ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฝรั่งเศสเดือด! สุดทนกับสหรัฐฯ เกษตกรเดือดร้อนประท้วงปิดถนน คณะผู้แทนฝรั่งเศสหันไปจ๊ะจ๋าอี๋อ๋อง้อรัสเซีย (ตอนที่1/2)

    [​IMG]

    -----------
    งานนี้ต้องบอกว่าฝรั่งเศสกล้างัดข้อกับสหรัฐฯหลังเกิดเหตุการณ์แปลกๆหลายครั้งในประเทศ ไม่ว่าจะก่อการร้ายชาลี เอ็บโด ภายในประเทศ เครื่องบินโดยสารเยอรมันตกที่ฝรั่งเศส ผู้นำก็ถูกดักฟังจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ก่อการร้ายระเบิดโรงงานแก๊ส ไฟไหม้โรงโรงงานนิวเคลียร์ Paluel ในเมือง Normandy เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ไหนจะมีขีปนาวุธของสหรัฐฯกำลังจะเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองสำคัญๆในยุโรปอ้างว่าเพื่อปกป้องยุโรปอีก หารู้ไม่นั่นคือแผนการกลืนยุโรปแบบเนียนๆนั่นเอง และเจอพิษแซงชั่นกลับจากรัสเซีย ทำให้เศรษฐกิจทรุดเกษตรกรเดือดร้อนกันทั่วหน้า ออกมาประกาศว่าทนไม่ไหวแล้วโว้ย ทางนักธุรกิจและฝ่ายค้านของฝรั่งเศสเองก็บอกว่าทนไม่ไหวแล้วโว้ยเหมือนกัน หมายถึงทนไม่ไหวต่อการถูกกดขี่คุกคามจากจักรวรรดิเฮเก
    สหรัฐฯยังเล่นมุกเดิม คือเดินหน้ากดดันให้ยุโรปแซงชั่นต่อต้านรัสเซียต่อไป เพื่อทำให้ทั้งรัสเซียและยุโรปอ่อนแอ และที่สำคัญก็คือให้ทั้งสองฝ่ายแตกคอกันมากกว่านี้ ผลสุดท้ายก็คือประชาชนของยุโรปได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า เศรษฐกิจในประเทศทั่วยุโรปทรุดหนักลงกว่าเดิม ก็เข้าทางสหรัฐฯอีกจนได้ เมื่อเร็วๆนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯเตรียมจะขยายการแซงชั่นต่อต้านรัสเซียโดยอ้างว่าหากกรุงมอสโคว์ไม่ทำให้ข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กบรรลุผล นั่นโทษรัสเซียอีกหละ แล้วใครหละที่ขนทั้งอาวุธ และกองกำลังนาโต้และทหารต่างชาติเข้าไปในยูเครน? ปากบอกว่าให้ฝั่งนิยมรัสเซียหยุดยิงและยอมแพ้ แต่ไม่เคยที่พูดแบบเดียวกันกับฝั่งที่ตัวเองสนับสนุนเลย จะเอามาตรฐานไหนกับสหรัฐฯอีก
    เมื่อฝรั่งเศสทนไม่ไหว เหล่านักการเมืองของฝรั่งเศสก็ออกมาเคลื่อนไหวบ้าง โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศของรัสเซียรายงานว่า วุฒิสมาชิกของฝรั่งเศสออกมากล่าวว่าฝรั่งเศสได้อ่อนข้อให้กับการกดดันจากสหรัฐฯมาแล้ว และนำมาเป็นจุดยืนในการเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย ท่าทีแบบนี้มีแต่ผลักให้ประเทศฝรั่งเศสหยุดชะงักในทางการเมืองและเศรษฐกิจเท่านั้น
    Jacques Myard วุฒิสมาชิกของฝรั่งเศสกล่าวว่า "เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นเอกภาพของยุโรปและเพราะว่าแรงกดดันจากพวกอเมริกัน ประเทศฝรั่งเศสจึงได้เข้าร่วมการแซงชั่นต่อต้านรัสเซียในสหภาพยุโรป ซึ่งนำโดยบางประเทศที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกับประเทศของคุณ [รัสเซีย]… ซึ่งหมายถึงทั้งกลุ่มประเทศบอลติกและโปแลนด์ด้วย" (เขากำลังเหน็บเยอรมันเต็มๆ) ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sputnik ของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
    Jacques Myard กล่าวต่ออีกว่า "การแซงชั่นต่อต้านรัสเซีย ที่พวกเรากำลังกระทำอยู่นี้ ถือว่าเป็นการต่อต้านผลประโยชน์ของพวกเราเอง เพราะว่ามันอยู่ในผลประโยชน์ทางการทูต ยุทธศาสตร์เชิงภูมิศาสตร์ ทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมซึ่งรัสเซียกลายเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และเป็นหุ้นส่วนของประเทศฝรั่งเศสและยุโรป"
    นั่นไง... โดนเข้าไปเต็มๆ พึ่งจะมาสำนึกเอาอะไรตอนนี้? ก็ดันไปงัดกับรัสเซียไม่ยอมส่งมอบเรือบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์ Mistral ให้รัสเซียก่อนและยังกล้าแซงชั่นและอายัดทรัพย์บางส่วนจากรัสเซียด้วย พอโดนรัสเซียสวนกลับไปบ้างถึงกับร้องเสียงหลงเชียวนะ
    วันที่ 22 ก.ค.58 ที่ผ่านมา Nadine Morano อดีตรัฐมนตรีของฝรั่งเศสปัจจุบันเป็นสมาชิกของพรรค Union for a Popular Movement (UMP) ในฝรั่งเศสออกมากล่าวในรายการวิทยุ Sud Radio ของฝรั่งเศสว่า "เนื่องจากการที่รัสเซียออกมาตรการสั่งแบนอาหารจากอียู ทำให้อียูสูญเสียไปแล้วถึง 2.1 หมื่นล้านยูโร (€21 billion) นับตั้งแต่เริ่มต้นการแซงชั่น และอาจจะสูญเสียถึงประมาณ 8.1 หมื่นล้านยูโรตลอดช่วงเวลาที่มีการแซงชั่นกัน สำหรับภาคการเกษตรของฝรั่งเศส การถูกสั่งแบนอาหารถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และพวกเราสามารถเห็นผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล"
    และวันที่ 23 ก.ค.58 รมช.ต่างประเทศของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "พวกผู้ส่งออกชาวยุโรป ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการแซงชั่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตร ซึ่งรัสเซียนำเข้าสินค้าการเกษตรจากประเทศอื่นๆแทน ต่างพากันเรียกยุติการทำสงครามแซงชั่นนี้" (นี่แหละหนึ่งในไม้ตายของรัสเซีย ที่จะตอบโต้พวกมหาอำนาจในยุโรปและสหรัฐฯ เล่นกับภาคการเกษตรและประชาชนของพวกเขานี่แหละ เมื่อสินค้าส่งออกไม่ได้ สินค้าล้นตลาดภายในประเทศ ประชาชนผู้ผลิตก็เดือดร้อน แทนที่จะไปโจมตีประเทศผู้นำเข้าซึ่งเป็นการไม่ถูกต้องเพราะเขาไม่ได้เริ่มก่อน ก็จะหันไปโจมตีรัฐบาลของพวกเขากันเอง รัฐบาลที่อ้างว่ามาจากเสียงของประชาชน ทำเพื่อประชาชน แม้จะให้เงินอุดหนุนไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากยังไม่มีวี่แววว่าสงครามแซงชั่นจะยุติเมื่อไร เมื่อรัฐบาลเหล่านั้นถูกประชาชนต่อต้านมากๆ มีหรือจะอยู่ในอำนาจต่อไปได้ ฝ่ายที่จะแพ้ก็คือพวกนักการเมืองของกลุ่มประเทศอียูนั่นเอง รู้ฤทธิ์ปูตินแล้วสิ?)
    เกมนี้ไม่ใช่รัสเซียเป็นคนเริ่มก่อน หรือเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน จะมาโทษรัสเซียไม่ได้ รัสเซียก็รู้ว่าพวกนี้มันเป็นประเภทหน้าไหว้หลังหลอก พลิกลิ้นไปมา ต้องตามให้ทัน ไม่งั้นอาจจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ เคยโดนมาแล้ว ครั้นจะไม่คบค้าสมาคมด้วยก็ไม่ได้ ก็คบแบบระวังตัวให้มากที่สุด แต่ก่อนจะหันไปจับมือกันอีกครั้งในขณะที่ทางอียูยังไม่ยกเลิกแซงชั่นรัสเซียเลย ดังนั้นรัสเซียจึงต้องสั่งสอนพวกนี้กลับไปบ้าง อย่าคิดว่าจะมารังแกกันได้ง่ายๆ แล้วรัสเซียทำไงอ่ะ? อยากรู้อ่ะอิ ฮี่ๆๆ…
    มาตรการแรกที่รัสเซียออกหมัดในยกที่สองก็คือ รัฐสภาของรัสเซียรับรองกฎหมายฉบับใหม่อนุญาตให้รัฐบาลรัสเซียอายัดทรัพย์สินของชาวต่างชาติที่อยู่ในรัสเซียได้ กฏหมายฉบับนี้ออกมาหลังจากที่กลุ่มประเทศยุโรปทำการอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลและนักธุรกิจชาวรัสเซียในต่างประเทศเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเกี่ยวกับคดีผู้ถือหุ้นของ Yukos ซวยแล้วไหมหละยุโรป เล่นกับไฟเข้าให้แล้ว ถ้าโดนบ้างอย่าโวยละกัน
    ส่วนอีกมาตรการหนึ่งก็คือ รัสเซียตัดสินใจต่ออายุการแซงชั่นอาหารและสินค้าทางการเกษตรจากกลุ่มประเทศอียูและสหรัฐฯออกไปอีก 1 ปี โดยวันนี้ (24 ก.ค.58) Sputnik news รายงานว่ารัสเซียได้ตัดสินใจขยายการสั่งห้ามนำเข้าอาหารสำหรับเหตุผลในทางปฏิบัติโดยบริสุทธิ์ใจเท่านั้นมากกว่าจะเป็นการทำร้ายยุโรป ตามคำแถลงการณ์ของนายกฯ Dmitry Medvedev แห่งรัสเซีย ฮี่ๆๆๆ เป็นไงเล่าเจอฝีปากทางการทูตของรัสเซียเข้าให้ สุดยอดดด นายกฯ Medvedev ยังกล่าวอีกว่า "สิ่งนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเจ็บปวดให้ชาวยุโรปทั้งหลาย เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังในการตัดสินใจในครั้งนี้ก็คือ การปฏิบัติอย่างเคร่งครัด (strictly pragmatic) เท่านั้น" ในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุและโทรทัศน์ก่อนจะเดินทางไปเยือน Slovenia ระหว่างวันที่ 26-27 ก.ค.นี้
    เอาอีกป๊ะ... ฮ่าๆๆ เพิ่มให้อีกนิดนึง เอาให้พวกโปรอเมริกาและโปรตะวันตกอกแตกตายไปเลย นายกฯ ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวต่ออีกว่า "ก็อย่างที่พวกคุณอาจจะรู้ ปัจจุบันนี้พวกเรากำลังปฏิบัติการในเชิงรุกในการสนับสนุนทดแทนการนำเข้าในเรื่องอุตสาหกรรมอาหาร และการพัฒนาการผลิตอาหารภายในประเทศ รัสเซียเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีภาคการเกษตรที่ใหญ่มาก ดังนั้นพวกเราจึงมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถมีอาหารที่เพียงพอแก่ความต้องการ การเกษตรดำเนินการในหนึ่งรอบปี ซึ่งทำให้ผู้ผลิตมีการวางแผนไว้ในระยะยาว นี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของการตัดสินใจในครั้งนี้"
    (หมายความว่าอย่างไร? ก็หมายความว่าถึงไม่นำเข้าอาหารจากสหรัฐฯและอียู รัสเซียก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่า 1 รัสเซียมีเพื่อนเยอะ และกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ใครๆก็อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดรัสเซียด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย รัสเซียอุตส่าห์มาจีบถึงที่เลย กวักมือเรียกว่าให้รีบเอาสินค้าการเกษตรมาขายที่รัสเซียนี่ จะแปรรูป หรือจะพัฒนาอะไรก็ให้รีบทำเข้า ตอนนี้อุตส่าห์เขี่ยพวกที่จ้องจะเอาเปรียบออกไปให้แล้ว โอกาสดีๆอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ แล้วลุงตู่ก็ส่งท่านรมว.ต่างประเทศและคณะไปลุยงานในรัสเซียทันที สหรัฐฯและอียูจึงได้แต่อ้าปากค้างทำตาปริบๆ กลืนน้ำลายเฮือกๆ โดยไม่อาจทำอะไรได้)
    กลับมาที่ฝรั่งเศสบ้างนะครับ... นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกซะแล้วสิ ทำเป็นเล่นไป พวกนักการเมืองยุโรปสุมหัวกันเล่นเกมการเมืองกับสหรัฐฯ ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ผลที่ปรากฎออกมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือ เกมสงครามแซงชั่นต่อต้านรัสเซียในครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตรและการส่งออกของยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.58 ที่ผ่านมา เกษตรกรชาวฝรั่งเศสจำนวนมากหลายพันหลายหมื่นคนทนรับความเดือดร้อนเนื่องจากสินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำซึ่งเป็นผลมาจากการแซงชั่นทางเศรษฐกิจระหว่างอียูกับรัสเซียต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงรวมตัวกันออกมาประท้วงรัฐบาล และห้างร้านขายอาหารที่รับซื้อสินค้าการเกษตรเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู นม ในราคาต่ำ ซึ่งทำให้ผู้ผลิตแบกรับต้นทุนเป็นจำนวนมาก และไม่คุ้มทุน ต่างก็พากันนำรถแท็กเตอร์ รถบรรทุก ขนขยะ ยางรถยนต์ และมูลสัตว์ พืชผักผลไม้เสีย ไปเทใส่หน้าร้านศูนย์จำหน่ายอาหารและเทลงบนกลางถนน ปิดเส้นทางจราจรหลายเส้นทาง
    รายงานข่าวจาก RT news ของรัสเซียบอกว่า เกษตรกรชาวฝรั่งเศสได้รวมตัวกันประท้วงในประเทศฝรั่งเศสมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ปิดถนนที่จะเข้าไปในเมืองและแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง (กรรม!) เกษตรกรเหล่านั้นพากันนำรถบรรทุกขนขยะและมูลสัตว์มาดัมพ์ลงหน้าซุปเปอร์มาร์เกต ที่กดราคาเนื้อสัตว์และนมให้ต่ำลง Jean-Michel Juhel เกษตรกรจาก Pledeliac ในเขต Brittany กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า "เกษตรกรจำนวนมากกำลังประสบความทุกข์ยากลำบากอย่างยิ่ง พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีวิกฤตแบบนี้ และพวกเรายังไม่เห็นทางออกใดๆเลย"
    เกษตรกรที่ออกมาประท้วงพากันชูป้ายว่า "Angry farmers" (ชาวนาที่โกรธแค้น) และว่า "You’re letting us die." (พวกคุณกำลังปล่อยให้พวกเราตาย) ส่วนนาย Sebastien Debieu ประธานสหภาพเกษตร FDSEA ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BFM TV ว่า "พวกเราได้พยายามบอกให้ทางการระวังวิกฤตการจากภาคการเกษตรมาหลายเดือนแล้ว แต่พวกเราก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรเลย" (เงียบกริ๊บ มีแต่เสียงของพวกโปรอเมริกาว่าจะต้องทำสงครามแซงชั่นกันต่อไป แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร? คำพูดคำสัมภาษณ์จากเกษตรกรผู้เดือดร้อนมีเยอะกว่านี้อีกนะ แต่สื่อฯโปรเมริกาในเมืองไทยไม่ค่อยลงให้อ่านมากเท่าไร ในตะวันตกก็เช่นกัน เขาไม่ค่อยทำข่าวนี้ ยกเว้นจากสื่อฯฝั่งรัสเซีย จัดเต็มทุกนัด ถูกใจเกษตรกรและผู้ประท้วงยิ่งนัก ฮี่ๆๆ)
    หนักเอาการนะนี่ ทั้งขี้หมู ขี้วัว สัตว์เลี้ยง และยางรถยนต์ขนไปเทรวมกันกลางถนน เหมือนจะทำอะไรซักอย่าง และแล้วสิ่งที่คาดคิดไว้แต่แรกก็เป็นจริงซะด้วย "เผาไปเลยครับพี่น้อง!" อ่ะนี่พูดจริงนะ ดูภาพประกอบทั้งเป็นภาพนิ่งและคลิปจาก RT news ของรัสเซียก็ได้ เผาจริงๆอ่ะ ควันไฟคลุ้งเต็มท้องฟ้าเลย งานถนัดเขาหละ ไม่ว่าม็อบไหนถ้าจัดขึ้นทั้งในยุโรป ฝรั่งเศส ยูเครน ต้องจบลงด้วยการเผา การประท้วงผู้อพยพผิดกฎหมายที่ฝรั่งเศสก็เผา การประท้วงเรื่องอุโมงค์ยุโรปก็เผา นี่ล่าสุดการประท้วงสินค้าการเกษตรราคาตกโดยเกษตรกรก็เผาอีก โชคดีที่พวกนี้ไม่ขนไปเทไว้รอบๆหอไอเฟล ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่
    แล้วฝรั่งเศสจะทำอย่างไรต่อหละทีนี้? โอ… ยาวแล้วอ่ะ งั้นโปรดติดตามในตอนต่อไปนะครับ.... มันส์!
    The Eyes
    24/07/2558
    ----------
    Anti-Russian Sanctions Hurt French Agro Business, Farmers Go on Strike / Sputnik International
    ‘You’re killing us’: French farmers dump manure, block roads to protest low meat & milk prices — RT News
    Irate French Farmers Want to Sell Produce to Russia / Sputnik International
    Farmers Suffer From Absurd EU Sanctions Against Russia – French Lawmaker / Sputnik International
    France's Main Squeeze / Sputnik International
    Hit and Miss (Out) / Sputnik International
    No grounds to keep Russia sanctions in place – French MPs visiting Crimea — RT News
    Medvedev: One-Year Food Import Ban Extension Is 'Pragmatic Move' / Sputnik International
    French Companies Want to Continue Business in Russia Despite Sanctions / Sputnik International
    French Delegation’s Visit to Crimea ‘Message’ to Russian Friends – Lawmaker / Sputnik International
    European Exporters Want an End to Anti-Russian Sanctions – Deputy FM / Sputnik International
    US Threatens to Expand Anti-Russia Sanctions to Enforce Minsk Accords / Sputnik International
    Washington Forced Paris to Pursue Anti-Russia Policy - French Lawmaker / Sputnik International
    Kremlin to Seize Foreign Assets in Response to Frozen Russian Capital / Sputnik International
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฝรั่งเศสเดือด! สุดทนกับสหรัฐฯ เกษตรกรเดือดร้อนประท้วงปิดถนน คณะผู้แทนฝรั่งเศสหันไปจ๊ะจ๋าอี๋อ๋อง้อรัสเซีย (ตอนที่2/2)

    [​IMG]

    -----------
    [ก่อนหน้านี้พาดหัวเรื่องว่าเป็น คณะรัฐบาลฝรั่งเศสที่เดินทางไปเยือนไคร์เมีย แต่พึ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นส.ส.ฝ่ายค้านของฝรั่งเศส ไม่ใช่รัฐบาล จึงขอแก้ไขชื่อเรื่องเป็น "…คณะผู้แทนฝรั่งเศส..." นะครับ]
    ขอเชิญเข้าสู่ความมันส์ภาคสองต่อได้แล้วนะบัดนาวครับท่าน... วันก่อนสื่อฯรัสเซียลงข่าวประมาณว่า มีข่าวระแคะระคายมาว่าทางยูเครนจะส่งคนของตนเข้าไปแฝงอยู่ในไครเมียแล้วก็ก่อเหตุบางอย่าง ซึ่งตรงกับที่นักการเมืองยูเครนเคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่าจะถล่มไครเมียให้ราบไปเลย ซวยแล้วไหมหละ? ใครซวย ชาวไครเมียหรือ? เปล่า งั้นรัสเซียหรือ? ก็เปล่าอีก อ้าวแล้วใครซวยหละ? อียูสิครับท่าน! อียูจะซวยได้อย่างไร เกี่ยวอะไรกับอียูด้วย? เฮ้อ… รู้จักจักรวรรดิเฮเกน้อยไปแล้ว ขนาดว่าตัวเองชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆในยูเครนแท้ๆ ยังกล้าหน้าด้านโยนความผิดไปให้ตะวันตกเฉยเลย พึ่งลงข่าวเกี่ยวกับตัวอย่างพฤติกรรมถ่อยๆแบบชอบป้ายสีคนอื่นจากฝั่งสหรัฐฯมาหยกๆ พอจะจำได้ไหม? แสบเข้าทรวงเลยหละนั่นหนะ ตะวันตกเองก็รู้ว่างานนี้ถูกจักรวรรดิเฮเกต้มจนเปื่อยซะแล้ว ขืนยังนิ่งอยู่ต่อไปหรือเดินตามเกมของจักรวรรดิเฮเกต่อไปอยู่อย่างนี้ มีหวังกระดูกตัวเองก็จะเปื่อยไม่เหลือไปด้วยแน่ โดยเฉพาะฝรั่งเศส ที่เริ่มจะไม่ลงรอยกับเยอรมันแล้ว กรณีนี้เยอรมันอยากจะตามก้นให้จักรวรรดิเฮเกก็ตามใจนะ ฝรั่งเศสเข็ดแล้ว
    เหตุผลที่สหรัฐฯบีบให้ตะวันตกแซงชั่นรัสเซียในรอบแรก เพราะผิดหวังที่ปูตินรู้ทันแผนของจักรวรรดิเฮเกที่ต้องการจะยึดไคร์เมียที่มีพร้อมทั้งฐานทัพเรือและสนามบินในทะเลดำ ทั้งนาโต้และสหรัฐฯต่างก็ผิดหวังในจุดนี้มากที่ไม่สามารถยึดไคร์เมียมาอยู่ในการครอบครองของตนเองได้ แม้ไคร์เมียจะทำประชามติชนะในการผนวกเข้ากับรัสเซียแผ่นดินแม่อีกครั้งแล้วก็ตาม แต่โปรอเมริกาก็เสี้ยมต่อไปอีกว่า เป็นเพราะรัสเซียส่งกองกำลังของตนลงในพื้นที่แล้วเอาปืนจ่อหัวคนไคร์เมียให้เลือกรัสเซียตะหากถึงชนะการทำประชามติ ไปโน่นเลยนะ พวกจอมแถทั้งหลาย
    นั่นเป็นเพราะรัสเซียเขารู้มาก่อนว่าจักรวรรดิเฮเกจะมาไม้ไหน ขืนปล่อยไว้มีหวังไคร์เมียได้กลายเป็นไมดานสองแน่ๆ ดังนั้นเพื่อปกป้องไคร์เมียไว้ เลี่ยงไม่ได้ที่ปูตินจะส่งกองกำลังของตนลงไปในพื้นที่อย่างเร่งด่วนแบบฟ้าผ่าทำให้ฝ่ายยูเครนทั้งๆที่มีกองทัพตั้งอยู่ในไคร์เมียอยู่แล้วตั้งรับไม่ทัน เพราะถูกชาวบ้านไปปิดล้อมฐานทัพของยูเครนในไคร์เมียเอาไว้ซะก่อน งานนี้ปูตินอ่านขาดอีกแล้วครับท่าน นั่นคือเหตุการณ์ในอดีตช่วงเดือนมีนาคมปี 2014 ก่อนที่จะมีการแซงชั่นเกิดขึ้นนะ
    จากคำถามที่ทิ้งท้ายไว้ในบทความก่อนหน้านี้ที่ว่า "แล้วทางฝรั่งเศสจะทำอย่างไรต่อหละทีนี้?" ตรงนี้นี่สำคัญมาก เพราะว่านั่นเหมือนกับการยกหอไอเฟลฟาดลงบนกะบาลโอบาม่าเต็มๆเลย (Oopz! แรงส์ไปนิ๊ดดดนึง) เมื่อฝรั่งเศสส่งคณะผู้แทนของตน (ส.ส. ฝ่ายค้าน) เดินทางไปที่ไคร์เมีย เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 ที่ผ่านมา รายงานข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียบอกว่านาย Thierry Mariani สมาชิกคณะผู้แทนสมัชชาแห่งชาติของฝรั่งเศส (French National Assembly) ซึ่งเป็นประธานคณะผู้แทนจากรัฐสภาของฝรั่งเศส พร้อมด้วยคณะที่เดินทางไปไคร์เมียได้กล่าวว่า "ไม่มีมูลเหตุที่จะต้องทำการแซงชั่นรัสเซียอีกต่อไป!" ระหว่างเดินทางไปไคร์เมียเป็นเวลาสามวัน (ชัดมะ! สหรัฐฯได้ยินหรือยัง? โอบาม่าคงจะได้แต่กัดฟันกอดๆๆๆ อยู่แน่ๆ)
    Thierry Mariani ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังเข้าประชุมร่วมกันที่รัฐสภาไคร์เมียใน Simferopol เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า "ขนาดสหรัฐฯก็ยังยกเลิกการปิดกั้นคิวบาได้เลย ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรในการที่ยุโรปจะคงการแซงชั่นรัสเซียไว้อีก" (As the US is lifting Cuba blockades, I see no reasons for Europe to keep Russia sanctions in place) ฮิ้ววววว! เป็นไงเล่า ฝรั่งเศสวันนี้นายกล้ามาก จะเอาอย่างเกาหลีใต้หละสิที่ คงจะอายเกาหลีใต้หละสิที่กล้าออกมายืนยันว่าแม้จะโดนกดดันอย่างหนักจากจักรวรรดิเฮเกก็จะไม่ยอมหักหลังรัสเซียเด็ดขาด
    นาย Thierry Mariani ยังกล่าวอีกว่า "ผมรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากการแซงชั่น เมื่อโทรศัพท์มือถือของคณะผู้แทนใช้งานไม่ได้ เพราะว่าบริษัทผู้ให้บริการฝั่งยุโรปปฏิเสธที่จะให้บริการในพื้นที่นี้ (ไคร์เมีย)" (อ้าว พึ่งจะรู้หรอกรึ? กรรม! เดือดร้อนก็ตอนที่โทรศัพท์มือถือใช้งานในไคร์เมียไม่ได้นี่นะ? ชาวนายุโรปหนะเขารู้มาตั้งนานแล้ว เขาเดือดร้อนเรื่องสินค้าการเกษตรที่ได้รับผลกระทบมาตั้งนานแล้ว แต่พวกนักการเมืองไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย มันเป็นอย่างนี้จริงๆนะนี่ พับผ่าสิจอร์จ!)
    งานนี้จักรวรรดิเฮเกถึงกับต้องสดุ้งแล้วสดุ้งอีกแน่ๆ Thierry Mariani กล่าวต่ออีกว่า "ผมได้ไปสังเกตการณ์ถึงความหายนะและความทุกข์ยากที่น่ากลัวของผู้คนในช่วงที่ผมไปเยี่ยมภูมิภาค Donbass ที่ประสบภัยสงคราม เมื่อสองเดือนที่แล้ว"
    Thierry Mariani กล่าวกับ Vladimir Konstantinov โฆษกรัฐสภาไคร์เมียว่า "พวกเราขอแสดงความยินดีกับพวกคุณ ที่คุณสามารถจัดการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น เราขอปรบมือให้กับความกล้าหาญของสภาไคร์เมีย เพราะว่ามันสามารถทำให้มีการตัดสินใจในครั้งนี้ได้ แม้ว่าจะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากและความเสี่ยงเป็นอย่างมากในการขยาย [ความตึงเครียด] ออกไป" (ว้าววว! ทำไมคณะผู้แทนฝรั่งเศสถึงพูดในตอนท้ายอย่างนั้นหละ? ฝรั่งเศสกลัวยูเครนหรือ? กลัวว่ายูเครนจะขยายความตึงเครียดออกไปอีกหรือ? เปล่าเลย ยูเครนนั้นเป็นเพียงแค่หุ่นกระบอกของจักรวรรดิเฮเกเท่านั้น ดังนั้นที่ฝรั่งเศสหวั่นใจมากๆนั้นจึงไม่ใช่ยูเครนแน่ๆ แต่เป็นนักเลงโตอันธพาลโลกตะหากที่จะไฟเขียวให้พวกนีโอนาซี Right Sector วี๊ดบึ้มที่ยูเครนตะวันออกอีกรอบ)
    ประธานคณะผู้แทนฯฝรั่งเศสเน้นย้ำว่า "การมาเยือนของคณะผู้แทนฝรั่งเศสในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ในไคร์เมีย ความประทับใจครั้งแรกของผม (first impression ใช้ภาษาดอกไม้ยังกะจีบสาวอย่างนั้นแหละ) ก็คืออากาศที่นี่ดีมากกกกก และไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่บนท้องถนนเลย" (ก็ไม่มาตั้งนานแล้วนี่ ประชาชนเขาก็ทำมาหากินตามปรกติ สงสัยว่าก่อนหน้านี้แกอ่านข่าวจากสื่อฯฝั่งยูเครนโปรอเมริกาและสื่อฯตะวันตกมากไปหน่อย เดี๋ยวพวกนั้นก็จะแถต่อไปอีกว่ารัสเซียสั่งให้ทหารเข้ากรมกองในช่วงนี้นะสิ พอคณะผู้แทนฝรั่งเศสกลับไปแล้วก็ค่อยให้ออกมาใหม่ กรรม! พวกชอบมโนหาเรื่องก็จะไปประมาณนี้หละ ฮ่าๆๆ)
    Thierry Mariani กล่าวกับวุฒิสมาชิกของไคร์เมียเป็นภาษารัสเซียว่า "ผมรู้ว่ามีความสุขมากที่ได้มาอยู่ที่นี่" และกล่าวเพิ่มเติมว่าการมาเยือนของคณะผู้แทนในครั้งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในประเทศฝรั่งเศส" (ฮ่าๆๆ... ไม่รู้นะว่าแกพูดภาษารัสเซียได้หรือเปล่า? แต่ถึงอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่าเขามีความตั้งใจที่แน่วแน่มากในการเชื่อมมิตรภาพกับรัสเซีย แม้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายภายในฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ช่างมัน ลองเช็กประวัติของเขาดูคร่าวๆจากวิกิพีเดียแล้ว ไม่ธรรมดาครับ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศมาหลายตำแหน่งแล้วด้วย เคยเป็นรมต.มาหลายตำแหน่งด้วย อ้อ… เขาอยู่พรรค UMP ของอดีตปธน. Nicolas Sarkozy เป็นพรรคฝ่ายค้าน มิน่าถึงได้โปรรัสเซีย)
    อ้อ… มีอยู่ตอนหนึ่งที่ Thierry Mariani พูดเกี่ยวกับการทำประชามติในไคร์เมียว่า "หากว่าพวกคุณไม่ตัดสินใจทำประชามติ หากว่าพวกคุณไม่หันเข้าหาประชาชน บางทีชื่อของไคร์เมียอาจจะตามมาด้วยคำบรรยายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นใน Lugansk และ Donetsk ก็ได้" (ว้าว! แสดงว่านักการเมืองฝรั่งเศสพวกนี้ก็พอจะรู้อะไรมาบ้างเหมือนกันว่าจะบางคนคิดจะทำอะไรในไคร์เมียแน่ๆ แต่ถูกปูตินชิงลงมือซะก่อน ก็กินแห้วไปละกัน)
    Thierry Mariani กล่าวถึงสถานการณ์ในฝรั่งเศสว่า "ความคิดเห็นของภาคประชาชนในฝรั่งเศสกำลังเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้นตอน เรามีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรือบรรทุกเครื่องบินเฮลิค็อปเตอร์ Mistral และหลายคนในฝรั่งเศสคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องโง่ๆ (it is simply stupid) เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้ทำสัญญากันไว้แล้ว (แต่) ไม่ได้มีการส่งมอบในที่สุด และสัญญาดังกล่าวก็ยังถูกรบกวนอีก" (เรื่องเรือ Mistral นี้มีข่าวออกมาทุกสัปดาห์ ยังไม่จบซักที เพราะจักรวรรดิเฮเกไม่ต้องการให้รัสเซียได้เรือทั้งสองลำนี้ไป จึงสั่งไม่ให้ฝรั่งเศสส่งมอบให้รัสเซีย และต้องการให้รัสเซียกับอียูทะเลาะกันมากๆ ความเสียหายทุกด้านก็จะเกิดแก่ทั้งสองฝ่าย จอมเสี้ยมก็คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในภายหลัง)
    สุดท้าย Thierry Mariani กล่าวว่า "ผมคิดว่าความคิดเห็นภาคประชาชน กำลังทำให้มีการวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมหวังว่าการเดินทางมาเยือนรัสเซียของพวกเราในครั้งนี้จะเป็นการเร่งวิวัฒนาการนี้ให้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องออกมาตรการขนาดใหญ่ในการให้ความสนใจต่อความคิดเห็นนี้อย่างชัดเจน"
    เอาหละ... คราวนี้มาดูการเคลื่อนไหวจากฟากรัฐบาลฝรั่งเศสบ้างว่ามีอาการนั่งไม่ติดเก้าอี้อันเนื่องมาจากกรณีนี้อย่างไรบ้าง เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 สื่อฯรัสเซียรายงานว่า การมาเยือนไคร์เมียจากสมาชิกรัฐสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นในหมู่ประชาชนผู้อ่านข่าวจากสื่อฯของฝรั่งเศส รายงานข่าวบอกว่าประชาชนส่วนมากสนับสนุนการตัดสินใจของบรรดาเหล่าส.ส.ที่เป็นคณะผู้แทนฝรั่งเศสในครั้งนี้และคิดว่า ส.ส.เหล่านี้ได้ทำการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ซึ่งเป็นบางอย่างที่ปธน.Francois Hollande และ นาย Laurent Fabius รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศสล้มเหลวที่จะกระทำ
    ส่วนกรุงปารีส (ฝั่งรัฐบาลของฝรั่งเศส) ได้ออกมาประณามการตัดสินใจของคณะผู้แทนสมัชาแห่งชาติฝรั่งเศสในครั้งนี้ แต่นาย Nicolas Dhuicq หนึ่งในสมาชิกสภาฯได้ออกมาสั่งสอนกลับไปว่า "พวกรัฐบาลควรจะหุบปากของตนเองซะ! เนื่องจาก รัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะมาสั่งส.ส.ให้พูดอะไรและไปที่ไหนได้ (the government should keep its mouth shut, as it doesn't have the authority to tell MPs what to say and where to go.)" (โอ้โห... ชัดเจนแจ่มแจ้งมาก ฝ่ายค้านสวนหมัดตรงเข้าปากฝ่ายรัฐบาลทันที เงิบเลยทางนั้น ฮ่าๆๆ)
    มีหลายคนมาคอมเม้นท์ใต้ข่าวของสื่อฯฝรั่งเศสมาก และส่วนมากก็ไปในทางสนับสนุนการตัดสินใจของคณะผู้แทนฯชุดนี้ด้วย และสื่อฯรัสเซียก็เก็บตกมาฝากมากมาย อ่านแล้วเด็ดๆทั้งนั้น เช่น...
    "ส.ส.เหล่านี้กำลังทำในสิ่งที่นาย Fabius (รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศส) ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร - การรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับผู้คนผู้ที่ไม่จำเป็นต้องมีทัศนคติตรงกันกับคุณ (เสมอไป) สิ่งนี้เรียกว่าการทูต ไม่ใช่ "Siesta" (การนอนพักกลางวัน) ระหว่างประชุมอย่างเป็นทางการ"
    ส่วนอีกคนกล่าวว่า "ฝรั่งเศส [ยัง] ไม่ได้เป็นสหภาพโซเวียต! พรรคสังคมนิยม (socialist party ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในขณะนี้) ไม่ใช่พรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวในประเทศฝรั่งเศส และบรรดาส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นไม่ต้องขออนุญาตจากนาย Monsieur Fabius พวกเขาแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าประชาชน ไม่ใช่ต่อพรรครัฐบาล" เป็นต้น
    วันแรกคณะผู้แทนฝรั่งเศสเดินทางไปที่ไคร์เมียโดยมีเจ้าหน้าที่จากรัสเซียคอยอำนวยความสะดวกให้ วันที่สองไปคุยต่อที่รัสเซีย ฮ่าๆๆ... แบบนี้มันเย้ยจักรวรรดิเฮเกเห็นๆเลยนี่ ส่วนในเรื่องการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างรัสเซียกับฝรั่งเศสนั้น นาย Thierry Mariani กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียว่า "บรรดาบริษัทฝรั่งเศสยังคงอยากจะดำเนินธุรกิจของตนเองอยู่ในรัสเซียต่อไป แม้ว่าตะวันตกจะแซงชั่นต่อต้านรัสเซียก็ตาม ตั้งแต่มีการแซงชั่นมา ไม่มีใคร [ไม่มีบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสรายใด] ย้ายกิจการออกไปจากรัสเซียเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าบริษัทหลายแห่งเหล่านั้นต้องการที่จะอยู่ในรัสเซียและมีความเชื่อมั่นในอนาคตด้วย"
    ปิดท้ายให้ครับ อีกความคิดเห็นหนึ่งจากคณะผู้แทนสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสชุดนี้ที่ไปกระชับสัมพันธ์กับรัสเซีย เตรียมดึงคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า ซึ่งจะช่วยตรงนี้ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสก็อาจจะลดความน่าเชื่อถือในสหรัฐฯที่ดำเนินนโยบายโดดเดี่ยวรัสเซียและประโคมข่าวโจมตีรัสเซียมาโดยตลอด สร้างความเกลียดชังรัสเซียให้เกิดขึ้นในประชาชนทั่วไปในยุโรป และจะหันมาเทคะแนนนิยมให้พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะชาวนาเกษตรกรทั้งหลายด้วย
    โดยนาย Thierry Mariani ได้กล่าวว่า "หลังจากที่พวกเราได้รับฟังที่นี่ พวกเราก็รู้ได้ทันทีเลยว่า การที่ไคร์เมียหวนคืนไปอยู่รัสเซียอีกครั้ง เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างยุติธรรมแล้ว"
    เหมือนกับว่าพวกนักการเมืองฝ่ายค้านชาวฝรั่งเศสเหล่านี้รู้ว่าหรือเกรงว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่ๆ หากยังไม่รีบตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง เช่น เมื่อวันที่ 20 ก.ค.58 ที่ผ่านมา RT news รายงานว่านาโต้ส่งทหารจำนวน 1,800 นายจาก 18 ประเทศเข้าร่วมฝึกรบในยูเครน และนาย Geoffrey Pyatt เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเครนออกมาประกาศว่า กรุงวอชิงตันจะส่งรถ humvee ไปให้ยูเครนอีก 100 คัน เอาไปที่ไหน? ภูมิภาค Odessa ที่ซึ่งสหรัฐฯส่งนาย Saakashvili อดีตปธน.จอร์เจียหลบหนีคดีอาญาไปหลี้ภัยอยู่ที่ยูเครนและเป็นนักการเมืองรับจ้างของสหรัฐฯให้ไปเป็นผู้ว่าการภูมิภาค Odessa เมื่อเร็วๆนี้
    นโยบายของผู้ว่าฯรับจ้างที่พึ่งจะได้สัญชาติยูเครนมาหยกๆก็คือสร้างกองทัพ กรรม! เขาเตรียมจะเปิดสนามรบใหม่ขึ้นมาอีกแห่งใน Odessa หรือไง? นอกจากนี้หมอนี่ยังจะเอา FBI ของสหรัฐฯไปฝึกให้กับตำรวจยูเครนใน Odessa ด้วย ยังไม่เห็นว่าแกจะมีนโยบายอะไรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อประชาชนเลย ส่วนอีกข่าวหนึ่งจาก The Wall Street Journal ของสหรัฐฯบอกว่า เพนตาก้อนของสหรัฐฯเตรียมจะส่งระบบเรด้าร์ที่มีศักยภาพดีกว่าเดิมไปให้ยูเครนเพื่อใช้ในการตรวจจับขีปนาวุธจากฝั่ง DPR/LPR ด้วย ถ้าเขาอยากจะให้สงครามยุติแล้วจะส่งของพวกนั้นไปทำไม ทำไมถึงไม่สั่งไปเลยว่าให้มาคุยกันดีๆ ไม่ต้องสู้กัน? ไม่มีทางที่สหรัฐฯจะทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์เยอะมาก และแผนการที่ดำเนินมาทั้งหมดแต่แรกก็พังนะสิ แต่เอ... ครั้งก่อนนี้ก็เห็นลงข่าวว่าสหรัฐฯส่งมอบรถฮัมวี่ไปให้ยูเครนจำนวนหนึ่ง ต่อมาก็ดาวน์เกรดลงมาเป็นฟอร์ดเรนเจอร์ 4x4 เฉยเลย ไม่รู้ว่างานนี้จะกลายเป็นปิคอัพอย่างพวกไอซิสใช้หรือเปล่านะ?
    และล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่ารมว.กลาโหมของโปแลนด์ ยูเครน และลิธัวเนีย (หนึ่งในกลุ่มประเทศบอลติกโปรอเมริกา) ประกาศว่าจะจัดตั้งกองกำลังผสมร่วมกัน ซึ่งจะจัดซ้อมรบร่วมกันในต้นปีหน้า เป็นไงเล่ากลยุทธในการส่งทหารต่างชาติเข้าไปในยูเครนแบบเนียนๆ จากฝั่งสหรัฐฯ ให้พวกนี้ไปลุยกันเอง ส่วนสหรัฐฯก็ขายอาวุธให้อย่างเดียว ถ้าแพ้ เดี๋ยวฝึกให้ใหม่ ถ้าแพ้อีกก็อาจจะบอกว่าไม่มีจิตใจฮึกเหิมที่จะต่อสู้กับศัตรู เหมือนที่สหรัฐฯเคยออกมากล่าวหาทหารของอิรัคเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งๆที่ตัวเองฝึกมากับมือก่อนจะส่งลงสนามรบแท้ๆ เพื่อลดการขายหน้าให้กับตัวเอง ก็โยนไปให้ทหารอิรัคซะงั้น
    The Eyes
    25/07/2558
    ----------
    Referendum Saved Crimea From Donbass-Like Bloodshed - French Lawmaker / Sputnik International
    French Companies Want to Continue Business in Russia Despite Sanctions / Sputnik International
    French Delegation’s Visit to Crimea ‘Message’ to Russian Friends – Lawmaker / Sputnik International
    No grounds to keep Russia sanctions in place – French MPs visiting Crimea — RT News
    Irate French Farmers Want to Sell Produce to Russia / Sputnik International
    France's Main Squeeze / Sputnik International
    Hit and Miss (Out) / Sputnik International
    French Lawmakers Surprised by ‘Happy’ Citizens in Crimea’s Yalta / Sputnik International
    Audacious French MPs Visiting Crimea Get Support From Home Public / Sputnik International
    Ten Brave Men: Russian Official Praises French Lawmakers' Visit to Crimea / Sputnik International
    French Lawmakers’ Trip to Crimea Positive Signal for France-Russia Ties / Sputnik International
    http://www.rt.com/ne…/310305-ukraine-nato-military-exercise/
    FBI Will Train Odessa Police Force - Saakashvili / Sputnik International
    http://www.wsj.com/…/pentagon-prepares-to-send-better-radar…
    US Delivers 100 Humvees to Ukraine – Ambassador / Sputnik International
    Ukraine, Poland, Lithuania Set Up Joint Military Brigade / Sputnik International
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ฝ่าวิกฤติรอบใหม่....ค่าเงินปท.เกิดใหม่ร่วง เหตุกองทุนทั่วโลกเทขายดึงดอลลาร์กลับ หลังแนวโน้มศก.ชะลอตัว........................
    ดัชนีค่าเงินของประเทศเกิดใหม่หลักๆ ร่วงลงถึง 19% ในปีที่ผ่านมา โดยอ่อนค่าลงถึงจุดต่ำสุดในสัปดาห์นี้ สาเหตุจากแรงเทขายทั่วโลกของกองทุนการลงทุนและเก็งกำไร เพื่อดึงเม็ดเงินดอลลาร์กลับสู่สหรัฐ ส่งผลให้ต้องมองย้อนถึงวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงปี1999
    โดยเฉพาะค่าเงินรูเบิ้ลของรัสเซีย เงินเรียลของบราซิล และเงินเปโซของโคลัมเบีย ดิ่งลงลึกกว่า 30% ในระยะ 1 ปีมานี้
    ท่ามกลางบรรยากาศการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการตกต่ำลงของราคาสินค้าทางการเกษตรจตามดัชนีของบลูมเบิร์กที่คาดการณ์เมื่อกลางสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มของ global commodity index ร่วงลงต่ำที่สุดในรอบ 13ปี
    และถึงแม้ว่า การอ่อนตัวของค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ช่วยเหลือการส่งออกทีรมีราคาถูกลง แต่ผลดีจะยังไม่เกิดในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวจนเอื้ออำนวยต่อภาสะการค้ามากนัก ทั้งนีี้ไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์ว่าจีดีพีของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในปีนี้อยู่ที่ 4.2%นั้น นับเป็นอัตรการเติบโตต่ำสุดตั้งแต่ปี 2009
    เตือนระวังธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้ ทำให้ตลาดจับตาการประชุมเฟดเดือนก.ย.หรือต.ค.ถกเงื่อนเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ย fed fund rate ปัจจุบันอยู่ที่ 0.25%
    นอกจากนี้ เม็ดเงิน $ carry trade คือการกู้เงินดอลลาร์ดอกเบี้ยใกล้ 0% ซึ่งมีเม็ดเงินมากถึง 9ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อไปลงทุนในตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก รวมทั้งในตลาดเกิดใหม่ ตัวอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ที่มีค่าเงินอ่อนตัวลง เพราะแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ แล้วมีการดึงเงินทุนไหลออกนอกประเทศ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทยเดือนก.ค.นักลงทุนต่างชาติมียอดการขายสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท
    25/7/2015
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ปริมาณการค้าโลกหดตัว2%ในระยะ6เดือนที่ผ่านมา
    บาทอ่อนใช่ว่าจะช่วยการส่งออก เพราะว่าปริมาณการค้าโลกหดตัว2%ในระยะที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้ออ่อนแอลงเนื่องจากผู้บริโภคมีหนี้มาก ตกงานมาก เศรษฐกิจอ่อนแอในประเทศตะวันตก
    เศรษฐกิจโลกไม่ได้ฟื้นจริงเหมือนที่กองทุนหินดำบอกเอาไว้
    บาทอ่อนจะทำให้สินค้าแพงขึ้น ไม่ได้ประโยชน์จากน้ำมันที่ลดลง คนที่มีรายได้น้อยจะเจอภาวะข้าวยากหมากแพง เพราะว่าสภาพคล่องในประเทศกำลังแย่ลง สภาพคล่องส่วนหนึ่งโดนฝรั่งดูดกำไรออกไปหมด
    thanong
    24/7/2015
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ยุโรป อเมริกา ดื่มไดเอ็ดโค้ก และ เป๊ปซี่ลดลง เพราะกลัวเนื้องอกในสมอง"
    ... ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมายอดขายของ ไดเอ็ดโค้ก และ ไดเอ็ดเป๊ปซี่ ลดลง ประมาณ7%, 5.2% ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักๆจาก คนหันมาดื่มเครื่องดื่มสดใหม่จากธรรมชาติมากขึ้น, ที่ปลอดภัยจากสารเคมีที่ทดแทนความหวาน (แต่เพิ่มอันตราย ) อย่างสาร "Asphatame" ที่มีอันตรายต่อการเกิดเนื้องอกในสมอง และมีเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งออกมาให้เลือกมากขึ้น จนตอนนี้ทั้งสองบริษัทพยายามหาทางออกโดยการออกสินค้าตัวใหม่มาตอบสนองต่อเทรนด์นี้โดยเร็ว
    ... ความรู้สึกที่เลิกน้ำดื่มอัดลมได้มันเหมือนเอาโซ่ตรวนเหล็กที่มองไม่เห็นที่ล่ามสมองเรามานานออกไป ทำให้เราตัวเบามีอิสระเหมือนมีปีกบินไปไหนต่อไหนได้ไกล ... ที่สำคัญบินแบบปลอดภัยไร้มะเร็ง

    What is killing Diet Coke? - Business News - Business - The Independent
    .
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "สหภาพยุโรปป่วน 15,000 เกษตรกรปิดถนนประท้วง ราคาสินค้าตกต่ำ ขายไม่ได้หลังรัสเซียไม่รับซื้อ"
    ... หลังจากไปเดินตามก้นเน่าๆลายธงชาติอเมริกา โดยไปแซงซั่นการเงินการธนาคาร การอาวุธการทหารต่อรัสเซีย ไม่ส่งเรือMistral ให้กับรัสเซียสองลำ พี่หมีขาวปูตินก็เลยปล่อยหมัดสวนมาเต็มคาง ไม่รับซื้อสินค้าการเกษตรของอียูคืนบ้าง เริ่มมีผลมานานแล้ว แต่ยังทนไหว แต่มาปีนี้ สหภาพแรงงานเกษตรกรผู้รับบาปจากนายธนาคาร บอกว่าตรูไม่ไหวแล้ว จึงออกมาปิดถนนประท้วงที่เมิองลีออง ฝรั่งเศส
    ... โดยบอกว่าไม่ใช่แค่เรื่องราคาแต่มันป่วนทั้งระบบเลย ตั้งแต่โรงฆ่าสัตว์จนถึงโรงงานเลย ถ้าสินค้าขายไม่ออกส่งออกไม่ได้ ก็ต้องมาส่งออกไปในประเทศอียูด้วยกันเอง ดั๊มเพื่อตัดราคากันเอง "แล้วเราจะมีอียูไว้ทำไมหล่ะ" เกษตรกรคนหนึ่งบอกไว้ เช่นผลไม้ บางอย่างขายที่สเปนราคา 1ยูโร แต่ขายในฝรั่งเศส 40เซนท์ แต่ถ้าขายไปรัสเซียไม่ได้ต้องส่งกลับมาขายในประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลับมาขายประเทศตัวเอง แล้วราคาจะตกต่ำขนาดไหน ( ลองเปรียบเทียบว่า เราเคยส่งออกอาหารทะเลไปอียู แล้ววันหนึ่งอียูไม่รับซื้อ ต้องกลับมาขายในไทยแทน ราคาอาหารทะเลจะตกและถูกลงทันที )
    ( ... ตอนนี้ส่วนหนึ่งที่อียูแกล้งไทยเรื่องการประมง คงเพราะไม่มีเงินซื้อสินค้าด้วยเลยมาหาเรื่องไทยตามเมกาพ่องเขา เพราะรายได้ตกจากการเจอรัสเซียตอบโต้
    และถ้าคนไทยเอาคืนแบบรัสเซียบ้าง อียูคงได้ตายสนิท น่าลองเอาคืนดูบ้าง แอนตี้สินค้าอียูกันครับ )
    .
    French farmers union slams product dumping across EU | euronews, world news
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "จีน : ขอเจรจาเปิดฐานทัพทางทหารแห่งแรกในอาฟริกา ที่ประเทศจิบูตี"
    .
    ... การมีกองทัพเรือเพื่อคุ้มครองจักรวรรดิการค้าของมหาอำนาจไม่ได้มีแค่สมัยนี้ หรือสมัยบริษัทอินเดียตะวันออกเท่านั้น แต่มีมาตั้งแต่อาณาจักรคาร์เธจ โรมัน เพื่อเป็นการรับประกันว่าเส้นทางการค้าของตนจะปลอดภัย และ การทหารจะสามารถส่งกองเรือมาปกป้องได้
    ... "อเมริกา" มีอิทธิพลสืบต่อจากยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ติดหรือใกล้กับทางเดินเรือสำคัญเช่นทะเลแดง เช่นประเทศเอธิโอเปีย หรือ อบิสิเนียโบราณ หลังจากคลองสุเอซเปิดใช้ในปี 1869 ประเทศอาฟริกาแถบนี้สำคัญมากสำหรับมหาอำนาจที่ต้องควบคุมให้ได้
    ... "จีน" ก็มองเห็นจุดยุทธศาสตร์นี้ จึงได้เจรจาเปิด "ฐานทัพทางการทหาร" ในประเทศจิบูตี ทีเป็นเหมือนประตูทางเข้าทะเลแดงอีกแห่งหนึ่งรองจาก "เอเดน" ของเยเมน
    ... "สาธารณรัฐจิบูตี" เป็นนครรัฐในแอฟริกาตะวันออกในภูมิภาคจะงอยแอฟริกา จิบูตีมีอาณาเขตทางเหนือจดประเทศเอริเทรีย ทางตะวันตกและใต้จด "เอธิโอเปีย" ทางตะวันออกเฉียงใต้จด "โซมาเลีย" อาณาเขตส่วนที่เหลือคือชายฝั่งทะเลแดงและอ่าวเอเดน ในอีกด้านของทะเลแดงคือคาบสมุทรอาหรับในส่วนของประเทศ "เยเมน" ห่างจากฝั่งของจิบูตี 20 กิโลเมตร
    ... เดิมเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในช่วง พ.ศ. 2405-2443 ทั้งโซมาเลียและเอธิโอเปียต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือจิบูตี การสู้รบของกลุ่มชนเชื้อสายเอธิโอเปียกับโซมาเลียมีมาอย่างต่อเนื่องจนจิบูตีได้รับเอกราชเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2520 ( 1977 ) ปัจจุบันยังมีกองทหารฝรั่งเศสอยู่ในจิบูตี
    ... "จิบูติ" เป็นเหมือน สิงคโปร์ ของอาฟริกา เมืองท่าที่ให้บริการเรื่องชิปปิ้ง การจอดแวะเรือสินค้าเพื่อเติมน้ำมัน
    ... เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา "จีน" ได้เปิดเจรจาขอใช้จิบูติ ในการเป็นฐานทัพทางการทหาร เพื่อปกป้องผลประโยชน์ในย่านนี้ โดยประธานาธิบดี Ismail Omar Guelleh บอกว่าการพูยคุยกำลังดำเนินอยู่และจิบูติยินดีต้อนรับ "จีน" เสมอ ที่ตอนนนี้ จิบูติมี "ฐานทัพของอเมริกา" อยู่เป็นหน่วยพิเศษที่ต่อต้านการก่อการร้ายและปฏิบัติการอื่นๆในเขตเยเมนและอาฟริกา ส่วนฝรั่งเศสและ "ญี่ปุ่น" เองก็มีฐานในท่าเรือด้วย โดยต่างก็อ้างว่ามีไว้เพื่อต่อสู้กับโจรสลัดโซมาเลียในย่านนี้
    ... อเมริกานั้นยังมีฐานที่มั่นอย่างคุกลับของ ซีไอเอ อย่าง Black site ในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ติดทะเลของจุบูติทางตะวันตกอย่าง "เอธิโอเปีย" อีกด้วย
    ... "จีน" ปฏิเสธที่จะยอมรับข่าวนี้ที่ออกมาจากปากของทางการจิบูติเอง โดยได้แค่บอกว่า "การรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในย่านนี้จะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของหลายๆประเทศ" ( ซึ่งรวมทั้งจีนด้วย ) โฆษกของกระทรวงต่างประเทศจีนเคยกล่าวไว้
    ... เมื่อปี 2014 เดือนกุมภาพันธ์จีนได้ลงนามข้อตกลงกับจิบูติ และจะกลายเป็นฐานทัพประวัติศาสตร์ในอาฟริกาของจีน ตามที่อดีตเอกอัคราชทูตอเมริกา David Shinn ในเอธิโอเปียเคยกล่าวไว้
    ... ข่าวนี้ออกไปไม่นาน ก็มีข่าวว่า บารัก โอบาม่าออกข่าวจะมาเยือนอาฟริกาโดยจะเริ่มที่เคนย่าเพื่อเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องเอาหน้าเอาตา ได้ใจคนอาฟริกาพอหอมปากหอมคอ แล้วจะไปต่อที่เอธิโอเปียทันที ( ทั้งๆตั้งแต่เลือกตั้งมาในปี 2008 โอบาม่าที่มีเชื้อสายอาฟริกาไม่เคยทำอะไรเพื่อทวีปนี้เลย มีแต่ข่าวด้านร้ายที่เกี่ยวกับอเมริกาและซีไอเอ เช่น โจรโบโกฮารัม โรคอีโบล่า โจรอัลชาบับ ล่าสุด ISIL ก็กำลังจะส่งมาป่วนอาฟริกา ล้วนส่งมาทำลายอาฟริกาทั้งนั้น )
    ... และแน่นอน ลึกๆแล้ว "อเมริกา" ไม่ต้องการให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จ และแน่นอนว่าไม่มากไม่น้อย โอบาม่าต้องการมาบีบเรื่องนี้ด้วยแน่นอน เพราะเป็นที่รู้กันในทางภูมิศาสตร์การเมืองโลกว่า "อเมริกา" กำลังสกัดกั้นการขยายตัวของอิทธิพลของ "จีน" ในทุกภูมิภาคหรือจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ รวมทั้งอาฟริกาและจิบูติด้วย
    .
    'Historic' Chinese military base to open in Horn of Africa - DJIBOUTI - RFI
    https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศจิบูตี
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ผู้ว่าฯ สงขลา” ออกคำสั่งปกป้อง “เวที ค.3 ไฟฟ้าถ่านหินเทพา” ของ กฟผ.ห้ามกลุ่มค้านป่วน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 15:27 น. (แก้ไขล่าสุด 25 กรกฎาคม 2558 15:49 น.)

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เผย “ผู้ว่าฯ สงขลา” หยิบ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกคำสั่งห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวคัดค้าน “เวที ค.3 โรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือขนส่งถ่านหินเทพา” ของ กฟผ. ด้านภาคประชาชนชี้เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ และนโยบาย คสช.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ห้องประชุม สจรส. ชั้น 14 อาคาร LRC ม.อ.วิทยาเขตหาดใหญ่ ภายหลังจากมีการเปิดเวที “ค.3 ภาคประชาชน โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา พัฒนาหรือหายนะ” ซึ่งมีวิทยากรทั้งในพื้นที่ และจากทั่วประเทศกว่า 10 คน มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประชาชนชาวสงขลาได้ไม่นาน ปรากฏว่า ได้มีผู้นำเอาคำสั่งที่ลงนามโดย นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เรื่องการห้ามบุคคล หรือกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวหรือชุมนุมคัดค้านเวที ค.3 โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และท่าเรือขนส่งถ่านหินเทพา ซึ่งทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมากว้างขว้าง

    ทั้งนี้ เนื่องหาของคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าฯ สงขลา ลงวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าวนั้น มีรายละเอียดคือ คำสั่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เรื่อง ห้ามบุคคลและกลุ่มบุคคลเข้าไปชุมนุมเคลื่อนไหวหรือดำเนินการด้วยประการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เว้นแต่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาต หรือผู้ที่ได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่

    ด้วยขณะนี้จากการประมวลข้อมูลข่าวสาร สามารถสรุปสถานการณ์ และอาจมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่มีความเห็นต่างในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา อันอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนและรัฐ

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 มาตรา 22 และมาตรา 27(3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงออกคำสั่งห้ามบุคคล หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปชุมนุมหรือดำเนินการด้วยประการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในระหว่างเวลา 01.00 น. ของวันที่ 26 ก.ค.2558 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค.2558

    “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามนัยแห่งมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย”

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เนื้อหาของหนังสือคำสั่งดังกล่าวยังถูกหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์กันบนเวที “ค.3 ภาคประชาชน โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา พัฒนาหรือหายนะ” อย่างกว้างขวาง และมีนักกฎหมายให้ความคิดเห็นว่า คำสั่งนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ และนโยบายของ คสช.อีกด้วย

    http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084208
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หยิ่งไม่ไหว! “กรีซ” ยื่นจดหมายขอ IMF ช่วยสนับสนุนแพ็กเกจเงินกู้งวดใหม่
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 09:43 น.

    [​IMG]

    @ยูคลิด ซากาโลโตส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซ

    เอเอฟพี – รัฐบาลกรีซได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เพื่อขอให้ร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการสนับสนุนแพ็กเกจเงินกู้งวดที่ 3 แก่เอเธนส์ เมื่อวานนี้(24 ก.ค.) ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่า การเริ่มต้นพูดคุยระหว่างผู้แทนกรีซกับเจ้าหนี้ที่กรุงเอเธนส์อาจล่าช้าออกไป เนื่องจากเผชิญ “ปัญหาโลจิสติกส์” เกี่ยวกับอาคารสถานที่ที่จะใช้จัดการเจรจา

    รัฐบาลเอเธนส์ต้องการที่จะได้แพ็กเกจช่วยเหลือมูลค่า 86,000 ล้านยูโรจากยูโรโซนในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้รอดจากภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจซึ่งอาจทำให้กรีซต้องถูกขับออกจากกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินยูโร

    เดิมทีกรีซหวังที่จะพึ่งองค์กรเจ้าหนี้ยุโรปโดยไม่ง้องอนไอเอ็มเอฟ เพราะเคืองที่สถาบันการเงินนานาชาติแห่งนี้บีบให้กรีซต้องยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวด

    อย่างไรก็ตาม ยูคลิด ซากาโลโตส รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของเอเธนส์ ได้ตัดสินใจส่งจดหมายถึง คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ขอรับเงินกู้งวดใหม่ โดยชี้ว่ารัฐสภากรีซได้ผ่านกฎหมายปฏิรูปการคลัง 2 ฉบับตามที่องค์กรเจ้าหนี้เรียกร้องแล้ว ซึ่งครอบคลุมทั้งการขึ้นภาษีและปฏิรูประบบบำนาญ

    “รัฐบาลกรีซให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางการคลัง เสริมสร้างเสถียรภาพทางการคลัง สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดก็คือ กระจายต้นทุนการปรับปรุงเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม” ซากาโลโตส ระบุในจดหมายถึงไอเอ็มเอฟ ซึ่งลงวันที่ 23 ก.ค.

    “เราเชื่อว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายไตรมาสกว่าเศรษฐกิจกรีซจะสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับปัจจัยท้าทายเหล่านี้ได้ และกลับมาเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง มีความเป็นธรรม โดยที่สังคมมีส่วนร่วม”

    ไอเอ็มเอฟ ยืนยันว่าได้รับคำร้องจากรัฐบาลเอเธนส์แล้ว และจะมีการหารือกับผู้แทนกรีซและอียูเกี่ยวกับ “กรอบเวลาและรูปแบบ” ในการเจรจาเพื่ออนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลืองวดใหม่

    กรีซซึ่งเคยได้รับแพ็กเกจช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) และไอเอ็มเอฟ มาแล้ว 2 ครั้งตั้งแต่ปี 2010 ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้งวดที่ 3 จากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (European Stability Mechanism – ESM)

    รัฐบาลกรีซแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี(23)ว่า ผู้แทนจากองค์กรเจ้าหนี้จะเดินทางมายังกรุงเอเธนส์เพื่อเริ่มต้นพูดคุยกันในวันศุกร์(24) แต่ไม่นานก็ออกมาแก้คำแถลงใหม่เป็น “อีกไม่กี่วันข้างหน้า” เนื่องจากยังไม่ได้สถานที่จัดการเจรจาที่เหมาะสม รวมถึงสำนักงานที่ผู้แทนเจ้าหนี้จะต้องใช้ในการทำงาน

    “ภารกิจทุกอย่างตระเตรียมไว้หมดแล้ว แต่เรากำลังพุดคุยเรื่องสถานที่ เพราะต้องให้ได้ที่ที่เหมาะสมต่อการทำงาน และใกล้กับกระทรวงต่างๆ” แหล่งข่าวเผย

    ทั้งกรีซและเจ้าหนี้ยุโรปเผชิญแรงกดดันให้ต้องตกลงแพ็กเกจเงินกู้งวดใหม่ให้สำเร็จก่อนวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งกรีซจะถึงกำหนดชำระคืนหนี้ 3,200 ล้านยูโรให้แก่อีซีบี และในขณะนี้เอเธนส์ก็ยังไม่มีปัญญาจ่าย


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084103
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันลงต่อหวั่นศก.จีนชะลอตัว หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำปิดลบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 05:20 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันขยับลง 3 วันติดเมื่อวันศุกร์(24ก.ค.) หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนซ้ำเติมความกัวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด ปัจจัยนี้ประกอบกับข้อมูลขายบ้านสหรัฐฯฉุดวอลล์สตรีทปิดลบแรง ขณะที่ทองคำยังลงต่อเนื่อง ตามความคาดหมายว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 48.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 54.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ข้อมูลการผลิตของจีนที่ออกมาอ่อนแออย่างไม่คาดคิด กระพือความกังวลรอบใหม่ต่อภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลกและผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่

    บริษัทมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนกรกฎาคม ลดลงแตะ 48.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จาก 49.4 ในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต

    ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนดังกล่าวประกอบกับยอดขายบ้านชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในอเมริกา ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(24ก.ค.) ปิดลบพอสมควร แม้มีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจของบริษัทยักษ์ใหญ่

    ดาวโจนส์ ลดลง 163.39 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,568.53 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.50 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,079.65 จุด แนสแดค ลดลง 57.78 จุด (1.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,088.63 จุด

    ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงก่อแรงกดดันแก่สมาชิกดาวโจนส์อย่าง เชฟรอนและเอ็กซอนโมบิล ซึ่งปรับลดร้อยละ 2.5 และ 1.5 ตามลำดับ ขณะเดียวกันวอลล์สตรีท ยังได้รับผลกระทบจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนมิถุนายน

    ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทมีขึ้นแม้ว่าหุ้นของอเมซอนจะพุ่งทะยานถึงร้อยละ 10 หลังจากบริษัทแห่งนี้ปัดเป่าความคาดหมายว่าจะมีผลประกอบการขาดทุนในไตรมาส 2 โดยรายงานหลังปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ว่ามีกำไรสุทธิ 92 ล้านดอลลาร์และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20

    ส่วนราคาทองคำในวันศุกร์(24ก.ค.) ปิดลบต่อเนื่อง ท่ามกลางความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,085.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวประมงช้ำ! ไต้ฝุ่นนังกาถล่มญี่ปุ่นทำ “ทูนาครีบน้ำเงิน” ตายเกลื่อน 11,000 ตัว-เสียหาย 1,200 ล้านเยน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 11:48 น. (แก้ไขล่าสุด 25 กรกฎาคม 2558 11:50 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี – ไต้ฝุ่น “นังกา” ที่ซัดถล่มหมู่เกาะญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ปลาทูนาครีบน้ำเงินในฟาร์มของชาวประมงตายไปกว่า 11,000 ตัว สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านเยน สื่อแดนปลาดิบรายงานวันนี้(25 ก.ค.)

    ไต้ฝุ่นนังกาทำให้เกิดฝนตกหนักทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นในคืนวันที่ 16 ก.ค. ก่อนจะเคลื่อนที่ช้าๆ ไปทางทิศเหนือ และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน

    สำนักข่าวเกียวโดและหนังสือพิมพ์อาซาฮี รายงานว่า หลายพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักและลมกระโชกแรง ขณะที่ฝูงปลาทูนาในฟาร์มใกล้ชายฝั่งเมืองคุชิโมโตะ ริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ก็เกิดอาการแตกตื่นเนื่องจากท้องทะเลปั่นป่วน

    หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชี้ว่า คลื่นลมที่รุนแรงทำให้ปลาทูนาจำนวนมากถูกซัดกระแทกกับแบร์ริเออร์

    ข้อมูลจากฝ่ายบริหารส่วนท้องถิ่นระบุว่า การตายของฝูงปลาทูนาครีบน้ำเงินซึ่งมีราคาแพง และนิยมทำไปทำ “ซูชิ” ทำให้ชาวประมงต้องสูญเสียรายได้ราว 1,290 ล้านเยน (ราว 360 ล้านบาท)

    ทูนาครีบน้ำเงินมักเป็นปลามีราคาแพงสุดในการประมูลที่ตลาดทสึคิจิ ตลาดค้าส่งของทะเลใหญ่ที่สุดในโลกในกรุงโตเกียว

    เมื่อเดือนมกราคม ทูนาครีบน้ำเงินหนัก 180 กิโลกรัมที่จับได้ในธรรมชาติ ทำราคาประมูลไปได้ถึง 4.51 ล้านเยน (1.27 ล้านบาท)

    อย่างไรก็ดี นักสิ่งแวดล้อมเตือนว่า ความนิยมรับประทานซูชิที่แพร่หลายไปทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทูนาครีบน้ำเงินถูกล่ามากขึ้น และกำลังคุกคามต่อการดำรงอยู่ของปลาสายพันธุ์นี้

    ไต้ฝุ่นนังกาคร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไปอย่างน้อย 2 ราย และยังก่อให้เกิดน้ำท่วมฉบับพลันหลายจุด ขณะที่ทางการแดนปลาดิบต้องสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 230,000 คน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084145
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ วอนพลเมืองดี “เลิกจับอาวุธ” คุ้มกันสถาบันทหารหลังเหตุกราดยิงที่รัฐเทนเนสซี-ชี้จนท.ดูแลกันเองได้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 15:55 น.

    [​IMG]

    @คริส เมอร์ฟีย์ อดีตทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน ยืนถือปืนไรเฟิลคุ้มกันสำนักงานสรรหาบุคลากรของกองทัพในเมืองเอเวอเร็ตต์ มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 23 ก.ค.

    เอเจนซีส์ – กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วิงวอนให้พลเมืองดีที่ถืออาวุธมายืนคุ้มกันหน้าสถาบันทหารกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ วานนี้(24 ก.ค.) พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังสามารถดูแลความปลอดภัยหน่วยงานกองทัพเองได้ หลังเกิดเหตุกราดยิงสถาบันทหารในรัฐเทนเนสซีเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน

    เหตุการณ์คนร้ายกราดยิงสถาบันทหาร 2 แห่งในเมืองแชตตานูกา มลรัฐเทนเนสซี เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ทำให้ชาวอเมริกันบางคนฉวยปืนสั้นหรือปืนไรเฟิลของตนเองมาเป็นอาสาสมัครคุ้มกันที่หน้าสถาบันสรรหาบุคลากรของกองทัพ

    ปีเตอร์ คุก โฆษกเพนตากอน แถลงว่า กระทรวงกลาโหมมีความซาบซึ้งในน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากภาคประชาชน ทว่าการที่พลเรือนออกมาเป็นอาสาสมัครเช่นนี้ จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

    “ดังนั้น เราจึงขอร้องให้ประชาชนทุกคนโปรดอย่ายืนคุ้มกันที่หน้าสำนักงานสรรหาบุคลากรอีก เพราะจะส่งผลกระทบต่อภารกิจของเจ้าหน้าที่ หรือทำให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่ตั้งใจ” คุก กล่าว

    หนังสือพิมพ์ โคลัมบัส ดิสแพตช์ ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นในรัฐโอไฮโอ รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี(23) ที่ผ่านมา พลเมืองดีคนหนึ่งที่ถือปืนไรเฟิลอยู่หน้าสำนักงานสรรหาบุคลากรในรัฐโอไฮโอก็เกิดทำปืนลั่นขึ้น

    เหตุกราดยิงในค่ายทหารเรือและนาวิกโยธินที่เมืองแชตตานูกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้ทหารเรือและนาวิกโยธินเสียชีวิตรวม 4 นาย ก่อให้เกิดกระแสถกเถียงว่าเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ที่ทหารจะไม่พกอาวุธเวลาอยู่ในกรมกอง

    โมฮัมหมัด ยูซุฟ อับดุลอาซิส มือปืนชาวอเมริกันเชื้อสายคูเวตวัย 24 ปี ถูกตำรวจวิสามัญในที่เกิดเหตุ

    แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้สัญญาว่าจะปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสถาบันทหารต่างๆ แต่ถึงอย่างไรเสีย กองทัพก็ยังไม่สนับสนุนให้ทหารพกพาอาวุธขณะที่อยู่ในกรมกอง

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084217
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บินรบตุรกี” ทิ้งบอมเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด-ไอเอสในภาคเหนือของอิรักและซีเรีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 17:00 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี- เครื่องบินรบตุรกีโจมตีเป้าหมายพรรคนอกกฎหมาย Kurdistan Workers Party (พีเคเค) 7 จุดในภาคเหนือของอิรัก และยังแวะถล่มนักรบญิฮาดกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียด้วย สำนักนายกรัฐมนตรีตุรกีแถลงในวันนี้ (25)

    “เป้าหมายในการการจู่โจมครั้งนี้คือกลุ่มก่อการร้ายดาเอช (ไอเอส) ในซีเรียและกลุ่มก่อการร้ายพีเคเคในภาคเหนือของอิรัก” สำนักนายกฯ ระบุในถ้อยแถลง และกล่าวว่า ปฏิบัติการในภาคเหนือของอิรักดังกล่าวได้ทำลายแหล่งกบดานและโกดังเก็บอาวุธหลายแห่ง

    ถ้อยแถลงระบุถึงสถานที่ 7 แห่งในภาคเหนือของอิรักที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีดังกล่าว รวมถึงภูเขากันดิลที่ผู้นำทางทหารของพรรคพีเคเคพำนักอยู่

    นอกจากการโจมตีทางอากาศดังกล่าวแล้ว กองกำลังภาคพื้นของตุรกียังได้ทำการยิงปืนใหญ่ใส่กลุ่มไอเอสในซีเรียและพรรคพีเคเคในภาคเหนือของอิรักด้วย ถ้อยแถลงระบุ

    นายกรัฐมนตรี อาห์เหม็ด ดาวูโตกลู ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงเมื่อช่วงเช้าวันนี้ในกรุงอังการา เพื่อหารือเรื่องปฏิบัติการข้ามพรมแดน ถ้อยแถลงระบุเสริม
    “ที่ประชุมมีความเห็นชอบให้ใช้มาตรการเพิ่มเติมในการต่อสู้กับการก่อการร้าย และได้ให้คำแนะนำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติตาม”

    ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวมีขึ้นหลังจากช่วงสัปดาห์ของความรุนแรงในตุรกี ซึ่งมีทั้งการระเบิดฆ่าตัวตายที่ถูกชี้ว่าเป็นฝีมือของพวกไอเอส และการโจมตีตำรวจตุรกีที่พรรคพีเคเคอ้างความรับผิดชอบ

    การบุกโจมตีทิ้งระเบิดใส่กลุ่มไอเอสครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของตุรกี ซึ่งถูกกล่าวหามานานแล้วว่ามีท่าทีที่ดูเป็นมิตรกับนักรบญิฮาดกลุ่มนี้มากเกินไป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084206
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สู้ค่ายอื่นไม่ไหว 'มิตซูบิชิ'ถอนสมอเลิกผลิตรถ-ขายรง.ในสหรัฐฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2558 04:30 น.

    [​IMG]
    @(แฟ้มภาพเอพี) โรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ ในนอร์มอล ในอิลลินอยส์ ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2004

    เอเอฟพี - มิตซูบิชิ มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เผยเมื่อวันศุกร์(24ก.ค.) จะหยุดผลิตรถในสหรัฐฯและกำลังหาทางขายโรงงานที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ในอิลลินอยส์ หลังไม่สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งชาติเดียวกัน โดยทางบริษัทเล็งจะมาเน้นการทำธุรกิจในเอเชียให้เข้มแข็งขึ้น

    "หลังทบทวนห่วงโซ่อุปทานโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน เราได้รับทราบว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องยุติการผลิตและเสาะหาผู้ซื้อเชิงกลยุทธ์สำหรับโรงงานนอร์มอล" มิตซูบิชิ มอเตอร์ อเมริกาเหนือระบุในถ้อยแถลง

    อย่างไรก็ตามในถ้อยแถลงระบุว่า มิตซูบิชิ จะยังคงขายรถยนต์ของทางบริษัท ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่างๆตามแผน ณ ตัวแทนจำหน่ายเหมือนเดิม "ตลาดอเมริกาเหนือยังคงมีความสำคัญลำดับต้นๆของมิตซูบิชิ มอเตอร์"

    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจาก มิตซูบิชิ เคยหยุดผลิตรถยนต์ในยุโรปเมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมกับมุ่งเน้นความพยายามในเอเชีย สร้างโรงงานผลิตในไทยและซื้อโรงงานแห่งหนึ่งจากฟอร์ด ในฟิลิปปินส์

    สำหรับโรงงานอิลลินอยส์ ซึ่งใช้ผลิตเอาท์แลนด์เดอร์ สปอร์ต เปิดปฏิบัติการครั้งแรกตั้งแต่ 17 ปีก่อนและมีพนักงาน 1,250 คน อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว โรงงานแห่งนี้ผลิตรถยนต์แค่ 60,000 คันหรือราวครึ่งหนึ่งของขีดความสามารถเท่านั้น

    แม้ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯของมิตซูบิชิ ในไตรมาสแรกของปี 2015 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 24.9 เปอร์เซ็นต์ แต่บริษัทยังคงล้าหลังคู่แข่งสัญชาติเดียวกันในตลาดยานยนต์สหรัฐฯอย่างมาก โดยหากดูเฉพาะเดือนมิถุนายน พบว่า มิตซูบิชิ ขายรถยนต์ได้ 7,963 คัน ถือว่าเล็กน้อยอย่างมากเมื่อเทียบกับ โตโยต้า 209,912 คันและฮอนด้า 134,397 คัน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084065
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนไทยสุดช็อก!! นักวิจัยสถาบันความมั่นคงอาหารโลกแดนผู้ดีชี้ สุดเสี่ยง “กินข้าว” อาจเกิดมะเร็ง แต่มีวิธีแก้ ก่อนหน้าเคยค้นพบ “ข้าวกล้องมีสารหนูมากกว่าข้าวขาว” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 17:19 น. (แก้ไขล่าสุด 24 กรกฎาคม 2558 17:34 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ /ASTVผู้จัดการออนไลน์ – แอนดี เมฮาร์ก (Andy Meharg) ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษด้านวิทยาศาสตร์การเกษตรและดินประจำสถาบันเพื่อความมั่นคงอาหารของโลก (Institute for Global Food Security)ในมหาวิทยาลัยควีนส์ออฟเบลฟาสต์ที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของอังกฤษ ประกาศการค้นพบล่าสุดที่น่าทึ่งว่า ถึงแม้ “ข้าว” ที่เป็นอาหารหลักของคนกว่าครึ่งโลกนั้นจะมีสารหนูอนินทรีย์ (arsenic)ที่เป็นพิษสะสมในระดับสูง โดยสารนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เนื่องมาจากสภาพของต้นกล้าที่ต้องการอยู่ในที่ลุ่มน้ำ แต่ทว่างานวิจัยของเมฮาร์กที่เป็นการค้นพบครั้งแรกในโลกระบุว่า สามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยวิธีการหุงข้าวในเครื่องต้มกาแฟสามารถกำจัดสารหนูให้หมดไปได้ถึง 85% หลังก่อนหน้านี้ในปี 2008 นักวิจัยคนเดียวกันนี้พบว่า “ข้าวกล้องมีปริมาณสารหนูอนินทรีย์สะสมมากกว่าเมื่อเทียบกับข้าวขาวขัดสี”

    หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(23)ว่า แอนดี เมฮาร์ก (Andy Meharg) ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษด้านวิทยาศาสตร์การเกษตรและดินประจำสถาบันเพื่อความมั่นคงอาหารของโลก (Institute for Global Food Security)ในมหาวิทยาลัยควีนส์ออฟเบลฟาสต์ อังกฤษ ประกาศความสำเร็จครั้งแรกในโลกถึงวิธีการทำให้สารหนูอนินทรีย์ (arsenic) ที่เป็นสารพิษตามธรรมชาติสะสมอยู่ในข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของคนเกือบทั้งโลก รวมถึง ชาวไทย ให้หมดไปได้สำเร็จ

    ทั้งนี้สื่ออังกฤษชี้ว่า สารหนูนี้เกิดจากลักษณะของการเพาะปลูก ซึ่งข้าวเป็นพืชที่ต้องปลูกในพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง และยังพบว่าสารหนูตกค้างในข้าวนี้เป็นสาเหตุอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ทว่าการหุงข้าวในเครื่องต้มกาแฟแบบตั้งเตาไฟจะสามารถช่วยกำจัดสารพิษที่ทำให้ก่อมะเร็งได้สำเร็จถึง 85%

    เทเลกราฟอธิบายเพิ่มเติมต่อว่า “ข้าว” เป็นพืชเพียงชนิดเดียวที่ต้องเติบโตในสภาพน้ำที่ท่วมถึงในทุ่งนา และสภาพนี้ทำให้เกิดการปล่อยสารหนูที่เป็นสารอนินทรีย์ตามธรรมชาติออกมา และส่วนมากจะตกค้างอยู่ในแร่ธาตุดินในพื้นที่ ซึ่งต่อมาจะถูกดูดซึมโดยต้นกล้าที่ชาวนาทำการเพาะปลูก

    และการสะสมสารหนูในระดับสูงนั้นเป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านต่างๆตามมา

    เมฮาร์กนักวิจัยผู้ค้นพบให้ความเห็นว่า งานวิจัยครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวแรกของโลกในการค้นพบวิธีการป้องกันโรคมะเร็งที่เกิดจากสารหนูสะสมในระดับสูงในข้าวด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลมากที่สุด

    “ในงานวิจัยชิ้นนี้ ทางเราได้คิดค้นวิธีการหุงข้าวเพื่อที่จะกำจัดสารหนูอนินทรีย์ออกไป โดยทางคณะผู้วิจัยค้นพบว่า การใช้เทคโนโลยีกระบวนการกลั่นกาแฟด้วยการใช้เครื่องต้มกาแฟแบบตั้งเตาไฟที่พบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านเรือนมากำจัดสารหนูที่สะสมในข้าวได้รับผลดี เพราะภายในหม้อต้มกาแฟประเภทนี้จะช่วยทำให้น้ำเดือดยังคงไหลผ่านไปยังข้าวในลักษณะที่ไหลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทางคณะผู้วิจัยพบว่า “เทคโนโลยีการกลั่นประเภทนี้จะสามารถลดระดับสารหนูสะสมตกค้างภายในเมล็ดข้าวได้มากที่สุด” เมฮาร์กกล่าว

    นักวิจัยชาวอังกฤษยังระบุเพิ่มเติมว่า คนที่ต้องรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักและได้รับสารหนูตกค้างเป็นเวลานาน เสี่ยงที่สุดในการเกิดโรคด้านต่างๆที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคระบบประสาทถูกทำลาย แต่สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดในการได้รับสารหนูอนินทรีย์ในข้าวติดต่อเป็นเวลานานคือ “โรคมะเร็งปอดและโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ”

    สื่ออังกฤษยังระบุว่า นอกจากนี้องค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งยุโรป ( European Food Safety Authority : EFSA) พบว่า “ข้าว” ยังเป็นอาหารที่มีระดับสารหนูสะสมมากเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่น ดังนั้นเทเลกราฟจึงสรุปว่า ถือเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงสำหรับประชาชนในชาติที่ถือเป็นอาหารหลัก ซึ่งพบในหลายภูมิภาคของโลกที่กำลังพัฒนา เพราะมีความความเสี่ยงสูงเนื่องมาจากต้องบริโภคทุกวัน

    ทั้งนี้ สถาบันวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยควีนส์ออฟเบลฟาสต์กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการขอจดลิขสิทธิ์สำหรับการคิดค้นหม้อหุงข้าวแบบใช้เทคโนโลยีแบบการกลั่นกาแฟ และในไม่ช้าผู้บริโภคข้าวเป็นหลักจะสามารถหาซื้อเทคโนโลยีไว้ประจำครัวเรือนได้ในไม่ช้า

    อย่างไรก็ตาม สารหนูในข้าวซึ่งเป็น agent ทำให้เกิดโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องใหม่ จากบทความทางวิชาการของดร. นุชนาถ รังคดิลก และ รองศาสตราจารย์ ดร. จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์จากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์และ สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ว่าด้วย “ปริมาณของสารหนูในข้าว” ที่ถูกตีพิมพ์ 3 ปีก่อนหน้านี้บนเว็บไซต์ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมพิษวิทยาและจัดการสารเคมี (อพม) ยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างสารหนูอนินทรีย์และการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากการรับประทานข้าว

    โดยชี้จากรายงานการวิจัยของเอ เอช สมิธ (A. H. Smith) และคณะ ในปี 1992 ภายใต้หัวข้อการวิจัย “ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งจากสารหนูในน้ำดื่ม” หรือ Cancer risks from arsenic in drinking water ระบุว่า สารหนูอนินทรีย์ซึ่งถือเป็นสารหนูที่เป็นพิษมากกว่าสารหนูประเภทอื่นทั้งหมด และยังสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้จริง ทั้งนี้ในการวิจัยของสมิธพบว่า ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้นครอบคลุมไปถึง โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งที่ไต และโรคกระเพาะปัสสาวะ

    นอกจากนี้ในบทความชิ้นนี้ของสองนักวิจัยชาวไทยยังระบุว่า จากงานวิจัยในหัวข้อ “สารหนูในน้ำดื่มและความเสี่ยงของโรคมะเร็งทางเดินปัสสาวะ” (Arsenic in drinking water and risk of urinary tract cancer ) ของ Chen et al ในไต้หวัน ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ต่อเนื่อง พบว่า “การได้รับสารหนู ถึงแม้ว่าจะเป็นปริมาณน้อย แต่ได้รับเป็นระยะเวลานานตั้งแต่เกิดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น”

    และที่น่าสนใจมากกว่านี้ ในบทความของนักวิจัยชาวไทยระบุเพิ่มเติมว่า ในงานวิจัยของเมฮาร์กและคณะในปี 2008ภายใต้หัวข้อการวิจัย “Speciation and localization of arsenic in white and brown grains” พบว่า จากการศึกษาปริมาณสารหนูในข้าวขาว (39 ตัวอย่าง) และข้าวกล้อง (45 ตัวอย่าง) ที่เก็บมาจากหลายที่ทั้งซุปเปอร์มาเกต แปลงทดลองนาข้าวของเมฮาร์ก ค้นพบว่า “ข้าวกล้องมีปริมาณสารหนูอนินทรีย์สูงกว่าข้าวขาว”

    และในการศึกษาในปีถัดมา(2009) ของเมฮาร์กจากการสุ่มตัวอย่างหาสารหนูอนินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ข้าวขาวขัดสีจาก 10 ประเทศ (4 ทวีป) รวมทั้งข้าวจากประเทศไทยด้วย พบว่า ตัวอย่างข้าวจากประเทศอียิปต์และอินเดียมีปริมาณเฉลี่ยของสารหนูทั้งหมดต่ำที่สุด (0.04 และ 0.07 mg/kg ตามลำดับ) และข้าวจากประเทศอเมริกาและฝรั่งเศสมีปริมาณสารหนูทั้งหมดสูงที่สุด (0.25 และ 0.28 mg/kg ตามลำดับ) ส่วนข้าวขาวจากประเทศไทย (54 ตัวอย่าง) มีปริมาณสารหนูทั้งหมด 0.14 mg/kg (0.01-0.39 mg/kg)

    และนอกจากนี้ บทความของของดร. นุชนาถ รังคดิลก และ รองศาสตราจารย์ ดร. จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในจีน ประเทศที่ถือว่า ข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับไทย พบว่าชาวจีนได้รับสารหนูอนินทรีย์เฉลี่ยถึงวันละ42 μg และข้าวเป็นต้นเหตุสำคัญในการสะสมสารหนูถึง 60% ของชาวจีนซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง โดยการอ้างอิงมาจากการวิจัยของLi และคณะในปี 2001


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000083976
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารกลางกรีซผ่อนปรนมาตรการควบคุมเงินทุนบางส่วน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 23:34 น.

    [​IMG]

    @ธนาคารต่างๆของกรีซกลับมาเปิดทางการอีกครั้ง ขณะที่ในวันศุกร์(24ก.ค.) ทางธนาคารกลางเหล่าธนาคารพาณิชย์ของประเทศ ซึ่งการบริการของพวกเขาถูกจำกัดอย่างรุนแรงนับตั้งแต่มาตรการควบคุมเงินทุนถูกบังคับใช้ในวันที่ 29 มิถุนายน เวลานี้ได้รับอนุญาตให้ชำระเงินแก่ประเทศอื่นๆ จาก 50,000 ยูโร เป็นสูงสุด 100,000 ยูโร

    เอเอฟพี - กรีซเมื่อวันศุกร์(24ก.ค.) ผ่อนคลายมาตรการควบคุมเงินทุนลงบางส่วนสำหรับช่วยปลดเปลื้องบริษัทต่างๆที่ทำธุรกิจอยู่ต่างแดน หลังบังคับใช้เมื่อเกือบ 1 เดือนก่อน เพื่อปกป้องประเทศที่หนี้สินล้นพ้นตัวแห่งนี้จากการล่มสลายทางการเงิน

    นายยานนิส สตูร์นาราส ประธานธนาคารกลางกรีซเผยว่าเหล่าธนาคารพาณิชย์ของประเทศ ซึ่งการบริการของพวกเขาถูกจำกัดอย่างรุนแรงนับตั้งแต่มาตรการควบคุมเงินทุนถูกบังคับใช้ในวันที่ 29 มิถุนายน เวลานี้ได้รับอนุญาตให้ชำระเงินแก่ประเทศอื่นๆ จาก 50,000 ยูโร เป็นสูงสุด 100,000 ยูโร

    "ในช่วง 10 วันข้างหน้า เราจะคลี่คลายปัญหาที่เกิดจากมาตรการควบคุมเงินทุน" สตูร์นาราส บอกหลังจากหารือกับตัวแทนนายจ้างและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง

    ในฐานะหนึ่งในมาตรการที่บังคับใช้เพื่อหยุดยั้งความตื่นตระหนก ป้องกันไม่ให้เงินไหลออกจากระบบการเงินของกรีซ เหล่าบริษัทต่างๆถูกกำหนดให้ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมาธิการรัฐบาลก่อนถึงสามารถโอนเงินต่างประเทศได้ กระบวนการที่ช้าเกินไปสำหรับเหล่าซัพพลายเออร์ที่ต้องการให้ชำระเงินล่วงหน้า

    นายสตูร์นาราส เผยต่อว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการสำหรับอนุมัติกาจ่ายเงินของบริษัทต่างๆแก่ประเทศอื่นๆในทุกธนาคารเพื่อเร่งรัดการเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการรัฐบาลกลางอีกทางหนึ่งด้วย

    แม้ว่าการบริการของธนาคารต่างๆยังถูกจำกัด แต่นายสตูร์นาราส ประกาศว่าสถานการณ์เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง และระบุระดับการอนุมัติชำระเงินต่างประเทศที่รัฐบาลอนุมัติช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับช่วงภาวะปกติของเศรษฐกิจกรีซ

    ธนาคารกลางเผยว่าระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน จนถึง 23 กรกฎาคม รัฐบาลอนุมัติให้บริษัทต่างๆในทุกภาคส่วน ไล่ตั้งแต่อาหาร พลังงาน เภสัชกรรมและวัตถุดิบ ชำระเงินต่างประเทศเป็นจำนวนกว่า 1,500 ล้านยูโร หลังจากก่อนหน้านี้เหล่าบริษัทต่างๆของกรีซ แสดงความกังวลต่อมาตรการควบคุมเงินทุน ซึ่งบังคับใช้โดยไม่ได้กำหนดวันหมดอายุ โดยคร่ำครวญว่าพวกเขาเสี่ยงเจอปัญหาขาดแคลนหากไม่สามารถเติมสต๊อกจากซัพพลายเออร์ต่างชาติ

    ธีโอโดรอส เฟสซาส ประธานสหพันธ์นายจ้างของกรีซ กล่าวหลังจากพบปะกับธนาคารกลางว่าตัวเลขการนำเข้าของกรีซมีมูลค่าราว 40,000 ล้านยูโรต่อปี หรือประมาณ 150 ล้านยูโรต่อวัน ส่วนประธานหอการค้าเอเธนส์ระบุมาตรการควบคุุมเงินทุน ซึ่งทำให้ธนาคารต่างๆต้องปิดบริการนาน 3 สัปดาห์ ก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจกรีซราวๆ 3,000 ล้านยูโร


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084035
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผอ.FBI ยอมรับ กลุ่มไอเอสเป็นภัยคุกคามมะกันชน ยิ่งกว่าอัลกออิดะห์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 15:50 น.

    [​IMG]
    เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ)

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ออกมาระบุในวันพฤหัสบดี ( 23 ก.ค.) ว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของชาวอเมริกัน ที่ใหญ่หลวงกว่า ภัยคุกคามจากเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์

    ผู้อำนวยการเอฟบีไอออกมาแสดงท่าทีดังกล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมหารือในเวที “Aspen Security Forum ” โดยระบุนอกจากกลุ่มไอเอส จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของชาวอเมริกันและสันติภาพของโลกแล้ว ทางเอฟบีไอและหน่วยงานด้านข่าวกรองอื่นๆของสหรัฐฯ ต่างพบหลักฐานว่า กลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งมีที่มั่นอยู่ทางภาคตะวันออกของซีเรีย และภาคตะวันตกของอิรักในขณะนี้ ได้ใช้การโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางสื่อประเภท “โซเชียล มีเดีย” โดยเฉพาะทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย ให้หลงเชื่อและเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมสุหนี่สุดโต่งกลุ่มนี้

    โคมีย์ยอมรับว่า ที่ผ่านมา พบชาวอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่ 18 – 62 ปีจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังซีเรีย เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสโดยตรง

    แต่บอสใหญ่แห่งเอฟบีไอ วัย 54 ปี ซึ่งเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2013 ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า คือ บรรดาชาวอเมริกันส่วนที่ยังอยู่ในแผ่นดินอเมริกา แต่ถูกปลูกฝังความเชื่อแบบสุดโต่งผ่านทางสื่อออนไลน์ และกลายเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มไอเอส ที่พร้อมจะลงมือก่อเหตุโจมตีพื้นที่ต่างๆ ทั่วเมืองลุงแซม

    ในอีกด้านหนึ่ง ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ยอมรับว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า มูฮัมหมัด ยุสเซฟ อับดุลอาซีซ มือปืนที่ก่อเหตุโจมตีที่เมืองแชททานูกา เมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของมลรัฐเทนเนสซี ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นทหารอเมริกัน 5 นายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะถือเป็นหนึ่งในจำนวนพลเมืองอเมริกันที่ถูก “ล้างสมอง” โดยกลุ่มไอเอสด้วยหรือไม่

    ก่อนหน้านี้เมื่อ 20 ก.ค. พล.อ.เรย์ โทมัส โอดีแอร์โน ประธานเสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงจากเว็บไซต์ “ดีเฟนส์นิวส์ ดอตคอม” โดยระบุว่า ต่อสู้เพื่อกวาดล้างกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) อาจต้องใช้เวลายาวนาน 10-20 ปีถือเป็นกรอบเวลาที่นานกว่า ที่รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามาประเมินไว้

    เขาเชื่อว่าการกวาดล้างกลุ่มไอเอสจะไม่ใช่ปัญหาระยะสั้น ที่แก้ได้ลุล่วงภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เคยประเมินเอาไว้

    ขณะเดียวกัน การกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่มีแนวคิดสุดโต่งกลุ่มดังกล่าวก็จะไม่สามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 3-5 ปีอย่างที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา คาดการณ์เอาไว้เช่นเดียวกัน

    นายพลระดับ 4 ดาว วัย 60 ปีรายนี้ซึ่งเคยผ่านการสู้รบในสงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่อปี ค.ศ. 1990 และสงครามบุกอิรักในปี 2003 มาแล้วระบุว่า สหรัฐอเมริกาและบรรดาชาติพันธมิตรอาจต้องใช้เวลายาวนาน 10-20 ปี กว่าจะกวาดล้างกลุ่มไอเอสได้สิ้นซาก และการกำจัดภัยคุกคามของกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่งกลุ่มนี้ ถือเป็นภารกิจระยะยาวที่ต้องอาศัย “ความต่อเนื่องในเชิงนโยบาย” ของบรรดาผู้ที่จะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมืองลุงแซมอีกหลายคนนับจากนี้

    อย่างไรก็ดี แม่ทัพคนดังแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนหน้านี้ออกโรงเตือนว่า ลำพังการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถกำจัดกลุ่มไอเอสได้ แต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่สหรัฐฯ จะต้องใช้ทั้งเครื่องมือทางเศรษฐกิจและเครื่องมือทางการทูตควบคู่กันไป

    แหล่งข่าวด้านความมั่นคงภายในสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ประเมินว่าในขณะนี้กลุ่มไอเอสสามารถยึดครองพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ กว่า 10 ล้านคนทั้งในภาคตะวันออกของซีเรียและภาคตะวันตกของอิรัก รวมถึงพื้นที่ยึดครองอีกส่วนหนึ่งในลิเบีย

    ทั้งนี้ กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสนี้ในความเป็นจริงแล้วถือกำเนิดมาตั้งแต่เมื่อปี 1999 ในชื่อกลุ่มติดอาวุธ “ญะมาอัต อัล-ตอว์ฮิด วัล-ญิฮัด” ก่อนจะประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์เมื่อปี 2004

    อย่างไรก็ดี เหล่าแกนนำซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอิรัก ได้เห็นพ้องให้มีการเปลี่ยนชื่อของกลุ่มเป็น กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรัก (Islamic State of Iraq : ISI) เมื่อเดือนตุลาคม 2006ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อกลุ่มอีกหลายหน และตามมาด้วยการแยกตัวออกจากกลุ่มอัลกออิดะห์เพื่อเดินหน้าสร้างรัฐอิสลามสุดโต่งเป็นของตัวเอง

    ข้อมูลจากซีไอเอและแหล่งข่าวภายในกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดระบุว่า ในปัจจุบันกลุ่มไอเอสมีนักรบในสังกัดระหว่าง 52,600–257,900 คน และมีแหล่งรายได้สำคัญมาจากการค้าน้ำมัน การค้าวัตถุโบราณ การขูดรีดภาษีจากประชาชนในพื้นที่ยึดครอง รวมถึงรายได้จากเงินบริจาค ซึ่งเชื่อว่ามีต้นตอมาจากราชวงศ์ของกาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000083934
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คดีฆ่านักท่องเที่ยวผู้ดีเกาะเต่ายังไม่จบ ตำรวจไทยสุดชุ่ยเงื่อนงำเพียบ!! ไม่เช็ก CCTV ท่าเรือหลบหนีหลัก –ศาลไทยอนุญาตทนายแรงงานพม่า “หลักฐาน DNA ตรวจซ้ำได้” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 12:47 น. (แก้ไขล่าสุด 24 กรกฎาคม 2558 13:07 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ความคืบหน้าคดีสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปีบนเกาะเต่าในวันที่ 15 กันยายน 2014 ล่าสุดในการไต่สวนในชั้นศาลเกาะสมุยเมื่อวานนี้(23) พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผกก.สส.ภ.8 ออกมายอมรับว่า “ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณท่าเรือช่องทางหลบหนีเดียวออกนอกเกาะเต่าติดกับหาดที่เกิดเหตุฆาตกรรม” อ้างเหตุผลเนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงแม้จะมีการรายงานพบเห็นเรือเล็กวิ่งออกไปจากเกาะหลังเกิดเหตุก็ตาม ในขณะที่ศาลไทยอนุญาตให้ทนายแรงงานพม่า สามารถยื่นขอตรวจซ้ำหลักฐาน DNA ได้

    เดอะมิเรอร์ และบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(23)ว่า ทนายความฝ่ายจำเลยของเวพิว หรือวิน ไม่มีนามสกุล อายุ 21 ปี สัญชาติพม่า เชื้อสายยะไข่ และซอ ลิน หรือโซเรน ไม่มีนามสกุล อายุ 21 ปี สัญชาติพม่า เชื้อสายยะไข่ ขื้นซักค้านในการไต่สวนชั้นศาลคดีฆ่าสังหาร นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปีบนเกาะเต่า

    โดยในการกล่าวซักค้าน นคร ชมพูชาติ ทีมทนายความฝ่ายจำเลยอ้างว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนไทยเจ้าของคดีไม่ยอมตรวจสอบกล้องทีวีวงจรปิดซึ่งติดตั้งบริเวณท่าเรือเกาะเต่าหลังจากเกิดเหตุ ถึงแม้ว่าจะมีรายงานว่า มีการพบเห็นเรือเล็ก 1 ลำวิ่งออกนอกเกาะไม่นานหลังเกิดเหตุฆาตกรรมแล้ว

    ทั้งนี้เดอะมิเรอร์ชี้ว่า ท่าเรือแห่งนี้เป็นช่องทางเดียวที่คนร้ายจะสามารถหลบหนีออกนอกเกาะได้ และอีกทั้งยังใกล้กับหาดจุดเกิดเหตุฆาตกรรมเขย่าขวัญ

    ด้านฝ่ายไทย พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผกก.สส.ภ.8 ขึ้นให้การต่อศาลเกาะสมุยยอมรับว่า “ไม่ได้ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณท่าเรือที่ช่องทางหลบหนีออกนอกเกาะเต่าจริง” เพราะไม่เห็นว่ามีความข้องเกี่ยวในคดีนี้

    โดยนคร ทนายความฝ่ายจำเลยชาวพม่ากล่าวในศาลว่า “กระผมได้ถามตำรวจว่า ได้มีการตรวจภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดบริเวณท่าเรือหรือไม่ ซึ่งพ.ต.อ.เชิดพงษ์ พยานในคดีนี้ได้ตอบว่า “ไม่” ถึงแม้ว่าจะมีการเก็บรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ แต่ทางทีมตำรวจสอบสวนเจ้าของคดีกลับไม่ตรวจสอบ โดยอ้างเพียงว่า “ไม่มีความเกี่ยวข้อง” ”

    และบีบีซี รายงานเพิ่มเติมว่า ทางทีมทนายความของผู้ต้องสงสัยชาวพม่าทั้งสอง ร้องขอต่อศาลเกาะสมุยให้อนุญาต ตรวจสอบหลักฐาน DNA อีกครั้งเพื่อหาเงื่อนงำเพิ่มเติม

    และเป็นเพราะขาดพยานที่พบเห็นเหตุการณ์จึงทำให้ DNA ถือเป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียวที่จะสาวไปถึงตัวคนร้ายได้ ทั้งนี้ในการขึ้นให้การต่อชั้นศาล บีบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมายืนยันว่า สามารถตรวจสอบหลักฐาน DNA อีกครั้งได้

    สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนครจากการรายงานของ Sentinelrepublic สื่อออนไลน์ โดยทนายความฝ่ายจำเลยชาวพม่าผู้นี้กล่าวว่า ทางศาลได้สั่งให้ทางจำเลยส่งคำร้องระบุถึงตัวอย่าง DNA พร้อมเจาะจงประเภทที่ต้องการตรวจซ้ำ

    และในชั้นศาล ทางพนักงานสอบสวนตกลงที่จะยอมส่งมอบจอบ อาวุธสังหาร รวมไปถึงรองเท้า และถุงพลาสติก เพื่อตรวจสอบ

    ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ของอัยการฝ่ายไทย ได้ออกมาแถลงว่า DNA หลักฐานนั้นมัดตัวผู้ต้องสงสัยคนงานพม่า เวพิว และโซเรนแต่ทางทนายความฝ่ายจำเลยระบุว่า คนทั้งสองจำต้องยอมรับสารภาพหลังจากโดนตำรวจสอบสวนใช้วิธีการสอบปากคำแบบทารุณ แต่ภายหลังคนทั้งคู่กลับคำให้การปฎิเสธไม่เป็นผู้กระทำผิดในคดีนี้

    นอกจากนี้ทีมทนายฝ่ายจำเลยแรงงานพม่ายังออกมาระบุว่า รายงานการตรวจสอบหลักฐาน DNA ที่ร่วมจัดทำโดยทางตำรวจไทยและเจ้าหน้าที่ชันสูติอังกฤษนั้นมีความขัดแย้ง

    และในต้นเดือนนี้ ตำรวจไทยได้ออกแถลงการณ์ขัดแย้งเกี่ยวกับหลักฐาน DNA อ้างว่า มีบางส่วนสูญหาย หรือได้ใช้ตัวอย่าง DNA ไปหมดแล้ว

    Sentinelrepublic รายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ว่า เวพิว และโซเรน ผู้ต้องสงสัยชาวพม่าเป็นแพะในคดีนี้เพราะสถานภาพเป็นผู้ใช้แรงงานพม่าในไทยที่มักจะถูกกดขี่ เอาเปรียบ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม รวมไปถึงมีภาพลักษณ์ในแง่ลบ ซึ่งตกเป็นเป้าของตำรวจได้ง่ายในการยัดคดี




     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    พิษสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจ หมูฝรั่งเศสทนไม่ไหวค่าตัวถูกเกิน รวมตัวกันประท้วงในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมือง Agen

    [​IMG]

    ----------
    สวัสดียามดึกแฟนเพจทุกท่าน... วันนี้ขอจัดข่าวเบาๆให้ก่อนนะครับ ที่เห็นในภาพหนะของจริงนะครับ ไม่ใช่ตัดต่อมาจากหนังฮอลลิวูดนะ คืออย่างนี้ครับ... สืบเนื่องจากการที่พวกนักการเมืองตะวันตกร่วมมือกับสหรัฐฯเปิดสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจกับรัสเซียจึงถูกรัสเซียตอบโต้กลับอย่างหนักหน่วงให้สมน้ำสมเนื้อและแถมให้อีกตะหาก สไตล์คุณปูตินก็คือว่าไม่รุกรานใคร ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร (หากไม่จำเป็น) แต่เมื่อถูกกระทำหรือถูกรังแกก่อน ก็พร้อมที่จะตอบโต้ในทันทีทันใดเช่นกัน ส่วนรายละเอียดต่างๆนั้นก็เคยเล่ามาให้ฟังอยู่บ่อยๆ
    หลังจากที่อียูถูกมาตรการสั่งห้ามนำเข้าอาหารและสินค้าทางการเกษตรมาขายในรัสเซีย ก็เดือดร้อนกันไปทั่วอียูและทั่วโลก ที่หนักสุดก็คือเกษตรกรชาวอียูที่เคยค้าขายกับรัสเซียนี่แหละ พอส่งออกไปที่รัสเซียไม่ได้ เขาก็พากันประท้วง ปิดถนน นำขยะ มูลสัตว์ไปเทปิดถนนหลายสายบ้าง เทใส่หน้าซุปเปอร์มาเกตบ้าง จนพวกนักการเมืองฝ่ายค้านของฝรั่งเศสเริ่มจะทนไม่ไหวจึงรวมตัวกันไปดูต้นตอสาเหตุของปัญหาที่พวกรัฐบาลสหรัฐฯและอียูนำมาเป็นข้ออ้างในการทำลายเศรษฐกิจรัสเซียและอียูในครั้งนี้ ซึ่งก็คือไคร์เมีย โดยไปในนามของ "คณะผู้แทนสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส" แม้รัฐบาลฝรั่งเศสที่ยอมให้สหรัฐฯจูงจมูกจะห้ามก็ไม่ฟัง เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของส.ส.ฝรั่งเศส พอไปถึงแล้ว ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนักการเมืองฝั่งรัฐบาลกล่าวอ้างซักหน่อยนิ
    ประชาชนที่นั่น (ไคร์เมีย) เขาก็ดูยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุขดี และคณะผู้แทนชุดนี้ก็ออกประกาศเลยว่า ไคร์เมียมีความชอบธรรมที่จะรวมเข้ากับรัสเซีย (ฮ๊ะ! ทำไมความเห็นของพวกนักการเมืองฝรั่งเศสชุดนี้ถึงได้แตกต่างจากฝั่งสหรัฐฯและรัฐบาลยุโรปหละนี่?) คณะผู้แทนเหล่านี้ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย โดยหวังว่ารัสเซียอาจจะยกเลิกแซงชั่นอียูก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะเป็นการช่วยให้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสและอียูบางประเทศที่จะยกเลิกแซงชั่นรัสเซียกลับมาเป็นปรกติได้อีกครั้งหนึ่ง
    ส่วนความเดือดร้อนของภาคเกษตรกรฝรั่งเศสนั้นก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ล่าสุดรายงานข่าวบอกว่าชาวนาในฝรั่งเศสทนต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อไปอีกไม่ไหว จึงยกระดับการประท้วงขึ้นมาอีก จากการปิดถนน เทขยะ ก็กลายเป็นนำน้องหมู อู้ดๆ สามตัวไปเดินเล่นแบบฟรีสไตล์ในซุปเปอร์มาร์เก็ตซะเลย น้องหมูที่ไม่ได้อาบน้ำปะแป้งแต่งตัวให้สวยงานก่อนเข้าไปช็อปปิ้งในเมือง เคยอยู่ในคอกคลุกขี้หมูมาอย่างไรก็ไปลุยกันอย่างนั้นเลย หลังจากที่เดินดูข้าวของได้สักพัก เจอแอร์เย็นๆ พื้นกระเบื้องเย็นๆเข้า ก็เกิดอาการง่วงซะนี่ งั้นขอนอนพักในซุปเปอร์มาร์เก็ตอาบแอร์เย็นๆซักงีบก่อนละกัน ประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่เคยเห็นน้องหมูมาเที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็พากันถ่ายรูปถ่ายคลิปกันใหญ่ ส่วนน้องหมูปวดฉิ่งฉ่อง ไม่รู้ทางไปห้องน้ำ ขืนไปก็ใช้บริการไม่ได้แน่ๆ งั้นก็ปล่อยมันตรงนั้นแหละ แล้วนอนกลิ้งเล่นซะเลย เย็นดี ฮี่ๆๆๆ
    ไม่ใช่เฉพาะฝรั่งเศสนะที่เริ่มมีอาการ "ทนไม่ไหวแล้วโว้ย" เมื่อวานนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า สหภาพผู้ผลิตสินค้าเกษตรและเจ้าของป่าไม้กลางของฟินแลนด์ (Finland’s Central Union of Agricultural Producers and Forest Owners - MTK) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศฟินแลนด์ให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตนม เพื่อให้อยู่รอดในช่วงวิกฤตปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากถูกรัสเซียแซงชั่นกลับ เพราะไปหาเรื่องรัสเซียก่อนนั่นเอง
    รายงานข่าวทางโทรทัศน์ Yle อ้างคำพูดของตัวแทนสหภาพฯ MTK ว่า "ราคาผลิตภัณฑ์นมได้ตกต่ำและเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นจริงในประเทศฟินแลนด์ ที่รัฐบาลควรจะจัดสรรแพคเกจความช่วยเหลือด้านการเงินให้กับเกษตรกรผู้ผลิตนม"
    พูดง่ายๆก็คือเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินชดเชยส่วนที่ลดลงจากราคาก่อนหน้านี้นั่นเอง ดูซิว่ารัฐบาลของประเทศเหล่านั้นจะทนต่อสภาพนี้ไปได้สักเท่าไร เพราะนอกจากจะถูกรัสเซียห้ามนำสินค้าเข้าไปขายในรัสเซียแล้ว ยังจะมีสินค้าจากข้อตกลง Transatlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) ระหว่างอียูกับสหรัฐฯเข้าไปถล่มอียูอีกด้วย
    คราวนี้สินค้าจากสหรัฐฯก็จะไหลทะลักเข้าไปตีตลาดและกดราคาในอียูหนักเข้าไปอีก ซวยซ้ำสองไหมหละนั่น แน่นอนว่าอียูอาจจะหลงคารมสหรัฐฯว่าจะสามารถไปเปิดตลาดในสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสินค้าทางการเกษตรทุกอย่างของอียูจะสามารถเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯได้ซะที่ไหนหละ โดยเฉพาะพวกพืชผักสดทั่วไป ซึ่งหากจะส่งไปขายที่สหรัฐฯก็ย่อมต้องใช้เวลานาน เน่าพอดี และไหนจะเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นไปอีกด้วย ไม่คุ้มแน่ๆ เมื่อเทียบกับสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันแต่มีราคาที่ถูกกว่า ใครจะไปซื้อของแพงไปรับประทานกันหละครับ?
    ถ้าขืนอียูยังทะเลาะกับรัสเซียต่อไป อียูมีแต่จะเสียหายและเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าแม้รัสเซียจะเดือดร้อนในตอนแรก แต่ก็สามารถปรับตัวได้แล้ว และสามารถหาตลาดอื่นกับประเทศพันธมิตรมาชดเชยได้ ส่วนอียูนอกจากจะเสียเพื่อน สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น แถมยังโดนมหามิตรของตนแอบล้วงกระเป๋าและแทรกแซงกิจการภายในอีกต่างหาก
    The Eyes
    26/07/2558
    ----------
    French MPs 'Put Paris Back in Its Place' by Visiting Crimea - French Media / Sputnik International
    March of Pigs: Protesting French Farmers Unleash Swine in Supermarket / Sputnik International
    https://www.youtube.com/watch?v=hiHK6raW8Lk
    Finnish Farmers Ask Government for Money Amid Russian Food Embargo / Sputnik International
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    เฉลย Quiz
    โลกกำลังเข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจ และการเงิน ใครจะเป็นคนก้าวออกมาเพื่อปฏิวัติโลกใบนี้?
    คำตอบคือ มี4บุคคลที่น่าจับตามอง คือโอบามา ปูติน สี และโป๊ปฟรานซิสในฐานะผู้นำโลกที่มีอิทธิพลสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้
    โอบามาไม่ได้มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอะไร ยกเว้นเตรียมการก่อสงครามโลก เพื่อรักษาสถานภาพเดิมของความเห็นมหาอำนาจของสหรัฐ รวมทั้งปกป้องเปโตรดอลล่าร์
    กรอบความคิดของปูตินไม่ได้จำกัดอยู่การรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของรัสเซียเหมือนกับที่รัสเซียโบราณและอาณาจักรโซเวียตเคยยิ่งใหญ่มาก่อน โดยกำลังเริ่มต้นทำผ่านเขตการค้าเสรีร่วมยูเรเซียและกำลังจับมือกับจีนในการสร้างยูเรเซีย และได้สร้างพันธมิตรBRICS และกลุ่มShanghai Cooperation Organization ซึ่งจะเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาในการแย่งชิงการจัดระเบียบโลกใหม่ที่อยู่ใต้อำนาจของประเทศที่พัฒนาแล้วนำโดยกลุ่มแองโกลอเมริกันมานับร้อยปีแล้ว
    สี จิ้นผิง ผู้นำจีนมีความคิดที่จะปฏิวัติเศรษฐกิจและการเงินโลกไปไกลกว่าปูติน เพราะว่าเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่ารัสเซียถึง5เท่า ($10ล้านล้านต่อ $2ล้านล้าน) ทำให้จีนมีโอกาสสร้างเงินหยวนมาแข่งเงินดอลล่าร์ จีนมีการลงทุนโดยตรงในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลาตินอเมริกา แอฟริกา เอเซีย อเมริกาและยุโรป ถ้าหากจีนแก้ปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ได้ผ่านการลอยค่าเงินหยวนในช่วงปลายปีนี้ หรือปีหน้าเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อของหยวน จีนจะใช้หยวนซื้อหรือควบรวมกิจการทั้วโลก เหมือนกันที่สหรัฐได้ทำในช่วงที่ผ่านมาพิมพ์ดอลล่าร์ถูกๆใ้หWall Streetและบริษัทในเครือยึดกิจการทั่วโลก
    นอกจากนี้โครงการเส้นทางสายไหมของจีน จะเป็นการสร้างให้จีนเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุนและการเงินของโลกในศตวรรษที่21 เพราะว่าโครงการนี้จะเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและตลาดของเอเซีย ยุโรปและแอฟริกาเข้าด้วยกันผ่านการลงทุนมหึมา ในขณะที่โลกตะวันตกไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ๆอีกต่อไป สถาบันการเงินเช่นNew Development Bank ของBRICS หรือAsia Infrastructure Investment Bankจะระดมทุนเป็นเงินหยวนและจะปล่อยกู้เป็นเงินหยวนให้ประเทศต่างๆกูเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะเป็นเครื่องยนด์ผลักดันเศรษฐกิจโลก
    โป๊ปฟรานซิสกำลังสร้างกระแสสังคมนิยม ปลุกรากหญ้าคริสเตียนให้ต่อต้านทุนนิยมสามานย์ ผ่านการปฏิวัติมวลชน โป๊ปได้เรียกร้องให้นานาระเทศจัดการกับปัญหาโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางอากาศ (climate change) รวมทั้งกลับไปหาโมเดลของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (sustainable economic development) โดยที่บทบาทของโป๊ปจะเป็นที่น่าจับจามองเมื่อโป๊ปไปเยือนสหรัฐในเดือนกันยายนนี้เพื่อพบปะกับผู้สำสหรัฐในทำเนียบขาว สภาคอนเกรซ จัดพิธีมิสซาที่ฟิลาเดลเฟีย และเป็นผุ้นำเรื่องเศรษฐกิจยั่งยืนที่องค์การสหประชาชาติที่มีการชงและเตรียมเรื่องนี้แล้ว
    Paul B Farrell คอลัมนิสต์ของMarketWatchเขียนบทความPope Francis ignites a revolt that will overthrow American capitalismในวันที่21 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า โป๊ปกำลังปลุกกระแสปฏิวัติทุนนิยมกลายพันธ์ุของสหรัฐที่เอาผลประโยชน์ของคนรวยเป็นที่ตั้ง และเป็นที่มาของการสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจน น่าสนใจที่Farrellเป็นกระบอกเสียงให้โป๊ปเขียนบทความปลุกการปฏิวัติ เหมือนกับที่ประเทศต่างๆได้ผ่านมาในยุคสงครามเย็น รวมทั้งเมืองไทยเคยผ่านมาในยุค14ตุลา หรือ6ตุลา
    Farrellเปรียบเทียบโป๊ปเป็นนักปฏิวัติคล้ายๆกับเลนิน มาร์กซ์ เหมาและคาสโตร โดยสิ่งที่โป๊ปกำลังสื่อคือ
    1.สังคมนิยมเท่านั้นที่จะทำให้คนมีสิทธิในที่ดินทำกิน มีที่นอนและมีรายได้ตามแรงงานที่พึ่งได้รับ
    2. คน ไม่ใช่กำไรของพวกนายทุนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก
    3. คนนับพันล้านทั่วโลกคอยไม่ไหวแล้วที่จะทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโลก
    4.การปฏิวัติเริ่มต้นด้วยประชาชนที่มีอารมณ์โมโห ไม่ใช่เริ่มด้วยเศรษฐีหรือนักบริจาคเงิน
    5.สังคมนิยมเป็นพันธสัญญาที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
    โป๊ปจะเป็นผู้นำปฏิวัติโลกผ่าน ศาสนาโลกเดียว เงินสกุลโลกเดียว องค์กรการเงินโลกเดียว และองค์กรการเมืองโลกเดียว หรือสรุปง่ายๆคือเผด็จการสังคมนิยม ที่จะเกิดขึ้นในระดับโลกหลังจากการทำลายโครงสร้างการเงินทุนนิยมโลกปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเป็นระบบผ่านการbail in หรือbail outแบงค์ การเลิกเงินสด การทำลายเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ รวมทั้งสงครามฯลฯ
    thanong
    26/7/2015
    http://www.marketwatch.com/…/pope-francis-leading-the-new-a…
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...