ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สบเมย” ยังอ่วม! น้ำท่วม-ดินสไลด์ 12 โรงเรียน 4 พันชีวิตถูกตัดขาด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 07:43 น. (แก้ไขล่าสุด 29 กรกฎาคม 2558 15:43 น.)

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ฝนตกฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำน้ำทะลักท่วม-ดินสไลด์ปิดทับเส้นทางเชื่อมเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เงา ยาวกว่า 52 กม. ตัดขาด 12 โรงเรียน 4,000 ชีวิตจากโลกภายนอก แถมมีดินถล่มทับบ้านเรือนชาวบ้านซ้ำ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเคลียร์เส้นทางทั้งวันยังทำได้แค่ 10 กม. บอกยังตอบไม่ได้มีดินสไลด์กี่จุด แต่ฝนหนักยิ่งทำยิ่งเละ

    [​IMG]

    นายประชิด เหมือนใจมา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่เงา อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันตลอดทั้งคืนเมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากลำห้วยต่างๆ ลงสู่ลำน้ำเมยเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา โดยน้ำในลำน้ำแม่เงาได้เพิ่มระดับสูงขึ้นเมื่อวันก่อน 80 ซม. ได้เพิ่มระดับขึ้นอีก 10 ซม. ทำให้น้ำท่วมสูงจำนวน 4 จุด รถไม่สามารถผ่านไปมาได้ คือ สบแม่เลาะ 2 จุด สบแม่หลุย 2 จุด

    [​IMG]

    ล่าสุดตนพร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่บ้านคอนผึ้ง นำรถไถช่วยเปิดเส้นทางเพื่อให้การสัญจรไปมาได้ตามปกติตลอดวานนี้ (28 ก.ค.) แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องจากฝนได้ตกตลอดทั้งวัน การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบากจากระยะทางทั้งหมด 52 กม.ถึงบ้านสบโขง ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างท่าสองยาง กับอำเภอสบเมย ทำได้แค่ 10 กม.

    “บางจุดยิ่งทำก็ยิ่งเละ ทุกคนเปียกปอมกันหมด ระยะทาง 52 กม.ไม่ทราบว่าจะมีดินสไลด์กี่จุด เราก็ยังไม่รู้ทุกอย่างมันถูกตัดขาดจากโลกภายนอกหมด สำหรับระดับน้ำในลำน้ำเมยขณะนี้ก็ยังทรงตัวเนื่องจากฝนยังตกกระแสน้ำจากลำห้วยต่างๆ ก็ยังไหลลงมาตลอด ส่วนที่เป็นข่าวกันว่าน้ำท่วมนั้นมันไม่ได้ท่วมบ้านเรือนราษฎร มันท่วมถนนที่จะเดินทางเข้าสำนักงานอุทยานแห่งชาติฯ”

    หัวหน้าอุทยานฯ ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดได้แก่เด็กนักเรียนที่อยู่ข้างในจำนวน 12 โรง ทั้งเด็กและครูเกือบ 4,000 คน และจะตรงกับวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จะทำให้ขาดอาหารการกิน เดินออกมาก็ไม่ได้ หากมีการเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร ตนเป็นห่วงเรื่องนี้มาก

    ทั้งนี้ เย็นวันเดียวกันได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงอำเภอสบเมยว่า ได้เกิดเหตุดินจากภูเขาสไลด์ทับบ้านเรือนราษฎรที่ศูนย์อพยพบ้านแม่ละอุนโซน 1 จำนวน 7 หลัง เสียหายทั้งหมดจำนวน 1 หลัง เสียหายเล็กน้อยจำนวน 6 หลัง ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะนี้ได้ให้ไปอยู่กับบ้านญาติข้างเคียงไปก่อน ในส่วนเส้นทางการสัญจรไปมาระหว่างศูนย์อพยพบ้านแม่ละมาหลวง-บ้านแม่ตอละ ถูกดินจากภูเขาสไลด์ปิดทับเส้นทางจำนวน 2 จุด รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้

    ขณะเดียวกัน พื้นที่เทศบาลตำบลแม่ต้าน-บ้านแม่ตะวอ ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ที่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง วัดปริมาณได้ถึง 65 มิลลิเมตร ส่งผลทำให้ระดับน้ำเมยสูงขึ้นไหลล้นตลิ่งท่วมเจดีย์ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ตลอดจนเรือกสวนไร่นาชาวบ้านเสียหายหลายแห่ง

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระวัง! ฝนหนักดินสไลด์ถนนปัว-บ่อเกลือ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 09:01 น. (แก้ไขล่าสุด 29 กรกฎาคม 2558 09:27 น.)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    น่าน - เตือนผู้ใช้รถใช้ถนนผ่าน “ปัว-บ่อเกลือ” ระวัง ฝนตกหนักทำถนนลื่น-ดินสไลด์ปิดทับผิวจราจร แถมทางเข้าบ้านน้ำแพะทรุดตัวยาวกว่า 300 เมตร รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ขณะที่ทางไปอุทยานฯ ดอยภูคา-บ่อเกลือ ทรุดเป็นร่องลึก ใช้งานได้แค่ 1 ช่องจราจร

    วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากอิทธิพลมรสุมส่งผลให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่จังหวัดน่าน โดยเฉพาะที่อำเภอปัว และอำเภอบ่อเกลือ ทำให้เกิดดินสไลด์ ถนนทางเข้าบ้านน้ำแพะ ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ ทรุดตัวเป็นทางยาวกว่า 300 เมตร รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ และที่ถนนทางไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคา-บ่อเกลือ ต.ภูคา อ.บ่อกลือ ทรุดตัวเป็นร่องลึก บริเวณกิโลเมตรที่ 35 การจราจรผ่านได้ 1 ช่องจราจร

    โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่หมวดการทางน่านที่ 2 กำลังเร่งเข้าแก้ไขเพื่อให้สามารถสัญจรได้ตามปกติ และปลอดภัยให้มากที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ทางแขวงการทางน่านที่ 2 ได้แจ้งเตือนประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางสัญจรในช่วงนี้ให้ใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ รวมทั้งขณะนี้ได้มีการปรับปรุงขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 น่าน-อ.ทุ่งช้าง ตั้งแต่บ้านผาตูบ-บ้านหาดปลาแห้ง อ.เมืองน่าน มีเครื่องจักรกำลังทำงานและกองวัสดุบนไหล่ทาง และฝนที่ตกทำให้ดินเป็นโคลน ถนนลื่น ขอผู้ขับขี่สัญจรไปมาใช้ความระมัดระวัง และสังเกตป้ายสัญญาณเตือนต่างๆ พร้อมกับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ สั่งหน่วยงานราชการลดการใช้น้ำลง 10% เขียนวันที่ วันอังคาร ที่ 28 กรกฎาคม 2558 เวลา 18:53 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานราชการประหยัดน้ำ หลังพบส่วนราชการมีการใช้น้ำประมาณ 19% ลดให้ได้ 10% รณรงค์สร้างจิตสำนึกในการประหยัดน้ำทั้งน้ำอุปโภคและบริโภค

    วันที่ 28 กรกฎาคม พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ภัยแล้งที่ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มดีขึ้น เพราะมีปริมาณฝนตกและมีน้ำไหลเข้า 4 เขื่อนหลักในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากกว่าปริมาณน้ำที่ระบายออกในแต่ละวัน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนด ที่จะให้มีการลดการระบายน้ำจากเดิมวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยให้ลดลงวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร จนเหลือ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากกว่าปริมาณน้ำที่ระบายออก

    อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ได้กำชับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่าเพิ่งวางใจต่อเรื่องนี้แต่ต้องมีการเตรียมมาตรการต่าง ๆ ในการที่จะดูแลเรื่องดังกล่าวด้วย โดยมีการรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้เกิดความตระหนักในการที่จะร่วมกันประหยัดน้ำไม่เฉพาะเกษตรกรเท่านั้น

    ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าส่วนราชการมีการใช้น้ำประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะมีแนวทางในการที่จะลดการใช้น้ำของหน่วยงานภาครัฐลงให้ได้อย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ของการใช้น้ำ 19 เปอร์เซ็นต์ดังกล่ว สำหรับแนวทางในการที่จะลดการใช้น้ำมีการดำเนินการต่าง ๆ อาทิ การตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ การตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำไม่ให้มีจุดรั่วซึม และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการประหยัดน้ำทั้งน้ำอุปโภคและบริโภค เป็นต้น

    http://www.isranews.org/isranews-news/item/40242-นายกฯ-สั่งหน่วยงานราชการลดการใช้น้ำลง-10_40242.html
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตุรกีและอเมริกา บรรลุข้อตกลงเขตห้ามบินในซีเรีย โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 29, 2015

    [​IMG]

    หนังสือพิมพ์ Hurriyet ตุรกี เผยว่า ทางวอชิงตันและอังการาได้บรรลุข้อตกลการจัดตั้งเขตห้ามบินในน่านฟ้าของซีเรีย
    presstv – ตามรายงานดังกล่าว ระบุ ว่า ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างอเมริกากับตุรกีนั้น เรียกว่าข้อตกลงร่วมในการปราบกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ซึ่งมันครอบคลุมการกำหนดเขตห้ามบินน่านฟ้าชาติอาหรับอีกด้วย
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (24/7/2015 ) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของตุรกีออกมายืนยันในการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
    ซึ่งตามข้อตกลงครั้งนี้ ทางสหรัฐฯ สามารถใช้ฐานทัพอากาศอินเซอร์ลิค ทางใต้ของตุรกี ใกล้กับพรมแดนซีเรีย ในการโจมตีทางอากาศกลุ่มไอซิส
    ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ Hurriyet ตุรกี เผยว่า ข้อตกลงระหว่างอเมริกากับตุรกี เกี่ยวกับเขตห้ามบินนั้น กำหนดระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ระห่างเมืองมาร่า กับยาราพลัส
    หนังสือพิมพ์ ดังกล่าวรายงานเสริมว่า เครื่องบินรบของอเมริกาที่พร้อมอุปกรณ์ระเบิดและขีปนาวุธ สามารถใช้ฐานทัพอากาศอินเซอร์ลิคในการปฏิบัติการ ส่วนตุรกี สามารถใช้ปืนต่อสู้อากาศยานในการสนับนุนพวกเขา
    ตามรายงานระบุ หากเครื่องบินรบซีเรีย ละเมิดน่านฟ้าดังกล่าว ก็จะเป็นเป้าโจมตีในทันที
    ตุรกีได้ส่งเครื่องบิน F 16 สามลำ ในการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย
    อะห์มัด ดาวูด อุฆลู เผยว่า การปฏิบัติการโจมตีของตุรกี ต่อไอซิสในซีเรีย นั้น ประสบความสำเร็จอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
    เขากล่าเสริมว่า การปฏิบัติการของเราประสบความสำเร็จและเราก็จะปฏิบัติการโจมตีต่อไป
    ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ตุรกีเป็นผู้ให้การสนับสนุนและสมคบคิดกับพวกหัวรุนแรงไอซิส ในความหวังว่าจะใช้ประโยชน์พวกเขาโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย
    รายงานชี้ว่า ตุรกี มีบทบาทสำคัญในการฝึกอบรมให้กับบรรดากลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงตักฟีรีในซีเรีย และจะใช้ตุรกีเป็นเมืองผ่านเข้าไปยังซีเรียเพื่อปฏิบัติการ
    ก่อนหน้านี้ อังการ่า กับวอชิงตันก็บรรลุข้อตกลงในการฝึกอบรมทักษะให้กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงไอซิสในซีเรีย
    โดย รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ นายแอชตัน คาร์เตอร์ เปิดเผยว่า
    รัฐบาลสหรัฐ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และนักรบชุดต่อๆไปจะเริ่มฝึกการรบในจอร์แดน ตุรกี กาตาร์ และซาอุดีอาระเบียเร็วๆนี้ ปัจจุบัน อาสาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้เกือบ 4,000 คน แต่หลังจากมีการคัดกรองเข้มข้นขึ้น จึงเหลือนักรบซีที่ได้รับการฝึกเพียง 400 คน
    เจ้าหน้าที่ของอเมริกา เผยว่า ในการอบรมแต่ละครั้ง จะมีกลุ่มติดอาวุธต้านรัฐบาลซีเรีย เข้าร่วม ประมาณ 450 คน โดยจะมีทหารของอเมริกาเป็นครูฝึก
สภาคองแกรสอเมริกา ได้อนุมัติงบประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ เมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการฝึกอาวุธและติดอาวุธให้กับกลุ่มต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งอเมริกาคาดว่า ภายในปีนี้ จะสามารถให้การฝึกอบรมกลุ่มติอาวุธประมาณ 3,000 คน และ ในปี 2016 จะให้การฝึกเพิ่มอีกจำนวน 5,000 คน
วอชิงตันและอังการ่า ได้เซ็นสัญญาข้อตกลง ร่วมในการฝึกอาวุธให้กลุ่มติดอาวุธ ต้านรัฐบาลซีเรีย (สายกลาง) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
    ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ กองกำลังที่ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ จะเป็นกำลังสำคัญในการสู้รบกับรัฐบาลซีเรียและกลุ่มก่อการร้ายไอซิส

    ตุรกีและอเมริกา บรรลุข้อตกลงเขตห้ามบินในซีเรีย | abnewstoday
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนชาวมุกดาหารระวังตลิ่งทรุดหลังน้ำโขงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2558 13:08 น.

    [​IMG]

    @ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่จ.มุกดาหาร เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    [​IMG]

    มุกดาหาร - ระดับน้ำโขงที่มุกดาหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงระดับ 8.83 เมตรแล้ว เสี่ยงน้ำโขงหนุนลำห้วยสาขา พ่อเมืองมุกดาหารเตือนชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำโขง ระมัดระวังตลิ่งทรุดตัว และสัตว์เลื้อยคลาน

    วันนี้ (30 ก.ค.58) สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดมุกดาหาร มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากฝนที่ตกตลอดทั้งวันคืนทำให้น้ำในลำห้วยสาขา คลอง ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ทำให้น้ำมีสีขุ่นข้น มีเศษกิ่งไม้ ท่อนซุง ไหลมากับน้ำ ทำให้การเดินเรือข้ามฟากที่ท่าเทียบเรือท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหาร ต้องใช้ความระมัดระวังเดินเรือที่จะข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว และผู้โดยสารที่จะเดินทางไปทางเรือโดยสาร ทางเทศบาลเมืองมุกดาหารเข้มงวดให้สวมใส่เสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัย

    นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวฝากเตือนถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง และชาวประมงที่ออกหาปลาในแม่น้ำโขงช่วงนี้ เนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำโขง น้ำในลำห้วยสาขา และอ่างเก็บน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น ให้ระมัดระวังการทรุดของดิน

    โดยชาวประมงและเรือโดยสารข้ามฟากให้ระมัดระวังน้ำที่ไหลเชี่ยว และเศษไม้ที่ไหลมากับน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย

    นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ยังกำชับไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหารให้ติดตามสถานการณ์ฝนตกในระยะนี้ พร้อมเตรียมรับมือช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงทีด้วย

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000086129
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว” บุรีรัมย์เร่งสูบน้ำใส่นาข้าวปลูกเลี้ยงผู้ยากไร้ หลังเผชิญแล้งลดปลูกกว่าครึ่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 15:47 น. (แก้ไขล่าสุด 29 กรกฎาคม 2558 16:11 น.)

    [​IMG]
    @คนงานและลูกศิษย์ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ของ พระพยอม เร่งสูบน้ำใส่นาข้าวที่ขาดน้ำเพื่อนำผลผลิตเลี้ยงคนงานผู้ยากไร้ คนพิการ เด็ก และคนชรา หลังประสบภัยแล้ง วันนี้ ( 29 ก.ค.)

    [​IMG]

    บุรีรัมย์ - คนงานและลูกศิษย์ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ของพระพยอม เร่งสูบน้ำใส่นาข้าวที่ขาดน้ำเพื่อนำผลผลิตไปเลี้ยงคนงาน ผู้ยากไร้ คนพิการ เด็ก และคนชรา ที่ทางวัดอุปการะดูแลอยู่ทั้ง 10 ศูนย์ กว่า 1,000 คน หลังประสบปัญหาภัยแล้งต้องลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวลงกว่าครึ่งจากพื้นที่นากว่า 200 ไร่

    วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนงานและลูกศิษย์ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว สาขา 7 ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 ศูนย์ของ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ ได้นำเครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำฝนที่ตกลงมาขังอยู่ตามคลองและที่ลุ่ม ใส่นาข้าวที่ขาดน้ำจากภาวะภัยแล้งและทิ้งช่วงมานานกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อหล่อเลี้ยงช่วยเหลือต้นข้าวที่ขาดน้ำและเหี่ยวเฉาใกล้แห้งตายกว่า 100 ไร่ ได้กลับมาชุ่มชื้นฟื้นงอกงามอีกครั้ง

    ก่อนทางศูนย์ฯ จะนำผลผลิตข้าวที่ปลูกส่งให้มูลนิธิวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี เพื่อกระจายไปตามศูนย์ต่างๆ ทั้ง 10 สาขา เพื่อนำไปเลี้ยงดูคนงาน ผู้ยากไร้ คนพิการ เด็ก และคนชรา ที่ทางศูนย์ร่มโพธิ์แก้วได้อุปการะดูแลอยู่ทั้ง 10 ศูนย์ มากกว่า 1,000 คน

    ในปีนี้ทางศูนย์ร่มโพธิ์แก้วบุรีรัมย์ได้ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 2 เดือน ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มีน้ำทำนาปลูกข้าว ต้องลดปริมาณพื้นที่เพาะปลูกลงกว่าครึ่งเหลือเพียงกว่า 100 ไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดกว่า 200 ไร่ จากทุกปีที่ผ่านมาทางศูนย์ฯ ได้ให้ลูกศิษย์และคนงานทำนาข้าวเต็มพื้นที่ทั้ง 200 ไร่ทำให้ผลผลิตปีนี้ที่จะนำไปเลี้ยงคนงาน ผู้ยากไร้ คนพิการ เด็ก และผู้สูงอายุลดลงตามไปด้วย

    ด้านพระวุฒิ พระผู้ดูแลศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว สาขา 7 จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้กระทบหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมาทำให้ทางวัดต้องปลูกข้าวล่าช้าออกไปกว่า 2 เดือน ข้าวที่ปลูกกว่า 100 ไร่ก็ขาดน้ำ ทำให้ปีนี้ทางวัดทำนาได้เพียง 100 ไร่ ในพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดกว่า 200 ไร่ พื้นที่ที่เหลือไม่สามารถปลูกได้ เนื่องจากฝนมาล่าช้า ซึ่งในปีนี้จะทำให้ผลผลิตข้าวของศูนย์ร่มโพธิ์แก้วที่จะนำไปส่งและแจกจ่ายเลี้ยงดูคนงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ เด็ก และผู้ด้อยโอกาสที่ทางวัดอุปการะดูแลอยู่ลดน้อยลง

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085794
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “แม่มูล” เมืองช้างยังเหือดแห้งหาดทรายโผล่ตลอดสาย-ไร้น้ำหลากจากโคราช โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 12:41 น. (แก้ไขล่าสุด 29 กรกฎาคม 2558 13:07 น.)

    [​IMG]
    @แม่น้ำมูล ช่วงไหลผ่านสะพานชุมพลบุรี-สตึก ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เหือดแห้ง เกาะกลางน้ำโผล่เป็นหาดทรายทอดยาว อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20-30 ปี วันนี้ ( 29 ก.ค.)

    [​IMG]

    [​IMG]

    สุรินทร์ - “แม่น้ำมูล” เมืองช้างยังเหือดแห้ง เกาะกลางน้ำโผล่เป็นหาดทรายทอดยาวตลอดสายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20-30 ปี ชาวบ้านสามารถเดินข้ามไปมาได้สบาย เหตุแม้ฝนตกแต่ไม่มีน้ำไหลหลากมาจากโคราช

    วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้แม้พื้นที่จังวัดสุรินทร์จะมีฝนตกติดต่อกันมาหลายวัน แต่แม่น้ำลำคลองหลายแห่งยังคงมีปริมาณน้ำน้อย โดยเฉพาะแม่น้ำมูล บริเวณสะพานชุมพลบุรี-สตึก ซึ่งเป็นสะพานข้ามลำน้ำมูล เขตรอยต่อระหว่าง ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กับ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบว่ายังแห้งขอดมีปริมาณน้ำไหลผ่านเป็นเพียงร่องน้ำเล็กๆ เท่านั้น และมองเห็นเกาะกลางแม่น้ำมูลโผล่เป็นหาดทรายทอดยาว ขณะที่ชาวบ้านสามารถเดิมข้ามแม่น้ำไปมาได้อย่างสะดวกสบาย

    นายสมพร ศาลางาม อายุ 56 ปี ชาวบ้านท่าเรือ ม.7 ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หาปลาอยู่บริเวณนี้เป็นประจำ กล่าวว่า ปีนี้ลำน้ำมูลแห้งวิกฤตมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 20-30 ปี เกษตรกรและประชาชนต่างเดือดร้อนเพราะนาข้าวขาดน้ำ ขณะที่ปลาตามธรรมชาติก็หายากไม่ค่อยมีปลาเพราะน้ำน้อยส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนแย่ไปด้วย ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมาที่มีน้ำหลาก ปลาพากันมาวางไข่ จับได้แต่ตัวใหญ่ๆ มีทั้งปลาตะเพียน ปลาเนื้ออ่อน ปลาช่อน ปลาดุก แต่ทุกวันนี้ไม่มีเลย แต่ละวันหาปลาเมื่อรวมกับญาติพี่น้องแล้วได้แค่ 3-4 กิโลกรัม และได้แต่ปลาตัวเล็กๆ ทั้งนี้ปกติทุกปี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม จะมีน้ำไหลหลากมาจาก จ.นครราชสีมาทำให้แม่น้ำมูลอุดมสมบูรณ์ แต่ปีนี้ไม่มีเลย แห้งขอดตลอดสายอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085693
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตามมาติดๆ Shell ประกาศจะลดพนักงานลง 6,500 อัตราภายในปีนี้

    [​IMG]

    -------------
    หลังจากที่ใครบางคนพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกระเตื้องขึ้น ทำอย่างไรก็ไม่ขึ้นซักที สุดท้ายก็ต้องใช้ไม้ตายด้วยการระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรัคไปตุรกีเมื่อวันก่อนในช่วงที่ปธน.ตุรกีกำลังเดินทางไปเยือนจีนพอดี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบกระเตื้องขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่สื่อฯใหญ่ไม่ค่อยเล่นข่าวนี้กันซักเท่าไร จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกลงมาอีกแล้วครับท่าน
    ไปดูการเคลื่อนไหวของบริษัทผู้ค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ในยุโรปกันบ้าง เมื่อวันที่ 30 ก.ค.58 ที่ผ่านมา Sputnik news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Shell to Cut 6,500 Jobs in 2015 to Reduce Costs Amid Low Oil Prices" (อัยย๊ะ! เศรษฐกิจยุโรปดีจริงเหรอ? ฮ่าๆๆ ถ้าดีจริงแล้วเขาจะโละพนักงานกันทำไมหละนี่?) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัท Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกันระหว่างอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์ (British-Dutch) เป็นบริษัทค้าน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปจากผลประกอบการ ประกาศจะปรับลดจำนวนพนักงานลงหลายพันอัตราเพื่อลดต้นทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำ
    รายงานข่าวบอกว่าบริษัทฯ ได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า "บริษัทจะโละพนักงานออกจำนวน 6,500 อัตราในปี 2015 และวางแผนสำหรับการชะลอตัวในระยะยาวในช่วงที่น้ำมันมีราคาถูก"
    Ben van Beurden CEO ของ Shell กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราจะต้องมีความยืดหยุ่นในโลกที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำในบางครั้ง ในขณะเดียวกันก็กำลังจับตาดูการฟื้นคืนด้วย เรากำลังใช้วิธีการที่ฉลาดในการดึงคันโยกทางการเงินที่มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการให้ผ่านพ้นช่วงขาลงนี้ เรายังคงมั่นใจว่าพวกเรามีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่น่าพึงพอใจคืนให้กับบรรดาผู้ถือหุ้น"
    รายงานข่าวบอกว่าราคาน้ำมันดิบเบร้นท์ (Brent) ทั่วโลกลดลงจาก $100 มาอยู่ที่ $45 ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2014 เนืื่องจากมีการผลิตมากเกินความต้องการทั่วโลก (global oversupply) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 OPEC (The Organization of the Petroleum Exporting Countries) ได้ตัดสินใจที่จะรักษาระดับการผลิตน้ำมันเอาไว้ตามเดิม ซึ่งเท่ากับเป็นการเร่งให้ราคาน้ำมันดิบลดลงเร็วยิ่งขึ้น ส่วนองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency - IEA) กล่าวว่า ราคาน้ำมันทั่วโลกจะตกลงมากกว่านี้อีกในปี 2016 อันเป็นผลมาจากความต้องการลดลง
    ฮ่าๆๆ พวกมหาอำนาจเขาพากันทำสงครามราคาน้ำมันแข่งกัน เพื่อหวังจะฆ่าเงินรูเบิลของรัสเซีย แต่รัสเซียก็ปรับตัวได้ บอกว่าจิ๊บๆ ตอนแรกพวกนักธุรกิจนักวิชาการหลายคนต่างก็พากันหวังว่า มันคงจะไม่ตกนานซักเท่าไรนัก เดี๋ยวก็คงจะกลับฟื้นขึ้นมาเหมือนเดิม เพราะตัวแปร ณ ตอนนั้นมีแค่เพียงไม่กี่ตัวเองคือ ราคาน้ำมันใต้ชั้นหินของสหรัฐฯที่มีต้นทุนสูงกว่าของฝั่งโอเปกที่นำโดยซาอุดิ น้ำมันจากฝั่งโอเปก และราคาน้ำมันของรัสเซีย สหรัฐฯอุตส่าห์วางแผนจะถล่มเวเนซูเอล่าเพื่อหวังจะฮุบกิจการน้ำมันของเวเนซูเอล่าที่มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในของเวเนซูเอล่าอย่างอิรัคหรือยูเครน แต่ผลไม่เป็นไปตามคาดครับท่าน ลาตินอเมริกาไม่ใช่หมูในอวยที่สหรัฐฯจะกินได้ง่ายๆอย่างยูเครนซะหน่อย ผู้นำเวเนซูเอล่าวิ่งเข้าหารัสเซียและจีนรวมทั้งผู้นำประเทศต่างๆในกลุ่มลาตินอเมริกางัดข้อกับสหรัฐฯ สุดท้ายสหรัฐฯก็หน้าแตกกลับไป แผนดังกล่าวล้มไม่เป็นท่า
    แต่อีกตัวแปรหนึ่งที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายในช่วงนั้นคาดไม่ถึงก็คือ "อิหร่าน" เพราะบางคนยังหวังว่าถึงอย่างไรสหรัฐฯก็คงจะไม่ยกเลิกแซงชั่นอิหร่านแน่ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะมีปริมาณน้ำมันดิบออกสู่ตลาดได้มากกว่านี้ เพราะซาอุดิอาระเบียก็ยังเป็นเด็กดีของสหรัฐฯอยู่ แต่เมื่อผลการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ได้บรรลุผลเมื่อวันที่ 14 ก.ค.58 ที่ผ่านมาปรากฎออกมาตามหน้าสื่อฯต่างๆ ก็ผิดคลาดของนักเก็งกำไรก่อนหน้านี้สิครับ เพราะกลุ่มประเทศ P5+1 ประกาศยกเลิกแซงชั่นอิหร่าน และแล้วก็เปิดทางให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันดิบของตนได้อีกครั้งหนึี่ง นี่ยังเหลือกรณีของซีเรียอีกประเทศหนึ่งด้วยนะ ถ้าหากว่าสงครามซีเรียยุติได้เมื่อไร และรัฐบาลของอัสซาดสามารถคุมอำนาจทางการเมืองในประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพเมื่อไร ซีเรียก็จะหันมาส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีกรายด้วย มันยากอยู่เหมือนกันนะที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาสูงได้อีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้ไม่กี่ปีนี้
    The Eyes
    31/07/2558
    ----------
    Shell to Cut 6,500 Jobs in 2015 to Reduce Costs Amid Low Oil Prices / Sputnik International
    BBC NEWS | Business | Market Data | Commodities | LIFFE Ice Euro Exchange ICEEUR | West Texas Intermediate Crude Oil Future WBS
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ในเรื่องของราคาน้ำมันดิบนั้น หากสหรัฐฯยังเน้นการผลิตน้ำมันดิบในประเทศจากน้ำมันในชั้นหินด้วยวิธีการทำ fracking อยู่แบบนี้ และสถานการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป สหรัฐฯก็คงจะไปก่อนโอเปกแน่นอนครับ แต่สหรัฐฯสามารถหาแหล่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นได้จากที่อื่น เช่นในตะวันออกกลางและในแอฟริกา - เอธิโอเปีย ซึ่งกะว่าจะไปแย่งแหล่งน้ำมันจากจีน หรือแม้กระทั่งไปลงทุนในแหล่งน้ำมันของรัสเซียและในอาร์กติกด้วย ก็คงจะไม่ทำให้สหรัฐฯเจ๊งเร็วขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเยอะมาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกด้วย แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตน้ำมันแบบ fracking ภายในประเทศสหรัฐฯมีต้นทุนสูงมาก และได้ลดปริมาณการผลิตไปแล้วหลายแห่ง คนงานก็ตกงานเยอะ ถ้าลดการผลิตในประเทศมากขึ้นก็จะมีอัตราการว่างงานในประเทศเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าคงอัตราเดิมไว้ แม้จะขาดทุนก็ยังสามารถเอารายได้จากการผลิตในต่างประเทศมาชดเชยได้ในระดับหนึี่ง เพื่อป้องการปัญหาการประท้วงจลาจลและอื่นๆที่อาจจะตามมา อ้ออออ.. มีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจจะ shutdown เป็นรอบที่สองในยุคของโอบาม่าเนื่องจากไม่สามารถตกลงเรื่องงบประมาณกับพรรครีพับลิกันได้ว่างั้นนะครับ

    ส่วนเรื่องเงินบาทอ่อนค่านั้น เมื่อวันที่ 29 ก.ค.58 รมว.คลังได้กล่าวไว้ตามลิ้งค์นี่นะครับ คาดเงินบาทอ่อนค่าแตะ 35 บาท | เดลินิวส์
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    มันจบแล้ว ฝรั่งเศสยอมจ่ายเงินค่าต่อเรือบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์ Mistral คืนให้รัสเซีย

    [​IMG]

    ----------
    เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำพูดของบุคคลใกล้ชิดปูตินว่า รัสเซียและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยอมชำระเงินตามสัญญาการส่งมอบเรือบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์ Mistral-class จำนวน 2 ลำคืนให้รัสเซีย ซึ่งระงับโดยกรุงปารีส
    Vladimir Kozhin เจ้าหน้าที่ความร่วมมือทางด้านกองทัพซึ่งใกล้ชิดกับปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti ว่า "การเจรจากันได้เสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี - รวมทั้งกำหนดการและจำนวนเงินที่กรุงปารีสจะต้องชำระคืนให้กรุงมอสโคว์ด้วย ผมหวังว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงในการสิ้นสุดสัญญาเร็วๆนี้ และพวกเราก็จะสามารถประกาศยอดรวมทั้งหมดที่ฝรั่งเศสจะต้องจ่ายคืนให้เรา"
    รัสเซียและฝรั่งเศสได้ลงนามร่วมกันในการทำสัญญาซึ่งมีมูลค่า $1.36 billion (ประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท) ในการว่าจ้างให้ฝรั่งเศสต่อเรือบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์รุ่น Mistral-class จำนวน 2 ลำให้กับรัสเซียในปี 2011 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 ฝรั่งเศสได้ระงับสัญญาดังกล่าว โดยอ้างว่ากรุงมอสโคว์มีส่วนร่วมในความขัดแย้งในยูเครน พูดง่ายๆก็คือ รับเงินเป็นค่ามัดจำล่วงหน้าจากรัสเซียไปแล้ว และก็ต่อเรือเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย ทั้งที่รัสเซียก็ได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับทดลองในการติดตั้งเข้ากับเรือเรียบร้อยแล้วด้วย
    วันไม่ดีคืนไม่ดี จักรวรรดิเฮเก้ก็ชี้นิ้วสั่งการมาที่ฝรั่งเศสว่าห้ามส่งเรือทั้งสองลำให้รัสเซีย โดยยกเรื่องวิกฤตยูเครนมาเป็นข้ออ้าง มิฉะนั้นชาลีเอ็บโดโมเดลก็อาจจะเกิดขึ้นในฝรั่งเศสอีกหลายแห่งก็ได้ หรือเครื่องบินโดยสารของฝรั่งเศสอาจจะร่วงเหมือนของบางประเทศโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้ ดังนั้นฝรั่งเศสจึงไม่ยอมส่งมอบเรือ Mistral ให้รัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าฝรั่งเศสจะส่งอาวุธต่างๆคืนให้รัสเซียด้วย (หลังจากที่ได้ศึกษาและก็อปปี้ไว้เรียบร้อยแล้ว?) และมีข่าวออกมาด้วยว่าบริษัทที่รับเหมางานออกแบบเรือ จะส่งข้อมูลแและดีไซน์พิมพ์เขียวและแบบสามมิติให้รัสเซียด้วย ซึ่งทางรัสเซียก็บอกว่าจะต่อเรือด้วยตัวเองก็ได้ และจะทำให้ดีกว่าของฝรั่งเศสด้วย เรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้
    ต่อไปเราก็คอยนั่งดูหายนะทางเศรษฐกิจของอียูให้สนุกเพลิดเพลินดีกว่า ฝรั่งเศสจะจัดเลือกตั้งใหม่ในปี 2017 (อีก 2 ปี) ถ้าพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า ฝรั่งเศสอาจจะกลับคำตรงนี้ก็ได้ แต่รัสเซียคงจะไม่ยอมให้ถูกหลอกเป็นครั้งที่สองแน่ ดังนั้นรัสเซียอาจจะตัดสินใจต่อเรือมิสทรัลเองในเร็วๆนี้ ต้องรอดูแถลงการณ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
    The Eyes
    31/07/2558
    ----------
    It's Over: Russia, France Agree Mistral Contract Breach Settlement / Sputnik International
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อังกฤษเลียนแบบไทย มีแผนจะส่งทหาร 5,000 นายลงประจำการในท้องถนน อ้างป้องกันอันตรายจากการโจมตีก่อการร้าย

    [​IMG]

    ----------
    พวกนิยมประชาธิปไตยปลอมและโปรตะวันตกทั้งหลายโปรดฟังทางนี้... วันที่ 29 ก.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอังกฤษว่า "UK’s Plan to Deploy 5,000 Soldiers to Prevent Terror Attacks is Dangerous" (หือ… อังกฤษกำลังวางแผนอะไรซักอย่างหรือหลายอย่างอยู่หรือเปล่านี่?)
    รายงานข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาบอกว่า นาง Baroness Jenny Jones สมาชิกสมัชชากรุงลอนดอน (London Assembly) และรองประธานคณะกรรมการตำรวจและอาชญากรรมให้สัมภาษณ์กับ Sputnik ว่า "การที่รัฐบาลอังกฤษมีแผนที่จะนำกองทัพลงสู่ท้องถนนในเหตุการณ์เกี่ยวกับการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำเกินไป (overreaction เวอร์เกิน) และอาจจะนำไปสู่แนวโน้มที่เป็นอันตราย ในการแทนที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนด้วยบุคคลกรทางกองทัพ" (สื่อฯรัสเซียจมูกไวมาก เป็นงานซะด้วย)
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดความผิดพลาดในการเปิดเผยแผนการส่งทหารจำนวน 5,000 นาย (ลงสู่ท้องถนน) บนเว็บไซต์ของสภาผู้นำตำรวจแห่งชาติ (National Police Chiefs Council - NPCC) ของอังกฤษเป็นระยะเวลาสั้นๆซึ่งไม่อาจะรอดพ้นจากสายตาของหนังสือพิมพ์ Daily Mail ของอังกฤษไปได้ โดยที่แผนการดังกล่าวได้เสนอวิธีการของฝ่ายสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสหราชอาณาจักร (ผิดพลาดหรือจงใจให้เห็น?)
    Baroness Jones อธิบายว่า "เดี๊ยนตะหนักดีว่ามีความจำเป็นในการส่งบุคคลากรด้านกองทัพเพื่อสนับสนุนตำรวจตามสถานที่สำคัญบางแห่ง แต่การใช้งานกองทัพถึง 5,000 นายนั้น ดูเหมือนว่าจะเวอร์เกินไป (overreaction) และก่อให้เกิดคำถามขึ้นมามากมายเกี่ยวกับว่าบทบาทหน้าที่ของพวกเขา คือเป็นกองกำลังเสริมให้กับเจ้าหน้าที่พลเรือน หรือว่าเอา (ทหาร) มาแทนตำรวจกันแน่?" (นั่นไง... รัฐบาลอังกฤษกำลังวางแผนอะไรอยู่ จะปฏิวัติเงียบหรือเปล่า? ฮี่ๆๆ จะเอาอย่างสหรัฐบ้างหละสิท่า จะบอกว่าเอาอย่างไทยก็ไม่ถูกทั้งหมดซะทีเดียวนะ เพราะว่าตอนนี้ทหารไทยกลับเข้ากรมกองหมดแล้วหลังยกเลิกกฎอัยการศึก แสดงว่าลึกๆแล้วพวกที่ชอบอ้างประชาธิปไตย ก็นิยมใช้กำลังทหารในการปฏิบัติการหลายอย่างอยู่หละสิ?)
    Baroness Jones ยังได้เน้นย้ำอีกว่า "กรมตำรวจนครบาลของกรุงลอนดอน (London Metropolitan Police) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วจำนวน 500 นายในหน่วยปฏิบัติการติดอาวุธปืนเฉพาะกิจ (specialist Fire Arms Unit) และยังมีมากกว่านั้นอีกในตำรวจชุดคุ้มครองทางการทูต (Diplomatic Protection Corp) พวกเขาได้รับการฝึกให้ยิงไม่ผิดคน" (ว้าว! แหม่มคนนี้โหดไม่ใช่เล่นแฮะ "ยิงไม่ผิดตัวแน่" เหมือนกับว่าถ้าเรียกชุดนี้ไปใช้งานเมื่อไรต้องมีการยิงกันแน่ๆ จับตายอย่างเดียวว่างั้นเถอะ กฎหมงกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน การนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในศาลคงจะไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว พิพากษากันตรงนั้นเลยดีกว่า ถูกใจโปรตะวันตกกันหละสิ?)
    แต่หล่อนก็ยังเตือนอีกว่า "กองทัพไม่มีรูปแบบการฝึก กระบวนการ และวัฒนธรรม ในลักษณะนี้" (อ่ะ… กลายเป็นว่าหล่อนไปดูถูกทหารอังกฤษว่าฝีมือไม่ถึงเหมือนตำรวจอังกฤษซะงั้น หาเรื่องแล้วไหมหละนักการเมืองเอ๋ย หน่วยแม่นปืนของทหารอังกฤษอาจจะพูดว่า ลองดูมะ... ว่าแต่ว่าใครจะอาสาเป็นเป้าให้กับหน่วยแม่นปืนของทหารอังกฤษดีหละนี่? นาง Baroness Jones ยินดีหรือเปล่า? ฮ่าๆๆ)
    ตรงนี้สำคัญ ดูลีลาลิ้นของเจ้าหล่อนให้ดี Baroness Jones กล่าวต่ออีกว่า "การมีทหารจำนวนหลายพันนายอยู่บนท้องถนนอาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่าพวกผู้ก่อการร้ายอิสลาม (Islamic terrorists หล่อนใช้คำนี้จริงๆ ตามข่าวนะ) ได้มีกำลังเข้มแข็งมากขึ้น และพวกเราได้สูญเสียหน่วยข่าวกรองที่สำคัญจากภายในส่วนของชุมชนมุสลิมซึ่งอาจจะป้องกันการโจมตีในลักษณะเช่นนั้น"
    เป็นไงเล่าลีลาการเสี้ยมให้ทำให้บางศาสนาถูกมองติดลบ และทำให้สังคมจ้องไปที่กลุ่มคนที่นับถือศาสนาบางศาสนาว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างที่หล่อนพูดมา การใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลยสักนิด มีแต่จะคอยเพิ่มความหวาดระแวงต่อกันของคนในสังคม และปลูกฝังความเกลียดชังต่อบางศาสนาให้มีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณเอาคำว่า "terrorists" ไปผูกติดกับชื่อของบางศาสนา นั่นก็อาจจะหมายความว่า "terrorists" จะไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้ จนกว่าบางศาสนาจะหายไปจากโลกนี้นะสิ?
    ความคิดแบบนี้อันตรายมาก มันเป็น Extremist Exclusivism - ลัทธิเหยียดศาสนาอื่นแบบสุดโต่ง นั่นคือความหมายในทฤษฎีทางศาสนา แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทอื่นๆเช่นทางการเมืองได้ด้วยเช่นกัน พวกนี้จะถือว่าใครที่ไม่เหมือนตัวเองหรือไม่ใช่พวกเดียวกัน ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม/เป็นศัตรู ต้องกำจัดหรือเปลี่ยนให้เป็นพวกเดียวกับตนเองให้ได้ หรือไม่ยอมรับความมีอยู่ของลัทธิ หลักการ ระบอบ อุดมการณ์ ใดๆที่แตกต่างไปจากตน (ยกเว้นมีผลประโยชน์ร่วมกัน) ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ อันที่จริงแล้วในภาควิชา Theology Of Religions ที่สอนเกี่ยวกับทฤษฎีทางศาสนาเขาแยกออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ Exclusivism, Inclusivism และ Pluralism ถ้าใครเคยอ่านงานเขียนของ John Hick มาบ้างก็จะเข้าใจได้ง่าย พูดแล้วยาว พอแค่นี้ก่อนสำหรับเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟอิสม์)
    Baroness Jones กล่าวเพิ่มเติมว่า "การเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงการออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย (counter-terrorism legislation) ของอังกฤษเพื่อทำให้มันรุนแรงและก้าวร้าวมากขึ้น ในความเป็นจริงแล้วอาจจะทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยการก่อการร้ายมากยิ่งขึ้นก็ได้"
    Baroness Jones ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทหารในการต่อสู้กับการก่อการร้ายในอังกฤษโดยอ้างเรื่องประชาธิปไตย (แต่ลึกๆแล้วหล่อนคงจะกลัวว่าตำรวจอังกฤษจะตกงานมากกว่ามั๊ง? หรือกลัวทหารอังกฤษจะยึดอำนาจก็ได้?) ว่า "เดี๊ยนคิดว่า การเปลี่ยนนโยบายบางอย่างของรัฐบาลตามที่ได้มีการเสนอไปนั้น อาจจะทำให้พวกเราตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยการก่อการร้ายในอนาคต เพราะว่าพวกเรากำลังจะละทิ้งคุณค่าของประชาธิปไตย และเริ่มต้นด้วยการบอกว่าประชาชนเป็นอาชญากรในสิ่งที่พวกเขาคิดมากกว่าจะมุ่งประเด็นไปที่ว่าพวกเขาได้ฝ่าฝืนกฎหมายข้อใดบ้างหรือไม่"
    ชัดมะ? นักการเมืองอังกฤษบางคนบอกว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังจะหันหลังให้ประชาธิปไตย ส่วนรัฐบาลนิยมทหารของอังกฤษก็บอกว่าไม่เอาแล้วประชาธิปไตย (ปลอม) เอาอย่างประเทศไทยบ้างดีกว่า สงบ เรียบร้อย ประชาชนมีความสุขมากๆ ไม่มีนักประชาธิปไตยปลอมมาปลุกระดมให้มีการเผาบ้านเผาเมือง เผากรุงเทพฯ เป็นครั้งที่ 3 ไม่เอาแล้วประชาธิปไตยอย่างฝรั่งเศส ประท้วงทีไรเผาทุกที ไม่เอาแล้วประชาธิปไตยของตะวันตกแบบกรีซ ประท้วงทีไรระเบิดเพลิงปลิวว่อนใส่ตำรวจปราบจลาจลตามท้องถนน แถมประเทศก็เสี่ยงล้มละลายรอมร่ออยู่แล้ว ไม่เอาแล้วประชาธิปไตยแบบตะวันตกและของอเมริกาที่จัดให้ยูเครนเผาไมดานยิงกันตายนับร้อยทั้งฝ่ายผู้รักษากฏหมายและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เอาแบบลุงตู่ดีฝ่าาาา บ้านเมืองสงบ ไร้ม็อบ ไร้ RPG ไร้ M79 เดินหน้าพัฒนาประเทศเต็มสูบ ฮี่ๆๆ
    เจ้าหล่อนกล่าวต่ออีกว่า "แนวทางของรัฐบาลที่ก้าวร้าวเช่นนั้น เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดที่จะทำให้ประชาชนแตกแยกกัน และสร้างเครื่องกีดขวางหนทางของการไหลของข่าวกรองซึ่งพวกเรามีความต้องการเพื่อหยุดยั้งการจู่โจมด้วยการก่อการร้าย เราสามารถที่ยังคงเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง หรือเราสามารถที่จะเซ็นเซอร์ เติมเชื้อให้กับการแบ่งแยก และปล่อยให้พวกผู้ก่อการร้ายชนะ"
    นี่แหละตะวันตกของจริง พวกนี้ชอบสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนในประเทศอื่นๆ (ผ่านองค์กร ngo ทุนต่างชาติทั้งหลาย) ชอบยุยงให้กลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาต่างๆทะเลาะกันจนนำไปสู่การปะทะกัน และนำไปสู่สงคราม ส่วนพวกตะวันตกและจักรวรรดิเฮเกก็เลือกที่จะสนับสนุนฝ่ายที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกตนได้มากกว่าเท่านั้น จากนั้นก็ส่งกองทัพเข้าไปบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามของฝ่ายที่ตนสนับสนุน แต่พอเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะย้อนกลับไปที่ประเทศของตัวเอง พวกเขา (บางคน) ฝั่งรัฐบาลที่เสพติดการใช้ความรุนแรงทางกองทัพในต่างประเทศ เสพติดการก่อสงครามในต่างแดน ก็เสนอว่าให้ใช้กองทัพปราบปราบขบวนการก่อการร้ายในภายในประเทศแทนตำรวจซึ่งเป็นบุคคลากรด้านการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงภายในที่เป็นฝ่ายพลเรือนซะเลย
    ฝ่ายประชาธิปไตยจ๋าก็บอกว่า "ไม่ไว้ใจทหาร" โดยอ้างว่าตำรวจก็สามารถรับมือกับผู้ก่อการร้ายในประเทศได้ และยิงปืนแม่นกว่าสไนเปอร์ของทหารด้วย และที่สำคัญอ้างว่าการใช้กำลังทหารในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในประเทศก็เท่ากับเป็นการยั่วยุและขยายความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น (จริงเหรอ?) และที่สำคัญพวกนี้กลัวว่าสิ่งที่พวกตนเคยสนับสนุนในต่างประเทศ เช่นการแบ่งแยกดินแดน และสงครามกลางเมือง ว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศของตน แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหล่อนก็ยังใช้คำพูดเชิงชี้นำไปยังบางศาสนาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายอยู่จนติดปากไปแล้ว วิธีป้องกันการก่อการร้ายที่ดีที่สุดก็คือหยุดใช้/ชี้นำศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หยุดเชื่อมโยงศาสนาเข้ากับกระบวนการก่อการร้ายผ่านสื่อฯต่างๆ ก็จะลดความเกลียดชังและลดแรงกดดันหรือแรงกระตุ้นให้อีกฝ่ายหนึ่งได้มากทีเดียว
    เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รายงานข่าวบอกว่ากองทัพอังกฤษได้ยืนยันแนวความคิดในการใช้ปฏิบัติการทางกองทัพหลายพันนายบนท้องถนน ในเหตุการณ์การโจมตีก่อการร้ายบนแผ่นดินของอังกฤษ (พวกโลกสวยก็อาจจะบอกว่า อึ่ม… เขาอาจจะส่งมาชั่วครั้งชั่วคราวก็ได้มั๊ง คงจะไม่ประจำการถาวรเป็นปีหรอก จริงดิ?)
    The Eyes
    31/07/2558
    ----------
    UK’s Plan to Deploy 5,000 Soldiers to Prevent Terror Attacks is Dangerous / Sputnik International
    UK Home Office Rejects Proposal to Use Army in Dealing With Calais Migrants / Sputnik International
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อียูรับมุกปูติน... นักการเมืองโปแลนด์บอกว่าคำพูดของปูตินสร้างความกังวลใจให้ประเทศตะวันตกเป็นอย่างมาก ฮิ้วววว!

    [​IMG]

    ----------
    มีเรื่องหนุกๆมาเล่าให้แฟนเพจ "ปอกเปลือก ทรราช" ฟังอีกแล้วครับท่าน (ต้องอ่าน... พลาดแล้วจะเสียดาย) เมื่อวานนี้โพสต์เรื่อง "ปูตินแฉ... สหรัฐฯอยู่เบื้องหลังวิกฤตปัญหาผู้อพยพในยุโรป" แหม… เรียกความสนใจจาก...อเมริกาได้ไม่น้อยเลย คริๆ เวลามาอ่านโพสต์นี่ขอแนะนำให้อ่านเม้นท์ด้วยนะครับ สนุก ได้ความรู้เพิ่มเติมจากผู้รู้ทั้งหลายเยอะเลย ประเภทอย่างว่าก็มีเยอะเหมือนกัน
    จากโพสต์ก่อนหน้านี้มีบางท่านบอกว่า "ปูตินโกหก พูดไม่จริง เต้าข่าว" ฮ่าๆๆ อ่ะ… ก็ว่ากันไปนะ มันมีเทคกะนิคในการสังเกตท่าทีของสหรัฐฯและตะวันตกง่ายๆ นี๊ดดดด เดียวเอง ถ้าฝั่งรัสเซียเสนอข่าวอะไรที่ล่อแหลมเหมือนจะแง้มๆ บางอย่างนี่ ปรกติพวกนักการเมืองของสหรัฐฯและตะวันตกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้รเร็วมาก หากข่าวนั้นไม่เป็นความจริง (ซึ่งแทบจะไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไร) แต่พอปูตินออกมาพูดว่า "สหรัฐฯยืนอยู่ที่ต้นเหตุของความวุ่นวายปัญหาผู้อพยพในยุโรป" (จริงๆแล้วปูตินพูดหลายเรื่องด้วย) น่าแปลกที่สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกเงียบกริ๊บเลย ไม่ตอบโต้ ไม่แย้งซักคำ มันผิดธรรมชาติของสื่อฯกระต่ายตื่นตูมเหล่านั้นอยู่นาาาา ที่ไม่ออกมาปฏิเสธว่าที่ปูตินพูดออกมานั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งต่างจากท่าทีของคนไทยบางคนที่กระโดดออกมาปกป้องอเมริกากับตะวันตกแทนจนออกหน้าออกตา เฮ้อ…
    และแล้วก็มีข่าวหนึ่งออกมาให้เห็นเป็นคำพูดของนักการเมืองฝั่งตะวันตกรายงานโดย Sputnik news ของรัสเซีย (เจ้าประจำของข้าพเจ้าหละ คริๆ บีบีซี กับ cnn ก็อ่านแต่ไม่เชียร์เพราะมันชอบด่าประเทศไทยชอบดิสเครดิตไทยและเสี้ยมให้คนไทยเกิดความแตกแยกบ่อยๆ) พาดหัวข่าวว่า "Putin Voices Concerns of Many EU Countries - Polish Politician" แปลเหมือนกับหัวข้อเรื่องข้างต้นนั่นแหละครับ
    รายงานข่าวบอกว่านาย Mateusz Piskorski หัวหน้าพรรค Zmiana ของโปแลนด์กล่าวเมื่อวันอังคารนี้ว่า "ปธน.วลาดิมีร์ ปูตินได้มีข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ในสหภาพยุโรป และเสียงของผู้นำรัสเซีย (ได้บาดหัวใจใครบางคน คริๆ) ได้สร้างความเป็นกังวลใจให้กับประเทศสมาชิกชาวยุโรปเป็นอย่างมาก" (นี่ไงคือหลักฐานว่าปูตินเต้าข่าวหรือเปล่า)
    ย้อนข่าวเก่านิดนึงนะครับ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน. Vladimir Putin ผู้นำของรัสเซียได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Swiss television channel RTS ของ Switzerland ว่าประเทศต่างๆในยุโรปควรจะดำเนินนโยบายที่เป็นอิสระและมีอธิปไตยมากขึ้น และไม่ผูกพันกับอำนาจทางทหารและนโยบายจักรวรรดินิยมของสหรัฐอเมริกา (โปรดฟังอีกครั้ง "จักรวรรดินยิมของสหรัฐอเมริกา" European countries should pursue more independent and sovereign policies and not be bound by military blocks and the United States’ "imperial policy. ชัดนะ คริๆ)
    คราวนี้ทางฝั่งยุโรปก็รีบออกมาพูดบ้าง พูดแบบไหน? ลองอ่านดูนะครับ นาย Mateusz Piskorski พูดว่า "ในช่วงเวลานี้ พวกเราสามารถที่จะพูดได้ว่าประธานาธิบดีปูตินไม่ใช่เพียงเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องรัสเซียเท่านั้น... แต่ยังเป็นกระบอกเสียงให้กับผลประโยชน์ของชาติของกลุ่มประเทศยุโรปอีกด้วย" (โปรอเมริกาและตะวันตกได้ยินไหม?)
    ส.ส.ของโปแลนด์กล่าวต่ออีกว่า "ปูตินมีความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซื้งเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง และกระบวนทัศน์ของอียู ซึ่งทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการวิเคราะห์สถานการณ์ในภูมิภาคนี้ (ยุโรป)"
    รายงานข่าวกล่าวย้อนหลังถึงที่ไปที่มาของวิกฤษเศรษฐกิจในยุโรปเพียงเล็กน้อยว่า ตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของวิกฤตในยูเครน ความสัมพันธ์ของรัสเซียกับตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯอเมริกา ได้เสื่อมโทรมลงอย่างมีนัยสำคัญ
    กรุงวอชิงตันกับพันธมิตรยุโรป ออกมาตำหนิรัสเซียว่าเติมเชื้อไฟให้กับความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกเฉียงใต้ นำมาซึ่งมาตรการแซงชั่นต่อต้านกรุงมอสโคว์หลายรอบ รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นเสมอมา - จบข่าว
    ลูกเล่นของปูตินก็คือ แย็บไปก่อนหนึ่งหมัด เฉพาะในกรณีนี้นะ เพื่อดูท่าทีของสหรัฐฯกับอียูว่าจะกล้าดาหน้าออกมาปฏิเสธอะไรบ้างหรือไม่ โดยที่ปูตินยังไม่นำหลักฐานอะไรออกมาชี้ให้เห็น สื่อฯฝั่งรัสเซียก็ไม่ลง (ยัง) ไม่เน้นหลักฐาน ดูซิว่าจะมีหน้าไหนด้านออกมาปฏิเสธเสียงแข็งกันบ้าง ตอนนี้ยังไม่มี ก็เกือบสัปดาห์หนึ่งแล้วนะ แปลกจัง... คริๆ ถ้ากล้าโผล่หน้าออกมาบอกว่าไม่จริ๊งงงงง ไม่จริง ปูตินมีหลักฐานอะไร ไหนเอามาพิสูจน์ให้ดูซิ ฮ่าๆๆๆ.... วอนซะแล้ว นักโทษประหารช่างกล้าท้าให้เพชรฆาตลงดาบซะจริง ทั้งนักการเมืองอียูและสหรัฐฯแน่ใจหรือว่าจะรับได้กับข้อมูลที่ฝั่งรัสเซียมีอยู่ในมือ ถ้าไม่แน่จริงปูตินจะกล้าออกมาพูดอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่สหรัฐฯซะหน่อยที่ส่งระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐออกมากล่าวหาประเทศนั้นประเทศนี้อยู่บ่อยๆว่า แฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ของตน โดยที่ไม่สามารถหาหลักฐานพิสูจน์หรือยืนยันได้ซักอย่าง แม้จะถูกประเทศที่ถูกกล่าวหาท้าให้นำหลักฐานออกมาพิสูจน์พี่ก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ยืนยันเล่นมุกนั้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่าความเท็จแม้พูดบ่อยๆ กรอกหูเข้าไปบ่อยๆ ย่อมมีคนหูเบาหลงเชื่อเข้าจนได้หละน่า นี่ปูตินนะครับ ไม่ใช่รัฐบาลของนายอมมาม่านะครับท่าน
    The Eyes
    30/07/2558
    ----------
    Putin Voices Concerns of Many EU Countries - Polish Politician / Sputnik International
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบอิรัคไปตุรกีเป็นเทคนิคในการทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นได้ทันตา

    [​IMG]

    ----------
    เมื่อราคาน้ำมันดิบทั่วโลกตก ทำอย่างไรก็แล้วราคาก็ยังดิ่งลงตลอด งั้นก็ระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบอิรัคไปตุรกีซะเลยแล้วบอกว่าเป็นฝีมือของพวกไอซิส ราคาน้ำมันดิบจะได้ขึ้น ขึ้นจริงหรือไม่ลองอ่านข่าวดูนะครับ
    มีอยู่ข่าวหนึี่งที่สื่อฯกระแสหลักไม่ค่อยเล่นกันเท่าไร แต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและปากท้องของทุกคนทั่วโลกก็ว่าได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เพราะอะไรถึงบอกว่ามีผลกระทบต่อปากท้องของทุกคนทั่วโลก? อ้าว… ก็เพราะมันเกี่ยวกับราคามน้ำมันทั่วโลกนิสิขอรับ เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Terrorists Blow Up Oil Pipeline in Turkey" แปลว่า "กลุ่มผู้ก่อการร้ายระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบในตุรกี"
    รายงานข่าวบอกว่านาย Taner Yildiz รมว.พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติของตุรกี (Turkish Energy and Natural Resources) แถลงข่าวเมื่อวันพุธนี้ว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ก่อเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบสาย Kirkuk-Yumurtalık ที่ส่งจากอิรัคไปยังตุรกีในจังหวัด Şırnak ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี
    นาย Taner Yildiz กล่าวว่าการโจมตีแหล่งพลังงานของตุรกีทั้งในครั้งนี้และก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายมุ่งที่จะทำลายเสถียรภาพสร้างสถานการณ์ขึ้นในประเทศ
    นาย Taner Yildiz กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เมื่อคืนที่ผ่านมา [22:30 GMT] กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้วางระเบิดท่อส่งน้ำมัน Kirkuk-Yumurtalık ในจังหวัด Şırnak Province ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Cizre ออกไป 5 กม. หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดก็มีการปิดระบบส่งน้ำมันทันที ขอบคุณสำหรับการใช้มาตรการที่รวดเร็ว (ขอบคุณการปิดท่อส่งน้ำมันหรือว่าขอบคุณผู้ก่อการร้ายกันแน่?) การก่อการร้ายในครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการขาดดุลในการผลิตพลังงานในประเทศของพวกเรา" (จำคำพูดของเขาตรงนี้ไว้ให้ดีนะ)
    รายงานข่าวบอกว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการโจมตีโดยกลุ่มกบฎหลายแห่งในตุรกี วันที่ 20 ก.ค. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 รายส่วนมากเป็นชาวเคิร์ดจากระเบิดพลีชีพแถวชายแดนตุรกีใกล้เมือง Suruc กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสอ้างว่าเป็นฝีมือของตน และ 2 วันต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ของตุรกีนายถูกสังหารเสียชีวิตในเมือง Ceylanpinar ทางตอนใต้ของตุรกี พรรคคนงานของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเคิร์ด (Kurdistan Workers' Party - PKK) อ้างว่าเป็นฝีมือของตนในการลอบสังหาร ซึ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เหล่านั้น?) มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิส
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตุรกีเปิดแคมเปญจ์ปฏิบัติการทางทหารสองด้านทั้งกับไอซิสและ PKK ปฏิบัติการทางกองทัพของตุรกีได้นำไปสู่การปะทะกันระหว่างตำรวจกับการก่อจลาจนภายในประเทศ และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ PKK ได้ระเบิดสะพานสองแห่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี
    ก่อนหน้านี้ (เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) ทั้งตุรกีและสหรัฐฯส่งเครื่องบินรบไปถล่มในพื้นตามแนวชายแดนของซีเรียอ้างว่าเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิส ที่พยายามเข้าไปก่อเหตุในตุรกี ทางตุรกีรีบออกมาบอกว่าเครื่องบินรบของตนไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้าของซีเรีย บินไปเพื่อถล่มไอซิสเท่านั้น
    ข้อสังเกตตั้งแต่ P5+1 บรรลุข้อตกลงกับอิหร่านเรื่องปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน ราคามน้ำมันดิบทั่วโลกก็ดิ่งลงเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะโงหัวขึ้นได้เลย ก่อการ้ายในตุรกีก็แล้ว เล่นเปิดสงครามชาติพันธุ์ระหว่างชาวเคิร์ดกับตุรกีในตุรกีก็แล้ว เอาเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดในซีเรียอีกรอบก็แล้ว ก่อเหตุจลาจลในตุรกีก็แล้ว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย
    งั้นก็งัดไม้ตายออกมาเล่นอีกครั้งจะเป็นไรเล่า เพราะว่าท่อนี้เป็นของอิรัคกับตุรกี จักรวรรดิเฮเกคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากสักเท่าไรนักอาจจะเป็นผลดีต่อจักรวรรดิเฮเกซะด้วยที่สามารถทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอิรัคและตุรกีได้ในระดับหนึ่่ง หลังจากที่อ่านข่าวนี้แล้ว ก็สงสัยใคร่รู้ทันทีว่า เอ๊ะ… แบบนี้แล้วราคาน้ำมันดิบทั่วโลกจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จึงชะแว็บไปดูที่กราฟราคามันดิบรายวันจากบีบีซีดู อั๊ยย่ะ!.... มันได้ผลแฮะ ขึ้นจริงๆด้วย อะไรขึ้นหรือ? ก็ราคาน้ำมันดิบนะสิครับ มันได้ผลใช่ไหมหละ?
    ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้ายจริงหรือว่าการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ (ปฏิบัติการ false flag) โดยฝีมือของกลุ่มใดก็แล้วแต่ หรือบางคนอาจจะมองภาพว่าเป็นการเอาคืนจากกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดหรือผู้ก่อการร้ายไอซิสเพื่อตอบโต้ตุรกีก็ตาม แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และวันนี้ก็กำลังขึ้นต่อเรื่อยๆ นั่นต่างหากหละที่พวกพ่อค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเขาต้องการ
    The Eyes
    30/07/2558
    ----------
    Terrorists Blow Up Oil Pipeline in Turkey / Sputnik International
    http://www.bbc.com/…/market_…/commodities/143910/default.stm
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    จีนแฮ๊คข้อมูลของสายการบินUnited Airlines
    เมื่อปีที่แล้ว กองทัพไซเบอร์ของจีนแฮ๊คข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของOffice of Personnel Management ของสหรัฐ หรือเทียบเคียงได้กับหน่วยงานกพ.บ้านเรา ทำให้จีนได้ข้อมูลของคนอเมริกัน20ล่้านคนที่ทำงานให้หน่วยงานรัฐบาล
    นอกจากนี้นายDave Aitel ซีอีโอของImmunity Inc บริษัทดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังเปิดเผยว่า แฮ๊คเก้อร์ของจีนได้ทะลวงเข้าไปฐานข้อมูลของสายการบินUnited Airlines ซึ่งเป็นสายการบินหลักที่บินเข้าออกกรุงดีซีผ่านสนามบินดัลเลส สนามบินนี้อยู่ใกล้สำนักงานใหญ่ของซีไอเออยู่Langley รัฐเวอร์จิเนียมากที่สุด
    นายAitelบอกว่า เจ้าหน้าที่ซีไอเอ หรือผู้ที่ทำงานให้ซีไอเอที่บินจากนอกประเทศเข้ามาต้องลงที่ดัลลัส และโดยมากจะบินสายการบินUnited Airlines
    เนื่องจากจีนได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐผ่านOffice of Personnel Management และเจาะเข้าไปฐานข้อมูลของUnited Airlinesได้ จึงสามารถล่วงรู้กิจกรรมหรือการเดินทางของผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของสหรัฐได้
    นายMike Oppenheim, ผู้จัดการของบริษัททืี่ดูแลความปลอดภัยไซเบอร์ FireEyeบอกว่าปักกิ่งได้สร้างฐานข้อมูลที่ใหญ่มหึมาของคนอเมริกัน โดยมุ่งไปยังเจ้าหน้าที่ทางการทูต คนทำงานด้านข่าวกรอง และนักธุรกิจที่ทำมาค้าขายกับจีน
    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครในสหรัฐกล้าออกมายืนยันข่าวที่น่าสนใจกว่าว่า กองทัพไซเบอร์ของจีนน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการถล่มตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินUnited Airlinesและสื่อWall Street Journalพร้อมๆกันในวันที่9 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลทำให้ระบบคอมฯของทั้ง3แห่งล่ม4ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโต้ที่กองทุนสหรัฐถล่มตลาดหุ้นจีนในวันที่8กรกฎาคมที่หุ้นจีนแครชแรงมาก ในขณะที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงกำลังประชุมผู้นำสูงสุดของBRICS ที่เมืองUfaประเทศรัสเซีย
    thanong
    31/7/2015
    http://uk.businessinsider.com/chinese-hack-on-united-airlin…
    http://www.businessinsider.com.au/china-hacked-7-of-america…
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    จีนกล่าวหาว่าสหรัฐกำลังสร้างความขัดแย้งทางทหารในทะเลจีนใต้
    โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนออกมาเตือนสหรัฐว่า เป็นตัวการประโคมข่าว"ภัยของจีน"ในทะเลจีนใต้ด้วยการเสี้ยมให้จีนและประเทศเพื่อนบ้านแตกคอกัน
    นายYang Yujunบอกว่า จีนเป็นห่วงมากที่สหรัฐพยายามทำให้ทะเลจีนใต้กลายเป็นพื้นที่ความขัดแย้งทางทหาร
    เขากล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สหรัฐกำลังทำอยู่ ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า สหรัฐไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากความวุ่นวาย
    ตั้งแต่ต้นปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเสื่อมลงไปเรื่อยๆ โดยปัญหาหลักคือทะเลจีนใต้ ดาวเทียมของสหรัฐส่องพบว่าจีนกำลังสร้างเกาะเทียม และสนามบินขึ้นมาในหมู่เกาะSpratlyในทะเลจีนใต้ โดยที่พื้นที่ทะเลจีนใต้ที่กว้างใหญ่นี้ยังเป็นข้อพิพาทระหว่างจีนและเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ฟิลิปปิินส์ มาเลย์เซีย บรูไน และไต้หวัน
    หลังจากที่แซงชั่นรัสเซียปีที่แล้ว โดยอ้างเหตุยูเครนรวมทั้งถล่มค่าเงินรูเบิ้ล สหรัฐกลับมาเน้นที่จะเผชิญหน้ากับจีนในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิคนี้ โดยใช้ประเทศในเอเซียเป็นลูกล่อลูกชนเพื่อเปิดโอกาสให้สหรัฐส่งทหารเข้ามาคุมเกม
    ฟิลิปปินส์เป็นลูกล่อที่ใช้ได้ผลที่สุด เพราะว่าสามารถยั่วยูให้จีนออกอาการได้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประมง หรือการสร้างสิ่งปลูกสร้างบนเกาะ ความจริง ฟิลิปปินส์มีเหตุผลที่จะอ้างกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ แต่การดึงสหรัฐเข้ามาเป็นพี่เบิ้มในความขัดแย้งกับจีนทำให้จีนยั่วฟิลิปปินส์มากที่สุด
    เวียดนามสุขุมกว่าในการเผชิญหน้ากับจีนในการแย่งกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ในทะเลจีนใต้ โดยมีรัสเซียเป็นพี่เลี้ยงตลอดกาล และได้ดึงเอาสหรัฐเข้ามาคานจีน ทำให้จีนอึดอัดมาก
    นอกจากนี้ เวียดนามได้ดึงเอาอินเดียเข้ามาช่วยด้วย เพราะว่ากองทัพของอินเดียให้การช่วยเหลือกองทัพเวียดนามเป็นอย่างดี การสนับสนุนเวียดนามอย่างน้อยสามารถกระตุกหนวดมังกรได้อีกทางหนึ่ง
    อินเดียไม่ถูกกับจีนเพราะว่ามีความขัดแข้งทางชายแดน แม้ว่าจีนและอินเดียจะเป็นพันธมิตรBRICSด้วยกัน แต่ยังมีปัญหาร้าวลึกทางความสัมพันธ์ จีนพยายามเอาอกเอาใจอินเดียมากเป็นพิเศษ เพราะว่าอินเดียมีสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ ถ้าอินเดียย้ายข้างไปอยู่ฝั่งตะวันตก จีนและรัสเซียจะเพลี้ยงพล้ำทันทีทางยุทธศาสตร์ เพราะว่าอินเดียเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ที่คุมดินแดนและพื้นที่ที่กว้างใหญ่ในเอเชียใต้และมหาสมุทรอินเดีย
    อินเดียเดินนโยบายสายกลางได้แสบที่สุดเวลานี้ พูดง่ายๆ ถ้าเห็นฝั่งสหรัฐมีทีท่าที่จะแพ้เกมภูมิรัฐศาสตร์หรือทางทหาร อินเดียพร้อมที่จะสนับสนุนฝั่งBRICS หรือShanghai Cooperation Organizationที่รัสเซียและจีนเป็นหัวหอกทันที หรือถ้ารัสเซียและจีนมีทีท่าที่จะเพลี้ยงพล้ำต่อฝ่ายสหรัฐและยุโรป อินเดียก็พร้อมจะอยู่ฝั่งตะวันตกเพื่ออยู่ข้างผู้ชนะ
    สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมความมั่นคงภูมิภาคที่มาเลย์เซีย แน่นอนปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้จะเป็นประเด็นใหญ่สุด
    การที่มาเลย์เซียได้ถูกขยับขึ้นไปอยู่ระดับ2 (Tier 2)ในรายงานการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ หมายความว่ามาเลย์เซียกำลังมีสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐ ยังไงต้องเป็นเด็กดีวันยังค่ำ มิเช่นนั้นเครื่องบินอาจจะหายไปอีกลำเป็นลำที่3 แค่นี้ก็อ่วมมากพอแล้ว
    ในขณะที่ประเทศไทยมีโอกาสถูกสหรัฐแซงชั่น เนื่องจากว่ายังคงถูกจัดอันดับอยู่ที่ระดับ3หรือTier3 หรือกลุ่มประเทศที่มีปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์ที่ขัดกับหลักมนุษยธรรม และยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นตามตำราการเมืองของสหรัฐที่จัดทำขึ้นแต่ฝ่ายเดียว
    ได้มาเลย์เซียเข้าไปเป็นลูกน้องในโอวาท สหรัฐจะปฏิบัติการทางทหารเพื่อเผชิญหน้ากับจีนได้ง่ายขึ้น เพราะว่ามีสิงคโปร์เป็นฐานหลักอยู่แล้ว
    เหลือแต่ประเทศไทย เด็กดื้อที่ไม่ยอมเรียนรู้วิถีประชาธิปไตยและไม่มีหลักสิทธิมนุษยชน หรือเสรีภาพในการแสดงออกที่สหรัฐและยุโรปกำลังจัดการอยู่ ถ้ายอมเป็นลูกไล่ในแผนการใหญ่ของสหรัฐในการปิดล้อมจีน ปัญหาต่างๆที่ไทยกำลังโดนบี้จากสหรัฐและนานาชาติจะหายไปทันที
    ถ้าไม่ยอมเป็นลูกไล่ ก็เตรียมตัวเตรียมใจรับเคราะห์กันถ้วนหน้าได้แล้ว เพราะว่าการแซงชั่นกำลังจะมาเป็นระลอกๆ
    thanong
    31/7/2015
    thanong
    31/7/2015
    http://www.reuters.com/…/us-southchinasea-china-usa-idUSKCN
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    บ๊ายบายเงินบาท?
    หุ้นตก ค่าเงินก็อ่อน ถ้าแบงค์ชาติลดดอกเบี้ยอีกครั้งก็บ๊ายบายเงินบาทได้
    นี้คือใจความสำคัญของบทความThailand: Bye Bye Baht If Bank Of Thailand Cuts Rates Again เขียนโดยShuli Ren แห่งสื่อBarron's Asia
    เงินบาทตก3.5% นับว่าหนักที่สุดในบรรดาค่าเงินในภูมิภาค จากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย และธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายต้องการให้เงินบาทอ่อน
    วันนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่35.240 เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ
    ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลดดอกเบี้ยลง2ครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยย้ำว่า ทางการไม่มีเป้าหมายสำหรับค่าเงินบาทว่าจะอยู่ระดับใด และการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาเป็นการปรับระดับราคา (correction)
    รองนายกไทย หม่อมอุ๋ยบอกว่าอยากจะเห็นบาทอ่อนกว่านี้เล็กน้อย แต่ก็พูดเสริมว่าระดับปัจจุบันเกือบจะเหมาะสมแล้ว
    คณะกรรมการนโยบายการเงินจะประชุมในวันที่5สิงหาคมเพื่อลงมติว่าจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งหรือไม่จากระดับ1.50%ในปัจจุบัน
    นักวิเคราะห์บางคนมองว่าแบงค์ชาติิอาจจะอยากลดดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ส่วนมากลงความเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงดอกเบี้ยเอาไว้
    เดือนนี้หุ้นไทยตก9% นับว่าแย่ที่สุดในอาเซี่ยน
    thanong
    31/7/2015
    http://blogs.barrons.com/…/thailand-bye-bye-baht-if-bank-…/…
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... " ซีไอเอ : เปลี่ยนและถอดบทบางส่วนของหนังเรื่อง Zero Dark Thirty ยุทธการถล่ม บิน ลาดิน ... เพื่อปกปิดด้านร้ายตัวเอง"
    ... เมื่อสองปีก่อน มีหนังที่เกี่ยวกับการตามล่าเก็บ โอซามะ บิน ลาดิน ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับกรณี 9/11 ที่ระเบิดตึกเวิร์ดเทรด ( แท้จริงสร้างเรื่องเองแล้วโยนบาปให้ "บินลาเดน" หัวหน้ากลุ่ม อัลกออิดะห์ [ เพื่อนพันธมิตรอเมริกาในการขับไล่ โซเวียตรัสเซียเองใน สมัยสงครามเย็น ] เพื่อต้องการสร้างข้ออ้างในการบุกอัฟกานิสถาน ) โดย Kathryn Bigelow ผู้กำกับและเขียนบทของเรื่อง The Hurt Locker
    ... แต่เรื่องมีอยู่ว่า หนังเรื่องนี้มีการถูกข้อร้อง ( แกมบังคับ ) จาก "ซีไอเอ" ว่าให้ตัดและปรับเปลี่ยนบทและฉากบางส่วนออก โดยซีไอเออ้างว่าเป็นความลับของทางราชการที่ไม่สมควรเปิดเผย
    ... โดย Mark Boal คนเขียนบทบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นจริง โดยซีไอเอได้ขอร้องมาในการให้ตัดฉากรายละเอียดบางส่วนออก เช่น ฉากการสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่ใช้สุนัขในการขู่เข็ญ และ ในการทรมานผู้ต้องสงสัยในรูปแบบต่างๆ บางฉากก็ขอให้ตัดออกไปหมดเลย ซึ่งความรุนแรงป่าเถือ่นในการสืบสวนแบบผิดหลักมนุษยธรรมนี้ตรงกับการเปิดเผยเรื่องคุกลับของอเมริกาในกรณี Black Site ... ( https://en.wikipedia.org/wiki/Black_site ) และทางทีมงานก็ให้ความร่วมมือดี แม้จะอ้างว่าอำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่ทีมงานก็ตาม
    ... อเมริกาแม้จะอ้างว่าประเทศตัวเองเป็นประเทศเสรีในการแสดงออกทุกอย่างแต่หลายอย่างที่ต้องเปิดเผยด้านมืดด้านปีศาจของตนกลับปกปิดและบิดเบือนมาตลอด เช่นกรณี เอ็ดเวิร์ด สโนเดน ที่ต้องถูกไล่ล่าเพราะไปเปิดเผยข้อมูลลับตลอดจนโครงการแอบฟังดูดข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้บริการโซเชียลมีเดียแบบไม่ขออนุญาต
    ... ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเมริกาใช้ "ภาพยนตร์" เป็นเครื่องมือในการ "โฆษณาชวนเชื่อ" กับคนทั่วโลก โดยมีการตรวจสอบบทหนังให้ตอบสนองกับ "ข้อความ" หรือ "สาร" ที่อเมริกาต้องการย้อมสมองชาวโลก โดยมีการปรับแต่งบทหนัง เช่น ในสมัยสงครามเย็น ที่อเมริกาต้องต่อต้านโซเวียตรัสเซีย ก็มีข่าวว่า ซีไอเอได้มีการช่วยปรับบทหนังและเสริมข้อความที่ต้องการสื่อสารหรือใส่ร้ายฝ่ายโซเวียตรัสเซียมาแล้ว เช่นเรื่อง Rambo เป็นต้น
    ... พอหลังจากสมัยสงครามเย็น ก็มีการให้บทผู้ร้ายเป็นชาวอาหรับและมุสลิมมาตลอด ซึ่งถ้าผู้ชมที่วุฒิภาวะไม่ลึกซึ้งเพียงพอก็อาจจะตกหลุมการโฆษณาชวนเชื่อนี้ได้ง่าย
    ... หลังจากออกฉายก็มีกระแสวิจารณ์หนังเรื่องนี้ทั้งบอกว่า เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ความรุนแรงและการทรมานในการสืบสวนหาความจริงจากผู้ต้องสงสัย และบ้างก็บอกว่าเป็นการตีแผ่การทำงานที่โหดร้ายของซีไอเอเอง
    .
    Memo Suggests CIA Shaped 'Zero Dark Thirty' Narrative - Hollywood Reporter - Hollywood Reporter
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บอร์ด ปตท.มีมติไล่ออก"บิ๊ก"ปมปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง2หมื่นล.-สผ.ดองข้ามปี
    เขียนวันที่ วันศุกร์ ที่ 31 กรกฎาคม 2558 เวลา 12:38 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน

    [​IMG]

    บอร์ด ปตท. มีมติไล่ออก “นิพิฐ” รองผู้จัดการ ปตท.สผ. ปมทำปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง 2 หมื่นล้าน แต่ ปตท.สผ. ดองเรื่องข้ามปี ล่าสุด ปตท. มีมติเร่งรัดเรื่องแล้ว

    จากกรณีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ พีทีอี ลิมิเต็ด (PTTGE) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เรียกค่าเสียหายจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ถูกดึงตัวเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์มของ PTTGE ใน 5 โครงการของประเทศอินโดนีเซีย

    โดยในสำนวนคำฟ้องดังกล่าว ระบุตอนหนึ่งว่า การจัดทำโครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์มในประเทศอินโดนีเซียนั้นพบความเสี่ยงที่จะเกิดการเสียหายและสูญเสียในเงินลงทุน ซึ่งนายนิพิฐ ถูกกล่าวหาว่าเป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ PTTGE หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตนั้น

    (อ่านประกอบ : ฟ้องบิ๊ก ปตท.สผ.เรียก 2 หมื่นล.กล่าวหาทุจริตคดีปลูกปาล์ม อินโดฯ )

    ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในสำนวนคำฟ้องดังกล่าวตอนหนึ่ง ระบุถึงผลการตรวจสอบการดำเนินการของ PTTGE เมื่อปี 2555 พบว่า การจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มใน 5 โครงการและการดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเสียหาย สูญเสียเงินลงทุนของโจทก์ทั้งสอง (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ PTTGE) และยังมีการจ่ายเงินค่าสิทธิในที่ดินเพื่อปลูกปาล์มดังกล่าวสูงกว่าเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อนุมัติ อีกทั้งการจ่ายเงินและการบริหารงบประมาณไม่เป็นไปตามระเบียบของโจทก์ทั้งสอง รวมทั้งอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการก่อสร้างและใช้งานโรงสกัดน้ำมันปาล์ม เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย

    ต่อมาคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ดำเนินการสอบสวนการกระทำมิชอบในโครงการนี้แล้ว พบว่า อาจมีการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ จึงเสนอรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แต่เนื่องจากความผิดดังกล่าวยังไม่ปรากฏชัดแจ้งว่ามีการกระทำผิดอย่างไร โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายอย่างใด และบุคคลใดเป็นผู้รับผิดชอบ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนการดำเนินงานของ PTTGE ขึ้นอีกชุดหนึ่ง

    ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2557 คณะกรรมการสอบสวนการดำเนินงานของ PTTGE ได้เสนอรายงานผลการสอบสวนต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2557 คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติให้ลงโทษทางวินัยแก่บุคคลต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนหลายราย โดยในส่วนของนายนิพิฐ คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้เสนอให้ลงโทษด้วยการไล่ออก นอกจากนี้ได้ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วย

    ล่าสุด แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีนี้ว่า ภายหลังที่มติคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้ไล่ออกนายนิพิฐตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2557 แล้วนั้น ปัจจุบันบริษัท ปตท.สผ. ยังไม่ได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด โดยบริษัท ปตท.สผ. อ้างว่า มีระเบียบการบริหารบุคคลเป็นของตัวเอง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงใหม่ทั้งหมด ทำให้เรื่องล่าช้ามากว่า 1 ปี ทั้งที่ในคณะกรรมการบริษัท ปตท.สผ. มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้บริหารผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าไปเป็นกรรมการบริษัท ปตท.สผ. ด้วย

    แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เมื่อบริษัท ปตท.สผ. ดำเนินการล่าช้าเช่นนี้ สร้างความไม่พอใจแก่คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นอย่างมาก ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการฯที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติว่า ให้ติดตามและเร่งรัดการดำเนินการกรณีของนายนิพิฐต่อบริษัท ปตท.สผ. แล้ว

    อ่านประกอบ :
    ปตท.ระทึก!อนุฯ ป.ป.ช.พบปมซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ปท.อินโดฯ เล็งชี้มูล 2 โครงการ
    ป.ป.ช.พบตัวละครคดีข้าวจีทูจีโยงซื้อขายมันเส้น!-สอบปตท.ปมปลูกปาล์มในอินโดฯ

    http://www.isranews.org/investigati...m/40296-ptt_900_01.html#.VbtUeuMJgcY.facebook

    ฟ้องบิ๊ก ปตท.สผ.เรียก 2 หมื่นล.กล่าวหาทุจริตคดีปลูกปาล์ม อินโดฯ
    เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 29 กรกฎาคม 2558 เวลา 14:35 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน

    ปตท.ใหญ่-ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ ฟ้อง “นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา” รอง ผจก.ปตท.สผ. เรียกค่าเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน ปมปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย หลังถูกดึงไปเป็นผู้จัดการ 5 โครงการ พบซื้อที่ดินทับซ้อนป่าสงวน-จ่ายค่านายหน้าสูงผิดปกติถึง 40% เสียหายแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่าพันล้าน

    จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการซื้อขายที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียของบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (PTTGE) เนื่องจากพบว่า มีการดำเนินผิดปกติ โดยเฉพาะการเข้าไปซื้อที่ดินจำนวนมากเพื่อปลูกปาล์มและการสร้างโรงงานสกัดน้ำมันนั้น

    (อ่านประกอบ : ปตท.ระทึก!อนุฯ ป.ป.ช.พบปมซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ปท.อินโดฯ เล็งชี้มูล 2 โครงการ)

    ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ พีทีอี ลิมิเต็ด หรือ PTTGE ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งต่อมาถูกดึงตัวมาเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์ม ในนามของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

    ในสำนวนคำฟ้องดังกล่าว ระบุตอนหนึ่งว่า การจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มในโครงการและการดำเนินโครงการนี้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเสียหาย และสูญเสียเงินในการลงทุน โดยนายนิพิฐ ถูกกล่าวหาว่า เป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

    เนื่องจากมีการซื้อที่ดินเป็นที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนเป็นส่วนมาก ทำให้ไม่สามารถขอให้หน่วยงานในประเทศอินโดนีเซียออกเอกสารแสดงสิทธิในการทำเกษตรกรรมได้ ส่วนที่ดินที่เหลือไม่ทับซ้อนป่าสงวนก็เหลืออยู่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้ยังมีค่านายหน้าในการจัดซื้อที่ดินที่สูงกว่าผิดปกติถึงร้อยละ 40 เป็นต้น

    สำหรับ 5 โครงการที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงทุนในนามบริษัท พีทีที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ มี 5 โครงการ ได้แก่

    1.โครงการ พีที อัซ ซารา แพลนเตชั่น หรือ PT.Az Zahara Plantation (“PT.Az Zhara”)

    สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้เข้าลงทุนกับ PT.Az Zhara และบริษัท พีที มิตรา อาเนคา เรเซกิ หรือ PT. Mitra Aneka Rezeki (“PT.MAR”) เพื่อลงทุนปลูกปาล์มในพื้นที่ใหม่ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของเกาะกาลิมันตัน

    โดยในการลงทุนครั้งนี้ มีพื้นที่รวม 1.7 แสนเฮกตาร์ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก 1.1 แสนเฮกตาร์ ราคาเฮกตาร์ละ 550 เหรียญสหรัฐ คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อนุมัติให้เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 55 ส่วนที่สองมีพื้นที่ 6 หมื่นเฮกตาร์ ราคาเฮกตาร์ละ 485 เหรียญสหรัฐ คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อนุมัติให้ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95

    พบความเสียหาย 50,540,418.46 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 1,642,563,599 บาท

    2.โครงการ พีที มาร์ (พอนเทียนัค) หรือ PT.MAR (Pontianak)

    สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.Az Zhara และ PT.MAR ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะกาลิมันตัน ในบริเวณที่เรียกว่า พอนเทียนัค ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มในพื้นที่ทั้งหมด 14,000 เฮกตาร์ คิดราคาซื้อหุ้นในพื้นที่ร้อยละ 100 เป็นเงิน 15,500,000 เหรียญสหรัฐ

    3.โครงการ พีที มาร์ (บันยัวซิน) หรือ PT.MAR (Banyuasin)

    สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนในธุรกิจปลูกปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มดิบ โดยการซื้อหุ้นบริษัท PT.Surya hutama suwit (“PT.SHS”) ซึ่งประกอบธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันบริเวณที่เรียกว่า บันยัวซิน ในประเทศอินโดนีเซีย จำนวนเงินไม่เกิน 21.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีพื้นที่ปลูกที่เมืองปาเลมบัง ทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ประมาณ 22,000 เฮกตาร์

    พบความเสียหายของโครงการ PT.MAR (Pontianak) และ PT.MAR (Banyuasin) รวม 161,498,459 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 5,248,699,946 บาท

    4.โครงการ พีที เฟิร์ส บอร์เนียว แพลนเตชั่น หรือ PT.First Borneo Plantations (“PT.FBP”)

    สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.FBP ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในเขตกะลิมันตันตะวันตก รวม 108,000 เฮกตาร์ ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดได้รับอนุญาตประกอบกิจการปาล์มน้ำมัน

    พบความเสียหาย 162,783,273 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 5,290,456,378 บาท

    5.โครงการ คัลปาตาลู อินเวสต์ตามา หรือ Kalpataru Investama (“KPI”)

    สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.KPI เพื่อศึกษาการเข้าลงทุนในโครงการแห่งใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 80,000 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บริเวณเกาะกาลิมันตะวันออก

    พบความเสียหาย 224,538735.99 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 7,297,508919.64 บาท

    รวมค่าความเสียหายทั้ง 5 โครงการรวมทั้งค่าบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 624,850,887 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 20,307,653,844 บาท

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมสรุปคดี เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา

    อ่านประกอบ : ป.ป.ช.พบตัวละครคดีข้าวจีทูจีโยงซื้อขายมันเส้น!-สอบปตท.ปมปลูกปาล์มในอินโดฯ

    http://www.isranews.org/component/content/article/57-isranews/isranews-news/40258-ptttt_8888.html

    ปตท.ระทึก!อนุฯ ป.ป.ช.พบปมซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ปท.อินโดฯ เล็งชี้มูล 2 โครงการ
    เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 17 มิถุนายน 2558 เวลา 15:00 น.เขียนโดยisranews

    ปตท. ระทึก! อนุฯ ป.ป.ช. พบพิรุธ การซื้อที่ดินปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย เตรียมชี้มูล 2 โครงการ เผยยังประเมินความเสียหายไม่ได้ ต้องรอผลประกอบการเทียบกับการลงทุน ยันมีขาดทุนหลายโครงการ

    พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียของ บริษัท ปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (PTTGE) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯได้รวบรวมพยานหลักฐานจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และเอกสารจำนวนมากจึงมีความคืบหน้าพอสมควร แต่ ปตท.ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.สอบเฉพาะ 5 โครงการที่มีการดำเนินการไปแล้ว อย่างไรก็ดี ป.ป.ช. ยังเสาะหาพยานหลักฐานก่อนที่จะเริ่มโครงการด้วยว่าเป็นมาอย่างไร เบื้องต้นพบความผิดปกติหลายอย่าง เช่น การดำเนินการตามโครงการไม่เป็นไปตามที่บอร์ด ปตท. อนุมัติ และก่อนริเริ่มโครงการนี้มีข้อผิดปกติหลายส่วนทั้งเรื่องที่ดิน ข้อตกลง หุ้นส่วน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ประเมินว่าสร้างความเสียหายให้รัฐเท่าไหร่ เพราะต้องดูผลประกอบการเทียบกับการลงทุน อีกทั้งยังมีการขายโครงการเพื่อลดภาวะขาดทุนไปหลายโครงการด้วย จึงต้องดูผลลัพธ์จากการขายกับเงินลงทุนที่เสียไปแตกต่างกันอย่างไร

    พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า การไต่สวนอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพราะมีเอกสารจำนวนมาก แต่ในขณะนี้พบว่ามี 2 โครงการที่สามารถชี้มูลความผิดได้ ซึ่งจะสรุปออกมาก่อน ส่วนโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็เป็นไปตามที่ ปตท. กล่าวหามา อีกทั้งยังต้องดูเรื่องบอร์ดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งไม่คิดว่าบอร์ดกำลังตัดตอนความรับผิดชอบด้วยการยื่นให้สอบการดำเนินธุรกิจปาล์มของบริษัท ปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เพราะ ป.ป.ช. ดูทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องบอร์ด ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ ที่เป็นผู้รับผิดโครงการที่ 5 หรือบอร์ดใหญ่ของ ปตท. ว่ามีการดำเนินการอย่างไร

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ หรือ PTTGE จัดตั้งขึ้นเพื่อลงทุนพัฒนาสวนปาล์มและโรงงานสกัดปาล์มดิบที่ประเทศอินโดนีเซีย จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อก.ย. 2550 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 10,860 ล้านบาท รับนโยบายจากปตท.ปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย 3.1 ล้านไร่ หรือ 5 แสนเฮกตาร์

    ทั้งนี้การลงทุนในธุรกิจปลูกปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่อินโดนีเซียของ ปตท. ที่มีการจัดตั้งบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด หรือ PTTGE มีการลงทุนปลูกปาล์มใน 5 โครงการ คือ โครงการ PT.Az Zhara โครงการ PT.MAR (Pontianak) โครงการ PT.MAR (Banyuasin) โครงการ PT.FBP และโครงการ PT.KPI รวมเบ็ดเสร็จ PTTGE จะถือครองที่ดิน 500,000 เฮกตาร์ และลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อส่งออกน้ำมันปาล์มไปขายในตลาดโลก

    การลงทุนธุรกิจปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มดิบในอินโดนีเซีย เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ฝ่ายบริหารปตท. หยิบยกขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากการดำเนินการพบความผิดปกติ โดยเฉพาะการเข้าไปซื้อที่ดินจำนวนมากเพื่อปลูกปาล์ม และการสร้างโรงงานสกัดน้ำมัน จนกระทั่งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ และได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของป.ป.ช.อยู่

    ทั้งนี้ตามแผนธุรกิจ บริษัทพีทีที กรีน เอนเนอร์ยี่ มีเป้าหมายในการปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย มากถึง 3.1 ล้านไร่ หรือ 5 แสนเฮกตาร์ ในส่วนของที่ดินมีการใช้เงินไปลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์

    http://www.isranews.org/isranews-news/item/39319-nacc_1208_01.html
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บังกลาเทศ-อินเดีย เตรียมแลกเปลี่ยนดินแดนครั้งประวัติศาสตร์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2558 15:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - บังกลาเทศกับอินเดียได้เตรียมการในวันศุกร์ (31 ก.ค.) ที่จะแลกดินแดนเล็กๆ ระหว่างกัน อันเป็นการยุติความขัดแย้งบริเวณชายแดน ที่ทำให้ผู้คนหลายพันต้องติดอยู่ในพื้นที่ไร้รัฐเหล่านั้นเกือบ 70 ปี

    เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ชาติจะชักธงชาติของตนในพื้นที่ 162 แห่ง โดยจะอยู่ในบังกลาเทศ 111 แห่ง กับในอินเดีย 51 แห่ง ทันทีที่ผ่านพ้นเที่ยงคืนของคืนนี้ไป 1 นาที เพื่อแสดงถึงอธิปไตยเหนืออดินแดนเหล่านั้น หลังการทำสนธิสัญญาครั้งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชายแดนเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน

    หลังจากชักธงชาติขึ้น ผู้คนมากกว่า 50,000 รายที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นซึ่งอยู่ในดินแดนของอีกฝ่าย ก็จะได้สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของพลเมือง อาทิ โรงเรียน ไฟฟ้า สาธารณสุข ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกไม่เคยได้รับมาตั้งแต่ปี 1947

    ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายก่อนการแลกเปลี่ยน ชาวบ้านได้จัดงานเลี้ยงฉลองและซ้อมร้องเพลงชาติใหม่ของพวกเขา จะมีการจุดเทียน 68 แท่งตอนเที่ยงคืนตามจำนวนปีที่ดินแดนเหล่านี้ต้องเป็นพื้นที่ไร้รัฐ นับตั้งแต่การสิ้นสุดการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ

    ดินแดนเหล่านี้ถูกแบ่งแยกในปี 1947 หลังอังกฤษเข้าปกครอง และถูกแบ่งอีกครั้งในปี 1971 ในสงครามแยกตัวเป็นเอกราชจากปากีสถาน

    บังกลาเทศได้อนุมัติข้อตกลงกับอินเดียในปี 1974 เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่อินเดียเพิ่งจะมาลงนามในขั้นตอนสุดท้ายของข้อตกลงนี้เมื่อเดือนมิถุนายน ตอนที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ไปเยือนบังกลาเทศ

    เจ้าหน้าที่ของทั้งสองชาติได้ทำการสำรวจในเดือนนี้ โดยถามชาวบ้านว่าอยากเป็นคนของชาติไหน

    ผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่บนดินแดนของอินเดียในบังกลาเทศ เลือกที่จะเป็นพลเมืองบังกลาเทศ แต่ก็มีเกือบ 1,000 รายที่เลือกจะเป็นพลเมืองอินเดีย ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อแลกเปลี่ยนดินแดนกันแล้ว คนเหล่านี้จะต้องย้ายไปอยู่อินเดีย โดยจะไปตั้งรกรากกันใหม่ในรัฐเวสต์เบงกอล

    ส่วนในอินเดีย ชาวบังกลาเทศทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนดินแดนบังกลาเทศในอินเดีย ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสัญชาติทั้งหมด

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯเตรียมขายขีปนาวุธ“แพทริออตส์” ให้ซาอุฯเกือบ 1.9 แสนล้านบาท
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2558 22:10 น. (แก้ไขล่าสุด 30 กรกฎาคม 2558 22:17 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุได้รับไฟเขียวจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้เดินหน้าแผนขายขีปนาวุธ “แพทริออตส์” พร้อมทั้งชุดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมูลค่ารวมกว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ ให้กับซาอุดีอาระเบีย

    รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. ระบุว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลอเมริกันในการพิจารณาขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลของต่างชาติ ได้ให้ความเห็นชอบต่อคำร้องของทางเพนตากอนที่ต้องการขายชุดขีปนาวุธแพทริออตส์ที่ผลิตโดยบริษัทอาวุธชื่อดัง “ล็อคฮีด มาร์ติน” ให้กับซาอุดีอาระเบีย หนึ่งในชาติพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯในโลกอาหรับ

    เบื้องต้นคาดว่า การขายขีปนาวุธแพทริออตส์ ให้กับทางการซาอุดีอาระเบียคราวนี้จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว189,850ล้านบาท)

    ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการ “นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก” ในปี 2014 ที่ผ่านมา และอาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ซาอุฯสั่งซื้อนั้นก็มาจากสหรฐอเมริกาทั้งสิ้น และในปีที่แล้วพบหลักฐานว่าราชอาณาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้ได้เพิ่มสัดส่วนการนำเข้าอาวุธเป็นกว่า 54 เปอร์เซ็นต์


     

แชร์หน้านี้

Loading...