียวกัน ภาพที่ 4 จะลงเส้น เพื่อให้ท่านเปรียบเทียบกัน
    [​IMG]

    [​IMG]

    จากภาพจะเห็นว่า ก่อนที่ยานจะลงจอด ยานนี้ได้ลอยมาจากอากาศ หรือมาจากที่สูง ซึ่งอยู่ห่างจากที่แห่งนี้ แต่อยู่บนดาวโลก ดังที่เขาได้แสดงเส้นทางเริ่มต้น ของการเดินทางอยู่ที่พื้น นั่นแสดงว่า การมาปรากฎตัวที่ผาแต้ม ไม่ใช่การมาครั้งแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว และพวกเขาก็คงมีจำนวนไม่น้อย เพราะต้องกระจายตัวอยู่กับชุมชนมนุษย์ถ้ำ ที่มีอยู่ทั่วโลก
    ซึ่งเราจะเห็นศิลปะถ้ำ จากแหล่งอารยะธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก มีลักษณะการใช้ สี การวาด คล้ายๆกัน



    ภาพที่ 5 กับ 6

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพที่ 5 ให้เทียบกับภาพที่ 6 ครับ


    ภาพที่ 5 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เป็นภาพยานพาหนะ และมีรูปร่างมนุษย์ ยืนชูสองแขนอยู่ในยาน จากภาพส่วนที่โผล่ข้างหลังน่าจะเป็นหาง !! (รูปศีรษะ ให้ดูภาพที่ 4 จะมีลักษณะเป็นกลมแป้น )

    ประตูยาน มีสองบาน เป็นลักษณะบานพับ เปิดจากด้านในออกมาข้างนอก โดยผลักจากกึ่งกลาง และประตูมีรูปโค้ง มีเหลี่ยมมุม รับไปกับตัวยาน แสดงให้เห็นว่า ผู้วาดจะต้องรู้จัก ยานพาหนะนี้เป็นอย่างดี จึงจดจำและถ่ายทอดออกมาได้อย่างใกล้เคียง ที่สุด

    ท่านอย่าลืมว่า ในยุคมนุษย์ถ้ำ จะมียานพาหนะไปให้เห็นเหรอ !! เทียบเคียงดูอย่างเด็กๆ อนุบาล ที่เห็นรถยนต์อยู่ทุกวัน เวลาที่เขาวาดรถยนต์ ประตูก็จะทำเป็นบานสี่เหลี่ยม ง่ายๆ พอให้รู้ว่าเป็นประตู
    ผู้ที่กำกับการวาดภาพนี้ ต้องเป็นผู้ที่มากับยาน อย่างแน่นอนครับ
    [​IMG]

    ภาพที่ 7 ลักษณะมนุษย์ที่อยู่บนยาน

    มีศีรษะกลมแป้น ซึ่งอาจจะมองว่าเป็น หมวก ก็ได้ จะยังไม่สรุปลงในตอนนี้ครับ ใครคิดยังไง เดี๋ยวตอนท้ายเรามีเฉลย มี 2 แขน 2 ขา และ 1 หาง !! มีหางลักษณะพิเศษ 1 หางครับ บางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเสื้อผ้ารึเปล่า ? อันนี้ก็มีหลักฐานอื่นๆประกอบเช่นกัน ครับ ผมวิเคราะห์ภาพหลายๆรอบ มันบ่งชี้ว่า เขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีหาง เป็นหางชนิดพิเศษด้วยครับ เพราะบางครั้งทำหน้าที่เป็นเท้า หรือ มือ ก็ได้

    [​IMG][​IMG]
    ยังจำสัญลักษณ์พิเศษ ที่ปรากฎอยู่ บริเวณผาขาม ได้ใช่ไหมครับ

    สัญลักษณ์นี้ บ่งชี้ว่า สิ่งมีหางขับไล่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างดังรูป และคล้ายจะมีปีก ซึ่งอาจจะเกี่ยวพัน กับ ผู้มาเยือนของเราก็เป็นได้

    ยังไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สัญลักษณ์พิเศษ ดังกล่าว จึงขอแสดงความเห็นไว้เพียงเท่านี้ก่อน
     
  5. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 4 - การทดลองสร้างปลาบึก จากยีนช้าง ในยุคมนุษย์ถ้ำ
    สะกดรอยประวัติศาสตร์ โดย ยรรยง สินธุ์งาม**

    การผ่าตัดหัวใจช้าง ที่ผาแต้ม เพื่อคัดเลือกเนื้อเยื่อ

    ภาพนี้แสดงการเตรียมเนื้อเยื่อสัตว์เพื่อ ทำอะไรซักอย่าง ของนักวิทยาศาสตร์ มีสัตว์ 2 ประเภทที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ช้าง และ ปลา สองภาพข้างล่างเป็นภาพเดียวกัน
    [​IMG]

    [​IMG]



    ในภาพจะเห็นลักษณะของช้างนอนตะแคง ขาคู่หน้า คู่หลัง เหยียดตรง และถูกดึงแยกออกให้ห่างจากช่วงท้อง หมายเลข 1 คือ ช้าง หมายเลข 4 เป็น เส้นวงกลมใหญ่ ไม่ลงสีทึบ อาจจะหมายถึง ถาดแก้วใส หมายเลข 2 เป็นรูปหัวใจ(ในภาพเส้นสีเขียว ยังมีความคลาดเคลื่อนครับ จะไม่ปรากฎเป็นรูปหัวใจดังเส้นที่เขียน เนื่องจากจะมีรูปมือ อยู่ในภาพดังกล่าวด้วย) มีบางส่วนวางทับ บนวงกลมใหญ่ จึงสนับสนุนความเห็นที่ว่า น่าจะเป็นถาดแก้ว และ หมายเลข 3 วงกลมเล็ก น่าจะเป็น จานแก้วเพื่อนำมาเก็บเนื้อเยื่อ ชิ้นเล็กๆ ส่วนที่ต้องการ จากหัวใจ เพื่อนำไป ศึกษา ทดลอง ในห้องปฏิบัติการ

    หมายเลข 6 และ หมายเลข 7 เป็นปลาคนละชนิดกัน น่าคิด ทำไมไม่ไปวางอยู่ที่เดียวกัน เพราะถ้า เราไม่นำภาพ หัวใจ และ จานแก้วที่อยู่ใต้ท้องช้างมาพิจารณา ภาพนี้จะบอกว่า ช้างกำลังว่ายน้ำ อย่างแน่นอน เพราะมี ปลา อยู่ข้างหน้าและข้างหลัง

    แต่ถ้าศึกษาเข้าจริงๆ จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่ อากัปกิริยา ของช้างที่กำลังว่ายน้ำ เพราะรูปร่างที่ใหญ่ อุ้ยอ้าย ช้างจะไม่แยกขา เหมือนม้าวิ่ง อย่างนี้ ดูลักษณะของงวง เมื่อช้างว่ายน้ำ งวงควรจะชูขึ้น เพราะต้องหายใจ ครับ

    บางคนอาจจะแย้งว่า ก็นี่อาจจะเป็น ช้างกำลังดำน้ำ หรืออยู่ ในใต้น้ำ เห็นไหม ดูที่มีปลาว่ายอยู่รอบๆ ทั้งหน้าและหลัง ก็ขอให้ไปดูที่ ปลายงวงช้าง ครับ ลักษณะที่เนื้อที่ทำหน้าที่ปิดรูจมูก ถูกอ้าเปิดออก บ่งบอกชัดเจนว่า ไม่ได้อยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน

    ในหน้าที่ผ่านมา ผมได้ชี้ประเด็น เรื่อง ความมีแบบแผนในการวางแผน เพื่อที่จะ เขียนภาพเหล่านี้เอาไว้แล้วหนหนึ่ง ก็ขอกล่าวถึงอีก อย่างภาพช้าง เขาวาดออกมา แล้วสามารถมีเหตุผล หักล้าง ความเห็นที่ไม่ตรงกับ จุดมุ่งหมายที่เขาอยากนำเสนอ ได้อย่างแยบยล เช่นดังตัวอย่างที่มีข้อถกเถียง เรื่อง ช้างว่ายน้ำ ช้างดำน้ำ ซึ่งผมก็ได้ชี้เหตุผล โดยนำลักษณะจากภาพมาเป็นตัวอ้างอิงคำตอบ

    ในส่วนของเหตุผลว่า ทำไมไม่เอา ปลาสองตัวไป อยู่ข้างกัน ก็น่าจะเป็นเพราะ ต้องการสื่อว่า มันเป็นคนละชนิดกัน อีกอย่างถ้าเอาไปวางใกล้ๆกัน จะทำให้เข้าใจว่า ช้างอยู่ในน้ำ ได้ง่าย จึงต้องแยกเขียน และเมื่อดูลักษณะของปลา ในหมายเลข 6 บริเวณปากช้าง เขาวาดให้เหมือนปลากลับหัว เพื่อสื่อว่า ปลาตายแล้ว และวางอยู่บนพื้นดิน ข้างๆช้าง ฉะนั้นช้างตัวนี้ก็ต้องตายแล้ว และไม่ได้อยู่ในน้ำ

    หมายเลข 5 รูปฝ่ามือ 1 รูป ขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปฝ่ามือ จะมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ

    [​IMG]
    1 รูปแบบโปร่ง
    [​IMG]
    2 รูปแบบทึบ

    รูปฝ่ามือเป็นสัญลักษณ์แทน มนุษย์ถ้ำ หรือ มนุษย์โลก หนึ่งฝ่ามือ อาจจะหมายถึง หนึ่งคน หรือ
    หนึ่งกลุ่ม

    ในภาพการผ่าตัดเอาหัวใจช้าง เพื่อคัดเลือกเนื้อเยื่อ ครั้งนี้ มีมนุษย์เข้าร่วมด้วย


    แล้วเขาเตรียมเนื้อเยื่อ ไปเพื่อทำอะไร ?? น่าสนใจครับ ภาพต่อไป จะตอบคำถามนี้ !!
    แม้แต่ผมผู้ศึกษาเรื่องนี้ ก็ไม่อยากจะเชื่อ ... ว่า นี่คือ

    เป็นขั้นตอนในการสร้าง ปลาบึก โดยการ นำยีนส์ ของ ช้าง มาผสมกับ ยีนส์ของปลา

    การตัดต่อพันธุกรรม เพื่อสร้าง ปลาบึก ของมนุษย์ต่างดาว
     
  6. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    รหัสภาพเรื่อง ancient aliens ทั้งหลายแหล่ ลองเอามาปะติดปะต่อกันดู

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สวัสดีมัลติพลาย... - Chotography : World Mysteries : Elongated Head (Cone Head)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มนุษย์ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในระบบสุริยะจักรวาลหรอก ดู web นี้ มีอีกเพียบ

    http://www.ratedesi.com/video/v/KNZ2xve0zzI/Ancient-UFO-Paintings

    การเดินทางข้ามเวลา ทะลุมิติ ตัดต่อพันธุกรรม และวิทยาการเทคโนโลยีต่างๆ นาๆ เค้ามาทดลองกับที่นี่นานแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2011
  7. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 6 - การทดลองตัดต่อพันธุกรรม ช้างกับปลา กำเนิดปลาบึก
    ผู้วิจัย ยรรยง สินธุ์งาม


    การทดลอง ตัดต่อยีนช้างกับปลา ให้กำเนิด ปลาบึก

    (26 มิถุนายน 2553 ลงบันทึก ครั้งที่ 2 ครั้งแรกข้อมูลหายไปไหน ก็ไม่รู้)

    ภาพจากจารึก ช่วงนี้ จะเห็น การทดลอง ของนักวิทยาศาสตร์จากต่างดาว กับสัตว์ทดลอง ที่ยังไม่ใช่ ปลาบึก
    [​IMG]


    [​IMG]

    ในภาพ เราจะเห็น สัญลักษณ์ โครโมโซม ซึ่ง ในทางชีววิทยา โครโมโซม คือ สายพันธุกรรม ของสิ่งมีชีวิต
    การทดลองในครั้งนี้ คือ การตัดต่อพันธุกรรม จากสัตว์สอง ชนิด คือ ช้าง สายพันธุ์หนึ่ง กับ ปลาน้ำจืด สายพันธุ์หนึ่ง


    เราจะเห็น รูปร่างของ สัตว์ทดลอง ที่มีลักษณะคล้ายปลาตัวใหญ่ แต่มีขา 2 ข้าง อยู่ใต้ท้อง ปลายเท้าทั้งสอง มี ครีบแผ่ออกมาด้านข้าง ประโยชน์ก็คงเพื่อใช้ในการว่ายน้ำ

    แต่จุดประสงค์หลัก ของการทดลองในครั้งนี้ คงต้องการสร้างปลาพันธุ์ใหม่ ตัวใหญ่ เนื้อเยอะ ทนต่อสภาพแวดล้อม เพื่อ เป็นแหล่งอาหารให้กับ มนุษย์โลก ที่อาศัยลำน้ำโขง เป็นแหล่งที่อยู่

    ในภาพจะเห็นนักวิทยาศาสตร์ กำลังใช้เครื่องมือ ชนิดหนึ่งเสียบเข้าไปในตัวของสัตว์ทดลอง น่าจะเป็นการนำเนื้อเยื่อออกมาเพื่อนำไป เข้าขบวนการปรับปรุง พันธุกรรม เพื่อให้ได้ ลักษณะ ของสัตว์ทดลองรุ่นต่อไป
    ตรงตามที่นักวิทยาศาสตร์ ต้องการ

    ซึ่งในภาพ สัตว์ทดลองตัวนี้ มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับ ขนาดของนักวิทยาศาสตร์ จากต่างดาว น่าจะมีอายุหลายปี

    และให้ท่านสังเกต ศีรษะ ของนักวิทยาศาสตร์ ต่างดาว ผู้นี้ ซึ่งลักษณะของกระโหลกดังกล่าว จะคล้ายกับ ภาพของผู้ที่ ลงจากยาน ในหน้าแรกๆ และจะเป็นอีกหนึ่งหลักฐาน ที่มีความสอดคล้องกับภาพอื่นๆ ของจารึก ที่จะได้นำเสนอในโอกาส ต่อๆไป ซึ่งจะเป็นสิ่งยืนยัน ถึงรูปร่างลักษณะของเผ่าพันธุ์ ที่มาถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี ให้กับ มนุษย์โลก
     
  8. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 7 - ปลาบึกตัวแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้น บนความขัดแย้ง
    วิจัย โดย ยรรยง สินธุ์งาม

    ปลาบึก ตัวแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับความขัดแย้ง !!


    ในหน้านี้ จะแนะนำให้ท่านได้พบกับ ปลาบึก ตัวแรกของโลก ครับ แต่จั่วหัวเรื่องไว้ ไม่น่าฟังซักเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ล่ะครับ ภาพเขียนไว้อย่างนั้น ผมก็อ่านไปตามนั้น
    [​IMG]

    ภาพนี้แหละครับ ปลาบึก ตัวแรก ของโลกมนุษย์ ถ้าท่านกลับไปดูภาพก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า ปลาตัวใหญ่กว่า จะมี ขาโผล่มา สองขา ส่วนปลาตัวนี้ มีขนาดเล็กกว่า แต่ มีความสมบูรณ์ มากกว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากนอกโลก ยอมรับ ผลการทดลองครั้งนี้

    ที่ กล่าวว่า มีการยอมรับ ให้ท่านสังเกตดู ว่า ไม่มีการไปแตะต้อง เสียบแทง ที่ตัวปลา ดังกล่าว นั่นแสดงว่า ไม่มีการทดลองใดๆ อีกแล้ว หรือ การทดลองได้สิ้นสุดลงแล้ว แม้จะได้ปลาที่มีขนาดเล็กกว่ากันบ้าง แต่ดูแล้วน่าจะมีความเหมาะสม ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และสามารถดำรงพันธุ์อยู่ได้ อย่างยาวนาน

    นักวิทยาศาสตร์จากต่างดาว มีภูมิปัญญาหยั่งรู้ความเปลี่ยนแปลง ของสภาพดวงดาวต่างๆเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจเลือก เอาปลาที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อใช้เป็นต้นแบบ ของสายพันธุ์ ปลาบึก เพื่อปล่อยลงสายน้ำแห่งนี้

    ความขัดแย้ง เกิดขึ้น ได้อย่างไร ?

    การมีส่วนร่วมในการทำงานครั้งนี้ ระหว่าง มนุษย์ต่างดาวและมนุษย์โลก คงจะเริ่มจาก การหาตัวอย่างของเนื้อเยื่อ ของสัตว์สองประเภท ที่เหมาะสมที่สุด สัตว์ ดังกล่าว ก็คือ ช้าง และ ปลา ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะหาปลา มาได้ จนคัดเลือกให้เหลือ เพียง 2 ชนิด คงต้องใช้เวลาและความทุ่มเทเป็นอย่างมาก

    การหาช้างก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่า จับมาตัวเดียว แล้วก็ใช้ได้ กว่าจะพบว่า ช้าง ลักษณะแบบไหน อายุเท่าไหร่ จะใช้เนื้อเยื่อจากส่วนไหน นี่ก็ ต้อง ใช้ความพยายามสูง และมีความเสี่ยงสูง ซึ่งก็น่าจะมี มนุษย์โลก บาดเจ็บล้มตาย กันไปพอสมควร ในระหว่างการจัดเตรียมเนื้อเยื่อสัตว์ทดลอง

    แหมผมเล่นบรรยาย เหมือนได้ไปอยู่ในยุคนั้นซะเอง ก็ว่าไปตามลักษณะของงานล่ะครับ มันน่าจะออกมารูปนั้น ที่มนุษย์ทะเลาะกันเพราะ คำสัญญา หรือคำโฆษณา ของผู้มาเยือน เรื่อง การจะสร้างแหล่งอาหาร ในลำน้ำ ที่มนุษย์ทุกคนจะได้ประโยชน์ จากลำน้ำร่วมกัน เมื่อเรามี ปลาพันธุ์ใหม่ ตัวใหญ่ และมีจำนวนมาก คำสัญญา ในช่วงแรกของการทำงาน น่าจะเป็นการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน เช่น ถ้าเนื้อเยื่อปลาของใคร ถูกเลือก คนกลุ่มผู้หาปลามาได้นั้น จะได้รับรางวัล อาจจะเป็นสิ่งของ หรือ ตำแหน่ง ในชุมชน
    คำสัญญาในช่วงหลัง น่าจะเกี่ยวพันถึง ผลของการทดลอง มนุษย์ต่างดาว อาจจะกล่าวว่า ถ้าปลาพันธุ์ใหม่ จากสองกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มไหนมีขนาดใหญ่กว่ากัน กลุ่มนั้น คือ ผู้ชนะ และจะได้รับรางวัล

    ซึ่งในจุดนี้แหละ ที่เป็นจุดแตกหัก ทางความคิด ของกลุ่มมนุษย์ถ้ำ เมื่อปลา ที่ตัวใหญ่กว่า ไม่ได้รับเลือก ให้ใช้เป็นแม่พันธุ์ พวกเขา ก็เป็นผู้แพ้ และไม่ได้รับรางวัล ตามที่สัญญาไว้ จึงเกิดการทะเลาะ ต่อสู้กัน ของมนุษย์โลกด้วยกันเอง

    ดังจะเห็นได้จากภาพต่อไปนี้

    [​IMG]
    ภาพวงกลม ขาวและเขียว จะเป็นรูปฝ่ามือแบบโปร่ง ซึ่งหมายถึง มนุษย์ถ้ำ
    ในส่วนบริเวณ หางปลา จะพบรูปฝ่ามือ กดทับกัน นั่นคือการต่อสู้ กันเอง ของ มนุษย์ถ้ำ !!


    [​IMG]

    ลูกศรสีขาว ในภาพ ชี้ไปที่วัตถุ ชนิดหนึ่ง ซึ่งผมจะยังไม่บอก ว่า สิ่งนี้ คืออะไร
    [​IMG]
    นี่เป็นภาพเต็มตัวของ วัตถุดังกล่าว อะไรเอ่ย ??
     
  9. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 8 - การจราจล ระหว่าง มนุษย์ถ้ำกับมนุษย์ต่างดาว
    วิจัย โดย ยรรยง สินธุ์งาม


    การจราจล ระหว่างคนถ้ำ กับ มนุษย์ต่างดาว

    ดูภาพนี้แล้วช่างเหมือนกับ เหตุการณ์เมืองไทย ในตอนนี้ (11 เมษายน 2553 ) เป็นภาพที่เริ่มต้น จากความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย จาก มนุษย์ถ้ำ ทำร้ายกันเอง จนเกิดการตะลุมบอล แบ่งเป็นสองฝ่าย เข้าต่อสู้กัน ลุกลามเป็นการ จราจล พอมนุษย์ต่างดาว เข้าห้ามปราม กลับรุมทำร้าย จนมนุษย์ ต่างดาว ได้รับบาดเจ็บ เมื่อสถานการณ์ ไม่อาจควบคุมได้ อันเนื่องมาจาก จำนวนมนุษย์ถ้ำมีมาก มนุษย์ต่างดาวจึงใช้ขั้นเด็ดขาด เรียก หน่วยสนับสนุน จากที่อื่นให้มาช่วย ขณะเดียวกันผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ตัดสินใจใช้อาวุธ กับ มนุษย์ถ้ำ ที่เป็นต้นเหตุ และที่ยังไม่ยอม ยุติการกระทำที่รุนแรง ต่อผู้อื่น
    มนุษย์ต่างดาว ใช้ปืนลำแสง ยิงใส่ผู้ที่ยังไม่หยุดทำร้ายผู้อื่น ดูภาพด้านล่างประกอบ คำอธิบายครับ
    [​IMG]
    ใครๆ ที่ดูภาพนี้ แล้ว จะมีความเข้าใจ ว่า หมายเลข 1 คือ อุปกรณ์ใส่ปลา ที่สานด้วยไม้ไผ่ มีชื่อเรียกว่า ข้อง เห็นภาพหมายเลข 2 ก็เข้าใจว่า เป็นปลากระเบนน้ำจืด และพอเห็น หมายเลข 3 ฟันธงทันที เป็นภาพ เต่า !!

    ผิด !! ทั้งหมด ครับ หมายเลข 1 และ หมายเลข 2 เป็น หุ่นยนต์ !! ที่มีผู้ขับขี่ อยู่ข้างใน 1 คน

    ส่วนหมายเลข 3 คือ จานบิน !! รูปกลมแบน เป็นการเขียนภาพแบบ top view จึงทำให้เราเห็นภาพด้านบน เหมือนเราก้มมอง หลังเท้าของเรา แหละครับ เราเห็นขาตั้งของยาน จึงทำให้เราด่วนสรุปว่าเป็น เต่า

    [​IMG]
    ในภาพ จะเห็นเส้น ซึ่งผมได้ลงสีให้ท่านเห็นความแตกต่าง มนุษย์ต่างดาว ใช้อาวุธลำแสงหรือไม่ก็ เป็นคลื่นอะไรซักอย่าง เพราะเส้นที่วาดเป็นเหมือนรูปคลื่น บางคนอาจคิดว่า น่าจะเป็น แสงเรเซอร์ ก็คงไม่ใช่ เพราะ คุณสมบัติของเรเซอร์ คือ มีความร้อนสูง สำหรับผมมองว่า น่าจะเป็น ลำแสงอนุภาคที่ไม่ใช่เรเซอร์ เพราะดูจาก สภาพร่างกายของผู้ที่ถูกยิงด้วยคลื่นชนิดนี้แล้ว จะทำให้ร่างกายขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ลักษณะเหมือนเราสูบลมเข้าลูกโป่ง แต่ร่างกายคนไม่ใช่ ยางยืด อวัยวะภายในจึงฉีกขาด และเสียชีวิตด้วยความทรมาน ในเวลาต่อมา
    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]


    ภาพมือ(แทน มนุษย์ถ้ำ) ที่ถูกลำแสงอนุภาคดังกล่าว จะมีขนาดโต และเสียรูป เมื่อเทียบกับ ภาพมือปกติ


    สองภาพข้างล่าง จะเป็นภาพหุ่นยนต์

    [​IMG]

    [​IMG]


    ในการจราจลครั้งนี้ มนุษย์ต่างดาวเองก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ในภาพ หมายเลข 1 คือ หุ่นยนต์ ปฏิบัติการภาคสนามชนิดหนึ่ง ที่ต้องมี คนบังคับ อยู่ข้างใน 1 คน หรือ จะเรียกว่า หุ่นยนต์รูปข้อง ก็ได้ครับ หมายเลข 2 เส้นสีขาว บอกว่าเป็นสิ่งก่อสร้าง อาคาร หมายเลข 3 จุดสีแดง สองจุด คือจุดซุ่มยิง หมายเลข 4 สีเขียวที่เห็น คือแนวกระสุน ครับ ตรงเข้า หัวหุ่นยนต์ หมายเลข 5 เลือดพุ่งกระฉูด

    แสดงว่าผู้ที่บังคับหุ่นตัวนี้ก็ไม่รอดเช่นกัน ประวัติศาสตร์ชาวโลก บอกว่า มนุษย์ถ้ำไม่ฉลาด ผมว่า คงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนแล้วล่ะ เพราะจากภาพนี้ เห็นได้ชัดว่า เขาใช้ เครื่องยิงกระสุน ของมนุษย์ต่างดาว ได้อย่างแม่นยำ

    สอดคล้องกันไหมครับ ว่า ทำไม? มนุษย์ต่างดาว จึงต้องระดมกำลังเสริม ทั้ง หุ่นปลากระเบน ทั้งจานบิน ก็เพราะ มนุษย์ถ้ำ ใช้เทคโนโลยีอาวุธ ของ มนุษย์ต่างดาว ในการก่อจราจล ครั้งนี้

    ภาพต่อไปนี้ เป็นการยิงกระสุนเข้าใส่กัน ของมนุษย์ถ้ำ ภาพแรกนำมาให้ดูเพื่อเปรียบเทียบ
    [​IMG]

    [​IMG]


    ภาพนี้ ลงลายเส้น ให้ดู ประกอบคำอธิบาย หมายเลข 1 คือ กลุ่มที่ถูกทำร้าย หรือ ถูกยิงด้วย กระสุน
    หมายเลข 2 เป็น กลุ่มผู้ทำร้าย หรือ ผู้ยิง
    ดังที่กล่าวมา บรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ ของเรา หาได้ไร้ปัญญา อย่างที่มนุษย์ปัจจุบันเข้าใจกัน แม้ว่า พวกเขาอาจจะผลิตอาวุธปืนไม่ได้ แต่พวกเขา ก็สามารถเรียนรู้ การใช้งานมันได้ ก็ไม่แตกต่างกับ เราๆท่านๆ ฝึกยิงปืนเป็น และก็ผลิตปืน ไม่ได้ เรายุคปัจจุบัน ก็ฉลาดพอๆกับบรรพบุรุษ ยุคถ้ำ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูล ว่า แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป มนุษย์เราก็ไม่ได้ฉลาดเกินกว่าบรรพบุรุษซักเท่าไหร่

    ยุคถ้ำ มี จราจล ยุคปัจจุบัน ก็มี จราจล มีม็อบ เช่นกัน แสดงว่า หลายพันปีที่ผ่าน มนุษยชาติ ยังมีความคิดเฉกเช่น เดียวกับบรรพบุรุษ ...น่าคิด ครับ


    ยังมีต่อครับ ....

    หน้าประวัติศาสตร์ แผ่นต่อไป จะเล่าเรื่อง การประหาร กบฎ และจะพบกับหลักฐาน
    [​IMG]
    อีกชิ้นที่ ชี้ชัดว่า วัตถุรูปข้อง คือ หุ่นยนต์ !!
    น่าสนใจ ครับ เรื่องที่ นักประวัติศาสตร์ อาจจะต้อง กลับความคิด !! หรือไม่ก็ อาจจะ งัดหลักฐานต่างๆ มาลบล้างคำอธิบาย ภาพเขียนเหล่านี้

    โปรดติดตามครับ ศิลปะถ้ำผาแต้ม ยาวมาก และ มีความสมบูรณ์ อยู่ใน จารึกแห่งภูผา !!
     
  10. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 10 - การประหารกบฎ กับกฎของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
    วิจัย โดย ยรรยง สินธุ์งาม

    การประหารกบฎ กับกฏของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ






    2 ภาพนี้ ภาพบนยังไม่ลงลายเส้น ส่วนภาพล่างจะลงเส้น เพื่อให้ท่านเห็นข้อแตกต่าง ได้ชัดเจน
    [​IMG]

    [​IMG]



    เมื่อลงลายเส้น ในภาพล่าง นับจากซ้ายมา จะเห็น ภาพหุ่นข้อง ตัวที่ 1 แสดงลักษณะภายในเหมือนที่นั่งคนขับ หรือผู้ควบคุม และ เขาจะใช้การลงสีทึบเฉพาะส่วนหัว ซึ่งหมายถึง มีกลไก อยู่ส่วนหัว ส่วนลำตัว ไม่ระบายทึบ แสดงว่า ขณะนี้ ยังไม่มี ผู้เข้าไปนั่งหรือเข้าไปควบคุม หุ่นตัวนี้

    ภาพหุ่นข้องตัวที่ 2 ตัวนี้แสดงว่ามีแขน 2 ข้าง โดยมือข้างขวา ถืออาวุธ คล้ายเคียว

    รูป สี่เหลี่ยม และมี มือ อยู่ภายใน นั่นหมายถึง การคุมขัง ผู้ก่อกบฎ ภาพในช่วงนี้ น่าจะบ่งบอกถึงการประหารชีวิต กบฎ ที่รอดชีวิตจากการไล่ล่า

    ภาพหุ่นข้องตัวที่ 3 จะเห็นว่า ภายในกลวง ไม่ระบายทึบ และมี มือ อยู่ภายในและภายนอก น่าจะหมายถึง มนุษย์ได้ถูก อนุญาตให้เรียนรู้ การบังคับควบคุมหุ่นยนต์ดังกล่าว

    ภาพหุ่นข้องตัวที่ 4 ระบายทึบทั้งตัว บ่งชี้ว่า หุ่นตัวนี้ มีผู้ควบคุมอยู่ภายใน เรียบร้อยแล้ว

    จากข้างต้น เป็นอีกหนึ่งหลักฐาน ที่สนับสนุนว่า วัตถุรูปข้อง ไม่ใช่ ภาชนะสำหรับ เก็บสัตว์น้ำ อย่างที่ นักโบราณคดี เข้าใจ หากแต่ เป็น หุ่นยนต์ ที่มีรูปลักษณ์คล้ายข้อง ดังที่ผู้วิจัยได้กล่าวเอาไว้
     
  11. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 11 - มนุษย์ถ้ำฝึกขับหุ่นยนต์
    แกะรอยประวัติศาสตร์ โดย ยรรยง สินธุ์งาม

    เมื่อ มนุษย์ถ้ำ ฝึกขับ หุ่นยนต์


    แม้จะมีการก่อกบฎ ของ มนุษย์โลก บางกลุ่ม แต่นั่น ก็ไม่ใช่เหตุผล ที่ มนุษย์ต่างดาว จะหวาดระแวงต่อมนุษย์โลก ตรงกันข้าม พวกเขากลับฝึกสอนให้ มนุษย์ขับเคลื่อน หุ่นยนต์ เพื่อจะเป็นเครื่องทุ่นแรง ในการทำงาน หรือเป็นประโยชน์ต่อการ ก่อสร้าง สิ่งต่างๆ

    ภาพต่อไปนี้ จะแสดงให้ ทุกท่านได้เห็น ความจริงใจ ของผู้เป็นครู โดยแท้จริง พวกเขา มองข้ามเรื่องความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ ไปโดยหมดสิ้น แยกออกว่า ความคิดของแต่ละกลุ่มคนไม่เท่ากัน แต่การถ่ายทอด ความรู้ และเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ พวกเขาจะต้องทำ เพื่อให้ มนุษย์ของดาวโลก มีพัฒนาการ ด้านต่างๆที่ก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว

    [​IMG]


    ภาพนี้ จะแสดงให้เห็นโครงสร้างภายใน ของหุ่นยนต์รูปข้อง ช่วงกลางลำตัว เหมือนเป็นที่นั่งขับ สำหรับ ผู้ขับขี่ และมีภาพ มือ อยู่ด้านล่างซ้ายของภาพ (มือ หมายถึง คน หรือ มนุษย์โลก)
    การที่หุ่นตัวนี้ ไม่ลงสีทึบช่วงลำตัว บ่งบอกว่า ผู้บังคับ ได้ออกจากหุ่นตัวนี้ไปแล้ว เมื่อภาพมือ มาอยู่ด้านล่างซ้าย น่าจะหมายถึง มนุษย์โลกนายนี้ คือ ผู้บังคับหุ่นยนต์ ตัวนี้

    ก็แสดงว่า เขามีการฝึกสอนการใช้หุ่นยนต์ ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เข้ามาหา มนุษย์ชุมชนนี้ ก่อนที่จะมีการก่อกบฎ ที่กล่าวดังนี้ เนื่องจาก หุ่นยนต์ เหล่านี้ร่วมอยู่ใน ขบวนพิธี ลงโทษ ผู้ก่อกบฎ

    [​IMG]




    ภาพนี้ ในรูปหุ่นยนต์ ที่มีลำตัวกลวง มี ภาพมือ อยู่ภายใน 1 มือ อีกหนึ่งเกาะอยู่ใกล้กัน แต่อยู่นอกหุ่น ซึ่งหมายถึง มีมนุษย์โลก อยู่ภายในหุ่นยนต์ 1 คน และอีกหนึ่งคน เกาะอยู่ข้างนอก

    ส่วนมือ ที่อยู่ระดับคอหุ่นยนต์ ยังแปลความหมาย ไม่ออก ครับผม

    หุ่นยนต์ที่ลงสีทึบ ยืนอยู่ข้างกัน แสดงว่า หุ่นตัวนี้มีผู้ขับขี่อยู่ข้างใน ผู้ขับขี่ก็อาจจะเป็น มนุษย์ถ้ำ บรรพบุรุษชาวโลก ของเรานั่นเอง
     
  12. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 12 - จากน้ำโขงสู่ ป่าใหญ่
    จากน้ำโขง สู่ป่าใหญ่

    27 มิถุนายน 2553

    เมื่อผ่านพ้นเรื่องราวยุ่งๆ ของสังคมมนุษย์ จากภาพจารึกจะเห็นว่า มนุษย์จากดาวอื่น ได้ฝึกหัด ให้มนุษย์โลก ใช้หุ่นยนต์ ในกิจการต่างๆ โดยไม่ได้จำกัดความรู้อยู่ที่เพศชาย เท่านั้น เราจะพบ มนุษย์ผู้หญิง เข้ามาเกี่ยวข้อง ใกล้ชิดกับหุ่นยนต์ ซึ่งข้อสังเกต ในเรื่องนี้ ให้ดูว่า มี มือข้างซ้าย เข้ามาอยู่ในกลุ่มภาพ หุ่นยนต์รูปข้อง ดังภาพประกอบต่อไปนี้
    [​IMG]

    ถ้าท่านสังเกตให้ดี มือ สีเหลือง หมายเลข 1 และ หมายเลข 2 จะมีนิ้วมือ 6 นิ้ว ซึ่งหมายเลข 1
    จะเป็นมือข้างซ้าย ซึ่งหมายถึง มนุษย์ผู้หญิง เราจะเห็นว่า มือสีขาว หมายเลข 3 ก็เป็นมือข้างซ้าย
    และ จากภาพ บ่งชี้ว่า เธอผู้นั้น กำลังอยู่ในตำแหน่งบังคับหุ่นยนต์รูปข้อง
    ภาพนี้ ตัดส่วนมาจากภาพข้างล่าง นำมาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับ ภาพมือ และ เพศ ของมนุษย์โลก

    [​IMG]




    ภาพนี้ ด้านซ้ายสุดของภาพ จะเห็นลายเส้นสีแดง ของ ภาพสัตว์สี่เท้า มีรูปร่างขนาดสูงใหญ่ กว่า หุ่นยนต์รูปข้อง ซึ่งก็ดูไม่ออกว่า จะเป็นสัตว์ชนิดใด

    แต่ความหมายของภาพ ช่วงนี้ บ่งบอกว่า ความสนใจของผู้จารึก ออกห่างจาก ลำน้ำแล้ว โดยมุ่งไปที่ สัตว์สี่เท้าตัวใหญ่ ซึ่งสัตว์เหล่านี้ ก็น่าจะมีถิ่นอาศัยอยู่ในป่า และจากรูปร่าง ที่เทอะทะ ดูคล้ายจะมีขนปกคลุมทั่วร่าง ก็น่าจะเป็นสัตว์ที่กินพืช มากกว่าสัตว์ที่กินเนื้อ

    ซึ่งก็คงต้องรอผลจากการอ่านภาพจารึก ชุดต่อไปแล้วล่ะครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร
     
  13. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 13 - วัวป่า ไล่ชน มนุษย์ต่างดาว
    วัวป่า(สัตว์ทดลองจากการเปลี่ยนสมอง)ไล่ชนมนุษย์ต่างดาว


    จารึกในภาพนี้ แม้จะดูเหมือนว่า คล้ายกับภาพที่เขียนยังไม่เสร็จ แต่เมื่อ พิจารณาโดยถี่ถ้วน จะพบสิ่งที่ สำคัญ เกี่ยวกับรูปร่างของ มนุษย์จากต่างดาว ได้ในหลายส่วน เช่น นิ้วมือ หน้าตา และส่วนที่คล้ายหาง
    [​IMG]


    ภาพที่ดูเหมือนว่า จะเขียนยังไม่เสร็จ

    ท่านดูแล้ว ก็คงจะเข้าใจยาก ทีมผู้วิจัย จึงขอตัดส่วนที่ได้ทำการวิเคราะห์แล้ว มาอธิบาย ขยายภาพ พร้อมลงลายเส้น ให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น ดังต่อไปนี้

    [​IMG]
    ขอตัดส่วน ที่เป็นภาพคน กำลังวิ่งหนี วัวป่า เขาแหลม มาอธิบายความ ครับ ดูภาพลายเส้นข้างล่าง เปรียบเทียบกัน
    จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
    [​IMG]

    ภาพ มนุษย์ต่างดาว กำลังวิ่ง ภาพนี้มีโอกาสได้เห็น ลายเส้น ที่เป็นหน้าตา ดังในภาพ และ ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า
    มีนิ้วมือข้างละ 4 นิ้ว ปรากฎส่วนที่คล้ายหางเป็นแถบ ออกจากช่วงหลัง

    ภาพวัวป่า ลงลายเส้นสีเขียว ผู้จารึก เน้นที่เขา โค้งแหลมชี้มาด้านหน้า เหมือน วัวกระทิงยังไงยังงั้น ดูรูปร่าง สูงใหญ่พอประมาณ เมื่อเทียบเคียงกับ ความสูงของผู้ที่กำลังวิ่งหนี

    ภาพนี้อาจจะ ตอบคำถามที่ว่า เพราะอะไรจึงมี หุ่นยนต์สำหรับ คนนั่งบังคับ ตั้งมากมาย (หุ่นยนต์รูปข้อง) ก็น่าจะมาจาก ความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย ของผู้ปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องซ่อนตัวเองอยู่ใน หุ่นยนต์ เป็นทั้งเครื่องจักรกล ในการทำงาน เป็นทั้ง เกราะป้องกันภัย เป็นทั้งอาวุธ ในการสู้รบ

    เราจะเห็นว่า นับจาก จารึกในหน้าที่เกี่ยวกับ ปลาบึก พอหน้าถัดมา เราจะไม่พบ หุ่นยนต์ขายาว (ที่มีรูปร่างคล้ายปลากระเบน ) อีกเลย ซึ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ ข้อเสนอ ของทีมวิจัยที่ กล่าวเอาไว้ว่า หุ่นยนต์ขายาว มีไว้สำหรับ การลงน้ำ มากยิ่งขึ้น ครับ

    (บันทึกเพิ่มเติม 8 ก.ค. 53) ภาพ วัวไล่ชน เป็นภาพที่ต่อเนื่องจาก การทดลองเปลี่ยนสมองสัตว์ ซึ่งท่านจะได้อ่านในหน้าถัดไป การแปลความคงต้องไปเริ่ม ตั้งแต่ ฝูงสัตว์เริ่มเดินผ่าน คลื่นตรวจจับ แล้วเดินผ่านสนามพลัง ที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนรูปไป จนเข้าสู่เขตการผ่าตัดสมอง

    ส่วนภาพวัวกระทิง ในหน้านี้ น่าจะเป็นผลการทดลอง นำเอา สมองของสัตว์ อีกชนิด มาใส่ใน ร่างวัวกระทิง ก็ปรากฎว่า แสดงลักษณะนิสัย เป็นวัวกระทิง คือ การวิ่งไล่ชน ทั้งที่เป็น สมอง ของสัตว์ชนิดอื่น
    ข้อบ่งชี้ที่แสดงว่า วัวกระทิงตัวนี้เป็น ซากร่าง ไม่ใช่ วัวที่มีชีวิต ก็เนื่องมาจาก เทคนิคการวาดภาพ ของ จิตรกรต่างดาว กลุ่มนี้ เขาจะใช้การลงสีทึบ เมื่อสิ่งนั้นมี ผู้ควบคุม ดูได้จาก การวาดหุ่นยนต์ เมื่อมีผู้บังคับหุ่น หุ่นตัวนั้น จะลงสีทึบ แต่ถ้าไร้ผู้ควบคุม เขาก็จะวาดเพียงลายเส้น จะลงสีทึบเฉพาะ ส่วนที่เป็น กลไกควบคุมหลัก คือ ส่วนหัว และใน ภาพวัวกระทิง จะลงสีทึบเฉพาะส่วนหัว ส่วนลำตัว วาดเพียงลายเส้น จึงน่าจะ เป็นร่างไร้ชีวิต ก่อนที่จะมา วิ่งไล่ชน แล้ว วัวตัวนี้ ! มีชีวิตขึ้นมาอีก ได้อย่างไร ? ก็ต้องดูจากภาพก่อนหน้านี้ !! ซึ่งดังที่ทีมวิจัย ได้นำเรียนเป็นเบื้องต้นแล้วว่า เป็นภาพที่ต่อเนื่องจาก การทดลองเปลี่ยนสมองสัตว์ และ ภาพนี้ยังอยู่ในพื้นที่เขตสัญญาณอันตราย ของสนามทดลอง จึง บ่งบอกได้ว่า วัวกระทิงตัวนี้ น่าจะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากการเปลี่ยนสมอง !!

    การทดลองครั้งนี้ อาจจะมี เบื้องหลังฐานความคิด มาจาก การค้นหาวิธีที่จะมีชีวิตยืนนาน ของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากต่างดาว พวกเขาจึงได้ออกแบบการทดลองครั้งนี้ขึ้น เพื่อแสวงหาวิธี ที่จะนำไปสู่ วิถีอมตะ !! ก็อาจจะเป็นได้
     
  14. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 14 - การทดลองเปลี่ยนสมองสัตว์
    การทดลองเปลี่ยนสมองสัตว์ ของนักวิทยาศาสตร์จากต่างดาว

    ภาพจารึก ในช่วงนี้ ทีมวิจัยเกือบจะมองข้าม และ อยากจะผ่านไปก่อน เพราะเป็นภาพที่ไม่ชัดเจน ที่เกิดจากการผุกร่อน ตามธรรมชาติ พวกเรา พยายามอ่านจารึกและแปลความ หลายต่อหลายรอบ ใช้เวลาอยู่ในส่วนนี้ ประมาณ 20 ชั่วโมง และเมื่อ เราแกะรอยของภาพออกมาได้ กลับทำให้เราต้องตกตะลึง เมื่ออ่านภาพโดยรวมแล้ว ทำให้ทราบว่า นี่ ! คือ การทดลอง เปลี่ยนสมองสัตว์ !! ในกลางป่า ! ไม่ได้ทำในห้องแล็ป ไร้เชื้อ อย่างการทดลองของวิทยาการมนุษย์ ในยุคปัจจุบัน

    นี่ !! คงเป็นเทคโนโลยีที่สูงส่งยิ่ง เพราะจากภาพ มนุษย์ต่างดาวเขามีเครื่องมือผ่าตัดสมอง ที่คล้ายกับ อาวุธด้ามยาว และสามารถ แยกสมองออกจากร่างสัตว์ ได้โดยง่ายดาย

    เราไปดูภาพจารึกดังกล่าวกันเถอะครับ
    [​IMG]

    นี่เป็นภาพจารึก ในส่วนที่ผมกล่าวถึงในข้างต้น ดูเปรียบเทียบกับ ภาพที่ผมลงลายเส้นไว้นะครับ


    [​IMG]
    ภาพนี้ ลงลายเส้น เพื่อให้ท่านเห็นได้ชัดเจน และจะได้นำเสนอ อธิบายเป็นส่วนๆ ตามลำดับ ดังนี้

    [​IMG]


    ภาพขยายส่วนหลัง ที่มีภาพสัตว์ป่า 3 ตัว ให้ตัวที่อยู่ขวามือ เป็นตัวที่ 1 และตัวกลางป็นตัวที่ 2

    ในภาพจะเห็นว่า ตัวกลาง กำลังจะเดินผ่านแนวเส้นสีชมพู ซึ่ง น่าจะเป็นแถบคลื่นตรวจจับ เมื่อมีสัตว์เคลื่อนที่ผ่าน ตัวตรวจจับก็จะส่งสัญญาณ ไปยังระบบต่างๆ อาทิ เช่น ส่งไปที่นักวิทยาศาสตร์ ส่งไปที่ห้องปฏิบัติการ หรือ ส่งไปที่เครื่องกำเนิดพลังเพื่อเปิดสวิทช์พลังงาน ให้พร้อมจะทำงาน

    สัตว์ตัวที่อยู่ซ้ายมือ ให้เป็นตัวที่ 3 ในภาพ จะเห็นว่า รูปร่างของสัตว์เปลี่ยนรูปไปจากปกติ มีส่วนศีรษะบวมใหญ่ขึ้น ช่วงลำตัวบวมพองขึ้น หางบวมพองขึ้น เมื่ออยู่ตรงกับ วัตถุรูปโค้ง หลายๆอัน ในภาพจะเห็นเป็นสีเหลือง สีเขียว สีชมพู อุปกรณ์ส่วนนี้ น่าจะเป็นเครื่องกำเนิดสนามพลัง ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเลกุล ของเซลล์สัตว์ และทำให้ร่างกายมีขนาดเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังไม่ถึงกับ ร่างกายแตกสลาย เหมือนกับ ปืนขยายอนุภาพ
    ที่ใช้ในการปราบจราจล ดังเคยนำเสนอมา

    [​IMG]



    เป็นภาพขยายในส่วนหน้า จากภาพท่านจะเห็นนักวิทยาศาสตร์จากต่างดาว ยืนควบอยู่บนหลังสัตว์ สี่เท้า ชนิดหนึ่ง
    ที่คอของสัตว์ มีแผลงสีเหลือง ติดอยู่ที่คอ น่าจะเป็นเครื่องควบคุมสัตว์ที่มีส่วนหนึ่งเชื่อมโยงไปอยู่กับเข่า ของมนุษย์ต่างดาว มนุษย์ต่างดาวเอง ก็มองคล้ายกับว่าสวมแว่นตากลมโต ชนิดหนึ่ง ที่แขนข้างซ้าย สวมเครื่องมือ ยึดติดตลอดลำแขน ขึ้นมาจนถึง หัวไหล่ คล้ายคีมขนาดใหญ่ ในส่วนปลายท่านจะสังเกตเห็น กลุ่มเส้นหยัก สีส้ม !!

    ซึ่ง คณะวิจัย ลงความเห็นว่า นั่นคือ สมอง สัตว์ !! ฉะนั้น เครื่องมือที่สวมที่แขน ก็น่าจะเป็น เครื่องแยกสมอง

    เพราะภาพซากสัตว์ที่ นอนกองอยู่กับพื้น มีส่วนของศีรษะผิดรูปไปจากปกติ กลุ่มที่ลงเส้นสีแดง คือ เขตสัญญาณอันตราย ซึ่งเป็นเขต สำหรับทดลองทางวิทยาศาสตร์ และเป็นเครื่องส่งสัญญาณ เพื่อบอกตำแหน่ง ของ สัตว์ที่เข้ามาอยู่ในเขตทดลอง ได้อย่างแม่นยำ

    หลักสีเขียว ทีมวิจัย ให้ชื่อว่า หลักปลิดชีพ ซึ่งอาจจะเป็นเครื่องมือ ในการเก็บข้อมูลการทำงานของนักวิทยาศาสตร์
    ที่ปฏิบัติการแยกสมอง ของสัตว์ตัวน้นๆ

    ถ้าท่านสังเกต ภาพมนุษย์ต่างดาว จะเห็นว่ามีระยางยื่นออกมาจากช่วงก้น แล้วไปค้ำยัน ยึดจับ กับหลังของสัตว์ที่เป็นพาหนะ ซึ่งก็เป็น การยืนยัน ข้อสรุปในเบื้องต้นของทีมวิจัย ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้ มีหาง !!
     
  15. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 17 - ภาพคน ไม่ใช่ คน
    วิเคราะห์โดย ยรรยง สินธุ์งาม

    ภาพคน ไม่ใช่ ฅน

    เป็นภาพคน ที่ผาหมอน จะเป็นคนรูปกิ่งไม้ เหมือนเด็กวาดแบบง่ายๆ

    [​IMG]

    แต่เมื่อทำการวิเคราะห์ภาพกลับพบรายละเอียดดังนี้
    [​IMG]
    ดูเหมือนส่วนที่เป็นหัวจะมีดวงตา ให้เราเห็น ถ้าเราหยุดการวิเคราะห์เพียงแค่นี้ ก็จะบอกว่า เป็นรูปคน แบบเด็กๆวาด
    แต่ผมกลับพบสิ่งผิดปกติ ของภาพดังกล่าว จึงทำการวิเคราะห์ในเชิงลึกอีกครั้ง
    และก็พบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพจริงๆ !!
    [​IMG]


    [​IMG]
    ขยายภาพส่วนหัวขึ้น ปรับแสง เงา เราก็จะเห็นลายเส้นแฝง ผมลงเส้นสีขาว ให้เห็นชัดขึ้น
    ก็ยังสรุปไม่ได้ ว่าเป็นภาพอะไร

    ส่วนภาพข้างล่าง เป็นภาพขยาย คนที่ไม่เห็นหัว

    [​IMG]

    [​IMG]


    ผมลงลายเส้นสีขาว ที่แขนข้างขวา ในภาพ ปรากฎว่าแขนข้างนี้กลับมีระยาง โผล่ขึ้น ที่ต้นแขน และปลายแขนเหมือนสวมปลอกแขนที่ยาวเหมือนแซ่ ขดม้วนอยู่บนพื้น
     
  16. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 18 - ภาพมนุษย์ผู้มากับจานบิน ที่ผาแต้ม 2
    วิเคราะห์โดย ยรรยง สินธุ์งาม
    ภาพมนุษย์ผู้มากับจานบิน ที่ผาแต้ม 2

    เป็นการวิเคราะห์ซ้ำ ทำให้พบรายละเอียดในภาพดังกล่าวเพิ่มขึ้น


    [​IMG]
    [​IMG]

    ขอนำภาพนี้ มากล่าวอีกครั้ง ครับ
    เส้นสีน้ำเงิน แทน เส้นรอบนอกของยานบิน เส้นสีขาว ลงเส้นที่เป็นภาพคล้ายมนุษย์ ที่ยืนชูแขนบนยานบิน
    สีเขียวเข้ม ลงเส้นบานประตู ซึ่งเป็นแบบบานพับ ผลักออกนอกตัวยาน
    ในภาพมีรูปมือข้างซ้าย 2 มือ เป็นมือแบบโปร่ง

    ในภาพสื่อความหมายว่า ผู้มากับยานบิน ไม่ได้เพิ่งมาที่ผาแต้ม เป็นแห่งแรก พวกเขามาอยู่บนดาวดวงนี้ในแหล่งอารยธรรมอื่นๆ บนโลกมาก่อนหน้านี้แล้ว ดูจาก ภาพมือข้างซ้าย ซึ่งหมายถึง เขาได้นำผู้หญิงชาวโลก จากแหล่งอารยธรรมอื่น ขึ้นมาบนยานด้วย เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นล่าม ในการสนทนากับชาวโลก และ เพื่อแสดงว่า พวกเขามาอย่างสันติ และเป็นมิตร เฉกเช่นเดียวกับ แหล่งชุมชนอื่นๆบนดาวดวงนี้ ที่เขาไปมาแล้ว ไม่เชื่อก็ลองสอบถาม จาก ผู้หญิงชาวโลกดูสิ ....อะไรทำนองนี้
     
  17. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หน้าที่ 19 - ความหมาย ภาพฝ่ามือ ที่ผาแต้ม 1

    ความหมาย ภาพฝ่ามือ ที่ผาแต้ม (1)


    หลายท่านที่เคยมาเยี่ยมชม ภาพเขียนสีที่ผาแต้ม จะพบว่า ภาพฝ่ามือ มีจำนวนมากที่สุด มองดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่า หมายถึงอะไร ในหน้านี้ ผมจะนำท่านสู่การไขปริศนา ฝ่ามือ ที่ผาแต้ม อย่างตรงไปตรงมา

    ภาพฝ่ามือที่พบ มีอยู่ 3 รูปแบบ

    [​IMG][​IMG]

    1.ฝ่ามือแบบโปร่ง เป็นลักษณะคล้ายการวางฝ่ามือบนผนังถ้ำ แล้วใช้สีพ่นใส่ ก็จะได้ภาพรูปรอยฝ่ามือ ที่โปร่ง แล้วมีสีแดงอยู่รอบนอก

    [​IMG]

    2.ฝ่ามือแบบทึบ เป็นลักษณะที่ใช้ฝ่ามือจุ่มสี แล้วกดทับลงบนผนังถ้ำ


    [​IMG]
    3.ฝ่ามือรูปแบบพิเศษ เป็นการใช้สีเขียนลวดลายลงบนฝ่ามือ แล้วจึงกดทับลงบนผนังถ้ำ ทำให้ได้ภาพรอยฝ่ามือคล้ายแบบทึบ แต่มีลวดลายคล้ายเปลวไฟ ภาพลักษณะนี้พบอยู่บริเวณ ผาหมอน


    ความหมายของฝ่ามือแต่ละประเภท

    จากการศึกษาของพวกเรา ทำให้ลงข้อสรุปว่า ภาพฝ่ามือ คือ ภาพสัญลักษณ์ที่ใช้แทนมนุษย์โลก

    [​IMG]
    เราจะพบทั้งมือข้างซ้ายและข้างขวา แต่ในกิจกรรมส่วนใหญ่จะมี รอยมือข้างขวา มากกว่าข้างซ้าย

    [​IMG]
    ภาพจากการจราจล กลับพบเฉพาะมือข้างขวา ที่ถูกไล่ล่า และถูกยิงด้วยคลื่นแสง

    จึงลงความเห็นว่า ภาพรอยฝ่ามือข้างขวา หมายถึง มนุษย์โลกเพศชาย
    และ จากภาพที่ผู้มากับยาน มีภาพของรอยฝ่ามือ ข้างซ้ายอยู่บนยานบิน ด้วย จึงทำให้ค่อนข้างแน่ใจว่า ภาพรอยฝ่ามือข้างซ้าย น่าจะหมายถึง มนุษย์โลกเพศหญิง


    ฝ่ามือแบบโปร่ง หมายถึง มนุษย์โลกผู้ผ่านการฝึกฝน จนมีความสามารถ ที่จะปฏิบัติงานในด้านใดด้านหนึ่ง และได้เข้ามาเป็นทีมงาน หรือ เจ้าหน้าที่ของผู้มาจากต่างดาว ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย

    ฝ่ามือแบบทึบ หมายถึง มนุษย์โลก ที่เป็นชาวบ้าน สามัญธรรมดา

    ฝ่ามือแบบพิเศษ หมายถึง มนุษย์โลกผู้ผ่านการฝึกพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกิจ เป็นลักษณะของ อาสาสมัคร เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจ ก็หมดภาระ ไม่ใช่พนักงานประจำ


    การที่ผู้วาด เจตนา ใช้ภาพฝ่ามือ เป็นสัญลักษณ์ แทน มนุษย์โลก น่าจะมีจุดประสงค์ 3 ข้อ ดังนี้

    1.เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับภาพมนุษย์ ที่ปรากฎอยู่บนจารึก แห่งภูผา
    2.เพื่อแสดงว่า ภาพฝ่ามือ เป็นเพียงองค์ประกอบอย่างหนึ่ง ในภาพ แต่ไม่ใช่จุดเด่น
    3.เพื่อใช้แทนระดับความเจริญของอารยะธรรม ชาวพื้นเมือง ซึ่งก็หมายถึง ชาวโลก ในขณะนั้น
    เนื่องจาก เทคนิคการสร้างภาพพิมพ์จากฝ่ามือ จะทำให้คนในยุคหลัง เข้าใจว่า เป็นเทคนิคที่ง่ายๆ และเหมาะสมกับผู้คนในยุคสมัยนั้น ก็จะสามารถซ่อนความหมาย และเรื่องราวต่างๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้


    จากจุดประสงค์ดังกล่าว บ่งชี้ว่า มนุษย์ในรูปจารึก ไม่ใช่ชาวดาวโลก หากแต่เป็น มนุษย์ต่างดาว ผู้มีเทคโนโลยี ที่ล้ำหน้า ออกสำรวจจักรวาล แล้วมาพบ ดาวที่เพิ่งมีอารยะธรรมใหม่ๆ ก็เข้ามาทำการช่วยเหลือ

    แม้แต่ทุกวันนี้ มนุษย์ที่มาจากดาวดวงอื่น ก็อาศัยอยู่ในโลกของเรา นี่แหละ !!

    เมื่อก่อนผมเองก็ปฏิเสธ หัวชนฝา กับคำกล่าวที่ว่า มนุษย์ต่างดาว เป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับชาวโลก แต่เมื่อเริ่มอ่านภาพจารึกผาแต้มได้ ก็ต้องว่าไปตามการบันทึกล่ะครับ

    [​IMG]
    ขอนำภาพนี้กลับมานำเสนอ อีกครั้ง ภาพแรก บริเวณผาแต้ม ของผู้มากับยานบิน เปิดประตูยานที่มีลักษณะเหมือน ยานไอพ่น (ภาพนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ไปบ้าง จากที่เคยนำเสนอ ในตอนต้นๆ ก็ให้ถือข้อมูลล่าสุด เป็นเกณฑ์)


    และอีกประการหนึ่ง จากการศึกษาด้วยกล้องถ่ายวิญญาณ ก็ได้ภาพ กายละเอียด ของ มนุษย์ต่างดาว หลายเผ่าพันธุ์เช่นกัน !!

    ที่พูดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ ให้ท่านผู้อ่านหวาดกลัว หรือวิตกจริต กลัวว่า มนุษย์ต่างดาวจะยึดครองโลก !!

    เพราะเขาอยู่มานานแล้ว ย่อขนาดให้เล็ก อยู่ในสภาวะกายละเอียด มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพื่อไม่ให้มนุษย์โลกหวาดกลัว และทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อย อายุก็ยืนยาว

    ผู้ที่มาจากต่างดาว จะให้ความนับถือ ผู้ปฏิบัติทางจิต โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม ในทุกศาสนา และ เขายิ่งประหลาดใจ เมื่อมาพบศาสนาพุทธ เพราะเป็นศาสนาที่พัฒนาจิต ให้มีพลังได้สูงสุด ยิ่งกว่าวิธีการของศาสนาใดๆ

    ขอเล่าเพียงนี้ก่อน เดี๋ยวก็จะมีคำถามขึ้นมาอีกว่า ผมรู้ได้อย่างไร ?

    พระนักปฏิบัติท่านทราบเรื่องพวกนี้ดี บางที ท่านจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ชาวลับแล หรือ ชาวบังบด ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ก็เป็นคำเทียบเคียงที่จะสื่อถึงเขาเหล่านี้ได้ง่าย เมื่อเวลาพูดกับชาวโลก โดยเฉพาะคนไทย
    พระท่านมีพระวินัย คอยกำกับไม่ให้พูดหรือสอน ในเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์ ต่อการฝึกจิต ให้หลุดพ้น เราจึงไม่เคยรับรู้เรื่อง มนุษย์ต่างดาว จากปากของท่าน

    เอาเป็นว่าเมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง ผมจะนำภาพถ่ายเหล่านั้น มานำเสนอต่อท่าน อย่างแน่นอน !! ครับ
     
  18. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
  19. gnungnun

    gnungnun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +357
    มนุษย์ต่างดาวนั้นน่าจะมีอยู่จริงนะครับ ตามความคิดของผม เพราะถ้าจะบอกว่าในอวกาศอันกว้างใหญ่มีโลกนี้โลกเดียวเท่านั้นที่มีสิ่งมีชีวิตก็คงไม่สมเหตุสมผลเท่าไร

    เห็นลายเซนต์ท่านเจ้าของกระทู้บอก จงมองในสิ่งที่แตกต่าง ก็ขอแสดงความเห็นต่างๆไปบ้างครับ ถ้าล่วงเกินก็ขออภัยด้วยครับ
    ขอพูดรูปเดียวนะครับเพราะรูปอื่นก็คงอธิบายได้คล้ายๆกัน


    [​IMG]

    ผู้เขียนบอกว่า " ใครๆ ที่ดูภาพนี้ แล้ว จะมีความเข้าใจ ว่า หมายเลข 1 คือ อุปกรณ์ใส่ปลา ที่สานด้วยไม้ไผ่ มีชื่อเรียกว่า ข้อง เห็นภาพหมายเลข 2 ก็เข้าใจว่า เป็นปลากระเบนน้ำจืด และพอเห็น หมายเลข 3 ฟันธงทันที เป็นภาพ เต่า !!

    ผิด !! ทั้งหมด ครับ หมายเลข 1 และ หมายเลข 2 เป็น หุ่นยนต์ !! ที่มีผู้ขับขี่ อยู่ข้างใน 1 คน

    ส่วนหมายเลข 3 คือ จานบิน !! รูปกลมแบน เป็นการเขียนภาพแบบ top view จึงทำให้เราเห็นภาพด้านบน เหมือนเราก้มมอง หลังเท้าของเรา แหละครับ เราเห็นขาตั้งของยาน จึงทำให้เราด่วนสรุปว่าเป็น เต่า "


    ผมว่าผู้เขียนรวบรัดมากเลยครับ มันเหมือนมีการตั้งธงไว้ในใจว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วก็พยายามมองให้เข้ากับธงในใจ

    เรื่องการมองรูปอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าอยู่ที่ความคิดและประสบการณ์ของแต่ละคน เหมือนคนไปขูดหวย คนนึงมองเป็นเลขนึงแต่อีกคนมองเป็นเลขนึง

    มาพูดถึงรูปนี้ต่อครับ สมมติผมตั้งธงไว้ในใจว่า มีมนุษย์จากอนาคตย้อนเวลาไปจัดปาร์ตี้เต้นรำที่ผาแต้ม ผมจะเรียบเรียงคำพูดใหม่ครับ

    [​IMG][​IMG]


    " ใครๆ ที่ดูภาพนี้ แล้ว จะมีความเข้าใจ ว่า หมายเลข 1 คือ อุปกรณ์ใส่ปลา ที่สานด้วยไม้ไผ่ มีชื่อเรียกว่า ข้อง เห็นภาพหมายเลข 2 ก็เข้าใจว่า เป็นปลากระเบนน้ำจืด และพอเห็น หมายเลข 3 ฟันธงทันที เป็นภาพ เต่า !!

    ดูรูปด้านบนประกอบครับ
    ผิด !! ทั้งหมด ครับ หมายเลข 1 เป็นแก้วมาร์ตินี่บนโต๊ะ และ หมายเลข 2 คือคนกำลังตีลังกาเต้นอยู่ ส่วนหมายเลข3 คืือดวงไฟที่ใช้ในคลับ มือต่างๆคือสัญลักษณ์ว่ามีคนมากมายกำลังเต้นอย่างเมามันไปตามเสียงเพลง(คลื่นเสียง)

    แล้วก็โยงรูปอื่นไปเรื่อยๆ แล้วผมก็จะนำมาเขียนได้ว่า พบหลักฐานมนุษย์ย้อนเวลาไปจัดปาร์ตี้เต้นรำที่ผาแต้มครับ

    ขออภัยอีกครั้งนะครับถ้าข้อคิดเห็นของผมล่วงเกินท่านใดทางด้านความเชื่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2011
  20. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    แล้วแต่ใครจะวิเคราะห์ว่าไงครับ...

    แต่ผมว่ารูปนี้เหมือนคนออกมาจากยาน
    [​IMG]
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...