กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ท่านที่ทราบอุปนิสสัย
    ลูกช้างลุงแมว
    หากจะเมตตาสงเคราะห์ให้ให้เดินหน้า
    ในการเจริญกรรมฐาน ก็จักขอบพระคุณ
    อย่างสูงนะฮะ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าระบุว่าถามใครจะพอบอกได้ครับ ลุงแมว..
     
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๐๐.๑๐

    ช่ายช่าย ถามใครล่ะลุ้ง
    อยากก้าวหน้า ก็ต้องกล้ากล้าหน่อย
    ระบุชื่อมาเลยดีกว่า ว่าเธอจะเลือกใคร ๕๕๕


    กระต่ายป่า มาเพื่อโม้ / ค้างคาวเปล่งแสง

    .
     
  4. boss10

    boss10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +142
    ผมเดาว่าลุงแมวเลือก คุณเอกร์วี หรือปล่าวนะ
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ผมทราบขอรับ :d

    ลุงแมวเป็นคนศรัทธาจริต เหมาะที่ไหว้พระสวดมนต์ เช่น อิติปิโส พาหุง มหากาฯ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต ไหว้พระ 9 วัด ปล่อยสัตว์น้ำสัตว์บก ประมาณเนี่ย

    ไม่เหมาะกับการเจริญกัมมัฏฐานทุกประเภทครับ(deejai)
     
  6. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณมาจากดิน...เพื่อ..????
     
  7. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ลุงแมวอาจหมายถึง ช่วยสงเคราะห์เด็กๆทั้งหลาย ที่เข้ามาโพสถามค่ะ (ลูกช้างลูกแมว) ไม่ใช่แค่เฉพาะแค่ตัวลุงค่ะ ^_^ อาจเป็นคุณนพ..คุณกระต่าย..คุณเอก...คุณ sup..รึใครที่หยั่งถึงอุปนิสัยและกรรมฐานที่เหมาะสมนั้นได้จริงๆ
     
  8. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๕.๒๗

    เค้าเพื่อนกันม้าง เห็นไล่งับกันมาหลายกระทู้แล้วล่ะครับ

    ...ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ
    พอลุงขยับ เค้าก็รีบหนี
    ให้ลุงวิ่งไล่ เหงื่อไหลก็มี
    แต่พอลุงหนี ไล่ตีจิกตาม ๕๕๕


    สุนทรทู่ / ค้างคาวเต็มถ้ำ

    .
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ท่านที่ทราบอุปนิสสัย
    ลูกช้างลุงแมว
    หากจะเมตตาสงเคราะห์ให้ให้เดินหน้า
    ในการเจริญกรรมฐาน ก็จักขอบพระคุณ
    อย่างสูงนะฮะ


    ลุงแมวขอคำปรึกษานั่น ^ ผมก็ให้คำแนะนำ มันผิดหรือขอรับ
     
  10. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ป่าวหรอกครับผมแค่คาใจกับที่คุณพูดว่า...ไม่เหมาะกับการเจริญกัมมัฏฐานทุกประเภทครับมันคืออะไรยังไงครับคุณมาจากดิน
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เป็นคู่กัดต่างหาก

    ลงนรกทั้งคู่ละชาตินี้
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ความจริงเขาสอนใครไม่เป็นหรอกครับ
    มจด.แค่กระแนะกระแหน
    เพื่อแอบดูนรก
    เฉยๆ

    ในความเป็นจริง ถ้าบุคคลที่มีศรัทธา
    ในคำสั่งสอนของพระพุทธจริง
    แล้วขวนขวายแสวงหา พ่อแม่ครูอาจารย์
    ที่มีเมตตาและเคยสงเคาาะห์กันมา
    ก็ฝึกกันได้ทุกรูปทุกนามแหละครับ
     
  13. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ตอนนี้ยังเป็นกระทู้ที่ให้คำแนะนำอยู่หรือเปล่าครับ ?
    พอดี ผมฝึกมาได้สักพักแล้ว มีหยุดบ้างตามความเหมาะสม
    บางวันผมก็เพลีย เพราะ ทำงานดึก
    อยากทราบว่า สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราเอามาเป็นอารมณ์กสิณกรรมฐานได้ไหมครับ

    เพราะ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความปะติดปะต่อในการฝึกเลย
    เกรงว่าตัวเองจะทำผิด หรือหลงทาง เลยมาขอคำแนะนำครับ จากคุณณพหรือท่านใดก็ได้

    ผมเป็นคนขี้สงสัยมากๆครับ ผมอยากที่จะรู้ว่า อำนาจหรือพลังของกสิณหนิมันมีจริงๆไหม เพ่งน้ำแล้วทำให้ของแข็งเป็นของอ่อนจริงหรือไม่ เพ่งลมแล้วทำให้วัตถุเบาได้จริงเหรอ นี่คือเหตุผลที่ผมอยากจะพิสูจน์หนะครับ

    อาจจะดูขัดกับหลักทางทางพุทธศาสนา ผมก็ไม่สันทัดเท่าไหร่ นับว่าเป็นบุญกับผมมากที่ผมเห็นกระทู้แนะนำดีๆแบบนี้ ที่จริงผมก็แวะเข้ามาอ่านอยู่ทุกวัน
    รู้สึกดีจริงๆครับที้ได้รับคำแนะนำดีๆจากคุณณพและทุกๆท่าน

    บางทีผมถามเยอะไปจนเกิดความน่ารำคาญไปแล้วก็ได้5555

    สาธยายมาเยอะแล้ว ช่วยตอบคำถามผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ^_^
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010

    ขออนุญาตพูดกล่าวแบบรวมๆนะครับ
    ยาวหน่อยจะอ่านไม่อ่าน
    ก็สุดแล้วแต่ท่านนะครับ..แต่ถ้าอ่านแล้วเข้าใจ..
    โอกาสที่ท่านจะฝึกสำเร็จถึงระดับที่ใช้งานได้จริง
    จะเกิดขึ้นกับท่านได้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อ่าน
    ประเด็นแรก ขอพูดอย่างนี้นะครับ เรื่องช่างสงสัยเป็นเรื่องปกติครับ...
    แต่ความสงสัยควรมาจากการที่เราปฏิบัติมาแล้วเกิดติดขัด...
    และได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแล้วแต่ว่ายังผ่านไม่ได้...
    อย่างนี้ยินดีและพร้อมที่จะให้คำแนะนำเสมอครับ..นี่ทั่วๆไปนะครับ....
    และอะไรที่ได้เตือนไว้แล้ว บอกไว้แล้วว่าอย่าทำ อย่าเป็น
    ก็ไม่ควรกระทำ.นี่เป็นปกติๆทั่วไปนะครับ

    ประเด็นต่อมา ถ้าคิดว่าจะฝึกสำเร็จในชาตินี้นะครับ..ให้ตั้งจิตอฐิษฐาน
    ไว้อย่างนี้ต่อหน้าพระนะครับ......
    ๑.ฝึกเพื่อขอเรียกของเก่าเราให้กลับคืนมา....
    ๒.ถ้าฝึกสำเร็จแล้ว จะนำไปใช้งานในทางที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆ
    และเป็นประโยชน์ในทางธรรมครับ...
    ท่านถึงจะมีโอกาสได้รับการส่งเสริม จากครูบาร์อาจารย์ข้างบน ที่มีชื่อเสียงมาก
    และท่านจะทราบได้เองว่า ใครจะมาสอนท่านด้วยตัวท่านเองครับ...
    ไม่งั้นท่านจะใช้เวลาฝึกนานมากหลายๆปี เผลอๆทั้งชาติก็ฝึกไม่สำเร็จ
    ในระดับที่ใช้งานได้จริงๆครับ..

    และถ้าประเภทคิดว่าฝึกเพื่ออยากให้ตัวเองมีฤิทธิ์ อยากเพื่อที่จะแสดงฤิทธิ์ อยากเพื่อที่จะ
    ได้รับการยอมรับจากสังคมว่าท่านมีอะไรที่เหนือกว่าบุคคลอื่นๆ หรืออยากเท่ห์
    อยากเอาไว้คุย เอาไว้อวด เอาไว้โชว์ ชาตินี้เชิญท่านฝึกได้เลย ประกันได้ว่า
    ท่านจะทำได้เฉพาะในนิมิต และมันก็จะสร้างอุคนิมิต มาเพื่อหลอกให้ท่านหลงตัวเองเล่นๆ
    ทั้งๆที่ท่านไม่สามารถใช้งานกสิณได้ซักกอง แต่มันก็จะทำให้ท่านหลงตัวเองได้
    อย่างที่ท่านไม่รู้ตัว..เผลอๆยังเอาแค่สัมผัสเล็กๆน้อย ไปคุยไปโม้ ยกตัวเอง
    พูดให้คนอื่นๆฟังประมาณว่า ไอ้สัมผัสเล็กน้อย
    ที่เกิดกับท่าน อย่างกับว่าตัวเองท่านเองมีอะไรวิเศษวิโส
    ทั้งๆที่ไม่มีความสามารถทางจิต
    ใช้งานอะไรได้จริงๆซักอย่าง
    มันก็จะยังทำให้ท่านหลงตัวเองได้ครับ.
    เพราะฉนั้นให้ระวังจุดนี้ให้ดีๆครับ.


    และข้อห้ามที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นมีในจิตใจ แม้ว่าเราจะต้องการเพื่อพิสูจน์ก็ควร
    เป็นไปอย่าง ๒ ข้อที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นทุน
    ...ไม่งั้นประกันได้ว่า กสิณที่ท่านฝึก
    ท่านจะรับรู้และสัมผัสได้แต่ในนิมิต หรือ แม้ว่าท่านจะรับรู้และสัมผัสได้..
    แต่จะได้ในระดับที่เป็นอุคนิมิตในระดับตาเปล่า ที่ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อะไรเลย
    ไม่ว่าต่อกำลังจิตของท่าน และไม่มีเครื่องรู้พิเศษอะไรเกิดขึ้นเลย
    ไม่มีความเข้าใจกิริยาต่างๆทางนามธรรมที่ดีขึ้นเลย
    พบเห็นกิริยาอะไรในนิมิต ท่านก็จะติดจะขัดอยู่ร่ำไป
    ไม่สามารถเข้าใจได้เองซักที...
    และท่านจะไม่สามารถเรียกเป็นพลังงานของกสิณกองต่างๆ
    ที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งผู้ที่เคยสัมผัสได้จะรู้เอง
    ให้สามารถ พลิกจากการรู้เห็นในนิมิตให้ขึ้นมาใช้งานได้จริงๆ ไม่ว่าทางด้านไหน
    และสัมผัสได้จริงๆไม่ว่าตัวท่านหรือทำให้บุคคลอื่นๆสัมผัสรับรู้ได้จริงๆครับ....


    และถ้าท่านอยากจะพิสูจน์ว่า กสิณกองนั้นกองนี้ มันแสดงผลได้อย่างในตำราหรือไม่
    ให้ท่านไปย้อนอ่านเทคนิคการอธิษฐานจิต ให้เกิดผลจริงๆขึ้นได้ ที่ข้าพเจ้าได้เคย
    เขียนไว้แล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งได้อธิบายละเอียดแล้วทุกขั้นตอน ไม่ว่าช่วงที่สามารถ
    อฐิษฐานจิตได้ เทคนิคและกิริยาต่างๆ ที่จะเกิด รวมทั้งลักษณะของผลที่จะเกิดขึ้น
    จริงๆบนโลกนี้...ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่า เป็นระดับที่ห่มเหลืองเจ้าของตำราที่ล่วงลับไปแล้ว
    ท่านทำได้เพียงแค่หายใจเข้าภายในครั้งเดียว ซึ่งข้าพเจ้าช่วงที่ฟิตๆใช้เวลาเกือบ๒๐นาที
    ซึ่งยอมรับว่าถ้าจะต่อยอดให้ถึงระดับนี้คงเสียเวลาฝึกเฉยๆ..แต่ถ้าท่านสามารถเรียกเป็น
    พลังงานกสิณได้ อย่างน้อย ๕ กอง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และท่านสามารถรวม
    มันเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว แล้วใช้งานได้จริงไปซักระยะหนึ่งก่อน
    ให้มาถามข้าพเจ้าต่อว่า ถ้าท่านจะทำอย่างที่ท่านต้องการ
    พิสูจน์นั้น มันมีวิธีอื่นๆที่สามารถทำได้เช่นกัน แต่ไม่เหมาะแก่การเปิดเผย.
    แต่จริงๆแล้วถ้าท่านสามารถเรียกเป็นพลังงานได้เองแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีความ
    จำเป็นจะต้องมาถามข้าพเจ้าแน่นอน เพราะท่านจะรู้ได้ด้วยตัวเอง....


    และบอกไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่า ก่อนที่ท่านจะสามารถนำพลังงานกสิณให้ขึ้นมาใช้งานจริงๆ
    ท่านจะต้องผ่านด่านทดสอบจากทางภพภูมิ ไม่ว่าในเรื่องของจิตใจ เรื่องของความ
    ฉลาดในการใช้งานในกสิณกองต่างๆ ซึ่งท่านจะต้องเจอแน่ๆ ก่อนที่ท่านจะเรียก
    เป็นพลังงานกสิณจริงๆขึ้นมาได้ครับ..บอกได้เลยว่าบางคนไม่มีแม้แต่
    โอกาสที่จะได้เจอแม้แต่บททดสอบเดียว และแม้ว่าท่านจะได้เจอก็ไม่มี
    ทางที่ท่านจะผ่านได้ภายในไม่กี่ครั้ง เพราะกลุ่มที่มาทดสอบท่าน
    ไม่ใช่ธรรมดา แม้ท่านจะใช้ได้ในนิมิต และท่านรู้อะไร กลุ่มที่ทดสอบ
    ก็จะรู้เช่นกัน เพราะฉนั้นตรงนี้ ต้องสร้างตัวเองให้ดีที่สุดครับ.
    ไม่ว่ากำลังสติทางธรรม กำลังสมาธิสะสม ศีล ๕ ที่มั่นคง
    ทาน เมตตาทั้งต่อคนและสัตว์ และที่สำคัญคือการสร้างบารมี
    ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้ส่วนภพภูมิ สร้างเอาไว้ให้ดีๆและมั่นคงไว้
    พูดง่ายๆว่า ท่านจะทำตัวอย่างไร สร้างความดีอย่างไร
    ทำตัวอย่างไร...ให้ระดับสูงๆยอมรับท่านได้..
    ไม่ว่าจากเทวดา เทพ พรหม ก็ให้ความเคารพนับถือท่านได้
    ลองคิดเล่นๆซิ ถ้าเราคิดว่าเราเก่งมาก มีปัญญามาก มีความสามารถ
    พิเศษต่างๆ ท่านลองดูซิ สัมผัสได้ไหม ว่าท่านมีพันธมิตรทาง
    ภพภูมิระดับไหนเค้านับท่านเป็นมิตรหรือเปล่า
    ทำตัวเหมาะสมควรจะเป็นที่ได้รับ
    ความเกรงใจจากภพภูมิระดับต่างๆหรือเปล่า
    ทำตัวให้ครูบาร์อาจารย์ข้างบน
    เห็นว่าท่านเป็นผู้มีคุณสมบัติพื้นฐานที่ดีได้หรือเปล่าไปคิดเอาเอง..
    และจำเอาไว้ว่า ให้ทำความดีทั้งในที่ลับและที่แจ้ง อะไรที่ไม่ดีไม่ว่า
    ในที่ลับหรือในที่แจ้ง ถ้ารู้ตัวให้พยายาม ลด ละ มันซะจนกระทั่ง
    จิตใจมันไม่คิดจะทำอีก...ตรงนี้ต้องไปสร้างด้วยตัวเองครับ

    .

    จำเอาไว้ว่าให้ความเคารพด้วยความจริงใจกับภพภูมิทุกระดับ ทุกภาคส่วน
    ด้วยความจริงใจ แต่ไม่ใช่ไม่ยึดถือเฉพาะที่ท่านเคารพเท่านั้น..
    และไม่มีการแยกแยะ และจำเอาไว้ว่า ถ้าท่านจะใช้กสิณกองใดได้
    ท่านจะต้องได้รับการยอมรับในเรื่องของนิสัยพื้นฐานจิตใจของท่าน
    ของบรรดาเหล่าผู้ที่เป็นเลิศทางด้านนั้นๆ
    ถ้าท่านสามารถถึงระดับใช้งานได้จริงๆซักกอง ท่านจะรู้ดีและเข้าใจว่า
    ส่วนหนึ่งที่ท่านทำได้เพราะอะไร ถามว่าถ้าจากตัวจิตท่านเองจริงๆนะหรือ
    ประกันได้ว่า ชาตินี้คงจะยากคับ แม้ว่าเพียงกองเดียว...

    กสิณมันแค่ทางผ่าน ยังมีอะไรๆอีกเยอะครับ ต่อให้ท่านเรียกเป็น
    พลังงานได้ทั้ง ๑๐ กองก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นแค่พื้นฐานเริ่มต้นที่พอ
    จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เพียงแค่ท่านจะสามารถ
    พลิกจากเครื่องรู้ภายในที่สัมผัส รับรู้ รู้เห็นได้แต่ตนเอง..
    ออกมาสู่เครื่องรู้ การรับรู้ แบบภายนอกที่สัมผัสได้จริงเท่านั้นครับ
    ยังมีภาคส่วนภพภูมิอีกหลายๆท่าน ที่จะมาต่อยอดการนำไปใช้
    ต่อยอดการฝึกในรูปแบบต่างๆเพื่อการใช้งานอีกหลายๆท่าน
    รอที่จะสอนผู้ที่สามารถสร้างตัวจิตให้เข้าถึงพื้นฐานที่ท่านเหล่านั้น
    จะมาสอนต่อ มาแนะนำท่านต่อได้..
    คิดแค่ว่าจะอ่านจากตำราแล้วจะฝึกสำเร็จได้นั่นหรือครับ...
    ป่านนี้คงสำเร็จกันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วครับ.
    กรรมฐานกองนี้ บอกได้เลยว่าไม่มีคำว่าฝลุ๊ก
    หรือรอฟ้าประธานแล้วมันจะเกิดกับท่านหรือท่านจะใช้งานได้หรอกครับ
    ท่านต้องสร้างด้วยตัวของท่านเอง..ตัวข้าพเจ้าก็เป็นได้เพียง
    ผู้แนะนำในฐานะที่ข้าพเจ้าผ่านมาแล้ว เคยใช้งานมาแล้วมาหลายปี
    เคยได้รับเมตตาจากห่มเหลืองเจ้าของตำราและท่านต่างๆ
    เมตตามาสอนแล้วเท่านั้น ณ เวลานี้ตัวข้าพเจ้าเองบัดนี้
    ก็ยังถือว่าแค่ระดับพื้นๆที่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะเช่นกัน..

    ในตำราท่านเจ้าของตำราไม่ได้เขียนไว้ทุกอย่างหรอกครับ
    ที่เขียนแค่หลักๆและแค่สรุปเพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงได้ส่วนมาก..
    ท่านไปยึดสัมผัสตรงไหน หลงสัมผัสตรงไหน
    ท่านก็จะอยู่แค่ตรงนั้นครับ ให้ท่านไปคิดเอาเองว่า
    ท่านจะทำตัวเองอย่างไรก็ได้นะครับ..
    ให้เจ้าของตำราท่านเมตตามาสอนตัวท่านเองให้ได้..
    แต่ถ้าท่านอ่านที่ข้าพเจ้าแนะนำไปแล้วและฉุกคิดได้
    โอกาสที่ห่มเหลืองเจ้าของตำราที่ล่วงลับไปแล้วจะมาสอนท่านเอง
    ท่านจะมีโอกาสที่จะได้รับสิทธิ์นั้นเหมือนที่ข้าพเจ้าเคยได้รับมา
    ตัวท่านก็จะสามารถฝึกสำเร็จในระดับใช้งานได้จริงๆ
    เพียงแค่ในเวลาไม่นานครับ...

    มันต่างๆจากการที่ท่านไปอ่านตำราหรือไปฟังคำแนะนำ
    จากบุคคลที่ทำไม่ได้จริง รับรู้พลังงานกสิณไม่ได้ซักกอง
    สัมผัสไม่ได้จริงซักอย่าง.. รับรู้ได้แต่ในนิมิต รู้เห็นแต่ในนิมิต
    เรียกเป็นพลังงานไม่ได้ ทำให้คนอื่นๆสัมผัสรับรู้ไม่ได้..
    และนำมาใช้งานไม่ได้จริงซักกองอย่างสิ้นเชิงครับ

    ปล.ด้วยความเคารพทุกท่านและจริงใจครับ
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ขออนุญาติ พามาดูปัญหากันแบบตรงๆ นะครับ

    สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ปัจจุบันธรรม ที่มันกุมจิตคุณตอนนี้คือ "การลังเลสงสัย ความสิ้นกิเลส"

    คือ จริงๆ ความสามารถทางกสิณคุณมี ไม่ใช่ไม่มี แต่ ความที่มันเป็นของ
    ชั่วคราว เป็นผู้รู้จริงว่ามันแค่ของชั่วคราว มันแค่ทางผ่าน คุณจึงมีความรับรู้
    พิเศษที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่า มันมีผลอย่างไร ทำอย่างนั้นได้จริงไหม

    คนที่รู้จริงว่ากสิณมันแค่ทางผ่าน มันแค่ของชั่วคราว คนๆนั้น จะไม่มีทางไปเที่ยว
    ยกการทำกสิณได้ว่า เป็นสิ่งที่มีค่าจนกระทั่งให้ ต้อวไปจิกหัวหมาตัวไหนให้มาเคารพ ด้วยเพราะ
    ความเป็นทางผ่าน เหล่านี้

    ดังนั้น คุณไม่ได้สงสัยในอำนาจของกสิณ

    จริงๆแล้ว คุณลังเลสงสัย อำนาจการสิ้นกิเลส

    ไม่เชื่อลองถามคำถามง่ายๆ ดูใหม่ แล้วคุณจะทราบเองว่า จริงๆคุณเคารพ
    ตัวเองได้ไหม หรือว่า ยังต้องอาศัยการเคารพจากคนอื่น เพื่อมาหลอกตัวเอง
    ว่าน่าเคารพ

    คำถามที่ควรถามคือ

    หากคุณสิ้นกิเลส อำนาจกสิณ อำนาจเจโตสมาธิหลากชนิด มันจะประสา
    อะไรแก่ผู้สิ้นกิเลสแล้วเล่า ทำไมจะทำไม่ได้ ?


    หากสิ่งนั้นทำให้คนได้มีโอกาสเห็นธรรมของพระพุทธองค์ได้จริงไหม

    ถ้าอำนาจบันดามีทำออกมาแล้วไม่มีคนบรรลุ(แจ้งสัจจจริงแท้ ไม่เจอสิ่งปาหี่) อำนาจนั้น ของปลอม หรือของจริง

    เป็นอำนาจที่ออกมาจากการสิ้นกิเลส เป็นปฏิปทาที่ทำให้ผู้อื่นรู้ตามได้
    หรือเป็น อำนาจแห่งความโง่เมาธรรมเป็นเพียงความโง่ ที่ต้อง"อิงแอบ"การ
    เคารพจากคนอื่นเพื่อจิกหัวผู้วิเศษเบื้องบนมากราบความสามารถของกู


    พระพุทธองค์ ตรัสเสมอ ฤทธิที่เลิศที่สุด คือ ฤทธิจากอะไร ?

    แล้วฤทธิอะไรแค่กาก แค่อวัยวะเพศที่เที่ยวร่อนไปทั่วเมือง เพียงเพื่อให้คนมาเห็น ?

    อย่าเข้าใจ ฤทธิ ผิดฝาผิดตัว แล้วจะทราบเองว่า อำนาจกสิณมีจริงไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2015
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ลองดูนะครับ

    กสิณเนี่ยะ มันเป็น ธรรมฝ่ายกุศล หาก ธรรมฝ่ายกุศลคุณมี คุณเคยทำ
    อะไรที่เป็น ของตัว สมบัติเก่าตน ทำไมจะต้อง " ขอ "

    คำว่า อธิษฐาน ไม่ใช่การขอ ให้วางมุมของจิตให้ดีๆ มันเป็น การตั้งจิต

    ตั้งยังไง ให้ธรรมที่ตนมีในจิตมันปรากฏ ....ง่ายๆ ก็ กล่าวว่า สิ้นตัณหา

    ถ้าจะให้แจกแจงลงไป " ตั้งจิตเป็นมิตรกับธาตุนั้นๆเสีย " อย่าไปตั้งจิตเป็นปฏิฆะกั้น
    อย่าไปตั้งจิตมีโลภะกั้น อย่าไปตั้งจิตหลง(สงสัย)กั้น

    แล้วจะเห็นเลย กสิณเนี่ยะ หากฝึกได้ ก็สนุก แต่เป็นความสนุก ที่ไม่ต้อง
    เอาไป อ้างให้ใครมากราบเท้าตน เป็น ความสนุกที่อิ่มด้วยตัวเอง บริสุทธิหมดจด
    ไม่มีการต้องไปขอการรับรองผลการรู้ การฝึก การเห็น การล้มเหลว การเพียรตั้งจิต
    เป็นมิตรกับธาตุ ตั้งจิตให้เกิดธรรมฉันทะ ที่มี ด้วยตัวเอง ไม่ได้ขอใคร และ ไม่ต้อง
    ให้ใครมาสอน สามารถตรัสรู้ชอบ ครบรอบกองสังขาร กองธาตุเหล่านั้น ได้ด้วยตนเอง
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ต่อไป มาฟัง คำเทศนาว่าการ ของ พระ มีชื่อ กัน

    **************************

    ๓๐๖) รักษากำลังใจให้มั่นคงจริง ๆ ให้จิตมันแน่วแน่จริง ๆ อย่าเอาจิตเข้าไป ยุ่งกับอารมณ์
    ภายนอก ทำงานทุกอย่างเพื่อสาธารณประโยชน์ เราทำเพื่อพระนิพพาน ที่เราทำนี่เราทำเพื่อ
    ไม่เกิด ไม่ใช่ทำเพื่อเกิด ไม่เกิดทำทำไม ก็ทำเพื่อเป็นการตัด อารมณ์ว่า งานที่เราทำไปแล้ว
    เราลงทั้งทุน ลงทั้งแรง แต่ว่าทำไปแล้วเราก็รู้ว่า มันเป็นอนิจจังของไม่เที่ยงนะ อนัตตาไม่ช้าก็
    สลาย มันไม่ตายก่อนเราก็ตายก่อน มันไม่พังก่อนเราก็ตายก่อน เราทำเพื่อจิตตัดโลภะ ความ
    โลภ การทำงานอารมณ์ มันจุกจิก ฝึกอารมณ์ใจให้มันเย็น ตัดความโกรธ การไม่สนใจว่ามัน
    เป็นของเรา เพราะว่าเรากับมันไม่ช้าต่างก็บรรลัย เป็นการตัดความหลง ไปนิพพานเลย


    ๓๐๗) ถ้าเราต้องการนิพพาน เราก็วางขันธ์ ๕ คือร่างกาย เห็นว่าร่างกายนี้มัน ไม่ใช่เรา
    ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา จนกระทั่งเราไม่ยึดถือ ในร่างกาย และ
    ทรัพย์สมบัติภายนอกว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างถือว่า เป็นกฏธรรมดา โลกทั้งโลก
    เราเห็นว่ามันเป็นความทุกข์ เราไม่ปรารถนาความเกิดอีก มีใจชุ่มชื่น มีอารมณ์เบิกบาน มีจิต
    จับเฉพาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ อย่างนี้เราก็ถึง พระนิพพาน

    ๓๐๘) เราตั้งใจไว้เฉพาะว่า เราต้องการพระนิพพานในชาตินี้ มานั่งใคร่ครวญว่า มนุษยโลกก็ดี
    เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี เป็นดินแดนที่ไม่พ้นความทุกข์ ความทุกข์ มันมีกับเราได้ทุกขณะจิต
    เราเป็นมนุษย์เต็มไปด้วยความร้อน ความหนาว ความหิว ความกระหาย ความปวด ความ
    เมื่อย ป่วยไข้มีความไม่สบาย มีความตายไปในที่สุด มีการกระทบกระทั่งกับอารมณ์ของชาวโลก
    เรื่องโลกมนุษย์ไม่ดี เทวโลกกับพรหมโลก ก็พักความดีอยู่ชั่วคราว ไม่มีความหมาย ใจเราต้อง
    การอย่างเดียวคือพระนิพพาน

    ๓๐๙) ฉะนั้น ในเมื่อกำลังของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จะพาเราไป นิพพาน เราก็ตั้งใจ
    ไปนิพพาน ถ้าเราไม่ตั้งใจไป เราดื้อ ท่านก็พาเราไปไม่ได้ เรา ต้องไม่ดื้อ ไม่ดื้อทำอย่างไร
    ตัดสินใจเลย ตั้งแต่นี้ไปฉันไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ทำความดีทุกอย่างนับแต่เวลานี้ไป ฉันต้อง
    การพระนิพพาน ร่างกายนี้มันตายเมื่อไร ฉันไปนิพพานทันที ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้วันนี้คนที่ยังไม่
    ได้ ได้แจ่มใสชัดเจน คนที่ได้ อยู่แล้วจะได้ดียิ่งขึ้นไปทุกวัน ๆ จะคล่องทุกอย่าง ญาณที่ได้
    ทุกอย่างไม่มีการเสื่อม
    ตายเมื่อไหร่ไปนิพพานเมื่อนั้น

    ๓๑๐) ถ้าเราจะตัดความโง่ให้หมด ก็ให้ใคร่ครวญหาความจริงว่า รูปฌานก็ดี อรูปฌาน ก็ดี ทั้ง
    สองประการนี้เป็นแต่เพียงบันไดก้าวเข้าไปสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่อารมณ์ ที่เข้าถึงพระ
    นิพพาน ไม่มัวเมาในรูปฌาน และอรูปฌาน แต่จะรักษาไว้เพื่อประโยชน์ แก่จิตใจ แล้วใช้
    ปัญญาพิจารณาขันธ์ ๕ ว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีใน ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา
    ขันธ์ ๕ มีแต่ความทุกข์ มีการสลายตัวไปในที่สุด ในเมื่อ ขันธ์ ๕ ไม่ทรงตัวแบบนี้แล้ว มานะการ
    ถือตัวถือตน เราจะไปนั่งถือตัวว่าเราดีกว่าเขา เราเสมอเขา เราเลวกว่าเขาเพื่อประโยชน์อะไร
    วางอารมณ์แห่งการถือตัวถือตนเสีย มีเมตตาบารมีเป็นที่ตั้ง การจะตัดอารมณ์ฟุ้งซ่านนี้ก็ไปตัดที่
    สักกายทิฏฐิ
    พิจารณา ร่างกายว่า ในเมื่อร่างกายจะพังแล้ว อะไรในโลกนี้ มันเป็นของเราอีก
    มันก็หาไม่ได้ เมื่อเหลืออวิชชาได้แก่ฉันทะกับราคะ ก็มาพิจารณาหาความจริงว่า ขึ้นชื่อว่าการ
    เกิด เป็นมนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของเรา เราต้องการ อย่างเดียว
    คือพระนิพพาน มีอารมณ์จับพระนิพพานเป็นอารมณ์

    ๓๑๑) ความจริงการไปพระนิพพานนี่เขาเทศน์กันยาวเหยียด ที่เทศน์กันยาวเหยียด นี่มันเข้าไม่
    ถึงพระนิพพาน ไม่ต้องไปนั่งไล่เบี้ยอะไรต่ออะไรอีก ตัดอยากเสียตัวเดียว ยอมรับนับถือกฏของ
    ธรรมดาเสียตัวเดียว ทำใจวางเฉย ในเมื่อกฏธรรมดา มันเกิด ถือว่าธรรมดาของมัน เท่านี้
    อารมณ์ก็เข้าถึงพระนิพพาน เข้าถึง อย่างไร เพราะตัววางเฉยเป็นตัวดับอารมณ์ ดับความจุ้น
    จ้าน ดับตัวเกาะ ไม่เห็นจะยากอะไร การไปนิพพานง่ายกว่าไปนรกตั้งเยอะ .


    อ้างอิง : http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=458
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2015
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ก็เป็นไปตามคำแนะนำของผมไงครับ

    ถ้าคุณเห็นว่าเหมาะก็แนะนำเขาไปสิครับคุณ leehonza :d(deejai)
     
  19. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ขอขอบคุณคุณณพ และ คุณเอกวีร์มากๆเลยครับ
    ที่ได้เตือนสติ และ แนะนำ
    ที่ผมสงสัย เพราะผมไม่อยากหลงตัวเองว่าตัวเองทำได้ดี
    ในใจผมก็ไม่ได้ต้องการจะนำ อนุภาพหรือพลังหรือฤทธิ ไปใช้ในทางที่ผิดอยู่แล้วด้วยครับ

    การฝึกกรรมฐานครั้งนี้ ผมทำเพื่อพิสูจน์ ข้อสงสัยเหล่านั้นให้มันหายไปจากใจเฉยๆครับ
    เพราะผมฝึกด้วยตนเอง ไม่มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำ

    มีแต่ในกระทู้นี้แหละครับ ผมนับถือทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำดั่งอาจารย์ของผมเลยครับ
    ถึงผมจะโดนติติงมาก หรือ โดนว่า ผมก็เข้าใจครับ และผมก็รู้สึกขอบคุณในใจเสมอครับ
    ไม่ว่าจะด่าหรือว่าผมก็ตาม ผมคิดว่านั่นคือคำสอน คือคำแนะนำ

    แล้วผมจะนำเอาไปปฎิบัติตามนะครับ ขอบคุณมากๆครับ (^_^)
     
  20. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณมจด...ข้าพเจ้าไม่สามารถแน่ะได้หรอกครับตัวข้าพเจ้ายังเอาไม่รอดเลยไม่กล้าเสี่ยงทีจะแน่ะหรอกครับเป็นผู้ฟังและผู้อ่านทีดีก็พอแล้วสิ่งในดีควรเก็บมาคิดสิ่งในไม่ดีควรพิจาราณาที่ข้าพเจ้ามาถามมจด..ไม่ใช่อะไรหรอกแค่สงสัยว่าคุณจะสื่อถึงอะไร..มีคนเคยบอกข้าพเจ้าไว้ว่า..อยู่ยังไงก็ได้อย่าใหญ่กว่าฤษีหวังว่าคงเข้าใจน่ะครับสิ่งใดผิดพลาดขออภัยสิ่งใดล่วงเกินขออภัยเลิกแล้วต่อกันคุณมจดจะขึ้นหรือลงตามสบายเลยครับโชคดีขอขมาเจ้าของกระทู้ด้วยขอรับกระผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...