ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หนองน่้ำกลายเป็นสีแดงเลือดในเม็กซิโก
    จาก Strange Sounds เผยแพร่ 6 มีนาคม 2016 18:01 UTC

    [​IMG]

    หนองน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Huatulco, ประเทศเม็กซิโก และได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในช่วง 10 วัน ที่ผ่านมา น้ำสีแดงดังเลือด ของหนองน้ำ ''La Salina' มีผลกระทบกับผู่้อยู่อาศัยและฆ่าสัตว์ป่าในบริเวณพื้นที่นั้น

    หลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับในชั่วข้ามคืนของแม่น้ำที่อยู่ใกล้กับ เวรากรูซ, ประเทษเม็กซิโก ตอนนี้หนองน้ำที่มีการเปิดเผย ได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดคือสีน้ำเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง

    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสีเป็นผลมาจากน้ำสีแดง, ปรากฏการณ์ที่น้ำเค็มทางทะเล หรือสาหร่ายน้ำจืดสะสมอย่างรวดเร็วในน้ำ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสีของน้ำผิวดินที่

    แม้ว่ากระแสน้ำสีแดงปรากฏว่าเป็นไปตามธรรมชาติในบางพื้นที่ที่อาศัยอยู่เชื่อว่า blloom สาหร่ายนี้เป็นผลของการโหลดสารอาหารเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์และฝนต่ำ อันที่จริง 'La ซาลินา' ลากูนเป็นที่รู้จักกันสำหรับการปนเปื้อนสูงและระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง

    และมีคำอธิบายพระคัมภีร์ไบเบิล ... นี่คือการเปิดเผยของคัมภีร์ของศาสนาในเวลาอันใกล้?

    Lagoon becomes blood red in Mexico -- Earth Changes -- Sott.net
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประโยคนี้แหละครับที่ผมเข้าใจว่าเปิดช่องตั้งโรงงานนิวเคลียร์ "ร่าง พ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ กำหนดให้คณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงานตกลงร่วมกันในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมดูแลการประกอบกิจการสถานประกอบการฯ ร่วมกัน" ทำไมต้องมี คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่ให้อนุญาตในการสร้างโรงไฟฟ้าครับที่ iLaw เข้าใจอาจไม่ผิด

    ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ เข้าสนช. เปิดช่องตั้งโรงงานนิวเคลียร์ได้ แต่หลักเกณฑ์ความปลอดภัยยังไม่ชัด
    เมื่อ 7 มี.ค. 2559 โดย iLaw


    ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ ที่สนช.กำลังพิจารณา ชัดเจนว่าเปิดช่องตั้งสถานประกอบการฯ ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ได้ แต่หลักเกณฑ์การควบคุมหลายเรื่อง เช่น การทิ้งกากกัมมันตภาพรังสี ยังไม่ชัดต้องรอดูกฎกระทรวง แม้กำหนดให้ต้องทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังไม่ใช่ EIA ยังมีข้อสังเกตอีกหลายประการที่ต้องจับตาดูในระยะยาว

    [​IMG]

    ภาพประกอบจาก rodrigomezs


    ในประเทศไทย ปฏิกิริยานิวเคลียร์และรังสีถูกพัฒนามาใช้ประโยชน์หลายทศวรรษแล้วในหลายด้าน เช่น การสร้างพันธุ์พืชที่มีลักษณะดีตามความต้องการ การสร้างผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ การฉายรังสีเพื่อปรับปรุงคุณภาพของวัสดุ การกำจัดจุลินทรีย์บางชนิด หรือแม้กระทั่งบำบัดรักษาโรคมะเร็ง ที่ผ่านมาการใช้ประโยชน์เหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 ที่มีทั้งหมด 24 มาตรา โดยมีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดูแล

    กฎหมายฉบับนี้ ใช้กันมากว่า 50 ปีแล้วโดยไม่ได้แก้ไขกันเลย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จึงต้องการผ่านร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... (ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ) เพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และบทบัญญัติที่ล้าสมัย ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในทางสากล รวมถึงการปรับปรุงอัตราโทษและบทระวางโทษให้สอดคล้องกับปัจจุบัน

    หลายภาคส่วนกังวลว่า ร่าง พ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ฉบับนี้ จะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ ไอลอว์จึงชวนให้ศึกษาสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว และข้อกังวลที่ยังต้องช่วยกันจับตาดูต่อไปในอนาคต


    ชัดเจนเปิดช่องตั้งสถานประกอบการฯ เพื่อผลิตพลังงานนิวเคลียร์ได้ หลักเกณฑ์การควบคุมยังไม่กำหนด

    ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ฉบับนี้ กำหนดขอบเขตการบังคับใช้เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์และรังสีในทางสันติเท่านั้น ไม่ใช้บังคับแก่ยานพาหนะทางทหารของต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์ (คณะกรรมการฯ) ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ ให้คำแนะนำในการออกกฎกระทรวง วางหลักเกณฑ์ ระเบียบควบคุมและดำเนินกิจการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในใบอนุญาต ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยจากพลังงานนิวเคลียร์ กำหนดมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งกำหนดแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี (ร่างมาตรา 9 ถึง 17)

    การผลิต มีไว้ในครอบครอง ใช้ นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านวัสดุกัมมันตรังสีและวัสดุนิวเคลียร์จะต้องได้รับใบอนุญาตจากเลขาธิการของคณะกรรมการฯ รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ในการจัดตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ การเดินเครื่องและการดำเนินการ ตลอดจนการเลิกดำเนินการ และการกำหนดบทลงโทษในกรณีต่างๆ

    สำหรับรายละเอียดของการตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (สถานประกอบการฯ) นั้น ผู้ประกอบการจะต้องได้รับใบอนุญาต 3 ใบ คือ ใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งสถานประกอบการฯ ใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการฯ และใบอนุญาตดำเนินการสถานประกอบการฯ จากเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 45)

    และด้วยเหตุที่การก่อสร้างสถานประกอบการฯ เป็นเรื่องทางเทคนิค จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบและกำกับดูแลจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ หากเป็นสถานประกอบการฯ เพื่อการผลิตพลังงาน ร่าง พ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ กำหนดให้คณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงานตกลงร่วมกันในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมดูแลการประกอบกิจการสถานประกอบการฯ ร่วมกัน

    ทำให้เห็นว่า ร่างพ.ร.บ. นี้ เปิดช่องให้มีการก่อตั้งสถานประกอบการฯ เพื่อผลิตพลังงานนิวเคลียร์ได้ หากแต่หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการควบคุม ยังต้องไปพิจารณากันอีกในส่วนของข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการสองชุดดังกล่าว


    ใบอนุญาตตั้งสถานประกอบการ อายุไม่เกิน 10 ปี เขียนไม่ชัดว่าต้องทำ EIA หรือไม่

    สำหรับเรื่องพื้นที่ในการตั้งสถานประกอบการฯ ผู้ที่ประสงค์จะก่อตั้งสถานประกอบการฯ จะต้องขอรับใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อน โดยยื่นคำขอรับใบอนุญาตพร้อมด้วยรายงานวิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่ตั้งสถานประกอบการฯ ซึ่งต้องประกอบไปด้วยรายละเอียดที่กำหนด (ร่างมาตรา 51) เช่น

    1) ผลกระทบจากเหตุการณ์ภายนอกต่อพื้นที่ตั้งสถานประกอบการฯ ทั้งในส่วนที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์
    2) ลักษณะของพื้นที่ตั้งสถานประกอบการฯ
    3) รายงานด้านสิ่งแวดล้อม
    4) การกระจายตัวของประชากรบริเวณโดยรอบพื้นที่ตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์
    5) เส้นทางการอพยพประชาชนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
    6) การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม

    กรณีที่ออกใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งสถานประกอบการฯ แล้ว ต่อมาพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นรายงานวิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่ฉบับใหม่ ภายในระยะเวลาที่กำหนดก็ได้

    นอกจากนั้นจะต้องมีการรับฟังความเห็นของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณโดยรอบพื้นที่ตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตด้วย (ร่างมาตรา 52) โดยใบอนุญาตจะมีอายุตามที่กำหนด แต่ไม่เกิน 10 ปี และขอต่ออายุได้ครั้งละไม่เกิน 10 ปี (ร่างมาตรา 53)
    ข้อน่าสังเกต คือ ในส่วนที่ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ กำหนดให้ทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าต้องเป็นการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เหมือนที่ต้องทำในการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อื่นๆ และไม่ได้กำหนดให้คณะกรรมการฯ ต้องนำรายงานการรับฟังความเห็นของประชาชนมาพิจารณาประกอบการให้ใบอนุญาตด้วย เพียงแค่กำหนดให้จัดการรับฟังความเห็นเท่านั้น


    รายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยให้ผู้ก่อสร้างจัดทำเอง หลักเกณฑ์การทิ้งกากกัมมันตภาพรังสีต้องรอดูกฎกระทรวง

    ส่วนการก่อสร้างสถานประกอบการ ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ต้องยื่นขอใบอนุญาตตั้งสถานประกอบการ พร้อมหลักฐานทางการเงิน รายงานวิเคราะห์ความปลอดภัย ซึ่งต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและข้อมูลอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 56) ซึ่งยังต้องรอดูกฎกระทรวงต่อไป ว่าข้อมูลที่กำหนดดังกล่าวได้มาตรฐานสากลหรือไม่

    ซึ่งหลักเกณฑ์นี้ มีข้อสังเกตว่า รายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยนั้น ผู้ขอใบอนุญาตสามารถจัดทำขึ้นได้เอง โดยร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ไม่ได้กำหนดกลไกตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของรายงานนั้นไว้ด้วย

    ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ยังกำหนดว่า หากการก่อสร้างสถานประกอบการนิวเคลียร์ผิดไปจากแบบที่ได้รับใบอนุญาต แต่ยังอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่ยอมรับได้ เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างได้ แต่หากการก่อสร้างก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เลขาธิการสามารถสั่งให้ระงับและรื้อถอนได้ (ร่างมาตรา 60) ซึ่งความหมายของ “หลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่ยอมรับได้” นั้น ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นไปตามมาตรฐานอะไร จึงเป็นช่องว่างที่คณะกรรมการมีดุลพินิจของ ที่อาจทำให้เปิดช่องทางให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างคณะกรรมการและผู้ขอรับใบอนุญาตได้

    ส่วนบทบัญญัติส่วนที่เกี่ยวกับการกำจัดกากกัมมันตภาพรังสีระบุว่า ห้ามทิ้งกากกัมมันตภาพรังสีสู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่เป็นกากที่มีระดับค่ากัมมันตภาพและค่าครึ่งชีวิตตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และทิ้งตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และปริมาณในการปล่อยทิ้งที่กำหนดในกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 78 -79) ซึ่งยังต้องรอดูกฎกระทรวงต่อไป


    สนช.เริ่มพิจารณาแล้ว จับตาอนาคตไทยเตรียมพร้อมผลิตพลังงานิวเคลียร์

    4 สิงหาคม 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 สภานิติบัญญัติก็มีมติ 189 เสียง เห็นชอบรับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ไว้พิจารณา พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญไปพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ต่อไป ภายใต้กรอบระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน

    พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวว่า เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 ที่ใช้บังคับมานานแล้ว ซึ่งบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางรังสีและนิวเคลียร์ และความสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในทางสากลที่เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์

    ด้านสมาชิก สนช. ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับหลักการร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เช่น คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ สมาชิก สนช. ที่อภิปรายว่า อะไรที่มีประโยชน์มาก ก็อาจจะมีโทษมหันต์เช่นเดียวกัน จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายและองค์กรระหว่างประเทศ ควบคุมอย่างใกล้ชิด.. และ ตามที่หลายคนกลัวว่าจะเป็นกฎหมายที่จะหมกเม็ดสร้างโรงไฟฟ้าหรือไม่ เท่าที่ดูมาตรา 51 กำหนดไว้มากว่าต้องรับฟังความเห็นของประชาชน ศึกษาผลกระทบ ถ้าจะสร้างก็ต้องผ่านด่านสำคัญมากมาย

    บทบัญญัติหลายข้อที่เสนอเพิ่มเข้ามาในร่าง พ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ ฉบับนี้ น่าจะเตรียมพร้อมให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ได้ในอนาคต เพียงแต่ต้องจับตาดูหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการควบคุมที่จะระบุอยู่ในกฎกระทรวง กันต่อไป ว่าอย่างน้อยจะได้มาตรฐานตามเกณฑ์ของทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (The International Atomic Energy Agency) หรือ IAEA หรือไม่

    เมื่อแอบดูกฎหมายของประเทศอื่นที่เป็นผู้ผลิตและใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์อย่าง ฝรั่งเศส หรือ เกาหลีใต้ ล้วนมีมาตรฐานการควบคุมดูแล และรองรับเรื่องความปลอดภัยที่สูงกว่ามาตรฐานของ IAEA ทั้งสิ้น เช่น ในเกาหลีใต้จะกำหนดชัดเจนให้องค์กรที่ใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ และองค์กรที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัยมีอำนาจหน้าที่แยกกันอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ประเทศไทย ยังคงให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน

    ยังมีเรื่องที่ต้องจับดูกันต่อไปยาวๆ อีกว่าในรายละเอียดของกฎกระทรวงและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก 9 ฉบับนั้นจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติปราบปรามการก่อการร้ายโดยใช้นิวเคลียร์ พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์และคณะกรรมาธิการสำหรับองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ. ...


    แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC 3.0 TH)

    This is a human-readable summary of (and not a substitute for) the license.
    การปฏิเสธความรับผิด
    th
    You are free to:

    Share — copy and redistribute the material in any medium or format
    Adapt — remix, transform, and build upon the material

    The licensor cannot revoke these freedoms as long as you follow the license terms.

    Under the following terms:

    แสดงที่มา — You must give appropriate credit, provide a link to the license, and indicate if changes were made. You may do so in any reasonable manner, but not in any way that suggests the licensor endorses you or your use.

    ไม่ใช้เพื่อการค้า — You may not use the material for commercials.

    ร่างพ.ร.บ.นิวเคลียร์ฯ เข้าสนช. เปิดช่องตั้งโรงงานนิวเคลียร์ได้ แต่หลักเกณฑ์ความปลอดภัยยั
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    ระบบแจมสัญญาณและยุทโธปกรณ์ด้านสงครามอิเล็กทรอนิคของรัสเซีย

    [​IMG]

    -----------

    วันนี้ขอเล่าข่าวเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียที่น่าสนใจอีกซักข่าวนะครับ วันที่ 7 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "สงครามล่องหน: รัสเซียโชว์ยุทโธปกรณ์ที่ไม่เป็นสองรองใคร" (Invisible Warfare: Russia Touts Second-to-None Jamming Equipment)

    [​IMG]

    1.) รายงานข่าวบอกว่าการพัฒนากองทัพของรัสเซียให้ทันสมัยนั้นรวมถึงการพัฒนาในด้านกิจการสงครามอิเล็กทรอนิคด้วย (electronic warfare) สำนักข่าว Zvezda ของรัสเซียรายงาน โดยอ้างถึงระบบ Borisoglebsk-2 และ Rtut-BM ที่ทันสมัย

    Borisoglebsk-2 เป็นระบบยุทโธปรกรณ์ด้านสงครามอิเล็กทรอนิคแบบหนึ่งมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลาย พัฒนาขึ้นโดย United Instrument Manufacturing Corporation ของรัสเซียให้กับกองทัพของรัสเซีย ระบบดังกล่าวเริ่มพัฒนาขึ้นในปี 2004 และประสบผลสำเร็จอย่างเต็มที่ในทำการทดลองเพื่อประเมินผลในเดือนธันวาคม 2010 เข้าประจำการครั้งแรกในกองทัพของรัสเซียในปี 2014

    [มีผู้ถ่ายภาพของ ยานพาหนะติดตั้งระบบ Borisoglebsk-2 ของรัสเซียได้ในจังหวัด Lugansk ยูเครนตะวันออกเมื่อเดือนมีนาคม 2015 แต่บอกว่าเป็นระบบ RTUT-BM ซึ่งจะกล่าวต่อไป แต่พิจารณาดูแล้วไม่น่าจะใช่ RTUT-BM น่าจะเป็น Borisoglebsk-2 มากกว่า - ผู้แปล]

    ระบบแจมสัญญาณ Borisoglebsk-2 เป็นสถานีแจมสัญญาณที่รวมเอา 4 ระบบเข้าไว้ในระบบเดียวกันโดยมีชุดควบคุมเพียงชุดเดียว ซึ่งจะทำให้ผู้ควบคุมระบบทำการตัดสินใจได้ภายในไม่กี่วินาที ระบบดังกล่าวติดตั้งบนรถหุ้มเกราะ MT-LB จำนวนเก้าคัน และได้รับการออกแบบมาเพื่อปราบระบบสื่อสารทางดาวเทียมเคลื่อนที่ (mobile satellite communications) และสัญญาณระบบนำทางผ่านดาวเทียมโดยเฉพาะ

    [จำได้ว่าช่วงที่เกิดสงครามในยูเครนตะวันออก ไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ในหลายพื้นที่ สำนักข่าวทั่วไปบอกว่าเป็นเพราะกองทัพของยูเครนทำลายสถานีโทรศัพท์ท้องถิ่นแถวนั้น แต่พอมีข่าวว่า มีรถติดตั้งระบบ Borisoglebsk-2 เข้าไปในจังหวัดลูฮานส์กของยูเครนด้้วย ก็ทำให้มโนไปอีกทางเพิ่มขึ้นมาว่า หรือว่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวนี้ด้วยกันแน่นะ ที่ทำให้ระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมแถวนั้นเดี้ยงไปในช่วงนั้น - ผู้แปล]

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยแจมสัญญารุ่นก่อนหน้านี้ ระบบ Borisoglebsk-2 มีรัศมีการดักจับคลื่นวิทยุและการรบกวนสัญญาณที่ไกลกว่าเดิม มีการสแกนหาคลื่นความถี่ที่สูงกว่า พิสัยทำการไกลกว่า และกำหนดหาแหล่งที่มาของการส่งคลื่นวิทยุในอากาศที่แม่นยำกว่า

    นาย Mikhail Artyomo โฆษกของบริษัท United Instrument Manufacturing Corporation ได้โน้มน้าวว่า Borisoglebsk-2 เป็นระบบสงครามอิเล็กทรอนิคที่ดีที่สุดในโลก

    นาย Mikhail Artyomo กล่าวต่ออีกว่า "คุณลักษณะเฉพาะในการต่อสู้ของระบบนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ทัดเทียมกับของต่างประเทศเท่านั้น แต่พิจารณาแล้วว่าเหนือกว่าของต่างชาติในหลายด้านด้วยกัน ปัจจุบันนี้ระบบของพวกเราสามารถที่จะแจมการสื่อสารด้วยวิทยุสมัยใหม่ได้ทุกชนิด" [คุณโฆษกพูดแบบนี้ เดี๋ยวเพนตากอนและนาโต้ก็จะออกมาแสดง "ความกังวล" อีกหละครับท่าน - ผู้แปล]

    [ว้าวววว! กองทัพไทยน่าจะหามาใช้บ้างนะครับ เอาไว้ดักจับคลื่นโทรศัพท์ของพวกป่วนเมืองและงานด้านสายลับบ้างก็ดี เอาไปจอดไว้แถวถนนวิทยุหรือใกล้ๆบ้านจันทร์ส่องหล้าก็ได้ คริๆ - ผู้แปล]

    2.) คราวนี้มาดูของเล่นสำหรับ e-war ของรัสเซียอีกซักตัวบ้างนะครับ ซึ่งตัวนี้มีชื่อว่า "Rtut-BM" (อาร์ตุต-บีเอ็ม / Rtut-BM 1L262E) ซึ่งเป็นระบบสงครามอิเล็กทรอนิคที่ทันสมัยผุดๆอีกตัวหนึ่งของรัสเซีย ออกแบบมาเพื่อ "ป้องกัน" กองทัพและยุทโธปกรณ์หนักของทหารจากการยิงถล่มด้วยจรวดและปืนใหญ่ที่จุดชนวนติดๆกัน (ครั้งละหลายลูก) ที่มีการโปรแกรมให้เกิดการระเบิดเมื่อจรวด (และลูกปืนใหญ่?) เหล่านั้นใกล้จะตกถึงพื้นดินประมาณ 3-5 เมตร

    ระบบ Rtut-BM จะส่งผลกระทบต่อระยะประชิดของวัตถุระเบิดที่ควบคุมโดยวิทยุ ทำให้จรวดเหล่านั้นเกิดการระเบิดในระดับสูงกลางอากาศเพื่อคุ้มกันกองทัพและยุทโธปกรณ์ให้ปลอดภัย ระบบดังกล่าวยังสามารถใช้สำหรับตัดการสื่อสารคลื่นวิทยุของศัตรูได้ด้วย (…the system can neutralize radio frequencies employed by the enemy's communications.)

    ระบบ Rtut-BM ติดตั้งอยู่บนรถ MT-LB หุ้มเกราะพร้อมเสารับสัญญาณโทรทัศน์ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 50 เฮ็กตาร์ (500,000 ตารางเมตร = 0.5 ตารางกิโลเมตร) หรือกึ่งหนึ่งของ (พื้นที่) รูปทรงกลมที่มีรัศมี 400 เมตร ระบบดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ควบคุมจำนวน 2 นาย และใช้เวลาในการติดตั้งพร้อมใช้งานในการแจมสัญญาณเพียงแต่ 10 นาทีเท่านั้น [อันนี้ก็น่าสนใจ ทำยังไงนะกองทัพไทยถึงจะมีระบบแหล่มๆแบบนี้มาใช้งานบ้างเอ่ยยยยย เสารับสัญญาณโทรทัศน์เอาไว้ทำไมครับ? เอาไว้ดูทีวีและดูรายการ "Crazy TV Pranks" (แนว Russian prank แบบผู้ใหญ่หนะ) และรายการ สนุกมากเขากลิ้งเลย ดูในยูทูปก็ได้ ฮ่าๆๆ - ผู้แปล]

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตภายในประเทศได้จัดส่งระบบ Rtut-BM ให้กับกองทัพของรัสเซียแล้ว 22 ชุด และจะส่งมอบให้อีก 21 ชุดภายในสิ้นปีนี้ และได้มีการส่งระบบ Borisoglebsk-2 เข้าประจำการในกองทัพของรัสเซียระหว่างปี 2014-2015 แล้ว 10 กว่าหน่วย

    [รายงานข่าวไม่ได้บอกว่าทั้งสองระบบนี้ได้หลุดเข้าไปในซีเรียบ้างหรือยัง แอ็ดมินจึงไม่กล้ายืนยัน แต่… เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็น Sputnik news ลงข่าวว่ารัสเซียส่งของเล่นชิ้นใหม่เข้าไปในซีเรียแล้วเหมือนกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบสงครามอิเล็กทอรนิค (ด้านการป้องกัน) อีกตัวหนึ่งเช่นกัน ได้แก่ Zoopark-1 ซึ่งได้พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่สมัยโซเวียต แต่ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย เป็นระบบเรด้าร์สำหรับค้นหาแหล่งที่มาของการยิงปืนใหญ่และขีปนาวุธขนาดเล็กจากภาคพื้นดิน มีรัศมีทำการ 17 กม.สามารถตรวจหาลูกปืนใหญ่หรือปืนครกที่เส้นผ่าศูนย์กลางขนา 82-120 มิลลิเมตรได้

    เอาไปไว้ในซีเรียทำไม? ในข่าวบอกว่าเอาไว้สำหรับตรวจดูว่ามีฝ่ายไหนละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ้าง และกี่ครั้ง ยิงมาจากจุดไหน ถึงเวลาจะได้จัดการให้เบ็ดเสร็จในครั้งเดียวไปเลยมั๊ง? - ผู้แปล]

    ป.ล. ถ้าอยากดูว่าเจ้า Rtut-BM มันทำงานอย่างไรให้ดูจากลิงค์ของ youtube ที่แนบมาด้วยด้านล่างนี้นะครับ เล่นเอาจรวด grad หลายลำกล้องเป็นหมันกลางอากาศไปเลยหละ

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    08/03/2559
    ----------
    Invisible Warfare: Russia Touts Second-to-None Jamming Equipment
    Russia’s Future Warfare Tactics as Seen by US Media
    Russian Electronic warfare units competed using new hardware | Defence blog
    Unique Russian RTUT-BM electronic warfare in Lugansk on the East of Ukraine. | Lugansk News Today
    All Hands On Deck: Russian Military Sets Up High-Tech Radar System in Syria
    https://www.youtube.com/watch?v=2t1Bw5Sea98
    https://www.youtube.com/watch?v=q26b2bOsGXk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สรุปคำสั่งหัวหน้า คสช. 4/2559 ยกเว้นผังเมืองสำหรับกิจการพลังงานและขยะ
    Feb. 01

    สรุปคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท
    จัดทำโดย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)

    คำนำผู้จัดทำเอกสาร: สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ซึ่งทาง EnLAW เห็นว่าเป็นคำสั่งที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำเอกสารสรุปคำสั่งพร้อมข้อสังเกตบางประการ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจได้ศึกษาและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

    ——————————————-

    เหตุผลของคำสั่ง: เพื่อระงับและแก้ไขข้อขัดข้องทางกฎหมายบางประการที่เป็นอุปสรรคต่อความพยายามของรัฐในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเรื่องความมั่นคงในการจัดหาพลังงานของประเทศไทย และปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการจัดการปัญหาขยะล้นเมือง และเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงจำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งฉบับนี้

    เนื้อหาของคำสั่งและรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจคำสั่ง:

    ข้อ 1. ให้ยกเว้นการบังคับใช้กฎกระทรวงฯผังเมืองรวม ทุกฉบับในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีผลใช้บังคับทางกฎหมายอยู่ ณ วันที่ 20 มกราคม 2559 (วันที่มีคำสั่งฉบับนี้) หรือที่จะประกาศและมีผลใช้บังคับภายในหนึ่งปีนับจากวันที่มีคำสั่งฉบับนี้ (ระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2559 – 20 มกราคม 2560) สำหรับการอนุมัติอนุญาตให้ประกอบกิจการดังต่อไปนี้

    (1) คลังน้ำมันตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
    (2) กิจการโรงงานลำดับที่ 88: โรงงานผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (โรงไฟฟ้าและสถานีส่งไฟฟ้า)
    (3) กิจการที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิต ขนส่ง และระบบจำหน่ายพลังงานของกิจการตาม (1) และ (2)
    (เช่น ท่อส่งน้ำมัน สายส่งไฟฟ้า)

    ทั้งนี้กิจการตาม (1) (2) และ (3) เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน

    แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP 2015)
    แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ.2558-2579
    แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2558-2579
    แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ.2558-2579
    และรวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมปรับปรุงแผนซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในภายหลังด้วย

    (4) กิจการโรงงานลำดับที่ 89: โรงผลิตก๊าซซึ่งมิใช่ก๊าซธรรมชาติ (เช่น โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ)
    (5) กิจการโรงงานลำดับที่ 101: โรงงานปรับปรุงคุณภาพของเสียรวม (เช่น โรงบำบัดน้ำเสีย เตาเผาขยะ)
    (6) กิจการโรงงานลำดับที่ 105: โรงงานคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูล วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (เช่น หลุมฝังกลบขยะ)
    (7) กิจการโรงงานลำดับที่ 106 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว หรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม (โรงงานรีไซเคิล)
    (8) กิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการกำจัดมูลฝอย



    ข้อ 2. คำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับทันทีตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2559 เป็นต้นไป

    ———————————————————

    ผลกระทบของคำสั่ง: เป็นการลดข้อจำกัดทางกฎหมายเรื่องพื้นที่ตั้งโรงงานหรือกิจการที่เกี่ยวข้องการผลิตพลังงานและการจัดการขยะของเสียสิ่งปฏิกูล ซึ่งเดิมอาจมีหลักเกณฑ์ข้อห้ามตามกฎกระทรวงฯผังเมืองรวมที่บังคับใช้อยู่ในพื้นที่อำเภอหรือจังหวัดนั้นๆ (หรืออยู่ในร่างผังเมืองรวมที่กำลังจะประกาศบังคับใช้) ทำให้หน่วยงานรัฐไม่สามารถอนุมัติอนุญาตให้ประกอบกิจการตาม (1)-(8) ในพื้นที่ที่ต้องการได้ เช่น พื้นที่เขตอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่มีข้อกำหนดห้ามสร้างโรงไฟฟ้า เป็นต้น

    คำสั่งฉบับนี้ทำให้หน่วยงานรัฐสามารถอนุมัติอนุญาตการประกอบกิจการตาม (1)-(8) ได้โดยไม่ต้องพิจารณาข้อห้ามตามกฎหมายผังเมือง ซึ่งเป็นมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ที่สำคัญอีกต่อไป (แต่ยังคงต้องพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของพื้นที่ตั้งโครงการและเงื่อนไขการอนุมัติอนุญาตตามกฎหมายอื่นๆด้วย)

    ข้อสังเกตบางประการ:

    (1) ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518 ในการจัดทำผังเมืองรวมจะต้องมีการประกาศเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบถึงการวางและจัดทำผังเมืองรวม และหน่วยงานจะต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และเมื่อรับฟังแล้วต้องนำเอาความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาในการวางหรือทบทวนผังเมืองรวมให้สอดคล้องเหมาะสมด้วย ทั้งนี้เป็นไปตาม กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณา การประชุม และการแสดงข้อคิดเห็นของประชาชนในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. 2552

    การออกคำสั่งยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองรวมซึ่งจัดทำขึ้นโดยผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่มาแล้ว จึงเป็นการทำลายคุณค่าและหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนและขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายผังเมืองที่กำหนดให้รัฐต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและนำไปประกอบการพิจารณากำหนดประเภทและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการคุ้มครองรักษาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสวัสดิภาพของสังคมด้วย

    (2) คำว่า “กิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการกำจัดมูลฝอย” อาจตีความรวมถึง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย ได้ด้วย

    (3) ประเภทโรงงานลำดับต่างๆ เป็นไปตามกฎกระทรวง (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 (เปิดดูได้ที่

    http://enlawfoundation.org/newweb/?p=2688
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2016
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘บิ๊กตู่’ ออกคำสั่ง คสช.ลัดขั้นตอน ‘อีไอเอ’ เปิดทางเอกชนเดินหน้าเมกะโปรเจ็ก
    08 มี.ค. 2016 by admin

    [​IMG]

    ภาพจาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/059/46.PDF

    หัวหน้า คสช.ออกคำสั่ง 9/2559 เปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเสนอ ครม.ไฟเขียวเดินหน้าโครงการที่ยังไม่ผ่านอีไอเอ ระบุเพื่อให้ได้ตัวเอกชนผู้รับเหมา แต่ห้ามเซ็นต์สัญญา

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่ืวคราว ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2559 โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งรับผิดชอบโครงการหรือกิจการที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สามารถเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการไปพลางก่อนได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการ

    สำหรับคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 ได้บัญญัตข้อความเพิ่มเป็นวรรค 4 ของมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535

    ทั้งนี้ ข้อความระบุว่า ในกรณีที่มีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการดําเนินโครงการหรือกิจการด้านการคมนาคมขนส่ง การชลประทาน การป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาล หรือที่อยู่อาศัย ในระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามวรรคหนึ่ง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการนั้น อาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดําเนินการ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้ แต่จะลงนามผูกพันในสัญญาหรือให้สิทธิกับเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไม่ได้

    นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 อนุญาตให้เปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่ยังไม่ผ่านอีไอเอได้ เพื่อที่จะให้ได้ตัวผู้รับเหมามาก่อน จากนั้นเมื่ออีไอเอผ่านก็ค่อยลงนามในสัญญา ซึ่งถือว่าผิดหลักการอย่างสิ้นเชิง

    นอกจากนี้ ผลจากคำสั่งดังกล่าวจะทำให้โครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาลได้รับผลประโยชน์ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าหลากสี ก่อสร้างโรงไฟฟ้า การก่อสร้างเขื่อน รวมทั้งเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาสาธารณภัยเช่นภัยแล้งหรือน้ำท่วม

    “การออกคำสั่งนี้มีการแอบแฝง เพราะคนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ คือกลุ่มเอกชนและผู้รับเหมาที่จะมารับทำโครงการรัฐบาล”นายศรีสุวรรณ กล่าว

    นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาถ่านหิน กล่าวว่า การออกคำสั่งดังกล่าวสะท้อนว่า คสช.กำลังตกอยู่ในอำนาจของทุนอุตสาหกรรม และคล้ายกับการลองของว่าจะมีปฏิกริยาจากสังคมอย่างไรบ้าง โดยคำสั่งดังกล่าวส่งสัญญาณว่าไม่ว่าอีไอเอจะผ่านหรือไม่ก็ยินดีอนุมัติ และหากไม่มีการคัดค้านคำสั่งนี้ ในอนาคตอาจมีการออกคำสั่งให้ไม่ต้องทำอีไอเอเลยก็ได้

    สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม : GREENS NEWS TV » ‘บิ๊กตู่’ ออกคำสั่ง คสช.ลัดขั้นตอน ‘อีไอเอ’ เปิดทางเอกชนเดิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2016
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สงสัยเตรียมชุดป้องกันรังสีกันไว้ล่วงหน้าได้เลยน่ะครับ
     
  7. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ช่วงแล้งนี้ห้วย หนองคลองบึง ชลประทานเขื่อนแห้ง รัฐบาลน่าจะพลิกวิกฤตให้เป็น โอกาส คนจากกองทัพมี เครื่องจักรมี เครืองจักรจากทางหลวงชนบทมี จาก อบจ.มี อำนาจมีล้นฟ้า น่าจะสั่งให้เร่ง ขุดลอกห้วยหนองคลองบึง เขื่อนขนาดเล็กต่างๆ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รองนายกมาเลย์เผย ไอซิสเคยวางแผนลักพาตัวนายกฯ “นาจิบ ราซัค”
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 8, 2016 1
    [​IMG]
    #อะหมัด ซาฮิด รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

    สเตทไทมส์ สื่อสิงคโปร์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายนาจิบ ราซัค เป็นหนึ่งในผู้นำระดับสูงของมาเลเซีย ที่เป็นเป้าหมายการลักพาตัวของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส รองนายกรัฐมนตรี อะหมัด ซาฮิด ระบุ

    ดาโต๊ะ สรี อะหมัด ซาฮิด ซึ่งยังดำรงตำแหน่งควบรมต.มหาดไทย กล่าวว่า ตน และรมว.กลาโหม ฮิชามุดดีน ฮุสเซน ก็ตกเป็นเป็นเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายด้วยเช่นเดียวกัน

    “เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2015 กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับดาอิช (อีกชื่อหนึ่งของไอซิส) 13 คน ได้วางแผนที่จะลักพาตัวระดับผู้นำประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ซาฮิดแถลงกับสภาเมื่อวันอังคาร (8 มี.ค)

    เขากล่าวว่าข้อมูลนี้เขาได้ตอบกลับ ดาโต๊ะ อับดุลมานาน อิสมาอีล สส.จากพรรค Barisan Nasional ที่ขอให้กระทรวงมหาดไทยระบุความสำเร็จของตำรวจในการป้องกันแผนการโจมตีของผู้ก่อการร้ายไอเอสในประเทศมาเลเซีย

    ซาฮิด กล่าวว่า ตำรวจสามารถป้องกันเหตุได้ถึง 4 ครั้ง จากการวางแผนโจมตีโดยกลุ่มไอเอสในประเทศมาเลเซีย

    ในเดือนกันยายนปี 2014 ไอเอสมีแผนที่จะทดสอบอุปกรณ์ระเบิดในรัฐเกดะห์

    นอกจากนั้นยังมีความพยายามในการโจมตีในที่อื่นๆ ที่รวมถึงศาสนสถานและสถานบันเทิงในประเทศ

    “พวกเขายังต้องการที่จะทำลายอาคารของฟรีเมสัน ที่อยู่ในย่านบูกิตจาลิล (Bukit Jalil) ด้วย” ซาฮิด กล่าว

    ในขณะเดียวกัน คนว่างงานคนหนึ่งซึ่งถูกจับกุมในข้อหาครอบครองกัญชาถูกพบว่ามีความเชื่อมโยงกับไอซิส

    ผู้ต้องสงสัยวัย 37 ปีได้ถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายความมั่นคง (มาตรการพิเศษ) พระราชบัญญัติ (Sosma 2012)

    ผู้บัญชาการตำรวจ อับดุลกาฟาร์ ราจับ กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ในข้อหาครอบครองกัญชา

    “การทดสอบปัสสาวะพบว่าเขามีการใช้ยาเสพติด” เขาบอกในการแถลงข่าว

    “เพื่อการสอบสวนเพิ่มเติมทำให้ตำรวจได้ไปที่บ้านของเขาในภาคกลาง ซึ่งเราพบถุงและธงไอซิส”


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    รองนายกมาเลย์เผย ไอซิสเคยวางแผนลักพาตัวนายกฯ “นาจิบ ราซัค” | abnewstoday
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้นำโมโรเตือน “ไอซิส” กำลังสร้างฐานที่มั่นในภาคใต้ของฟิลิปปินส์
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 9, 2016

    [​IMG]

    irna – มูร็อด อิบรอฮิมประธานกลุ่มแนวหน้าปลดแอกอิสลามโมโร (MILF) เผยเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า ไอซิสกำลังพยายามสร้างฐานที่มั่นในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ และเตือนว่าหลังจากที่การเจรจาสันติภาพล้มเหลว ไอซิสอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้

    มูร็อด อิบรอฮิม ประธานกลุ่มแนวหน้าปลดแอกอิสลามโมโร (MILF) กล่าวว่า กลุ่มไอซิสพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจในเรื่องการหยุดลงของความพยายามที่จะยุติการก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนของชาวมุสลิมในภูมิภาคมินดาเนาทางตอนใต้ที่ดำเนินมาหลายสิบปี
 กระบวนการสันติภาพดังกล่าวหยุดลงตั้งแต่รัฐสภาฟิลิปปินส์ล้มเหลวในการผ่านกฎหมายฉบับหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งได้รับการเห็นพ้องร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกลุ่ม MILF ว่าจะให้สถานะปกครองตนเองแก่ภูมิภาคนี้

    มูร็อด เผยกับผู้สื่อข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่า ในตอนนี้หลังจากไม่มีการผ่านกฎหมายฉบับดังกล่าว เราค่อนข้างเป็นกังวลว่าพวกเขาไอซิสอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เพราะว่าในตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกของคนในพื้นที่นี้รุนแรงมาก มีความไม่พอใจหลังจากกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ผ่านสภา พวกเขาอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้”

    มูร็อดกล่าวว่า MILF กำลังพยายามเจรจากับกลุ่มติดอาวุธที่สวามิภักดิ์ต่อไอซิสเพื่อห้ามปรามไม่ให้พวกเขาก่อเหตุโจมตีเพิ่มเติม
กลุ่ม MILF ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาลของประธานาธิบดีเบนิกโญ อากีโน ในปี 2014 เพื่อยุติการต่อสู้เพื่อเอกราชของพวกเขาซึ่งเริ่มต้นในช่วงทศวรรษ 1970

    มูร็อด อิบรอฮีม กล่าวว่า เราไม่สามารถละทิ้งการต่อสู้ด้วยอาวุธทั้งหมดได้ แต่เราเชื่อเสมอว่าเราต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการสันติภาพเป็นอันดับแรก เพราะเราเชื่อว่าหนทางแก้ปัญหายังคงต้องใช้วิธีทางการเมือง 
ตราบใดที่กระบวนการสันติภาพมีโอกาสที่จะคืบหน้า เราไม่ต้องการที่จะกลับไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ผู้นำโมโรเตือน “ไอซิส” กำลังสร้างฐานที่มั่นในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ | abnewstoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2016
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    สมาชิกสภาอียูบางส่วนเสนอให้แซงชั่นปธน.ปูตินและนักการเมืองรัสเซียคนอื่นๆ

    [​IMG]

    --------------

    วันที่ 9 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "สภาอียูยืนยันว่ามีการเสนอให้ทำการแซงชั่นต่อต้านปธน.ปูตินกรณีการสอบสวนคดีของ Savchenko นักบินยูเครน" (EU Parliament Confirms Suggesting Anti-Putin Sanctions Over Savchenko Trial)

    นาง Delphine Colard เลขาฯโฆษกรัฐสภาอียูยืนยันเมื่อวันพุธนี้ว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติได้เสนอให้ทำการคว่ำบาตรรายบุคคลต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในคดีของ Nadezhda Savchenko ของยูเครน

    โดยที่ก่อนหน้้านี้ส.ส.ชาวโปแลนด์ได้โพสต์ข้อความในทวีตเตอร์ในนามของสมาชิกรัฐสภาอียูจำนวนหนึ่งต่อ Fererica Mogherini ประธานกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศของอียู เพื่อเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรรายบุคคลต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน พร้อมกับบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของ Nadezhda Savchenko พลเมืองชาวยูเครนจำนวน 28 คน

    "ดิฉันขอยืนยันว่า สมาชิกรัฐสภาจำนวน 57 คนได้ส่งจดหมายถึง VP Mogherini เกี่ยวกับสถานการณ์ของ Ms. Nadia Savchenko" Colard กล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซีย

    ในวันเดียวกันนี้ Sputnik news พาดหัวข่าวด้วยว่า "ทำเนียบเครมลิน: อียูเสนอให้แซงชั่นส่วนบุคคลต่อต้านปูตินเป็นการแทรกแซงในการพิจารณาคดีของ Savchenko" (Kremlin: EU Individual Anti-Putin Sanctions Interference in Savchenko Trial)

    นาย Dmitry Peskov โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของรัสเซียกล่าวว่า "พวกเราไม่อาจเห็นด้วยกับความพยายามที่จะแทรกแซงในกระบวนการของศาล ซึ่งกำลังดำเนินการให้เป็นไปตามนิติบัญญัติของรัสเซีย แน่นอนว่ารวมถึงคดีของคุณ Savchenko ด้วย ที่นี่การแทรกแซงใดๆเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ (inadmissible) ในส่วนของกระบวนการที่กำลังดำเนินไปอยู่นั้น พวกเราพิจารณาว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ที่จะมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้" Peskov ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับจุดยืนของทำเนียบเครมลินต่อข้อเสนอให้มีการแซงชั่นปูตินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียจากอียู

    โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวเมื่อวันพุธนี้อีกว่า ตนเองไม่ตระหนักถึงข้อเสนอใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้นจากยูเครนเพื่อแลกเปลี่ยนกับ Nadezhda Savchenko พลเมืองของยูเครนซึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาคดีในกรุงมอสโคว์ในข้อหาสังหารนักข่าวของรัสเซีย (จำนวน 2 คน)

    อัยการของรัสเซียได้เรียกร้องให้มีการตัดสินลงโทษชาวยูเครนคนดังกล่าวด้วยการจำคุก 23 ปี ในขณะที่ทีมกฎหมายของ Savchenko แย้งว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ Savchenko ไม่สารภาพยอมรับผิด ศาลจะตัดสินคดีในวันที่ 21-21 มีนาคมนี้

    Savchenko เป็นผู้ต้องสงสัยในการให้ความช่วยเหลือในการยิงปืนใหญ่ใส่เมือง Lugansk ทางภาคตะวันออกของยูเครนโดยตรงเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 ซึ่งได้ทำให้นักข่าวชาวรัสเซียจำนวนสองได้แก่ Igor Kornelyuk และ Anton Voloshinคนเสียชีวิต

    วันที่ 9 มี.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "โฆษกหญิงก.ต่างประเทศของรัสเซียจวกก.ต่างประเทศของสหรัฐฯเกี่ยวกับคดีของนักบิน Savchenko หญิงของยูเครน" (Russian FM spokeswoman slams US State Dept on Ukrainian pilot Savchenko)

    รายงานข่าวบอกว่า Maria Zakharova โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียได้ตอบโต้กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯซึ่งพยายามที่จะมีอิทธิพลเหนือการพิจารณาตัดสินคดีของศาลรัสเซียในคดีของ Nadezhda Savchenko นักบินชาวยูเครน

    ก่อนหน้านี้นายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้เรียกร้องให้รัสเซียปล่อยตัวนาง Nadezhda Savchenko (อ้างว่า) "ภายใต้ข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์ก" ส่วนโฆษกหญิงของก.ต่างประเทศของรัสเซียได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนตะวันออกไม่ได้ครอบคุมถึงคดีของ Savchenko

    นายจอห์น แคร์รี่ (หน้าหนา) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัสเซีย "ปล่อยตัวนักบินของยูเครนทันที เนื่องจากการไตรสวนคดีและการสั่งให้มีการจำคุกเธอต่อไป ได้แสดงให้เห็นถึงการไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้เรียกตร้องให้รัสเซียยึดมั่นในข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์ก"

    ส่วนโฆษกหญิง Zakharova ได้ตอบโต้ในเฟซบุคของเธอว่า "ทั้งหมนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับมีสิทธิ์ตัวจริง นายแคร์รี่ จะต้องรู้ซะก่อนว่า ไม่มีคำใดในข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์กเกี่ยวกคุณ N.Savchenko และคดีของเธอก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ใดๆเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อธิบายไว้ในที่นี้"

    [จริงๆแล้ว ก.ต่างประเทศของรัสเซียจวกก.ต่างประเทศสหรัฐฯเยอะกว่านี้มาก สหรัฐฯพยายามจะเล่นแง่เห็นๆ ไม่พูดถึงการพิจารณาคดีว่าผู้ต้องสงสัยได้กระทำผิดจริงหรือไม่ พยายามบิดประเด็นให้คนเข้าใจผิดไปที่เรื่องข้อตกลงกรุงมินส์ก หากจะหาทางขอความช่วยเหลือจากทางการของรัสเซียก็ควรที่จะรอให้กระบวนการด้านยุติธรรมของรัสเซียเสร็จสิ้นซะก่อน จากนั้นก็ใช้เทคนิคทางการทูตขอให้ปธน.ปูตินออกกฤษฎีกาทำการนิรโทษกรรมให้ภายหลังก็ได้

    แต่สหรัฐฯ เหลือกที่จะไม่รอให้ถึงจังหวะนั้น คงจะหวังยิงปืนนัดได้นกสองตัวคือ ถ้ารัสเซียทำตามที่สหรัฐฯ ซี่งไม่มีราคาแล้วในตอนนี้เรียกร้องนั้น ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของศาลรัสเซียขาดความน่าเชื่อถือและก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลของรัสเซียสามารถแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของรัสเซียได้ เหมือนกับสหรัฐฯหรือเปล่า?

    ส่วนพวกอียูที่เสนอให้แซงชั่นปูตินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียเกี่ยวกับคดีดังกล่าวนั้น ก็ไม่มีอะเไรมากนอกจากเรื่องการเมืองล้วนๆ ไร้สาระ! - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    0903/2559
    ----------
    EU Parliament Confirms Suggesting Anti-Putin Sanctions Over Savchenko Trial
    Kremlin: EU Individual Anti-Putin Sanctions Interference in Savchenko Trial
    https://www.rt.com/news/334951-zakharova-kerry-savchenko-trial/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มีการเตรียมงบประมาณกว่า1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเพื่อต่ออายุสงครามในซีเรียจนปี 2020 โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 10, 2016

    [​IMG]

    เพรสทีวี – องค์กรการกุศลสากลแฉมีการเตรียมงบประมาณกว่า1.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อต่ออายุสงครามในซีเรียให้ยืดเยื้อยาวไปจนถึงปี 2020

    ตามรายงาน 26 หน้าที่องค์กรการกุศลที่ชื่อว่า สารคดีโลก ได้ออกมาแฉเมื่ออังคารที่ผ่านมา โดยได้มีการประเมิณงบประมาณที่เหล่าขบวนการก่อการร้ายได้รับการสนุนจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 2011 มีจำนวนถึง 275,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นงบประมาณที่มากกว่างบที่ใช้ฟื้นฟูประเทศซีเรียที่ถูกจัดสรรมาก่อนหน้านี้ถึง 150 เท่า

    รายงานนี้ได้จัดเตรียมและวิจัยขึ้นด้วยการร่วมมือของบริษัทที่ปรึกษา Frontier Economics ได้เขียนว่า แม้นว่าวิกฤติซีเรียที่เกิดขึ้นจะจบลงในปีนี้ แต่งบประมาณที่ถูกจัดเตรียมเพื่อขยายตัวของขบวนการก่อการร้ายจะหายไปราว 448-689 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่างบประมาณที่องค์กรต่างๆ ของสหประชาชาติได้ร้องขอเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในซีเรียถึง 140 เท่า และมากกว่างบประมาณที่ต้องใช้ช่วยเหลือในด้านสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับบรรดาผู้ลี้ภัยถึงร้อยเท่า

    รายงานดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงสถิติที่น่าตกใจอีกว่า เด็กๆ ชาวซีเรียมากกว่า 5.7 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านการศึกษาจนปลายปี 2015 แต่พวกเขาต้องสูญเสียโอกาสในการศึกษาไป

    รายงานยังเผยอีกว่า โรงพยาบาลในซีเรียมากกว่า 57 เปอร์เซ็นต้องหยุดทำการเนื่องจากการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายและครึ่งหนึ่งของแพทย์ก็ได้หนีออกจากประเทศ และลูกเด็กเล็กแดงมากกว่า 5 ล้านคนได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกาย มีโรคติดเชื้อและเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร

    เด็กๆในประเทศซีเรียอย่างน้อย 8.2 ล้านคนต้องกลายเป็นคนไร้ที่พักอาศัย ประสบกับความหวาดกลัว การศึกษาถูกชะงัก สุขภาพไม่ดี ไม่มีความมั่นคงทางด้านอาหาร ขาดการรักษา ความปลอดภัยที่เพียงพอ ได้รับบาดเจ็บอีกทั้งยังถูกละเมิดต่างๆ นานา

    ประเทศในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดจากวิกฤติเหตการณ์ในซีเรีย คือ เลบานอน จากการสำรวจสำมะโนประชากรของประเทศ

    ตามรายงานของศูนย์กลางวิจัยทางการเมืองของซีเรีย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรียทั้งในรูปแบบโดยตรงและทางอ้อมฆ่าชีวิตประชากรไปแล้วกว่า 470,000 คนและได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1 ล้าน 9 แสนคน และมากกว่าครึ่งประเทศราว 23 ล้านคนของประชากรประเทศที่ต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น

    ประเทศซาอุดิอารเบีย ตุรกี กาต้า ถูกกล่าวหาว่าเป็นประเทศที่ส่งอาวุธและช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ขบวนการก่อการร้ายที่ปฏิบัติการอยู่ในประเทศซีเรีย


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    มีการเตรียมงบประมาณกว่า1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเพื่อต่ออายุสงครามในซีเรียจนปี 2020 | abnewstoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในการกดดันเพื่อโค่นล้มอัสซาด
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 10, 2016

    [​IMG]

    sputniknews – โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ เชื่อว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าในการทำสงครามต่อต้านรัฐบาลซีเรียของวอชิงตันนั้นมิได้มีเป้าหมายเพียงแค่โค่นล้มรัฐบาลซีเรียเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น

    โรเบิร์ต เผยว่า ทางสหรัฐอเมริกามีการวางแผนโค่นล้มอัสซาด หลังจากที่บาชาร์อัล-อัสซาดคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซกาตาร์

    โรเบิร์ต กล่าวว่า หลังจากที่อัสซาดคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติในปี 2000 ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ หมายถึงช่วงเวลาสิบปีก่อนที่จะเกิดอาหรับสปริงในซีเรีย ทางซีไอเอได้มีการวางแผนที่จะโค่นล้มอัสซาดมาแล้ว

    โครงการสร้างท่อก๊าซประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เริ่มจากกาตาร์ ผ่านเส้นทางซาอุดิอาระเบีย จอร์แดน ซีเรียและตุรกีจากนั้นสู่ยุโรป

    โรเบิร์ต กล่าวว่า ถ้าแผนการดังกล่าวถูกดำเนินการแล้ว โครงการท่อก๊าซจะมีผลกระทบที่สำคัญต่อภูมิศาสตร์การเมือง และผลลัพธ์ที่ตามมาคือทำให้ทรราชในอ่าวเปอร์เซียจะสามารถครองตลาดก๊าซธรรมชาติทั่วโลกสำหรับ และด้วยเหตุผลนี้กาตาร์ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของวอชิงตันในบรรดาชาติอาหรับก็จะมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

    พยานหลักฐานทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสงครามในซีเรียไม่ได้เป็นสงครามกลางเมืองและไม่ได้เป็นสงครามเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาสิทธิมนุษย์ แต่เป็นการสร้างความจลาจลและความรุนแรงโดยมีนอมิเนอร์ของตะวันตกและปัจจัยภายนอกที่คอยให้การสนับสนุนแผนการดำเนินงานธุรกิจในครั้งนี้

    โรเบิร์ตเผยกับสำนักข่าว sputniknews ว่า “ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้เหตุผลในการเรียกร้องของเราในการโค่นล้มรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในซีเรีย ”

    ตามคำกล่าวของเขา ชี้ว่า สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะซีเรียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอิหร่านอิรักและอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้เช่นกัน นอกจากนี้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบด้วยว่าการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเกิดจากผลพวงโดยตรงของการก่อรัฐประหารที่ถูกวางแผนโดยวอชิงตันในปี 1953

    เขากล่าวว่า “ในอิรักก็เช่นกัน เราได้เข้าไปในการดำเนินงานในอิรัก ทำให้ซัดดัมฮุสเซนสามารถอยู่ในอำนาจได้ และตลอดช่วงสงครามกับอิหร่านเราได้จัดส่งอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงให้กับซัดดัม ”

    เขากล่าวเสริมว่า “เราไม่อาจกล่าได้ว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับบรรดาพวกเผด็จการทั้งหลาย แต่เราเป็นพันธมิตรและเป็นหนึ่งเดียวกับซาอุฯ ซาอุฯที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถและหากเห็นผู้หญิงขับรถก็จะถูกจับกุมตัวและส่งไปยังเรือนจำในทันที ซาอุฯที่เป็นประเทศที่มีการทรมานและได้ปฏิเสธเสรีภาพในการแสดงออกและการกระทำที่ชั่วร้าย. ”

    ตามการวิเคราะห์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง เผยว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วว่าแรงจูงใจที่แท้จริงของวอชิงตันในตะวันออกกลางนั้นมีเป้าหมายเชิงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกันในพื้นที่ดังกล่าวแอบแฝง”

    หากคุณไตร่ตรองในชนวนสงคราม (สงครามกลางเมืองในซีเรีย) คุณจะค้นพบคำตอบว่าสงครามเกิดจากโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรง(กลุ่มสุดโต่ง)ที่เกิดขึ้นนั้นมีพันธมิตรของเราเป็นนายทุนในการให้การสนับสนุนโดยเฉพาะกาตาร์และซาอุดีอาระเบีย และมีนักรบของกลุ่มสุดโต่งจำนวนมากได้รับการฝึกอบรมและอาวุธจากสหรัฐอเมริกา


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในการกดดันเพื่อโค่นล้มอัสซาด | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปล้นกันซึ่งหน้า! ศาลสหรัฐฯมีคำสั่งให้อิหร่านจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อเหตุการณ์ 9/11 ถึง 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

    [​IMG]

    -----------
    มาดูข่าวพิลึกเกี่ยวกับระบบยุติธรรมแบบอเมริกากันบ้างนะครับ วันที่ 10 มี.ค.59 พาดหัวข่าวว่า "ตลกที่ชั่วร้าย: อิหร่านได้รับคำสั่งให้จ่ายเงิน 1.5 หมื่นล้านเหรียญให้กับญาติและบริษัทประกันภัยในเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 9/11" ('Evil Joke': Iran Told to Pay $10.5 Billion to 9/11 Kin, Insurers) ส่วน RT news พาดหัวข่าวว่า "อิหร่านได้รับคำสั่งให้จ่ายเงิน 1.5 หมื่นล้านเหรียญฯให้กับเหตุการณ์ 9/11 โดยศาลสหรัฐฯ" (Iran ordered to pay $10.5 billion for 9/11 by US judge) ข่าวดังกล่าวสื่อฯรัสเซียเอามาจากสำนักข่าว Bloomberg ซึ่งพาดหัวข่าวคล้ายกันนี้ว่า "Iran Told to Pay $10.5 Billion to Sept. 11 Kin, Insurers"
    ข่าวจาก Bloomberg สั้นนิดเดียวมีเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการพิจารณาตัดสินคดีของศาลสหรัฐฯและการตั้งข้อสังเกตว่าสหรัฐฯต้องการอะไรจากอิหร่านกันแน่ ส่วน Sputnik news ก็ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตอบโต้จากฝั่งอิหร่านที่ปฏิเสธคำตัดสินดังกล่าว ของ RT ให้รายละเอียดค่อนข้างมาก อ่านแล้วมันส์กว่าเยอะ งั้นแอ็ดมินจะขอแปลจาก RT news นะครับ
    รายงานข่าวบอกว่า ผู้พิพากษาของสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้ประเทศอิหร่านจ่ายเงินจำนวน 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯเนื่องจากความเสียหายให้กับครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตในการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน 2001 - แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันความเกี่ยวข้องกับกรุงเตหะรานในการโจมตีดังกล่าวก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาคนดังกล่าวได้พิจารณาตัดสินให้ซาอุดิอาระเบียพ้นจากการรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ไปแล้ว
    การพิจารณาตัดสินคดีดังกล่าวดำเนินการโดยผู้พิพากษา George Daniels แห่งศาลแขวงของสหรัฐฯในนครนิวยอร์กเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภายใต้การตัดสินคดีนี้ กรุงเตหะรานได้รับคำสั่งให้จ่ายเงินจำนวน 7.5 พันล้านเหรียญให้กับครอบครัวของเหยื่อในเหตุการณ์ 9/11 และอีก 2 ล้านเหรียญเป็นค่าเสียหายในที่ดินให้กับเหยื่อแต่ละคนสำหรับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน และอีก 6.88 ล้านเหรียญเป็นค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ (punitive damages) ส่วนบริษัทผู้ประกันภัยที่จ่ายค่าเสียหายให้กับทรัพย์สิน และกล่าวอ้างว่าธุรกิจของตนได้รับความเสียหายด้วยนั้น ก็ได้รับคำสั่งให้รับเงินชดเชยเพิ่มอีก 3 พันล้านเหรียญจากคำพิพากษาดังกล่าว
    [ตลกรับประทานแล้วไหมหละนั่น! อิหร่านไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11 ตั้งแต่เมื่อไรครับท่าน? ก็รัฐบาลของบุชประกาศว่าผู้ก่อเหตุการณ์ก่อการร้ายโจมตีตึกเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯและอาคารสำนักงานใหญ่ของเพนตาก้อนก็คือขบวนการก่อการร้ายอัลเคด้า (al-Qaeda) โดยมีอุสมะบินลาเดนเป็นหัวหน้าไม่ใช่รึ? ผ่านไป 16 ปีไหงแจ็กพ็อตมาออกฝั่งอิหร่านเฉยเลย? - ผู้แปล]
    รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นที่น่าสังเกตมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากในกลุ่มไฮแจ็กทั้ง 19 คนเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ไม่พบว่ามีพลเมืองของอิหร่านรวมอยู่ด้วยเลย ผู้ก่อการร้าย 15 คนเป็นชาวซาอุดิอาระเบีย ในขณะที่อีกสองคนเป็นชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกสองคนเป็นชาวอียิปต์และเลบานอน
    ซาอุดิอาระเบียได้รับการตัดสินให้ไม่ต้องจ่ายเงินหลายพันล้านเหรียญเป็นค่าเสียหายให้กับครอบครัวที่ของเหยื่อเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากผู้พิพากษา Judge Daniels ได้ปฏิเสธคำร้องที่ว่าประเทศซาอุดิอาระเบียสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับผู้ก่อการร้าย และได้ตัดสินว่ากรุงริยาดห์มีภูมิคุ้มกันทางอธิปไตย (Riyadh had sovereign immunity) ทนายความของซาอุดิอาระเบียได้แย้งในศาลว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงโดยตรงเกี่ยวกับประเทศซาอุดิอาระเบียและเหตุการณ์ 9/11
    [ภูมิคุ้มกันทางอธิปไตยที่ว่านั้นก็น่าจะเป็นเพราะว่า ซาอุดิอาระเบียเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลกที่ซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ และขายน้ำมันราคาพิเศษให้กับสหรัฐฯด้วยเงินดอลล่าร์ และยอมให้สหรัฐฯมีฐานทัพของตนเองในประเทศด้วยสินะ อ้อ… สมัยก่อนก็สหรัฐฯและซาอุดิอาระเบียนี่แหละที่เป็นผู้สนับสนุนและฝึกกลุ่มอัลเคด้าขึ้นมาเองกับมือ - ผู้แปล]
    ในการตอบโต้การพิจารณาคดีดังกล่าว Hossein Sheikholeslam ผู้ช่วยโฆษกรัฐสภาของอิหร่านได้เรียกการพิจารณาตัดสินดังกล่าวว่าเป็น "เรื่องที่เหลวไหลและไร้สาระ (บ้าบอคอแตก) (absurd and ridiculous)"
    "ผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการตัดสินคดีแบบนี้มาก่อน และผมก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าผู้พิพากษา (ของสหรัฐฯ) ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะทำการตัดสินเช่นนั้น... อิหร่านไม่เคยมีส่วนร่วมในการชี้แจงในศาลเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2001 เลย" Hossein Sheikholeslam กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik ของรัสเซีย
    และกล่าวต่ออีกว่า "แม้ว่าจะได้มีการตัดสินคดีอย่างเหลวไหลและบ้าบอคอแตกเช่นนั้นแล้วก็ตาม การดำเนินคดีเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าอิหร่านไม่เคยถูกพาดพิงถึงในขั้นตอนใดๆในการสืบสวนสอบสวนที่ตามมา"
    Hossein Sheikholeslam แย้งว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาคดี และว่าการขาดการมีส่วนร่วม (ในการดำเนินคดี) อาจจะนำไปสู่การพิจารณาตัดสินคดีก็ได้ การตัดสินคดีในศาลชั้นต้น (ของสหรัฐฯ) โดยทั่วไปแล้วดำเนินการได้เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีแม้จะไม่ได้ตอบสนองต่อศาลหรือหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีก็ตาม
    ผู้พิพากษา Daniels (ของสหรัฐฯ) พบว่าอิหร่านล้มเหลวในการแก้ต่างให้กับตนเองต่อข้อกล่าวหาที่ว่ามีบทบาทในเหตุการณ์ 9/11 อิหร่านเชื่อว่าการดำเนินคดีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่มีความจำเป็น เพราะว่าอิหร่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีดังกล่าวด้วยเลย
    [นี่ขนาดว่าจำเลยหรือผู้ต้องสงสัยไม่ได้มาขึ้นศาลและไม่ได้ส่งตัวแทนหรือทนายความไปแก้ต่างต่อสู้คดีด้วยเลย ศาลของประเทศสหรัฐฯที่อ้างว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ยังสามารถพิจารณาตัดสินคดีได้เฉยเลย ว้าวววว! ศาลไทยน่าจะเอาอย่างนี้บ้างนะครับ เชื่อว่าพวกที่ทำผิดกฎหมายแล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศคงจะถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดเป็นจำนวนมากเช่นกัน - ผู้แปล]
    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า ในสหรัฐฯนั้น ได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับบทบาทของกรุงเตหะรานในเหตุการณ์ 9/11 อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รายงานของคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 กล่าวว่า มีพวกไฮแจ็กบางคนเดินทางผ่านอิหร่านและไม่ได้ประทับตราที่หนังสือเดินทางของพวกเขา และรายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า กองกำลังฝ่ายเฮชบอลเลาะห์ (ของเลบานอน) ซึ่งสหรัฐฯกำหนดว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ให้ "คำแนะนำและการฝึกซ้อม" (advice and training) ให้กับสมาชิกของกลุ่มอัลเคด้า (Al-Qaeda) ด้วย
    อย่างไรก็ตาม รายงานของคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวกลับไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันได้ว่าอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11 และเสนอว่า มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มเฮชบอลเลาะห์อาจจะกำลังติดตามแกะรอยสมาชิกขบวนการก่อการ้ายอัลเคด้าอยู่ก็ได้ ยังไม่ประจักษ์พยานว่าพวกนักรบเฮชบอลเลาะห์เหล่านั้นกลายเป็นนักจี้เครื่องบินในเหตุการณ์ 9/11 เลย
    ในขณะที่รายงานดังกล่าวได้เสนอให้ทำการสืบสวนต่อไปเกี่ยวกับคดีนี้ ประธานาธิบดี George W. Bush ของสหรัฐฯได้กล่าวว่า "ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างอิหร่านและการโจมตีในวันที่ 11 กันยายนเลย" (There was no direct connection between Iran and the attacks of September 11.)
    [สรุป รายงานมั่ว! แหกตาไปเรื่อย เป็นที่น่าสังเกตเกี่ยวกับเรื่องเสรีภาพของสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในเสรีภาพของสหรัฐฯก็คือการกล่าวหาและใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน และมโนขึ้นมาเองล้วนๆ แต่ก็ยังสามารถนำไปสู่การพิจารณาตัดสินคดีในชั้นศาลให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามีความผิดได้เฉยเลย
    อาจจะเป็นเพราะว่าสหรัฐฯ ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล เกรงว่าเฮชบอลเลาะห์และอิหร่านอาจจะรู้ข้อมูลในวงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอัลเคด้าก็ได้ จึงรีบออกมาชิงกล่าวหาเฮชบอลเลาะห์และอิหร่านแทนซะเลย ต่อไปสหรัฐฯอาจจะบอกว่า ปูติน, สี จิ้นผิง หรือ คิมจองอึน เป็นผู้วางแผนเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11 ในสหรัฐฯด้วยก็ได้มั๊งนี่ กรรม! - ผู้แปล]
    รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า ประชากรส่วนใหญ่ของอิหร่านเป็นมุสลิมนิกายชีอะ (Shia Muslims) และได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆกับขบวนการก่อการร้ายอัลเคด้า - ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในนิกายซุนนี (a militant Sunni group) - และร่วมมือระหว่างสองนิกายได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความแตกต่างด้านศาสนาด้วย เช่นอัลเคด้ามองว่าซีอะเป็นพวกนอกรีต (heretics)
    "ผู้ที่ก่อเหตุโจมตีด้วยการก่อการร้ายไม่ใช่ทั้งเพื่อนและพันธมิตรของอิหร่าน" Emad Abshenas หัวหน้าบรรณาธิการของอิหร่านกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik "พวกเขาเป็นฝูงศัตรู เป็นสมาชิกของพวกผู้ก่อการร้ายอัลเคด้า ซึ่งมองว่าอิหร่านเป็นศัตรูของพวกเขา ในผู้ก่อการร้ายทั้ง 19 คนนั้น มี 15 คนเป็นคนซาอุดิอาระเบีย ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของอเมริกานั่นเอง ที่เหลืออีกสี่คน ก็อาศัยอยู่ในซาอุดิอาระเบียด้วย และเพลิดเพลินกับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบีย ดังนั้น พวกที่เตรียมการก่อเหตุการณ์โจมตี 9/11 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอิหร่าน"
    สุดท้าย รายงานข่าวกล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อไปหลังจากการพิจารณาตัดสินของผู้พิพากษา Daniels สำนักข่าว Bloomberg กล่าวว่า มันยากที่จะได้รับค่าเสียหายจากประเทศอื่นที่ไม่เต็มใจ แต่โจทก์ (สหรัฐฯ) อาจจะพยายามกระทำเช่นนั้นโดยมีเป้าหมายที่การอายัดเงินกองทุนของอิหร่านโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ได้
    [อ่ะฮ้าาาาา! สุดท้ายก็อยากจะหาข้ออ้างในการยึดเงินของอิหร่านเอาไว้ใช้เองซะนี่ ในยามที่ถังแตกอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ตอนนี้ศาลสหรัฐฯก็เลยทำตัวเป็นศาลเจ้าโลกในการพิจารณาตัดสินคดีระหว่างประเทศแทนศาลกรุงเฮ็กซะเลย ไม่ยักกะรู้ว่าสหรัฐฯก็นิยมใช้ ม.44 ด้วยนะนี่ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    11/03/2559
    ----------
    'Evil Joke': Iran Told to Pay $10.5 Billion to 9/11 Kin, Insurers
    https://www.rt.com/usa/335174-iran-damages-september-911-victims/
    Iran Told to Pay $10.5 Billion to Sept. 11 Kin, Insurers - Bloomberg Business
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ฮ่าๆๆในขณะที่ศาลของสหรัฐฯตัดสินให้อิหร่านจ่ายเงิน 1.5 หมื่นล้านเหรียญให้กับเหยื่อเหตุการณ์ 9/11 ที่อิหร่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั้น แต่รัฐบาลสหรัฐฯกลับแอบจ่ายเงินจำนวน 1.7 พันล้านเหรียญให้อิหร่านโดยไม่ชี้แจงต่อสภาคองเกรสเฉยเลย ไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไร ดังนั้นส.ส.บางส่วนของสหรัฐฯจึงเรียกร้องให้ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯอธิบายมาซะดีๆ ก็จะเป็นค่าอะไรได้หละครับ ก็ค่าไถ่ตัวทหารอเมริกันที่ถูกทางการของอิหร่านจับตัวไปหลังจากละเมิดน่านน้ำของอิหร่านไงหละครับ (อันนี้แอ็ดมินมโนเล่นๆนะครับ)

    ภาพจาก © AP Photo/ J. Scott Applewhite

    -----------------
    US Lawmakers Demand Explanation for $1.7Bn State Department Payment to Iran
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    พวกหัวรุนแรงยูเครนขว้างระเบิดขวดใส่สถานทูตของรัสเซียในกรุงเคียฟ คงต้องการก่อเหตุเผาสถานทูตของรัสเซีย แต่ทั้งรัฐบาลและสื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตกเงียบกริ๊บ ไม่ออกมาประนามซักคำ (10 มี.ค.59)
    --------------
    https://www.youtube.com/watch?v=mANK-WjM-t4
    Lavrov Calls Out US Hypocrisy Amid Kiev Embassy Attacks
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/ajO_j0tjwbo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/d2MZXLol704" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Nadezhda Savchenko นักบินของยูเครนที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนักข่าวชาวรัสเซียสองคน กล่าวว่าจะประท้วงด้วยการอดอาหารให้ตายในคุกไปเลยหากศาลรัสเซียตัดสินลงโทษหล่อน หลังจากที่เคยถึง 83 วันแต่ก็ไม่ตายซักที จึงตัดสินใจที่จะเลิกอดอาหารประท้วง เพราะว่ายิ่งอดอาหารดูเหมือนว่าน้ำหนักของเธอยิ่งเพิ่มขึ้น ฮ่าๆๆ
    -----------------
    https://www.youtube.com/watch?v=ajO_j0tjwbo
    https://www.youtube.com/watch?v=d2MZXLol704
    https://www.rt.com/news/238481-savchenko-hunger-strike-stop/

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/X3_MYuI9nOs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ยูเครนประท้วงเรียกร้องให้รัสเซียปล่อยตัวนักบิน Savchenko โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาคดีของศาล กรรม! คล้ายกับคดีเกาะเต่าแถวบ้านเราไหมนั่น? และกรณีที่ออสเตรเลียเคยเรียกร้องให้ทางการของอินโดนีเซียปล่อยตัวพลเมืองของออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายค้ายาเสพติดต้องโทษประหารชีวิตในอินโดนีเซียมาแล้ว แต่อินโดฯบอกว่ากฎหมายก็คือกฎหมาย "เอาเครื่องประหารหัวสุนัขมา!"
    ---------------
    https://www.youtube.com/watch?v=X3_MYuI9nOs
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/yMm4-8fpyJ8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หลังจากที่ปธน.เปโตร โปโรเชนโก้ของยูเครนเดินทางไปเยือนกรุงอังการาประเทศตุรกี วันต่อมาก็มีเรือรบ Getman Sagaydacny ของยูเครนเข้ารับยุทโธปกรณ์บางอย่างในเมืองอิสตันบูลของตุรกี ฮึ่มมมม
    ---------------
    https://www.youtube.com/watch?v=yMm4-8fpyJ8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/XCiQBsPja68" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ในช่วงที่กำลังมีการหยุดยิงในซีเรียตามข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ กองทัพรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียก็เดินหน้าส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ประชาชนชาวซีเรียในเมืองต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในคลิปนี้เป็นการส่งความช่วยเหลือไปให้ชาวบ้านในเขต al-Husainia รอบนอกกรุงดามัสกัส (10 มี.ค.59) ไม่เห็นมีขบวนรถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแบบนี้จากฝั่งสหรัฐฯเข้าไปในซีเรียเลย ยกเว้นการหย่อนอาวุธทางอากาศให้พวกกบฎและผู้ก่อการร้ายในซีเรียเข่นฆ่าประชาชนและต่อสู้กับกองทัพของฝ่ายรัฐบาลซีเรียเท่านั้น
    ---------------------
    https://www.youtube.com/watch?v=XCiQBsPja68
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    ยูเอ็นสั่งปิดสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนในรัสเซียหลังประสบผลสำเร็จในภารกิจ, จีนจวกกองทัพสหรัฐฯกลับฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนรวมทั้งก่ออาชญากรรมข่มขืนและสังหารพลเรือนในต่างประเทศ, ประชาชนบนหมู่เกาะมาร์แชลเรียกร้องความเป็นธรรมจากสหรัฐฯหลังถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์นานถึง 12 ปี

    [​IMG]

    -----------

    เปลี่ยนจากข่าวเกี่ยวกับสงครามไปดูข่าวเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนที่สหรัฐฯและตะวันตกเรียกร้องจากประเทศอื่นนักหนาบ้างนะครับ มีอยู่ 3 ข่าวที่จะเล่าให้ฟังดังนี้

    1.) วันที่ 11 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "สำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นประสบความสำเร็จในภารกิจของตนในซีเรีย - ทูตยูเอ็นกล่าว" (UN Human Rights Office Successfully Completes Its Mission in Russia - Envoy)

    นาย Alexey Borodavkin อุปทูตแห่งสหประชาชาติในเจนีวาประจำรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik ว่า การปิดสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในรัสเซียถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีการดำเนินการตามปรกติหลังจากคณะผู้แทนของยูเอ็นประสบความสำเร็จในภารกิจ [ถูกรัสเซียถีบออกสิไม่ว่า Oopz! พูดตรงไปหรือเปล่าครับแอ็ดมิน? - ผู้แปล]

    "ได้มีการเปิดสำนักงานผู้แทน [ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ] ในกรุงมอสโคว์มานานหลายปี ระหว่างประเทศสมาชิกถาวรแห่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีเพียงกรณีนี้เท่านั้นที่เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นไปปรากฎอยู่ในประเทศรัสเซีย" Borodavkin กล่าว

    Alexey Borodavkin ผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนจากยูเอ็นกล่าวต่ออีกว่า "การมอบอำนาจดูแลภารกิจให้กับผู้แทนรวมถึงการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคต่อรัสเซียในการดำเนินโครงการต่างๆในบรรยากาศด้านการศึกษาและสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมทั้งการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันด้านสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมา"

    "ในขั้นตอนปัจจุบันนี้ ได้มีการก่อตั้งสถาบันต่างๆและทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ดีแล้ว... นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำการตัดสินใจที่จะยุติภารกิจของผู้แทนจาก UNHCR ในรัสเซีย" Borodavkin กล่าวเพิ่มเติม

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Zeid Ra'ad Hussein ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นกล่าวว่า ตนมีความกังวลเกี่ยวกับข่าวสารข้อมูลที่กำลังแพร่ออกไปเกี่ยวกับความประสงค์ของรัฐบาลรัสเซียที่ต้องการจะปิดสำนักงานผู้แทนคณะกรรมการของยูเอ็นในกรุงมอสโคว์

    "พวกเราไม่ได้พบว่ามีอะไรที่พิเศษหรือผิดปรกติในเรื่องนี้เลย (We do not see anything extraordinary or abnormal in this)" Borodavkin กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik และได้ขอบคุณ UNHCR ที่ได้ให้ความช่วยเหลือรัสเซียในบรรยากาศเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน และประกาศถึงความสำเร็จในการยุติภารกิจของยูเอ็นในรัสเซียด้วย

    [ไม่ใช่ครับ ต้องพูดว่า UNHCR ขอบคุณรัสเซียที่ให้ข้าวให้น้ำกินตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาต่างหากถึงจะถูก - ผู้แปล]

    รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ช่วยปกป้องและสนับสนุนสิทธิมนุษยชนทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเจนีวา (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) และมีสำนักงานตัวแทนอยู่ในประเทศอื่นๆอีก 40 ประเทศ

    [หลังจากที่ย้ายออกจากรัสเซียแล้ว โดยให้เหตุผลว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ก็อยากจะให้ UNHCR ไปดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศสหรัฐฯหน่อยนะครับ รู้สึกว่าจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์เหลือเกิน จีนเพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกองทัพสหรัฐฯและในประเทศสหรัฐฯเมื่อเร็วนี้เอง น่าเป็นห่วงมาก - ผู้แปล]

    2.) [มาดูข่าวที่สองกันบ้าง เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเหมือนกัน แต่เป็นฝั่งสหรัฐฯ นี่ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน ไม่ใช่การส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนเหมือนที่เกิดขึ้นในรัสเซียตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่เป็นการประสบความสำเร็จในการ "ละเมิดสิทธิมนุษยชน" - ผู้แปล]

    วันที่ 11 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "จีนบอกว่ากองทัพสหรัฐฯกระทำความผิดในการข่มขืนและก่ออาชญากรรมในต่างประเทศ" (China Alleges US Troops Guilty of Rape and Murder on Foreign Soil)

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นาย Fu Cong เจ้าหน้าที่ทางการทูตของจีนประจำคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า "สหรัฐฯได้ทำการดักฟังนอกเขตอำนาจของตนเองอย่างกว้างขวาง มีการใช้โดรนเพื่อโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของประเทศอื่นๆ และกองทัพของสหรัฐฯก็ทำการข่มขืนและฆาตกรรมประชาชนท้องถิ่นในต่างประเทศด้วย"

    การประนามดังกล่าวเกิดขึ้นในการตอบโต้ต่อการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีนจากฝ่ายสหรัฐฯ รวมถึงการคุมขังนักกิจกรรมและทนายความฝ่ายต่อต้านรัฐบาลของกรุงปักกิ่งด้วย ในสัปดาห์นี้ มี 11 ประเทศซึ่งรวมทั้งออสเตรเลียและญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับสหรัฐฯในการออกแถลงการณ์วิจารณ์นโยบายเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนของจีน

    โดยแถลงการณ์ดังกล่าวได้เรียกร้องให้กรุงปักกิ่งยุติกลยุทธ์การปราบปราม และกล่าวว่าการดำเนินการปราบปรามฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของจีนและพันธกรณีระหว่างประเทศ

    กรุงปักกิ่งได้โต้แย้งมาโดยตลอดว่า จีนจะทำการแยกแยะการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ถูกต้องออกไป และแย้งว่าประเทศอื่นๆโดยเฉพาะอย่างย่ิงพวกประเทศตะวันตกอย่างเช่นสหรัฐฯนั่นแหละที่ควรจะตรวจสอบตัวเลข (การละเมิด) ด้านสิทธิมนุษยชนของตนเองก่อนที่จะเริ่มทำการกล่าวหาและประนาม (ผู้อื่น)

    [ตอนนี้ตุรกีซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของนาโต้ ยูเครน ซาอุดิอาระเบีย พันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯและอียู ต่างก็มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโจ่งครึ่มกันมากมาย แต่สหรัฐฯและอียูกลับทำเป็นมองไม่เห็น แต่หันไปโจมตีจีนแทน ในประเทศสหรัฐฯและในอียูเองก็มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันอยู่ทุกวัน แต่รัฐบาลเหล่านั้นก็ไม่ออกมาประนามแต่เลือกที่จะชี้นิ้วไปยังประเทศเป้าหมายที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับสหรัฐฯและตะวันตก - ผู้แปล]

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า การตีความแบบตะวันตกเกี่ยวกับตำแหน่งด้านสิทธิมนุษยชนภายในประเทศอย่างเป็นทางการของจีนที่มองแบบหละหลวมว่า หากประชาชนชาวจีนรู้สึกอัดอั้นพวกเขาก็จะกระทำการบางอย่าง และว่าการขาดหายไปของความไม่สงบภายในประเทศก็คือหลักฐานของความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างประชาชนและรัฐบาลนั้น กรุงปักกิ่งขอแถลงว่า คนจีนย่อมมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะผ่านการพิจารณาตัดสินในเงื่อนไขทางสังคมในจีนได้เอง ซึ่งไม่ใช่พวกนักตรวจสอบระหว่างประเทศ [แปลว่า เรื่องของคนจีนก็ให้คนจีนจัดการกันเอง สหรัฐฯและตะวันตกอย่าเจือก! - ผู้แปล]

    นาย Fu Cong ยังได้กล่าวถึงการเหยียดผิวชาติพันธุ์ในอเมริกาด้วยว่า "เป็นอาการป่วยที่เรื้อรังหยั่งรากลึกของประเทศนั้น (ของสหรัฐฯ)" (…the endemic racism in America is the country’s deep-rooted malaise)

    วันที่ 11 มี.ค.59 บทบรรณาธิการของ Global Times ของจีนตั้งชื่อบทความว่า "เสรีภาพในการพูดแบบตะวันตกไม่เหมาะกับจีน" (Western speech freedom not fit for China) เป็นบทความที่จีนออกมาเตือนตะวันตกและฝ่ายรัฐบาลของจีนเอง น่าสนใจ แต่ถ้าแปลแล้วก็จะยาว ดังนั้นจึงขอแปลย่อหน้าสุดท้ายว่า

    "…จีนจะไม่รับเอาการตอบโต้ของพวกตะวันตกต่อกฎระเบียบในการพูดมาเป็นการอ้างอิง จีนจะต้องแสวงหาทางออกให้กับระบบเสรีภาพในการพูด (free speech) ที่เหมาะสมกับสังคมจีน ในกระบวนการนี้ ทางการจีนก็ควรที่จะมีความอดทนอดกลั้น และฝ่ายที่กำหนดนโยบายก็ควรจที่จะฉลาดในการใช้เสรีภาพของตนในการแสดงความคิดเห็นด้วย"

    [สหรัฐฯและตะวันตกต้องการเปลี่ยนให้ประเทศอื่นเป็นเหมือนตนเอง (มีหนี้สินท่วมหัวจำนวนมาก?) มีการประท้วงรายวัน มีการเผาค่ายผู้อพยพรายสัปดาห์ (ในยุโรป) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวยิงคนผิวสีที่ไม่มีอาวุธในมืออยู่บ่อยๆในสหรัฐฯ ก็ออกมากดดันให้จีนและประเทศอื่นเอาอย่างสหรัฐฯบ้าง โดยอ้างเรื่องเสรีภาพ งั้น… ถ้าจีนจะบอกว่า จีนก็ขอใช้เสรีภาพของจีนโดยเรียกร้องให้สหรัฐฯและประเทศอื่นอย่ายุ่งกับกิจการภายในของจีนบ้าง หรือเรียกร้องให้สหรัฐฯและตะวันตกดำเนินนโยบายอย่างจีนบ้าง สหรัฐฯจะยอมรับได้ไหม?

    สหรัฐฯอ้างเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือทางทะเล เพื่อที่จะได้ส่งเรือรบของตนเองเข้าไปในทะเลจีนใต้ได้อย่างถาวรเพื่อปิดล้อมจีน แต่พอรัสเซียเพียงแค่ส่งเรือวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลไปแถวคิวบาแค่นั้นแหละ สหรัฐฯรีบแหกปากตะโกนไปสามโลกว่ารัสเซียก้าวร้าว ยั่วยุ หรือพยายามรุกรานสหรัฐฯซะงั้น ทั้งๆที่เรือของรัสเซียก็อยู่ในน่านน้ำสากล

    เหมือนกับที่เครื่องบินรบของรัสเซียไปบินเล่นในน่านฟ้าสากลในยุโรป แต่อังกฤษและนาโต้กลับประสาทแตกเต้นเป็นผีเข้าร้องตะโกนว่ารัสเซียบุกแล้ว! ตอนนี้สหรัฐฯขยันส่งเรือรบของตนเองไปยั่วจีนในทะเลจีนใต้ ระวังเดี๋ยวรัสเซียกับจีนก็อาจจะส่งเรือรบของตนเองไปวิ่งเล่นในน่านน้ำสากลใกล้หน้าบ้านของสหรัฐฯบ้าง อย่าโวยละกัน - ผู้แปล]

    3.) ข่าวที่สาม อันนี้ขอเล่าโดยย่อนะครับ วันที่ 8 มี.ค.59 Sputnik news รายงานว่าในยุคสงครามเย็น สหรัฐฯได้จุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์บนหมู่เกาะมาร์แชล (Marshall Islands) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ถึง 67 ลูก ตลอดระยะเวลา 50 ปีต่อมา ในที่สุดชาติเล็กๆในแปซิฟิกก็จะมีโอกาสของตนเองในศาลโลกบ้าง

    รายงานข่าวบอกว่า ระหว่างปี 1946-1958 สหรัฐฯได้ใช้หมู่เกาะในทะเลแปซิฟิกใต้เป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง การทดลองเหล่านั้นได้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อหมู่เกาะมาร์แชลซึ่งถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถึง 67 ลูก

    [ขนาดญี่ปุ่นโดนไปแค่สองลูกสมัยสงครามโลกครั้งที่สองยังอ่วมอรทัยขนาดนั้น แล้วหมู่เกาะมาร์แชลที่ไม่ได้เป็นศัตรูหรือไปก่อสงครามกับสหรัฐฯเลยโดนเข้าไปเต็มถึง 67 ลูก จะเหลืออะไรหละครับท่าน? นั่นแหละเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนแบบอเมริกันหละ - ผู้แปล]

    นาย Tony deBrum รัฐมนตรีแห่ง Marshall Islands กล่าวว่า "มีเกาะหลายแห่งในประเทศของผมถูกทำให้ระเหยไปในอากาศ และเกาะอื่นๆก็ไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้อีกหลายพันปี มีผู้คนเสียชีวิต ประสบกับความทุกข์ทรมานจากความบกพร่องตั้งแต่เกิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และต่อสู้อยู่กับโรคมะเร็งจากการปนเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก"

    ประเทศชาวเกาะแห่งนี้ได้ยื่นฟ้องเก้าคดี ซึ่งตั้งข้อหาว่า ประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ของโลกได้ละเมิดสนธิสัญญาการไม่แพร่หลายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty) ในความล้มเหลวที่จะลดคลังแสงของตน

    ในขณะที่สหรัฐฯได้ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมนั้น การฟ้องร้องเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮ็ก (The Hague) ในหนึ่งสัปดาห์ครึ่งข้างหน้า ผู้พิพากษาจะรับฟังการไต่สวนเกี่ยวกับการดำเนินคดีระหว่างอินเดียและปากีสถาน การไต่สวนคดีรอบที่สามต่ออังกฤษจะเริ่มขึ้นในวันพุธนี้ (ผ่านมาแล้ว)

    [งานนี้สหรัฐฯไม่รับอำนาจศาลโลกซะงั้น อ้อ… เป็นเพราะว่าสหรัฐฯมีศาลแขวงที่นิวยอร์กทำหน้าที่เป็นศาลโลกไปซะแล้วหรือไม่? - ผู้แปล]

    แม้ว่าจะดูเหมือนว่าการฟ้องร้องจะไม่สามารถปลดอาวุธของมหาอำนาจโลกได้โดยเบ็ดเสร็จ แต่การไต่สวนคดีเหล่านั้นก็จะได้แสดงให้เห็นว่า ศาลโลกสามารถที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้กับประเทศเล็กๆได้บ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

    [อ้าว! แล้วที่สหรัฐฯออกมาต่อต้าน คัดค้าน และประนาม อิหร่านและเกาหลีเหนือเกี่ยวกับเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่ตัวเองยังคงเดินหน้าเสริมสมรรถภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองให้ทันสมัยและพยายามที่จะนำไปติดตั้งเพิ่มเติมในยุโรปด้วยนั่นหละ คืออะไร?

    ก็แค่ละครแหกตาฉากหนึ่งของสหรัฐฯเท่านั้นเอง "ข้าทำได้ คนอื่นห้ามทำ!" ถ้าใครไม่เชื่อฟังคำสั่งของจักรวรรดิเฮเกก็จะถูกเหมาว่าเป็นภัยคุกคาม และอาจจะถูกหาเรื่องยึดทรัพย์หน้าตาเฉยแบบที่กำลังทำกับอิหร่านก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะโดนบอมบ์แบบอิรัค ลิเบีย และซีเรีย - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    12/03/2559
    ----------
    UN Human Rights Office Successfully Completes Its Mission in Russia - Envoy
    China Alleges US Troops Guilty of Rape and Murder on Foreign Soil
    Western speech freedom not fit for China - Global Times
    Island Nation Takes Nuclear Superpowers to Court Over 'Vaporized' Territory
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2016
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แฉเอกสาร ระบุตัวตนนักรบไอซิส 22,000 คนจากหลายสิบประเทศทั่วโลก โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 11, 2016


    [​IMG]

    presstv – มีการเปิดเผยเอกสารลับของสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่ระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และชื่อของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ประมาณ 22,000 คน

    เว็บไซด์ ซามาน อัลวุซูล ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏในซีเรียได้เปิดเผยแผ่นซีดีข้อมูลสัมภาษณ์คนที่เคยรับสมัครเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส ซึ่งมีการตั้งคำถามประมาน 22 ข้อ ซึ่งมีการระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และชื่อญาติที่ติดต่อ และหมู่โลหิต อีกด้วย

    เว็บไซด์ดังกล่าวอ้างว่า เอกสารเหล่านี้ที่มีการเปิดเผยกรณีอัตลักษณ์ของสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอซิสประมาณ 173600 คน จาก 40 ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นสัญชาติซาอุดิอาระเบีย ตามรายงานระบุว่า หนึ่งส่วนสี่เป็นชาวซาอุดิอาระเบีย และที่เหลือเป็นชาวตูนิเซีย โมร็อกโคและอียิปต์

    be1fa654-0628-4a41-8048-bddade1bdadc

    ส่วนสำนักข่าวสกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวานนี้ (9 มี.ค.) ว่า ได้รับไฟล์เอกสารนับหมื่นฉบับที่ระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และชื่อญาติที่ติดต่อได้ของนักรบไอซิส 22,000 คน และเอกสารเหล่านี้เป็นแบบฟอร์มซึ่งสมาชิกใหม่ทุกคนต้องกรอกก่อนไอเอสจะยอมรับเข้ากลุ่ม

    เอกสารเหล่านี้มีข้อมูลส่วนตัวของนักรบไอซิสทั้งจากยุโรปเหนือ สหรัฐฯ แคนาดา แอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง โดยบางรายก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน

    เว็บไซต์ของสื่อนี้ระบุว่า “สกายนิวส์ได้แจ้งเรื่องชุดเอกสารเหล่านี้ให้ทางการทราบแล้ว” แต่ล่าสุด ทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ ออกมา
เอกสารเหล่านี้มีข้อมูลส่วนตัวของนักรบไอซิสทั้งจากยุโรปเหนือ สหรัฐฯ แคนาดา แอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง โดยบางรายก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน

    ริชาร์ด บาร์เร็ตต์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลกของหน่วยข่าวกรอง MI6 ได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า บันทึกเหล่านี้เป็นเหมือนแสงสว่างที่จะช่วยเปิดโปงให้โลกรู้ว่าใครบ้างที่ไปเข้าร่วมกับไอซิส

    จากสำเนาเอกสารที่เผยแพร่พบว่า สมาชิกไอเอสจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว 23 ข้อ เช่น หมู่เลือด, ชื่อเดิมของมารดา, ระดับความเข้าใจกฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) และประวัติการทำงานในอดีต เป็นต้น
บางรายชื่อก็เป็นนักรบไอเอสที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เช่น “อับเดล-มาญีด อับเดล-บารี” อดีตแรปเปอร์จากฝั่งตะวันตกของกรุงลอนดอน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยนำรูปถ่ายตัวเองขณะกำลังหิ้วศีรษะเชลยไปโพสต์ลงทวิตเตอร์จนเป็นที่ฮือฮา หรือ “จูนาอิด ฮุสเซน” แฮกเกอร์หนุ่มจากเมืองเบอร์มิงแฮมที่ถูกสังหารในปฏิบัติการโดรนเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว

    สกายนิวส์ ระบุว่า เอกสารเหล่านี้ได้มาจากบุคคลที่ชื่อ “อบู ฮาเมด” อดีตสมาชิกกองกำลังปลดปล่อยซีเรียที่เคยหลงผิดไปเข้าร่วมกับไอซิส

    เขาขโมยเมมโมรีสติ๊กที่เก็บข้อมูลประวัตินักรบ และส่งมอบให้แก่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งในตุรกี โดยอธิบายว่าที่ตัดสินใจหนีออกมาเพราะรับไม่ได้ที่ไอซิสไม่เคารพหลักการที่แท้จริงของอิสลาม
ฮาเมด ยังอ้างด้วยว่า ไอซิสตัดสินใจทิ้งศูนย์บัญชาการใหญ่ที่เมืองรอกเกาะห์ในซีเรียแล้ว และกำลังมุ่งหน้าออกไปทางทะเลทราย


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    แฉเอกสาร ระบุตัวตนนักรบไอซิส 22,000 คนจากหลายสิบประเทศทั่วโลก | abnewstoday
     

แชร์หน้านี้

Loading...