ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



Miniseries
3. วันที่รอคอย: กันยายน 23, 2015
มีคำอธิบายว่า ท่านเซ่อร์Issac Newton นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงได้ทำนายเหมือนกันว่า ช่วงก่อนปี2016น่าจะเป็นเวลาที่พระเจ้าจะกลับมายังโลกอีกครั้ง (Second Coming) สิ่งที่ชาวคริสต์ทุกคนรอคอยมานานคือการกลับมายังโลกอีกครั้งของพระเจ้า (Second Coming) หลังจากพระเจ้าในนามของพระเยซูได้เสด็จลงมาโปรดโลกและไถ่วิญญานให้ชาวโลกแล้วในครั้งแรก
ท่านเซ่อร์เป็นคนที่เคร่งศาสนามาก และใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทพยากรณ์ของดาเนียลที่ได้รับการบอกเล่าจากพระเจ้าในปี550ก่อนคริสตกาลถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นจนถึงจุดจบ ทำให้สามารถคำนวนถึงวันที่พระเยซูมาประสูติบนโลกถือว่าเป็นการมาครั้งแรก (First Coming) และการกลับมาของพระเจ้าอีกครั้ง (Second Coming) โดยที่เยรูซาเลมจะได้เกิดใหม่ก่อนเพื่อรอรับพระเจ้า
มีการคำนวนวันตามหลักของยิวโบราณ โดยอิงตามงานเขียนของท่านเซ่อร์ ทำให้ได้วันที่23 กันยายน 2015ว่าจ่าจะเป็นวันที่พระเจ้าจะมาปรากฎอีกครั้ง
thanong
27/7/2015
Nothing found for … Newtons Calculations Poin…

 

Thanong Fanclub



Miniseries
4. วันที่รอคอย: กันยายน 23, 2015
ในวันเสาร์ที่ผ่านมา โบสถ์ซาตาน (Satanic Temple)ที่เมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพิธีฉลองรูปปั้นของเทวรูปซาตานในนามBaphomet ที่พวกอัศวินKnight Templarsนับถือบูชาตั้งแต่สมัยกลาง หรือศตวรรษที่14
Baphometมีเศียรเป็นแพะ และมีร่างกายเหมือนมนุษย์ บางคนบอกว่าพวกยิวโบราณและผู้ที่นับถือลัทธิมืดก็บูชาBaphometเหมือนกัน
ปรากฎว่ามีแรงต่อต้านพอสมควรจากชุมชนที่ดีทรอยท์ ที่โบสถ์ซาตานได้นำเอาเทวรูปBaphometมาตั้งโชว์ที่ Bert's Marketplace บางคนขู่จะเผาหรือทำลายโบสถ์ซาตาน มีคนมาร่วมดูประมาณ100คน
เมื่อต้นปีนี้ Lucien Greaves ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโบสถ์ซาตานอธิบายว่าเทวรูปBophometจะเป็นแสงนำทางเพื่อให้เกิดความเมตตา และความเข้าใจในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง นอกจากนี้เทวรูปนี้มีจุดมุ่งหมายในทางปฏิบัติ คือประชาชนทุกวันสามารถนั่งอยู่บนตักของซาตานเพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจ และอยู่ในภวังค์ของความคิด
เมื่อศรัทธาของชาวคริสเตียนอเมริกันอ่อนแอลง และผู้คนเลิกนับถือศาสนาในสังคมที่เสรีภาพเลยขอบเขต ลัทธิซาตานก็แฝงเข้ามาเพื่อทำลายโครงสร้างหรือความศรัทธาเดิม โดยไม่ปิดบังจุดประสงค์ในช่วงเปลี่ยนถ่ายของโลกใหม่
thanong
27/7/2015
https://www.rt.com/…/310781-satanic-temple-detroit-unveiled/

 

Thanong Fanclub



Miniseries
5. วันที่รอคอย: กันยายน 23, 2015
มาดอนน่า นักร้องชื่อดัง แต่งตัวเป็นBaphometในการแสดงโชว์พักครึ่งเวลาชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอลซุปเปอร์โบล์ปี2012 ลัทธิบูชาซาตานแทรกซึมเข้าไปในฮอลลี่วู๊ดและวงการบันเทิงสหรัฐจนคนอเมริกันหลงบูชาซาตานไปด้วย โดยแทบที่จะไม่รู้ตัว แต่ถึงรู้ก็ไม่แคร์ เพราะว่าคิดว่าไม่มีอะไร
thanong
27/7/2015

 

สนช.รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง "ผบ.ทบ."แจงหากจำเป็น"เพศที่สาม"มีสิทธิ์ถูกเรียกเป็นกำลังพล วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:55:03 น.


@พล.อ อุดมเดช สีตบุตร


เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.กำลังพลสำรองพ.ศ. ... ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ พล.อ อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ที่ผ่านมาต้องใช้การหมุนเวียนกำลังพลเนื่องจากขาดงบประมาณ จึงได้เสนอกฎหมายเพื่อกำหนดประเภทบุคคลที่จะเป็นกำลังพลสำรอง รวมถึงกำหนดหน้าที่สิทธิในการเข้ารับราชการทหารให้เกิดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกำลังพลสำรอง หรือ คกส.โดยประธานคณะกรรมการให้มาจากการมอบหมายของนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการ 20 คน พร้อมกำหนดวิธีรับบุคคลเข้าเป็นกำลังพลสำรองโดยวิธีรับสมัคร หรือคัดเลือกจากนายทหารสัญญาบัตรกองหนุน นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ นายทหารสัญญาบัตรนอกกอง ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 หรือที่ประเภท 2 ทั้งนี้การเรียกกำลังพลสำรองและการระดมพล สามารถเรียกได้เฉพาะกรณีจำเป็นที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญหรือการแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อมิให้สร้างภาระแก่บุคคลเพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะยกระดับกิจการพลสำรองเป็นงานระดับชาติที่ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และทำให้กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมด้านบุคลากรมากยิ่งขึ้นต่อการสนับสนุนป้องกันเพื่อประโยชน์ประชาชน โดยมีกฎหมายใช้กับกำลังพลสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม

ทั้งนี้สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนให้มีการผลักดันกำลังพลสำรองชายและหญิงเข้ามารับใช้ประเทศ อาทิ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สนช. ระบุว่า ปัจจุบันมีบัญชีกำลังพลสำรองจำนวนกว่า 10 ล้านคนที่ต้องการทำหน้าที่เพื่อประเทศ และเมื่อเป็นกำลังพลสำรองจะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ขณะที่ พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล สนช. อภิปรายว่า เป็นห่วงในกรณีที่หากมีการเรียกกำลังพลสำรองเป็นเวลานาน จะมีการดูแลสิทธิประโยชน์นายจ้างที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างที่เป็นกำลังพลสำรองอย่างไร ส่วนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช.อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า การคัดเลือกทหารกองหนุนหรือทหารกองเกิน ซึ่งบุคคลที่เป็นนักศึกษาวิชาทหารหรือรักษาดินแดน( รด.)ที่มีทั้งชายและหญิง รวมทั้งเพศที่สาม จะได้รับการยกเว้นจากการเป็นกำลังพลสำรองหรือไม่ และจะถูกยกเว้นการเกณฑ์ทหารหรือไม่

พล.อ.อุดมเดช ชี้แจงว่า ตามบทบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร ไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นบุคคลเพศที่สามไม่ต้องถูกเรียกเป็นกำลังพลสำรอง รวมทั้งไม่ยกเว้นการเกณฑ์ทหาร แต่หากอยู่ในความเหมาะสมและสถานการณ์จำเป็นก็สามารถถูกเรียกเป็นกำลังพลสำรองได้เช่นกัน

ส่วนกรณีกำหนดสิทธิประโยชน์แก่นายจ้างนั้น ได้วางมาตรการทุกอย่างเพื่อไม่ให้นายจ้างและกำลังพลสำรองเสียสิทธิประโยชน์ จึงไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเรียกกำลังพลไม่ได้ใช้ระยะเวลานาน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยมีโอกาสถูกเรียกจำนวน 2.5 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนกำลังพลสำรองทั้งหมดโดยจะไปประจำตามเหล่าทัพ ส่วนการฝึกกำลังพลจะใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

ที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นควรรับหลักการร่างพ.ร.บ.กำลังพลสำรองพ.ศ. ... ด้วยคะแนน 189 งดออกเสียง 4 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 19 คน

สนช.รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง "ผบ.ทบ."แจงหากจำเป็น"เพศที่สาม"มีสิทธิ์ถูกเรียกเป็นกำ

 

“ปูติน” ไฟเขียวปฏิรูปใหญ่ “กองเรือทะเลดำ” เตรียมรุกแอตแลนติก โต้กลับภัยคุกคามสหรัฐฯ-นาโต โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 03:58 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน มีแผนเสริมความแข็งแกร่งทางยุทธศาสตร์ให้กับ “กองเรือทะเลดำ” ของตน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจาก องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นหัวหอกและกำลังแผ่ขยายอิทธิพลอย่างสำคัญเข้าสู่ยุโรปตะวันออก ภูมิภาคที่เปรียบเสมือน “สนามหลังบ้าน” ของรัสเซียมาช้านาน



รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างรายงานของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ ( 27 ก.ค.) ระบุว่า รัฐบาลมอสโกภายใต้การนำของวลาดิมีร์ ปูตินมีแผนเร่งปรับปรุงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางยุทธศาสตร์ให้กับกองทัพเรือของตนโดยเฉพาะในส่วนที่ประจำการอยู่ใน “ทะเลดำ” หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “กองเรือทะเลดำ” ทางภาคใต้ของประเทศ

รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า รัสเซียต้องเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองเรือทะเลดำของตนทั้งในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือภัยคุกคามจากการรุกคืบขยายอิทธิพลมุ่งสู่ตะวันออก (eastward expansion) ของนาโตที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนนำ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ ( 26 ก.ค.) ที่ผ่านมา ดมิตรี โรโกซิน รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งกำกับดูแลสายงานด้านความมั่นคง ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวโดยระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนปฏิรูปยุทธศาสตร์ทางทะเลฉบับใหม่แล้ว และว่าแผนฯดังกล่าวนี้จะนำไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองเรือทะเลดำของรัสเซีย ให้เป็นหนึ่งในกองกำลังทางเรือที่น่าเกรงขามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวด้านการทหารในกรุงมอสโก ที่ระบุว่า นอกเหนือจากแผนเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับกองกำลังทางเรือในทะเลดำแล้ว ทางการรัสเซียยังเตรียมเพิ่มบทบาททางทะเลของตน ในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียมีขึ้นหลังจากช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทางนาโตซึ่งมีสหรัฐฯเป็นแกนนำได้ประกาศตั้งฐานทัพชั่วคราว รวมถึง “กองกำลังเคลื่อนที่เร็ว” ที่นำโดยทหารอเมริกันใน 6 ประเทศแถบยุโรปตะวันออก โดยอ้างว่าเพื่อรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย

“ในเมื่อสหรัฐฯ และนาโต ยังคงเดินหน้ารุกคืบเข้าสู่ยุโรปตะวันออกอย่างต่อเนื่อง จึงมิใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก หากรัสเซียจะตอบโต้กลับด้วยการขยายอิทธิพลทางเรือเข้าไปในมหาสมุทรแอตแลนติกและน่านน้ำทางตะวันตกอื่นๆบ้าง” ดมิตรี โรโกซิน รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซียกล่าวเสริม

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นอกเหนือจากแผนปฏิรูปยุทธศาสตร์ทางเรือในทะเลดำแล้วรัฐบาลมอสโกกำลังเร่งจัดทำแผนปฏิรูปกองทัพอย่างขนานใหญ่ ด้วยการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัย ซึ่งจะส่งผลให้มีการนำอาวุธใหม่ๆ เข้าประจำการในกองทัพต่าง ๆ ของรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2020

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085073

 

กระแสกังวลตลาดทุนจีนฉุดน้ำมันลง-หุ้นสหรัฐฯร่วง ทองคำบวก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 04:23 น.



@นักลงทุนจ้องมองกระดานหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีน ขณะที่หุ้นจีนเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ร่วงลงกว่า 8% เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.) ถือเป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวในรอบระยะเวลากว่า 8 ปี ซ้ำดึงตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งตามกัน ท่ามกลางความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจแดนมังกร

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - น้ำมันขยับลง 4 วันติดเมื่อวันจันทร์(27ก.ค.) และวอลล์สตรีทร่วงหนัก ตามหลังตลาดหุ้นจีนตกแรงที่สุดในวันเดียวในรอบระยะเวลากว่า 8 ปี กระพือความกังวลต่อเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลกแห่งนี้ ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ดันทองคำปิดบวก

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 75 เซนต์ ปิดที่ 47.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นจีนที่สงบมาได้ระยะหนึ่ง หลังจากทางการระดมมาตรการสนับสนุนครั้งสำคัญเพื่อหยุดยั้งการดิ่งตัวที่เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ได้กลับมาผันผวนหนักอีกหนหนึ่งในวันจันทร์ (27ก.ค.) จากการที่ดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ดิ่งลงถึง 8.5% ถือเป็นการตกลงวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2007 หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รื้อฟื้นความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางเศรษฐกิจของชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่โลก

ความยุ่งเหยิงครั้งใหม่เกิดขึ้นแม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลจีนได้ใช้ความพยายามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับกระตุ้นตลาดทุนที่ดิ่งลงมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยนี้ก่อความกังวลทางอุปสงค์ที่สร้างแรงกดดันแก่ตลาดน้ำมัน โดยเฉพาะในจีน ท่ามกลางระดับการผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์จากทั่วโลก

การดิ่งลงสาหัสที่สุดในวันเดียวในรอบ 8 ปีของตลาดหุ้นจีน แผ่ลามความกังวลมาถึงอเมริกา ด้วยฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงหนักเช่นกันในวันจันทร์(27ก.ค.) ท่ามกลางความกังวลว่าภาวะความอ่อนแอของเศษฐกิจหมายเลข 2 ของโลกอาจส่งผลกระทบต่อเหล่าคู่หูการค้าหลักของพวกเขา

ดาวโจนส์ ลดลง 127.94 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,440.59 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.01 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,067.64 จุด แนสแดค ลดลง 48.85 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,039.78 จุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลงแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนแนสแดค แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ และเอสแอนด์พี 500 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์

หลังจากหุ้นจีนร่วงลงกว่าร้อยละ 8 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเพิ่มการซื้อหุ้นเพื่อสร้างเสถียรภาพแห่ตลาด หลังจากแผนกอบกู้ตลาดที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะสะดุด

ช่วงปลายเดือนที่แล้วและต้นเดือนนี้ ทางการจีนได้ใช้ทั้งมาตรการลดดอกเบี้ย สั่งชะลอการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก ผ่อนคลายกฎการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์และสินทรัพย์ค้ำประกัน สนับสนุนการปล่อยเงินกู้แก่บริษัทหลักทรัพย์ และสั่งให้กิจการของรัฐเข้าซื้อหุ้นพร้อมให้เงินอัดฉีดจากธนาคารกลาง ขณะที่บริษัทจำนวนมากสมัครใจระงับการซื้อขายหุ้นของตนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เพื่อพยุงราคาหุ้นที่ตกรูดลงกว่า 30% คิดเป็นมูลค่า 32 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน

หลังจากการดำเนินมาตรการเหล่านี้ ตลาดหุ้นจีนฟื้นขึ้นประมาณ 15% ก่อนถูกเทขายอย่างหนักระลอกใหม่เมื่อวันจันทร์ โดยที่การดำดิ่งหนนี้มีลักษณะตกกันทั้งกระดาน กล่าวคือมีหุ้นของบริษัท 2,247 แห่งดิ่งลง มีเพียง 77 บริษัทที่ปิดบวก และหุ้นกว่า 1,500 ตัวในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นดิ่งลงถึงระดับต่ำสุดที่อนุญาตให้ลงไปได้ในระหว่างวัน

อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาทองคำได้ประโยชน์จากข่าวคราวที่น่ากังวลดังกล่าว โดยปิดบวกพอสมควรเมื่อวันจันทร์(27ก.ค.) ด้วยนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่นเดียวกับบางส่วนที่ช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังโลหะมีค่าชนิดนี้ขยับลงต่อเนื่องในระยะหลัง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,096.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085074

 

เกิดแผ่นดินไหว 7.0 เขย่าจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซีย ยังไร้เตือนสึนามิ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 05:46 น.



รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในวันอังคาร ( 28 ก.ค.) ยืนยันการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 7.0 ตามมาตราแมกนิจูด ที่จังหวัดปาปัว (Provinsi Papua) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด และตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศอินโดนีเซีย โดยแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้ได้ถึงประเทศปาปัวนิวกินีด้วยเช่นกัน

ข้อมูลของยูเอสจีเอส ระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 7.0 ตามมาตราแมกนิจูด ที่จังหวัดปาปัวหรืออีกชื่อหนึ่ง คือ “อิเรียน จายา” ของอินโดนีเซียในครั้งนี้ มีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 52.9 กิโลเมตร

ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวในครั้งนี้ ถูกระบุว่า อยู่ห่างจากเมืองจายาปุระ ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดปาปัว และถือเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 315,000 รายไปทางตะวันตกราว 247 กิโลเมตร

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ จากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศอินโดนีเซียคราวนี้ มีเพียงรายงานของสื่อท้องถิ่นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างปาปัวนิวกินีที่ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในแดนอิเหนาในครั้งนี้ สามารถรับรู้ได้ในหลายพื้นที่ของเมืองวานิโม ที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดซานดวนของปาปัวนิวกินีด้วยเช่นกัน แม้ว่า เมืองวานิโมแห่งนี้ จะอยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซียถึง 314 กิโลเมตรก็ตาม

ขณะเดียวกัน ทางศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก (Pacific Tsunami Warning Center : PTWC) ซึ่งมีฐานอยู่ที่เอวา บีชในมลรัฐฮาวายของสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีการออกคำเตือนการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ จากผลพวงของแผ่นดินไหวที่จังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียในครั้งนี้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1981 พื้นที่จังหวัดปาปัวแห่งนี้ของอินโดนีเซียเคยเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.8 ตามมาตราแบบริคเตอร์ซึ่งเป็นมาตราตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ใช้กันแพร่หลายในสมัยนั้น โดยแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในครั้งนั้น ส่งผลให้มีอาคารบ้านเรือนในจังหวัดปาปัวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และพบผู้เสียชีวิตจากเหตุธรณีพิโรธในครั้งนั้นอย่างน้อย 305 ราย



http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085077

 

หุ้นจีนดิ่งแรงทำลายสถิติรอบ8ปี ตลาดทั่วเอเชียร่วมวงเทกระจาด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2558 22:06 น.



@นักลงทุนเดินผ่านกระดานหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่หุ้นจีนเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ร่วงลงกว่า 8% เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.) ถือเป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวในรอบระยะเวลากว่า 8 ปี ซ้ำดึงตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งตามกัน ท่ามกลางความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

เอเจนซีส์ - หุ้นจีนเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ร่วงลงกว่า 8% เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.) ถือเป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวในรอบระยะเวลากว่า 8 ปี ซ้ำดึงตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งตามกัน ท่ามกลางความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าความพยายามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของปักกิ่งที่จะกอบกู้พยุงตลาดหลักทรัพย์นั้นดูจะหมดพลังลงแล้ว

ตลาดหุ้นจีนที่สงบมาได้ระยะหนึ่ง หลังจากทางการระดมมาตรการสนับสนุนครั้งสำคัญเพื่อหยุดยั้งการดิ่งตัวที่เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ได้กลับมาผันผวนหนักอีกหนหนึ่งในวันจันทร์ (27) จากการที่ดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ดิ่งลงถึง 8.5% ปิดที่ 3,725.56 ขณะที่ดัชนี ซีเอส1300 ซึ่งใช้วัดความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัทใหญ่ๆ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดเซินเจิ้น ก็ตกฮวบ 8.6% ลงมาอยู่ที่ 3,818.73 เป็นการตกแรงที่สุดในวันเดียวนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2007 ของดัชนีทั้ง 2 ตัว

แม้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากข่าวผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ไม่ค่อยดีนักในวันเดียวกัน และผลสำรวจการผลิตภาคเอกชนที่น่าผิดหวังที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (24) ทว่า รายงานทั้งสองชิ้นไม่ถือว่า มีน้ำหนักเพียงพอที่นำไปสู่การเทขายอย่างหนักครั้งล่าสุด

จิมมี่ ซัว เทรดเดอร์ของกัวเซน ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่า นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่า ภาวะกระทิงจะหวนกลับมาในเร็วๆ นี้ และดังนั้นจึงต้องการทำกำไรเข้าพกเข้าห่อไว้ก่อน หลังจากดัชนีสำคัญพุ่งทะลุระดับ 4,000

ขณะที่ หยาง ไห่ นักกลยุทธ์ของไคหยวน ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่า การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงก่อนหน้านี้ ภายหลังที่ทางการเข้าแทรกแซงอย่างแข็งขัน ทำให้นักลงทุนเห็นว่าจะต้องมีการปรับฐานที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นในทางลบอื่นๆ เป็นต้นว่า ภาวะซบเซาในตลาดอเมริกาและการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาสส่งท้ายปีนี้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีกำหนดประชุมกันในวันอังคาร-พุธนี้ (28-29)

ไห่เสริมว่า ปัจจัยดังกล่าวข้างตน ซึ่งเมื่อประกอบกับราคาสุกรที่แพงขึ้นในจีน จึงโหมกระพือความกังวลว่า ปักกิ่งอาจชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินออกไปก่อน

ทั้งนี้ ช่วงปลายเดือนที่แล้วและต้นเดือนนี้ ทางการจีนได้ใช้ทั้งมาตรการลดดอกเบี้ย สั่งชะลอการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก ผ่อนคลายกฎการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์และสินทรัพย์ค้ำประกัน สนับสนุนการปล่อยเงินกู้แก่บริษัทหลักทรัพย์ และสั่งให้กิจการของรัฐเข้าซื้อหุ้นพร้อมให้เงินอัดฉีดจากธนาคารกลาง ขณะที่บริษัทจำนวนมากสมัครใจระงับการซื้อขายหุ้นของตนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เพื่อพยุงราคาหุ้นที่ตกรูดลงกว่า 30% คิดเป็นมูลค่า 32 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน

หลังจากการดำเนินมาตรการเหล่านี้ ตลาดหุ้นจีนฟื้นขึ้นประมาณ 15% ก่อนถูกเทขายอย่างหนักระลอกใหม่เมื่อวันจันทร์ โดยที่การดำดิ่งหนนี้มีลักษณะตกกันทั้งกระดาน กล่าวคือมีหุ้นของบริษัท 2,247 แห่งดิ่งลง มีเพียง 77 บริษัทที่ปิดบวก และหุ้นกว่า 1,500 ตัวในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นดิ่งลงถึงระดับต่ำสุดที่อนุญาตให้ลงไปได้ในระหว่างวัน

การเทกระจาดของตลาดหุ้นจีนในวันจันทร์ฉุดตลาดอื่นๆ ในเอเชียร่วงตามๆ กัน อาทิ ดัชนีหั่งเส็งของตลาดฮ่องกงดิ่งลง 3.1% ปิดที่ 24,288.54, ดัชนีนิกเกอิของตลาดโตเกียวติดลบ 1% ปิดที่ 20,350.10 มีเพียงตลาดซิดนีย์ที่ดัชนีบวก 0.4% ปิดที่ 5,589.90

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดการซื้อขายวันแรกของสัปดาห์ด้วยข่าวร้ายจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า กำไรภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.3% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเดือนที่สอง และข่าวร้ายนี้ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นการเทขายทองคำ ทองแดง และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย

 

สหรัฐฯ-ตุรกีเห็นพ้องผนึกกำลังกำจัดISหวังตั้งเขตปลอดนักรบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 00:29 น.


@รถถังของตุรกีที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย

เอเอฟพี - สหรัฐฯและตุรกีเห็นพ้องร่วมมือกันผลักกันพวกญิฮัด(ไอเอส) พ้นจากทางเหนือของซีเรีย เจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งเผยในวันจันทร์(27ก.ค.) ขณะที่นายอาห์เมต ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกีเชื่อว่ากองทัพของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสมดุลในภูมิภาค

ข้อตกลงที่อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ตุรกีเติมเชื่อความโกรธแค้นแก่ชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดด้วยการยิงปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านชาวเคิร์ดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของซีเรีย ขณะที่เครื่องบินรบของพวกเขาก็ยังคงเดินหน้าถล่มเป้าหมายต่างๆในทางเหนือของอิรักเช่นกัน

"เป้าหมายคือการจัดตั้งเขตปลอดไอเอส รับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพตามแนวชายแดนตุรกีติดกับซีเรีย" เจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยยามบอกกับเอเอฟพี พร้อมระบุต่อว่ารายละเอียดของฟรีโซนไอเอสดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการทำงาน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าความพยายามทางทหารร่วมใดๆจะไม่รวมถึงการกำหนดเขตห้ามบิน ที่ทางตุรกีเรียกร้องมานาน กระนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ ตุรกี สมาชิกมุสลิมหนึ่งเดียวของนาโต้ จะให้การสนับสนุนทางภาคพื้นต่อพันธมิตรสหรัฐฯ ซึ่งกำลังสู้รบกับพวกหัวรุนแรงไอเอสอยู่ก่อนแล้ว

ทว่าอีกด้านหนึ่งก็มีคำถามมากมายว่าที่แท้จริงตุรกีอาจสนใจในการจำกัดแสนยานุภาพของพวกเคิร์ดในซีเรียและอิรักมากกว่าเข้าจัดการกับไอเอส

ตุรกีได้ร้องรอนาโต้เปิดประชุมสมัยวิสามัญในวันอังคาร(28ก.ค.) เกี่ยวกับปฏิบัติการรุกรานต่อต้านก่อการร้ายข้ามพรมแดน 2 ด้าน เล่นงานพวกนอกกฎหมายพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน(พีเคเค) และนักรบไอเอส

นายเจนส์ สโตเตนเบอร์ก เลขาธิการของนาโต้ สนับสนุนสิทธิของตุรกีในการปกป้องตนเอง แต่บอกกับบีบีซีเมื่อวันอาทิตย์(26ก.ค.) ว่าแนวทางของการป้องกันตนเองนั้นจำเป็นต้องกระทำการตามสัดส่วน และเขาเตือนอังการาเกี่ยวกับปฏิบัติการที่กำลังทำลายสะพานเชื่อมโยงกับชาวเคิร์ดคราวนี้ "นานหลายปีแล้ว ที่มีความคืบหน้าในความพยายามหาทางออกทางการเมืองด้วยสันติวิธี สิ่งสำคัญคือต้องไม่ละทิ้งมัน เพราะว่าการใช้กำลังไม่เคยแก้ปัญหาความขัดแย้งใดๆในระยะยาว"

กลุ่มปกป้องประชาชนชาวเคิร์ก(YPG) ที่ตุรกีกล่าวหาว่าเป็นพันธมิตรของพีเคเค บอกว่ารถถังของตุรกียิงใส่ฐานที่มั่นต่างๆของพวกเขาและเหล่าพันธมิตรกบฏอาหรับในหมู่บ้านซูร์ มาการ์ ในจังหวัดอเลปโป เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตุรกีปฏิเสธว่าทางกองทัพไม่ได้จงใจเล็งเป้าหมายใส่ชาวเคิร์ดซีเรีย ด้วยอ้างว่าพวกเขาตอบโต้ลูกกระสุนที่ยิงออกมาจากฝั่งชายแดนซีเรีย

ขณะเดียวกัน ดาวูโตกลู บอกกับกลุ่มบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ของตุรกีว่าการเข้าแทรกแซงของอังการาจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสมดุลในภูมิภาค แต่ปฏิเสธส่งทหารภาคพื้นเข้าไปยังซีเรีย พร้อมกันนั้นเขาบอกปัดความกังวลต่อกรณีพวกเคิร์ดรุกคืบนักรบญิฮัดทางภาคเหนือของซีเรีย โดยยืนยันว่าตุรกีมีความสัมพันธ์กับพวกปกครองตนเองชาวเคิร์ดอิรัก

ตุรกีไฟเขียวสหรัฐฯใช้ฐานทัพอากาศอินเซอร์ลิค ในปฏิบัติการโจมตีไอเอส ตามหลังการเจรจากันคร่ำเคร่งนานหลายเดือน ขณะที่นายดาวูโตกลู เรียกร้องให้มีการกำหนดเขตห้ามบินเพื่อกำหนดขอบเขตให้แน่ชัด "การคุ้มกันทางอากาศเป็นสิ่งสำคัญ ควรปกป้องทางอากาศแก่กองทัพปลดปล่อยซีเรียและเครือข่ายนักรบอื่นๆที่กำลังสู้รบกับไอเอส" เขากล่าว "เมื่อเราจะไม่ส่งกองกำลังภาคพื้นเข้าไป ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ทำแบบนั้น พวกเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือกับเราในทางภาคพื้นก็ควรได้รับการปกป้อง"

ทั้งนี้นายดาวูโตกลู สั่งโจมตีทางอากาศและระดมปืนใหญ่ถล่มเป้าหมายพวกไอเอส หลังจากนักรบกลุ่มนี้ขยายความรุนแรงเข้าสู่ตุรกีเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ด้วยการลงมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีเมืองแห่งหนึ่งติดชายแดนซีเรีย คร่าชีวิตผู้คน 32 ศพ

 

ไม่ยอมหงอ!!ไทยสวนสหรัฐฯ หลังถูกคงอันดับค้ามนุษย์'เทียร์3' โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 03:33 น.


@กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกคำแถลงตอบโต้สหรัฐฯว่าการจัดอันดับไม่สะท้อนอย่างถูกต้องต่อความพยายามและความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทย

เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - สื่อต่างประเทศรายงานว่าไทยออกมาตำหนิพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯในช่วงค่ำวันจันทร์(27ก.ค.) หลังถูกเสียดแทงอย่างเจ็บแสบผ่านรายงานของวอชิงตันที่กล่าวหาว่าไทยล้มเหลวในไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอสำหรับปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดในการกำจัดปัญหาค้ามนุษย์ ระบุไม่สะท้อนถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลและยืนยันจะเดินหน้าเอาชนะความท้าทายต่างๆที่เหลืออยู่ให้จงได้

ไทย ต้องพบว่าตนเองยังคงอยู่ใน "เทียร์ 3" ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือTIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) เช่นเดียวกับอิหร่าน ลิเบีย เกาหลีเหนือ เอธิโอเปียและซีเรีย ในอันดับต่ำสุดที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา สำหรับประเทศต่างๆที่ถูกกล่าวหาว่าหลับตาให้แก่การค้าที่วอชิงตันให้คำจำกัดความว่า "ทาสยุคใหม่"

นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ ไทย ถูกจัดอยู่ในอันดับต่ำสุด ซึ่งในรายงานการประเมินของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประณามว่าไทยยังคงเป็นแหล่งต้นตอ จุดหมายปลายทางและประเทศทางผ่านของเหล่าชาย หญิงและเด็กที่มีแนวโน้มถูกนำไปยังบังคับใช้แรงงานและค้าบริการทางเพศ

อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกคำแถลงตอบโต้ในค่ำวันเดียวกันว่าการจัดอันดับไม่สะท้อนอย่างถูกต้องต่อความพยายามและความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งมีก้าวหน้าอย่างมากในหลายด้าน "แม้ยังคงอันดับเดิม แต่ไทยยังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป เพื่อความมั่นคงและมนุษยธรรม พร้อมกับเพิ่มพูนความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ตลอดจนขยายความร่วมมือกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่อไป"

เอเอฟพีรายงานว่าชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ถูกกล่าวหามาช้านานว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ผู้ละเลยสมคบคิดธุรกิจค้ามนุษย์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมายังคงเฟื่องฟูอยู่ทั่วจังหวัดต่างๆทางใต้ของประเทศและทะลักเข้าสู่มาเลเซีย

ปฏิบัติการปราบปรามของไทยในเดือนพฤษภาคม นำมาซึ่งการเปิดโปงเครือข่ายลักลอบค้ามนุษย์อันมโหฬาร ด้วยผู้อพยพหลายพันคนถูกทิ้งไว้กลางทะเลและค่ายกลางป่า วิกฤตที่ท้ายที่สุดบีบให้มีการตอบสนองในวงกว้างทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คนส่วนใหญ่ในกลุ่มผู้อพยพที่พยายามมุ่งหน้าสู่มาเลเซียคือชาวมุสลิมโรฮีนจา ที่หลบหนีการตามประหัตประหารจากพม่า แต่ มาเลเซีย ต่างจากเพื่อนบ้านอย่างไทย ด้วยถูกปรับอันดับขึ้นสู่ขึ้นเทียร์ 2 ส่วน พม่า ลาวและกัมพูชา ยังอยู่ในอันดับเดิม

เมื่อวันศุกร์(24ก.ค.) อัยการในกรุงเทพฯบอกว่าผู้ต้องหา 72 คน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารระดับอาวุโสถูกบ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามการปราบปรามในเดือนพฤษภาคม เกิดขึ้นช้าเกินไปที่จะถูกนับรวมเข้ารายงานประจำปี 2015 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆก็ตั้งคำถามว่าการจับกุมดังกล่าวจะสามารถทลายการค้าที่หยั่งรากมาช้านานได้จริงหรือ

อุตสาหกรรมการประมงของไทยแปดเปื้อนมาอย่างช้านานจากข้อกล่าวหาต่างๆเกี่ยวกับการใช้แรงงานทาส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหล่าคนงานต่างด้าวที่ขัดสนจากกัมพูชาและพม่า ที่ต้องล่องลอยอยู่กลางทะเลโดยไม่เห็นฝั่งนานเป็นปี

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี อียู ก็เพิ่งขู่ไทยว่าจะห้ามนำเข้าสินค้าประมงจากไทยจนกว่าจะควบคุมภาคการประมงให้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นให้กรุงเทพฯต้องดำเนินการปราบปรามเรือประมงที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085070

 

รพ.อังกฤษปิดแผนกฉุกเฉินหลังพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อเมอร์ส โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 02:00 น.


@แผนกฉุกเฉินของของโรงพยาบาลแมนเชสเตอร์ รอยัล อินเฟอร์มารี
รอยเตอร์/เอเอฟพี - อังกฤษพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) 2 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยในวันจันทร์(27ก.ค.) ส่งผลให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศ ต้องปิดแผนกฉุกเฉินชั่วคราว
เซ็นทรัล แมนเชสเตอร์ ยูนิเวอร์ซิตี โฮสพิทอลส์ ทรัสต์ เผยว่าคนไข้ 2 คนของโรงพยาบาลแมนเชสเตอร์ รอยัล อินเฟอร์มารี ถูกนำตัวเข้าห้องกักกันในทันที และไม่มีความเสี่ยงใดๆต่อผู้ป่วยคนอื่นๆในโรงพยาบาลหรือประชาชนทั่วไป
"คนไข้ทั้ง 2 ถูกกักกันเพื่อดำเนินการรักษาและดูแลอาการของพวกเขา" ถ้อยแถลงระบุ "แผนกฉุกเฉินและอุบัติเหตุของโรงพยาบาลแมนเชสเตอร์ รอยัล อินเฟอร์มารี จะถูกปิดไปจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ขณะในเวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเพิ่มเติม"
ผู้ป่วยรายสุดท้ายที่ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้ในอังกฤษ ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 แม้ว่าเร็วๆนี้ไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลางได้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในซาอุดีอาระเบียและเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม โรโซมารี แม็คคานน์ รองผู้อำนวยการหน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษ ชี้แจงว่าความเสี่ยงติดเชื้อในสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก
ผู้ติดเชื้อเมอร์สส่วนใหญ่พบในซาอุดีอาระเบียและเกาหลีใต้ แต่มันก็แพร่กระจายไปอีกอย่างน้อย 25 ชาติทั่วโลก นับตั้งแต่ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 2012 ผ่านนักเดินทางที่นำเชื้อไวรัสเข้าไปสู่ประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้เมอร์ส คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 490 ศพ ส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนรักษาไวรัสมณะชนิดนี้
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จ่อตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐมากกว่า 4% หลังรายได้หดหายเพราะน้ำมันดิ่งเหว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 03:04 น.



เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เตรียมตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐลง 4.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ หลังได้รับผลกระทบหนักจากรายได้ของประเทศที่หดหาย เพราะผลพวงของราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำในตลาดโลก

รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้าง “รายงานรายไตรมาส” ของธนาคารกลางยูเออีระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำเป็นต้องเร่งปรับลดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐลงอย่างสำคัญ เพื่อลดทอนผลกระทบที่เกิดจากการลดลงของรายได้ จากการขายน้ำมันออกสู่ตลาดโลก



รายงานฉบับล่าสุดของแบงก์ชาติยูเออีชี้ว่า ดินแดนของตนซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกอาหรับ จะต้องตัดลดสัดส่วนการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐลงให้ได้อย่างน้อย 4.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2015นี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีขึ้นหลังจากที่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกคำเตือนถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมคำแนะนำให้เร่งตัดลดการใชจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณ ไปกับบรรดาโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ผลพวงจากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำในตลาดโลกในช่วงกว่าขวบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดต่ำลงถึง 22 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นการขาดหายไปของเงินรายได้ มากกว่า 1 ใน 5 ของประเทศอาหรับแห่งนี้ ส่งผลทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต้องเผชิญกับภาวะการขาดดุลทางการคลังคิดเป็นสัดส่วนราว 2.4 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งนับเป็นการขาดดุลทางการคลังครั้งแรกของยูเออีนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ดี แบงก์ชาติยูเออียังคงคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังคงน่าจะสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 4.0 เปอร์เซ็นต์ในปี 2015 นี้ ถึงแม้จะมีการตัดลดการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐลงอย่างสำคัญ เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงก็ตาม

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085068

 

เกษตรกรฝรั่งเศสปิดเส้นทางจากสเปน-เยอรมนี ห้ามสินค้าต่างชาติเข้าแดนน้ำหอม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2558 16:24 น. (แก้ไขล่าสุด 27 กรกฎาคม 2558 17:48 น.)



เอเอฟพี - เกษตรกรชาวฝรั่งเศสได้ปิดกั้นถนนที่เชื่อมต่อกับสเปนและเยอรมันเมื่อคืนวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ผลผลิตทางการเกษตรจากต่างชาติถูกนำเข้าสู่แดนน้ำหอม ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของการประท้วงเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำ ที่ทำให้พวกเขาใกล้จะล้มละลายเต็มที

เกษตรกรในอัลซาส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ได้ใช้รถแทร็คเตอร์มากีดขวางถนน 6 เส้นทางที่ใช้เดินทางจากเยอรมันเข้าสู่แดนน้ำหอม เพื่อหยุดยั้งรถบรรทุกสินค้าผลผลิตทางการเกษตรของต่างชาติที่เข้ามา

“เราปล่อยให้รถยนต์และทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากฝรั่งเศสให้ผ่านไปได้” แฟรงก์ แซนเดอร์ ประธานสาขาท้องถิ่นของสหภาพแรงงาน FDSEA บอกเอเอฟพี พร้อมกับระบุด้วยว่ามีแรงงานการเกษตรมากกว่า 1,000 คนเข้ามามีส่วนร่วมในการปิดถนนครั้งนี้

เจ้าหน้าที่ของสหภาพฯ บอกว่า มีรถบรรทุกนับสิบคันที่ถูกบังคับให้ต้องหันหัวกลับตรงบริเวณชายแดน นับตั้งแต่การปิดถนนเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 22.00 น.ของคืนวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน มีเกษตรกรราว 100 คนได้เข้ารื้อค้นรถบรรทุกนับสิบคันจากสเปนบนถนนสายหนึ่งในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ พร้อมทั้งขู่จะยึดสินค้าเนื้อสัตว์และผักผลไม้ที่จะส่งไปขายในตลาดฝรั่งเศส

พวกเขาได้ใช้รถแทร็คเตอร์ประมาณ 10 คันมากีดขวางถนนมอเตอร์เวย์สาย A645 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนสเปน ทำให้มีรถติดเป็นแถวยาวเหยียดถึง 4 กิโลเมตร

ช่วงที่ผ่านมา บรรดาเกษตรกรแดนน้ำหอมได้พากันปิดทางเข้าเมือง ปิดถนน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในหลายจุดทั่วฝรั่งเศส เพื่อประท้วงการตกต่ำของราคาผลผลิตทางการเกษตร โดยพวกเขาได้โทษการแข่งขันจากต่างชาติ รวมถึงบรรดาร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและพวกตัวแทนจำหน่าย

เมื่อวันพุธที่แล้ว รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกมาตรการช่วยเหลือฉุกเฉินที่มีมูลค่าราว 600 ล้านยูโร ซึ่งเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีและค้ำประกันเงินกู้ แต่ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งสถานการณ์ความวุ่นวายเหล่านี้ได้

มีการประเมินว่า มีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของเกษตรกรในฝรั่งเศส หรือราวๆ 22,000 ราย ที่จวนเจียนจะล้มละลายเต็มที อันเนื่องมาจากภาระหนี้สินที่รวมกันทั้งหมดแล้วสูงถึง 1 พันล้านยูโร


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084901

 

In Pics : พรบ.ข้อมูลข่าวสารเม็กซิโกได้ผล อัยการสูงสุดแดนจังโก้ยอมรับ ตลอด 10 เดือนทำคดี 43 นักศึกษาฝึกหัดครูหาย กลับพบ 129 ร่างใน 60 หลุมศพหมู่ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2558 18:20 น.



เอเจนซีส์ /เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ในระหว่างที่รัฐบาลเม็กซิโกยังคงเดินหน้าค้นหากลุ่มนักศึกษาฝึกหัดครูจำนวน 43 คนตลอดช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโกได้ยอมเปิดเผยข้อมูลตามพรบ.ข้อมูลสาธารณะที่ทางเอพีร้องขอ ยอมรับว่า มีการพบร่างทั้งหมด 129 คน ถูกฝังรวมในหลุมศพหมู่จำนวน 60 หลุม แต่ทว่าไม่มีร่างใดเป็นหนึ่งในนักศึกษาฝึกหัดครูจากรัฐเกร์เรโรที่ได้หายตัวไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(27)ว่า ถึงแม้จะมีการค้นพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนถึง 129 ร่างถูกฝังอยู่ภายในหลุมศพหมู่จำนวน 60 หลุมที่ถูกฝังอยู่ในรัฐเกร์เรโร (Guerrero) ในช่วงเวลา 10 เดือนที่ผ่านมาในการทำคดีค้นหานักศึกษาฝึกหัดครูจากวิทยาลัยอาโยตซินาปา (Ayotzinapa) ที่ได้ถูกลักพาตัวไป แต่ทว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโกแถลงว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตคนใดเกี่ยวข้องกับกลุ่มนักศึกษาฝึกหัดครูที่ถูกลักพาตัวไปในอิกัวอาลา( Iguala) กันยายน 2014

และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเม็กซิโกที่เกี่ยวข้องต่างเชื่อว่า ศพเหล่านั้นที่ถูกค้นพบไม่มีร่างใดเป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาฝึกหัดครูที่ได้หายตัวไป

ทั้งนี้สื่ออังกฤษรายงานว่า ข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะเนื่องมาจากการร้องขอของสื่อเอพี สหรัฐฯ โดยใช้สิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามกฎหมายเม็กซิโก

และเป็นการคาดว่าหลุมศพหมู่ที่ถูกค้นพบในช่วงตุลาคม-พฤษภาคม อาจจะมีจำนวนสูงมากกว่านี้นอกเหนือจากตัวเลขที่ระบุไว้ในรายงานคดี เพราะข้อมูลที่ถูกเปิดเผยจากการร้องขอของเอพีนั้นถูกปิดบังไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น

ทั้งนี้จากร่างทั้งหมด 129 ร่างนั้นเป็นสตรี 20 ร่าง และเป็นชายอีก 112 ร่าง และส่วนที่เหลือไม่สามารถตรวจสอบได้ นอกจาหนี้สำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโกเปิดเผยเพียง 16 รายชื่อจากทั้งหมดซึ่งสามารถชี้ตัวได้ของในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา

การรายงานพบว่า นักศึกษาทั้ง 43 คน ซึ่งกำลังศึกษาที่วิทยาลัยฝึกหัดครู ในเมืองอาโยตซินาปา รัฐเกร์เรโรถูก ‘อุ้ม’ ไปฆ่าทิ้ง เกิดเหตุขณะนักศึกษาเหล่านี้ได้นั่งรถบัส เพื่อต้องการจะไปประท้วงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

แต่ทว่า อาบาร์ซา นายกเทศมนตรี เมืองอิกัวลา ได้มีคำสั่งให้ตำรวจ สกัดรถบัสของนักศึกษาเหล่านี้ถึง 2 ครั้ง และเป็นเหตุให้มีนักศึกษา 6 คนถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจคืนวันที่ 26 กันยายน 2014 จากนั้นตำรวจยังได้บังคับให้นักศึกษาที่เหลือ 43 คนไปโรงพัก ก่อนจะย้ายไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และได้ส่งตัวนักศึกษาให้กับแก๊งค้ายาเสพติด “เกเรโร ยูนิโดส”

ซึ่งต่อมาแก๊งค้ายาเสพติดแก๊งนี้ ได้พานักศึกษาขึ้นรถหลายคันไปยังบริเวณที่ทิ้งขยะ โดยนักศึกษาบางคนเสียชีวิตแล้ว ส่วนที่เหลือถูกแก๊งค้ายายิงสังหาร ก่อนจุดไฟเผา และนำเศษซากศพใส่ถุงดำไปโยนทิ้งลงในแม่น้ำซาน ฮวน โดยจากการให้นักประดาน้ำลงไปค้นหาถุงดำในแม่น้ำ ก็พบถุงดำหลายใบ และมีบางถุงยังพบเศษซากชิ้นส่วนร่างกายของคนอยู่ด้วย

การค้นพบหลุมศพหมู่จำนวนมาก รวมไปถึงร่างผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าร้อยรายสะท้อนถึงความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในเม็กซิโกได้เป็นอย่างดี โดยเอพีรายงานว่า ทั่วเม็กซิโกมีรายชื่อประชาชนสูญหายไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และไม่น่าเชื่อเมื่อพบว่า จำนวนมากมักสูญหายในรัฐเกร์เรโร ซึ่งเป็นรัฐแหล่งลักลอบปลูกกัญชาใหญ่ของประเทศ รวมไปถึงยังมีกลุ่มค้ายาเสพติดหลายกลุ่มตั้งอยู่ภายในรัฐแห่งนี้ ที่บ่อยครั้งมีการขัดแย้งผลประโยชน์ในส่วนพื้นที่เขตอิทธิพล และรวมไปถึงเส้นทางการลักลอบค้ายาเสพติด

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเม็กซิโกกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดระบุว่ากลุ่มนักศึกษาฝึกหัดครูทั้ง 43 คนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่คาดว่าเด็กเหล่านี้อาจถูกเข้าใจผิดว่า เป็นสมาชิกของกลุ่มอาชญากรคู่อริ

และเอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันอาทิตย์(26)ที่ผ่านมา ผู้ปกครองและคนรู้จักของกลุ่มนักศึกษาที่หายตัวได้พร้อมใจเดินขบวนประท้วงกลางเม็กซิโก ซิตี กดดันผู้มีอำนาจให้คืนความชอบธรรมมาให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ โดยการประท้วงเริ่มจัดขึ้นทุกวันที่ 26 ของทุกปีนับตั้งแต่เกิดเหตุ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084974

 

สหรัฐฯคงอันดับไทย “เทียร์ 3” รายงานค้ามนุษย์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
27 กรกฎาคม 2558 21:14 น. (แก้ไขล่าสุด 28 กรกฎาคม 2558 03:34 น.)



อันเดอร์เคอร์เรนท์นิวส์ - ไทยยังคงอยู่ใน “เทียร์ 3” ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือTIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) ระบุไทยยังไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอสำหรับปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดในการกำจัดปัญหาค้ามนุษย์

ไทยถูกลดอันดับสู่ขั้น “เทียร์ 3” เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาละเมิดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเล ขณะที่ในรายงานประจำปี 2015 ระบุว่า แม้ว่ากรุงเทพฯได้พยายามเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

เจ้าหน้าที่ของไทยหวังว่าพวกเขาดำเนินการอย่างเพียงพอแล้วที่จะได้รับการปรับอันดับขึ้น แต่รายงานล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “รัฐบาลไทยไม่ได้ปฏฺิบัติตามอย่างสมบูรณ์ต่อมาตรฐานขั้นต่ำสุด เพื่อจำกัดการค้ามนุษย์ และไม่พยายามมากพอ ไทยได้สืบสวนและดำเนินคดีกับเหล่าเจ้าหน้าที่พวกที่พัวพันการค้ามนุษย์บ้าง แต่ปัญหาคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ยังเป็นอุปสรรคในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์"

ประมาณการณ์ว่ามีแรงงานต่างด้าว 3 ถึง 4 ล้านคนในไทย ส่วนใหญ่มาจากชาติเพื่อนบ้านอย่าง พม่า ลาวและกัมพูชา ซึ่งนอกเหนือเหยื่อค้ามนุษย์ที่เป็นคนไทยแล้ว เชื่อกันว่าบางส่วนของแรงงานต่างด้านเหล่านี้ถูกบังคับขู่เข็ญหรือหลอกหลอกใช้แรงงาน หรือไม่ก็ค้าบริการทางเพศ

มีรายงานว่าบางส่วนของเหยื่อค้ามนุษย์ทางแรงงาเหล่านี้ถูกแสวงหาประโยชน์ในการประมงเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมที่สัมพันธ์กับการประมง ตามโรงงานต่างๆรวมถึงแรงงานทำงานบ้าน

รัฐบาลไทยได้ปรับแก้กฎหมายการประมงที่มีอายุเก่าแก่กว่า 68 ปี นำมาสู่การขึ้นทำเบียนเรือประมงและแรงงาน นอกจากนี้ยังส่งคณะทำงานที่ประกอบด้วยหลายภาคส่วนเข้าตรวจตราบนเรือต่างๆเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของแรงงาน

แต่แม้จะมีความพยายามเหล่านี้ รายงาน TIP ของสหรัฐฯ ระบุว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์และด้านการเงิน ไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลอย่างเป็นระบบระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และปัญหาความร่วมมือที่ขาดตอนในหมู่หน่วยงานผู้ดูแลกฎระเบียบในอุตสากรรมประมง กลายเป็นตัวส่งเสริมให้การแสวงหาประโยชน์จากกดขี่แรงงานในภาคอุตสาหกรรมนี้ได้รับการเว้นโทษ"

รายงานระบุต่อไปว่า "ผู้ชายไทย พม่า กัมพูชาและอินโดนีเซีย ถูกบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงไทย บางส่วนต้องอยู่กลางทะเลนานหลายปี ได้รับค่าจ้างแค่เล็กน้อยหรือแค่ชั่วคราว ต้องทำงาน 18 ถึง 20 ชั่วโมงต่อวันตลอดทั้งสัปดาห์ หรือไม่ก็ถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกาย"

"เหยื่อค้ามนุษย์บางคนในภาคการประมงไม่สามารถกลับบ้านได้ เนื่องจากต้องทำงานในสถานที่โดดเดี่ยว ไม่ได้รับจ้างและไม่มีเอกสารระบุตัวตนเอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือแม้แต่ไม่มีหนทางในการเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดอย่างปลอดภัย" รายงานระบุ "ชายไทยบางส่วนก็ถูกบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงไทยที่แล่นไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไกลกว่านั้น

ในรายงานของกระทรวงการต่างประะเทศสหรัฐฯระบุต่อว่าเนื่องจากขาดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล และไม่ทราบสิทธิของตนเอง แรงงานต่างด้าวเหล่านั้นโดยเฉพาะพวกที่ไม่มีเอกสาร จึงกลัวที่จะแจ้งเหตุเกี่ยวกับอาชญากรรมค้ามนุษย์ "เจ้าหน้าที่ของไทยบางส่วนมีส่วนรู่เห็นกับอาชญากรรมค้ามนุษย์และการคอรัปชันยังคงกัดเซาะความพยายามต่อต้านการค้ามนุษย์"

รายงาน TIP ยกตัวอย่างว่ามีการคอรัปชันของเหล่าเจ้าหน้าที่จากทั้ง2ฝั่งของแนวชายแดนที่รับสินบนจากพวกลักลอบนำเข้าแรงงานระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ลาว พม่าและกัมพูชา ซึ่งบ่อยครั้งแรงงานต่างด้าวบางส่วนเหลานี้ก็กลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์

"แหล่งข่าวสื่อมวลชนในปี 2013 รายงานว่าพลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหารของไทยทำเงินจากการขายผู้แสวงหาที่ลี้ภัยชาวโรฮีนจาจากพม่าและบังกลาเทศ ซึ่งจะถูกนำไปบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงต่างๆ" รายงานของสหรัฐฯระบุ "ตำรวจไทยบางนายพาตัวชาวโรฮีนจาออกจากค่ายกักกัน และขายพวกเขาแก่นายหน้าที่ลำเลียงพวกเขาไปยังภาคใต้ของประเทศ บางส่วนถูกบังคับให้ทำงานเป็นกุ๊กและการ์ดในค่าย หรือไม่ก็ขายเป็นแรงงานบังคับแก่ฟาร์มการเกษตรหรือบริษัทเดินเรือต่างๆ"

นอกเหนือจากไทยแล้ว ประเทศที่อยู่ในเทียร์ 3 ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ก็มี รัสเซีย อิหร่าน ลิเบีย เวเนซุเอลา แอลจีเรีย ซีเรีย เยเมน เกาหลีเหนือ ซูดานใต้และซิมบับเว

ส่วน มาเลเซีย คิวบา อุซเบกิสถาน ได้ถูกปรับอันดับขึ้นเป็น กลุ่มเทียร์ 2 ซึ่งหมายถึงประเทศหรือรัฐบาลที่ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายด้านการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ไม่ครบถ้วน แต่มีความพยายามอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเหล่านั้น

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085017

 

“ไมค์ ฮักคาบี” ผู้สมัครชิงปธน.สายรีพับลิกันจวก “โอบามา” ทำสัญญานุกอิหร่านเท่ากับผลักคนยิวให้ถูก “สังหารหมู่” อีกรอบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2558 14:36 น.


@ไมค์ ฮักคาบี ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ปี 2016

รอยเตอร์ – ไมค์ ฮักคาบี หนึ่งในผู้ประกาศตัวลงชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐฯในนามพรรครีพับลิกัน ออกมาวิจารณ์ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล บารัค โอบามา พร้อมทั้งตำหนิประธานาธิบดีว่ากำลังผลักดันชาวอิสราเอลไปสู่ “ประตูเตาอบ” เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ประธานคณะกรรมการพรรคเดโมแครตแห่งชาติสหรัฐฯ (Democratic National Committee) เรียกร้องให้ ฮักคาบี ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ ออกมาขออภัยในสิ่งที่ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวสายอนุรักษ์นิยมแห่งหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(25)

“นโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีคนนี้ไร้ประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของอเมริกา” ฮักคาบี ให้สัมภาษณ์ต่อเว็บไซต์ บรีตบาร์ต นิวส์

“เขาช่างไร้เดียงสาเหลือเกินที่ไปหลงเชื่อลมปากของอิหร่าน และการทำเช่นนี้เท่ากับผลักไสให้ชาวอิสราเอลต้องเดินกลับไปสู่ประตูเตาอบอีกครั้ง”

ฮักคาบี ใช้ถ้อยคำอุปมาถึงโศกนาฏกรรมสังหารหมู่ชาวยิว (Holocaust) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีชาวยิวและเชลยกลุ่มอื่นนับล้านๆ คนถูกพวกนาซีคุมขัง และฆ่าตายเหมือนผักปลาภายในค่ายกักกันเอาชวิตซ์

“ข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านคือสิ่งที่โง่เง่าที่สุด ชาวอเมริกันทุกคนรวมถึงสมาชิกสภาคองเกรสทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันควรจะคัดค้านเรื่องนี้ ผมเองได้อ่านข้อตกลงทั้งหมดแล้ว เรายอมอ่อนข้อให้อิหร่านแบบเต็มประตู จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้”

เดบบี วาสเซอร์มาน ชุลต์ซ ส.ส.รัฐฟลอริดาซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการพรรคเดโมแครตแห่งชาติ ตำหนิคำพูดของ ฮักคาบี ว่า “ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในบริบทการเมืองของอเมริกา”

“การเลือกใช้คำอุปมาถึงเหตุสังหารหมู่ชาวยิวเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ไมค์ ฮักคาบี จะต้องขอโทษชุมชนชาวยิวและชาวอเมริกันทุกคนที่เขาได้ใช้คำพูดแบบไม่รับผิดชอบเช่นนี้” วาสเซอร์มาน ชุลต์ซ ระบุในคำแถลง

สมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการทำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งกำหนดให้อิหร่านต้องจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์เป็นเวลา 10 ปี โดยมหาอำนาจตะวันตกจะยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจให้เป็นการแลกเปลี่ยน

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.รีพับลิกัน เตือนว่าข้อตกลงฉบับนี้เป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของรัฐยิว พร้อมทั้งเรียกร้องให้สภาคองเกรสสหรัฐฯ โหวตคัดค้านข้อตกลงซึ่งจะยิ่งเป็นการสนับสนุน “เครื่องจักรกลที่อิหร่านใช้สร้างความหวาดกลัว” และเปิดทางให้เตหะรานได้ “บรรลุเป้าหมายครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”

ฮักคาบี เป็น 1 ในผู้สมัคร 16 คนที่ต้องการเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกันลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ทว่าจากผลโพลที่ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่วานนี้(26)พบว่า เขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพลเมืองที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน หรือกลุ่มอินดิเพนเดนต์ที่มีความโน้มเอียงมาทางรีพับลิกันเพียง 5% เท่านั้น และอยู่ในลำดับที่ 7 เมื่อเทียบกับคะแนนนิยมของผู้สมัครรายอื่นๆ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084806

 

นักท่องเที่ยวเฮ! เกาหลีใต้ประกาศ “สิ้นสุด” การระบาดของไวรัส MERS อย่างเป็นทางการ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 08:51 น.


@ศูนย์การแพทย์ซัมซุง สถานพยาบาลขนาดใหญ่ทางใต้ของกรุงโซล ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบผู้ป่วย MERS มากที่สุด


เอเอฟพี – รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) อย่างเป็นทางการในวันนี้(28 ก.ค.) หลังไวรัสมรณะได้คร่าชีวิตพลเมืองทั้งประเทศรวม 36 ราย และยังก่อภาวะซบเซาครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจแดนโสมที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย

นายกรัฐมนตรี ควาง คโย-อันห์ แห่งเกาหลีใต้ ได้แถลงต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลในกรุงโซล โดยระบุว่า การแพร่ระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดของไวรัส MERS นอกซาอุดีอาระเบียได้จบสิ้นลงแล้ว

“จากการประเมินสถานการณ์หลายๆ ด้าน ทีมแพทย์และรัฐบาลได้ข้อสรุปว่า ประชาชนไม่ต้องหวาดกลัวกันอีกต่อไปแล้ว” ฮวาง กล่าว

“ผมขอให้ประชาชนคลายความวิตกกังวลเรื่องไวรัส MERS และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การพักผ่อนหย่อนใจ หรือกิจกรรมในโรงเรียน”

โรงเรียนในเกาหลีใต้หลายพันโรงต้องปิดทำการชั่วคราวในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาดหนัก เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ไว้ใจที่จะปล่อยลูกออกจากบ้าน

วิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้ยังส่งผลให้อัตราการบริโภคลดลง และบั่นทอนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้อย่างรุนแรง

ธุรกิจท้องถิ่น เช่น ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และโรงภาพยนตร์ ล้วนมียอดจำหน่ายลดลงเนื่องจากประชาชนกลัวจะติดเชื้อโรคหากไปในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ

รัฐบาลโซลได้อัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 22 ล้านล้านวอน เพื่อช่วยเหลือธุรกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อ MERS และเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ก็ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จาก 3.1% ลงมาเหลือเพียง 2.8% ซึ่งถือเป็นการปรับแนวโน้มรอบที่ 3

BOK ยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 1.5% เท่าเดิม โดยอ้างภาวะการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา

แม้จะไม่พบผู้ติดเชื้อ MERS รายใหม่มาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. แต่ ลี จู-ยอล ผู้ว่าการ BOK ยังเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะลากยาวต่อเนื่องไปจนตลอดเดือนสิงหาคมนี้

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเยือนแดนกิมจิลดลงถึง 40% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมยอดนักท่องเที่ยวลดลงถึง 60%

กรุงโซลเตรียมจัดสรรงบประมาณ 30,000 ล้านวอนเพื่อจัดกิจกรรมโปรโมตการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ให้กลับมาคึกคักเหมือนเก่า เช่น การจัดแพ็กเกจทัวร์ฟรี และคอนเสิร์ตศิลปิน เค-ป๊อบ ชื่อดัง เป็นต้น

“เราหวังเป็นพิเศษที่จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน” คิม ชอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ไวรัส MERS จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ที่เคยระบาดหนักในจีนเมื่อปี 2003 ทว่ามีความรุนแรงมากกว่า และติดต่อสู่บุคคลอื่นได้ยากกว่าเชื้อโรคซาร์ส

หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอบสนองวิกฤต MERS ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพในช่วงแรกๆ รัฐบาลเกาหลีใต้จึงหันมาใช้มาตรการกักโรคอย่างเข้มงวด ซึ่งทำให้ประชาชนเกือบ 17,000 คนถูกจำกัดบริเวณอยู่แต่ในที่พักอาศัย

นโยบายดังกล่าวได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำให้ไวรัส MERS ถูกสกัดเอาไว้ในสถานพยาบาลที่พบผู้ป่วยเท่านั้น และไม่เกิดการแพร่ระบาดในชุมชน



http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000085100

 

รัฐเตือนจอมก๊อบปี้ระวังไว้! กม.ลิขสิทธิ์มีผลอังคารนี้ ฉกรูป-คลิปไม่ให้เครดิตเจอโทษปรับเป็นแสน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2558 16:15 น. (แก้ไขล่าสุด 27 กรกฎาคม 2558 17:21 น.)



พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)

รองโฆษกรัฐบาล เผย พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับ 2 มีผล 4 ส.ค. หวังคุ้มครองผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกประเภทในอินเทอร์เน็ต เตือนชาวเน็ตนำภาพ-คลิปที่หาได้ในเว็บหาข้อมูลไปตัดชื่อผู้โพสต์ออกแล้วนำไปใช้ทางการค้าเจอฟ้องแน่ ถ้าคนธรรมดาจิ๊กแต่ให้เครดิตไม่ผิด แต่นิติบุคคลถ้าไม่ได้คุยเจ้าของโดนแน่ๆ โทษปรับหนัก 10,000-100,000 บาท หากการค้าเจอคุก 3 เดือน - 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท เชื่อทำนโยบายดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยั่งยืน

วันนี้ (27 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การบังคับใช้ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 (การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558 เป็นต้นไปนั้น มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกประเภทที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปของทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงาน และผู้จ้องที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากงานนั้น ซึ่งใน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์เดิม มิได้ระบุโทษชัดเจนสำหรับพฤติกรรมความผิดการละเมิดทางอินเทอร์เน็ต แต่ใน พ.ร.บ.นี้กำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กนำภาพ หรือวิดีโอ ที่ได้จากการค้นหาใน google หรือบริการเว็บไซต์ค้นหาอื่นๆ แล้วนำมาตัดชื่อเครดิตออกเพื่อแอบอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง หรือนำภาพ หรือ คลิปวิดีโอไปใช้ในทางการค้า กฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมมากขึ้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องผู้แอบอ้างได้ หากผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่เป็นบุคคลธรรมดานำภาพไปโพสต์ต่อโดยยังให้เครดิตเจ้าของภาพอยู่ถือว่าไม่มีความผิด แต่หากเป็นนิติบุคคลอาจจะมีความผิดข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ จึงควรขออนุญาต เจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนจะนำภาพไปใช้

“กฎหมายกำหนดให้ผู้กระทำผิดมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาท และหากเป็นการกระทำเพื่อการค้าจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน - 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบสิ่งของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือศาลอาจสั่งให้ทำลาย โดยผู้ละเมิดต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการทำลาย ทั้งนี้พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่จะช่วยคุ้มครองผู้สร้างสรรผลงานที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต โดยกฎหมายยังเปิดช่องให้เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงสามารถบังคับให้ผู้ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ยุติการละเมิด เป็นแรงจูงใจให้คนอยากผลิตนวัตกรรม และผลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ผลจากกฎหมายฉบับนี้เชื่อว่าจะทำให้นโยบายดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) เติบโตได้อย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558 สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสายด่วน 1368

 

อุปทูตสหรัฐระบุ โอบามาจะพิจารณาคว่ำบาตรไทยหรือไม่ "ใน 90 วัน"
เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 10:13 น.



28 ก.ค.58 - อุปทูตสหรัฐฯ ทวิตระบุ ปธน.โอบามา จะพิจารณาคว่ำบาตรไทยหรือไม่ ใน 90 วันหลังเปิดรายงานค้ามนุษย์ปี 2558
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในค่ำวานนี้ (27 ก.ค. 58 ) ภายหลังที่สหรัฐอเมริกาเผยแพร่รายงานการค้ามนุษย์ (TIP Report) ปี 2558 ซึ่งจัดให้ประเทศไทยคงอยู่ในอันดับ Tier 3 หรือประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกาและไม่มีความพยายามแก้ไขปัญหานั้น
นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้ทวิตข้อความเพื่อตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสหรัฐฯ จะดำเนินการภายใต้กฎหมาย ในการคว่ำบาตรประเทศไทย ซึ่งถูกจัดอันดับให้อยู่ Tier 3 เป็นเวลาติดต่อกันเป็นปีที่ 2 หรือไม่
อุปทูตสหรัฐฯ ระบุว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ จะพิจารณาว่า จะมีมาตรการคว่ำบาตรไทยหรือไม่ หลังจากที่มีการเผยแพร่รายงานค้ามนุษย์ ภายใน 90 วัน
อุปทูตสหรัฐระบุ โอบามาจะพิจารณาคว่ำบาตรไทยหรือไม่ "ใน 90 วัน" - Nation TV

 

แผนของซาอุฯ ในการปิดล้อมอิหร่านอย่างเบ็ดเสร็จได้ถูกเปิดเผย
Category: News & Event Published on Sunday, 26 July 2015 17:19 Written by Islamicstudiesth Team.



หนังสือพิมพ์ "อัลอัคบาร" ในเครือของฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน ได้ตีพิมพ์คำพูดของ "อัยยาด อัลลาวี" รองประธานาธิบดีอิรักในรายงานหนึ่งเกี่ยวกับแผนการของซาอุดิอาระเบียในการจัดการกับอิหร่าน

ญอมนิวส์ รายงานโดยอ้างจากเว็บไซต์ "อาราบี 21" ว่า หนังสือพิมพ์ "อัลอัคบาร" ในเครือของฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน ได้ตีพิมพ์คำพูดของ "อัยยาด อัลลาวี" รองประธานาธิบดีอิรักในรายงานหนึ่งเกี่ยวกับแผนการของซาอุดิอาระเบียในการจัดการกับอิหร่าน

ตามรายงานนี้ อัยยาด อัลลาวี ได้กล่าวกับ "สลาม ตะมาม" นายกรัฐมนตรีเลบานอนว่า “ซาอุดีอาระเบียกำลังดำเนินการอย่างหนึ่ง โดยกำหนดเป้าหมายไปที่แกนต้านทาน (มุกอวะมะฮ์) จากซีเรียไปจนถึงเลบานอนและเยเมน และด้วยกับวิธีนี้พวกเขาจะปิดล้อมอิหร่านอย่างเบ็ดเสร็จ”

อัยยาด อัลลาวี ยังได้กล่าวกับนายสลาม ตะมาม อีกว่า "ซาอุดีอาระเบียได้มุ่งเน้นความพยายามของตนเพื่อที่จะทำให้การบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ประสบกับความล้มเหลว และจะสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่อิหร่าน"

เขากล่าวอีกว่า "รัฐบาลซาอุฯ มีเจตนาว่า เคียงคู่กับการโดดเดี่ยวและการปิดล้อมฮิซบุลลอฮ์นั้น จะทำให้พวกเขาโค่นล้มอำนาจการปกครองของไฮเดอร์ อัลอิบดีลงได้ และจะเป็นพื้นฐานนำไปสู่การโค่นล้มบัชชาร อัลอะซัด"

ที่มา : jamnews

แผนของซาอุฯ ในการปิดล้อมอิหร่านอย่างเบ็ดเสร็จได้ถูกเปิดเผย