หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ขอบคุณครับที่สอบถามมา ต้องการพิมพ์ไหนกรุณาแจ้งได้ที่กล่องข้อความได้นะครับ ผมไม่ค่อยได้เข้ามาดู หากตอบช้าต้องขออภัยครับ...
     
  2. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘

    ครบรอบ ๑๔๓ ปี องค์สมเด็จพระพุฒมาจารย์โต พรหมรังสี ทรงสิ้นชีพิตักษัย
    ขอน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณที่ท่านมีต่อปวงชนชาวไทย สาธุ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. audchukiat

    audchukiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +665
    สาธุ
     
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ตรุษจีนปีนี้ "คิดหวังสิ่งใด ขอให้สำเร็จสมหวังทุกๆประการ" ด้วยพระพุทธานุภาพ พระธัมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ
    น้อมกราบ กราบ กราบ สาธุๆ

    ๑. พระรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อเงิน พิมพ์ช่างหลวง
    ๒. พระปิดตาพิมพ์ปั้น หลวงปู่แก้วฯ
    ๓. พระรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ใหญ่ พิมพ์ปรมาจารย์โลกอุดร
    [ขอประทานโทษครับที่ไม่ได้แวะเข้ามาปรับปรุงซะนาน]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMAG2514.jpg
      IMAG2514.jpg
      ขนาดไฟล์:
      355.2 KB
      เปิดดู:
      2,287
    • IMAG3452_1.jpg
      IMAG3452_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      339.5 KB
      เปิดดู:
      2,014
    • IMAG3828_1.jpg
      IMAG3828_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      319.4 KB
      เปิดดู:
      2,258
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2016
  5. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    [​IMG]

    ฤกษ์งามยามดี วาระดิถี "วันตรุษจีน" ขออาราธนาพระปางประทานพรที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)อธิษฐานจิตปลุกเสก อำนวยพรให้ท่านประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว ทุกท่านเทอญ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5807.JPG
      IMG_5807.JPG
      ขนาดไฟล์:
      810.1 KB
      เปิดดู:
      250
    • IMAG1436.jpg
      IMAG1436.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      402
    • DSCN0688_resize.JPG
      DSCN0688_resize.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.3 KB
      เปิดดู:
      2,085
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2016
  6. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

    [​IMG]
    [​IMG]
    พิมพ์นี้ทางวงการเรียกกันว่าพิมพ์ขี้ตาซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมน่าฟังสักเท่าไร แต่เพื่อให้เข้าใจตรงกันถึงลักษณะของพิมพ์ก็ว่ากันไปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    พระสกุลวังอีกพิมพ์หนึ่งที่หาดูได้ยากครับ พิมพ์ซุ้มประตู
    [​IMG] [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    การตรวจแยกพระเครื่อง ด้วยตนเอง

    สำหรับผู้ที่นิยมพระเครื่องด้วยศรัทธา นำมาบูชาเป็นสิริมงคลแก่ตนหรือญาติมิตร ผมขอแนะนำเรื่องการแยกแยะพระ(แท้ เก๊) เพื่อนำมาใช้เป็นการเฉพาะตนได้ด้วยศาสตร์โบราณที่เรียกว่า ศาสตร์เพนดูลั่ม
    จากประสบการณ์ทั้งจากตนเองและผู้คนที่รู้จักคุ้นเคยและใช้ศาสตร์นี้ มีความแม่นยำค่อนข้างมาก สามารถรู้ได้ลึกกว่าการจับพลังพระ การส่องด้วยกล้องขยายที่เราใช้กันต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในพระเครื่ององค์นั้นๆและอาจ"โดน"พระฝีมือแถมยังต้องเล่นตามเซียนไปเสียอีก
    คงขออารัมภบทไว้เพียงแค่นี้ก่อน ท่านที่สนใจก็ลองหาความรู้เบื้องต้น ทำความรู้จักกับศาสตร์นี้ได้ที่ www.pendulumthai.com การฝึกและเรียนรู้ ไม่ยาก แล้วจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้กันในโอกาสต่อไปครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    พระสมเด็จ พิมพ์โบราณ(ขุนแผนบ้านกร่าง)

    [​IMG]
    [​IMG]
    ช่างที่แกะพิมพ์ถวายสมเด็จโต วัดระฆัง นอกจากจะสร้างสรรจากจินตนาการของช่างแล้ว ยังนำรูปแบบพระพิมพ์โบราณมาแกะด้วยแบบล้อพิมพ์ จึงมีไม่น้อยที่จะเห็นพระสมเด็จที่เป็นพิมพ์ล้อพระโบราณ เพียงแต่น้อยคนจะรู้ถึงข้อมูลนี้
    พระสมเด็จ พิมพ์ขุนแผนองค์นี้ จะลงรักปิดทองด้านเดียว ทำให้ได้เห็นเนื้อหามวลสารด้านหลัง รวมถึงธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนผิวพระด้วย แม้แต่รักและทองจะเห็นได้ว่ารักทองเก่าเป็นเช่นนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์แหวกม่านเจดีย์เล็ก
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. audchukiat

    audchukiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +665
    ชอบครับ
     
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ครบรอบ ๑๔๔ ปี อมตบารมีสิ้นชีพิตักษัย องค์หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

    [​IMG]
    ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ - ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙

    วันนี้เป็นวันครบรอบ ๑๔๔ ปี อมตบารมีสิ้นชีพิตักษัย องค์หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

    ขอนอบน้อมแด่บารมีแห่งองค์หลวงปู่ฯด้วยเศียรเกล้า
    ...................................................................

    "คติธรรมคำสอน องค์หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)"

    เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ...
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) กล่าวว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จสุดยอดในทางธรรม คือ จะต้องมีสัจจะอันแน่วแน่และมีขันติธรรมอันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุความสำเร็จได้

    อาตมามีกฎอยู่ว่า เช้าตีห้าไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง อากาศจะหนาว ต้องตื่นทันที ไม่มีการผัดเวลา แล้วเข้าสรงน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วจึงได้สวดมนต์และปฏิบัติสมถกรรมฐานหนึ่งชั่วโมง พอหกโมงตรงก็ออกบิณฑบาต เพื่อปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ฝึกจิตให้ได้ผลต้องตรงต่อเวลา กลับจากบิณฑบาตแล้ว ก็เอาอาหารตั้งไว้ ตักน้ำใส่ตุ่ม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า โดยปกติอาตมาฉันมื้อเดียวเว้นไว้มีกิจนิมนต์ จึงฉันสองมื้อ สี่โมงเช้าถึงเที่ยง ถ้ามีรายการไปเทศน์ ก็ไปเทศน์ตามที่นัดไว้ วันไหนไม่ติดเทศน์ก็จะปิดประตูกุฏิทันที ไม่ให้ใครๆเข้าไป ในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาศึกษาตำรา เวลาบ่ายโมงจึงออกรับแขก บ่ายสามโมงไม่ว่าใครจะมาอาตมาจะให้ออกจากกุฏิไปหมด เพราะถึงเวลาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ฉะนั้น จุดสำคัญจงจำไว้ เราจะปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ต้องมีสัจจะเพื่อตน โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ถึงเวลาทำสมาธิต้องทำ ไม่มีการผัดผ่อนใดๆ ทั้งสิ้น

    หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
    ๑.จะต้องมีสัจจะต่อตนเอง
    ๒.จะต้องไม่คล้อยตามอารมณ์ของมนุษย์
    ๓.พยายามตัดงานในด้านสังคมออก และไม่นัดหมายใครในเวลาปฏิบัติกรรมฐาน
    ดังนั้นเมื่อจะเป็นนักปฏิบัติธรรมจำเป็นจะต้องมีกฎเกณฑ์ของเราเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง
    ทางแห่งความหลุดพ้น... เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตใจของมนุษย์ ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน

    แต่งใจ...
    ขอให้ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดีเถิดว่า ร่างกายของเรานี้ไฉนจึงต้องชำระทุกวันทั้งเช้าและเย็นจะขาดเสียไม่ได้ทั้งที่หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ แต่ยังมีกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา แม้จะพยายามหาของหอมมาทาทับ ก็ปกปิดกลิ่นนั้นไม่ได้ ...ใจของเราล่ะ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าร่างกายเป็นผู้สั่งบัญชางาน ให้กายแท้ๆ มีใครเอาใจใส่ชำระสิ่งสกปรกออกบ้าง ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันสั่งสมสิ่งไม่ดีไว้มากเพียงใด หรือว่ามองไม่เห็นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ทำความสะอาดหรือ?

    กรรมลิขิต...
    เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้ ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต

    อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่
    ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว
    ย่อมลบล้างอดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล
    วิบากตน ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง

    เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว เขาถือว่าเป็นกฎแห่งปัจจังตัง ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เอง ถึงเอง แล้วจึงจะเข้าใจ

    นักบุญ...
    การทำบุญก็ดี การทำสิ่งใดก็ดี ถ้าเป็นการทำตนให้ละทิฏฐิมานะทำเพื่อให้จิตเบิกบาน ย่อมเสวยบุญนั้นในปรภพ มนุษย์ทุกวันนี้ทำแบบมีกิเลส ดังนั้น บางคนนึกว่าเขาสร้างโบสถ์เป็นหลังๆ แล้วเขาจะไปสวรรค์หรือเปล่า เขาตายไปอาจจะต้องตกนรก เพราะอะไรเล่า เพราะถ้าเขาสร้างด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นการทำเพื่อเอาบุญบังหน้าในการเสวยความสุขส่วนตัวก็มี บางคนอาจเรียกได้ว่าหน้าเนื้อใจเสือ คือข้างหน้าเป็นนักบุญ ข้างหลังเป็นนักปล้น

    ละความตระหนี่มีสุข...
    ดังนั้นบุญที่เขาทำนี้ถือว่า ไม่เป็นสุข หากมาจากการก่อกรรม บุญนั้นจึงมีกระแสคลื่นน้อยกว่าบาปที่เขาทำเอาไว้หากมีใครเข้าใจคำว่า บุญ นี้ดีแล้ว การทำบุญนี้จุดแรกในการทำก็เพื่อไม่ให้เรานี้เป็นคนตระหนี่ รู้จักเสียสละเพื่อความสุขของผู้อื่น ธรรมดาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อมีทุกข์ก็ควรจะทุกข์ด้วย เมื่อมีความสุขก็ควรสุขด้วยกัน

    อย่าเอาเปรียบเทวดา...
    ในการทำบุญ สิ่งที่จะได้ก็คือ ระหว่างเราผู้เป็นมนุษย์เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้จะเป็นมงคล ทำให้จิตใจเบิกบานดีนี่คือการเสวยผลแห่งบุญในปัจจุบัน ทีนี้การทำบุญเพื่อจะเอาผลตอบแทนนั้น มนุษย์นี้ออกจะเอาเปรียบเทวดา ทำบุญครั้งใด ก็ปรารถนาเอาวิมานหนึ่งหลังสองหลัง การทำบุญแบบนี้เรียกว่า ทำเพราะหวังผลตอบแทนด้วยความโลภ บุญนั้นก็ย่อมจะไม่มีผล ท่านอย่าลืมว่า ในโลกวิญญาณเขามีกระแสทิพย์รับทราบในการทำของมนุษย์แต่ละคนเขามีห้องเก็บบุญและบาปแห่งหนึ่งอันเป็นที่เก็บบุญและบาปของใครต่อใครและของเรื่องราวนั้นๆ กรรมของใครก็จะติดตามความเคลื่อนไหวของตนๆนั้น ไปตลอดระหว่างที่เขายังไม่สิ้นอายุขัย

    บุญบริสุทธิ์...
    การที่สอนให้ทำบุญโดยไม่ปรารถนานั้นก็เพื่อให้กระแสบุญนั้นบริสุทธิเป็นขั้นที่หนึ่ง จะได้ตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ แต่ถ้าตามไม่ทันในปัจจุบันชาติ ก็ติดตามไปให้เสวยผลในปรภพ คือ เมื่อสิ้นอายุขัยจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ฉะนั้น เขาจึงสอนไม่ให้ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน สิ่งดีที่ท่านทำไปย่อมได้รับสนองดีแน่นอน

    สั่งสมบารมี...
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักปฏิบัติธรรมแล้ว การทำบุญทำทานย่อมเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติจิตให้บรรลุธรรมได้เร็วขึ้นเป็นบารมีอย่างหนึ่ง ในบารมีสิบทัศที่ต้องสั่งสม เพื่อให้สำเร็จมรรคผลนิพพาน

    เมตตาบารมี...
    การทำบุญให้ทานเพียงแต่เรียกว่า ทานบารมี หากบำเพ็ญสมาธิจิตจนได้ญาณบารมี และโดยเฉพาะการบำเพ็ญทุกอย่างนั้น ถ้าท่านให้โดยไม่มีเจตนาแห่งการให้ ให้สักแต่ว่าให้เขาท่านก็ย่อมได้กุศลเรียกว่าไม่มากและทัศนคติของอาตมาว่าการบำเพ็ญเมตตาบารมีในภาวนาบารมีนั้นได้กุศลกรรมกว่าการให้ทาน

    แผ่เมตตาจิต...
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม ๓ อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา ๑ ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ ๑ หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า

    อานิสงส์การแผ่เมตตา...
    ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเมื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเรา หรืออีกนัยหนึ่งว่าเราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้ เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง ๔ นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหายเป็นปกติดั่งเดิมได้

    ประโยชน์จากการฝึกจิต...
    ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิแน่วแน่ เมื่อจิตนิ่งก็รู้ตน เริ่มพิจารณาตน รู้ตนเองได้ ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญานี้เรียกว่า ปัญญาภายในจากจิตวิญญาณ ซึ่งเราจะใช้ปัญญานี้ได้แน่นอน เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นในชีวิตตลอดระยะเวลาอันยาวนานข้างหน้า นี่คือประโยชน์ของการฝึกจิตแล้ว คุณของสมาธิยังเป็นพลังป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัย เจ็บป่วยได้ กล่าวคือ การบำเพ็ญจิต จนจิตสงบนิ่งแล้ว ระบบต่างๆทางประสาทจะได้รับการพักผ่อน เป็นการปรับธาตุในกายให้เกิดพลังจิตเข้มแข็ง กายเนื้อก็จะแข็งแรงกระชุ่มกระชวยด้วย โลหิตในร่างกายจะหมุนเวียนสะดวกขึ้น ความตึงเครียดตามร่างกายและประสาทต่างๆ จะผ่อนคลายเป็นปกติ โรคต่างๆจะลดน้อยลงโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หายป่วยได้ด้วยการฝึกจิตและเดินจงกรม

    คัดลอกจากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี โดย : คุณเมดะ จาก www.mthai.comและ จาก www.luangputo.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PhooTo.jpg
      PhooTo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      1,996
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2016
  13. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +324
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    S__11091990.jpg

    "คนเราจิตเป็นเช่นไร ย่อมคิดปรุงแต่งเป็นเช่นนั้น"

    ชอบนินทาคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นนินทาตน
    ชอบใส่ร้ายคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นใส่ร้ายตน
    ชอบริษยาคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นริษยาตน
    ชอบโกรธคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นโกรธตน
    ชอบพยาบาทคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นพยาบาทตน
    ชอบเนรคุณคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นเนรคุณตน
    ชอบยกตนข่มคนอื่น. จึงคิดว่าคนอื่นต่ำต้อยกว่าตน
    ชอบตีตนเสมือคนอื่น.(ท่าน) จึงคิดว่าคนอื่น (ท่าน) เสมอตน
    ชอบเมตตาคนอื่น. จึงปรารถนาให้ผู้อื่น พ้นทุกข์ อยู่เสมอ
    ชอบกรุณาคนอื่น. จึงคิดสงสารปรารถนาให้ผู้อื่น เป็นสุข อยู่เสมอ
    ชอบอภัยให้คนอื่น. จึงไม่คิดเบียดเบียน มุ่งร้ายคนอื่นและปล่อยวาง
    (เรื่องร้ายๆได้ทุกเรื่อง)

    "จิตดี ย่อมคิดแต่สิ่งที่ดี จิตไม่ดี ย่อมคิดแต่สิ่งไม่ดี"

    ธรรมะองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
    ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗
     

แชร์หน้านี้

Loading...