ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่า สร้างสมเด็จองค์ปฐม ชำระหนี้สงฆ์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ๘ ส.ค.๕๓

ในห้อง 'กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด' ตั้งกระทู้โดย tonba, 11 กรกฎาคม 2010.

  1. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 22.jpg
      22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.9 KB
      เปิดดู:
      650
    • 25.jpg
      25.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.5 KB
      เปิดดู:
      459
    • 258.jpg
      258.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.9 KB
      เปิดดู:
      398
    • 263.jpg
      263.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      478
    • 2348.jpg
      2348.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.3 KB
      เปิดดู:
      1,472
    • 5897.jpg
      5897.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.9 KB
      เปิดดู:
      584
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 สิงหาคม 2010
  2. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    คู่มือเที่ยวชมถ้ำป่าไผ่” ฉบับนี้

    ได้จัดพิมพ์ขึ้นมา เนื่องจากมีญาติโยมจำนวนมากสอบถามถึงประวัติ ความเป็นมาของถ้ำป่าไผ่แห่งนี้

    อาตมาก็จะตอบคำถามเหล่านั้นให้ทราบ แต่ในบางครั้งอาตมาไม่ได้อยู่วัด พระสงฆ์ สามเณรตอบคำถามญาติโยมไม่ได้ ความสงสัยจึงเกิดขึ้นแก่ท่านผู้ถาม ดังนั้น เพื่อเป็นการขจัดความสงสัยให้หมดไป จึงได้จัดพิมพ์หนังสือ “คู่มือเที่ยวชมถ้ำป่าไผ่” ฉบับนี้ขึ้นมา

    “ถ้ำป่าไผ่” แห่งนี้จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดนั้น ไม่มีใครทราบเพราะไม่มีการสำรวจตามหลักธรณีวิทยากันอย่างจริงจัง สอบถามคนรุ่นพ่อ รุ่นปู่ ก็ตอบว่า “เห็นถ้ำป่าไผ่มาตั้งแต่เกิดแล้ว” เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีได้พาชาวต่างชาติมาทุบหินที่ผนังหน้าถ้ำ แล้วนำกล้องขยายมาสิ่งดูหินนั้น พร้อมกับบอกว่า “ถ้ำป่าไผ่แห่งนี้มีอายุนับล้าน ๆ ปี และบริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน”

    บนภูเขาเหนือถ้ำนี้เป็นที่ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาท” ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๔๗) กำลังพัฒนาด้วยการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท

    สวนภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยที่ยังคงความสวยสดงดงามตามธรรมชาติ และมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บนผนังถ้ำมีปล่องระบายอากาศหลายปล่อง จึงทำให้อากาศภายในถ้ำดีมาก นอกจากนี้พุทธบริษัททั้งหลาย ได้มาสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ฤๅษี และเจ้าแม่จามเทวี ประดิษฐานไว้ในถ้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของสาธุชนทั้งหลาย

    “คู่มือเที่ยวชมถ้ำป่าไผ่” ฉบับนี้ นอกจากจะกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในถ้ำแล้ว ยังได้กล่าวถึงเรื่องราวของอาตมาที่มีความเกี่ยวข้องกับถ้ำแห่งนี้ จนกระทั่งมาสร้างเป็น “สำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่” และกำลังพัฒนาให้เป็น “วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่” สืบต่อไป

    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง แด่ทุก ๆ ท่านที่มีส่วนช่วยให้คู่มือเที่ยวชมถ้ำป่าไผ่ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

    ขอเจริญพร
    พระอาจารย์วิสุทฺโธ
    เจ้าอาวาส สำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่
    ๑ มกราคม ๒๕๔๗

    ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ อาตมาและพระสุทิน แสงทอง วัดถ้ำระฆัง เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ได้พากันมาบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ถ้ำป่าไผ่แห่งนี้ เวลาเช้าของวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ เวลาประมาณตี ๔ (๐๔.๐๐ น.) ขณะที่นั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ลานตรงหน้าองค์พระประธาน ในถ้ำสว่าง (ท้องพระโรง) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของถ้ำได้ยินเสียงองค์หลวงพ่อ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ประกาศขึ้นดัง ๆ ว่า “อาจารย์สิงห์ อยู่ที่นี่ ตายที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนต่อไปอีกแล้ว”

    ต่อมาอีก ๓ วัน คือในเช้าของวันที่ ๒๐ อาตมาฝันว่า องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ได้มายืนอยู่ที่ปากปล่องถ้ำข้างบน อาตมายืนอยู่ข้าง ๆ องค์ท่าน องค์ท่านได้ชี้มือมาที่พื้นถ้ำเบื้องล่างอาตมาเห็นเศษอาหารที่องค์หลวงพ่อเหลือไว้ในจานบ้าง (ในเวลาฉันภัตตาหาร) องค์ท่านได้เกลี่ยลงน้ำให้สัตว์น้ำได้กินมาเป็นเวลานานแสนนานนั้น ได้กลับกลายเป็นวัตถุอย่างหนึ่งเป็นกรวยก้นแหลมยาวประมาณ ๓ นิ้ว คล้ายห่อขนมได้ไหลมารวมตัวกันจนเป็นภูเขาลูกย่อม ๆ อยู่ ณ พื้นถ้ำแห่งนี้ อาตมาได้เหาะลงมาทำประทักษิณภูเขานั้น ๓ รอบแล้วก็ได้เอาธงสีเทา ๆ ปักไว้ปัจจุบันนี้ ได้สร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาประดิษฐาน ปักธงชาติ และธงศาสนาไว้ ภูเขาลูกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหินเขี้ยวหนุมานทั้งนั้นแล้วก็สะดุ้งตื่น เป็นเวลาตี ๓ ครึ่ง (๐๓.๓๐ น.) พอดี
    __________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2010
  3. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    พ.ศ.๒๕๒๙ อาตมาและคณะประมาณ ๙ รูป ได้พากันมาพักปฏิบัติธรรมที่ถ้ำป่าไผ่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง อาตมาได้เล่าความฝันให้คณะฟังแล้วบอกว่า ผมติดภาระสร้างวัดที่บ้านเกิดอยู่ งานยังไม่เสร็จ ในพวกเรานี้ใครจะสมัครอยู่ก็ได้ผมจะสนับสนุนเต็มที่” พระสุทัศน์ สุธมฺโม วัดท่าผาปุ้ม อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พูดว่า “ผมจะลองอธิษฐานดูในคืนวันนี้”

    วันรุ่งขึ้นท่านได้เล่าความฝันให้ฟังว่า เมื่อคืนเจ้าถ้ำได้เข้ามาหาท่านบอกว่า ตั้งแต่เดิมมาถ้ำนี้ ทางฝ่ายวิญญาณจะช่วยปกป้องคุ้มครองรักษา และดูแลไว้ด้วยดีตลอดมา ไม่ให้ผู้ใดมารู้มาเห็นมาก มาวุ่นวายมาก มีเข้ามาบ้างก็เป็นส่วนน้อยไม่เป็นอันตรายมาก แต่นับจากนี้ไปคงปกปักรักษาคุ้มครองต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะมีคนมากขึ้น ป่าไม้ถูกทำลายไป สัตว์ร้ายต่าง ๆ ก็หมดไปยากต่อการปกปักรักษา จริง ๆ ทางฝ่ายวิญญาณมีความต้องการให้พระสงฆ์มาครอบครองอยู่เพื่อให้เป็นเขตพระพุทธพรมงคลสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในถ้ำจะได้อยู่รอดปลอดภัยไม่ถูกทำลาย อยากจะให้พระสงฆ์เข้ามาก่อนที่ภัยมนุษย์จะเคลื่อนเข้ามา”

    พระสุทัศน์บอกว่า อาตมาไม่ใช่คนบ้านนี้ ไม่มีญาติ ไม่มีบริวาร ไม่มีทรัพย์จะพัฒนาขึ้นมาให้เป็นวัดได้อย่างไร งานมันจะเดินไปได้อย่างไร ยังมองไม่เห็นช่องทางเลย เจ้าถ้ำพูดว่า “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลเลย ท่านจงมาดูนี่สิ” แล้วท่านก็พามาที่ลานหน้าพระประธานในถ้ำแล้วโบกมือไป ๑ ครั้ง ปรากฏว่ามีกองเงินกองทองผุดขึ้นมาเต็มไปหมด พระสุทัศน์ เห็นดังนั้นกล่าวว่า “ผมยินดีอยู่ที่นี่ครับ”

    อาตมาและคณะจึงขอความช่วยเหลือจากพระอาจารย์ทรงสิทธิ์ ธมฺมาวุโธ วัดนอก จังหวัดชลบุรี ซึ่งมาธุดงค์อยู่ด้วยกันที่ในถ้ำ ให้หาเงินมาสร้างห้องน้ำ ห้องสุขาก่อน ท่านก็ยินดีช่วย อาตมาได้เดินทางไปจังหวัดชลบุรีกับท่านเพื่อจะนำเงินมาถวายพระสุทัศน์ ได้เงินมาหนึ่งหมื่นสามพันกว่าบาท เมื่อข้าพเจ้ามาถึงถ้ำแล้ว ปรากฏว่ามีแต่ถ้ำว่างเปล่า พระสุทัศน์ได้ออกจากถ้ำไปแล้ว ไม่ทราบว่าไปไหน ถามญาติโยมก็ไม่มีใครทราบ ท่านทรงสิทธิ์ ธมฺมาวุโธ ได้เก็บเงินไว้หลายเดือน เมื่อไม่มีพระอยู่ที่ถ้ำ ท่านก็เลยถวายให้อาตมานำไปพัฒนาวัดบ้านเกิดของอาตมาต่อไป ภายหลังอาตมาพบพระสุทัศน์ ถามท่านว่าทำไมไม่อยู่ในถ้ำตามที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านบอกว่าอยู่ไป ๆ เกิดเป็นโรคผิวหนังรักษาไม่หายจึงตัดสินใจทิ้งถ้ำไป

    กาลเวลาผ่านไป จนกระทั่งถึง พ.ศ.๒๕๓๒ องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้ส่งจดหมายมาให้อาตมาบอกว่า มาอยู่ที่ถ้ำป่าไผ่แห่งนี้ได้แล้ว เพราะอายุก็มากพอสมควรถึงแก่เวลาแล้ว (อายุ ๕๒ ปี) อาตมาจึงได้ย้ายจากวัดพระธาตุจอมแจ้ง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มาแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีใครไล่ และพระสงฆ์และสามเณรจากวัดหนองป่าพงอยู่กัน ๘ รูป เริ่มมาอยู่กันตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ แล้ว หัวหน้าคณะชื่ออาจารย์บุญทัน อตฺถกาโม แต่ได้มอบให้อาจารย์วิชาญเป็นผู้ดูแลแทน

    ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ ภายในถ้ำมีพระจากวัดถ้ำผาจม จังหวัดเชียงรายมาอยู่ ๓ รูป แม่ชี ๒ รูป แล้วก็มีพระจากจังหวัดพิษณุโลกอีก ๑ รูปอาศัยอยู่ อาตมาได้เข้ามาพักอยู่ในถ้ำกับพระและแม่ชีเหล่านั้น

    ในกลางพรรษาปี พ.ศ.๒๕๓๒ นั้น ตรงกับวันที่ ๒๒ กันยายน หลวงปู่แสวง ฐิตสาสโน วัดถ้ำเขาตะพาบ จังหวัดอุทัยธานี พร้อมทั้งญาติโยมทั้งหลายมีพ่อหลวงบุญ บุญทอง เป็นต้น จะทำพิธีเปิดถ้ำป่าไผ่ อาตมาจะร่วมพิธีเปิดถ้ำด้วยเหมือนกันแต่ไม่สบายใจ เพราะวันที่เปิดถ้ำเป็นวันเสียเมืองของเหนือที่คนโบราณยึดถือและปฏิบัติต่อกันมาว่าเกี๋ยงห้าเก้า เสียอาทิตย์กับจันทร์ นี่สิบหก เสียวันอังคารวันเดียว สามเจ็ดสิบเอ็ด เสียเสาร์กับพฤหัสฯ สี่แปดสิบสอง เสียศุกร์กับพุธ (เดือนทางเหนือจะเลยเดือนของภาคกลางไปหน่อย เช่น เดือนเก้าของภาคกลาง ทางเหนือเป็นเดือนสิบเอ็ด) ถ้าวันเสียเมืองทางเหนือโบราณ จะไม่ทำอะไร ถือว่าเป็นวันอาถรรพณ์ของเดือนนั้น ๆ จึงมาคิดว่า หลวงปู่แสวงท่านไม่ได้อยู่ประจำ ทำพิธีก็แล้วไป แต่เราอยู่ประจำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในวันข้างหน้า เราจะทำพิธีเปิดเอาฤกษ์เอายามเสียก่อนสักวันหนึ่งคงจะดี

    เวลานั้นญาติโยมที่อุปการะยังมีไม่มาก อาตมาจึงได้จุดธูปเทียนบูชาพระและขอเทพช่วย ขอให้มีผู้ช่วยในการทำพิธีเปิดถ้ำ ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง คุณนายของท่านผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (สภ.อ.เมือง จังหวัดลำพูน) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่โอภาสี มีความต้องการที่จะทำบุญในถ้ำแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ชักชวนญาติและเพื่อนออกแสวงหาถ้ำที่จะทำบุญ เมื่อคุณนายมาพบถ้ำป่าไผ่ อาตมาก็ปรึกษาเรื่องที่จะทำพิธีเปิดถ้ำให้ท่านฟัง คุณนายมีความยินดีมาก พร้อมที่จะมาช่วยในการเปิดถ้ำ จึงนัดทำพิธีกรรมเปิดถ้ำก่อนหลวงปู่แสวงหนึ่งวัน

    วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๒ พิธีเปิดถ้ำได้เริ่มขึ้น โดยมีอาตมาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ฝ่ายฆราวาสมีคุณนายภรรยาท่านผู้กำกับ สภ.อ.เมือง จังหวัดลำพูนเป็นประธาน พร้อมด้วยภรรยาท่านนายตำรวจ สภ.อ.ลี้ และชาวบ้านป่าไผ่บางส่วน มีคุณพ่อวรรณ เมืองใจ เป็นต้น

    เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. มีการทำบุญตั้งกองทาน (แบบองค์หลวงพ่อโอภาสี) บริเวณหน้าลานองค์พระประธานในถ้ำ ถวายทานแด่พระสงฆ์และให้ทั้งฆราวาสที่มาร่วมงาน ฝ่ายฆราวาสแจกทานคนละ ๒๐ บาท นอกจากนั้นก็มีผลไม้ ขนมของหวาน ฯลฯ ทั้งนี้ทำเพื่อสงเคราะห์ปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายก่อนที่จะเปิดถ้ำ

    หลังจากพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ทำพิธีเปิดถ้ำที่ปากประตูเข้าถ้ำ มีสายสิญจน์ขึงที่ปากถ้ำ ๒ เส้น ข้างในถ้ำมีคุณนายผู้กำกับพร้อมด้วยคณะ และร่างทรงในชุดสีขาวทรงศีล ๘ สมมุติว่าเป็นผู้แทนเจ้าถ้ำ มีผู้ที่จะโปรยข้าวตอก ดอกไม้ ฝนห่าแก้วอยู่สองข้างทางในถ้ำ (โปรยเมื่อขบวนผู้เปิดถ้ำเดินผ่าน) ข้างนอกถ้ำมีอาตมา พร้อมด้วยพระสงฆ์และชาวบ้าน มีพ่อวรรณ เมืองใจเป็นต้น เป็นฝ่ายขอเปิดถ้ำ

    เริ่มพิธีเปิดถ้ำด้วยจุดเทียน ๒ เล่ม ธูป ๙ ดอก บูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระแล้วอาตมานำพุทธบริษัททั้งหลายว่านะโมฯ ๓ จบ ต่อด้วยบทอิมาหังภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิฯ ข้าแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า อิมาหัง ภันเต อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ ข้าแด่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีองค์หลวงปู่ปานและหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นต้น ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายฯ แล้วกล่าวทักเทวดารักษาถ้ำว่า “คูหา เทวดา สุขิตา โหนตุ” ๓ จบ

    ต่อจากนั้น กล่าวคำโวหารขอเปิดถ้ำว่า “ข้าแด่เทพาอารักษ์ เจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งถ้ำป่าไผ่ทั้งหลาย พร้อมด้วยคณะบริวารทุก ๆ พระองค์ ทุกรูปทุกนาม มีองค์เจ้าแม่จามเทวีและบริวารทั้งหลายเป็นต้นบัดนี้ ถึงกาลเวลาอันสมควรแล้วที่จะเปิดถ้ำแห่งนี้เพื่อให้เป็นเขตพุทธศาสนมงคลสถาน เป็นที่บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา เป็นสำเภาแก้ว สำเภาทอง ขนนำเอาท่านสาธุชนคนดีทั้งหลายเข้าสู่สุคติ คือ สวรรค์ พรหมโลก พระนิพพานและบางส่วนให้ได้เข้าร่วมในศาสนาแห่งพระศรีอาริยเมตตรัย ที่จะมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดเวไนยสัตว์ในอนาคตข้างหน้านั้นด้วยเถิด” แล้วมอบพานดอกไม้ธูปเทียนแด่คุณนายผู้กำกับ คุณนายผู้กำกับรับแล้วตอบแทนเจ้าของถ้ำว่า “ลูกหลานและสาธุชนคนดีทั้งหลาย องค์เจ้าแม่จามเทวีและเทพารักษ์ทั้งหลายพร้อมด้วยคณะบริวารทั้งปวง มีความยินดีอนุญาตให้เปิดถ้ำป่าไผ่แห่งนี้เพื่อเป็นเขตพระพุทธพรมงคลสถาน เป็นสำเภาแก้ว สำเภาทองบรรจุเอาลูกหลานสาธุชนคนดีทั้งหลายเข้าสู่สุคติภูมิคือสวรรค์ พรหมโลกและพระนิพพานไปตลอดตราบเท่าอายุพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปีพระวสานั้นเถิด พุธโธ ละเปิดโลก ธัมโม ละเปิดโลก สังโฆ ละเปิดโลก โลกะวิทูฯ” สาธุ ๆ ๆ เปิดด้วยนะโม พุทธายะ หลังจากนั้นคุณนายผู้กำกับตัดสายสิญจน์ด้านใน ๑ เส้นแล้วไปยืนรออยู่ด้านข้าง

    ฝ่ายที่อยู่ข้างนอกถ้ำ อาตมากล่าวนำให้ว่าตามว่า “วิรูปากไข ๆ ๆ” ๓ จบ แล้วตัดสายสิญจน์ด้านนอกเส้นสุดท้าย พระสงฆ์สวดชยันโตและประพรมน้ำมนต์ ฝ่ายฆราวาสตีระฆัง ฆ้อง กลอง จุดประทัดแล้วอาตมากล่าวนำให้ว่าตาม ๓ จบว่า “อิติสุคะโต อรหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ” แล้วพากันสวดนะโมฯ ๓ จบ พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ ตะติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิฯ พอขึ้นบทอิติปิโสฯ ก็เดินนำขบวนผู้อยู่ข้างนอกเข้าไปในถ้ำ ข้างในถ้ำโปรยฝนห่าแก้ว ข้าวตอก ดอกไม้ แล้วก็เดินตามเข้าแถวไป เมื่อเข้าไปถึงหน้าลานองค์พระประธานแล้ว พระสงฆ์และฆราวาสทั้งหมดได้สวดมนต์ด้วยบท อิติปิโสฯ, พาหุงฯ, คาถาเงินล้าน, บูรพารัสมิง, มงคลแปดทิศ, ชยันโต อุทิศส่วนกุศล และวันทาหลวง วันทาน้อยเป็นอันจบพิธีเปิดถ้ำ

    ในวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๑๕๓๒ (ตอนพระสวดชยันโตที่ปากถ้ำมีฝนโปรยลงมานิดหน่อย) พิธีกรรมเปิดถ้ำในวันนี้เป็นที่ชื่นใจของผู้เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก

    วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๒ จัดพิธีกรรมเปิดถ้ำที่เชิงบันไดขึ้นถ้ำ มีการตั้งศาลเพียงตา มีร่างทรงคุณบุญมี จากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นร่างทรงองค์เจ้าแม่จามเทวีเป็นผู้ทำพิธีกรรมเปิดถ้ำ ฝ่ายสงฆ์มีหลวงปู่แสวง ฐิตสาสโน วัดถ้ำเขาตะพาบ จังหวัดอุทัยธานีเป็นประธาน ฝ่ายรับทานมีท่านพระครูวิลาสคณาทร เจ้าคณะอำเภอลี้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สวญ.สภ.อ.ลี้ พร้อมด้วยพ่อหลวงบุญ บุญทองเป็นประธานฝ่ายฆราวาสและประชาชนชาวอำเภอลี้เป็นจำนวนมาก มีการทำบุญทอดผ้าป่าด้วย แต่งานมีอุปสรรคไม่สะดวกเท่าที่ควร คือ มีฝนตกหนัก
    วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๒ มีร่างทรงพระพิฆเณศร์ อยู่หมู่บ้านเศรษฐกิจ ซอย ๑๐ (เลยตลาดบางแคไปทางนครปฐมนิดหน่อย) มาทำพิธีเปิดถ้ำ ทำพิธีเสาเอกในถ้ำใหญ่ เวลา ๒๔.๐๐ น. แต่เมื่อเวลา ๒๒.๐๐ น. (สี่ทุ่ม) ขณะที่พระสวัสดิ์ ปญฺญาปทีโป คุมเครื่องปั่นไฟอยู่ที่ปากถ้ำ ได้ยินเสียงช้างร้องขึ้นดัง ๆ ๓ ครั้ง ท่านได้วิ่งเข้าไปในถ้ำ บอกว่า “ผีช้างหลอก”

    วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๒ หลังจากงานเปิดถ้ำผ่านไปแล้ว มีค้างคาวฝูงหนึ่งบินร่อนลงมาแบบร่าเริง (เป็นค้างคาวตัวไม่ใหญ่) แต่ที่แปลกคือมาบินเล่นที่หน้าองค์พระประธานในถ้ำและที่ปากทางเข้าถ้ำตลอดทั้งวัน

    สถานที่ต่าง ๆ ในสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่

    ๑. วิหารพระราชพรหมยานเถรเจ้าและพระประธานในวิหาร
    ๒. พระอุโบสถ (อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง) พร้อมด้วยสมเด็จองค์ปฐมฯ
    ๓. ช้างปู้ก่ำงาเขียว
    ๔. พระอุปคุตและแม่นางธรณี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2010
  4. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    ในวันที่ ๑๖ เมษายนของทุก ๆ ปี จะมีการทำพลีกรรมแบบโบราณ ณ ที่สำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่ ดังต่อไปนี้
    ๑. ศาลที่อยู่ในเขตป่าช้าด้านทิศตะวันออก
    ๒. ศาลที่อยู่ในเขตพระพุทธศาสนาที่หน้าถ้ำ
    ๓. ศาลที่อยู่ด้านข้างรอยพระพุทธบาทบนถ้ำ

    เครื่องพลีกรรมมีเทียน ๒ เล่ม ธูป ๕ ดอก บูชาพระรัตนตรัยก่อน ขึ้นนะโมฯ ๓ จบก่อน แล้วก็มีข้าวปลาอาหารคาวหวานตามสมควร แผ่เมตตาด้วยการภาวนาพระคาถาว่า เมตตาคุณณัง อรหัง เมตตา แล้วก็ทำพลีกรรม คือ
    • ขอน้อมถวายอามิสบูชาและการปฏิบัติบูชาต่อเทวดา
    • ขอขมาเทวดา
    • ขออาราธนาช่วยในกิจที่สมควร และขอพรฯ

    ภายในถ้ำมีที่ทำพลีกรรมดังต่อไปนี้
    • ศาลเจ้าถ้ำ
    • องค์ท่านปู่ฤาษี
    • องค์เจ้าแม่จามเทวี
    • องค์ท่านปู่นเรศวรมหาราช
    • องค์เจ้าพ่อหลักเมือง
    • ช้างปู้ก่ำงาเขียว ช้างองค์เจ้าแม่จามเทวี
    __________________
    เครื่องบูชาที่ต้องจัดเตรียม
    ๑. ศาลเจ้าถ้ำ ประกอบด้วย ข้าวปลาอาหารคาวหวาน, น้ำ, ผ้าสีผูกเสาถ้ำ
    ๒. องค์ท่านปู่ฤๅษี ประกอบด้วย ไก่ต้มที่ผ่าบิ้ง (ผ่าเป็นชิ้น ๆ) ๒ ตัว, ข้าวและอาหาร, ขนม, มะพร้าว ๑ ทะลาย, ผลไม้, น้ำมะพร้าว, กล้วย ๑ เครือ
    ๓. องค์เจ้าแม่จามเทวี ประกอบด้วย ดอกกุหลาบ, น้ำ, อาหารพื้นเมือง มีแกงแค น้ำพริก ผักนึ่ง ฯลฯ, ขนม, ผลไม้, ผ้าสไบ (อาหารอย่างอื่นองค์เจ้าแม่จามเทวีไม่ทรงโปรด แต่บริวารของท่านชอบ)
    ๔. องค์ท่านปู่นเรศวร ประกอบด้วย น้ำ, ข้าวปลาอาหาร, บุหรี่ซิการ์, เหล้าดำ
    ๕. เครื่องพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง ประกอบด้วย เทียนเงิน เทียนดำ อย่างละ ๔ เล่ม, ช่อขาว ช่อแดง อย่างละ ๘ ผืน, ฉัตรขาว ฉัตรแดง อย่างละ ๒ คัน, มะพร้าว ๔ ทะลาย, กล้วย ๔ หวี, อ้อย ๔ ลำ, เหล้าขาว ๑ ขวด, ปลาปิ้ง ๔ ตัว, เนื้อสุก ๔ ชิ้น, เนื้อดิบ ๔ ชิ้น, แกงส้ม ๔ ถ้วย, แกงหวาน ๔ ถ้วย, หมากหนึ่งพัน, ผ้าขาว ๑ ลำ, อาสนะที่นั่ง (เก้าอี้) ๑๒ ที่
    ๖. ช้างปู้ก่ำงาเขียว ประกอบด้วย เทียนเงิน เทียนดำ อย่างละ ๒ เล่ม, ฉัตรแดง ๑ คัน, ช่อแดง ๑ ผืน, มะพร้าว ๑ ทะลาย, กล้วย ๑ หวี, อ้อย ๑ ลำ, หญ้า ๑ หาบ, พลู ๑ แหลบ, ดอกไม้ ๗ กระทง, ข้าวตอก ๗ กระทง
    พิธีกรรมที่ทำในถ้ำ
    เมื่อพระสงฆ์ ญาติโยมพร้อมแล้ว
    ๑. ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    ๒. เปิดเทปสมาทานพระกรรมฐาน อธิษฐานจิตไหว้พระตามเทป
    ๓. สมาทานศีล
    ๔. พระสงฆ์สวดกรณียเมตสูตร ๙ จบ ญาติโยมตั้งใจฟังและภาวนาไปด้วย
    ๕. ถวายสังฆทาน ๕ ชุดแด่พระสงฆ์
    ๖. กล่าวคำถวายเครื่องพลีกรรมต่าง ๆ นำเครื่องพลีกรรมไปบูชาตามที่ต่าง ๆ
    ๗. น้อมถวายเครื่องบูชา
    ๘. ขอขมา
    ๙. ขอพร
    ๑๐. กล่าวอุทิศส่วนกุศล อามิสบูชาและการปฏิบัติ บูชาไปถึงผู้มีพระคุณทั้งหลายมีครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ญาติผู้ใหญ่ทั้งหลาย ผู้ที่เคยอุปการะมาแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เทพ พรหม พญายมราชและคณะทั้งหลาย ญาติทั้งหลาย ฯลฯ ตามอารมณ์ที่นึกได้ อุทิศไปให้หมด
    ๑๑. พระสงฆ์ให้พร แล้วพระสงฆ์ทั้งหลาย มอบคืนเครื่องบูชาพลีกรรมทั้งหลายให้แก่ญาติโยมทั้งหลาย เพื่อทำพลีกรรมตามจุดต่าง ๆ ต่อไป

    ถ้าญาติโยมทั้งหลายไม่มีความสามารถที่จะทำได้ ก็ให้พระทำหน้าที่แทนไปก่อน จนกว่าจะพบคนที่สามารถทำได้ ก็ปล่อยให้ทำกันเอง

    ขอท่านสาธุชนคนดีทั้งหลาย ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จงช่วยกันทำนุบำรุงรักษาเขตพระพุทธพรมงคลสถานอันประเสริฐแห่งนี้ไว้ให้เป็นที่บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ไปตลอดกาลอายุพระพุทธศาสนานั้นด้วยเถิด

    ขออนุโมทนาสาธุในคุณงามความดีของทุก ๆ ท่าน ด้วยความจริงใจ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    ขอเจริญพร

    พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทฺโธ
    เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ ถ้ำป่าไผ่

    ต่อจากนี้ไป หลวงพ่อจะได้นำพาท่านทั้งหลาย เข้าไปเที่ยวชมภายในถ้ำป่าไผ่ ถ้ำป่าไผ่แห่งนี้มีหลายถ้ำ แต่ละถ้ำก็มีหลายคูหา ถ้าจะชมกันอย่างทั่วถึงต้องใช้เวลากันเป็นวัน ๆ เลยทีเดียว เฉพาะที่ได้พัฒนาไปแล้วสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ในปัจจุบันก็มากพอสมควร ถ้าจะเที่ยวชมกันอาณาบริเวณนี้ ต้องใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาทีถึง ๑ ชั่วโมง
    ท่านทั้งหลาย ตอนนี้เรามาเริ่มต้นกันบริเวณบันไดขึ้นถ้ำ ด้านขวาเป็นบันไดเป็นอาคารรับแขก มีป้ายขนาดใหญ่อยู่ที่หน้าอาคารว่า “ศูนย์รวมศิษย์พระราชพรหมยาน (องค์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง)” ผู้เฒ่าผู้แก่ขึ้นไปเที่ยวบนถ้ำไม่ไหวก็ขอเชิญเข้าไปคอยลูกหลานอยู่ที่ศาลาแห่งนี้

    ทางด้านทิศตะวันออกของศาลานี้ มีพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางประทานพร อยู่ในพระวิหารหลังน้อยนี้ ๑ องค์ ได้เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงว่า จะสร้างพระพุทธรูปขององค์พระพุทธเจ้าพระองค์ใดจึงจะมีลาภเป็นพิเศษ องค์หลวงพ่อตอบว่า “สมเด็จองค์ปฐม ๑, สมเด็จองค์พระปทุมุตตระ ๑, สมเด็จองค์พระพุทธกัสสปะ ๑”

    กราบเรียนถามต่อไปว่า แล้วก็จะทำอย่างไรให้คนทั้งหลายรู้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นองค์พระพุทธเจ้า พระองค์นั้น พระองค์นี้ องค์หลวงพ่อก็ตอบว่า “ก็จะยากอะไรก็เขียนพระนามของท่านติดไว้ข้างหน้าสิ” ได้ตั้งใจอธิษฐานในวันก่อสร้างไว้ว่าขอให้เป็นสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาปางประทานพร แต่ยังไม่ได้เขียนพระนามใส่ไว้อยากจะปรับปรุงที่ประทับและพระองค์ท่านให้สวย ๆ สมพระเกียรติยิ่งกว่านี้ กำลังพยายามอยู่ สำหรับองค์พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ไหน

    ด้านซ้ายมือทิศใต้มีวิหารหลังน้อยชื่อว่า “วิหารรัตนกุล” เป็นที่พักคอยญาติเหมือนกัน และมีตู้เซียมซีให้เสี่ยงทายด้วยที่วิหารนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อฝนแสนห่า (อธิษฐานขอฝนได้) ตั้งใจอธิษฐานตอนที่สร้างขอให้เป็นองค์พระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ตรงข้ามกับวิหารรัตนกุลออกไปประมาณ ๒๐ เมตร จะเป็นห้องน้ำ จำนวน ๒๖ ห้อง บนรอยพระพุทธบาทและในถ้ำไม่มีห้องน้ำนะ ถ้าธุระทางร่างกายมีอยู่ก็แวะเข้าห้องน้ำกันให้สบาย

    ทางด้านตรงข้ามกับอาคารศูนย์รวมศิษย์ฯ จะเป็นร้านค้าสวัสดิการของสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่ มีบริการน้ำชา กาแฟ น้ำหวาน ขนม และวัตถุมงคล เป็นต้น จำหน่ายแก่ผู้มาเยือน ต้นคิดต้นทุนมาจากคุณสุทัศน์ – คุณราตรี ยะปัญญา บ้านแม่เทย ทั้งทุนทั้งกำไรถวายวัดหมด ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
    เมื่อทุกท่านเสร็จธุระส่วนตัวแล้ว ก็ขอเชิญรีบรวมกลุ่มกันมาโดยเร็ว เพื่อจะได้เดินขึ้นถ้ำต่อไป พร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดิน

    พอผ่านพ้นวิหารรัตนกุลขึ้นไปอีกนิด ขวามือเป็นวิหารพระสิวลี พร้อมด้วยพระสิวลีปางลีลา (เดินเตสสันถี) ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่หอสวดมนต์ แต่องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงแนะนำว่าคนเข้าไปบูชาน้อยให้เอาไปไว้ข้างนอกที่คนทั้งหลายเข้าออกได้ง่าย จึงได้สร้างวิหารองค์พระสิวลีขึ้น ส่วนพระคาถาบูชาพระสิวลีที่ยาวหน่อยแต่ได้ผลดีมีดังต่อไปนี้

    อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระสิมพลีเถรเจ้า จงมาบังเกิดในจักขุทวาร ในโสตะทวาร ในฆานะทวาร ในชิวหาทวารในกายทวาร ในมโนทวาร ของข้าพเจ้า ณ บัดนี้

    อะหังลาโภ จะ ลาภานัง ลาภะสักกาโร จะ ปูชิโต ขอเดชะบารมีที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาในอดีตชาติ แสนชาติ สังขยาชาติ ชาติใด ๆ ก็ดี จนถึงชาตินี้ สีวะลี ปุญเญนะ ขอให้เหมือนบุญพระสิมพลีเถรเจ้า

    สัพเพเทวา สัพเพ มนุสสา ปิยา มะมะ รักขันตุ สัพพะทาฯ อิติปิโส พุทโธไชโย เมตตา นะชาลีติ สีวะลี จะ มหาเถโร ลาภะลาโภ ภวันตุเมฯ

    อิติปิโส ธัมโมไชโย เมตตา นะชาลีติ สีวะลี จะ มหาเถโร ลาภะลาโภ ภวันตุเมฯ
    อิติปิโส สังโฆไชโย เมตตา นะชาลีติ สีวะลี จะ มหาเถโร ลาภะลาโภ ภวันตุเมฯ

    ท่านทั้งหลาย ใครอยากได้ลาภได้ยศ ได้เครื่องสักการะของฝาก อยากมีความสุขทุก ๆ อย่าง เข้าไปกราบองค์ท่านหน่อยนะ แล้วขอให้หมั่นเอาพระคาถานี้ไปภาวนา เห็นมีตู้บริจาคอยู่ ๓ ตู้

    ตู้ที่ ๑ เพื่อซื้อโลงศพแจก
    ตู้ที่ ๒ เพื่อสมทบทุนสร้างวิหารองค์ท่านปู่สีวลีที่ยังไม่แล้วเสร็จ
    ตู้ที่ ๓ ช่วยค่าอาหารกลางวันของนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าไผ่
    อยู่ด้วย

    เมื่อกราบขอพรองค์หลวงปู่พระสีวลีเสร็จแล้ว เราก็พากันขึ้นบันไดกันต่อไป บันไดคงเหลือแค่ ๑๔๐ กว่าขั้นเท่านั้น มองเห็นปากถ้ำอยู่ไม่ไกล ขึ้นตามมาเลยนะ การขึ้นที่สูงให้ภาวนาว่า “พุทโธ” จะได้ไม่เหนื่อยมาก คาถาขององค์หลวงปู่ครูบาวงศ์ (วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม) ใช้ภาวนาเวลาเดินทางให้ถึงเร็วว่า “ยาวะเทวะ ๆ ๆ” เอ้า เกือบถึงหัวบันไดแล้ว

    ตรงหน้าของเราคือถ้ำป่าไผ่ ขวามือมีวิหารหลังน้อยกับองค์พระพุทธรูป ๑ องค์ ทางด้านซ้ายมือเป็นบันไดขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท (รอยเท้าของพระพุทธเจ้า)

    ที่ปากถ้ำแห่งนี้พระกรรมฐานท่านเล่าว่า มียักษ์ผู้หญิงอาศัยอยู่ หลวงพ่อจะสร้างวิหารเพื่อนำองค์พระพุทธรูปมาไว้เขาไม่ยอม เขาไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เขาอยู่มาตั้งนานแล้ว หลวงพ่อจ่าสุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่านมาคุยให้บอกว่า “ยอมเขาเถอะบุญใหญ่จะเกิดที่ปากถ้ำไปนานเท่านาน เพราะใครขึ้นมาแล้วเห็นองค์พระพุทธรูปก็อดไหว้ไม่ได้ เมื่อไหว้พระฯ ทางสำนัก พระยายมราช ก็จะจดลงบัญชีสีทองให้ทันที บุญใหญ่นะ อนุโมทนาเถอะนะ” ยักษ์ก็ยอม เอ้าพวกเราทั้งหลายเข้าไปเปิดบัญชีสีทองกันได้แล้ว
    __________________
     
  5. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ สาธุ สาธุ ตุ๊พ่อเป็น"เนื้อนาบุญ"จริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ ๆ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  7. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    สาธุ

    อนุโมธนาสา.........ธุ
     
  8. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป
    คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เกี่ยวกับอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในกรรมฐานจัดว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน (การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์) ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก

    การสร้างพระถวายด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมากเป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "พุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต" แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"

    การสร้างพระพุทธรูปนี่เป็นพุทธบูชาเป็นพุทธานุสสติในกรรมฐาน ๔๐ กอง ท่านบอกว่ากำลังของพุทธานุสสติเป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่นก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ทีนี้เมื่อเราต้องการสร้างพระพุทธรูปให้สวยตามที่เราชอบเห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอก็จัดเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตายแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าเราชอบพระแบบไหนปางไหน ก็ให้สร้างอย่างที่เราชอบจิตจะได้เกิดศรัทธา

    หลวงพ่อปานวัดบางนมโคแนะนำว่าควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ไม่ควรหันหน้าพระบูชาไปทางทิศตะวันตก หรือทิศใต้ เพราะจะทำให้สตางค์ไม่เหลือใช้

    ส่วนอานิสงส์การสร้างแท่นพระนั้น ก็มีอานิสงส์เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือแท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็ม อย่างที่นางวิสาขาหรือพระสิวลีได้เคยทำมาในอดีตชาติ อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก จะเกื้อหนุนให้รวย วาสนาบารมีสูง การสร้างแท่นพระหนุนพระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้สูงน่ะ จะทำให้ฐานะของเราดีขึ้น

    ครั้งหนึ่งมีญาติโยมถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำเรื่องการชำระหนี้สงฆ์ว่าถ้าหากนับรวมหลาย ๆ ชาติเราไม่รู้ว่าเคยล่วงเกินของสงฆ์มามากน้อยเท่าไหร่ จะทำอย่างไรจึงจะชำระหนี้สงฆ์ได้หมด หลวงพ่อท่านกำหนดสมาธิจิตถามพระพุทธเจ้า ก็ปรากฏนิมิตเป็นพระพุทธเจ้าลอยมาตอบคำถามท่านว่า "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วนเป็นเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก" พระหน้าตัก ๔ ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้ว ๆ มา ถือเป็นการหมดกันไป" เมื่อถามว่าการสร้างพระองค์หนึ่งชำระหนี้สงฆ์ได้คนเดียวหรือกี่คน ท่านก็บอกว่า "ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" คำว่า "คณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่าชำระหนี้สงฆ์เก่า ๆ ได้หมด แต่ถ้าสร้างหนี้ใหม่ต่อก็เป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ

    เวลาถวายสังฆทานเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ตาย อย่างน้อยควรมีพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๕ นิ้วขึ้นไป ผู้ที่อนุโมทนารับบุญรับกุศลจะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหมเขาแบ่งฐานะกันตามความสว่างของร่างกาย ไม่ได้ดูที่เครื่องแต่งตัว ถ้ามีผ้าจีวรด้วย ผู้อนุโมทนาจะมีเครื่องประดับสวยงามกว่าเดิม ถ้ามีอาหารด้วย ความเป็นทิพย์ของร่างกายจะดีกว่าเก่า



    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป นำมาจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑" โดยพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี จัดทำโดย เจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์
     
  9. Noommm123

    Noommm123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2008
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +385
    ร่วมเป็นเจ้าภาพและเป็นสะพานบุญและมาร่วมงาน รับซองผ้าป่าไปแจกจ่ายญาติธรรม โดยวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่จะได้จัดงานในวันที่ 8 สิงหาคม 2553 และจะจัดงานกฐินในวันที่ 15 ตุลาคม 2553
    โดยท่านที่ประสงค์จะรับซองผ้า และซองกฐินสามารถลงชื่อ +ที่อยู่+จำนวนซอง+และซองที่จะรับ(ผ้าป่า/กฐิน/ทั้ง2อย่าง) อย่างละ 100 ซองครับ


    ว่าที่ร้อยตรี สาโรจน์ วรรณมโนมัย
    611/123 หมู่ 4 ซ . สุขสวัสดิ์ 25/2 ต. บางปะกอก อ. ราษฎร์บูรณะ จ. กทม 10140
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2010
  10. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    สาธุครับ

    ขออนุโมธนาบุญด้วยนะครับ กับ ว่าที่ร้อยตรีสาโรจน์ วรรณมโนมัยและครอบครัวผมจะรีบส่งซองไปให้โดยเร็วครับ สาธุ...........ขอความสุขจงมีแด่ท่านและของท่านครับ
     
  11. tonba

    tonba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +633
    หลวงพ่อพระราชพรหมยานตอบปัญหาธรรม

    อานิสงส์การทอดกฐินและการทอดผ้าป่า

    ผู้ถาม “การทอดผ้าป่าบางแห่งเขามีชะนีกับพุ่มไม้ แต่ที่วัดท่าซุงนี่ไม่เห็นมีอะไรเลย อานิสงส์จะสู้มีชะนีได้หรือเปล่าคะ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “สู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่มีร้อง “ผัวโว๊ย ๆ” คือว่าผ้าป่านี่นะ เดิมทีเดียวพระพุทธเจ้าท่านแนะนำให้ถวายสังฆทาน ท่านบอกว่าถวายของไม่เจาะจงรูปหนึ่งรูปใด มีอานิสงส์มาก เป็นสังฆทาน ทีนี้ต่อมาญาติโยมมีน้อย พระมาก แกจะประเคนองค์ใดองค์หนึ่งก็เกรงใจองค์อื่น เลยเอาแบบนี้ก็แล้วกัน เราไม่เจาะจงพระ เอาไปแขวนตามต้นไม้ใกล้กุฏิหรือป่าช้า ถ้าพระองค์ไหนพบ ชักเอาไปก็ถือว่าเป็นสังฆทาน เขาถือตามรูปนี้นะ
    ต่อมา ญาติโยมอยู่ไกลป่า เลยไปตัดกิ่งไม้มา ชะนีก็ชะนีปลอม คือไม่มีความจำเป็นนะ ถวายผ้าป่าก็คือถวายสังฆทานนั่นเอง ก็ทำมันตรงไปตรงมาก็หมดเรื่อง”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “ที่วัดท่าซุง ชอบใจอยู่อย่างครับ คือไปถึงก็ถวายได้เลย ไม่ต้องว่าอิมานิ อิมาแนะ สู้สะดวกนิของหลวงพ่อไม่ได้”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “จะไปว่าอะไร เขาตั้งใจมาตั้งแต่บ้านแล้ว ที่ทำน่ะหมายถึงหลาย ๆ คนด้วยกัน ต้องว่านำ ดีไม่ดีหัวหน้าว่ามากเกินไป รำคาญ บุญหล่นอีก อันที่จริงพระท่านก็ทราบแล้วว่าเป็นสังฆทาน ผู้รับองค์เดียวก็ไม่มีสิทธิ์ใช้แต่ผู้เดียว”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “ปัจจุบันโรงเรียนหลายแห่งมักจะหาเงินเข้าโรงเรียนโดยการทอดผ้าป่า มีผ้าไตรจีวรเสร็จแล้วก็แบ่งถวายพระเล็กน้อย ส่วนใหญ่ก็เข้าโรงเรียน ลูกมีความไม่สบายใจ เกรงว่าบุญอันนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ เกรงว่าจะเป็นของสงฆ์ไปด้วย ลักษณะอย่างนี้ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่าได้บุญมากกว่า หรือบาปมากกว่าเจ้าคะ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “ความจริงถ้าบอกเขาตรง ๆ ว่าจะไปช่วยโรงเรียนนะ แล้วก็บอกเขาว่าส่วนหนึ่งก็จะถวายพระ ถ้าทำตามนั้นอานิสงส์สมบูรณ์แบบ พูดตรงไปตรงมานะ โกงไปโกงมาไม่ได้ หมายความว่า ส่วนใดถวายพระ นั่นเป็นสังฆทานแท้ ส่วนใดที่ให้โรงเรียนก็เป็นทานบารมีไป เป็นทานส่วนบุคคลนะ อานิสงส์ต่ำหน่อย”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “เมื่อปี พ.ศ. 2527 กระผมเป็นหัวหน้าจัดทอดผ้าป่าหลายครั้ง ได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่เวลาเดินทางไป ผมก็ซื้อขนมเลี้ยงกันในรถ เลี้ยงเหล้าเลี้ยงอาหารก็หลายครั้ง ตอนนี้ผมหูตาสว่างเมื่อได้พบหลวงพ่อ จึงอยากจะชดใช้เวรกรรมที่กระทำไว้ จึงขอปรึกษาหลวงพ่อว่า เราควรจะเพิ่มดอกเบี้ยเท่าใด พระยายมจึงจะอโหสิครับ.....”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “เอ...เดี๋ยว ๆ ...ขอค่าติดต่อ ได้ตังค์แล้วตอนนี้ (หัวเราะ) มิน่าเล่า ตอนนั่งสมาธิท่านลุง (พระยายม) ถึงได้ขึ้นมา ถาม"มีเรื่องอะไร ลุง” บอก “วันนี้มีธุระ” อันนี้จริง ๆ นะ”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “แสดงว่าท่านรู้ล่วงหน้าหรือครับ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “ใช่ ท่านรู้ว่าฉันจะได้สตางค์ เอายังงี้ก็แล้วกันนะ ประเดี๋ยวก่อน คนที่ไปกินด้วยกันคือพวกเดียวกันหรือเปล่า พวกออกสตางค์หรือเปล่า ต้องดูก่อนนะ ถ้าเงินที่อื่น คนอื่นด้วย ก็ควรชำระหนี้สงฆ์ไป<O:p</O:p
    ถ้าหากว่าคนที่ไปเป็นคณะเรา เรี่ยไรเฉพาะคณะนั้นนะ แล้วไปด้วยกันซื้อแบ่งกันกิน อันนี้ไม่เป็นไรต่างคนต่างกิน ลงก็ลงด้วยกัน แต่คงไม่ลง คือว่าถ้าเรี่ยไรเฉพาะคนนั้น เขาทราบอยู่อันนี้ไม่เป็นไร ถ้าเอาเงินจากคนอื่นไปด้วย อันนี้ควรจะชำระหนี้สงฆ์”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “ต้องเป็นวัดที่เราเคยไปทอดใช่ไหมครับ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “วัดไหนก็ได้ เข้าเขตสงฆ์ก็แล้วกัน ใครทำมาบ่อยก็จัดการแก้ไขเสีย”<O:p</O:p
    ผู้ถาม “หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่ากับการทอดกฐิน อย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “ความจริง ผ้าป่ากับกฐิน เป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ทว่าอานิสงส์โดยเฉพาะ กฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบททำให้สบายขึ้น<O:p</O:p
    ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่า ผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผู้รับมีอานิสงส์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่า อานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ<O:p</O:p
    ผู้ถาม “แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ”<O:p</O:p
    หลวงพ่อ “องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายทั้งไตรก็ได้ เขาเรียกว่า ปกติกฐิน แต่ถ้าถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน<O:p</O:p
    ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด<O:p</O:p


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2010
  12. สิงหนาท

    สิงหนาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +4,805
    อนุโมทนาครับคุณต้น แล้วพบกันในวันงานนะครับน้ำปานะขาดอะไรบอกได้นะครับ ผมจะติดต่อให้
     
  13. สิงหนาท

    สิงหนาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +4,805
    *** เสริมนะครับ

    หมายเหตุ หากจะไปพักค้างคืนกรุณาแจ้งให้ทางวัดทราบล่วงหน้าโดย โทร. 053-536137 , 089-8503502
    บริจาคเงินโดยการโอนเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาลี้ ชื่อบัญชี พระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ
    เลขบัญชี 347 - 2 - 34049 - 1 หรือทางไปรษณีย์ ธนาณัติสั่งจ่าย ป.ณ. อ.ลี้
    ในนามพระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน 51110


    ท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปร่วมสามารถร่วมทำบูญโดยโอนปัจจัยเข้าบัญชีเลยนะครับ และขอสคิลป์การโอนด้วยนะครับเดี่ยวจะนำไปให้แจ้งให้หลวงพ่อทราบครับ
     
  14. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>โอนจากบัญชี</TD><!--<td width="100">SAVING-01 </td> <td width="150" class="BorderR">THB 85,003.25</td>--><TD class=RightCL colSpan=2>419-2-11259-9</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย บุรักษ์ ศาลากิจ </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>347-2-34049-1</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กสิกรไทย - KBANK</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>พระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>400.00</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>20.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>วันที่ได้รับยอดเงินโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>21/07/2010 17.30 น.</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</TD><TD class=RightCL colSpan=2>20/07/2010</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi3234523</TD></TR></TBODY></TABLE>
    +++++++++++++++++++++++++++

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัวขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าและครอบครัวในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    .................................................
     
  15. grandki

    grandki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +794
    เมื่อวานนี้ได้ร่วมทำบุญ 196 บาท ค่ะ
    อุษณีย์ เอกสุทธิ์

    ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Nutthapol_a

    Nutthapol_a เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +685
    ขอโมทนากับทุกท่านด้วยครับ แล้วจะถ่ายรูปหลังจากวันงานมาให้ชมกันครับ
    ขอโมทนากับคุณคมน์ด้วยครับ ที่ทำเป็นกระทู้แนะนำ
     
  17. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ

    ขอขอบคุณที่ท่านได้มาบอกบุญพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้มีโอกาสร่วมบุญกับพระอริยสงฆ์ด้วยครับ
     
  18. สิงหนาท

    สิงหนาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +4,805

    ขออนุโมทนานะครับ พบกันที่วันงานนะครับเดี่ยวผมจะไปช่วยคุณ storylove_ton(ต้น) เปิดโรงทานแล้วพบกันนะครับ

    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ
     
  19. vvasan

    vvasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,390
    การส่งซองผ้าป่ากลับนี่ ขอโอนเป็นเงินผ้าป่าเข้าบัญชี พระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ
    นะครับเพราะสะดวกปลอดภัยและค่าโอนก็ถูกกว่าไปรษณีย์เพราะค่าโอนออกเงินเอง
    ประมาณวันที่ 6 สิงหาคม 2553 โอนเงินแล้วจะแจ้งให้ทราบ
    ขออนุโมทนา
     
  20. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โอนเข้าบัญชีโดยตรงได้เลยครับ

    โมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...