ขอเชิญทุกท่านรักษาศีล กินเจ 29 - 07 ตุลาคม 2551

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 24 กันยายน 2008.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>

    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ทานเจเพื่ออะไร
    จุดประสงค์หลักของผู้ที่ทานเจ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ :-

    [​IMG] กินเพื่อสุขภาพ
    อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อรับประทานติดต่อกันช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ผู้ทานเจจะต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

    [​IMG] กินด้วยจิตเมตตา
    เนื่องจากอาหารที่เราทานอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรม และมีจิตสำนึกอันดีงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ย่อมไม่อาจทานเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา

    [​IMG] กินเพื่อเว้นกรรม
    ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่า เพื่อเอาเลือดเนื้อของผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรมเกี่ยวกับการฆ่าโดยตรง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่า เพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย (" หยุดกิน... คือหยุดฆ่า") กรรมที่สร้างนี้ จักติดตามสนองเราในไม่ช้า ทำให้สุขภาพร่างกาย อายุขัยของเราสั้นลง เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ จากเวรกรรมซึ่งรักษาได้ยากและเรื้อรังด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ชีวิตบั้นปลายจะไม่มีความสุข เพราะมีแต่โรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเก้าท์ และอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
    เมื่อผู้มีความรู้เรื่องกฏแห่งกรรมหยั่งรู้ถึงเหตุนี้แล้วจึงหยุดกินหยุดฆ่า หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโด้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้นๆ แค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น ความแตกต่างอยู่ที่ ทานอาหารเจไม่มีหนี้สินเวรกรรม


    คุณประโยชน์จากการรับประทานอาหารเจ

    1 ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกหมด ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน สารอาหารที่มีคุณค่าในพืช ผักสดผลไม้ ช่วยทำให้การขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ

    2 เมื่อทานอาหารเจเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมช้าลง ทำให้อายุยืนผิวพรรณผ่องใส นัยตาแจ่มใส ไม่พร่ามัว ร่างกายแข็งแรง รู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด สุขภาพดี

    3 อวัยวะหลักภายใน และอวัยวะประกอบทั้ง 5 แข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์มีสมรรถภาพสูง
    (อวัยวะหลักภายในทั้ง 5 ได้แก่ หัวใจ,ไต,ม้าม,ตับ,ปอด อวัยวะประกอบทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี)

    4 ร่างกายต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติธรรมดา
    สารพิษที่ต่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้แก่ :-
    - จำพวกสารเคมี, ยากำจัดศัตรูพืช, ยาฆ่าแมลง, สาร DDT ฯลฯ
    - ก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล ฯลฯ
    - สารอาหารในพืชผักช่วยให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทนต่อการทำลายจากรังสีต่างๆ เช่น กัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์และในสงคราม

    การรับประทานอาหารเจให้ผลทางจิตใจดังนี้

    1 จิตใจสงบ เยือกเย็นสุขุม บังเกิดเมตตาจิตอย่างเต็มเปี่ยม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่โกรธง่ายเป็นพื้นฐานเบื้องต้นแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป

    2 หยุดหนี้เวร ตัดกรรมผูกพัน ไม่มีศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งร้ายพยาบาท อาฆาต ติดตามจองเวร

    3 มีสติมั่นคง ทั้งในขณะยังมีชีวิตและยามที่จิตวิญญาณจะละทิ้งออกจากร่างไป ไม่หวั่นไหวตื่นตระหนก หวาดผวา ตกใจกลัวง่ายต่อเหตุการณ์ต่างๆ สามารถรอดพ้นจากเภทภัยทั้งหลาย ได้แก่ ภัยจากธรรมชาติ, ภัยจากสัตว์ร้าย, ภัยจากเคราะห์กรรม

    4 ตนเอง ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนถึงบริวาร บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้ได้เกิดอยู่ในอารยประเทศอันอุดมสมบูรณ์ ชีวิตไม่ต้องตกอยู่ในท่ามกลางการรบราฆ่าฟัน ไม่ประสบเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยม ทารุณ ฆ่าฟัน ประหัตประหาร ล้างผลาญ ย่ำยีกันและกัน

    5 บรรดาเหล่าเทพพรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่างสรรเสริญยินดี อวยพรให้การอารักขาคุ้มครองตลอดเวลา ไม่มีช่องทางให้วิญญาณต่ำทุกประเภทเข้าแอบแฝงแทรกสิงทำอันตรายใดๆ


    คำบอกเล่า จากนักข่าว

    ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่อาคารหลังนั้น ความรู้สึกแรกเห็น ก็คิดว่า มันกว้างขวางดี ผมเข้าไปทางประตูหน้า ตรงกลางเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ทางด้านซ้ายมือหลายห้องเป็นที่ฆ่าหมู ทางด้านขวาไว้ฆ่าแพะ ทางขวามือเยื้องไปหน่อย คือที่ฆ่าวัว ตอนกลางวันจะฆ่าวัว ตอนกลางคืนก็ฆ่าควาย แล้วหมูหละ ? ก็เหมือนกัน ฆ่าตอนกลางคืน ตอนที่ผมเพิ่งมาถึง พอดีมีรถบรรทุกขนหมูส่งเข้ามา เสียงร้องครวญในขณะที่มันกำลังโดนฉุดกระชากลากเข้าเล้า ฟังแล้วบาดเข้าไปถึงใจ... พอดีวันนั้นอากาศก็ครึ้มๆ ยิ่งเพิ่มความหดหู่ใจให้กับผมเป็นยิ่งนัก

    ผมมองไปทางด้านขวามือ บนพื้นเต็มไปด้วยหัวแพะนองเลือด และเครื่องในที่เพิ่งชำแหละออกมา กลิ่นคาวเลือดที่โชยมา ทำให้แทบอยากอ๊วก ผมเดินวนไปมาใกล้ๆ กับบ่อน้ำ ยืนทื่ออยู่ซักพักหนึ่ง สุดท้ายก็ดึงความกล้าหาญออกมา เดินไปทางโถงฆ่าแพะ ก็พอดีเห็นเลือดแพะที่วางเป็นถังๆ ที่ยังมีกลิ่นไออุ่นโชยมา ศพไร้หัวของแพะแต่ละตัว วางกองอยู่บนเลือดที่นองพื้น ยังมีแพะไร้หัวอีกหลายตัว ที่ถูกแขวนแล้วถูกแร่หนัง แขวนอยู่บนราวเหล็ก

    เดินผ่านเส้นทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหัวแพะและเครื่องใน ผมเดินไปทางโถงฆ่าวัว ภายในนั้นมีคนฆ่าวัวอยู่ 20-30 คน แต่ละคนมีมีดยาวเป็นฟุตอยู่ในมือกันทั้งนั้น ขาทั้งคู่ยืนอยู่บนสายเลือดที่นองเต็มพื้น มีบางคนกำลังแร่หนังวัวอยู่ บางคนกำลังกรีดหน้าอกวัว บ้างก็ชำแหละเครื่องใน หรือไม่ก็ใช้เลื่อยกำลังเลื่อยซี่โครงวัวอยู่ บางคนกำลังเงื้องขวานที่อยู่ในมือ หวังจะฟันคอวัวให้ขาด ! ผมมองเข้าไปด้านใน เห็นยังมีวัวอีกสามตัว ที่มีน้ำตานองหน้า ยังไม่ถูกเชือด ยืนทื่อๆ อยู่กับที่ มองดูพวกพ้องตัวเองที่กองอยู่บนเลือด และหนึ่งในนั้น ... ขาของมันสั่นไม่หยุด ... เหมือนกับหมดแรงแม้แต่จะพยุงตัวให้ยืน ความรู้สึกและอารมณ์อันแสนสลดใจและหมองมัวนั้น ... ตั้งแต่เกิดมา ผมก็เพิ่งเคยได้เห็น ...

    หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีอีกคนนึงเดินเข้ามา ลากวัวตัวหนึ่งให้ไปยืนตรงกลางลานกว้าง มือเชือดสองสามคนจับหัววัวให้เชิดขึ้น อีกคนนึงถือค้อนยืนอยู่ข้างหลัง แล้วฟาดลงไปเต็มแรง ...
     
  2. แง็บ_แง็บ

    แง็บ_แง็บ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +61
    อนุโมทนา บุญ คะ ข้าพเจ้าจะรับประทาน เจตั้งวันที่ 28- 8 เดือนตุลาคม คะ ขอทุกท่านเชิญร่วมกันอนุโมทนาบุญคะ
    ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศ กุศลผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....<!-- / message -->
     
  3. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    [​IMG]
    ที่มา http://www.hospital.police.go.th/mung.html

    http://www.godsdirectcontact-thai.com/key/key-vetge.htm : ธรรมะวิถีกวนอิม ที่มา
    การศึกษาทางด้านวิวัฒนาการของมนุษย์ได้แสดงให้เห็นว่า บรรพบุรุษของเราเป็นมังสวิรัติกันโดยธรรมชาติ และโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ไม่เหมาะกับการกินเนื้อ เรื่องนี้ได้รับการอธิบายในข้อเขียนเกี่ยวกับกายวิภาคเปรียบเทียบที่เขียน โดย ดร. จี.เอส. ฮันติงเจน แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบียของอเมริกา เขาอธิบายว่า สัตว์ที่กินเนื้อจะมีลำไส้สั้นมาก และลำไส้ของมันจะตรงและเรียบลื่น ส่วนพวกสัตว์กินพืชกินหญ้ามีลำไส้ที่ยาว ทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากอาหารประเภทเนื้อมีเส้นใยน้อยและมีโปรตีนมาก ลำไส้จึงไม่ต้องใช้เวลานานในการดูดซึมสารอาหาร ดังนั้นลำไส้ของสัตว์กินเนื้อจึงสั้นกว่าลำไส้ของสัตว์กินพืช เนื่องจากเส้นใยของพืชผักค่อนข้างย่อยยาก
    มนุษย์เป็นเหมือนพวกสัตว์กินพืชทั่วๆไป คือมีลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ที่ยาว รวมความยาวประมาณยี่สิบแปดฟุต (แปดเมตรครึ่ง) ส่วนลำไส้เล็กขดพับไปมาหลายซับหลายซ้อน และผนังของมันก็เป็นรอยยับย่นไม่เรียบลื่น เนื่องจากลำไส้ของมนุษย์ยาวกว่าลำไส้ของสัตว์กินเนื้อ ดังนั้นเนื้อที่เรากินเข้าไปจึงตกค้างอยู่ในลำไส้ของเราเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการบูดเน่าเหม็นและสร้างสารพิษออกมา สารพิษเหล่านี้เกี่ยวข้องเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งที่ส่วนปลายลำไส้ใหญ่ และยังเพิ่มภาระให้กับตับซึ่งมีหน้าที่ขจัดสารพิษ ทำให้เกิดโรคตับแข็งและโรคมะเร็งในตับด้วย
    เนื้อสัตว์มีโปรตีนยูโรไคเนสและยูเรียมาก ซึ่งเพิ่มภาระแก่ไตและสามารถทำลายการทำงานของไตด้วย ในเนื้อสเต็คหนึ่งปอนด์มีโปรตีนยูโรไคเนสถึงสิบสี่กรัม ถ้าเอาเซลล์ที่ยังมีชีวิตไปแช่ในน้ำโปรตีนยูโรไคเนสนี้ ความสามารถในการเสริมสร้างและเผาผลาญอาหารของมันจะเสื่อมลงทันที นอกจากนี้เนื้อสัตว์ยังขาดเส้นใยหรือเซลลูโลส ทำให้เกิดการท้องผูกได้ง่าย เป็นที่ทราบกันว่าการท้องผูกสามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งบริเวณก่อนถึงทวารหนัก และโรคริดสีดวงทวารได้
    คอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวในเนื้อสัตว์ยังทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งขณะนี้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับแรกในสหรัฐอเมริกาและ ฟอร์โมซา
    โรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับที่สอง การทดลองต่างๆชี้ให้เห็นว่าการย่างเนื้อจะทำให้เกิดสารเคมีชนิดหนึ่งคือเม ธิลคอแลน ทรีน (Methylcholanthrene) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมาก หนูทดลองที่ได้รับสารเคมีชนิดนี้เข้าไปจะเกิดอาการของโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งกระดูก มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น
    [​IMG]
    การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าลูกหนูที่กินนมแม่หนูที่เป็นมะเร็งเต้านมก็จะเป็น มะเร็งเช่นดียวกัน และเมื่อฉีดเซลล์มะเร็งของมนุษย์เข้าไปในสัตว์ทดลอง สัตว์เหล่านั้นก็จะเป็นมะเร็งไปด้วย ถ้าเนื้อสัตว์ที่เรากินกันอยู่ทุกวัน มาจากสัตว์ที่เดิมเป็นโรคต่างๆเหล่านี้อยู่ และเราก็รับมันเข้ามาในร่างกายของเรา เราก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคเหล่านี้มาก
    คนส่วนมากคิดกันเอาเองว่าเนื้อสัตว์พวกนั้นสะอาดและปลอดภัย และมีการตรวจสอบแล้วที่โรงฆ่าสัตว์ แต่ว่าตามความจริงแล้ว มีโค กระบือ สุกร เป็ด ไก่ ฯลฯ ถูกฆ่ามาขายในแต่ละวันเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จะตรวจสอบได้ครบหมดทุกคัว และก็เป็นการยากมากที่จะตรวจว่าสัตว์ตัวนั้นหรือเนื้อชิ้นนั้นเป็นมะเร็ง หรือมีเซลล์มะเร็งหรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการตรวจสัตว์ทุกตัวก็ได้ ปัจจุบันนี้แม้แต่ในยุโรปและอเมริกา ทางแหล่งผลิตเนื้อสัตว์ก็เพียงแต่ตัดหัวสัตว์ทิ้งไป หากมีปัญหาที่ส่วนหัว หรือว่าตัดขาที่เป็นโรคทิ้ง เอาส่วนที่เสียๆออกไปเท่านั้น แล้วก็จำหน่ายส่วนที่เหลือต่อไปในท้องตลาด
    ดร. เจ.เอ็ช. เค็ลล็อก กล่าวว่า “เวลาเรากินอาหารมังสวิรัติ เราก็ไม่ต้องห่วงกังวลว่าอาหารที่เรากินนั้นตายด้วยโรคอะไร กินได้อย่างสบายใจดีจริงๆ!”
    นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าห่วงอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์มียาปฏิชีวนะ รวมทั้งยาอื่นๆ เช่น สเตียรอยด์ และฮอร์โมนที่เร่งการเจริญเติบโตผสมอยู่ในนั้นด้วย หรือไม่ก็มีการฉีดยาเหล่านี้เข้าไปในตัวสัตว์เลย มีรายงานมาแล้วว่า คนที่กินเนื้อสัตว์เหล่านี้ก็จะได้รับยาเหล่านี้เข้าไปในร่างกายด้วย และมีโอกาสที่ยาปฏิชีวนะในเนื้อสัตว์จะไปลดประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะที่ มนุษย์เราใช้ในเวลาที่เราเจ็บป่วยไม่สบาย
    บางคนคิดว่าอาหารมังสวิรัติจะขาดธาตุบำรุง แต่ ดร. มิลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมชาวอเมริกัน ซึ่งรักษาคนไข้ในฟอร์โมซามาสี่สิบกว่าปีแล้ว เขาตั้งโรงพยาบาลซึ่งมีแต่อาหารมังสวิรัติสำหรับให้เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลและคนป่วยทุกคน เขากล่าวว่า “หนูเป็นสัตว์ประเภทที่กินได้ทั้งเนื้อและพืชผัก แต่ถ้าแยกหนูสองตัวมาเลี้ยงคนละแบบ ตัวหนึ่งให้กินเนื้อ ส่วนอีกตัวให้กินพืชผัก เราพบว่าการเจริญเติบโตของหนูสองตัวนี้จะเหมือนกัน แต่ว่าหนูตัวที่กินพืชผักจะมีอายุยืนกว่า และมีความต้านทานต่อโรคมากกว่า นอกจากนี้ เมื่อหนูทั้งสองตัวเจ็บป่วย หนูตัวที่กินพืชผักก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า
     
  4. เรืองรักข์

    เรืองรักข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +174
    สาธุคะ

    ร่วมบุญง่าย ๆ ด้วยการถือศีลกินเจนะคะ ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์น้อยใหญ่.......(",)
     
  5. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    [​IMG]

    เขา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า“ยารักษาโรคที่เราได้จากวิทยาการทางวิทยาศาสตร์สมัย ใหม่มีความก้าวหน้าไปมาก แต่มันก็ได้แต่รักษาโรคเท่านั้น แต่อาหารสามารถรักษาสุขภาพของเราได้” เขาอธิบายว่า “อาหารจากพืชเป็นแหล่งของสารอาหารโดยตรงมากกว่าเนื้อสัตว์ คนกินเนื้อสัตว์ แต่ว่าแหล่งของสารอาหารสำหรับสัตว์ที่เรากินนั้น ก็คือพืช สัตว์ส่วนใหญ่จะอายุไม่ยืน และก็มีโรคเกือบจะทุกชนิดที่มนุษย์เรามี เป็นไปได้มากว่า โรคของมนุษย์เรามาจากการกินเนื้อสัตว์ที่เป็นโรค เพราะฉะนั้น ทำไมคนเราจึงไม่รับเอาสารอาหารจากพืชโดยตรงเล่า?” ดร.มิลเลอร์แนะว่า เพียงแต่เรากินข้าว ถั่ว ผักผลไม้ เราก็จะได้รับธาตุบำรุงที่จำเป็นในการบำรุงรักษาสุขภาพของเราให้ดีแล้ว
    หลายคนมีความคิดว่า โปรตีนจากเนื้อสัตว์ดีกว่า เหนือกว่าโปรตีนจากพืช เพราะว่าอย่างแรกถือเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ครบถ้วน และอย่างหลังเป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ แต่ความจริงก็คือ โปรตีนของพืชบางชนิดก็สมบูรณ์ครบถ้วนเช่นกัน และการกินอาหารหลายอย่างที่มีโปรตีนไม่ครบถ้วนร่วมกัน ก็สามารถได้รับโปรตีนที่สมบูรณ์ครบถ้วนได้
    เมื่อเดือนมีนาคม 1988 สมาคมโภชนาการของอเมริกาประกาศว่า “ทางสมาคมขอยืนยันว่าอาหารมังสวิรัติดีต่อสุขภาพและให้คุณค่าทางโภชนาการ เพียงพอ หากได้รับการจัดวางแผนอย่างถูกต้องและเหมาะสม”
    มักจะมีการเชื่อกันผิดๆว่า คนที่กินเนื้อจะแข็งแรงกว่าคนกินมังสวิรัติ แต่ในการทดลองที่ทำโดยศาสตราจารย์เออร์วิง ฟิชเชอร์ แห่งมหาวิทยาลัยเยล กับคนที่กินมังสวิรัติ 32 คน และคนที่กินเนื้อ 15 คน แสดงให้เห็นว่าคนที่กินมังสวิรัติแข็งแรงทนทานมากกว่าคนที่กินเนื้อ โดยเขาให้คนเหล่านี้ยกแขนขึ้นทั้งสองแขนให้นานเท่าที่จะทำได้ ผลของการทดลองปรากฏให้เห็นชัดเจนมากคือ ในระหว่างคนกินเนื้อทั้ง 15 คน มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่สามารถยกแขนได้นานสิบห้าถึงสามสิบนาที แต่ในคนที่กินมังสวิรัติ 32 คนนั้น มีถึง 22 คนที่สามารถยกแขนอยู่นานสิบห้าถึงสามสิบนาทีและมีถึง 15 คน ที่ยกได้นานกว่าสามสิบนาที, 9 คนยกได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง, 4 คน ยกได้นานกว่าสองชั่วโมง และมีคนที่กินมังสวิรัติ คนหนึ่งสามารถยกแขนอยู่ได้นานกว่าสามชั่วโมง
    นักวิ่งมาราธอนหลายคนก่อนจะลงแข่งขันจะกินอาหารมังสวิรัติเป็นระยะเวลาที่ ยาวนานพอควรระยะหนึ่ง ดร. บาร์บารา มอร์ ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคด้วยอาหารมังสวิรัติ สามารถวิ่งแข่งมาราธอนระยะทางหนึ่งร้อยสิบไมล์ โดยใช้เวลายี่สิบเจ็ดชั่วโมง สามสิบนาที เธอเป็นผู้หญิงอายุถึงห้าสิบหกปีแล้ว ที่สามารถทำลายสถิติที่ผู้ชายหนุ่มๆทั้งหลายเคยทำไว้ เธอกล่าวว่า “ฉันอยากจะเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่า ผู้ที่กินมังสวิรัติทุกมื้อจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จิตใจแจ่มใสและมีชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์”
    คนที่กินมังสวิรัติจะได้รับโปรตีนมากพอหรือในอาหารที่กินเข้าไป? สำหรับเรื่องนี้ องค์การอนามัยโลกได้แนะนำไว้แล้วว่า 4.5% ของจำนวนแคลอรี่ในแต่ละวันควรจะได้มาจากโปรตีน แต่ข้าวสาลีมีจำนวนแคลอรี่จากโปรตีนถึง 17% บร็อคโคลีมี 45% และข้าวมี 8% จึงเป็นการง่ายมากเลยที่จะได้อาหารที่อุดมด้วยโปรตีนโดยไม่ต้องกินเนื้อ สัตว์ ทั้งยังได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่มี สาเหตุมาจากอาหารที่มีไขมันสูง เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ดังนั้น การกินมังสวิรัติจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    [​IMG]

    มีการพิสูจน์แล้วว่า โรคหัวใจ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และการหมดสติกะทันหันจากโรคหัวใจ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อสัตว์ และอาหารจากสัตว์ที่มีไขมันอิ่มตัวอยู่มาก และยังมีโรคอื่นๆซึ่งมักจะป้องกันและบางครั้งก็รักษาได้โดยการกินอาหาร มังสวิรัติที่มีไขมันต่ำ ได้แก่ โรคนิ่วในไต โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเบาหวาน โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคลำไส้ โรคข้ออักเสบ โรคเหงือก สิว โรคมะเร็งตับอ่อน โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร โรคน้ำตาลในเลือดต่ำ โรคท้องผูก โรคไดเวอร์ติคูโลสิส โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็งรังไข่ โรคริดสีดวง โรคอ้วน และโรคหืด
    นอกจากการสูบบุหรี่แล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นการเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของคนเรามากกว่าการกินเนื้อ

     
  6. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    http://www.elib-online.com/doctors/food_vegetarian1.html : ที่มา คัดลอกจากนิตยสาร fitness ปีที่ 9 ฉบับที่ 100
    การไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งตรงกับคำ ในภาษาอังกฤษว่า Vegetarianism มีรากศัพท์มาจากภาษาลาติน คือ Vegetus (เวเจตัส) แปลว่า "สมบูรณ์ดีพร้อม สดชื่น เบิกบาน" มังสวิรัติเป็นที่นิยมกันมาช้านานหลายพันปีแล้ว ส่วนมากผู้ปฏิบัติคือ ผู้อยู่ในศาสนา เช่น ศาสนาเชน ศาสนาฮินดูบางนิกาย ศาสนาโซโรแอสเตอร์ ศาสนาพุทธ และศาสนาอื่น ๆ อีกมาก
    ประโยชน์ของอาหารเจและอาหารมังสวิรัติ

    1. สุขภาพจิตดี สร้างกำลังใจ เพราะรู้สึกถึงความเมตตา เพราะ จิตใจลดความรุนแรง และความดุร้ายลง ชีวิตจึงพบความสุข สะอาด และสงบร่มเย็น
    2. ช่วยให้สุขภาพดีมี อายุยืน เพราะทำให้ปราศจากโรคร้าย ต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคเก๊าต์ โรคลำไส้ โรคตับ ฯลฯ เมื่อได้รับอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์
    3. เป็นยารักษาโรคที่ ดี เพราะผู้ป่วยที่มีโรคร้ายแรง หรือโรค ประจำตัว หากรับประทานพืชผักผลไม้ และงดเนื้อสัตว์ ก็เท่ากับเป็นการถ่ายถอนพิษของโรคออกจากตัว แพทย์แผนปัจจุบันหลายท่านแนะนำวิธีนี้
    4. ให้พลังเย็น หมายถึงการเพิ่มพละกำลังจากฟรุคโตส ในพืชผัก ผลไม้ ซึ่งเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
    5. ประหยัด สามารถช่วยโลกประหยัดได้อย่างดีที่สุด เพราะเคย มีคนคำนวณได้ว่า คนที่กินสัตว์ต้องใช้พื้นที่ทำกันถึง 5 ไร่ ในขณะที่คนกินมังสวิรัติหรือเจใช้พื้นที่เพียง 1 ไร่ครึ่งเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบพื้นที่ 1 ไร่ เท่า ๆ กัน ให้ปลูกพืชถั่วเหลือง 1 ไร่ เลี้ยงวัว ควาย ไก่ ฯลฯ อีก 1 ไร่ แปลงที่ปลูกถั่วเหลือง จะได้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ถึง 8 เท่า
    [​IMG]

    ส่วนประกอบของอาหารเจและมังสวิรัติ

    1. โปรตีนเกษตร หรือโปรตีนถั่วเหลือง ทำ จากแป้งถั่วเหลือง ปราศจากไขมัน มีคุณค่าทางอาหารสูง ราคาถูก เก็บง่ายไม่ต้องใส่ตู้เย็น ใช้สะดวก ใช้แทนเนื้อสัตว์ได้หลายชนิด ปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เช่น
      ชนิดใหญ่พิเศษ ใช้ใส่แกงเขียวหวาน พะโล้ สะเต๊ก น้ำตก ฯลฯ
      ชนิดเกล็ดขนาดกลาง ใช้ผัดกระเพรา แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ผัดพริกขิง ฯลฯ
      ชนิดเกล็ดขนาดเล็ก ใช้ทำลาบ แทนเนื้อหมูหรือหมูสับ
      ชนิดป่นละเอียด ใช้ทำขนมจีนน้ำยา แกงเลียง ซุป ฯลฯ ช่วยผสมในน้ำแกง ทำให้น้ำแกงข้นขึ้น
    2. เต้าหู้ เป็น ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง มีหลายชนิด เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง เต้าหู้ขาวชนิดอ่อน เต้าหู้เหลืองชนิดแข็ง เต้าหู้เหลืองชนิดอ่อน เต้าหู้หลอด ฟองเต้าหู้ เป็นอาหารที่มีสารอาหาร ประเภทโปรตีน และสารอาหารอื่น ๆ ครบถ้วน ย่อยง่าย ไม่มีคอเลสเตอรอล
    3. ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ มี คุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน 7-12% มีวิตามิน และแร่ธาตุมากกว่า 20 ชนิด มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก บำรุงสมอง ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันโรคโลหิตจาง
    4. เห็ด ใช้ แทนเนื้อสัตว์ได้ และเป็นแหล่งโปรตีนที่มีรสดี เห็ดมีหลายชนิด และมีกรดอะมิโนรวมทั้งวิตามิน แร่ธาตุหลายชนิด เป็นอาหารปราศจากแป้ง มีแคลอรีต่ำ ย่อยง่าย นอกจากจะใช้แทนเนื้อสัตว์แล้วเห็ดยังสามารถใช้แทนผักได้ มีรสอร่อยดีอีกด้วย เห็ดมีหลายชนิด เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ดหูหนูดำ ฯลฯ แต่ เห็ดหอม เป็นเห็ดที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารเจ เพราะปรุงได้หลายอย่าง มีขายทั้งชนิดต่างแห้ง และชนิดสด เห็ดหอมส่วนใหญ่จะนำเข้าจากต่างประเทศ แม้จะปลูกได้ในประเทศไทย แต่ก็ยังมีปริมาณน้อย และคุณภาพยังไม่ดีเท่าของต่างประเทศ
    5. ถั่วเหลือง เนื่อง จากถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีโปรตีนมาก จึงใช้แทนเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในถั่วเหลืองยังมีวิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ ด้วย ถั่วเหลืองมีไขมันที่ไม่อิ่มตัว ช่วยละลายคอเลสเตอรอล มีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยบำรุงโลหิต บำรุงประสาท ป้องกันโรคตับและช่วยละลายนิ่วในถุงน้ำดี ถั่วเหลืองที่ใช้ในอาหารเจ มีทั้งใช้เป็นส่วนผสมโดยตรง หรือแปรรูปเป็นอย่างอื่น เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตรชนิดต่าง ๆ ฯลฯ
    6. แป้งหมี่กึง ทำจากแป้งสาลี โดยการนวดแป้ง 3 กิโลกรัม กับน้ำ 3 ถ้วย นวดประมาณ 5 นาที พอแป้งปั้นเป็นก้อน แล้วนำไปล้างน้ำ ทำอย่างนี้ 8 ครั้ง จนเหลือแต่กากแป้ง ซึ่งจะมีความเหนียมนุ่มคล้ายเนื้อสัตว์ การทำแป้งหมี่กึง อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย แต่ในปัจจุบันนี้แป้งหมี่กึงมีขายทั่ว ๆ ไป เพียงแต่หาซื้อแป้งหมี่กึงมาแล้วผสมกับน้ำ ปรุงรสตามต้องการ หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ และถ้าต้องการความสะดวกกว่านี้ หมี่กึงสำเร็จที่ทำเป็นลูกชิ้น กุ้ง ปลาหมึก ไส้หมู หมูแดง เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง ฯลฯ ก็ยังมีขาย โดยเฉพาะแถวตลาดเก่าเยาวราช
      ทั้งนี้เพราะผู้คนทั่ว ๆ ไปหันมานิยมรับประทานอาหารเจเพิ่มขึ้น เครื่องปรุงเครื่องใช้ในการทำอาหารเจ จึงมีให้เลือกซื้อมากมาย หมี่กึงสำเร็จจึงเป็นการพัฒนาการอีกอย่างหนึ่งของอาหารเจ
    7. เมล็ดพืช ประกอบ ด้วยไขมันที่มีประโยชน์ มีโปรตีนประมาณ 20% พร้อมทั้งเกลือแร่ และวิตามินมาก เช่น ฟอสฟอรัส วิตามิน เอ ซี และอี มีประโยชน์ในการป้องกัน และลดความเสี่งต่อการเป็นมะเร็ง เมล็ดพืช มีหลายชนิด เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดบัว ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ เช่น มะม่วงหิมพานต์ เมล็ดอัลมอนด์ วอลนัท เกาลัด ฯลฯ
    8. ผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ ซึ่ง เป็นที่น่ายินดีสำหรับผู้ที่นิยมอาหารเจ และอาหารมังสวิรัติ เพราะมีบริษัทในประเทศไทยชื่อบริษัท นูทรีชั่น เฮ้าส์ ผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ (ผลิตภัณฑ์ เจ.วี) ในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกในการประกอบอาหารเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดขณะนี้ มีกลิ่น รสอร่อย และมีรูปร่างคล้ายเนื้อสัตว์มาก อาทิ เช่น เบคอน, ปลาหมึก, ปลาสาหร่าย, ปลาเค็ม, ลูกชิ้น, ลูกชิ้นสาหร่าย, ลูกชิ้นเห็ดหอม, เป็ดพะโล้รมควัน, ไก่รมควัน, กุนเชียง, ไส้อั่ว, ห่อยจ้อ, ไส้กรอก, หมูไก่-พิซซ่า, หมูแดง, เป็ดย่าง, แคปหมู เป็นต้น
     
  7. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    คำแก้วในพระโอวาท (การงดทานเนื้อสัตว์)

    -------------------------------


    1

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์ 16 พ.ย. 2539

    ไม่ละการเบียดเบียนแล้วจะเป็นพุทธะได้อย่างไร
    จะเรียกว่าเมตตาได้อย่างไร

    2

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ไท่อิน กรุงเทพ 10 พ.ค. 2541

    ดินให้กำเนิดชีวิตได
    พืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นมาจากดินไหม (ขึ้น)
    ก็คือข้าวและผักที่เรากิน
    สิ่งนี้เรียกว่าฟ้าดินให้กำเนิด จึงสมควรที่จะกินได
    แต่ว่าเนื้อสัตว์นั้น มีพ่อแม่เป็นของตน
    ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน ที่ให้กำเนิดลูกออกมาให้คนอื่นกิน
    เหมือนกับมนุษย์ให้กำเนิดลูกมาให้ใครกิน (ไม่มี)
    เพราะฉะนั้นสัตว์ก็เช่นเดียวกัน ร้องได้เหมือนกัน
    มีเลือดเหมือนกัน นัยน์ตาสามารถบ่งบอกความรู้สึกได้เหมือนกัน
    เพราะฉะนั้นคนที่คิดกิน อย่าบอกว่าเขาเกิดมาให้เรากิน
    ใครเขาเกิดมาให้ศิษย์กิน


    3

    พระโอวาทพระนาจาเมตตาที่ ฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี 21 มี.ค. 2542

    เมื่อสักครู่ศิษย์พี่บอกว่า
    ท่านไม่ชอบให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงใช่ไหม (ใช่)
    อยู่ ๆ ถ้าเกิดมาเราตีท่าน ท่านชอบไหม (ไม่ชอบ)
    อย่างน้อยจะตีเราก็บอกสักหน่อยหนึ่งก็ยังดีใช่ไหม
    หรือไม่จะมาตีเราอย่างน้อยก็ต้องรู้จักกัน
    ไม่ใช่ยังไม่ทันรู้จักกันเลยก็ตี ท่านก็ไม่ชอบใช่หรือเปล่า
    เหมือนเวลาที่ท่านกินเนื้อสัตว์
    ถ้าเราบอกว่าคนใหญ่มีหน้าที่ มีอำนาจ มีความยิ่งใหญ่
    สามารถที่จะสั่งคนเล็กได้ โลกนี้ก็ไม่ค่อยยุติธรรมใช่ไหม (ใช่)
    แต่ว่าคนมีพละกำลังเหนือกว่า สามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
    โดยที่คนเล็กไม่มีโอกาสปริปากพูด
    อย่างนั้นก็ไม่ใช่กฎของธรรมชาติ ที่ถูกต้องใช่ไหม (ใช่)
    ฉะนั้น เราจะบอกว่าสัตว์เล็กเกิดมาเพื่อสัตว์ใหญ่ได้หรือเปล่า
    ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่เราอยู่ร่วมกันเวลาจะทำอะไร ก็ต้องเห็นอกเห็นใจกัน
    เข้าใจกันบ้างใช่หรือไม่ (ใช่)
    หรือไม่จะเอาของเราไปก็ต้องขอเราสักหน่อยหนึ่งใช่ไหม
    แล้วตอนนี้เราทำกับใครบ้าง ทำกับสัตว์ทั้งหลายที่เป็นอาหาร ใช่ไหม
    ยังไม่ทันขอเขาเลย ไม่ทันขอด้วย แถมยังสั่งฆ่าเลยทันที
    เด็ดขาดไหม มีเหตุผลหรือเปล่า (ไม่มี)
    มนุษย์ชอบเป็นคนที่มีเหตุผลใช่หรือเปล่า (ใช่)
    อย่างน้อยเธอต้องพูดมาก่อนสิ อยู่ ๆ เธอจะมาฆ่าฉัน ได้อย่างไร
    เธอยังไม่มีเหตุผล เธอยังไม่ชอบเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
    ศิษย์น้องก็ไม่ชอบที่อยู่ ๆ จะมีใครมาสั่งลงโทษศิษย์น้องโดยไม่มีเหตุผล
    แล้วสัตว์ล่ะ หรือว่าศิษย์พี่กำลังพูดว่า สัตว์เป็นคนที่พูดได
    มีความรู้สึก มีเหตุผล เป็นอย่างนั้นไหม
    หรือว่าไม่เจำเป็นที่ต้องแคร์ความรู้สึก จำเป็นไหม (จำเป็น)
    ศิษย์น้องคิดไหมว่า ทำไมสัตว์ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
    ทำไมศิษย์พี่ถึงพูดว่า สัตว์ก็มีความรู้สึก
    และอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าสัตว์ก็มีความรู้สึก
    มีความผูกพันกัน นั่นก็คือ เวลาสัตว์นั้นมีลูกขึ้นมา ก็ปกป้องลูก
    หาอาหารให้ลูกกิน ใช่หรือเปล่า (ใช่) สิ่งนี้วัดได้ว่า
    สัตว์ก็มีความรู้สึกรักและหวงแหนลูกของตนเองใช่หรือไม่ (ใช่)
    เวลาใครมาทำร้าย พี่น้องของเรา เรายังรู้สึกโกรธใช่หรือไม่ (ใช่)
    เวลามาฆ่าพ่อแม่เรา เรายังรู้สึกว่าแค้นนี้ต้องชำระ
    จำไว้นะว่ากินเข้าไปเท่าไหร่แล้ว


    4

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซียน กรุงเทพ 3 พ.ค. 2542

    กินโรคเข้าไป กินอย่างไร เราไม่อยากจะเป็นพยาธิ
    แต่เรากินเนื้อสัตว์ที่มีพยาธิเข้าไป เป็นโรคพยาธิไหม (เป็น)
    เราไม่อยากเจ็บป่วย แต่เอาตัวเราไปตากฝนตากแดดเป็นไหม (เป็น)
    เราไม่อยากที่จะปวดหลัง แต่ชอบนอนตามใจตนเอง
    ผิดท่า ผิดทาง ถามว่าปวดหลังไหม (ปวด)
    เราไม่อยากเมื่อยขา ปวดเมื่อย
    แต่เราชอบกินสัตว์ปีกเมื่อยไหม (เมื่อย)
    นี่เป็นสิ่งที่วิทยาการสมัยใหม่ ได้ศึกษามาเรียบร้อย
    อาจารย์นั้นไม่ได้พูดอะไรที่เกินเลย
    โรคภัยเกิดจากการสั่งสมของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกิน
    ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ กินเจอย่าเบียดเบียนคนอื่น
    ไม่เช่นนั้น อาจารย์จะเอาอะไรไปอ้างกับวิญญาณต่าง ๆ
    ให้เขาอภัยให้ ตอนนี้สบายแต่วันหน้าไม่รู้


    5

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์อนุศาสน์เมตตาที่ เซิ่งเต๋อ 10 ต.ค. 2536

    การทานเจต้องกระทำให้รู้ซึ้งถึงเมตตา
    เห็นสัตว์ทุกชนิดเป็นเพื่อนของตนจึงไม่ทาน
    เมื่อทานเจเกิดจิตเมตตาแล้ว ย่อมมีปัญญาเพิ่มขึ้น
    เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์จะช่วยส่งเสริม


    6

    พระโอวาทพระนาจาเมตตาที่ผู่ถี จ.พิษณุโลก

    เวลาเห็นสัตว์ร้องทนได้ไหม ทนได้เพราะอร่อยใช่หรือเปล่า
    แล้วพอป่วยก็ว่าทำไม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่รักษา ไม่คุ้มครอง
    ตัวเราหาโรคมาเองทั้งนั้นเลย
    ทำบุญแล้วบุญจะไม่รั่ว ก็คือ ไม่เบียดเบียน
    ไม่ทำร้ายเขา พอเราไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่ทำร้ายคน
    แล้วจะมีทุกข์อะไรมาทำร้ายเราอีกไหม

    7

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่เซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 11 ต.ค. 2541

    แม้ว่าเราอยู่บ้าน เราก็ต้องเอาใจกายของเราเป็นเหมือนวัด
    ให้ถือศีล ใจของเราต้องดีงาม
    กายของเราต้องสะอาด ชีวิตเขาเราอย่ากิน

    8

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาที่ เหยรินเต๋อ 21 พ.ค. 2541

    เคยเบียดเบียนทำร้ายสัตว์
    หรือเคยได้ยินเสียงร้องของสัตว์บ้างไหม เจ็บหรือเปล่า (เจ็บ)
    เขาเจ็บแต่เราไม่เคยรู้สึกเจ็บเหมือนกับเขา ใช่หรือไม่
    แล้วเวลาที่เราโดนมีดเฉือนทีหนึ่งเราเจ็บไหม
    เราเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เขาเจ็บถึงชีวิต
    เราสุขเพียงน้อย แต่เขาเจ็บปวดถึงชีวิต
    ทำไมไอเมฆหมอกแห่งความมืดดำ ยังปรากฏอยู่บนโลกใบนี้
    ก็เพราะว่าคนยังเบียดเบียนทำร้ายกัน
    เพียงเพื่อความสุขอันสั้น ๆ เพียงเพื่อได้ลิ้มรสอันหอมหวาน ใช่หรือไม่
    หากหยุดได้ ก็หยุดเถอะ อย่าได้เบียดเบียนทำร้าย
    หรือพรากชีวิตเขาเลย
    เวลาเรามีคนรัก ใครพรากคนที่เรารักไปเราก็เจ็บปวด
    เราก็เศร้าเสียใจ แต่นี่เราพรากชีวิตเขา
    ถ้านับกองกระดูกที่เราพรากชีวิตเขาไป
    ก็คงมีความสูงกว่าตัวตนของเรา หรือมากกว่าชีวิตของเราอีก
    ไม่อยากได้ยินเสียงกรีดร้อง
    ไม่อยากได้ยินเสียงแห่งความทุกข์ยาก
    เราต้องหยุด ความทุกข์ยากจากปากของเราก่อน
    หยุดเสียงที่พรากทำร้ายจากปากเราก่อน
    เรามีชีวิตเราเคยตรวจสอบชีวิตเราไหม
    ว่าเราทำร้ายเขาหรือเปล่า
    แม้แต่คนใกล้ ๆ ตัวเรา ปากบอกว่ารักเขา
    เราเคยทำร้ายเขาไปหรือไม่


    9

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตา

    ถ้าเราไม่บำเพ็ญจะหลุดพ้นหรือไม่ ถ้าตอนนี้ไม่ละเนื้อสัตว์แล้ว
    จะทันกับกาลเวลาไหม ทุกคนอย่ากลัวว่าตั้งแต่บัดดนี้จะให้กินเจ
    เพียงมาพูดแล้วให้เข้าใจ่า การกินเจไม่ใช่เรื่องงมงาย
    แต่ว่าเป็นการรู้แล้วว่า ทุกคนเกิดมามีหนี้กรรมติดตัว
    จะต้องตัดกรรมของตัวเองแต่เริ่มต้น ทานเจมีกุศลไหม
    การทานเจนั้นความจริงไม่มีกุศล
    เพียงแต่เป็นการที่ไม่สร้างบาปเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
    ทุกคนมีบาปมากมายอยู่แล้ว
    ทำไมคิดจะไปประหัดประหารคนอื่นมาเป็นเนื้อของตัวเอง
    ตอนนี้ทุกคนยังไม่เข้าใจว่า การทานเนื้อของเขานั้น
    มันบาปแค่ไหน ทุก ๆ คนต่างมีพ่อแม่
    ถ้าเราเอาเลือดเนื้อของพ่อแม่เขามาทาน เขาจะรู้สึกอย่างไร
    ถ้าเกิดเป็นพ่อแม่ของเราเอง เราจะรู้สึกอย่างไร
    คนที่จากโลกนี้ไปแล้ว เราทราบไหมว่าเขาจะไปเกิดเป็นอะไร
    แต่ที่พวกเราทานไปคิดบ้างไหมว่ามีสิทธิ์ที่จะเป็นเขาได้
    คนเราเวียนว่ายตายเกิดไม่หยุดสิ้น
    ถ้ายังไม่หลุดพ้นก็ไม่สามารถจะละจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ได้


    10

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ ผู่ถี จ. พิษณุโลก 3 พ.ค. 2536

    การทานเนื้อสัตว์ก็เหมือนกับการทานเนื้อคนอื่น
    ศิษย์เชอื่ไหมว่าคนเราเวียนว่ายตายเกิด


    11

    พระโอวาทท่านแปดเซียนหันเซียงจื่อเมตตาที่ เซิ่งเต่อ 18-20 เม.ย. 2540

    ก่อนเราจะมาที่นี่มีเวไนยสัตว์มากมายที่ร่ำร้องวอนขอเรา
    เขาถามว่า ท่านได้เหยียบย่ำทำร้ายสิ่งใดบ้าง เคยนึกไหม (ไม่เคย)
    ท่านคิดเพียงสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก สัตว์เล็กเป็นอาหารสัตว์ใหญ่
    เช่นนี้ ถ้าช้างไม่กินผักผลไม้ แต่หันมากินคนแทน
    ท่านจะใช้คำว่า สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กได้หรือไม่
    ความเมตตาอย่าคิดแค่ใจสงสาร เมตตา
    แต่ต้องออกมาจากทุกส่วนของการกระทำ ส่วนลึกในใจ
    ไม่ใช่แค่พูด หรือแค่แผ่เมตตาปล่อยสัตว์
    ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถบังคับได้
    ท่านก็อาจจะบอกว่าอย่าทานเนื้อสัตว์เลย
    แต่ทำไมท่านไม่กล้าที่จะออกกฎบังคับ นั่นเป็นเพราะว่า
    ความเมตตาที่แท้จริง หรือเมตตาอันบริสุทธิ์
    ต้องออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ จากมโนธรรมสำนึกที่เรามีอยู่
    นั่นถึงจะเรียกว่าเป็นเมตตาที่แท้ เป็นเมตตาที่สว่างไสว
    ฉะนั้นตอนนี้รู้แล้วว่า การเบียดเบียนสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่ดี
    มีแต่ทำร้ายเขา ทำให้เขา เจ็บปวด น้ำตาที่ไหล
    เราอาจจะมองไม่เห็น แต่ใจส่วนลึกของสรรพสัตว์
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ต้องการบังคับให้เลิกทานเนื้อสัตว์
    แต่ต้องการ เรียกร้องความเมตตา
    เรียกร้องมโนธรรมสำนึกที่อยู่ในจิตใจ
    ให้ยอ้นมองดูว่าความเจ็บปวดที่เราโดนนั้นเป็นอย่างไร
    แล้วที่สรรพสัตว์โดนนั้นแตกต่างกันอย่างไร
    แค่เราโดนมีดบาด นิดหน่อย เราก็เป็นเดือดเป็นแค้น
    แต่ถ้าโดนพรากชีวิตทั้งชีวิต พรากจากพ่อ แม่ ลูกหลาน
    เราจะรู้สึกอย่างไร การสูญเสียนั้นมีแต่ความเสียใจ
    ความหดหู ฉะนั้นเราลองถามตนเองว่า
    ถ้าเราไม่อยากสูญเสีย ไม่อยากพลัดพราก
    แล้วตัวเราได้เป็นต้นเหตุให้คนอื่น
    หรือสรรพสัตว์ต้องสูญเสียหรือพลัดพรากบ้างหรือเปล่า


    11

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์อนุศาสน์เมตตาที่ อิ๋งเซียน 8 - 10 พ.ย. 2539

    สรรพสัตว์นั้นต่างมีญาณเดียว เป็นญาณพุทธะเหมือนกัน
    แต่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ไม่ถึงกับหมดเหมือนอย่างมนุษย์


    12

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซียน 8 - 10 พ.ย. 2539

    การจะพ้นจากทะเลทุกข์ได้ต้องทำอย่างไร (บำเพ็ญ)
    บำเพ็ญอย่างไร ปกติเราใช้เท้าของเรา ก้าวไปข้างหน้าไหม
    คนบำเพ็ญก็คือการก้าวทุกก้าว ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ
    ข้าวที่เรากินมีชีวิตสัตว์อื่นอยู่หรือเปล่า


    13

    การทานเจแล้วก็เทากับเป็นการปล่อยสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านั้น
    ให้มีชีวิตรอดต่อไป


    14

    เคบเห็นคนฆ่าวัว ฆ่าหมู สัตว์เหล่านั้นเขาทุกข์ทรมานหรือเปล่า
    เพราะความอยากของมนุษย์ ใช่ไหม
    ถ้าเราตัดความอยากออกไปได้ เขาก็ไม่เจ็บปวด
    บางคนคิดว่าสัตว์พวกนั้น ตายก่อนถึงมือเราเสียอีก
    แต่ถ้าไม่มีคนทาน เขาจะตายไหม ทุกครั้งที่กิน
    นึกถึงเวลาที่เขาถูกฆ่า ถ้านึกอย่างนี้แล้วจะทานลงหรือเปล่า


    15

    ในบรรดาบาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไป
    การเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่น ถือเป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุด


    16

    แม้ว่าเราอยู่บ้าน เราก็ต้องเอาใจกายของเราเป็นเหมือนวัด
    ให้ถือศีล ใจของเราต้องดีงาม
    กายของเราต้องสะอาด ชีวิตเขาเราอย่ากิน









    17

    การทานเจช่วยให้ดวงจิตใส การบำเพ็ญจะขัดเกลาอารมณ์
    ถ้าทานเจได้ทุกมื้อก็เป็นเรื่องดี และถ้าทานได้ตลอดชีวิต
    ก็ถือว่าเจริญรอยตามอริยา
    18

    การทานเนื้อคนอื่น ในที่สุดจะต้องชดใช้เขาเช่นกัน
    ถ้าศิษย์ต้องการชดใช้ให้เขาทานเนื้อศิษย์บ้างก็ไม่เป็นไร
    ขอให้ศิษย์คิดดูเองแล้วกัน
    ขออย่าได้ทำร้ายตนเองและผู้อื่นอีกต่อไป
    ถ้าคนไหนสามารถตัดกรรมปาก ในการพูดจาให้คนอื่นเสีย
    และตัดกรรมปากในการที่ได้ทานเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้
    ศิษย์หลายคน คงรู้จักการพลัดพรากมาแล้ว
    ขอให้ศิษย์ช่วยเหลือตนเองให้มาก ๆ

    19

    การทำให้ร่างกายไม่มีโรคนั้นง่ายนิดเดียว คือโรคเข้าทางปาก
    ถ้าสิ่งที่ทานเข้าไปทุกวันมีแต่ เชื้อโรค ก็ย่อมเกิดโรคขึ้นได้
    มนุษย์ยังเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มากมาย
    คิดว่าสัตว์จะป่วยเป็นโรคต่าง ๆ บ้างไหม
    เราทานโรคเข้าไปหรือเปล่าพิจารณาให้ดี ๆ

    20

    ชีวิตใคร ใครก็รัก ใคร ๆ ก็รักชีวิตตนมากกว่าสิ่งของใด ๆ ใช่หรือไม่
    แล้วชีวิตของคนอื่นมีค่าหรือไม่


    21

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ จือเจวี๋ย จ. สงขลา 26 ต.ค. 2540

    หากศิษย์ อยากเป็นพุทธะ ก็ต้องทำในสิ่งที่พุทธะทำ
    ถ้าศิษย์ศรัทธาในพระโพธิสัตว์กวนอิม
    ศิษย์ก็ต้องปฏิบัติตัวให้เหมือนท่านใช่หรือเปล่า
    ท่านไม่ทานเนื้อสัตว์ ศิษย์จะมา นั่งทานได้ไหม
    หากว่าท่านมีความเมตตา ศิษย์จะมานั่งให้ร้ายผู้อื่นได้หรือเปล่า
    เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธะก็คือการเจริญรอยตามเบื้องหน้า

    22

    พระโอวาททานเสี่ยวผีเซียนถงเมตตาที่ เหยรินเต๋อ ลำปาง 21 ธ.ค. 2540

    มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง สัตว์ประหลาดตัวนี้ท่านเห็นทุกวัน
    อะไรเอ่ยอยู่บนดินก็กวาดเรียบ อะไรอยู่บนฟ้าก็กวาดเรียบ
    แม้อยู่ใต้ดินก็ยังกวาดได้ อะไรอยู่ในน้ำก็กวาดเรียบ
    ส่องกระจกก็เห็นทุกวัน (มนุษย์) ไม่ใช่กวาดแค่ลิ้มรสอย่างเดียว
    อะไรที่ไม่รู้เราก็สามารถรู้ได้หมดสิ่งที่อยู่บนฟ้าสูงแค่ไหน
    เราก็สามารถไปศึกษา ค้นหาไปทำความรู้ให้ได้
    แต่ที่อยู่ใกล้แค่ตัว กลับมองไม่เห็น
    และไม่เคยคิดจะไปศึกษา

    23

    ถ้าคนไหนอยากจะบำเพ็ญให้บรรลุ ให้เป็นพุทธะจริง ๆ
    การขึ้นฝั่งธรรมอย่างแรกคืออะไร รู้ไหม คือละเว้นเนื้อสัตว์
    บะเว้นที่เราจะไปทำร้ายเนื้อของคนอื่น
    กัดเนื้อของเขาไปแต่ละคำ แต่ละคำ ที่กัดเขาไป ลองนึกดูซิว่า
    เหมือนกับเราได้กินเนื้อ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา
    ถ้าเกิดเราเอาเนื้อเขามา หยิบเขามาแล้วก็กัดลงไป
    กินไปเรื่อย ๆ มีใครกินลงไหม ถ้าคนไหนเชื่อว่ามี
    การเวียนว่ายตายเกิด พ่อ แม่ ของทุกคน ปู่ ย่า ตา ทวด
    ก็มีสิทธิ์เวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์ต่าง ๆ เหมือนกัน

    24

    ลองคิดง่าย ๆ มีเข็มงอ ๆ อยู่เล่มหนึ่ง
    เผลอไปเกี่ยวที่หลัง เจ็บไหม (เจ็บ)
    เข็มที่เราเย็บผ้าอยู่ เผลอแทงเข้าไปเจ็บไหม (เจ็บ)
    เราตกปลามากินแล้ว
    แต่เกี่ยวเขามาทั้งชีวิตบาปไหม (บาป) รู้ไหม (รู้)
    รู้แต่ทำ ใช่หรือเปล่า ให้คิดถึงใจเขาใจเรา
    เพราะทุกคนต่างมีจิตเมตตา ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีจิตเมตตา

    25

    ถ้าหากว่าเรากินเจ คนอื่นกินชอหมด
    แปลกไหม (ไม่แปลก) คนที่กินเจแล้วบอกแปลก
    เพราะว่าเคยมาแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)
    เคยไปอยู่ในหมู่คนจำนวนมากที่เขากินชอแล้วเรากินเจ
    สุดท้ายเขาบอกว่านี่ตัวประหลาด
    แต่ถามว่าตัวประหลาดตัวนี้เป็นอะไร
    เป็นคนที่มีความเมตตาใช่หรือไม่ (ใช่)
    ปลาก่อนตายเขาทำอย่างไร เขาทุบหัวใช่หรือเปล่า (ใช่)
    ปลาดิ้นจนวาระสุดท้ายไหม
    ฆ่าไก่ทำอย่างไร (เชือด)
    ฆ่าหมูทำอย่างไร (แทงคอ)
    ฆ่าวัวทำอย่างไร เขาร้องไหม
    บางตัวเมื่อ มีสำนึกมาก มีความเป็นคนสูง
    ขนาดร้องไห้ก็ยังมีใช่หรือไม่ (ใช่)
    เพราะฉะนั้นถามว่าคนที่กินเจแปลก
    หรือคนที่กินชอแปลก
    อยากมาแปลกประหลาดด้วยกันไหม
    ถ้าศิษย์ไม่แปลกประหลาดวันนี้
    ก็ต้องบอกว่า คนกินเจแปลกประหลาด
    แต่คนที่กินชอนั้น จิตญาณจะใสกว่า คนที่กินชอ
    เพราะคนที่กินชอนั้น กินเอาไออาฆาตของสัตว์ต่าง ๆ เข้าไป
    ในที่สุดแล้ว ยามที่เราต้องการจะบำเพ็ญ
    จะทำอย่างไรก็ไม่ยอมสว่าง ทำอย่างไรก็ไม่ใส
    เหมือนกับเราขัดพื้นแล้วไม่สะอาดสักที
    เพราะเรานั้นไม่ยอมใช้น้ำยาใช่หรือไม่ (ใช่)
    เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงบอกว่า
    ศิษย์ของอาจารย์ต้องพยายามที่จะลด ละ เลิก
    ในการทานเนื้อสัตว์ ถ้าหากว่าทำได้
    แม้ว่าจะประหลาดในวงสังคม แต่ไม่ประหลาดในแดนฟ้า
    ไม่ประหลาดในการบำเพ็ญธรรม

    26

    การที่เราไปประหารชีวิตของผู้อื่น ชีวิตของเราจะยาวนานได้ไหม
    ทุกคนทราบหรือไม่ว่า
    ในโลกนี้มีหลายอย่างที่เราไม่คาดคิดเอาไว้
    อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    สิ่งที่ไม่คิดหวังอาจเกิดขึ้น
    ถ้าหากไม่มีการบำเพ็ญที่มั่นคงเป็นฐานรองรับ
    สิ่งที่เราได้ประสบ เราอาจจะรับไม่ไหว
    ถ้าตอนนี้ไม่บำเพ็ญ ก็อาจไม่ทันกับเวลา
    โลกนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ใครเคยได้ยินมาบ้าง
    สิ่งที่กินเข้าไปเป็นเพียงการประทังชีพเท่านั้น
    ถ้าหากเอาสิ่งประทังชีพ มาทำให้คนอื่นเจ็บปวด เราจะมีหนี้กรรม
    ใจเราต้องบริสุทธิ์ ความคิดของเราก็ต้องบริสุทธิ์
    ปากของเราก็ต้องบริสุทธิ์ ปากของเราเมื่อทานของบริสุทธิ์
    คำพูดของเราที่ออกมาก็ต้องบริสุทธิ์ ไม่ไปนินทาว่าร้ายคนอื่น
    ถ้าอยากบำเพ็ญให้ดีขึ้น ก็ต้องละเนื้อสัตว์
    เพราะจริง ๆ แล้วเขาเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา
    เพียงแต่เรามองไม่เห็น

    *********************************
     
  8. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    เ ก ร็ ด ธ ร ร ม ะ
    ศีล 5 จาก พระอาจารย์จี้กง
    ศีลข้อที่ 1...บทฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    -----------------------------------

    มีคนพูดว่า ฉันไม่ได้ฆ่าคนอื่น ฉันฆ่าตัวเอง ฉันมีสิทธิ์ที่จะฆ่าตัวตาย ในสัญญา
    ความจำที่สืบเนื่องมาจากอดีตชาติ มันฝังเมล็ดพันธุ์ของการฆ่าตัวตายไว้แล้ว เกิด
    ชาติต่อมา จึงมีอารมณ์อยากฆ่าตัวตาย ฉะนั้นให้ระวัง อย่าให้เกิดความคิดนี้ ใคร
    ที่ฆ่าตัวตายได้สำเร็จ อย่างน้อยจะต้องฆ่าตัวตายเรื่อยไปถึงเจ็ดครั้ง
    คำว่า ฆ่าตัวตาย จะต้องหมายความว่า ฆ่าตัวกิเลสตัณหาของตัว ให้เหลือไว้แต่จิต
    พุทธะ เป็นศิษย์พระพุทธจี้กง เป็นผู้บำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรม สูงส่งเหลือเกิน กว่า
    จะได้เกิดกายเป็นคนนั้นยากนัก พระคุณของฟ้า ดิน พระคุณของบ้านเมือง พระคุณของ
    พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เบญจคุณากรยังมิได้ตอบแทน เจ้ามีสิทธิ์อะไรจะฆ่าตัวตาย
    อย่าช่วยเขาฆ่า

    เมื่อเห็นใครฆ่าสัตว์แล้วเจ้าพูดว่า ฆ่าเสียให้ตายก็ดี เนื้อนี้อร่อยดี ใครเขา
    ปรึกษาจะทำแท้ง เจ้าบอกว่า ดี ดีเหมือนกัน อย่าเอาไว้เลย เห็นอาหารเนื้อสัตว์
    มากมายในงานเลี้ยง ถ้าเจ้าบอกว่า ดีจังเลย น่ากินจังเลย อย่างนี้เท่ากับมีส่วน
    สนับสนุนช่วยฆ่า

    เจ้าถือศีลกินเจ ลูกจะแต่งงาน จะจัดเลี้ยงอาหารเนื้อสัตว์ ถ้า
    เจ้าบอกว่าตามใจ อย่างนี้ก็เท่ากับมีส่วนช่วยฆ่า เจ้าจะต้องบอกว่า พ่อแม่ถือศีล
    กินเจ ย่อมไม่สนับสนุนให้ลูกเบียดเบียนชีวิตเขา ถ้าลูกยังขืนดึงดันจะเลี้ยง
    อาหารเนื้อสัตว์ พ่อแม่จนใจก็ได้แต่บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ลูกก็รับผิดชอบเองก็
    แล้วกัน

    ขายยาจีน ในพิกัดยามีส่วนของสัตว์ หรือแมลงอยู่ด้วย ผู้ขายจะต้องสำนึก
    ว่า อย่าได้เป็นบาปเป็นเวรแก่กันเลย มันจำเพาะเป็นยารักษาโรค แต่อย่าแนะนำให้
    เขาเอายาไป ตุ๋น เป็ด ไก่ ฯลฯ บำรุงกำลังเป็นอันขาด เพราะจะเท่ากับมีส่วนช่วย
    ฆ่าด้วย ขายยานอนหลับ ยาประเภทกล่อมประสาท ปลุกประสาท ฯลฯ เหล่านี้มีส่วนเกี่ยว
    กรรมกับการฆ่าด้วย เขาอาจกินเกินขนาด กินผิดพลาด ทำให้ประสาทเสีย พิการถึงตาย
    ได้ ให้ระวังให้มาก

    ผู้ตั้งปณิธานกินเจแล้ว (ลี่ชิงโขว่เอวี้ยน) กาย วาจา ใจ จะต้องสะอาด อย่าพูด
    พล่อย พูดให้เขาน้อยใจอยากตาย หรือหาทางตายไปจริงๆ

    ขายของมีคมที่เป็นอาวุธทำลายชีวิตได้ ให้ระวัง ผู้ขายสิ่งเหล่านี้มีเหตุแห่ง
    กรรมหนุนนำมาแต่อดีตชาติ

    ผู้บำเพ็ญมิให้ใช้เครื่องหนังสัตว์แท้ เช่น เข็มขัด
    รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ ผู้สนับสนุน หรือสร้างค่านิยมเครื่องหนังแท้ เท่ากับมีส่วน
    ช่วยฆ่า

    จะร่วมบุญทานต้องพิจารณา หากเอาเงินไปช่วยร่วมงานบุญที่เขาล้มวัว ล้ม
    ควาย ฆ่าหมู เป็ด ไก่ ฯลฯ เราก็ไม่พ้นมีส่วนช่วยฆ่า ร่วมบุญทานบริสุทธิ์ฉุดช่วย
    คนให้พ้นทุกข์ เหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์เมล็ดเดียว เก็บเกี่ยวได้หมื่นเมล็ด ไม่ขาด
    เบ็ดตกปลา เบ็ดอันนี้เขาซื้อไปตกปลา ได้ปลากี่ตัว ปลาเหล่านั้นก็จะมาคิดบัญชี
    กับเจ้า

    แม่บ้านกินเจ แต่ยังต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ให้พ่อบ้าน และลูกๆ ถ้าจำใจต้องซื้อ
    ปลา ระวังอย่าซื้อปลาท้องไข่ จะต้องเกี่ยวกรรมกับเขาหลายชีวิต ผู้บำเพ็ญหญิง
    จึงต้องหมั่นสำนึกขอขมากรรมเสมอๆ

    ทำไมคนเป็นโรคมะเร็งกันมากเหลือเกิน ทั้งที่การแพทย์เก่งกาจก้าวหน้าถึงเพียง
    นี้ ไม่น่าจะมีโรคแปลกๆ ที่รักษาไม่หายมากมายอย่างนี้จึงจะถูก น่าจะสรุปผลได้
    อย่างเดียวว่า มันเกิดขึ้นตามแรงฆาตกรรม

    ถ้าทุกคนกินเจกันหมด สองปีต่อมา พืชพันธุ์ธัญญาหารจะต้องสมบูรณ์เป็นแน่ โรคภัย
    ไข้เจ็บก็จะลดน้อยลง ในสมัยกษัตริย์เหยาซุ่น สามพันปีก่อน ไม่มียาฆ่าแมลง พืช
    พันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ จะเห็นได้ว่า ยิ่งฆ่า ยิ่งมาให้ฆ่าไม่หมด

    เสือเป็นสัตว์ป่ากินคน มีคนไปกินเสือไหม? ไม่มี แต่เสือก็น้อยลงทุกวัน ส่วนเป็ด
    ไก่ คนกินกันมาก จึงเกิดมากขึ้น แมลงก็เช่นเดียวกัน กำจัดเท่าไรก็ไม่หมด บริเวณ
    ที่อยู่อาศัย ให้รักษาความสะอาด มด แมลงวัน ก็จะน้อยลงเขามีกรรมร่วมกับเจ้า เขา
    ต้องการอยู่รอด จึงมารบกวนเจ้า เจ้าฆ่าเขา เขาฆ่าเจ้า เหมือนคนกินแพะ แพะตายไป
    เกิดเป็นคน คนตายไปเกิดเป็นแพะ เวียนกันไม่จบสิ้น

    มีคำถามว่า หลังจากตั้งปณิธาน
    กินเจตลอดชีวิตแล้ว สัตว์เลี้ยงที่บ้านจะจัดการอย่างไร เจ้าก็คิดเสียว่า เขา
    เกี่ยวกรรมกับเจ้ามา จงเลี้ยงดูเขาต่อไป จนกว่าจะตาย แล้วฝังเขาเสีย ให้เขาไป
    เกิดใหม่

    ทำบุญหรือจัดเลี้ยงในวันเกิด อย่าได้เบียดเบียนเดือดร้อนชีวิตสัตว์
    การเกิดของเจ้ามิได้แสดงถึงความยิ่งใหญ่อันใด กลับทำร้ายสัตย์มากมายให้ตายลง
    บนบานศาลกล่าวเสร็จแล้วถวายหัวหมู ยังไม่ทันสร้างบุญกุศลกลับหาเรื่องให้ตัวเอง
    ซ้ำอีก ฟาดเคราะห์ไปเปราะหนึ่ง ยังไม่ทันไรเกี่ยวกรรมเข้าไปอีกรายหนึ่ง ต่อไป
    อย่าได้ไปบนบานศาลกล่าวอย่างนี้อีก

    งานศพ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ให้เลี้ยงอาหารเจ เป็นดีที่สุด งดการฆ่าสัตว์เป็นดี
    ที่สุด จะได้ไม่เป็นบาปตามติดตัวผู้ตายไป หากยังกินเจกันไม่พร้อมทั้งครอบครัว
    ภายในสี่สิบเก้าวันให้กินเจทั้งหมดพร้อมกัน สามีภรรยาก็ควรแยกห้องกันสี่สิบเก้า
    วัน จะช่วยลดหย่อนบาปเวรของผู้ตายได้

    การไม่ฆ่า คือ เมตตากรุณา จิตสำนึกนี้ทุกคนต่างมี ไม่ฆ่าเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ซิ ลำบากหน่อย

    เคยมีศิษย์ต่อรองกับพระอาจารย์ว่า
    พระอาจารย์ขอรับ ศิษย์ไปผ่าตัดมา เสียกำลังไปมาก ขออนุญาตกลับไปกินเนื้อสัตว์
    ให้แข็งแรงเสียก่อน แล้วจะกลับมากินเจใหม่ คงไม่เป็นไรนะครับ
    หากเจ้าคิดจะต่อรอง ก็แล้วแต่เจ้า อาจารย์บังคับเจ้าไม่ได้ หนี้ของใคร ใครก็ชด
    ใช้กันเอง ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ จึงไม่ต้องต่อรองกับอาจารย์ ประสาทจิตไม่ปกติ
    การฆ่าของเขามีโทษบาปเบากว่าคนทั่วไป ด้วยกุศลเจตนาจะช่วยพระพุทธอริยเจ้า การ
    ฆ่าของเขามีโทษบาปเบากว่าคนทั่วไป เพื่อช่วยคนหมู่มาก เช่น สู้รบเพื่อชาติ แม้
    โทษบาปจะเบากว่า แต่ไม่พ้นกฎแห่งกรรม

    ทำไมไม่ให้ฆ่าคน เพราะคนอยู่ใกล้กับอริยมรรค ชาตินี้แม้จะมีวิบากทุกข์ยาก แต่
    หากได้สดับพุทธธรรม แล้วบำเพ็ญจริงสุดชีวิตหมดหนี้เวรกรรมเมื่อไร ก็บรรลุได้
    ทันที

    ฆ่าสัตว์อื่นๆ มีโทษบาปเบากว่าฆ่าคน เพราะสัตว์ยังห่างไกลอริยมรรค แต่เขาก็มี
    โอกาสเหมือนกัน จึงไม่ควรฆ่าอย่างยิ่ง

    หมูผูกใจเจ็บกับเลือดเนื้อของเขามาก จะไม่ยอมไปจากตัว จนกว่าเนื้อชิ้นสุดท้าย
    ของเขาจะถูกกลืนกินหมดไป ให้สังวรณ์ไว้ คนที่เจ็บป่วยเป็นประจำ ให้ทำบุญปล่อย
    ชีวิตสัตว์มากๆ นอกจากปล่อยสัตว์ที่เห็นได้ภายนอกแล้ว ยังต้องปล่อยสัตว์ที่อยู่
    ภายในจิตใจของตนอีก กิเลสตัณหา เหมือนสัตว์ร้ายที่สิงอยู่ในใจ ใครกักเก็บไว้ ก็
    มีแต่วิตก กลัดกลุ้ม จงปล่อยเขาออกไปให้หมด เพราะเขาจะพาเจ้าลงนรกไปด้วยกันเช่น
    กัน

    ค้าขายไม่ดี ยิ่งทำยิ่งขาดทุน หมุนเวียนขัดข้อง ต้องทำบุญปล่อยสัตว์ ละเว้นการ
    ฆ่ากินเป็นสำคัญ เพราะชาติก่อนเจ้าฆ่าเขาไว้มาก หน้าตาราศีไม่ดี กิจการร้านรวง
    ไม่เป็นที่เจริญตา เจริญใจแก่ผู้พบเห็น เป็นเพราะเจ้าสร้างบุญสัมพันธ์กับใครๆ
    ไว้น้อย ให้เร่งปล่อยสัตว์ เว้นการกินเนื้อสัตว์

    คนที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะใจดำอำมหิต ฆ่าสัตว์ชนิดใดเป็นประจำนานๆ เข้า หน้าตาของเขาก็จะละม้ายสัตว์นั้น ความคิดอยากฆ่าจะเกิดขึ้นมาในใจบ่อยๆ คนบาปหนาที่ฆ่าสัตว์ไว้ ก่อนตายจะถูกเวรกรรมนั้นรุมหนักเหมือนหนี้สินประดัง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เหมือนใกล้วันปิดงบสิ้นปีของธนาคาร คนชอบฆ่าสัตว์มักจะฝันร้าย เมื่อกลับใจมากินเจใหม่ๆ ก็ยังฝันกินเป็ด
    กินไก่ เพราะเคยกินเขาไว้มาก

    ชาติก่อนๆ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้มาก ชาตินี้เกิดมาจะอาภัย จุกจิก ขี้ริ้ว
    ขาดมนุษยสัมพันธ์ ผู้คนรังเกียจ ชิงชัง คนบาปหนา ก่อนตายจะไม่สงบ บ้างเห็นยมทูต
    มาลากคอ บ้างเห็นเจ้ากรรมนายเวร บ้างเห็นผี บ้างเห่าหอนโอดโอยกรีดร้อง เสียง
    เหมือนสัตว์ต่างๆ ซากศพจึงน่าสะพรึงกลัว

    ผู้ละเว้นการฆ่า (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) คือ ผู้ให้อภัยทาน อภัยทาน คือ ให้สรรพ
    สัตว์พ้นจากความหวาดทุกข์หวั่นภัย ผู้ละเว้นการฆ่า จิตเมตตาจะเพิ่มพูน ความ
    กังวลหม่นหมองจะน้อยลง ภายใจจะสุขสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย ผู้ละเว้นการฆ่า กิริยา
    จะอ่อนโยน ไม่แสดงอารมณ์ร้าย ผีสาง เทวดาจะปกปักรักษา จะพบแต่สิ่งที่ดี มีผู้
    อุปถัมภ์ไม่ขาด ผู้ละเว้นการฆ่า จะนอนหลับสบาย ไม่ฝันน่ากลัว อึดอัด หรือเหมือน
    ถูกกดทับ ละเว้นเนื้อสัตว์นานไป ก็จะไม่ฝันว่ากินเนื้อสัตว์ ผู้ละเว้นการฆ่า
    ชาติหน้าเกิดใหม่ ได้เป็นคนร่ำรวยสูงศักดิ์ ใจดี มีอิสระ ไม่พิพาทบาดหมางกับ
    ใคร ร่วมบุญสัมพันธ์กันไปทั่ว

    ผู้ถือศีลห้าได้บริสุทธิ์ อีกทั้งสร้างบุญกุศลเสริมส่ง จะได้ไปเกิดในชั้นพรหม
    โลก เพราะไม่ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ของวิญญาณบาปไว้ในกมลสันดานอีกต่อไป ศีลห้าตรง
    กับคุณธรรมห้าของศาสนาปราชญ์ พระศาสดาขงจื้อสอนไว้ว่า
    ไม่ฆ่าเป็นเมตตา คือ เหยิน
    ไม่ลักขโมยเป็นมโนธรรม คือ อี้
    ไม่ผิดในกามเป็นจริยธรรม คือ หลี่
    ไม่มุสาเป็นสัตยธรรม คือ ซิ่น
    ไม่ดื่มสุราเป็นปัญญา คือ จื้อ

    มดแมลง แม้ตัวน้อยนิดก็ฆ่าไม่ได้ เจ้ากินเนื้อสัตว์โดยอ้างว่า เขาเกิดมาเป็น
    อาหารของคน เสือก็อ้างได้ว่า คนเกิดมาเป็นอาหารของเขา ยุงดูดเลือดของเจ้านิด
    เดียว เจ้ายังคงตบให้เขาตาย ใจเขาใจเรา เจ้าคิดดู

    อย่าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แสดงกิริยาไม่สุภาพ หน้าหิ้ง หรือโต๊ะบูชา
    ภาพพิมพ์พระ เจ้า ขาด เก่า ไม่ใช้ ให้ม้วนเก็บไว้ อย่าเผาปนไปกับขยะ หรือกระจาย
    อยู่บนดิน ถูกผู้คนเหยียบย่ำ เท่ากับลบหลู่ จะเป็นบาป

    สัตว์บ้านเลี้ยงไว้จนกว่าเขาจะตาย อย่าขาย หรือให้ใครเอาเขาไปทอดทิ้ง อดอยาก ทำ
    ร้ายทารุณ เมื่อเขาตาย ให้ฝัง ท่องพระนามพระพุทธะ พระโพธิสัตว์พระองค์ใดก็ได้
    ขอพระองค์ได้โปรดช่วยนำวิญญาณของเขาไปเกิดใหม่ให้ดีด้วย

    ทุกครั้งเมื่อเกิดการผิดพลาดทุศีล หากไม่มีที่บูชาพระในบ้าน ให้จุดธูปสามดอกปัก
    กลางแจ้งสำนึกผิด และแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแก่สัตว์นั้นๆ บาปเวรก็จะเบาลง

    คนถือศีลกินเจ ต้องรอบคอบระวัง ก่อนจะซื้ออาหารสำเร็จรูปต้องถามไถ่ให้แน่ใจ ถ้าซื้อ
    ผิด กินผิด ให้จุดธูปบอกกล่าวขอขมาต่อชีวิตเขา สำนึกผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    สำนึกผิดต่อมโนธรรมสำนึกของตนเอง

    ขับรถชนสุนัขถึงแก่ความตาย (เพราะเขาวิ่งตัดหน้ามาให้ชนเอง) ถ้าผลกรรมนี้ของสุนัขนั้นยังไม่หมด ชาติหน้าเขาจะต้องเกิดเป็นสุนัขอีก ถ้าผลกรรมนี้ของสุนัขนั้นจบสิ้นแล้ว ชาติหน้าเขาจะได้เกิดกายเป็นคน

    ใช้เนื้อสัตว์เซ่นไหว้บูชา ภาวนาอธิษฐานขอลาภขอผล แก้บนด้วยการเล่นหยาบคาย เท่า
    กับให้ร้ายตนเอง

    ไม่ทำร้ายเข่นฆ่ากายสังขาร อีกทั้งไม่ทำร้ายจิตวิญญาณเขา จึงต้องมีวาจาอ่อนโยน
    อนาทรต่อความทุกข์ร้อนของผู้อื่นด้วย.

    ----------------------------
     
  9. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    สรรพสัตว์ต่างรักชีวิตของเขาเอง....
    ย่อมต้องหนีเอาตัวรอด.....ยามถูกล่า
    สรรพสัตว์เหล่านั้นตายลงไป....
    เผ่าพันธุ์เหล่ากอ....เขาได้หมดสิ้น....
    เนื่องด้วยสัตว์........................
    *************************
    พืชพันธุ์ทั้งหลายมิหึงหวง............
    กลับชูช่อเสนอหน้า...
    ให้สัตว์ทั้งหลายได้เเทะเล็ม....
    สัตว์เหล่านั้นได้กินพืชผัก...............
    เผ่าพันธุ์เหล่ากอ....พืชนั้นได้ขยายขึ้น....
    เนื่องด้วยสัตว์........................
    นะเอย.......นะคะเอย.....
     
  10. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    ผมกินเจมา 4 วันแล้วครับมิต้องรอเทศกาลเลยครับ ผมว่า เดือนละ 1สัปดาห์ ก็ยังดี หรืออย่างน้อยก็ 3 วันก็ดีนะครับ สาธุ สาธุ การไม่เบียดเบียนสัตว์สัปดาห์ละ 3 วัน เดือนละ 12 วัน ปีละ 144 วัน ผมว่าคุ้มแล้วครับ
     
  11. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ที่นี่เริ่มเทศกาลกินเจวันที่ 28-8 ตุลาคม แต่ภัทรเริ่มล้างท้องตั้งแต่วันพรุ่งนี้แล้วค่ะ ตามโรงเจ เพราะอาจจะไปเข้าพิธีร่วมรับเจ้าก็เลยล้างท้องไว้พรุ่งนี้เลย
    ขอทุกท่านเชิญร่วมกันอนุโมทนาบุญคะ
     
  12. แม่จิ๊บโจ้

    แม่จิ๊บโจ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +314
    วันศุกร์ที่ 26 กันยายน มีพิธีอาบน้ำทิพย์ของพระแม่กวงอิมและอัญเชิญเก้าอ้วง ที่ตำหนักพระแม่กวงอิมโชคชัย 4 ค่ะ
     
  13. mook_me

    mook_me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +241
    มุกก้กิน 11 วันค่ะ ล่วงหน้า 2 วัน

    วันที่27ล้างท้อง 28วันเกิดมุกด้วย

    จะได้ทำบุญในวันเกิดด้วย

    บรรยากาศที่ภูเก็ตสนุกสนานทุกปีเลยค่ะ

    ถ้าใครจะมาภูเก็ตก้ แอดมาถาม เรื่องนี้ได้นะค่ะ

    ที่พัก ร้านอาหาร(ไปทางไหนก้เจจ้า) อ๊าม(ศาลเจ้า) แห่พระ กินเจยังไงให้เช้ง ม้าทรง 9ล9

    moka_miko_narak@hotmail.com

    อนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ อิ่มบุญอิ่มใจ กับการกินเจนะค่ะ ^^
     
  14. Nexu

    Nexu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +130
    จะกินเจเหมือนกันครับ อนุโมทนาทุกท่านด้วย

    อ่านตอนเชือดสัตว์แล้วน้ำตาไหล รู้สึกเหมือนอยากงดเว้นเนื้อสัตว์ไปตลอดชีวิต ถ้าทำได้ก็จะทำเช่นนั้น

    edit หน่อย พอจะได้ข้อมูลมา เกทละครับ ^^

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2008
  15. ราเมศ

    ราเมศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +50
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ ปกติทานทุกปีครับ ในทุกๆเดือนจะหาโอกาสทานในวันพระ ลองดูครับมีแต่ได้ครับจิตใจก็ดีขึ้นด้วย
     
  16. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    โห ดีๆๆ ปลาฝากกิน ด้วยยย อิอิ พอดีปลาไม่ถูกกะเห็ดแล้วก็เต้าหู้อ่า T^T
     
  17. Nexu

    Nexu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +130
    กระทู้นี้ทำผม "เจ" ขึ้นสมอง - -" วันนี้แทบกินอะไรไม่ลง โอย มึนเวียน

    มีคำถามนิดหน่อย กินเจ กินน้ำอัดลมได้รึป่าวครับ ???
     
  18. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    ในมุมมองของศาสนาจะมองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของชีวิตและจิตใจ
    ในมุมมองของศาสนาจะมองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของชีวิตและจิตใจ ซึ่งได้แก่
    1. บังเกิดเมตตาจิต เกิดความสงบ สุขุม เยือกเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น โมโหง่าย ดวง ธรรมญาณอันบริสุทธิ์จะปรากฏออกมาซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ให้บารมี ธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ
    2. ทำให้มีสติมั่นคง มีสมาธิแน่วแน่ ไม่ประมาทเลินเล่อ เป็นประโยชน์ต่อการดำเนิน ชีวิตและการทำงาน สามารถรอดพ้นจากภัยต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ ภัยจากเคราะห์กรรม เมื่อวิญญาณออกจาก ร่าง ก็จะไปสู่ภพภูมิที่ดี
    3. หยุดการทำบาป ตัดเวรกรรมที่ผูกพัน ทำให้ไม่เกิดการอาฆาตพยาบาท ทำให้ปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งร้ายตามจองเวร
    4. สิ่งไม่ดีจะถูกขับออกไป ความรู้สึกขุ่นมัว มืดมนจะหมดไป หลังจากกินเจต่อเนื่องกัน เป็นระยะเวลานานๆ ความสดใสจะปรากฏขึ้นในจิตใจ และถ่ายทอดออกไปสู่ใบ หน้าให้มีความสะอาดสดใส
    5. ผู้ที่กินเจ รวมทั้งครอบครัวและบุตรหลาน และคนในปกครองจะเกิดความรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้เกิด อยู่ในดินแดนอารยะ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากการทำร้ายรบราฆ่าฟัน ไม่มุ่งร้ายทำลายชีวิตซึ่งกัน และกัน
    6. ทำให้จิตใจสะอาดไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจที่สะอาดทำให้มองเห็นกายอันแท้จริง สามารถสู่นิพพานได้ในที่สุด
    7. เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองอารักขาไม่ให้สิ่งเลวร้ายหรือวิญญาณชั้นต่ำเข้ามาทำร้าย
    ผู้ที่มองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของศาสนา จะมีการปฏิบัติที่เคร่งครัดว่า การมองประโยชน์ของการ กินเจในแง่อื่น ซึ่งมักจะให้ผลที่สามารถมองเห็นได้อย่างเกินคาด เกินความคิดคำนึงพื้นฐานของคนทั่วไป เช่น การลุยไฟ การใช้เหล็กเสียบแทงตนเอง หรือม้าทรงต่างๆ ในเทศกาลกินเจที่จังหวัดตรัง นั่นคือ ความเชื่ออันแรงกล้าทำให้เกิดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เสมอ

    ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ
    1. ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผัก ผลไม้ เป็นพลังที่ไม่ทำร้ายร่างกาย
    2. ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง เพราะกากใยในพืช ผัก ผลไม้ ช่วยระบบ การย่อยและระบบขับถ่าย ทำให้ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ รวมถึงโรคที่เกิด จากระบบขับถ่ายผิดปกติต่างๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร
    3. หากรับประทานประจำจะช่วยฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาด เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมช้าลง ทำให้ ผิวพรรณผ่องใส มีอายุยืนยาว สายตาดี แววตาสดใส ร่างกายแข็งแรงมีความต้านทานโรค มีความคล่อง ตัวรู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด
    4. ทำให้ปราศจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคลำไส้ โรคเก๊าต์ ฯลฯ เพราะได้รับอาหารธรรมชาติที่มี ประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นสาเหตุ ุและยังช่วยป้องกันโรคเหล่านี้
    5. อวัยวะหลักของร่างกาย และอวัยวะเสริมทั้ง 5 ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถภาพ อวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด อวัยวะเสริมทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี
    6. ผู้ที่กินเจจะมีร่างกายที่สามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งได้แก่ ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายอื่นๆ มลภาวะที่เกิดจากการ เผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งมีปะปนอยู่ในอากาศ รวมถึงแหล่งอาหารและน้ำดื่ม
    จะเห็นได้ว่าในทางกานแพทย์นั้น การกินเจมีประโยชน์ในการรักษา ที่สามารถพิสูจน์และ มองเห็นได้ชัดเจน กว่าประโยชน์ในทางศาสนา แม้ว่าการปฏิบัติจะไม่เคร่งครัดเท่ากับความ ต้องการประโยชน์ทางด้านศาสนา

    ประโยชน์ของการกินเจ ในมุมมองทางด้านโภชนาการ
    มักมีการสงสัยกันอยู่เสมอว่า การกินเจ จะได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่หรือไม่ โดยเฉพาะ โปรตีน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโปรตีนในเนื้อสัตว์เป็นโปรตีน ที่มีคุณภาพดีมากกว่า โปรตีนในพืช ซึ่งเป็นความ เข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะแท้ที่จริงแล้วโปรตีนในผัก มีคุณค่าที่ใกล้เคียงกัน ในส่วนของอาหารหลัก 5 หมู่ เป็นสิ่งที่กังวลกันอีกประการ หนึ่งว่าจะได้ครบหรือไม่ ถ้าคิดในทางกลับกัน สิ่งที่คิดว่าจะขาดมาก ที่สุดคือโปรตีน ในอาหารเจยังมีครบ จึงไม่น่าเป็น ห่วงว่าจะขาดสารอาหารในหมู่อื่น เพราะนอกจากโปรตีน แล้วสารอาหาร หมู่อื่นจะมีอยู่ใน พืชผักผลไม้ทั้งสิ้น ดังนั้น การจะขาดสารอาหาร จึงน่าจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การบริโภคมาก กว่า ว่าเป็นคนเลือกกิน หรือไม่ ส่วนสารอาหารที่ได้จากการกินเจในที่นี้ จะขอกล่าวถึงเฉพาะ ส่วนของโปรตีนเท่านั้น เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีผู้สงสัยมากที่สุดว่า โปรตีนจากพืชจะ ทดแทน โปรตีนจาก สัตว์ได้หรือไม่
    โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายคนเรา มีมากในอาหารประเภทถั่ว
    โปรตีน คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทั่วไป รวมทั้งในไข่ขาวและผัก และจะมีมากในถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และถั่วอื่นๆ โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายจริงๆ มีอยู่ 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ทั้งในเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ ที่แตกต่างกันก็คือ ในเนื้อสัตว์จะมีไขมันมากกว่าถั่วต่างๆ เมื่อกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์จึงได้รับไขมันมากขึ้นไปด้วย ทำให้อ้วนรวมไปถึงระบบการย่อยอาหาร ก็ต้องทำงานหนักขึ้นไปด้วย ต่างจากโปรตีนที่ได้จากถั่วซึ่งมีปริมาณไขมันน้อยกว่า และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้พอดี โดยไม่เหลือเป็นส่วนเกิน และยังมีกากใยช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และที่สำคัญ ไม่มีคลอเลสเตอรอลเหมือนในเนื้อสัตว์

    โปรตีนที่มีความสำคัญต่อร่างกายของคนเรา 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ครบในถั่วต่างๆ คือ
    1. ไลซีน มีหน้าที่สร้างความเจริญเติบโต และสร้างความต้านทานให้แก่ร่างกาย หากขาดไลซีน ร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นต้น
    2. กลูตามิก เป็นกรดอะมิโนที่บำรุงรักษาความเป็นปกติของเซลล์สมอง หากขาด กลูตามิก จะเกิด อาการผิดปกติทางสมองควบคุมความรู้สึกและจิตใจตนเอง ลำบากจะมีอาการเฉยเมย และซึมเศร้า แก่เร็ว ไม่สดใส ร่างกายไม่เจริญเติบโต
    3. วาลีน เป็นกรด อะมิโนที่สร้างความเป็นปกติแก่สมองอีกชนิดหนึ่ง รวมถึงกล้ามเนื้อ ระบบประสาท การรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด ซึ่งขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนชนิดนี้
    4. อาร์จีนีน เป็นส่วนประกอบของอสุจิในเพศชาย หากขาดจะทำให้มีโอกาสเป็นหมัน เพราะเชื้ออสุจิไม่แข็งแรง ทำให้ไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ของเพศหญิงได้ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายไม่สดใส ไม่มีความกระชุ่มกระชวย จิตใจไม่ผ่องใส ทำให้แก่เร็ว
    5. ซิสตีน เป็นกรด อะมิโนที่ร่างกายนำมาใช้สร้างเซลล์เส้นผมและอินซูลิน ทำให้ร่างกายต่อต้านสิ่งที่เป็นพิษได้ดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ทางลมหายใจ ผู้ที่ขาดซิสตีนจะเกิดอาการ เป็นกังวล หงุดหงิด ตับผิดปกติ เส้นผมหลุดร่วง
    6. ฟีนายอะลานีน หากขาดกรด อะมิโนตัวนี้จะทำให้ควบคุมตนเองไม่อยู่ในเรื่อง การรับประทานอาหาร จะทำให้รับประทานอาหารไม่หยุด ทำให้เกิดโรคอ้วนและอาการมึน ซึม หรือปวดหัว ฟีนายอะลานีนสามารถนำมาสร้างฮอร์โมนไทร็อกซีนของต่อมไธรอยด์ได้อีกด้วย
    7. ทรีโอนีน มีความสำคัญต่อระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร หากขาดทรีโอนีนจะเกิดปัญหาในการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด เรอเปรี้ยว
    8. อิสติดีน ช่วยดูแลรักษาทำให้ประสาทหูทำงานเป็นปกติ หากขาดอิสติดีนจะเกิด ความเสียหายกับประสาทหู และเกิดอาการหูอื้อ หูตึง ความสามารถในการได้ยินลดลง
    9. ทริปโตเฟน ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารร่วมกับทรีโอนีน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย รากผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณผ่องใส และช่วยสร้างเม็ดโลหิตอีกด้วย
    10. เมทีโอนีน ช่วยดูแลรักษาตับ ขับของเสียออกจากตับ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย หากขาดจะทำให้เส้นตับผิดปกติรวมถึงไตด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เส้นผมหลุดร่วงง่าย ร่างกายไม่สดชื่น ผิวพรรณหมองคล้ำ


    ที่มา...www.taiearn.com/products2.html
     
  19. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    <CENTER>กินเจดีหรือกินเนื้อดี

    </CENTER>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=right>
    อิกซิว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เพื่อนชาวจีนโพ้นทะเลคนหนึ่ง ทั้งสามีและภรรยาอยู่อาศัยในอเมริกา ภรรยาเป็นคนกินเจ มีอยู่ครั้งหนึ่ง สามีภรรยาไปร่วมงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ภรรยาของเขาต้องการแต่อาหารผัก และเธอก็นั่งอยู่ข้างๆชาวอเมริกัน ข้างหน้าเธอก็เป็นอาหารจานผัก ชาวอเมริกาจึงถามเธอว่า “มาดามท่านเจใช่ไหม?” เธอก็ตอบว่า “ใช่ค่ะ! แล้วคุณละคะก็ใช่ไหมค่ะ?” คนนั้นพูดว่า “ไม่ใช่ ฉันเป็นพนักงานตรวจเนื้อ” อาหารในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ คนที่ไม่ได้ทานเจสมควรชิมรสชาติดู

    พนักงานตรวจเนื้อสัตว์มีประสบการ์บอกแก่นางว่าในบรรดาอาหารทั้งหลาย ที่เป็นอันตรายที่สุดไม่มีอะไรเกินเนื้อสัตว์คนกินเนื้อสามารถเป็นเหตุให้เกิดโรคไขข้อ มะเร็ง และโรคทางเดินอาหารหัวใจ ตับ ไต เป็นต้น การขับถ่ายของร่างกาย สามารถขับถ่ายออกได้ส่วนหนึ่งแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะถูกเนื้อเยื่อดูดซึมไว้ พิษของเนื้อสัตว์ เช่น กรดยูริก เห็นได้ชัด เมื่อสัตว์ถูกฆ่า พิษก็ถูกฝังอยู่กับเนื้อ พอคนกินเนื้อโดยไม่รู้ตัว ก็จะสะสมเอาสารพิษไปไว้ในร่างกาย เช่น กรดยูริก พอนานๆไป กรดยูริกตกผลึกตำเข้าที่ไหน ที่นั่นก็เจ็บก็จะคลายเป็นโรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น

    ในนิตยสารเล่มหนึ่ง นักชีววิทยาผู้หนึ่งพูดว่า “สัตว์กับคนเหมือน เมื่อเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว จะหลั่งสารพิษชนิดหนึ่ง” เพราะฉะนั้น ขณะที่สัตว์ถูกเขาฆ่า ความหวาดกลัวถึงระดับสูงสุด สารพิษจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น สารพิษจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เดิมทีสารนี้สามารถขับทิ้งไปได้ แต่พอตายแล้ว มันขับออกไม่ได้กลายเป็นสารพิษตกค้าง พอคนกินเนื้อมันก็กินเอาพิษเข้าไปด้วย เนื้อสัตว์มีส่วนที่เน่าเสียจะมีแบคทีเรีย ถ้าจำนวนน้อยน้ำหนักกรัมหนึ่งก็มีเป็นแสนตัว มากก็เป็นล้านๆ การย่างหรือต้มธรรมดา ไม่อาจฆ่าแบคทีเรียเหล่านี้ได้หมด นอกจากนี้เนื้อสัตว์ยังมีพวกพาราไซด์ คือหนอนที่มาอาศัยอยู่ ก็พลอยถูกคนกินเข้าไปด้วย

    นายแพทย์พารเร็ทท์(Parretle) ก็เขียนไว้ในบทความว่า “ทำไมฉันจึงไม่รับประทานเนื้อสัตว์” นอกจากนี้สัตว์เองก็มีโรคต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะหน้านี้ผู้เลี้ยงยังไม่คำนึงถึงคุณภาพเนื้อ แต่คำนึงถึงประมาณน้ำหนักกัน ซึ่งเป็นสภาพให้มีผลผลิตทวีขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งก็เป็นธรรมดา

    เห็นการวิเคราะห์ข้างต้นแล้ว กินเจดีหรือกินเนื้อดีค่ะ? เชื่อว่าพวกเราสามารถเข้าใจได้ ก็ไม่มีอะไรจะกล่าวอีก ขอให้ความหวังนี้ให้กับผู้ร่วมกินเจร่วมกันแข็งขันเถอะ!

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="76%" border=0><TBODY><TR><TD>พร่ำพูดพันคำก็เหมือนกัน</TD><TD>ศรัทธาจริงไม่ต้องพึงหนังสือ</TD></TR><TR><TD>ภักดีมั่นคงยอมมีที่ทาง </TD><TD>ให้ท่านไม่พลาดพยุงผู้น้อย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ต้องเป็นมังสวิรัติ

    พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีเมตตา รักษาศีล
    และศีลข้อแรกก็คือ ไม่ฆ่าสัตว์ แต่มีชาวพุทธกี่คนที่ฟัง และปฏิบัติตาม
    บางคนบอกว่า การทานเนื้อสัตว์ ไม่เหมือนกับ การฆ่าเนื้อสัตว์
    ถ้าพุทธศาสนิกชนทุกคนไม่ทานเนื้อสัตว์ แล้วจะมีใครฆ่าสัตว์มาขายให้เรา
    ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย
    ฉะนั้น การทานเนื้อสัตว์ ก็คือการฆ่าสัตว์ทางอ้อม
    ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ชาวพุทธจะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
    โดยมิได้เป็นพุทธศาสนิกชนแค่เพียงชื่อ หรือลมปาก
    ในยุคศิวิไลซ์เช่นปัจจุบัน มีพืชผักนานาชนิดให้เลือกมากมาย
    การละเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ง่ายมาก แค่แทนที่เนื้อสัตว์ ด้วยเต้าหู้
    ก็มีโปรตีนเหมือนกัน แถมยังช่วยชีวิตสัตว์โลกได้นับไม่ถ้วน
    แต่ละวัน สัตว์โลกต้องตายอย่างโหดร้ายทารุณ
    เพียงเพราะความอยากในรสปากของเรา
    ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง
    ที่จะรักษาศีลของเราให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะศีลข้อแรก
    ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่แท้จริง ต้องไม่ทานเนื้อสัตว์


    ลังกาวตารสูตร
    แปลโดย "พุทธทาสภิกขุ"
    พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ให้ทานเนื้อสัตว์
    ลองอ่านดู

    จาก
    http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001363.htm
    ---------------------------------------------------------

    โอ, มหาบัณฑิต! ในวัฏสงสาร อันไม่มีใครทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพได้พากันท่องเที่ยวไป ในการว่ายเวียนในการเกิดอีกตายอีก, ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียว ที่ในบางสมัย ไม่เคยเป็น แม่ พ่อ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง หรือเครือญาติอย่างอื่นๆ แก่กัน สัตว์ตัวเดียวกัน ย่อมถือปฏิสนธิในภพต่างๆ เป็นกวาง หรือสัตว์สองเท้าสัตว์สี่เท้าอื่นๆ เป็นนก ฯลฯ ซึ่งยังนับได้ว่าเป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแห่งพระพุทธศาสนา จะทำลงไปได้อย่างไรหนอ, จะเป็นผู้สำเร็จแล้วหรือยังเป็นสาวกธรรมดาอยู่ก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมด, เป็นภราดรของตน, แล้วจะเชือดเถือเนื้อหนังของมันอีกหรือ?

    โอ, มหาบัณฑิต! ในโลกนี้มีคนเป็นอันมาก ซึ่งกล่าวคำเท็จเทียมต่อพระพุทธดำรัสฯ ให้ผิดไปจากความจริง เขากล่าวกันว่า บรรดาผู้ซึ่งคัดค้านอาหารอันสมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์แห่งสมัยเพรงกาล ย่อมกินอาหารเหมือนนักกินเนื้อ ย่อมเที่ยวใส่ความทุกข์เจ็บปวดให้แก่สัตว์น้อยๆ ที่มีชีวิตอยู่ในอากาศ บนบก และในน้ำ เที่ยวรบกวนรังควานมัน ทั้งที่นี่และที่นั่นอยู่เสมอ สมณภาพของเขาถูกทำลายเสียย่อยยับแล้ว พรหมณ์ภาพของเขาถูกทำให้เศร้าหมองเสียแล้ว เขามิได้ประกอบด้วยศรัทธาและสมาจาร คนชนิดนี้แหละ ที่กล่าวคำเท็จเทียมมากมายหลายชนิด แด่พระพุทธวจนะ
    โอ, มหาบัณฑิต! เรากำลังประกาศว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นการกินเนื้อบุตรของตนเองอยู่ดั่งนี้ แล้วจะกล่าวไปอย่างไรได้ ที่เราจะบัญญัติให้สาวกของเรากินเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของจัดไว้ต้อนรับของพวกคนใจอำมหิต เป็นของถูกห้ามโดยท่านสัตบุรุษทั่วไป เต็มไปด้วยมลทิน ปราศจากคุณธรรมใดๆ ไม่เหมาะที่จะบริโภคสำหรับผู้บริสุทธิ์ และเป็นของควรห้ามเด็ดขาด โดยประการทั้งปวง

    ในอนาคตกาล ในหมู่สงฆ์ของเราจะเกิดมีคนบางคน ซึ่งกำลังสมาทานข้อปฏิบัติแห่งบรรพชิต และกำลังปฏิญาณตนเป็นศากยบุตร กำลังครองผ้ากาสาวพัสตร์สีแดงหม่น จะเป็นผู้มัวเมาและประกอบตนคลุกเคล้าอยู่ในความเพลิดเพลิน เขาจะมีจิตที่เต็มไปด้วย ความปรารถนาลามก บัญญัติข้อปฏิบัติที่ผิดแบบแผนขึ้นใหม่ เขาเหล่านั้น เป็นผู้อยากเสพเพราะติดรส และจะเรียบเรียงพระคัมภีร์ให้มีข้อความเท็จ อันจะเป็นเครื่องยืนยัน และโต้แย้งอย่างพอเพียง สำหรับการกินเนื้อสัตว์กัน เขาจะบัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ เขาจะกล่าวข้อความที่ส่งเสริมการกินเนื้อสัตว์ เขาจะกล่าวว่าเรา ตถาคตได้บัญญัติไว้ในเรื่องนี้ เช่นนี้ และว่าเราตถาคตนับมันเข้าไว้ ในสิ่งทั้งหลายที่ควรกิน และว่าพระภควันต์ก็ได้ทรงเสวยเนื้อสัตว์โดยพระองค์เอง
    แต่ โอ, มหาบัณฑิต! เรามิได้เคยบัญญัติเนื้อสัตว์ไว้ในสูตรใดๆ หรือกล่าวว่ามันเป็นของควรกิน หรือนับมันเข้าในประเภทของดีที่ควรกิน
    เราบัญญัติห้ามเนื้อสัตว์ไว้ในข้อความ แห่งคัมภีร์เหล่านี้ คือ ๑. หัสติกักสยะ ๒. มหาเมฆะ ๓. นิรวาณางคลี มาลิกา และ ๔. ลังกาวตารสูตร (๑๖)
    ดั่งนั้น เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของดูน่ากลัวแก่สรรพสัตว์ และเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติเพื่อวิมุติ จึงเป็นของไม่ควรกิน นี่คือธงชัยแห่งอารยชน (๒๔)


    ลังกาวตารสูตร
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



    ลังกาวตารสูตร เป็นคัมภีร์หลัก (Text) ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นคัมภีร์หนึ่งในเก้าคัมภีร์ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญ ที่เรียกว่าสูตร สูตรหนึ่งนั้นมิใช่สั้นๆ เช่นที่เราเข้าใจกัน แต่เป็นหนังสือเล่มขนาดใหญ่ หรือคัมภีร์หนึ่งนั่นเอง ลังกาวตารสูตรพิมพ์ขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต เมื่อ ค.ศ. 1922 โดยท่าน Bunyin Nangio, M.A (oxon), D Litt Kyoto สูตรนี้แปลเป็นภาษาจีนครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 443 โดยท่านคุณภัทรแห่งอินเดีย, เป็นครั้งที่สองเมื่อ ค.ศ. 513 โดยท่านโพธรุจิ แห่งอินเดีย และครั้งที่สามเมื่อ ค.ศ. 700 โดยท่านศึกษานันทะ แห่งอินเดียเหมือนกัน เป็นสูตรว่าด้วยศีลธรรมล้วน

    ภาคที่แปดแห่งลังกาวตารสูตรนี้ กล่าวถึงเรื่องการกินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะ เรียกว่า ภาคมางสภักษนปริวรรต จากข้อความในภาคนี้ ย่อมเป็นการพิสูจน์ไว้อย่างเต็มที่ ว่าสาวกในพระพุทธศาสนานิกายนี้จะเป็นบรรพชิต หรือฆราวาสก็ตาม จะไม่รับประทานเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งเลย ต่อไปนี้เป็นข้อความบางตอน ซึ่งตัดตอนมาจากข้อความในภาคนั้น โดยเห็นว่าพวกเราแม้เป็นฝ่ายเถรวาท (หินยาน) ก็ควรได้อ่านฟังกันไว้บ้างเป็นการประกอบการศึกษาเรื่องนี้ ด้วยใจอันเป็นอิสระ

    ข้อความในพระสูตรนั้น มีดั่งนี้

    "พระตถาคตเจ้าผู้ทรงอรหันต์ ได้ตรัสรู้อย่างถูกถ้วนแล้ว, และได้ตรัสความเป็นกุศลหรืออกุศลแห่งการบริโภคเนื้อสัตว์แก่เรา, เพื่อว่าเราและสาวกอื่นๆ ในพระพุทธศาสนา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จะได้ประกาศสัจธรรมอันนี้ แก่เขาเหล่าโน้นผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการทำลายความอยากในเนื้อสัตว์ของเขานั้นๆ เสีย"

    "พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า : โอ, มหาบัณฑิต ! ด้วยน้ำหนักแห่งเหตุผลอันมากมายเหลือจะประมวล บ่งแสดงว่าเนื้อทุกชนิดเป็นสิ่งที่ควรปฏิเสธโดยสาวกแห่งพระพุทธศาสนา ผู้มีใจเปี่ยมอยู่ด้วยความกรุณา สำหรับเขาเหล่านั้น เราจักกล่าวแต่โดยย่อๆ

    โอ, มหาบัณฑิต ! ในวัฏฏสงสารอันไม่มีใครทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพได้พากันท่องเที่ยวไปในการว่ายเวียนในการเกิดอีกตายอีก ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียว ที่ในบางสมัย ไม่เคยเป็น แม่ พ่อ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง หรือเครือญาติอย่างอื่นๆ แก่กัน สัตว์ตัวเดียวกัน ย่อมถือปฏิสนธิในภพต่างๆ เป็นกวาง หรือสัตว์สี่เท้าอื่นๆ เป็นนก ฯลฯ ซึ่งยังนับได้ว่าเป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแห่งพระพุทธศาสนา จะทำลงไปได้อย่างไรหนอ, จะเป็นผู้สำเร็จแล้ว หรือยังเป็นสาวกธรรมดาก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมด เป็นภราดรของตน, แล้วจะเชือดเถือเนื้อของมัน ?

    โอ, บัณฑิต ! เนื้อสุนัข เนื้อลา อูฐ ม้า โค และเนื้อมนุษย์เหล่านี้เป็นเนื้อที่ประชาชนไม่รับประทาน. แม้กระนั้นเนื้อของสัตว์เหล่านี้ถูกนำมาปลอมขายในนามของเนื้อแกะ ภายในเมืองเพราะเห็นแก่เงิน เพราะเหตุนี้ เนื้อสัตว์จึงเป็นสิ่งไม่ควรกินโดยสาวกแห่งพระพุทธศาสนา

    โอ, บัณฑิต ! เพราะว่าเนื้อย่อมเกิดมาจากเลือดและน้ำอสุจิ, เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งไม่ควรบริโภค สำหรับสาวกแห่งพระพุทธศาสนา ผู้ประสงค์ต่อความสะอาดบริสุทธิ์

    และเพราะมันเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น ในระหว่างกันและกัน โอ, บัณฑิต ! เพราะฉะนั้น เนื้อนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภคโดยบรรพชิตแห่งพระพุทธศาสนา ผู้ประสงค์มิตรภาพในเพื่อนสัตว์ด้วยกัน ทุกถ้วนหน้า ตัวอย่างอันประจักษ์ เช่น เมื่อได้เห็นนายพรานป่า ชาวประมง หรือนักกินเนื้ออื่นๆ เดินมาแม้ในระยะอันไกล สัตว์ทั้งหลายก็สะดุ้งกลัวเสียแล้ว บางครั้งหรือบางชนิดขาดใจตายเพราะความกลัว เนื่องจากมันรู้ดีว่าเขาจะฆ่ามัน ทำนองเดียวกัน สัตว์ตัวน้อยๆ อื่นๆ ในท้องฟ้า บนบก หรือในน้ำก็ตาม เมื่อได้เห็นนักกินเนื้อแต่ที่ไกลหรือได้กลิ่นด้วยจมูกอันไวของมัน ก็จะพากันวิ่งหนีไปไกล พร้อมกับความรู้สึกอยู่ในใจว่า เขาเหล่านั้นเป็นผีอสุรกายผู้ล้างผลาญ, นั่นเพราะความกลัวต่อความตายของมัน

    เนื้อเป็นสิ่งที่ควรกินสำหรับผู้ใจดำอำมหิต, เป็นสิ่งที่มีกลิ่นน่ารังเกียจ, เป็นต้นเหตุของความเสื่อมเสีย, และเป็นสิ่งที่จะถูกห้ามกันโดยท่านสัตบุรุษ, โอ, บัณฑิต ! เนื้อนี้เป็นของไม่ควรบริโภคโดยพุทธสาวก โอ, บัณฑิต ! สัตบุรุษย่อมบริโภคเฉพาะแต่อาหารที่สมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์, ไม่ยอมบริโภคเนื้อและเลือด เพราะฉะนั้นควรที่สาวกแห่งพระพุทธศาสนา จะต้องไม่บริโภคเนื้อสัตว์เลย

    พระพุทธเจ้าผู้ซึ่งเยือกเย็นไปด้วยพระกรุณา มีพระทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นที่พึ่ง ที่ป้องกันแก่ดวงใจของปวงสัตว์ และมีพระสัมปชัญญะสมบูรณ์พอ ที่จะไม่ปล่อยให้เป็นโอกาสสำหรับความเสื่อมเสียระบาดขึ้นได้เลยนั้น ย่อมจะทรงบัญญัติเนื้อสัตว์ว่าเป็นสิ่งไม่ควรบริโภค

    โอ, บัณฑิต ! ในโลกนี้มีคนเป็นอันมาก ซึ่งกล่าวคำเท็จเทียมต่อพระพุทธดำรัส ให้ผิดไปจากความจริง เขากล่าวกันว่า บรรดาผู้ซึ่งคัดค้านอาหาร อันสมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์แห่งสมัยเพรงกาลย่อมกินอาหารเหมือนนักกินเนื้อ ย่อมเที่ยวใส่ความทุกข์เจ็บปวดให้แก่สัตว์น้อยๆ ที่มีชีวิตอยู่ในอากาศ บนบกและในน้ำ, เที่ยวรบกวนรังควานมัน ทั้งที่นี่และที่นั่นอยู่เสมอ สมณภาพของเขาถูกทำลายเสียย่อยยับแล้ว, พราหมณภาพของเขาถูกทำให้เศร้าหมองเสียแล้ว, เขามิได้ประกอบด้วยศรัทธาและสมาจาร คนชนิดนี้แหละที่กล่าวคำเท็จเทียมมากมายหลายชนิดแด่พระพุทธวจนะ

    โอ, บัณฑิต ! มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ ไม่น่าบริโภคอยู่ในเนื้อสัตว์ เช่นเดียวกับกลิ่นแห่งศพ แม้เหตุผลเพียงเท่านี้ เนื้อก็เป็นของไม่ควรบริโภคสำหรับพุทธศาสนิกชนอยู่แล้ว ถ้าหากว่าศพถูกเผา และเนื้อสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ถูกเผา มันก็จะมีกลิ่นอันน่ารังเกียจไม่แตกต่างอะไรกันเลย, ดังนั้นบรรพชิตในพระพุทธศาสนาผู้หวังความบริสุทธิ์ จะไม่บริโภคเนื้อใดๆ เลย

    เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเกียจกันแล้ว สำหรับท่านผู้บริสุทธิ์และสาวกของท่าน ในกรณีที่จะพยายามเพื่อโมกษะและความตรัสรู้, เพราะฉะนั้นสาวกผู้ดำเนินตามทางอันสูงยิ่ง ทั้งครอบครัวลูกหญิงชาย ย่อมรู้อย่างเต็มใจว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเกียจกันในทุกๆ กรณีที่พยามเพื่อสมาธิ โอ, บัณฑิต ! เพราะฉะนั้นเนื้อทุกๆ ชนิดเป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภคสำหรับพุทธศาสนิกซึ่งเป็นผู้ปรารถนาจะมีสาธุคุณในทางจิต ทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น

    นักกินเนื้อ ย่อมเป็นเหยื่อแห่งโรคหลายชนิด เช่น โรคไส้เดือน โรคพยาธิ โรคเรื้อน โรคเจ็บในท้อง ฯลฯ โอ, บัณฑิต ! เรากำลังประกาศว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นการกินเนื้อบุตรของตนเองอยู่ดังนี้, อย่างไรได้ ที่เราจะบัญญัติให้สาวกของเรา กินเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของจัดไว้ต้อนรับของพวกคนใจอำมหิต, เป็นของถูกห้ามโดยท่านสัตบุรุษทั่วไป, เต็มไปด้วยมลทิน, ปราศจากคุณใดๆ ไม่เหมาะที่จะบริโภคสำหรับผู้บริสุทธิ์, และเป็นของควรห้ามเด็ดขาด โดยประการทั้งปวง

    โอ, บัณฑิต ! เราได้บัญญัติไว้แล้ว, สำหรับอาหารอันสมควรซึ่งได้กำหนดนิยมกันมาแล้วโดยบรรดาท่านผู้บริสุทธิ์แห่งสมัยเพรงกาล, ได้แก่อาหารที่ปรุงขึ้น จากข้าว ลูกเดือย ข้าวสาลีสารแห่งหญ้ามุญชะ อูรทะ และมสุร ฯลฯ นมส้ม น้ำนม นมน้ำตาลสด กุท (?) น้ำตาล และน้ำตาลกรวด ฯลฯ

    โอ, บัณฑิต ! ในกาลก่อน มีพระราชาครองราชสมบัติอย่างผาสุกพระองค์หนึ่ง นามว่า ราชาสิงหะ เสาทโส ต่อมาได้กลายเป็นผู้ละโมบอย่างแรงในการบริโภคเนื้อ ในที่สุดถึงกับใช้เนื้อคนเป็นอาหาร เนื่องจากความอยากได้เป็นไปแก่กล้าหนักเข้า เพราะเหตุนั้น พระองค์ถูกถอดจากความเป็นพระราชา โดยพระสหายเสนาบดี และประยูรญาติของพระองค์เองและคนอื่นๆ ต่อจากนั้นต้องสละราชสมบัติถูกเนรเทศออกไปจากแว่นแคว้นของพระองค์โดยประชาชน ต้องรับทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวง เนื่องจากเนื้อสัตว์เป็นต้นเหตุ

    โอ, บัณฑิต ! ก็ในปัจจุบันชาตินี้เอง เขาเหล่านั้นซึ่งเคยชินเกินไปในการกินเนื้อสัตว์ ในมาตรฐานที่เมื่อความอยากเป็นไปรุนแรงเข้า ก็กินเนื้อคนได้ (ในยามขาดแคลน) ย่อมเป็นผู้ละโมบในการกินและเป็นเหมือนปีศาจร้าย ครั้นถึงอนาคตชาติหน้า เพราะอำนาจจิตฝังแน่นในการอยากกินเนื้อ เขาย่อมตกไปสู่กำเนิดแห่งสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร เช่น สิงโต เสือ สุนัขป่า สุนัขไน แมว สุนัขจิ้งจอก นกเค้า และ ฯลฯ

    โอ, บัณฑิต ! มิใช่เพราะเนื้อจะเป็นของต้องกินหรือการฆ่าเป็นของต้องทำก็หามิได้ ในกรณีนั้นๆ ส่วนมากทั้งหมดเป็นเพราะการเห็นแก่เงิน, จึงสัตว์ที่มีชีวิตแม้จะเชื่องและปราศจากอันตรายแต่อย่างใด ก็ได้ถูกฆ่า การฆ่าเพราะเหตุอื่นนั้น มีน้อยที่สุด มันเป็นการทรมานใจเขามาก ในเมื่อใจเต็มไปด้วยความอยากกินเนื้ออย่างแรงกล้า คนก็กินเนื้อคนได้ อยู่เสมอจะต้องกล่าวทำไมกะเนื้อสัตว์ เนื้อนก ฯลฯ ส่วนมากที่สุดเนื่องจากความโง่เง่าเข้าใจผิด มนุษย์จึงได้รับความกระวนกระวายใจ โดยความอยากในเนื้อสัตว์ คนฆ่านก ฆ่าแกะ และปลา โดยใช้ข่ายหรือเครื่องกล การฆ่ามันเหล่านั้นซึ่งเป็นสัตว์ หาอันตรายมิได้นั่นก็เพื่อได้เงิน

    โอ, บัณฑิต ! ในกรณีแห่งอาหารที่เราได้บัญญัติแก่สาวกนั้น มิใช่เป็นเนื้อสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งเลย ซึ่งเป็นของควรกิน, สัตว์ซึ่งเป็นของไม่ควรกิน ไม่เป็นเหตุควรถูกกิน ไม่ใช่สิ่งที่ควรสมมติว่าควรกิน ในอนาคตกาล ในหมู่สงฆ์ของเราจะเกิดมีคนบางคนซึ่งกำลังสมาทานข้อปฏิบัติแห่งบรรพชิต และกำลังปฏิญาณตนเป็นสากยบุตติย์ กำลังครองผ้ากาสาวพัสตร์สีแดงหม่น จะเป็นผู้มัวเมาและประกอบตนคลุกเคล้า อยู่ในความเพลิดเพลิน เขาจะมีจิตที่เต็มไปด้วยความปรารถนาลามกบัญญัติข้อปฏิบัติที่ผิดแผนขึ้นใหม่ เขาเหล่านั้น เป็นผู้อยากเพราะติดรสและจะเรียบเรียงพระคัมภีร์ให้มีข้อความเท็จ อันจะเป็นเครื่องยืนยันและโต้แย้งอย่างพอเพียง สำหรับการกินเนื้อสัตว์กัน เขาจะบัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ เขาจะกล่าวข้อความที่ส่งเสริมการกินเนื้อสัตว์ เขาจะกล่าวว่าเราตถาคตได้บัญญัติไว้ในเรื่องนี้ เช่นนี้ และว่าเราตถาคตนับมันเข้าไว้ในสิ่งทั้งหลายที่ควรกิน, และว่าพระภควันต์ก็ได้ทรงเสวยเนื้อโดยพระองค์เอง แต่โอ, บัณฑิต ! เรามิได้เคยบัญญัติเนื้อไว้ในสูตรใดๆ หรือกล่าวว่ามันเป็นของควรกิน หรือนับมันเข้าในประเภทของดีที่ควรกิน

    โอ, บัณฑิต ! อริยสาวกทั้งหลาย ไม่บริโภคแม้แต่สิ่งที่คนธรรมดาชอบกินนิยมกันว่าดี, เขาเหล่านั้นจะมาบริโภคเนื้อและเลือดซึ่งเป็นของควรปฏิเสธได้อย่างไรเล่า ? เหล่าสาวกของเราตถาคต เป็นผู้เดินตามแนวแห่งสัจธรรม คนผู้มีปัญญาเครื่องคิดค้นของตนเอง และบรรดาพุทธศาสนิกทั้งหลายอื่น (แห่งพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ) ก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเหล่านั้นมิใช่ผู้กินเนื้อสัตว์ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในกาลก่อนๆ ก็เป็นดังนั้น,...พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย มีสัจธรรมเป็นพระกายของพระองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ด้วยสัจธรรม, ไม่ทรงดำรงกายด้วยเนื้อสัตว์ ท่านเหล่านั้นไม่เคยเสวยเนื้อสัตว์อย่างใดๆ เลย พระองค์ทรงเพิกถอนความอยากในโลกิยวัตถุได้ทั้งหมดแล้ว ท่านเหล่านั้นปราศจากมลจิตอันเป็นมูลแห่งความทุกข์ ท่านเต็มเปี่ยมด้วยปรีชาญาณอันไม่ขัดข้อง ในอันจะหยั่งทราบสิ่งซึ่งเป็นกุศลและอกุศล ทรงทราบสิ่งทั้งปวง, เห็นแจ้งสิ่งทั้งปวง พระองค์ทรงมองไปที่สรรพสัตว์ คล้ายกับที่บุตรของพระองค์เอง, ทรงประกอบด้วยมหากรุณาคุณ, โดยทำนองเดียวกันนี้ เราตถาคตเห็นสรรพสัตว์เช่นเดียวกับบุตรของเราเอง เราจะบัญญัติให้สาวกของเรา บริโภคเนื้อลูกของเราได้อย่างไรเล่า ? และเราเองก็จะบริโภคมันได้อย่างไรเล่า ? มันไม่มีข้อควรสงสัยเลยในเรื่องว่า เราได้บัญญัติให้สาวกบริโภคหรือเราได้บริโภคมันโดยตนเอง หรือไม่

    (ในที่สุด ได้ตรัสคำที่ผูกเข้าเป็นคาถา ซึ่งจะยกมาในที่นี้แต่บางคาถามีใจความว่า :)

    โอ, บัณฑิต ! พระชินวรได้ตรัสไว้แล้วว่า สุรา เนื้อ และหอมกระเทียม เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิก หรือมหาพุทธศาสนิกใดๆ ไม่ควรบริโภค (1)

    บรรพชิตควรเว้นเสมอ จากเนื้อสัตว์ หัวหอมและนานาประเภทแห่งเครื่องดื่มอันมึนเมา, กระเทียม และหัวผักกาด (5)

    เขาผู้ฆ่าสัตว์ชนิดใดๆ ก็ตาม เพื่อเงิน, และเขาผู้ซึ่งจ่ายเงินซื้อเนื้อนั้น, ทั้งสองพวกชื่อว่าเป็นผู้ประกอบอกุศล และจักจมลงในนรก โรรวะและนรก ฯลฯ (9)

    เราบัญญัติห้ามเนื้อสัตว์ไว้ในข้อความแห่งคัมภีร์เหล่านี้คือ 1. หัสติ กักสยะ, 2. มหาเมฆะ, 3. นิรวาณางคุลี มาลิกา, และ 4. ลังกาวตารสูตร (16)

    ฉันเดียวกันกับที่ ความถูกผูกพันเป็นข้าศึกของความหลุดพ้นเป็นอิสรภาพ, เนื้อสัตว์ สุราและ ฯลฯ ก็เป็นข้าศึกของนิรวาณ (คือนิพพาน) ฉะนั้น (20)

    ดั่งนั้น เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของดูน่ากลัวแก่สรรพสัตว์ และเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติเพื่อวิมุติ จึงเป็นของไม่ควรกิน นี่คือธงชัยแห่งอารยชน (24)


    (คัดจาก ชุมนุมข้อคิดอิสระ หน้า 140-152)

    ------------------------------------------------

    ไม่ปล่อยสัตว์ แล้วจะลดภัยพิบัติได้อย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...