ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    เอ๋อ!! อาการอึดอัด กระวานกระวาย อยู่ในอาคารไม่ได้ต้องเดินออกนอกอาคารถึงหาย เคยเป็นค่ะ แต่ดิฉันคิดว่า ของดิฉัน ธาตุดินคงมากเกิน 555 +++
    ปล.ตอนที่อ่านถึงอะไรบางอย่างที่คล้ายๆเถ้ารึอะไรไหม้ไฟ ดิฉันเคยเจอค่ะ แต่ตอนนั้นสงสัย ไม่รู้ว่าอะไรเลยปล่อยผ่าน คือตอนนั้นรู้สึกไม่สบายเนื้อสบานตัว รู้สึกไม่ดี เลยอาบน้ำสระผมแล้วเอาน้ำมนต์มารดกลางแจ้ง พอเดินเอาขวดน้ำมนต์มาเก็บ วางไว้บนหลังตู้ ก็ได้ยินเสียงดังแกร็ก!! เหมือนอะไรตกพื้น เราก็รีบก้มมองพื้น ปรากฎว่าจุดด้านหลังเรา ที่พื้นมีแผ่นอะไรคล้ายไหม้ไฟ ดำๆ บางๆ ตกอยู่ แผ่นใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย ตอนนั้นตกใจเล็กน้อยว่าอะไรตก เหมือนตกจากผมรึศรีษะเรา รีบเรียกแม่มาดู แม่หยิบขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เลยเอาไปทิ้งทันที ค่ะ สรุปก็ยังไม่รู้อยู่ดี อาจจะบังเอิญก็เป็นได้ค่ะ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่ได้เปลี่ยน และประมาณที่ Dawlong บอกนั่นหละ
    คิวยาวตั้งแต่มีคนเอาไปลงสื่อนั่นหละ...
    ต้องวัดดวงคือไปหาเลย..
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    มีเรื่องสงสัยอีกแล้วค่ะ คือเมื่อประมาณ ๓ หรือ ๔ วันก่อนนี้ ให้อาหารน้องหมาอยู่หน้าบ้าน โดยที่พ่อนั่งมองจากข้างในบ้าน ประตูหน้าบ้านเป็นกระจก เรารู้สึกว่าพ่อออกมายืนมองอยู่หน้าบ้าน (เห็นเป็นพ่อยืนชัดอยู่) จึงได้หันไปมอง ก็ปรากฏว่าพ่อไม่ได้ออกมา ยังคงนั่งมองเราอยู่ในบ้านเหมือนเดิม ก็เลยคิดว่าเราคงรู้สึกผิดไป

    แต่พอเราหันกลับมาคืน ก็ยังรู้สึกอีกว่า พ่อยืนอยู่หน้าบ้าน ก็หันไปมองอีกรอบ พ่อก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมในบ้านไม่ได้ออกมา หันกลับมาใหม่ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอีก อยากทราบว่าปรากฎการณ์แบบนี้คืออะไรคะ


    และเมื่อวันก่อนเอนหลังนอนเล่นไอแพทอยู่บนโซฟา พอหลังเราแตะโซฟาเท่านั้น โดยมีหลอดไฟอยู่บนเพดานแต่เราไม่ได้มองหลอดไฟตาอยู่ที่ไอแพท แต่รับรู้ถึงแสงจากหลอดไฟ และที่หางตาก็เห็นควันไฟ ลักษณะคล้ายที่ออกจากหางไอพ่นเลยค่ะ เลยรีบลุกยังไม่อยากฝึกกสิณไฟตอนนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2015
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ที่แสดงให้เห็นอย่างนั้นตามสัญญาที่ชัดที่สุด
    ต้องรักษาระยะเวลาในการเห็นอีกซักพักถึงจะทราบว่าเป็นอะไร
    ส่วนกิริยาอื่นๆเรื่องปกติครับ. เรื่องกสิณ. จำไว้เลยว่า
    ถ้ายังใช้งานจริงๆไม่ได้. พวกกิริยาต่างๆทางจิตที่เกิด
    ให้ไม่สนใจทุกกรณี เพราะมันจะเป็นตัวขวางเราได้อย่างแยบยลครับ
    หากไปติดในสัมผัสอะไรก็ตามระหว่างทาง คล้ายๆว่าดึงให้เราแวะพักนั่นหละครับ
    และจำไว้อีกอย่างว่ากว่าจะใช้งานได้ต้องผ่านการทดสอบในการใช้งาน
    จากภาคส่วนภพภูมิก่อนเช่นกัน และแม้ใช้งานได้ก็จะมีด่านทดสอบมาเรื่อยๆครับ
    คือท่านๆไม่ปล่อยให้เราทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ทีเดียวแน่นอน. เราต้องใช้ไอ้ที่เรา
    ทำนั่นทำโน้นทำนี่ได้ในครั้งแรกๆจนเกิดประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆมา
    มากในระดับหนึ่ง. ท่านถึงจะปล่อยทริคให้อีกและก็ไปใช้งานต่อ
    เอาง่ายๆว่าในระดับใช้งานได้แล้วมันก็ยังมีอะไรๆอีกมากมายครับ
    เพราะฉนั้นไม่ต้องไปตั้งว่าจะอยากฝึกหรือไม่อยากฝึก ให้ปล่อยมันไป
    ตามวาระของมัน. วาระใครจะเร็วหรือช้ามันขึ้นอยู่ กับการนำไปใช้งานที่เป็น
    ประโยชน์ในทางธรรมกับประโยชน์กับบุคคลอื่นๆ มากกว่าการรู้การทำ
    เพื่อประโยชน์ของตน อย่าลืมว่าการใช้งานได้จากกำลังจิตของตน
    อย่างเดียว กับการใช้งานได้จากกำลังจิตของตนบวกกับกำลังสนับสนุน
    จากภพภูมิผู้ชำนาญทางด้านนั้นๆ. ผลที่ได้. ระยะเวลาที่ใช้
    และผลกะทบที่เกิดมันต่างกัน. ที่เล่าให้ฟังมา ไม่มีใครบังคับ
    อยู่ที่ตัวเราเองจะเลือก. กำลังจิตมากกว่าฤิทธิ์มากกว่า
    ความสามารถในการเห็นกิเลสและความสามารถในการตัด
    กิเลสก็ย่อมต่างกันเป็นธรรมดาครับ
    ประมาณนี้

     
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ถ้าเห็นควันอีกก็ทำเฉยไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ กลัวจะเห็นมากกว่านี้เลยรีบหลบยังไม่พร้อมค่ะ
     
  6. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    ท่านพี่นบขอเทคนิคการผ่านด่านเวทนา ขอบคุณครับ
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สัปดาห์ที่แล้วโอนปัจจัยร่วมทำบุญกับหลวงพ่อกล้วยไปแล้ว ตามหลังพายุ...
    ได้หมายเลขบัญชีจาก พายุ ส่งมาให้...
    แต่ว่าโอนไปร่วมบุญช้ากว่า น้องภูสวนทรายอยู่ 2 กระบวนท่า...
    ทีแรกคิดว่าบัญชีต่างจังหวัดต้องมีค่าธรรมเนียมในการโอน...แต่ปรากฎว่า บัญชีวัด ทางธนาคารกรุงไทย ไม่คิดค่าธรรมเนียมโอนครับ...เสร็จแล้วก็เลยถือโอกาสโอนไปทำบุญสร้างโบสถ์ วัดหนองเรือ หลวงปู่สาวกโลกอุดร...
    ท่านมอบลูกตุ้มปรอทกายสิทธิ์มาให้...ผมก็ส่งไปร่วมสร้างพระกับหลวงพ่อกล้วยต่ออีกทีครับ...

    มีโอกาสจะได้แอบๆไปกราบหลวงพ่อกล้วยสักครั้งครับ...ไปแบบเงียบๆ...
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วันก่อนไปเจออาจารย์ท่านนึง ... อาจารย์ท่านนี้ศรัทธาในองค์พ่อจตุคามมาก กำลังจะสร้างวิหารถวายท่าน...
    นัดเจอกินกาแฟด้วยกัน...กาแฟเย็นผมจะชอบลาเต้..ถ้ากาแฟร้อนจะกินเอ็กเปรสโซ่...
    ที่ไม่นิยมคาปูชิโน่ เพราะฟองนมมากเกินกว่ากาแฟ...ถ้าท้องว่างๆ กินเข้าไปจะเลี่ยนมากทีเดียว...เอ็กเปรสโซ่จะคั่วนานกว่าจนแทบไหม้ ทำให้ขม ตื่นตา ตื่นใจดี แต่ว่ามีคาเฟอีนน้อยกว่า ม็อคค่า หรือบราซิลซานโตส...ที่เบลนที่ระดับกลางๆ...พอเอามาใส่นมเข้าไปหน่อย..แม่ค้าก็เรียกว่า ลาเต้...ส่วนบลูเม๊าเท่นเป็นแนวที่คนมะกันจะชอบ ออกเหม็นเขียวสักหน่อย...ผมจะไม่ค่อยชอบ...แล้วถ้าเมล็ดกาแฟที่เอามาคั่วความชื้นสูงกว่า13%กาแฟที่ได้จะออกรสเปรี้ยวๆ อันนี้ก็ไม่ชอบเหมือนกัน...ยุ่งนะเราเนี่ย...

    สมัยก่อนรัฐบุรุษของฝรั่งเศสท่านนึง ได้กล่าววลี ให้นักนิยมดื่มกาแฟท่องจำเอาไว้เวลาจิบกาแฟว่า

    "กาแฟที่ดีนั้น ต้องร้อนดั่งนรก ดำเหมือนปีศาจ บริสุทธิ์ประดุจนางฟ้า และหอมประหนึ่งความรัก"

    ว่าถึงอาจารย์ท่านนี้ต่อ ระหว่างเดินทางไปหา ก็เห็นว่าข้างในตัวอาจารย์ท่านนี้ มีปู่ฤษีอยู่ภายในตัว...ข้างขวามือเห็นมีเด็กผมจุกไม่ใส่เสื้อ ตัวจ้ำม่ำ เลยหลังหัวไปข้างหลังห่างสัก1เมตร มีองค์จตุคามนั่งคุมหลังอยู่...
    แต่ว่าพอมาเจอหน้า เจอหนวดกัน ระหว่างที่นั่งคุยกัน กลับไม่เห็นทั้งปู่ฤษี และกุมารทอง จะมีแต่องค์จตุคามท่านนั่งยิ้มอยู่...องค์นี้อดีตเคยเป็นพี่เป็นน้องกันมาก่อน ท่านเคยเป็นพี่ชายผม...ดังนั้นจึงไม่ได้เรียกว่าองค์พ่อ...ผมเรียกว่าองค์พี่...

    อาจารย์ท่านนี้สัมผัสได้ถึงพลังว่าองค์จตุคามมาอยู่ด้วย..แต่ว่ามองไม่เห็น อาศัยฝันเห็นเอาครับ...
    ผมเคยเจอพระอาจารย์ที่มีชื่อด้านนี้ที่วัดในจังหวัดอยุธยา..ท่านเองฝึกกสิณไฟจนสายตาเสื่อมไปบ้าง...ผมเห็นองค์จตุคามมาอยู่กับท่าน แฝงร่าง แบบที่เขาเรียกกันว่าผ่านญาณหรือไงนี่แหละครับ...เรื่องนี้คุยกับท่านแล้ว ท่านก็ยอมรับว่าใช่ แต่ว่าหน้าตาองค์จตุคามเป็นอย่างไร ท่านก็ยอมรับว่าสัมผัสได้ แต่มองไม่เห็น...

    ผมก็ยังไม่เข้าใจเท่าไรนะครับว่า กระจอกอย่างผมนี่ยังมองเห็นได้...ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา คือมีอะไรดีๆกว่าผมมาก...ทำไมมองไม่เห็น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2015
  9. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    โมทนาค่าป๋ามิงค์

    อยากไปกราบหลวงพ่อกล้วยซักครั้งเหมือนกันค่ะ ว่าแต่ป๋ามากระทู้นี้บ่อยๆนะคะ ไม่ต้องแอบ หุหุ
     
  10. Ithanka

    Ithanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +82
    ถามมั่งคับ เกี่ยวกับ ตาที่สาม (อีกแล้ว :)

    สงสัยว่า ทำไมเวลา เรา เอา วัตถุที่มีการบรรจุพลังจิต เช่น พระเครื่อง แหวนพระ หรือเครื่องรางอื่นๆ ไป แตะที่ตำแหน่งตาที่สาม แล้วจะมีกระกระเทือนของพลังงานรอบๆนั้นแหละเหมือนมีการเชื่อมต่อ ที่ชัดเจนขึ้น ครับ สังเกตเวลา ครูบาอาจารย์บางท่าน แจกวัตุถมงคล บางครั้งก็จะนำไปแตะตำแหน่งตาที่สาม ซึ่งจะรู้สึกได้ถึง พลังงานที่มากกว่า เราแตะเอง เช่นรู้สึกสว่างๆโล่งๆๆ เบาๆ ไปสามวัน

    ปล แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรฮะ ต้องรอ หลับ อิอิ :cool:

    ขอบคุณคับ
     
  11. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ถ้ามีโอกาส วาสนาถึงพร้อม
    ก็อยากไปปฏิบัติธรรม ที่วัดสัก ๑ ถึง ๒ เดือน ค่ะ (ถ้าไม่รอด ก็ ๑ ถึง ๗ วัน ๕๕)

    เพื่อ เจริญสติ ทำกรรมมัฏฐาน ให้มี บุญ อุปนิสัย ตามส่งให้ถึง มรรคผลนิพพาน

    แม้นยังไม่สำเร็จ ได้ไปสวรรค์ วิมานบ้างก็ยังดี

    (แบบว่า เผื่อระลึกชาติได้ว่า ฝังสมบัติไว้ที่ใดบ้าง จะตามไปขุดเอามาขาย
    รึว่า ชาติก่อน เป็น นางมารฟ้า ในสวรรค์ชั้น ๖ ตกลงมา
    ถูกสาป ให้ลงมาเกิด เพราะทำผิดกฎสวรรค์ (เช่นแอบดูเทวดาอาบน้ำในสระโบกขรณี)
    เลยลงมาเกิดเป็น มนุษย์ สุดกระจอก)
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อยากจะโมทนาสาธุ...ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจยังไงชอบกลนิ..
     
  13. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ๕๕๕ Kราคุพาฮาก่อนนอน

    เมื่อตอนที่ยังไม่มีศีล แต่ทำบุญทุกวัน ได้อ่านเกี่ยวกับสวรรค์ต่าง ๆ แบบเล็กน้อย งู ๆ ปลา ๆ เมื่อตอนนั้นอยากนั่งสมาธิ อยากมีอภิญญาเพราะมันเท่ห์ ตายแล้วได้ไปอยู่พรหม

    พออ่านเจอสวรรค์ชั้นที่ ๕ แบบว่าเนรมิตผู้ชายเองได้ สเป๊กแบบไหนก็เนรมิตเอา เขาว่าอย่างนั้น ก็ตาลุก เว้ยมีแบบนี้ด้วย เอาอันนี้แหละ

    พออ่านถึงสวรรค์ชั้นที่ ๖ ยิ่งดีกว่าแบบว่ามีบริวารที่แสนรู้ใจคอยเนรมิตผู้ชายให้

    แต่ว่าชั้นดุสิตนั้นก็อยากอยู่เพราะมีพระโพธิสัตว์เยอะ โดยไม่รู้ว่าชั้นนี้เขาต้องคัดเลือกคุณสมบัติ

    สรุปตอนนั้นทำบุญเสร็จอธิฐานขอให้ได้อภิญญาทุกชาติ และขอไปอยู่ชั้นดุสิต แต่แอบอาลัยอาวรณ์สวรรค์ชั้นที่เสกผู้ชายได้

    นึกถึงตอนนั้นยังขำตัวเองไม่หายเลย ช่างทำไปได้
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สมัยก่อนตอนรุ่นๆ ผมกับพี่ชายก็คิดเหมือนกันนะครับ อยากไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ วันๆสนุกสนานเฮฮา...
    มีวิมาร มีนางฟ้าเป็นบริวารตั้ง 1000 นาง...นางฟ้าเหล่านี้ขี้เหร่ที่สุดก็ยังสวยกว่านางงามจักรวาล...ฟังแล้วแหมๆๆๆ...ไอ้หื่นอย่างพวกเรานี่หื่นแตกเชียวนะ...

    แต่เดี๋ยวก่อน...
    แล้วนางฟ้าพวกนี้มาจากไหนกัน?
    เธอเหล่านี้มาทำหน้าที่อะไร...เพื่อจะมีเพศสัมพันธ์ต่อกันแบบนางบำเรอเท่านั้นเหรอ...
    พวกเธอจะมีความสุขหรือ?ถ้าต้องบำเรอผู้ชายคนเดียวกัน ใช้ผู้ชายร่วมกันกับนางฟ้าอื่นๆอีก999นาง...

    ธรรมดาของผู้หญิงทั้งหลาย จะยากดีมีจน ก็ขอให้มีชายคนรักที่รักตนอย่างแท้จริงไม่คิดนอกใจ ก็มีความสุขเพียงพอแล้ว...
    มีแค่2นางยังต้องมีเรื่องทะเลาะตบตี นี่ถ้ามีถึง1000นาง...มันจะไม่ยกพวกตีกันวุ่นวายทั้งวันหรอกเหรอ?

    อุตสาห์ทำบุญจนเป็นเทวดาได้แล้ว แต่จะมามัวมั่วกามราคะอยู่แบบนี้ ไม่ได้สร้างบุญต่อ หมดอายุขัยไปนรกแน่นอน...คุ้มหรือเปล่า...

    พี่ชายเคยถามว่า รู้ไหม ทำไมเวลาคนจีนแต่งงานกัน ถึงมีของขวัญคือผ้าปักรูปนกเป็ดน้ำคู่กัน...
    พี่ชายเล่าว่า นกเป็ดน้ำจะอยู่กันเป็นคู่ไปจนวันตาย จะไม่มีทางไปมีคู่ใหม่อีก แม้ว่าคู่ของมันตายลง มันก็จะอยู่ตัวเดียวไปจนวันตาย บางตัวก็จะตายตามคู่ของมันไปด้วย...
    คนจีนถึงปักรูปนกเป็ดน้ำคู่เอาไว้ให้คู่บ่าวสาว เป็นเครื่องเตือนสติ ให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง สัตว์เดรัจฉานเหล่านี้...และถือเป็นคำอวยพรที่ดี ที่ให้คู่รัก รักกันยั่งยืน รักเดียวใจเดียว...
    ผมฟังคำตอบพี่ชายคนนี้แล้วซึ้งมากครับ...
    แต่ตั่วเฮียฟังแล้วแกถึงกับตบเข่าฉาดใหญ่ว่า...เฮียว่าแล้ว เวลายิงนกเป็ดน้ำ สักพักคู่ของมันจะออกมาให้ยิงด้วย เป็นงี้นี่เอง...ตอนหลังบางตัวไม่ยอมให้ยิงก็จะดำลงใต้น้ำเอาปากคาบกิ่งไม้ไว้จนขาดอากาศตาย..พวกลูกน้องก็ไปช่วยกันงมขึ้นมาแกง...ตั่วเฮียนี่แกเตะซึ้งกระจายหมดกันครับ...เวงกำ...

    ภายหลังมานั่งพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเพียงแค่คิดเรื่องมีนางฟ้า1000่นางมาเป็นฮาเร็ม เรายังทุกข์ใจเพียงนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงๆมันจะทุกข์ใจเพียงใด...นางฟ้าเองก็คงเป็นทุกข์เช่นกัน วันๆไม่ต้องทำอะไร มีแต่จะต้องแย่งเทพบุตรสุดหล่อ ตนเดียวนี่เอง...

    มากรักหลายใจ ก็ต้องทุกข์ใจทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย...มิใยว่าเรานี้ยังจะเลวกว่าเดรัจฉานคือนกเป็ดน้ำนี้เสียอีก...คิดแล้วก็สลดใจ...กามราคะนี้ ไม่เคยปราณีสัตว์ทั้งหลาย...เหมือนน้ำผึ้งผสมยาพิษฉันนั้น...รู้ทั้งรู้ว่าต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน แต่ก็ยังขวนขวายแสวงหากัน...อันนี้เตือนตัวเองนะครับ...ไม่ได้จะว่าใคร...แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องจริง ที่ตะเตือนไต ของเราๆท่านๆทุกคนนี่เหมือนๆกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  15. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    อ่านผ่านแว๊ปๆ คุยเรื่องนางฟ้ากัน ผมนี้ก็ตาลุกวาวเลยครับ ขอสารภาพเลยครับว่าที่มาปฏิบัติธรรมนี้ ผมเคยละเมอว่ามีนางฟ้ามาเป็นภรรยา เหมือนที่ ท่านพี่ระมิงค์ได้กล่าวไว้แบบนี้เป๊ะเลยครับ...ปัจจุบันกิเลสราคะก็ยังหนาและ ยังคิดแบบนี้อยู่ เดี๋ยวจากภพนี้ไปจะหนีแฟนภูมิมนุษย์นี้ไป วิ่งเล่นไล่จับนางฟ้าคงสนุกน่าดู (ไอ้ที่ปฏิบัติธรรมมามันเลยไม่ค่อยก้าวหน้าแบบนี้ไงครับ) 55555+

    มาอยู่บอร์ดนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ อ่านได้กำลังศรัทธาดีจริง ๆ ทำให้ต้องปฏิบัติ และเริ่มละอายใจกับบาปที่เราได้ก่อไว้ด้วย ^^

    ปล.ยังดีนะที่มีอาจารย์นพคอยสอนการปฏิบัติอยู่ รอบแรกผมติดคาปูชิโน่พี่ไว้ เจอกันครั้งที่หน้า และครั้งต่อๆไป จัดให้ 4 แก้วเลยครับ อิอิ
     
  16. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คุณหญิงคุณนายที่ทุ่มเงินเป็นแสนโกฏล้านบาท
    เพื่อตายไปไปเป็นนางฟ้า
    ในสวรรค์ชั้น6

    ไปเป็นนางฟ้าของพยามาราธิราชวสวัตตีมาร
    ซึ่งมีบาทบริจาริกาอยู่ 84000 อสงไขยโกฏนาง

    กว่าจะถึงคิวถวายงานปรนนิบัติพัดวี

    ก็ล้านปีงี้

    หนูน่ะ ไม่อยากเป็นนางฟ้าหรอก(เลยตกนรกเป็นส้วนใหญ่555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  17. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    พูดถึงเรื่องนางฟ้ากัน ก็ย้อนไปสมัยที่เริ่มฝึกกรรมฐานใหม่ๆนั้น ตอนนั้นเริ่มรักษาศีลห้า และเริ่มภาวนาบ้างนิดหน่อย วันนั้นนอนอยู่ในห้องพอดีมีเจ้ายุง มาบินวนไปวนมาตลอด กวนซะนอนไม่หลับจนใกล้เช้าเลย ใจก็คิดว่าแหม่ๆๆๆเดวตบซะเลย แล้วก็หลับไป มารู้ตัวมาโผล่ที่ซักที่หนึ่ง เป็นสวนดอกไม้แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วก็มาเจอเข้ากับ นางผู้หนึ่ง อยู่ข้างหน้าเรา นางนั้นผิวสวยมาก ขาว ละเอียดปราณีต สวยมากแบบไม่เคยเห็นในภพมนุษย์ แล้วก็มียุงเกาะอยู่บนหน้าผากนาง เราเองก็กำลังจะบอกนาง แต่แล้วนางก็พูดว่า เราเป็นผู้ทรงศีลห้าบริสุทธิ์ กระผมเหมือนโดนรองเท้าตบหน้าตกสวรรค์ลงมาเบย ตื่นมาก็มาคิดว่า ขนาดแค่เราคิดจะตบยุงในใจยังโดนเลย เรื่องก็จบด้วยประการนี้เอย
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ใช่คับ จนกว่าจะเห็นเป็นสีใสๆและเห็นภายนอกร่วมด้วยให้ได้ก่อน
    ต่อไปจะเห็นแต่สีใสหรือว่าจะต้องมีสีอื่นๆประกอบเพื่อความจำได้
    ค่อยว่ากัน แต่การเห็นแบบใสๆมีข้อดีตรงมันเป็นกุศโลบายเพื่อ
    ให้จิตไร้การปรุงแต่งใดๆให้ได้ก่อนเท่านั้นเอง...
    เพราะถ้าปกติแล้ว ถ้าเกิดเห็นได้เลยทีเดียว ส่วนมากร้อยละร้อย
    มักจะสัญญาวิปลาส(เห็นจนแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง)
    หรือเพี้ยน(เห็นแล้วไม่เข้าใจอะไรเลยและไปพยายาม
    คิดวิเคราะห์เพื่อยากรู้คำตอบ) หรือไม่ก็หายตัวในญานวิถี
    (พวกที่เดินหลบผีหลบวิญญานนั่นหละครับ ๕๕๕๕๕) เป็น
    เป็นเหตุให้อยู่ร่วมกับสังคมได้ยากนั่นเอง คือตัวเองนะไม่ได้
    เป็นอะไรมาก แต่ทำให้สังคมมองดูแปลกทำนองนี้...
    ครูบาร์อาจารย์ท่านจึงให้เราค่อยๆพัฒนาไปตามลำดับ
    เพื่อให้เป็นขั้นเป็นตอน ในลำดับการพัฒนาความสามารถ
    ก็จะควบคู่การยกพัฒนาระดับจิตญานของเราไปในตัวด้วยครับ..
    ไม่มีท่านใดที่เปิดให้เราเห็นหมดครับ.ส่วนตัวก็เช่นกัน ท่านก็บอก
    หน่อยหนึ่งก็ต้องไปลองทำลองฝึกด้วยตัวเองก่อนในระยะเวลาหนึ่ง
    แล้วค่อยมาบอกต่ออีกหนึ่ง พูดง่ายๆลำดับการพัฒนามันมีหลายขั้น
    การเฉยๆไม่สนใจ แล้วก็ทำๆไป เป็นเหตุให้เราพัฒนาได้ ถ้าเราไปหยุด
    สนใจก็เหมือนเราไปแวะพักข้างทาง ซึ่งโดยมากมักจะแวะพักนาน
    และคิดว่าข้างทางที่เราพักคือที่สุด เป็นเหตุที่ส่วนมาก ความสามารถ
    ในการใช้งานทางจิตของเรามันถึงตันหรือไม่มีการพัฒนานั่นเองครับ..
    และที่เราจะทำให้เราเพี้ยน
    หรือวิปลาสนั้น ไม่ใช่ว่าเราเห็นอะไร แต่สิ่งที่เราเห็นนั้นจะมีกำลัง
    ที่แตกต่างกันออกไป บางสิ่งบางอย่าง แม้ว่าภายนอกจะเฉยๆ
    แต่จากสิ่งที่ภายนอกมี มันจะส่งผลกระทบทางด้านอารมย์ในส่วน
    ที่เราต้องอาศัยกำลังจิตกำลังสมาธิเพื่อการรับรู้อย่างวางเฉย
    อย่างท่านที่มีฤิทธิ์มาก ปรากฏตัวแบบเต็มรูปแบบให้เราเห็นด้วย
    ตาเปล่ามัน อลังการงานสร้าง ไม่ว่าแสง สีเสียง หรือการปรากฏตัว
    ของพระพุทธฯบางท่านนั้น กองทัพเทวดาอะไรอย่างนี้ หรือการปรากฏ
    ตัวของพระปัจเจกที่ปรากฏตัวที ท้องฟ้าสว่างไปหมดอย่างนี้
    พวกนี้มันต่างจากการที่เราเห็นในนิมิตหรือการใช้ความสามารถพิเศษ
    ในการไปเห็นอย่างสิ้นเชิงคับ เพราะฉนั้นอย่างที่เล่าให้ฟัง
    ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตามให้เฉยๆ มันถึงจะพลิกจากเห็นอะไรได้ก็ตาม
    ในนิมิต มาเป็นการเห็นแบบตาเปล่าๆได้ในอนาคตนั้นเอง..
    ประมาณนี้คับ.โลกอจิณไตรมันมีอะไรอีกเยอะครับ..
     
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เร็วๆนี้ ป่วยไข้อย่างหนัก ตอนป่วยดันเห็นตัวเองนอนอยู่
    แล้วก็เริ่มมีควันลุกจากใต้ร่าง ควันสีขาว แต่ไม่มีไฟ
    ควันหนาแน่นมาก พยายามกำหนดจิตว่าเป็นแค่นิมิต
    และไฟก็เริ่มติดที่ขา

    จิตเริ่มตระหนก เฮ้ย ยังไม่ตาย เผากันทำไม

    ไฟเริ่มลุก ควันเริ่มท่วม ตัวในจะลุกหนี ทิ้งร่างสังขาร

    แต่ว่าด้วยความกลัวตาย เลยยกร่างกายเนื้อขึ้น

    จบ ไม่ได้เรื่องเลยง่ะ

    น่าจะทิ้งให้มันไหม้เป็นจุลไปเลย ใจไม่ถึง ห่วงลูก

    ถ้าไม่มีกายเนื้อนี้ คงไม่มีห่วงมากมาย แต่ถ้าไม่มีกายสังขารนี้ ก็ไม่มีความรู้สึกทางอายตนะทั้ง5 ให้รู้เห็นทุกข์เห็นธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คับ เรื่องนี้ ป๋า มิงค์ ก็ชำนาญคับฟังวิธีที่ ป๋า มิงค์ จะแนะนำร่วมด้วยก็ได้
    เผื่อจะได้เห็นในหลายๆมุมมอง....แต่ถ้าในมุมส่วนตัว...
    มี ๒ แนวทางทั่วๆไปดังนี้..และแนวทางพิเศษอีก ๑ แนวทาง.
    ๑.ร่างกายเป็นอะไรซักอย่างไม่ว่าจะเรื้อรังหรือพึ่งเป็น
    แล้วไปนั่งสมาธิเพื่อให้ผ่านเวทนา ไม่ว่าเวทนาจะเกิดจาก
    ที่ร่างกายเคยเป็นอยู่เดิม หรือมีเวทนาเกิดขึ้นมาใหม่ในขณะที่
    กำลังนั่งสมาธิก็ตาม..
    ๒.ร่างกายไม่ได้เป็นอะไร แล้วไปนั่งสมาธิเพื่อให้ผ่านเวทนา...
    และอีกแนวทางหนึ่งคือ แนวทางที่ ๓
    ซึ่งก็คือ ๑ กับ ๒ รวมกัน

    วิธีที่ ๑ อาศัยกำลังสมาธิไม่สูงมาก ''ความคิดก็เหมือนก้อนเมฆ มัน
    เปลี่ยนรูปร่างไปมา มันเคลื่อนไหวไปเรื่อย แล้วมันก็สลายไป
    เปลี่ยนเป็นก้อนเมฆใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ
    แต่ฟ้าก็ไม่ได้แตะต้องมัน เมื่อเราอยู่กับการทำ
    ความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมหายใจเข้าออก ก็เสมือนกับฟ้าที่ไม่ได้ไปแตะต้อง
    ก้อนเมฆนั้น..เปรียบดัง การนั่งสมาธิเพื่อให้
    ผ่านเวทนาก็หลักการเดียวกัน และเราก็จะพบ กับความสงบ ความว่าง
    เปล่าได้เอง" ผลที่ได้เราจะผ่านเวทนาในขณะนั่งสมาธิได้
    แต่ถ้าร่างกายเป็นอะไรมาก่อน มันก็จะยังไม่หายไปไหนเช่นกัน
    แต่เราก็จะมีปัญญาที่จะยอมรับตามความเป็นจริงๆได้ถึงซึ่ง
    ที่ร่างกายเรามันเป็นอะไรมาก่อน อยู่กับมันร่วมกันได้ ตรงนี้ขึ้นอยู่
    กับว่า เมื่อตอนนั่งสมาธิแล้ว ในความสงบ ในความว่างนั้น
    เราได้เกิดปัญญาทางธรรมอะไรขึ้นมา''
    วิธีแนวทาง ๒ แม้ว่าเราจะผ่านเวทนาที่เกิดขึ้นใหม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า
    กำลังสมาธิที่เราพัฒนาไปต่อได้มันระดับไหน..ถ้ากำลังสมาธิเท่ากับ

    วิธีที่ ๑ หากเราทำได้บ่อยๆ เราจะได้อานิสงค์ของมรรคผลในเรื่อง
    การตัดการยึดติดร่างกายในระดับหยาบๆ แต่ๆๆถ้า เราสามารถ
    พัฒนาจนกระทั่งพัฒนาจนถึงระดับฌาน ๔ จนสามารถควบคุมจิต
    ให้อยู่ในร่างกายได้แบบนิ่งๆ แล้วจิตไปวิ่งดูอวัยวะภายในร่างกาย
    ตนเองได้(เกิดเองอัตโนมัติหรือไม่ก็วิ่งซ้อนไปในจิตตรงนี้
    จะได้ความสามารถเดิมพลิกกลับมาใช้งานได้ในเวลาลืมตาปกติ)
    จนเกิดการระเบิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท
    หรือเห็นร่างกาย
    มันย่อยสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นธุลี เราจะได้อานิงสงค์
    ในเรื่องการตัดการยึดติดร่างกายในระดับที่ละเอียด จิตจะลงไตรลักษณ์
    ได้ในเรื่องความไม่เที่ยง(ปกติจิตที่ลงไตรลักษณะได้มันจะลงได้ทีละเรื่อง
    เท่านั้นแต่ผลจะส่งอย่างไรก็แล้วแต่)
    แต่วิธีนี้ มีข้อดีอย่างหนึ่งคือ แต่บอกไว้ก่อนนะคับ จิตที่เข้าถึงกำลังระดับ
    ฌาน ๔ ได้จริงๆ ชนิดที่แยกกับกายอย่างเด็ดขาดชั่วคราวจริงๆนะ..
    แบบว่า เราๆนอนอยู่แล้วมีเราอีกกายมันลุกขึ้นจากกายที่เรานอนอยู่
    เห็นๆ หรือจิตมันทิ้งกายออกไปข้างนอกเลยเห็นๆ โดยมาแล้วถ้าเรา
    มาถึงกำลังสมาธิระดับนี้ได้ จะไม่มีใครสามารถที่จะคุมจิต คุมกาย
    ทิยพ์ตัวเองได้ ต้องมาฝึกเจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ และก็เข้าให้ถึงให้ได้
    อีกประมาณครั้งที่ ๓ หรือ ๔ ถึงจะเกิดกิริยาวิ่งดูอวัยวะภายในหรือ
    การวิ่งซ้อนจิตเข้าไปในจิตได้นะครับ...ตรงนี้ถ้าไม่เคยทำได้จริงๆหรือ
    เข้าถึงมาก่อน จะไม่มีทางเข้าใจได้เลยครับ เรียกว่า ต้องฟิตพอตัว...

    และในขณะที่จิตเรามันกำลังวิ่งอยู่ภายในร่างกายเรานั้น บางทีมัน
    วิ่งอยู่ในเส้นเลือดเราด้วยครับ ถ้าเราสามารถบังคับให้มันวิ่งไปยัง
    อวัยวะของร่างกายส่วนใดก็ตาม ที่เราเป็นโรคอะไรก็ตาม และไม่ว่า
    จะเป็นโรคร้ายแรงอะไรก็ตาม จะเป็นมากี่สิบปีแล้วก็ตาม และให้ตัวจิต
    มันมองดูอวัยวะส่วนนั้นๆได้ จนเกิดการระเบิดเป็นแสงสีขาว เสียง
    ดังราวกับฟ้าฝ่าได้แล้วหละก็ จะเกิดสิ่งอัศ สะ จอ ร หัน กา รัญ ยอ
    ก็คือ ถ้าเราลืมตาขึ้นมา โรคที่เราเป็นอยู่ จะหายไปเลยเสมือนกับว่า
    เราไม่เคยเป็นมาก่อนได้อย่าง ที่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองถึงจะเชื่อคับ..
    แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่ใช่ง่ายๆที่จะทำได้นะคับ..


    และวิธีพิเศษ คือการทำสมาธิแบบลืมตา แล้วเข้าให้ถึงโหมดวิญญาน
    ธาตุแบบที่เคยเล่าๆโม้ๆให้ฟัง..คือให้จิต ผลิกข้ามธาตุ ๔ ของร่างกาย
    แล้วไปรวมกับอากาศธาตุ โดยให้จิตไปเชื่อมกับกระแสพระพุทธฯหรือ
    ครูบาร์อาจารย์ท่านใดๆก็ได้ ให้สายตาปกติมองเห็นได้แบบ ไม่ใช่ดำๆ
    ไม่ใช่ควัน ไม่ใช่ใสๆแต่ไม่นิ่ง ให้เห็นจนกระทั้ง เห็นแบบละอองละเอียดๆ
    พุ่งวิ่งขึ้นข้างบนไปเรื่อยๆ การที่จิตเข้าถึงขั้นละอองรวมกัน
    เป็นเส้นสายวิ่งขึ้นไปเชื่อมกับข้างบนอย่างนี้ได้ ในระยะเวลาไม่กี่
    นาทีต่อวัน โรคที่เคยเป็นเรื้อรัง หากทำบ่อยๆเพียงไม่กี่วัน มันก็จะสามารถ
    หายได้อย่างแปลกประหลาดเช่นกัน ตรงนี้ใช้ผลเอกเรย์พิสูจน์ได้
    ไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม แต่ระดับที่เล่าให้ฟังนี้ไม่สามารถสร้างร่างกายขึ้นมาได้นะครับ.
    คือทำให้มันกลับคืนสู่สภาพร่างกายปกติ ณ ช่วงเวลานั้นๆตามความ
    เป็นจริงนั่นเองครับ...
    เอาประมาณนี้ก่อนครับ พอดีไม่ค่อยว่าง เอาแบบกว้างไปก่อนเนาะ

    แต่ถ้าจะสร้างธาตุขึ้นมาใหม่ หรือเคลื่อนย้ายเส้นเอนตามแนว
    กระดูกสันหลัง หรือ แก้ปัญหา
    เรื่องความจำเสื่อม เรื่องโรคมะเร็ง เรื่องโรคไต
    เรื่องเกี่ยวกับสมอง ณ ปัจจุบันนี้ ส่วนตัวได้รับการ
    เปิดเผยเทคนิคอลเทอม ในเรื่องพวกนี้แล้วครับจากข้างบน
    จากเมื่อปีก่อนเคยถามแต่ว่า
    พระท่านที่เป็นองค์กลางท่านเคยบอกไว้ว่า ข้างบนท่านยังไม่ให้บอก
    ให้ไปลองทำดูก่อน เช่น ท่านบอกว่าให้แตะลูกบอลไปข้างหน้า
    แต่ท่านจะไม่ได้บอกเทคนิคการวางเท้าอะไรประมาณนี้ แต่จะให้
    เราแตะไปก่อนในระดับหนึ่ง อะไรอย่างนี้หละครับ..
    และให้ข้าพเจ้าไปพื้นกำลังจิตไปพื้นพลังงาน ไปปรับตัวให้
    เข้ากับพลังงานยุคใหม่ขึ้นมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้..
    ใช้หมดไปกับการช่วยเหลือบุคคลๆอื่นๆอย่างเดียว
    (คือที่ทราบเพราะเล่าให้ท่านฟังว่า ผมเข้าโหมดวิญญานธาตุ
    แล้วเรียก พระธาตุ (ท่านเรียกว่า ภูตพระพุทธเจ้า) ได้องค์เล็กองค์เดียว
    ท่านบอกว่า ตอนนี้จะเรียกเป็นมาเป็นถ้วยก็ได้ แต่ว่า ข้าพเจ้าไปใช้
    กำลังจิตไปช่วยคนมามากไม่รู้ตั้งเท่าไร หนักตอนช่วยดึงภูต ดึงอสูรกาย
    แฝงออกจากร่างกายนี่หละครับ.. เลยกำลังไม่พอในเรื่องนี้
    เด่วยังไงเรื่องนี้ก็ฟังๆไว้ก่อน ถือว่าโม้ไว้ล่วงหน้าก็ได้ครับ
    และขอได้ลองไปใช้งานก่อนนะครับ..มีโอกาสจะมาเล่าใหัฟัง
    ในอนาคตครับ.
    คือส่วนตัวยอมรับว่า กำลังดีใจครับ เกี่ยวกับเทคนิคอลเทอม
    ในเรื่อง เส้นย้ายเส้นเอ็น และเรื่องการสร้างมวลกระดูกขึ้นมาใหม่
    ก็ประมาณ ๑ ปีพอดีหลังจากที่เคยถามเรื่องนี้ไป ไปหาฝึกนอนหลับ
    ในถ้ำกับ หมอชื่อ เสน่ห์ มาก็แล้ว ๕๕๕๕ถึงได้รับ
    การถ่ายทอดเทคนิคคอลเทอมจากข้างบนครับ..
    อย่าลืมว่า แบบของข้าพเจ้าคือ ไม่ต้องโดนร่างกายนะครับ
    เลยเป็นอะไรที่อาจจะดูยากเล็กน้อย....


    ปล.ช่วงนี้ติด สัมมานาวิชาการอยู่คับ ไม่ค่อยว่าง
    กลับมาก็สลบแล้วคับ ๕๕๕ ประมาณนี้ภาพรวมที่เล่าลองดู
    ทริคง่ายๆคือ อยู่กับลม ส่วนลมจะหายไปตอนไหน
    ช่างมันคับ ในช่วงที่มันกำลังจะยกระดับสมาธิมันจะ
    เป็นไปเองของมันอัตโนมัติ ขึ้นและลงเร็ว สำคัญที่
    ตอนที่กำลังจะพัฒนาต้องเคลียร์เรื่องที่มันผุดขึ้นมา
    กวนใจเราให้ได้ และอย่าเผลอลืมตาหากอารมย์ตก
    อย่าฟิตมากเกินไป เหนื่อยก็พัก หาอะไรทำไปก่อน
    แต่สำคัญให้รักษาระบบลมหายใจเอาไว้ แล้วค่อย
    มานั่งต่อ ถึงจะมีโอกาสเข้าถึงอย่างที่ได้เล่าให้ฟัง
    มาก่อนหน้า ส่วนเทคนิคอื่นๆ รอ ป๋า มิงค์ มาเล่า
    ให้ฟังเสริมต่ออีกทางหนึ่งได้เลยครับ

    ส่วนเรื่องฝากทำบุญรับทราบ ส่วน จารุ ลองอ่าน
    ดูเล่นๆเผื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับตัวเอง และช่วยป้อง
    ช่วยกันตัวเองได้ในอนาคต (^_^)
     

แชร์หน้านี้

Loading...