เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. สปัน

    สปัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +92
    คุณอาค่ะ สมเด็จองค์ปฐมขนาดตั้งหน้ารถที่เพิ่งพุทธาภิเษกไป ทึ่วัดมีให้บูชาไหมค่ะ องค์เท่าไหร่ค่ะ
     
  2. เช่นนี้เอง

    เช่นนี้เอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,817

    สาธุๆครับ
     
  3. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  4. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  5. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    น้อมกราบหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ พี่น็อต พี่นอร์และพี่ๆลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่านครับ



    [​IMG]
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/S__19390470.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/S__19390470.jpg" border="0" alt=" photo S__19390470.jpg"/></a>

    ไม่มีให้บูชาในตอนนี้ครับเพราะสร้างออกมาให้ผู้ที่จองเช่าเพียงอย่างเดียว

    แต่ได้ยินข่าวว่าจะมีออกมาอีกเป็นเนื้อเรซิ่นและราคาเบาลงมากภายในปีนี้นะครับ จะเป็นแบบเนื้อปิดทองคำเปลวแท้หรือเคลือบทองต้องรอดูกันอีกทีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528

    [​IMG]

    โมทนาบุญกับน้องอุทยัพด้วยนะครับสาธุ
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    เรื่อง พระมหาลาภ (รุ่นพระคำข้าวและพระหางหมาก)



    " บรรดาวัตถุมงคลต่างๆ เท่าที่พบมาพระมหาลาภนี่เอาไปวันสองวันรู้ผลมากเลย "

    แต่อย่าลืมว่าทำยากเหลือเกินนะ ต้องเสกข้าวถึง 3 เดือนนี่ เลือกกับข้าวที่อร่อยจริงๆ ในวันนั้น

    " วันเดียวได้คำเดียวใช่ไหมครับ "

    มันไม่คำเดียว เดี๋ยวนี้ไม่คำแล้ว 5 ถ้วยแล้ว ท่านสั่งบอกไม่จำเป็นต้องเคี้ยว คือว่าให้ตักข้าวมา 5 ถ้วย ถ้วยแก้วนะ แล้วท่านชี้กับข้าว กับข้าวท่านชี้ของท่านเองนะ ไอ้นี่อร่อยๆๆๆ แล้วเสก เสกคาถายาวมาก กว่าฉันจะได้กินข้าวเพล พระเขาอิ่มแล้ว ต้องเสกเดี๊ยวนั้น อย่างนี้ 3 เดือน แล้วก็ไปทำผง แล้วก็มาเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งเข้าพุทธาภิเษก เขาถามว่า พระรุ่นที่ 1 กับรุ่นที่ 5 ที่ 10 อย่างไหนเก่งกว่ากัน

    " แล้วหลวงพ่อตอบว่าไงครับ "

    รุ่นที่ 500 เก่งกว่า (หัวเราะ) มันก็เท่ากันน่ะ คนเสกคนเดียวกัน ปัดโธ่เอ๋ย อย่างมีคนบางคนคุยบอกว่า โอ้ย..รุ่นแรกหลวงพ่ออมจากปากคายมาเลย เคี้ยวๆหน่อยคายมาเลยใช่ไหม ฉันเลยบอกพระ ถ้าใครเขาถามรุ่นหลังนะบอก อมตั้งแต่เช้ายันเย็น (หัวเราะ)

    วานซืนมาบอกถาคาให้ 4 ตัวเพิ่ม เขียนเหมือนสระอาแต่หนาๆ เขียน 4 ตัวให้อ่าน บอกอ่านไม่ออก ท่านเลยอ่านให้ฟัง บอกใช้เสกตอนเช้าตอนเย็นนี่หนักกว่าอีก รุ่น 2 นี่หนัก เพิ่มคาถาให้

    " คาถานี่จะสงวนลิขสิทธิ์ไหมครับ "

    อ่านไม่ได้ เฉพาะปลุกพระ เฉพาะเลย มาเพิ่มให้จากของเก่า

    " ที่ว่ากันรังสีกันแสงอะไร "

    เอ๊ะ...แปลก ปลุกพระนี่แสงไม่หมือนกัน ถ้าปลุกแก้วเหมือนกันทุกครั้งนะ มาปลุกพระคำข้าวแสงหนาทึบขาวแสงขึ้นหนามาก

    แต่พระหางหมากนี่แสงเหมือนกับดวงเทียน ไอ้ดวงเทียนกับไฟฟ้าใหญ่ๆ นะ แต่ละองค์สว่างมาก ไม่เหมือนกันอานุภาพต่างกัน และท่านก็บอกว่าพระหางหมากนี่หนักในทางป้องกันและสู้ ถ้าได้ตังค์มามากๆ ไม่มีทางป้องกันสู้เขาไม่ได้ก็เจ๊ง ก็ห้อย 2 องค์

    " และรุ่นที่จะปลุกเสก 29 ธันวานี้ (หมายถึง 29 ธันวาคม 2533 วันพุทธาภิเษก พระคำข้าวรุ่น 2 ครั้งแรก) องค์นี้มาทางไหน ทีนี้หาตังค์รักษาทางไหน "

    หาตังค์เหมือนกัน 3 เดือนทำได้ทีนะ หนักจริงๆ นั่งเสกเมื่อย

    " แหม วิตกตรงที่ว่าจะเสกกินเวลานี่ เที่ยงเสียแล้ว จอดป้ายเลย " (หัวเราะ)

    ตรงนี้เอง ต้องดูเวลา ต้องดูนาฬิกา เวลานี้เราจะลงฉันข้าว ถ้าอย่างงั้นไม่ได้เลยแน่ และปรากฏเสกจบทีไร พระเขายถา สัพพี ทุกที

    " ตอนเสกนี่หลวงพ่อตอนนั้นต้องเต็มอัตราเลยซิครับ "

    ไม่ได้ ต้องเต็ม คุมอยู่นี่ คุมเลยพลาดนิดไม่ได้ อารมณ์นี่พลาดนิดไม่ได้

    " มิน่าได้ผลเร็วเหลือเกินครับ "

    ผลเร็วเหลือเกินใช่ไหม เป็นอัศจรรย์นะ





    (จากสนทนาที่สายลม ธัมมวิโมกข์ ตุลาคม 2533)




    [​IMG]

    [​IMG]
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    ยกทรงคุยกับสมเด็จวัดสามพระยา(เรื่องพระคำข้าวมหาลาภ)



    (ยกทรงเล่าเรื่องให้ฟัง)


    “เรื่อง สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยานี่ก็ หลังจากหลวงพ่อกลับไปแล้ว ยกทรงก็นำอาหารไปถวายสมเด็จเป็นประจำ วันที่จะเป่าปลุกเสกวันที่ 29 ธ.ค. 33 ยกทรงก่อนจะเดินทางไป ท่านก็บอกว่า "


    นี่ พระสมเด็จมหาลาภคำข้าวของวัดท่าซุงน่ะ ไม่ใช่พระธรรมดานะ


    " ก็เรียนถามเป็นพระอะไรครับที่ไม่ใช่ธรรมดา "


    ท่านบอกที่อื่น ๆ ส่วนมากพระล่างปลุกเสกกัน แต่ที่วัดท่าซุงนี่มีพระล่าง คือ หลวงพ่อปลุกเสก เข้าใจไหม


    " เอ...ไม่รู้ครับ "


    พระ ล่างก็หมายถึงหลวงพ่อหลวงปู่ปลุกเสก กัน ท่านอธิบายให้ฟัง พระบนก็หมายความว่า ท่านก็หยุด แทนที่ท่านจะอธิบายต่อ ท่านก็คว้าหมากเอาปูนใส่ แล้วท่านก็ฉัน โอ๊ย ลีลาน่ารักอ่อนช้อย แล้วก็ท่านยืนยันเลยว่าพระมหาลาภคำข้าวรุ่นนี้น่ะ ท่านบอกว่าคงจะไม่ถึงตลอดปี 34 จะหมด เหตุผลก็คือ ท่านบอกว่าอย่างนี้


    ฉัน จะเล่าให้ฟัง ฉันสร้างตัวอาคารที่อาคารพระปริยัติน่ะ 90 เมตรที่วัดน่ะ เป็นสิบ ๆ ล้านนะ ค่าแรงทั้งหมดน่ะ 6 ล้านบาท แล้ววัดปากน้ำนะเขาเลยถวายค่าแรง 6 ล้านบาท แล้วท่านก็บอกว่าเขามีเงินมาให้ 6 ล้านบาท เพราะวัดปากน้ำนี่เขามีของดีอย่างหนึ่งคือ ของไม่แห้ง


    " ผมถามว่าอะไรครับ ของไม่แห้ง ว่าแล้วคว้าหมากต่อ "


    ท่านบอกว่า สด ไง ล่ะ เจ้าอาวาสเขาชื่อสด ตอนเป็น ๆ ก็สดชื่น พระที่วัดไม่ต้องบิณฑบาต เงินทองไหลมาเทมา เพราะบารมีกรรมฐานธรรมกาย และที่ท่านตายไปแล้วก็ยังสดชื่น พระที่วัดไม่ต้องบิณฑบาต เงินทองไหลมาเทมา เวลาเทศกาลงานกฐินก็มีคนจองล่วงหน้า แล้วท่านก็เลยสรุปว่า เนี่ย เพราะท่านมีดีอย่างหนึ่งคือ ไม่แห้ง รุ่นที่รับพระสมณศักดิ์ ราคาเป็นหมื่นเป็นพัน แต่ว่า... ท่านพูดแค่นั้นท่านก็หันหน้าเอาผ้าเช็ดปาก เอาน้ำบ้วนปากเสร็จแล้วนึกว่าท่านจะเล่าต่อ เปล่า ท่านเอาหมากมากินอีกคำ แล้วท่านก็เลยบอกว่า นี่คุณวีระ(ใหม่ ๆ เรียกยกทรง ตอนนี้ไม่เอาแล้วเรียกคุณวีระเสียแล้ว) คุณน่ะอย่าลืมนะไปวัดท่าซุง ตุนเข้าไปเถอะ แพงแล้วหายากแล้ว หนัก ๆ เดี๋ยวก็ว่า แล้ว หนัก ๆ แล้วท่านก็บอกว่า ต่อไปจะมีคุณค่ามาก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านบอกให้ตุนไว้ เพราะว่ามีข้างบนลงมาปลุกเสกด้วย ท่านบอกว่าท่านยืนยันอย่างนั้น ที่ท่านพูดเช่นนี้ได้ใครจะว่ายังไงก็ตามแต่ท่านบอกท่านยืนยันอย่างนี้


    (หลวงพ่อ) ว่าเรื่อยไปเลย


    " แล้วท่านก็คุยต่อ "


    คือ ว่าอย่างนี้ สมัยที่ฉันหนุ่ม ๆ นะบังเอิญไปที่วัดพระพุทธชินราชที่พิษณุโลก เขาว่าพระพุทธชินราชที่พิษณุโลกนี่ นะ มีเทวดามาช่วยมาสร้าง ไอ้ฉันก็นั่งคิด ๆ เพราะตอนนั้นก็ยังหนุ่มอยู่ แหม... ไม่จริงแน่ แต่พอฉันไปวัดท่าซุง ไปที่วิหารแก้ว 100 เมตร พอไปเห็นองค์พระพุทธชินราช ฉันเลยต้องบอกว่าฉันเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเทวดามีจริง มาสร้างมาช่วย อย่างที่วัดท่าซุงนี่ไม่ใช่วัดธรรมดา เป็นวัดล่างวัดบน แล้วท่านก็บอกว่า เนี่ย ฉันจึงยอมเชื่อว่าวัดท่าซุงนี่ ถ้าไม่มีข้างบนมาช่วยนะ ไม่มีทาง ท่านบอกไม่มีทาง


    (หลวงพ่อ) มี ทางมี แต่ไม่มีกุฏิ


    “หลวงพ่อเถียงสมเด็จ ฯ เหรอ”


    ไม่ใช่เถียงสมเด็จ เถียงยกทรง ทางน่ะมี เพราะไม่มีวิหารจะสร้าง ไม่มีเงินสร้างมีทางเยอะแยะ เดี๋ยวนี้สิไม่มีทาง


    “เมื่อก่อนมีทางใช่ไหมครับ”


    ใช่


    “แล้วท่านก็เลยบอกว่าที่วัดท่าซุงน่ะ มีข้างบนเขามาช่วยเต็มที่ ทั้งพระทั้งเทวดา ฉันเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น วัดนี้นะต่อไปจะมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (ท่านแนะนโยบายว่า) การที่จะไปทำบุญกับหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง เราต้องมีเหลี่ยมกับท่านหน่อย เพราะพระองค์นี้ไม่เหมือนพระชาวบ้านชาวเมือง”


    เหมือนยังไง คนละคน ไม่เหมือนกันหรอก สมเด็จผอมกว่าฉัน แล้วฉันต่ำกว่าสมเด็จ(หัวเราะ)


    “องค์นั้นไม่มีหนี้ องค์นี้เป็นหนี้”


    ไม่ก้อยฉันว่าเป็นหนี้ เป็นนะ เป็น


    “เขาเรียกว่าเป็นหนี้เงียบ ๆ นะครับ”


    ใช่ ๆๆ


    “ฉะนั้น ท่านถึงยอมรับว่าเพราะข้างบนข้างล่างมาร่วมกัน งานจึงสำเร็จเรียบร้อย ท่านบอกว่าอย่างนี้ คือว่าถ้าจะไปเช่า จะไปทำบุญหรือจะไปเช่าพระมหาลาภคำข้าวกับหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงน่ะ ต้องละเอียดกว่าท่านหน่อย ท่านแนะผมว่าอย่างนี้แล้วท่านก็เรียกลูกศิษย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง หนู ๆ ๆ เข้ามา ๆ ฝากเงินคุณวีระไป 50 บาท ไปเช่าพระผง แต่เวลาเข้าไปน่ะ ให้เข้าไปทีละ 10 บาท ได้องค์หนึ่ง แล้วก็ถอยออกมาแล้วไปต่อแถวที่เดิมอีกจะได้ 5 องค์ เพราะว่าเข้าไปทีเดียว 50 น่ะได้องค์เดียว


    " พอพูดแล้วท่านก็หัวเราะ ท่านดีใจว่าเหลี่ยมดีกว่าวัดท่าซุง "


    “ นี่ แหละครับ ความจริงไปคุยทุก ๆ วัน วันละเรื่อง ๆ นะ ที่พูดวันนี้ ก็เพราะว่าเกี่ยวโยงกับพระคำข้าวมหาลาภ พยายามนะ เก็บไว้ องค์ไหนที่รับกับมือหลวงพ่อ องค์นั้นนะเก็บให้ดี ให้ติดกับตัว จะเลี่ยมหรือว่าจะใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แยกต่างหาก เพราะว่าท่านไม่ได้แจกองค์เดียว ตอนนี้ยกทรงก็เผลอเถียง ไม่ได้เถียงนะ ค้าน แจกองค์เดียวครับขนาดแจกไปแจกมาที แรกก็มือแจกนะ หนัก ๆ เข้า ก็ต้องยื่น ๆๆๆ แถมสโลโมชั่น สงสัยจะเหนื่อยนะ เราบอกไม่ใช่ แจกองค์เดียวครับ ท่านก็ยังยืนยัน แต่ความจริงหลวงพ่อมีองค์ปฐมหรือองค์ปัจจุบัน ครับที่สงเคราะหลวงพ่ออยู่ เวลาแจกพระ ”

    (หลวงพ่อ) เวลาแจกหรือ 1. องค์ปฐม 2. องค์ปัจจุบัน 3. พระพุทธทีปังกร 4. พระพุทธกัสสป และ 5. พระปัจเจกพุทธเจ้าที่อยู่เวลานี้นะ


    “อย่างนั้นก็ตรง ที่สมเด็จท่านพูดเป็นนัย ๆ ก็มาตรงกัน "

    ตรงกันเพราะท่านรู้เรื่อง

    “ แล้วการปลุกเสกคราวนี้จะมีอะไรที่พอจะเล่าให้ลูกหลานฟังบ้างไหมครับ เพราะต้องผิดปกติแน่ ”


    มี ขาบวมทั้ง 2 ข้าง ขึ้นไปกุฏิขาบวมปูดเลย ไอ้ขาโต๊ะ เขาทำขยับขาไม่ได้ เขาทำเป็นชั้นมันต่ำ ขยับขาไม่ได้ ชาเด่ พอดีหมอคอยอยู่ หมอไปคอยอยู่ 2 วัน


    “ นี่เป็นความอัศจรรย์ ”


    ใช่ ๆๆๆๆ


    “ บางครั้งมีเหตุการณ์ เกิดมีหมาหอน พอจะหอนก็หอนพร้อมกัน ตอนที่หลวงพ่อปลุกเสกน่ะ แล้วก็ไฟดับ หลวงพ่อลองเล่าดีกว่า ขาบวม ไม่เอาครับ ”


    ไม่ใช่ขาบวม มันเป็นขามหาเศรษฐีน่ะ อ้าว แบบมันยืนไม่ไหว ขาบวมไง เออ ก้าวไม่ขึ้น หนัก ความจริง พระท่านมาเต็มที่ สมเด็จองค์ปฐมลอยเต็ม พระพุทธเจ้าล้อมเต็ม แต่ไม่เห็นของที่ปลุกเสกเลย แสงขึ้นนะ สว่างมาก ของที่ปลุกเสกน่ะมองไม่เห็น


    “ ก็แสดงว่าองค์ปฐมเป็นประธาน ”


    ทั้งหมด พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยะทั้งหมด พรหม เทวดาทั้งหลาย พอเสร็จแล้วฉันตั้งเวลาไว้ 1 ชั่วโมง พอถึงเวลา 50 นาที ท่านบอกเต็มแล้วลูก แต่ว่าเวลาที่นั่งปลุกน่ะ ตามปกติมีพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตรคุมฉัน และปลุกพระคำข้าว กับพระหางหมากนี่ องค์ปัจจุบันคุมฉันเอง เวลาท่านยืนคุมอยู่ท่านพุ่งแสงใจมา ที่กายฉันแสงสว่างเป็นลำนะ บอกให้นั่งเฉย ๆ 10 นาที อย่าคิดเห็นอะไรทั้งหมด ให้อยู่เฉย ๆ นะ พอหลังจาก 10 นาที บอกดูได้ ดูได้เห็นพระพุทธเจ้าพรึ่บ เต็มไปหมด พระอรหันต์เต็มไปหมด พอถึงคาถามหาลาภ ขึ้นเป็นแสงทองคำกระจากพรึ๊บเต็มบริเวณทั่วหมดไปถึงคนเลย ฉะนั้นวันนี้ท่านให้มาเก็บค่าครู(หัวเราะ)


    “ แล้วเกี่ยวกับพระมหาลาภคำข้าวนี้ได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าคราวนี้ทำไม่ทันได้แค่ล้านสามแสนกว่าๆ หรือครับ ”

    ใช่ ๆ ๆ วันที่ 17 พ.ค. จะทำอีกประมาณสัก 2 ล้านเศษ ๆ เท่าที่เขาจะทำเสร็จนะ

    “ งั้นแสดงว่ารุ่นนี้หนักกว่ารุ่นแรก ”


    ทำ แล้วก็เท่า ๆ กันนะ แต่ความจริงท่านมาเหมือนกันแต่ทำหนักมาก เป็นพิเศษทีเดียว รุ่นนี้ถือว่าเป็นพิเศษทีเดียว ก็คงพิเศษ อย่างนี้ไปทุกรุ่น ก็ต้องถือว่ารุ่นเดียวกัน ไม่ใช่พระหลายรุ่น


    “ มานึกในใจ ทำไมราคาไม่เท่าไหร่ คนอื่นเขาออกเป็นร้อยเป็นพัน ”


    เพราะ ท่านสั่งของท่านเอง องค์ปฐมนะ อย่างซุ้มประตูนี่ ซุ้มประตูทำใหม่นะราคาแสนห้าหมื่นเศษ แต่ว่ามีเจ้าภาพเขาให้เงินมาแสนบาทให้ทำ ๒ ซุ้ม ท่านเลยให้เขียนว่าบริจาค 5 หมื่นบาท 2 ซุ้มแล้วอีกแสนห้าเก็บแถวนี้


    “ เรื่องพระนี่คือว่าพระคำข้าวก็ดีพระหางหมากก็ดี ผลน่ะ ตุลิตะ ตุลิตัง เร็ว ๆ ไว ไม่ต้องรอเนิ่นนาน ”


    รุ่นนี้เร็วมาก


    " ผมนึกในใจนี่ สงสัยจะสงเคราะห์ลูกหลานมากกว่า คนยากจน คนไม่จน คนอะไรก็ได้ทั้งนั้น "

    ท่าน ตั้งใจสงเคราะห์ทั้งคนทั้งวัด วัดรับไปให้เขาทำบุญราคามากกว่า ช่วยสร้างวัดไงเล่า ทีนี้ชาวบ้านที่เอาไปก็สงเคราะห์ อย่างยกทรงเอามาใช่ไหม อย่างมากรุงเทพฯนี่ เอาใครเอาจากฉันก็ได้คนละร้อยบาท ลองคิดซิ 100 บาทนี่ไม่ได้แพงเลย ถ้าเขาจะเสีย 10 บาทที่วัดท่าซุง เขาเดินทางไปเดินทางมามันเกิน 100 บาทใช่ไหม

    “ นึก ได้แล้ว คำสั่งของสมเด็จท่านสั่งว่าอย่างนี้ ว่าพระมหาลาภที่รับจากมือหลวงพ่อ ท่านสั่งว่าให้ติดตัว บอกว่าเวลาแจกท่านไม่ได้แจกองค์เดียวแล้วไม่ได้ขยายความเสียด้วยซิ เวลาแจกไม่ได้แจกองค์เดียว ทีแรกผมก็นึกเอ๊ะจริงนี่หลวงพ่อแจกเยอะนี่ทีละองค์ ๆๆๆเกือบจะพูดอย่างนั้นแล้ว พอดีท่านก็รู้ไวนะครับ เพราะข้างบนท่านมาช่วยแจกด้วย ท่านเลยสงเคราะห์กลัวจะโง่มากเกินไป ท่านรู้ใจจริง ๆ ”

    เก่ง มาก ยกล้อเลย องค์นี้นะ เจโตปริยญาณก็ดี ทิพพโสตญาณก็ดี ทิพพจักขุญาณก็ดี ดีหมด เก่งมาก ท่านดีอย่างเดียว ดีหมดเท่ากัน ก็มาจากทิพพจักขุญาณ


    “ พอ คุยถึงทิพพจักขุญาณ ท่านบอกว่าเมื่อสมัยก่อนนะ ฉันตั้งสำนักอบรมวิปัสสนา ท่านบอกฉันทำตามตำราเปี๊ยบเลย แล้วผมถามว่าได้ผลเป็นไงครับ ท่านบอก คุณวีระอย่าไปเล่าให้ใครฟังนะ ฉันทำมาได้ผลขนาดหนักเลย เลยถามว่าขนาดหนักของหลวงปู่เป็นไงครับ ปรากฏว่าลูกศิษย์ทุกคนน่ะปลาบปลื้ม ปีติ หายไปหมดเลย คนโน้นก็ไม่ได้ คนนี้ก็ไม่ได้ ฉันเลยเลิกไปเลย แล้วท่านก็บอกว่า เออ หลักสูตรใหม่ของวัดท่าซุง มโนมยิทธิ อย่างนี้เขาเรียกว่าทันสมัย เออ อาจารย์ดี ลูกศิษย์ก็ติด ครูก็ได้ ศิษย์ก็ได้ อย่างฉันกางตำราไม่ได้เรื่องเลย ”


    (หลวงพ่อ) ใช้ตำราเดียวกันแต่ว่าลีลาการใช้ต่างหาก อันดับแรกก็ขึ้นอานาปานุสสติเหมือนกัน ต้องใช้ ต้องภาวนาเหมือนกัน จับภาพพระพุทธรูปเหมือนกันแต่ลีลาการใช้ต่างกัน


    “ แล้วท่านก็บอกนะครับ ที่ฉันสอนว่า พุทโธ ๆๆๆๆ ไม่มีใครเห็นสักคน เลยเลิกกันไปเลย ”


    ฉันเองก็ล่อมานานแล้ว หลายรูปแบบ




    (จาก “สนทนาที่สายลม” ธัมมวิโมกข์ เดือนกุมภาพันธ์ 2534 หน้า 45 - 49)


    [​IMG]


    สมเด็จพระมหา รัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ กำลังกราบเรียนถวายรายงานแด่หลวงปู่วัดสามพระยา ในพิธีเปิดการฝึกซ้อมอบรม และ สอบความรู้พระอุปัชฌาย์ รุ่นที่ 31 เมื่อ 26 มกราคม 2539 ณ ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา

    ด้านซ้ายมือของภาพ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ






     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  13. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  14. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2024
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    สุดบูชาอาลัยยิ่ง

    อัญเชิญ มณีจักร


    ข้าพเจ้าภูมิใจตัวเองมาก ที่พระเดชพระคุณท่านแจกรูปของท่าน ให้แก่ลูกศิษย์ที่รับใช้ใกล้ชิด เมื่อประมาณปี ๒๕๑๗ เป็นรูปใหญ่ขนาด ๑๒ นิ้ว มีลายเซ็นของพระคุณท่านเขียนว่า มอบให้ “หมอประจำตัว” สมัยที่เป็นลูกศิษย์ท่านครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒

    ข้าพเจ้าถวายยาฉันบ้าง ยาฉีดบ้าง จากที่ พล อ.ต.น.พ.โกศล มณีจักร ได้ถวายท่านเป็นประจำ เมื่อหมอไม่อยู่หรือไม่ได้ติดตามท่านไปชายแดน ไปแจกของแด่ทหาร ตำรวจ หรือคนยากจนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้าได้มีโอกาสติดตามรับใช้เกือบทุกครั้ง

    บางครั้งพระหลวงปู่อีกหลายองค์ร่วมเดินทางไปด้วย ข้าพเจ้าจะเตรียมยาฉีดพวกวิตามินไป หลายครั้งหลวงพ่อท่านสั่งให้ฉีดองค์ท่านเองและสั่งให้ฉีดถวายหลวงปู่องค์อื่นด้วย เช่น หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ หลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย จังหวัดลำพูด หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่มหาอำพัน บุญหลง วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง เป็นต้น

    บางองค์เมื่อข้าพเจ้าถือหลอดยาฉีดเข้าไป ท่านถามทำไม เรียนท่านว่าหลวงพ่อสั่งให้มาฉีดยาเจ้าค่ะ ท่านยอมให้ฉีด บางครั้งเป็นยาฉีดพวกฆ่าเชื้อ เช่น ลินโคซินเมื่อเป็นไข้หวัดด้วย ถุงน้ำเกลือจะต้องติดไปด้วยทุกครั้ง

    บางครั้งหลวงพ่อท่านสั่งให้ฉีดเข้าเส้นเลือดบำรุงกำลัง แต่เมื่อท่านท้องผูกถ่ายเองไม่ได้ ข้าพเจ้าจะเอาถุงน้ำเกลือนั้นให้ท่านใส่เข้าไปทางทวารหนักเองเป็นการล้างท้อง ปีหลังๆ ต่อมาท่านมีลูกศิษย์ที่เป็นหมอเก่งๆ ใหม่ๆ หลายท่านได้ช่วยกันรักษาอาการป่วยของท่าน ผลัดกันเป็นรุ่นๆ รุ่นเก่าไปรุ่นใหม่มาแทน ยอมแพ้ความป่วยของท่าน สรุปอาการเหมือนกันทุกหมอและเป็นที่หนักใจของคุณหมอทั้งหลายมาก คือโรคที่พระคุณหลวงพ่อท่านไม่พักผ่อน หรือพักผ่อนไม่พอ แม้โรคกำเริบท่านก็ไม่ยอมพัก ถ้าท่านยังลุกเดินได้ หรือตอนหลังๆ เดินไม่ได้ยังนั่งเก้าอี้ให้คนหามออกไปรับแขกก็มี


    ข้าพเจ้ายังติดตามรับใช้เสมอ เรียกว่าพระคุณท่านขึ้นเขาลงห้วยลูกขอตามไปด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศไปด้วย ท่านเคยสั่งข้าพเจ้าว่า ข้าไปไหนเอ็งไปด้วยทุกครั้งก็แล้วกัน ไม่ต้องให้บอกให้ชวน บางครั้งหลวงพ่อท่านพูดว่าโรคมันหนีหมอไปเรื่อยๆ หมอตามไม่ทัน มีโรคแปลกๆ ใหม่ๆ มาเรื่อย นานๆ ข้าพเจ้าจะถามคุณหมอที่รักษาท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะถามเมื่อไรใจเหี่ยวเมื่อนั้น เลยไม่อยากรู้หรือทำเป็นไม่รู้ จะได้หลอกตัวเองว่าหลวงพ่อท่านไม่เป็นอะไรมาก ยังจะอยู่กับลูกๆ ต่อไปอีกนานๆ

    ผลที่สุดวันแห่งความวิปโยคโศกเศร้า ความกลัวว่าท่านจะจากลูกๆ หลานๆ พุทธบริษัทไปก็ได้มาถึงจริงๆ จนได้ หลายครั้งท่านไปแล้วกลับมาอีก แต่ครั้งนี้ท่านไม่กลับมา ขณะที่เขียนนี้ท่านสิ้นไปได้ ๑๓ วันแล้ว วันที่ข้าพเจ้าทราบว่าท่านป่วยหนักมากคือวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๓๕ ข้าพเจ้านึกสังหรณ์ใจว่าท่านคงสิ้นแน่ๆ เกิดแผ่นดินไหววันนั้นด้วย ความแน่ใจมีมากขึ้นอีก ท้องฟ้าเริ่มมัว ลมเย็นแบบสะท้านใจพัดมาแล้ว เริ่มวังเวงมากขึ้นๆ

    รุ่งขึ้นเป็นวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ เป็นวันพรหมประสิทธิ์วันดี ข้าพเจ้าได้นิมนต์พระวัดท่าซุงไปฉันที่บ้านข้าพเจ้า รองเจ้าอาวาสวัดท่าซุงเป็นผู้ให้วันเวลานี้ ตอนตี ๕ กว่าๆ ของวันนั้น พระน้อย (พระอภิชัย สุธัมมธัมโม) โทรศัพท์จากโรงพยาบาลศิริราช บอกว่าหลวงพ่อท่านอยู่ในห้อง ไอ ซี ยู แล้ว ท่านนันต์สั่งบอกว่าพระฉันเสร็จให้กลับวัดเลยไม่ต้องเข้าสายลม จึงแน่ใจว่าไม่เตรียมอาหารเก้อ

    เมื่อเสร็จจากรดน้ำมนต์ที่บ้านสนามกอล์ฟแจ้งวัฒนะสปอร์ตเซ็นเตอร์แล้ว ท่านไปเยี่ยมหลวงพ่อท่านที่โรงพยาบาลศิริราช ไปแล้วพักหนึ่ง ท่านวิรัชโทรศัพท์ให้ข้าพเจ้าตามหา คุณแดง (พล ต.ศรีพันธ์ วิชชุพันธ์) ว่าหลวงพ่อท่านต้องการเลือดมาก เพื่อจะเอาทหารไปได้หลายๆ คน ถามว่า พระไปถึงโรงพยาบาลแล้วยัง ท่านตอบว่าถึงแล้วกำลังให้เลือดพอดีเลย เลือดต้องการมากเพื่อสกัดเอาสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในเลือด อย่างเลือดประมาณ ๕ – ๖๐๐ ซีซี จะสกัดได้ประมาณ ๑๐ ซีซี เท่านั้น ยังต้องการมาก

    ต่อมา ทั้งโทรทัศน์ วิทยุประกาศว่า หลวงพ่อท่านพระราชพรหมยานหรือท่านฤาษีลิงดำกำลังอาพาธหนักที่โรงพยาบาลศิริราช ต้องการเลือดมาก ถ้าใครจะบริจาคให้ไปที่ตึก ๗๒ ปี โรงพยาบาลศิริราชด่วน จึงมีลูกศิษย์พระคุณท่านที่รู้ข่าวพากันไปถวายเลือดกันมากจนล้นตึก ๗๒ ปี เจ้าหน้าที่บอกว่า ครั้งนี้คนสละเลือดมากไม่แพ้เมื่อครั้งพฤษภาทมิฬ

    เมื่อส่งพระไปแล้วข้าพเจ้าออกไปยืนนอกบ้านดูท้องฟ้าปิดหมด มืดมัว ลมสะท้านใจพัดมากขึ้น ชัดขึ้น ตะโกนคนเดียวลมแบบนี้มาอีกแล้ว ขออย่าให้เป็นองค์หลวงพ่อของเราเลย ลมแบบนั้นใครบอกข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วเป็นภาษาจีน ถ้ามีลมแบบนั้นจะมีคนมีบุญหรือผู้ใหญ่จะตาย ข้าพเจ้าจึงเรียกเองว่าลมสะท้านใจ เมื่อครั้งพระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีรังสิตจะสิ้น ลมแบบนี้พัด ข้าพเจ้าบ่นอยู่คนเดียว ลมไม่ดีไม่ดีแน่ๆ ใครจะตายหนอ บ่ายวันนั้นได้รับโทรศัพท์บอกว่าท่านสิ้นแล้ว โดยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยิงเฮลิคอปเตอร์ ถูกองค์ท่านสิ้นที่สุราษฎร์ธานี และอีกหลายครั้งก็มีการตายทุกครั้ง

    บ่ายที่ ๒๙ ตุลาคมนั้น ข้าพเจ้าพยายามคิดว่าเรารู้ผิด เป็นลมหนาวธรรมดาๆ แต่ออกไปสัมผัสทีไรใจสะท้านแบบขนลุกทุกที เข้าบ้านบอกลูกบอกเด็กว่า หลวงพ่อท่านคงสิ้นแน่ๆ ลูกเอ๊ยลมมาอีกแล้ว ท้องฟ้าปิดอีกด้วย คอยดูนะ ถ้าหลวงพ่อสิ้น ตั้งศพเรียบร้อยแล้วท้องฟ้าก็จะเปิดสว่างเป็นปกติ ฟ้าครึ้มอยู่ตั้ง ๒ – ๓ วัน กรมอุตุฯ บอกว่าเกิดจากพายุดีเพรสชั่นเข้าไทย คุณประดิษฐ์ไปถึงวัดร้องไห้ แถมยังด่ากรมอุตุฯ ว่าไม่รู้จริง ความจริงเป็นเพราะหลวงพ่อกูเป็นผู้วิเศษมีบุญใหญ่จะตายต่างหาก ร้องไห้กันทั้งเมืองที่เป็นลูกศิษย์พระคุณท่าน

    คืนวันที่ ๒๙ ข้าพเจ้านั่งสมาธิ ถามองค์หลวงพ่อท่านเองเลยว่าท่านจะอยู่ต่อไปหรือจะไม่อยู่ ท่านยืนยันถึง ๒ ครั้งว่า ท่านไม่อยู่ ข้าพเจ้าเลยเปลี่ยนใจ จากที่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปดูลูกสาวที่ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลพญาไทหนึ่ง กำลังท้องได้ ๔ เดือนด้วย ท้องแรกแท้งไปแล้ว ท้องที่ ๒ ยังตัดไส้ติ่งอีก จึงเกรงว่าลูกจะแท้งอีก ไม่ห่วงแล้วลูก ไปกราบหลวงพ่อที่โรงพยาบาลศิริราชดีกว่า โทรศัพท์นัดให้คุณเสริมทรัพย์ไปรับที่บ้านแต่เช้า

    ไปถึงโรงพยาบาล พบคุณหมอ พบลูกศิษย์พระคุณท่านอีกหลายท่านๆ ก็มีความหวังว่าหลวงพ่อท่านจะยังไม่จากพวกเราไป ท่านจะอยู่ได้ด้วยฤทธิ์ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่พระคุณท่านมีอยู่ ข้าพเจ้ายืนยันอยู่คนเดียวว่าไม่อยู่ๆ รู้ว่าท่านไปแน่ๆ อารมณ์เลยไม่ดี เห็นใครทำไม่เข้าท่าว่าไปเลย ยิ่งฟังอาการจากคุณหมอชนะยิ่งชัดว่าไม่ไหวแน่ หมอชนะก็บอกว่าขึ้นไปกราบหลวงพ่อเหมือนกัน ได้คำตอบว่าท่านไม่ยอมกลับหรืออยู่ต่อ แต่ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าความรู้จะตรงหรือไม่

    ข้าพเจ้าบอกลูกศิษย์ใกล้ชิดที่มีส่วนจะต้องจัดงานศพท่านตรงๆ เลยว่าอยู่ไม่ได้แน่ คือสิ้นแน่นอน โทรศัพท์ไปวัดท่าซุงพูดกับท่านสมพงษ์ บอกอาการตรงๆ ไปเลย คนอื่นๆ บอกว่าดีกว่าเมื่อวานก็แล้วกัน เพราะว่าความดันโลหิตสูงขึ้นดี เพราะใช้ยาเร่งเต็มที่ อาการป่วยของพระคุณท่านที่ทำให้สิ้น คงจะมีคุณหมอที่รักษาท่านโดยตรงเขียนให้ทราบดีกว่า เย็นนั้นท่านก็สิ้นเวลา ๑๖.๑๐ น.

    เป็นอันว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสิ้น เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕ เวลา ๑๖.๑๐ น. ที่โรงพยาบาลศิริราช ข้าพเจ้าอยู่ทั้งวันเกือบบ่าย ๔ โมง กลับบ้านคิดว่าพรุ่งนี้จะไปใหม่ ท่านคงไม่สิ้นเร็วขนาดนั้น ที่ไหนได้เมื่อถึงบ้านได้รับโทรศัพท์บอกว่าหลวงพ่อท่านสิ้นแล้ว ตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ตะโกนว่าหลวงพ่อท่านสิ้นแล้ว หลวงพ่อท่านสิ้นแล้ว ทีนี้รับโทรศัพท์บ้าง เป็นฝ่ายโทรไปบอกข่าวบ้าง เครื่องไม่ค่อยว่างเลย ต่างคนก็บอกข่าวกันทั่ว

    ข้าพเจ้าหมุนเบอร์โทรศัพท์ผิดๆ ถูกๆ เปิดสมุดส่วนตัวพบชื่อใครที่เป็นลูกศิษย์ท่านบอกหมด เชียงใหม่ พิษณุโลก ลำปาง จันทบุรี มีชื่อหนึ่งเขียนไว้ว่าป้อมคลองตัน โทรไปติดง่ายๆ ขอพูดกับป้อมหน่อย กำลังพูด พูดดังๆ หน่อย หลวงพ่อสิ้นแล้วอย่ามัวร้องไห้ จะสั่งงานนัดกันไปวัด เฮ้ย พูดชัดๆ ดังๆ รับปากให้มันชัดเจนหน่อย โทรบอกสุธีด้วย พูดๆ ไปนี้ฟังรู้เรื่องไหม? ตอบว่าไม่รู้เรื่อง อ้าว ดุผิดคน ไม่รู้ป้อมไหน ไม่ใช่ป้อมวลัยสักหน่อย ขอโทษนะโทรผิด วางหูเลย

    เตือนตัวเองลูกจะไม่ร้องไห้จะไม่ร้องไห้ หลวงพ่อท่านไปสบายแล้ว ท่านอยู่ก็อยู่อย่างทรมานขันธ์ ๕ เราไม่ควรเห็นแก่ตัว เราทำดีที่สุดแล้ว รับใช้ท่าน รับคำสอนท่านมาฝึกตนเองเท่าที่จะทำได้เต็มความสามารถของเราแล้ว ไม่มีอะไรให้นึกเสียใจว่าไม่ได้ทำตอบสนองพระเดชพระคุณท่าน ไม่มีคำว่ารู้งี้ทำอย่างนั้นก็ดี รู้งี้ทำอย่างนี้ก็ดี ไม่มีคำว่ารู้งี้ เพราะทำหมดทุกอย่างแล้วเท่าที่โอกาสอำนวย และกำลังความสามารถของเรามีอยู่ทุกเมื่อ

    ลูกภูมิใจที่ได้เป็นลูกของหลวงพ่อท่านคนหนึ่ง ได้รับใช้ท่านอย่างเต็มที่ มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด มีอะไรที่ปฏิบัติแล้วยังข้องใจสงสัย พระคุณท่านจะแก้ไข และบอกให้ทราบว่าเป็นความจริงหรือผิดทำไม่ถูก บันทึกเรื่องทุกเรื่องที่เขียนในหนังสือ จะต้องเรียนให้ท่านยืนยันว่าใช่ก่อน ลูกจึงจะกล้าเขียน ทีนี้ลูกจะขอใครยืนยันให้อีกลูกคงไม่กล้าเขียนอีกแล้ว

    บางครั้งความเปิ่น ความที่รู้เห็นไม่เหมือนชาวบ้านกราบเรียนเล่าตรงๆ ให้ท่านฟัง ท่านจะหัวเราะ บางทีอะไรที่ค้างอยู่ในใจไม่กล้าพูดท่านจะถามว่ามีอะไรหรือ? ลูกจะมีโอกาสได้ความรู้ หรือเรียนถามท่านหรือตอบท่าน ก็ตอนที่ท่านเข้าไปสอนที่บ้านในซอยสายลม ขณะที่ท่านฉันเช้าหรือฉันเพล เพราะได้จัดอาหารรับใช้เสมอๆ และดูว่าท่านว่างจากงานและสุขภาพดีจังหวะดีด้วย ถูกกาลเทศะด้วยจึงจะกล้าพูด

    เมื่อ ๒ – ๓ เดือนก่อนทีท่านจะสิ้น ท่านเปลี่ยนเรียกข้าพเจ้าว่า เจ๊ใหญ่บ้าง พี่ใหญ่บ้าง ลูกคนโตบ้าง คงจะหมายถึงเป็นพี่ใหญ่เขาทั้งหมด แต่ก็ไม่กล้าเรียนถามจะเป็นการอาจเอื้อม เพียงแต่นึกว่าต่อนี้ไปเราต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้องๆ หลวงพ่อเคยพูดกับลูกขณะที่ลูกกำลังจัดโต๊ะอาหารว่า “อ้ายเชิญนี่ใครๆ ก็ชมว่ามันดี” ข้าพเจ้าทำถ้วยน้ำปลาหก จึงพูดว่า หลวงพ่อชมเข้าหน่อยทำน้ำปลาหกเลยเจ้าค่ะ ท่านหัวเราะ

    ก่อนเดือนสุดท้ายที่สายลม สุนัขข้าพเจ้าตาย ตามไปดูอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจะทำบารมีต่อไปพระนิพพานได้ จึง ขึ้นไปที่พระนิพพานเห็นพระอรหันต์หลายองค์ที่ชาติสุดท้ายเกิดเป็นช้าง สุนัข แมว ถามท่านๆ บอกท่านทำต่อจากสวรรค์และพรหม เคยได้ยินแต่เขาว่า การจะทำบารมีไปพระนิพพานชาติสุดท้าย ต้องทำในเมืองมนุษย์หรือเป็นคนจึงจะไปนิพพานได้ เมื่อรู้เห็นแบบนั้น (แบบมโนมยิทธิ) จึงสงสัย ได้กราบเรียนถามพระคุณหลวงพ่อท่าน ท่านบอกว่ามีเยอะแยะไปนับไม่ถ้วน

    เดือนสุดท้ายหรือครั้งสุดท้ายที่ทำให้พระคุณท่านหัวเราะคือ ข้าพเจ้าไปทำฟัน ซึ่งไม่เคยทำเลย ครั้งแรกกลัวมาก เวลาหมอกรอฟังเสียงดัง ทำสมาธิข้างบนไม่ได้ หลับตาเรียกหลวงปู่ปานและหลวงพ่อท่านในใจใหญ่เลย กลัวหมอเขาจะกรอฟันพลาดไปโดนเหงือก หลวงปู่ปานกับหลวงพ่อท่านไปลอยอยู่ข้างหน้า เดี๋ยวเห็นหลวงปู่ปานมองดูในปากที่กำลังอ้าให้หมอทำ แล้วเห็นเหมือนองค์หลวงพ่อทำเองแทนหมอเลย สบายใจหายกลัว มั่นใจว่าหมอทำไม่ผิดแน่ แล้วหลวงพ่อท่านตบมือให้เหมือนเราเป็นเด็กเล็กๆ หมอหยุดทำบอกว่าเสร็จแล้ว

    ครั้งที่สองนัดไปทำอีก ทีนี้ตะโกในใจเรียกหลวงปู่ปานหลวงพ่อท่านอีก ช่วยลูกด้วย ช่วยลูกด้วยเจ้าคะ ท่านไปลอยให้เห็นอีกทั้ง ๒ องค์ หลวงพ่อท่านตบมือให้ ยังไม่พอขอท่านตบอีกตบอีกเจ้าค่ะ ท่านเลยตบ ๔ มือ คือเอาเท้าตบด้วย เห็นชัดมากเป็นองค์เลย ลืมกลัวกลับจะหัวเราะด้วยซ้ำ หมอพูดว่าหลับตาปี๋เลยจะไม่ปี๋ยังไง เดี๋ยวภาพหายไป เมื่อเห็นหลวงพ่อท่านไปบ้านซอยสายลมก่อนฉันเพล ท่านนอนให้ตุ๋ยบีบนวดขาและเท้าให้ท่าน

    ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนเล่าเรื่องทำฟันท่านเอาเท้าตบให้ด้วย ท่านหัวเราะแล้วบอกว่าใช่แล้ว ถ้าคนใกล้จะตาย เทวดานางฟ้าจะมาทำภาพล้อให้หายกลัวหายเวทนา หรือทำให้เพลินลืมความเจ็บไข้แบบนั้น ลูกจะเขียนหนังสือ ต้องขอคำยืนยันจากหลวงพ่อก่อนเจ้าค่ะ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้กราบเรียนถามปัญหาท่านด้วยกายเนื้อ ชัดเจนถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ต่อนี้ไปลูกไม่มีใครจะสอนลูกได้เหมือนองค์หลวงพ่อท่านอีกแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีจริงๆ

    เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคมนั้นเอง ยังจัดงานวันเกิดหลวงพ่อท่านที่ซอยสายลม ลูกหลานพุทธบริษัทของพระคุณท่านไปกันเยอะแยะล้นออกไปถึงนอกถนน เดินเข้าถวายสังฆทานแล้วเดินกลับออกไปเลยยังเต็ม เบียดกันแน่นตลอดเกือบทั้งวัน เสียงหลวงพ่อยังแจ่มใสเหมือนไม่ป่วย ความจริงป่วยมาอยู่แล้ว ขณะที่เข้าไปฉันเพล นภดล (เอี้ยง) กระเซ้าข้าพเจ้า หลวงพ่อถามอะไร เอี้ยงบอกว่าป้าเชิญนุ่งผ้ายกทองครับ ท่านว่าอัญเชิญซะอย่าง (ทำอะไรก็ได้) เจ้าประคู้ณขอให้สมกับที่ท่านว่าเถิด

    คืนนี้หลวงพ่อสิ้นลูกไม่ร้องไห้ แต่หมดแรงที่จะจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไปวัด ต้องเรียกเด็กขึ้นไปจัดให้ นอนหัวค่ำพยายามจะหลับให้สนิท หลับมากๆ เพื่อเตรียมกำลังไปทำงานศพของหลวงพ่อท่านที่วัดเต็มที่ นอนไม่หลับฝนตกซิกๆ อากาศหนาวๆ แบบสะท้านเข้าไปถึงอก เสียงน้ำฝนไหลทั้งคืนมากบ้างน้อยบ้าง ลูกคิดว่าลูกไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาไม่ไหล ทำไมน้ำฝนไหลตลอด ฟ้าร้องไห้แทนหรืออย่างไร

    กำหนดจิตดูหรือเคลิ้มๆ ไปเห็นเทวดา นางฟ้าร้องไห้เสียใจที่หลวงพ่อท่านสิ้นเหมือนกัน ลูกถามท่านว่าทำไมยังร้องไห้ได้หรือ ท่านตอบว่ายังร้องได้ เพราะเทวดานางฟ้ายังมีโลภ โกรธ หลง จุติแล้วลงนรกหรือเป็นคนได้ ถามว่าท่านร้องไห้ทำไม? ท่านตอบว่าท่านเป็นห่วงลูกหลานที่ยังเป็นคนเป็นมนุษย์ จะไม่มีใครสอนเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านอีกแล้ว สงสารเป็นห่วงลูกหลานในเมืองมนุษย์


    ลูกเห็นอย่างนี้แล้วใครจะยืนยันให้ลูกทราบว่าลูกเห็นผิดหรือเห็นถูกต้อง แล้วถ้าเขาบอกมาลูกจะเชื่อได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เหมือนท่านพ่อบอกหรือไม่ ขนาดแผ่นดินยังสะเทือน ฟ้ายังร้องไห้ ลมยังสะท้านไปทั่วทิศ ท้องฟ้ายังปิด พระอาทิตย์ไม่โผล่ เมื่อพระคุณเจ้าจากไป จะไม่ให้พวกเราร้องไห้หวั่นไหวได้อย่างไร

    หลวงพ่อเคยพูดหลายปีแล้วว่า จะปลูกต้นไม้ในวัดจะทำเป็นที่ธุดงค์ แล้วชวนลูกว่า เอ็งธุดงค์กับข้าไหม? ตอบท่านว่า “ธุดงค์เจ้าค่ะ” แล้วลูกเตรียมซ้อมกรรมฐานตัวเองให้เข้มขึ้นพร้อมเมื่อท่านเรียกทีนี้ไม่มีองค์หลวงพ่อคอยเรียกอีกแล้ว ไม่มีหลวงพ่อที่พวกเราทั้งรักทั้งเคารพบูชาสุดหัวใจ ท่านคอยเป็นห่วงสอบวิชาความรู้ แนะนำทั้งทางโลกและทางธรรมให้ลูกๆ อีกแล้ว ฝนเอ๊ย ทำไมไม่หยุดตกเสียที จงร้องไห้แทนข้าด้วยเถิด ที่เขาว่าคนเราเกิดมาร้องไห้มาแล้ว ถ้าเอาน้ำตามารวมกันทุกชาติจะมีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรอีก

    ห้าทุ่ม ข้าพเจ้าอาเจียนออกแต่ลมเสียงดังโอ๊กๆ ดังลั่นไปหมด ขันธ์ ๕ เอ๊ย ข้าไม่ได้เอาน้ำไหลออกทางตา ทำไมเจ้าเอาลมออกทางปาก ลมก็ร้องไห้ได้เหมือนกันหรือ เอาร้องไห้ไปเก็บไม่อยู่ฝืนไม่ได้ หมดแรง หลับได้ ตื่นเกือบตี ๔ ฟ้ายังไม่หยุดร้องไห้ ด้วยความวิเวกหดหู่อยากเห็นหลวงพ่อ ลูกนอนท่องคาถา “สุปินานัง” ที่หลวงพ่อบอกให้ว่าเป็นคาถาเห็นผี ลูกไม่กลัวผีหลวงพ่อ จงมาหามาหลอกลูกด้วย

    ท่องเผลอหลับไปฝันว่า ลูกยืนที่ริมถนนเห็นองค์หลวงพ่อท่านเดินผ่านหน้าลูกไปอย่างเร็วมาก แบบไม่ทันให้ลูกได้กราบได้พูดด้วยสักคำ ท่านเดินหนีไปเลยลูกตื่นจากฝัน (เมื่อก่อนลูกท่องสุปินานัง สุปินานัง แล้วมองเห็นองค์หลวงพ่อ เห็นองค์ท่านขาวเป็นแก้วทั้งองค์ด้วยตาเนื้อ) รีบลุกขึ้นแต่งตัวคอยคุณเชาวฤทธิ์ อมรธรรม พี่ชอ คุณนิภา คงสุข คุณเสริมทรัพย์ วัฒนพฤกษา ไปพร้อมกันที่บ้านประมาณโมงเช้าออกรถไปวัดทันที ฝนตกตลอดท้องฟ้ายังปิดอยู่ตกทั่วไปหมดทุกแห่ง (๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕)

    ถึงวัดเข้าไปกราบพระศพท่านพ่อที่ศาลา ๑๐๐ เมตร เมื่อเห็นองค์ท่านนอนไม่หายใจน้ำตาไหลออกมาเอง รีบกราบและจับเท้าท่าน เอาหัวมุดระหว่างเท้าทั้ง ๒ ข้าง แล้วว่าหลวงพ่อเอาลูกไปด้วยเอาลูกไปนิพพานด้วย ถ้าไม่ใช้ลูกอีกแล้วเอาลูกไปเลยลูกพร้อมไปด้วยเสมอ

    ก่อนเคลื่อนศพท่านไปไว้ที่ศาลา ๑๒ ไร่ ของบ่ายวันนั้น ข้าพเจ้า พรนุช สุมิตรา นภดล (เอี้ยง) ช่วยกันจัดผ้าห่มองค์หลวงพ่อท่าน เอากระดาษทิชชูและผ้าก๊อสพันมือทั้ง ๒ ข้างที่พันจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้มือท่านงอหรือกำมือออก ลูกได้แกะพลาสเตอร์ที่ปิดตรงเข็มฉีดน้ำเกลือของพระคุณท่านออก มีเลือดติดนิดหน่อย ช่วยกันจัดผ้าคลุมให้เรียบร้อยให้ดูเหมือนท่านเคยทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่

    องค์หลวงพ่อท่านนิ่มยังไม่แข็ง ไม่มีน้ำอะไรไหลออกมาทางปากทางจมูกเลย ไม่ต้องเอาอะไรอุดไว้ด้วย ผิดกับศพธรรมดาถึงเวลานั้นตัวจะแข็ง น้ำจะไหลออกทางปากทางจมูกจึงต้องเอาสำลีอุดไว้ ลูกได้รับใช้หลวงพ่อท่านเป็นครั้งสุดท้ายแน่นอนแล้ว จะไม่มีนาทีทองโอกาสได้รับใช้ท่านอีกต่อไปแล้ว เพราะพระคุณท่านจะไม่กลับมาเกิดอีก ไปพระนิพพานชาตินี้แล้ว และลูกก็จะไปพระนิพพานชาตินี้ให้ได้แน่นอนตามคำสั่งของพระคุณท่าน ที่เคยเป็นท่านพ่อของลูกมานับชาติไม่ถ้วน ลูกเชื่อและมั่นใจว่าเป็นความจริงเช่นนั้น

    พวกเราเต็มใจทำงานตามหน้าที่ตามที่พระคุณท่านเคยสั่งให้ทำ เมื่องานเผาศพต่ออายุให้หลวงพ่อเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ ครั้งนั้นเป็นงานไม่จริง พวกเรายังร้องไห้เมื่อเห็นขบวนแห่ศพผ่านมา แต่ครั้งนี้เป็นความจริง จะไม่ให้เราร้องไห้ได้อย่างไร พวกเราเคยทำงานนั้นมาแล้ว โดยมีองค์หลวงพ่อท่านเป็นประธานสั่งงาน ครั้งนี้งานจึงไม่หนักเท่าไร ใครเคยทำอะไร ครั้งนั้นครั้งนี้ยังจำได้ก็ทำเหมือนเดิม


    พวกเราได้รับ ความเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา มาเป็นองค์ประธานในงานศพให้พระคุณท่าน จัดการส่งเจ้าหน้าที่ไปจากกรุงเทพฯ ช่วยด้วยเป็นอย่างดี เป็นความกรุณามหาบุญคุณแด่พวกเราอย่างยิ่ง

    นอกจากคนจะร้องไห้หงอยเหงา แม้แต่สุนัขยังรู้จักร้องไห้เหงาตามๆ กัน ตัวหนึ่งขณะที่จะเอาศพหลวงพ่อลงหีบแก้วน้ำตาไหลเอามือปาดน้ำตา ๒ ข้างเลย อีกตัวเคยเฝ้าเวลาหลวงพ่อรับแขกก็มาอยู่ที่นั่น ใครทักเรียกเฉยไม่รับรู้เบียดแทบจะขึ้นไปบนเวที ตัวหนึ่งนอนเอามือก่ายหน้าผากที่หน้าศพนั้น ตัวที่เริ่มแรกที่แพร่พันธุ์ออกมาเป็นร้อยๆ ชื่อนิล เมื่อเอาศพหลวงพ่อไปถึงวัดกลางคืน รุ่งเช้าเขานอนตายตัวแข็งแล้ว

    อีกตัวหนึ่ง นาก ก็ไม่ยอมกินข้าว บางคืนหอนกันทั่ววัดและนานด้วย เหมือนกับจะร้องว่าหลวงพ่อกลับมาเท้อ – กลับม้า – กลับมา กลับมาเท้อ โหยหวนจนคนกลัวอยู่ในห้องคนเดียวไม่ได้ ซักเสื้อตากไว้ไม่ทันแห้ง หมาหอนต้องใส่เสื้อขึ้นไปฟังพระสวดตอนหัวค่ำ นักเรียนพระสุธรรมเป่าแตรนำขบวนแห่ เป่าไปน้ำตาไหลเป่าไม่ออก เพลงล่มตั้ง ๒ ครั้ง จำปีบอกว่าพอรับโทรศัพท์ว่าหลวงพ่อสิ้นแล้ว นักเรียนร้องไห้ดัง สุนัขที่เป็นร้อยๆ ตัวก็ร้องด้วยหอนด้วยฟังแทบไม่รู้เรื่อง

    เช้ามืดของ ๕ วัน ที่ท่านสิ้นแล้ว ลูกอดร้องไห้ไม่ได้ มันเงียบเหงา มาทำงานหลายวันแล้วยังไม่ได้พูดกับหลวงพ่อเลย นึกว่า ถ้าเป็นหมาลูกจะร้องไห้ดังๆ ให้สะใจว่า ลูก – ลูก – ลูก – คิดถึ๊ง – คิด – คิด – ถึ๊ง – หลวงพ่อ นี่เป็นคนที่ได้รับการสั่งสอนจากหลวงพ่อมาว่า การพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ ท่านเคยสั่งไว้ว่าถ้าท่านตายอย่าร้องไห้ พวกเราพยายามไม่ร้องไห้ เข้มแข็งไว้

    ห้ามร้องนำเดี๋ยวพากันร้องอีกหลายคน ลูกเดินร้องไห้คนเดียวจะไปช่วยกองทุนทำของเลี้ยงพระเช้า ตี ๕ กว่าๆ แล้ว พบหมาตัวหนึ่งนอนข้างทางเขาเห่าดุลูก ปกติลูกมีคาถากันหมาคือ “กันหะเนหะนโมพุทธายะ” หมาจะไม่เห่าและกัดเลย หมากัดกันเองว่าคาถานี้เขาก็เลิกกัดกันได้ เช้ามืดนั้นลูกไม่มีแก่ใจท่องคาถา เพราะเราทำไม่ดีเดินร้องไห้ เขาดุให้ต้องยอมเขา เปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่

    ไปพบกันหลายๆ คนระงับใจได้ ที่น่าชื่นใจคือพบใครๆ ก็พูดเหมือนกันว่า เหมือนเดิม เหมือนเดิม เราจะทำตัวทำงานอย่างที่เคยทำเหมือนองค์ท่านยังอยู่กับพวกเรา ลูกเดินเข้าประตูศาลา ๑๒ ไร่ เห็นหลวงพ่อนอนในโลงแก้วใสเหมือนนอนหลับได้แต่ไกล มันสะท้อนใจอยากร้องไห้หรือหอนว่า คิดถึง – คิดถึง – กลับมาเท้อ – กลับมา แต่ทำไม่ได้ต้องฝืนใจ ต้องตัดใจนึกถึงภาพเมื่อท่านป่วยไข้ ท่านไม่ต้องลำบากเพราะขันธ์ ๕ อีกแล้ว เราอย่างเห็นแก่ตัว จะให้ท่านอยู่สอนจนเราตายหรือไง?

    หลายท่านถามข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อท่านจะฟื้นอีกไหม? ตอบไม่ฟื้น กายท่านจะเป็นพระธาตุ บางคนได้ข่าวมาบอกกันว่า พระอภิญญาเห็นว่าเวลานี้ (สิ้นไป ๓ – ๔ วัน) หลวงพ่อกำลังเที่ยวเพลิน จะเที่ยวให้ทั่วแล้วจะกลับเข้าร่างฟื้นอีก ได้ยินแล้วมันสะอึก โธ่เอ๊ย พูดมาได้ หลวงพ่อท่านเที่ยวได้โดยไม่ต้องตายก็ได้ ท่านเที่ยวที่ไหนเมื่อไรท่านก็ไปได้ บางคนก็ว่าเวลานี้ท่านพ่อหมอชีวโกมารภัจจ์ กับท่านวิษณุกรรม กำลังซ่อมร่างกายหลวงพ่ออยู่ถึง ๑๕ วันจะเสร็จ หลวงพ่อท่านจะฟื้น ที่ตลาดลือกันว่าหลวงพ่อยกมือขึ้นแล้วเมื่อสิ้นไป ๕ วัน หลายคนมีความหวังกันอยู่ สำหรับข้าพเจ้าหมดหวังแล้ว เพราะหลวงพ่อท่านพูดคำไหนเป็นคำนั้น

    พวกเราจงอย่าลืมของขวัญปีใหม่ ที่ท่านมอบไว้ให้พวกเราลูกหลานพุทธบริษัทของท่านเมื่อ ๒ ปีก่อนคือ


    "ของขวัญจากพ่อ มอบแด่ลุกรักของพ่อทุกๆ คน ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูกทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ ๕ ของพ่อนี้เป็นสำคัญ

    ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำ และจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ"


    เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๕ นี้ ลูก พี่ชอ คุณนิภา คงสุข ได้ไปสอนมโมยิทธิที่สำนักงานหนังสือโลกทิพย์แล้ว ตามที่เขาเชิญมา และเมื่อทำบุญ ๑๐๐ วันเก็บพระศพพระคุณท่านหลวงพ่อแล้ว คุณนิภากับเล็กลูกสาวจะไปอเมริกาก่อน เพื่อเอาวิชาที่พระคุณท่านสอนพวกเราไว้ ไปเผยแพร่ที่วอชิงตันดีซี ที่หลวงพ่อท่านให้คุณลือชาทำสำนักไว้ สั่งเมื่อครั้งสุดท้ายที่ไปอเมริกาเมื่อเมษายน ๒๕๓๕ ก่อนสิ้นเพียง ๖ เดือนเท่านั้น

    ถ้าพวกอเมริกายังสนใจวิชาของพระคุณท่านและอยากจะเรียน ลูก พี่ชอ ยินดีไปสอนให้โดยทุนส่วนตัว เพื่อสนองตอบแทนพระคุณขององค์หลวงพ่อท่าน ที่เคยทำและเคยสอนทางไปพระนิพพาน แก่พวกเราลูกหลานพุทธบริษัทของพระองค์ท่านมาแล้วด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่แข็งแรงเหมือนเก่า คือความชราเข้ามา ธรรมดาย่อมอ่อนกำลังลงก็ตาม ก็จะไม่ย่อท้อที่จะรับใช้พระคุณท่าน ถึงแม้ท่านจะสิ้นไปแล้วก็ตาม ลูกอัญเชิญจะพยายามทำเพื่อที่จะได้สมกับคำที่ว่า ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ

    กราบแทบเท้าด้วยความเคารพรัก กตัญญูรู้พระคุณหลวงพ่อท่านของลูกตลอดไป


    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 4 หน้า 131 - 138)

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1200#13
     

แชร์หน้านี้

Loading...