การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยศวดี, 27 พฤศจิกายน 2013.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อ้างอิงจากการดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
    preechaniyศิษย์วัดถ้ำเมืองนะ 
    ออฟไลน์
    กระทู้: 84การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
    « เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:57:41 AM »

    เป็นบทความจากเวปวัดถ้ำฯเก่าครับผมเก็บไว้  แล้วจำผู้เขียนไม่ได้ต้องขออนุญาตนำมาให้พี่น้องศิษย์วัดถ้ำฯได้ศึกษากันครับ อนุโมทนากับท่านผู้เขียนด้วยครับ.

    การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ 

    ________________________________________ขอนำเรื่องราวบางอย่างที่ได้เรียนรู้มาจาก หลวงตาม้าสมัยบวชเรียนอยู่กับท่านที่วัดถ้ำเมืองนะ นำมาถ่ายทอดเรียบเรียงเป็นบทความนี้เป็นธรรมทานครับ  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย 

    -----------------------------การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ ร่างกายที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่     ธาตุ 4 ที่รวมตัวกันขึ้นมา ประกอบเป็นสิ่งที่โลกๆเรียกว่า เราแต่แท้จริงแล้วนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีส่วนไหนในร่างกายอันเน่าเหม็นสกปรกนี้     ที่เป็นเราแม้แต่อย่างเดียว ทุกอย่างกำลังแก่ตัวลงตามกาลและเวลาและในไม่ช้า จะสลายตัวคืนสู่ธรรมชาติไปในที่สุดกายทิพย์ คือรูปและนามที่ประกอบขึ้นจากจิตและมีความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะอารมณ์ของจิต กายทิพย์คือกายที่ซ้อนอยู่ในกายเน่าๆกายนี้ กายเน่าๆกายนี้ที่กายทิพย์ซ้อนอยู่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น ทุกวันนี้เราเหมือนตัวทากที่อาศัยอยู่ในเปลือก ซึ่งเปลือกนี้แลที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะดำรงอยู่ในภพมนุษย์ได้ เมื่อเปลือกแตกไปจิต กายทิพย์นี้ก็ไม่อาจทรงอยู่ในภพมนุษย์ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นที่ๆเราเอาร่างกายเนื้อมารับกรรม ใช้กรรม หรือ มาสร้างบุญบารมีมาปฎิบัติ ฯลฯ  
    ต่อไปนี้จะลงลึกในส่วนกายทิพย์ซึ่งเป็นรูปและนามที่ประกอบขึ้นถูกตกแต่งจากอำนาจกรรม (ใครจะใหญ่เกินกรรม) และ สภาวะจิต   ที่ส่งผลต่อกายทิพย์โดยตรงว่าจะมีรูปร่างเช่นไรกำหนดดูกายทิพย์หากกำหนดดู ทำใจให้สบายๆ อธิษฐานขอกำลังหลวงปุ่ ขอดูเพื่อศึกษา แล้วกำหนดไป จับอารมณ์แรก จิตจะเห็นถึงกายทิพย์ที่ซ้อนอยู่ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องเกร็งวางใจสบายๆทรงอารมณ์กระแสหลวงปู่ที่ไหลผ่านเข้าสู่จิตเราให้มีกำลังแล้วน้อมไปอารมณ์คล้ายการนึกแล้วเห็นแต่ไม่ใช่อุปาทาน ขอแค่ใจสบายและอาราธนากำลังหลวงปุ่ มาก่อนกำหนดทุกครั้ง แล้วไม่ต้องลังเลไม่ต้องสงสัย ให้มีความกล้า นึกกำหนดไป
    หลวงตาเมตตาสอนว่าอุปาทานต่างๆ หลวงปู่ท่านคุมปิดให้หมด เราไม่ต้องกังวล นิมิตที่เห็นนั้นจริงทุกประการ ซึ่งหลักการนี้ยังใช้กับการกำหนดดูภพภูมิด้วย
    และที่สำคัญที่สุดและเป็นพื้นฐานหัวใจที่สำคัญที่สุดของวิชาเปิดโลกทั้งหมด คือ พรหมวิหาร ซึ่งหลักการง่ายๆ ไม่มีอะไรมากเลยหลวงตาสอนว่า
    " รักทุกคน ไม่เกลียดใคร ไว้ใจบางคน"
    ซึ่งแปลถึงว่าเราไม่มีอคติใดกับใครๆ รักทุกคนโดยไม่มีสิ่งใดแฝง แต่ในทางเดียวกันก็เป็นการมีเมตตาอย่างมีปัญญาทั้งนี้ในการทรงอารมณ์หลวงปู่ในการน้อมไปดูนั้น
    การกำพระผงจักรพรรดิ  จะช่วยได้มากสำหรับคนที่ฝึกใหม่ๆ ที่อำนาจจิตยังทรงกำลังหลวงปู่ได้ไม่นิ่งพอหลวงปู่ดู่ เป็นพระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้าบารมีรวมทั้งก่อนและหลังรับพยากรณ์ถึง 80 อสงไขย กับเศษแสนมหากัป  และ สร้างบารมีพิเศษด้านกำลังจักรพรรดิ และเป็นผู้ที่จักมาตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยในอนาคตกาลอีกประมาณล้านปีมนุษย์ ขอจงมั่นใจในกำลังและเมตตาท่านเถิด 
    คำแนะนำ - อย่าทิ้งการปฎิบัติภาวนา ตลอดชีวิต   จนกว่าลมหายใจจะหมดไป

    ประเภทของกายทิพย์

    1. กายสัตว์นรก        - เป็นกายทิพย์ที่จะปรากฎกับผู้ที่อำนาจจิตใจอยู่ในกิเลศอย่างเข้มข้น มีจิตใจที่เร่าร้อน ไม่สงบ วุ่นวายมีความคิดที่น้อมไปสู่อกุศล กายสัตว์นรกยังจำแนกออกไป ตาม อบาย ขั้นต่างๆ เช่นเปรต หรือนรกชั้นต่างๆซึ่งความน่าเกลียดน่ากลัวของกายทิพย์เหล่านี้ก็แตกต่างกันออกไปตามชั้นของสถาวะจิตที่อยู่ในอารมณ์แห่งบาปเพียงใดเมื่อเราสามารถที่จะกำหนดดูกายทิพย์เหล่านี้ได้ เมื่อเราเห็นกายสัตว์นรกเราก็สามารถน้อมกระแสดูต่อได้ว่า เมื่อเขาตายไป จะไปตกนรก ชั้นใดแต่ในทางกลับกัน แทนที่จะปล่อยให้เขาตกนรก เราก็สัพเพครอบวิมานให้เขาเพื่อปรับพื้นฐานจิตใจเขาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครอบวิมานกำลังบารมีบุญตัวนี้จักไหลเข้าสู่กายทิพย์เขาทำให้เขาจะมีโอกาสที่จะดีขึ้นเรื่อยๆได้หากไม่พ้นวิสัยของกรรมก็อาจรอดนรกได้ในที่สุด

    2.กายในของสัตว์             - เมื่อพูดถึงกายในของสัตว์คนส่วนใหญ่คงนึกกันว่าจะมีลักษณะเหมือนสัตว์ชนิดนั้นๆ เช่นเมื่อสุนัขตายไป ก็ จะมีวิญญานในรูปร่างลักษณะ ของสุนัข แต่แท้จริงแล้วหาใช่เป็นยังงั้นเลย สุนัขที่เราเห็นนั้น แท้จริงกายในก็มีลักษณะคล้ายกับรูปร่างมนุษย์ที่ขดตัวลงไปคลาน 4 ขาในร่างของสุนัข และนับว่าเป็นความทรมานอย่างยิ่ง ภูมิของสัตว์พระพุทธเจ้าจึงจัดเป็นอบายภูมิชนิดหนึง แต่ทั้งนี้กายทิพย์ที่อยู่ในร่างของสัตว์ก็ยังมีลักษณะความหยาบละเอียดแตกต่างกันไป เช่นหากเห็นสุนัขเรื้อนตามวัดวา พวกนี้ส่วนใหญ่คือสัตว์นรกที่ขึ้นมาชดใช้กรรมต่อในภูมิของสัตว์ ส่วนสุนัขที่เราเห็นอยู่ดีกินดี ก็ จะมีกายทิพย์ที่ยังเป็นกลางๆอยู่ ส่วนหากเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญญาบารมีหรือผู้มีธรรม โดนกรรมวิสัย ทำให้ต้องเกิดเป็นสัตว์ เช่นเกิดเป็นช้าง นก ฯลฯ จะมีความบริสุทธิ์ของกายทิพย์ที่มากกว่าสัตว์ทั่วไป แต่ทั้งนี้สำหรับโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้วจะไม่มีการไปเกิดเป็นสัตว์ หรืออบายภูมิใดๆ อีกเลย จักขึ้นลงเพียง ภูมิมนุษย์ กับภูมิ เทวดา พรหม

    3. กายมนุษย์            - มีความคล้ายคลึงกับร่างกายที่เราครองอยู่ในชาติปัจจุบันมากที่สุด เพราะกรรมตกแต่ง กายทิพย์มนุษย์ คือกายที่อยู่ตรงกลางของประเภทกายทิพย์ทั้งหมด โดยกายทิพย์มนุษย์โดยทั่วไปสภาวะ อารมณ์จะอยู่กลางๆ คาบเกี่ยวระหว่างบาปและบุญ ขึ้นๆลงๆ ไม่คานกันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็ยังแตกต่างกันอยู่ในเรื่อง ความหมองคล้ำ หรือความใสของกายทิพย์ สำหรับกายทิพย์มนุษย์ที่หมองคล้ำนั้น เหตุเกิดจาก ศีล 5 ไม่ครบ ยิ่ง มากข้อก็ยิ่งหมองและสุดท้ายนำพาไปสู่การเป็นกายทิพย์สัตว์นรกในที่สุดส่วนสำหรับมนุษย์ที่มีศีล 5 เป็นพื้นฐาน กายทิพย์จะมีความละเอียดมากกว่ายิ่งสถาวะอารมณ์ดีด้วย ก็ยิ่งมาก และเข้าใกล้สู่การเป็นกายทิพย์เทวดาต่อไป

    4.กายเทวดา             - คือผู้ที่สามารถทำสภาวะจิตจนตั้งมั่นอยู่ในบุญตลอดเวลา เป็นปกติ มีหิริโอตะปะ ความละอายในบาป เป็นปกติมีศีลบริสุทธิ์ และมี อารมณ์เมตตาระดับหนึง แม้จะมีอารมณ์ขุ่นเคืองบ้างในบ้างครั้งแต่ก็เบาบางมาก และหายไปทันทีและจิตก็กลับมาทรงอารมณ์ที่อยู่ในบุญทันที กายทิพย์ตั้งแต่ระดับเทวดาขึ้นไปจะมีเครื่องทรงที่มาจากอำนาจบุญที่เคยกระทำไว้ ไม่ว่าทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาและรวมถึงความเข้มข้นของอารมณ์จิตที่ตั้งมั่นในบุญและความละเอียดของจิต ซึ่งจะส่งผลต่อความะเอียดของกายเทวดาว่าจะสามารถเข้าถึงสวรรค์ชั้นใดได้ จาก 6 ชั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับบุญบารมี ด้วย จึงขึ้นอยู่กับเราที่จะทรงกายเทวดาได้ละเอียดแค่ไหนวิมานของเทวดาเองก็มีความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญของเจ้าของวิมานนั้นๆ

    5.กายพรหม             - มีความคล้ายคลึงกับกายทิพย์เทวดาแต่จะมีความละเอียดกว่ามากเครื่องทรงจะมีความละเอียดกว่ามากและเบาบางลึกซึ้งสุขุม การจะทรงกายทิพย์ของพรหมได้จักต้องมีอารมณ์ตั้งมั่นและสมาธิของจิตที่ดีมาก อารมณ์ใจสบายอย่างที่สุด และ มีพรหมวิหาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาอย่างเข้มข้นครบถ้วน ซึ่งเป็นพรหมวิหารธรรม ความหมายตรงตามชื่ออยู่แล้ว

    6.จิตพรหมลูกฝัก            - ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากเป็นเรื่องของคนที่เล่นณานสมาบัติขั้นสูงๆกัน พบมากในฤาษีและผู้ปฎิบัติบางสายที่เข้าใจผิดขั้นสุดท้ายว่านี้คือนิพพาน สถาวะนี้จิตจะไร้รูปไร้ร่าง ฯลฯ เมื่อตายไปจะไปติดแหง่กอยู่ในอรูปพรหม 4 ไปไหนไม่ได้ นิ่งอยู่อย่างนั้นไปไหนไม่ได้จนกว่าจะหมดกำลัง พอหมด หากมีกรรมบาปที่เคยทำเผลอๆดิ่งลงนรกต่อภูมินี้ให้อธิษฐานไว้เลยว่านับแต่บัดนี้ ตราบเข้านิพพานเราขอ ปิด อรูปพรหม 4 อย่างเด็ดขาด รวมถึงอบายภูมิ 4 แต่อธิษฐานอย่างนี้ ก็ต้องปฎิบัติด้วยต้องทำด้วยไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร

    7.กายทิพย์ของพระอริยะเจ้า             - มีเครื่องทรงที่ใสคล้ายแก้วมีความบริสุทธิและละเอียดสูงส่ง ยิ่งตัดกิเลสมากข้อเท่าใดเข้าใกล้ความเป็นอรหันต์เพียงใดไล่ไปตั้งแต่ พระโสดาบัน พระ สกิทาคามี พระอนาคามีกายทิพย์รวมถึงเครื่องทรงก็ยิ่งใสเป็นแก้วมากขึ้นเท่านั้นส่วนถ้าถึงกายทิพย์พระอรหันต์นั้นกายจะใสบริสุทธิ์หมดจดเป็นแก้วเป็นสภาวะกายทิพย์ที่อยู่เหนืออำนาจของโลกสมมุติใดๆ และเมื่อละสังขารไป ก็จักเข้าสุ่แดนพระนิพพาน วิมานเป็นแก้วกายทิพย์ก็จักเป็นกายทิพย์พระวิสุทธิเทพ รูปลักษณ์กายพระอริยะเจ้านอกจากจะเป็นแบบมีเครื่องทรงโดยส่วนใหญ่ก็พบว่าจะอยู่ในลักษณะพระสงฆ์ได้ด้วย คือกายทิพย์ห่มบวชเป็นพระเลยก็อยู่ที่ความประสงค์ของพระอริยะองค์นั้นๆ แต่ส่วนมากครูบาอาจารย์ที่เป็นพระเวลาท่านไปโปรดใครท่านจะไปในรูปลักษณ์พระเป็นส่วนใหญ่

    8.กายทิพย์พระวิสุทธิเทพที่ประทับที่พระนิพพาน              เครื่องทรงแตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ แต่ความบริสุทธิ์เหมือนกันวิมานที่พระนิพพานก็แตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ สภาวะนิพพานทุกอย่างเป็นแก้ว บริสุทธิ์ลักษะเหมิอนเพชรประกายพรึกเมื่อต้องแสงแดด เป็นแดนทิพย์และสภาวะทิพย์พิเศษที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นไม่ใช่อัตตา และไม่ใช่อนัตตา ไม่ไช่สูญ เป็นวิมุติเหนือโลกเฉพาะผู้เข้าถึงจักเข้าใจถึงอารมณ์นี้อย่างถ่องแท้ปถุชนทั่วไปก็ฟังเอาตามผู้ที่เข้าถึงแล้ว แต่ทั้งนี้พระวิสุทธิเทพหากท่านจะโปรดใครหรือใครกำหนดไปหาท่านท่านก็จะแสดงเป็นรูปลักษณ์พระพุทธเจ้าห่มจีวร(หากเป็นพระวิสุทธิเทพพุทธภูมิ)หรือเป็นรูปลักษณ์พระสงฆ์

    หากเป็นพระวิสุทธิสาวกภูมิ เรื่องวิมานนี้ก็นิยามได้ว่าพลังงานนั้นต้องมีทั้งรูปและนามถึงจะทรงตัวอยู่ได้วิมานแต่ละแบบที่จะรองรับกายทิพย์เรา ณ สวรรค์แต่ละชั้นนั้นก็เป็นเหมือนภาชนะรองสภาวะจิตตามกำลังนั้นๆ เป็นทั้งรูปและนามเกาะกันอยู่

    แต่นั้นยังเป็นแบบสมมุติ วิมานแก้วที่พระนิพพานนั้นก็เป็นเหมือนภาชนะรองรับสภาวะธรรมที่เป็นที่สุดแล้ว มีทั้งรูปและนามประกอบกัน แต่เป็นรูปนาม แบบวิมุติและสุดท้ายจริงๆแล้ว รูปนามแบบวิมุตินี้ก็คือไม่มีอะไร นิพพานคือนิพพาน สภาวะอันปราศจากทุข์ แต่ไม่ใช่สูญ ที่สูญไปคือกิเลศ-----------------------

    --------------------วิธีการทรงกายจักรพรรดิ ก่อนจะเข้าสุ่การทรงกายจักรพรรดิ   ให้ฝึกการบวชจิตให้เป็นปกติการบวชจิต-บวชในหลวงปู่ปรารภว่า...   จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติมีศีล    รักในการปฏิบัติจิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุกๆ คนมีโอกาสที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน  ได้เท่าเทียมกันทุกคนไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะ แต่อย่างใดไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง   ท่านได้แนะเคล็ดในการบวชจิตว่า.....
    " ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น    คำกล่าวว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ      ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัฌาย์ของเรา
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ...    ให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์สังฆัง สรณัง คัจฉามิ...     ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แล้วอย่าสนใจขันธ์ 5 หรือร่างกายเรานี้ ให้สำรวมจิตให้ดี     มีความยินดีในการบวชชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ     หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณีอย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก     จัดเป็นเนกขัมบารมีขั้นอุกฤษฎ์ทีเดียว "กายทิพย์ของเรานั้นหากก่อนภาวนาเราได้ตั้งจิตบวชพระแล้ว     ระหว่างที่ภาวนาอยู่กายทิพย์เราก็เป็นพระมีรัศมีกายทิพย์สว่างมากอย่างนี้จะมีอานิสงส์พลังบุญสูงมาก    ภาวนาได้ง่าย เนื่องจากตั้งจิตไว้ในศีลและฐานะอันสูง   อย่างนี้เรียกว่าบวชจิต ซึ่งการบวชจิตด้วยใจกุศลศรัทธานั้น    มีอานิสงค์ดีกว่าผู้ที่บวชรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไม่บวชจิตเสียอีก     แต่หากบวชได้ทั้งนอกและในอานิสงค์ก็ทวีคูณแต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนนั้นเวลาสวดมนต์หรือภาวนาทำสมาธิ   ตั้งจิตบวชเป็นพระแล้วอานิสงค์มากภาวนาได้ง่าย    หลวงตาท่านสอนไว้ว่าหากเราภาวนาคาถาจักรพรรดิสบายๆ ทรงไว้ ภาวนาบ่อยๆ กายทิพย์จิตจะทรงเครื่องจักรพรรดิ  เพราะว่าเป็นไปตามพลังงานที่เราสวด พอเป็นเช่นนี้แล้วอารมณ์สภาวะทิพย์นั้นจะทรงตัวได้เข้มขึ้นส่งผลดีต่อการปฎิบัติ การทรงกายจักรพรรดิเราสามารถจะทรงกายพระจักรพรรดิได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถปรับสภาวะจิตให้เข้าถึงกายทิพย์ตั้งแต่กายเทวดาขึ้นไป คุณสมบัติพิเศษของกายทิพย์คือเมื่อเราทรงกายเทวดา หรือ พรหม เราก็ทรงเครื่องจักรพรรดิเข้าไปอีกซึ่งจะทำให้มีกำลังบุญมาก เครื่องทรงจักรพรรดินี้ก็จะทรงที่กายทิพย์ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไปตราบใดที่อารมณ์จิตยังไม่ตก สำหรับผู้ที่ฝึกบ่อยๆเข้าจนชำนาญแล้ว ก็จะสามารถทรงเครื่องจักรพรรดิเป็นปกติไปเลยเวลาไปที่ไหน เมื่อเราทรงกำลังบุญเปิดโลก รัศมีจะแผ่ในโลกทิพย์กว้างไกล การสัพเพมีกำลังมาก ฯลฯเรียกได้ว่าหากจะชำนาญในวิชาขั้นสูงของวิชาเปิดโลกได้ก็ต้องฝึกทรงเครื่องจักรพรรดิให้ชำนาญ ที่สำคัญอารมณ์ต่างๆ อย่าไปหมายมั่นว่าฉันจะทรง ให้เราทำอารมณ์ใจสบายๆ ก็พอ พยายามทำใจให้ถึงสภาวะของกายทิพย์ที่อธิบายไว้ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไป ทำไปเพื่อความดี เพื่อความระงับกิเลศ เดี๋ยวก็ได้เองถึงเอง 

    การทรง คือการทรงคาถาจักรพรรดินั้นเอง คาถาจักรพรรดิหลวงปู่เข้าถึงได้หลายระดับเมื่อเราเข้าถึงระดับที่ทรงคาถาจักรพรรดิจนเป็นอารมณ์ เราไม่ต้องมานั่งไล่ กายทิพย์ เพราะศีล อารมณ์ สภาวะกำลังบุญ พระไตรรัตน์ อยู่ในคาถาจักรพรรดิ หมดแล้ว ขอเพียงทำใจให้สบาย นึกถึงหลวงปุ่   ขอบารมีท่าน ตั้งท่านเป็นอารมณ์ พระพุทธเจ้าทรงเครื่องจักรพรรดิ   อยู่บนหัว หลวงปู่ทวดอยู่บ่าซ้ายหลวงปุ่ดุ่อยู่บ่าขวา ภาวนา คาถาจักรพรรดิให้ใจสบายๆ อารมณ์สบายๆ คาถาจักรพรรดิเป็นอารมณ์ยิ่งดีเข้าเท่าไร    โดยไม่ต้องสนใจว่าถึงไหนๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆทรงได้เองคาถาจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่  คือ คาถาทรงกายจักรพรรดิ เมื่อภาวนาคาถาจักรพรรดิจนเป็นอารมณ์    ฝึกบ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ให้เป็นปกติ ฝึกให้ชำนาญ ใช้เวลา   มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ความตั้งใจของคุณเอง  

     ข้อคิดที่ฝากไว้คือ อย่าเหลิง ไม่ว่าได้ถึงไหน อย่าหลงตนเอง  ไม่ว่าคนจะสรรเสริญตนเช่นไร ให้มีสติ ตั้งใจภาวนา ไม่ประมาท  ไม่มีใครจะใหญ่เกินกรรมเมื่อทำได้ คุณก็จะได้ พลังเหนือพลัง ที่จะสร้างประโยชน์สืบไป กำลังพระ+จักรพรรดิหลวงตาท่านเองก็ทรงเครื่องจักรพรรดิ  กายในท่านก็บวชพระจึงเป็นกำลังเหนือกำลัง  และที่สำคัญที่สุด อย่าทิ้งหลวงปู่เป็นอันขาด ไม่งั้นทุกอย่างที่กล่าวมา  คุณจะไม่มีกำลังของตนเองที่จะทำได้แม้แต่ข้อเดียว เราปฎิบัติไปโดย  ตั้งให้ท่านคุมเราทุกขณะจิตให้อธิษฐานไว้ยังนี้เลย    วิชาต่างๆที่อธิบายมานี้ให้ไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่มีจริตแบบนี้

      เป็นตัวเลือกหนึ่งในการฝึกปฎิบัติในสายเปิดโลก  ไม่ปฎิบัติแบบนี้ก็ไปต่อถึงจุดหมายได้เหมือนกันบางคนชอบแบบลึกซึ้งบางคนชอบแบบเรียบง่ายก็ว่ากันไปเสมือนว่ามีถนน 10 สาย ที่จุดสุดท้ายถึงที่เดียวกันไม่ว่าปฎิบัติไปแบบไหน

    ขอให้ถูกตามที่หลวงปู่หลวงตาสอนเป็นพอ ถนนแต่ละสายจะแตกต่างกันที่ลีลาการเดินทางและประโยชน์ที่ สร้างทิ้งไว้ระหว่างเดินทาง มากน้อย แตกต่างกันอยู่ที่ตัวเรา

     ใครที่เน้นอยากจะช่วยผู้อื่นให้มากๆ ช่วยสรรพวิญญาณอย่างลึก  ส่วนมากเป็นพุทธภูมิหรือสาวกภูมิพิเศษก็จะเดินอีกสายหนึง  กับท่านที่มุ่งตัดกิเลศเพื่อพระนิพพานซึ่งทุกสายทุกทางย่อมถึง   ที่หมายเดียวกัน บริสุทธิ์เหมือนกัน

    ขอโมทนาจะอ่านไว้เป็นความรู้หรือจะเอาข้อที่ตนสนใจลองปฎิบัติดูก็ได้    ไม่ว่าปฎิบัติเน้นแบบใดจุดสุดท้ายก็เหมือนกัน   ทุกคนมีหลวงปู่ สุดท้ายสำคัญที่สุด  อยู่ที่ความสบายของใจนั้นและธรรมรักษา

    กราบโมทนาสาธุคะ
     
  2. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ได้อ่านพุทธประวัติ ตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ไปแล้ว พระอานนท์ ผู้ใกล้ชิดมากที่สุดและสำคัญมากด้วยยังไม่บรรลุพระอรหันต์ และในการสังคยาพระไตรปิฎก ทุกองค์ต้องเป็นพระอรหันต์ พระอานนท์ยังไม่บรรลุพระอรหันต์เลย จะกดดันเพียงใด อยู่ใกล้ชิดพระศาสดา ฟังคำธรรมจากพระศาสดา จนได้ชื่อว่าพหูสูตร แต่ตนเองยังไม่บรรลุพระอรหันต์ได้ พระอานนท์ได้ใคร่ครวญ ทบทวน เ้ข้าฌาน วนไปวนมา หลายรอบ จนถึงวันสุดท้ายที่ รุ่งเช้าก็จะถึงวันสังคยานาแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่สามารถบรรลุได้ ด้วยความเคร่งเครียด ไม่มีพระศาสดาเป็นผู้ชี้ทาง ความกดดันมากมายมหาศาล ขนาดนี้ ทำให้ท่านรู้สึกเพลีย อ่อนอก อ่อนใจ จึงได้คลายความเพียรเพื่อล้มตัวลงนอน ในขณะที่ท่านได้ละความเพียรจิตของท่านไม่ยึดติดกับอะไรแล้ว ทั้งธรรมะ และกิเลส จิตว่าง สบาย ๆ ไม่ยึดติดกับสิ่งใด จิตไหลเข้าสู่กระแสแห่งพระอรหันต์ และได้บรรลุพระอรหันต์ ณ เวลานั้น อนุโมทนาครับ การวางจากเรื่องราวต่าง ๆ จากความทุกข์จากทุกอย่างได้ เป็นแนวทางพ้นทุกข์ได้อีกทาง
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โมทนาสาธุคะ
    หลายๆอย่าง ควบคุมไม่ได้
    จน นึกถึงเพลงนี้
    ถ้าหากฉัน มีเวทย์มนต์ เป็นแม่มด มีฤทธิ์ เหมือนในนิยาย
    ก็ช่วงนี้ อากาศร้อนระอุ เหมือนโลกหยุดหมุนชั่วคราว ไปแล้ว สำหรับ ประเทศเรา
     
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    ..รับจ้างทรงแน่เลย อิอิ:cool:
     
  5. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตัวเองยังไม่รอดเลยพี่
    ทรงอะไร
    ตอนนี้ เขา ทรงกันเป็นสีสี ไม่เห็นเรอะ
     
  6. sirenia

    sirenia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +192
    ถามเผื่อคนอื่นนะคะ แล้วพวกคนที่ศีลห้าไม่ครบห้าข้อ อย่างนี้ อย่างบางคนทำได้แค่สองข้อ สามข้อ นี้ จะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกไหมคะ หรือเกิดมาแล้วมีอันเป็นไปเร็ว

    ส่วน ดิฉัน ถือศีล หกข้อ และก็ทานมังสาวิรัติ จึงคิดว่าชาติหน้าต้องเป็นมนุษย์อีกแน่นอน
     
  7. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตามความเข้าใจของตัวนะ
    ถามว่าศิลไม่ครบ คนทำเขาย่อมรู้ตัวเขาดีว่า เขาจะเป็นยังใงต่อไปคะ เพรายังใงซะเขา ก็ ออกแบบ รูปแบบกรรมของเขามาเอง
    เพราะสมเด็จองค์ปฐมท่าน บอกว่า อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น จะดี จะชั่ว ก็เรื่องของเขาคะ
    อย่างคุณ ก็รู้ตัวคุณอยู่แล้ว
     
  8. sirenia

    sirenia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +192
    ถามเผื่อ คนรู้จักที่ตายนะคะจะได้พอเดาทิศทางออกว่าเขาไปอยู่ไหน ดิฉันไม่ได้ไปตำหนิกรรมเขาคะ รักเขาจะตาย แค่อยากรู้เฉย รบกวนป้าช่วยตอบด้วย
     
  9. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ส่วนดิฉันไม่แน่ใจคะ ว่าชาติหน้านั้น จะมีแก่ดิฉันหรือเปล่า
    ขอทำชาตินี้ให้ดีที่สุดคะ เท่าที่ผลบุญและกรรมจะตามมาสนองคะ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โฮ้ๆๆๆๆ
    หลานเอ้ย ป้าไม่รับดูจ๊ะ
    เพราะป้ายังไม่เห็นตัวเองเลย ป้าจะเห็นคนอื่นได้อย่างไร
    ป้านำมาเพื่อเป็นตัวเลือกในการปฎิบัติ
    อยากรู้ก็ไปฎิบัติเอา ครูบาร์อาจารย์ รึก็ ยังมีอยู่ ตามลิงค์
    ไปที่วัดถ้ำเมืองนะเลยจ๊ะ
    อยากเห็นก็ปฎิบัติเลยจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2013
  11. twentynine

    twentynine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +992
    ศีล5 เป็นตระข่ายกันอบายภูมิ แต่ถ้าจิตสุดท้ายเศร้าหมอง ก็รอดรูตระข่ายได้น่ะครับ แต่กำลังของศีลห้านี้ไปได้ถึงสวรรค์จะปราถนาแค่มนุษย์ทำไม ขึ้นไปพักก่อนแล้วค่อยลงมาสร้างบารมีต่อก็ได้ เพราะโลกมนุษย์นับจากนี้ไปภัยต่างๆจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าลงมาเจอตอนภัยใหญ่กำลังใจไม่หนักแน่นอาจซวยลงอบายภูมิได้ แต่ที่ดีที่สุดก็ไปนิพพานชาตินี้เลยเถอะครับ หลวงปู่ฤาษีลิงดำท่านสอนว่า การไปนิพพานไม่ใช่ของยาก
     
  12. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    มีเรื่องเล่ากล่าวขาน เป็นตำนาน
    มีผู้บำเพ็ญพรตท่านหนึ่ง การบำเพ็ญของท่านนั่น ทำอะไรได้ดังใจหมาย
    แม้นมีศรีภรรยาที่ต้องใจ ก็ถึงสาม
    แม้นภรรยาหนึ่งนั้นผู้บำเพ็ญก็พร่ำบอก การผิดศิลข้อสาม
    สองและ สามนั้นต่างก็บำเพ็ญมา มีดีต่างกัน
    การได้หนึ่งนั้น ไม่รู้ แต่สองนั้น ไป กด ไป ข่มเขา เขารังเกียจตัวเอง ทุบตีตัวเองเพราะหนีไม่ได้ จนคิดฆ่าตัวตาย แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ทุกข์ตรอมตรมศร้าหมอง จนละเสียซึ้งตนเอง
    ครั้น ธรรมที่ได้ นั้นเปิดมาโอ้ว่า อนิจจา
    สามีที่พัดมา กลายร่างเป็นเป็ดไปในบัลดลทั้งที่เป็นคน เธอนั่งร้องให้เสียใจ พยายามบอก พยามยามสื่อ แต่ เขากลับหาว่าเธอเป็นศัตรู กลั่นแกล้งไปเรื่อยๆ
    แม่น้องยานั่งร้องให้เดียวดาย
     
  13. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    จ่ะเอ๋ ? :D(rose)
     
  14. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    การจะเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหน้าได้ตามคำบรรยายธรรมหลวงปู่ฤาษีลิดำ ท่านกล่าวเอาไว้ว่า นอกจากศีล 5 แล้ว ก็ยังต้องมี กรรมบท 10 ด้วย จึงจะปิดประตูนรกได้และเกิดเป็นมนุษย์ได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ลองหาอ่านดูครับ อนุโมทนา ครับ
     
  15. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ถ้าทำกรรมหนัก5ประเภทก็ปิดประตูสวรรค์เหมือนกันนะครับ :D
     
  16. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    บุคคลเกิดมาศีล5ไม่เคยผิดเลย ผมว่าหายากมากในโลกนี้นะครับ T^T
     
  17. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    จ่ะเอ๋
    สวัสดีครับบบบบ
     
  18. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    บุคคลอันได้ชื่อว่ารู้ แต่ทำตนเป็นผู้ ไม่รู้ นี่ดิ น่ากลัวกว่านะ
     
  19. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ไม่เจอนาน ทักทาย ขอ กอดดดดดดดดดดดดด :D สบายดีใหมครับ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <img src='http://i299.photobucket.com/albums/mm297/ruttyxp/Cook%20Chom/P1040937-1.jpg' width=350>

    เมนู หอยจักรพรรดิ์

    หอยจักรพรรดิ์ ถอดกระดอง แล้วไป หาเปลือกใหม่ เพื่อสอดสวมความเป็น หอย
     

แชร์หน้านี้

Loading...