ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



2. โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคชะงักงันทางฆราวาส
โดยภาพรวม นายPhilipp Hildebrand รองประธานBlackRockกล่าวว่า ขณะนี้ นักคิดและผู้วางนโยบายในโลกตะวันตกแบ่งออกเป็นสองค่าย คือค่ายที่เชื่อในการมาถึงของยุคเครื่องจักร (The Machine Age) หรือการปฏิวัติของไอทีที่จะผลักดันให้โลกเข้าสู่การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการยุคใหม่ (Renaissance 2.0) ส่วนอีกค่ายหนึ่ง เชื่อว่าโลกกำลังตกอยู่ใต้ภาวะการถดถอยทางฆราวาส โดย Larry Summersอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐใช้ศัพท์เรียกว่า Secular Stagnation คือการการซบเซาทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการลงทุนที่อ่อนแอ การบริโภคที่ไม่พอเพียง ภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำหรือติดลบ รวมทั้งภาระหนี้ที่สูง จำต้องมีการใช้มาตรการการเงินและการคลังอย่างเข้มแข็งเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง
Hildebrandอยู่ในสำนักที่เชื่อในบทบาทหรืออิทธิพลของไอทีและการพัฒนาการเทคโนโลยี่ที่จะช่วยเป็นเครื่องยนต์หลักให้โลกสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้เหมือนการปฏิวัติ เขาใช้คำว่าRenaissance 2.0 หรือการเกิดใหม่ หรือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการยุคใหญ่ คล้ายกับการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอิตาลีและประเทศต่างๆในยุโรประหว่างศตวรรษที่14-17ที่นำเอาความรู้วิทยาการของความรุ่งเรืองของกรีซและโรมันโบราณเพื่อนำพามนุษย์สู่ยุคความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ศิลปะและปรั๙ยาที่ก้าวหน้า ซึ่งมีผลปฏิวัติยุโรปให้ก้าวของจากยุคมืดของสมัยกลาง
แม้ว่า Hildebrandจะเป็นนักการเงิน แต่เขาเป็นแชมเปี้ยนของภาคไอทีที่เขาเชื่อว่าเป็นพื้นฐานของการเพิ่มประสิทธิภาพ (productivity)ในระบบเศรษฐกิจ แม้ว่าตัวเลขที่วัดประสิทธิภาพทางไอทีจะไม่ได้บวกเข้าไปในสถิติ เขายกตัวอย่างเช่น เวลาเราค้นข้อมูลในกูเกิ้ลเพื่อทำงาน และสามารถทำงานได้สำเร็จ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราผ่านกูเกิ้ลนี้ไม่ได้อยู่สถิติของการวัดจีดีพี นอกจากนี้ Hildebrandยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มประสิทธิภาพของไอทีทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของเงินเฟ้อที่ติดลบ (disinflation environment) ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือiPhoneรุ่นปัจจุบันมีราคาถูกกว่ารุ่นที่ผลิตในปี1991ประมาณครึ่งหนึ่ง เนื่องจากพลังของประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและพลังของสภาพแวดล้อมของเงินเฟ้อติดลบ
บริษัทหรือตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำ รวมทั้งการแทรกแซงจากธนาคารกลางที่ช่วยอุ้มตลาด ปัจจัยนี้ จะค่อยๆหายไป เนื่องจากว่าแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และธนาคารกลางจำต้องหาทางลงจากหลังเสือหลังจากแบกทรัพย์สินเข้ามาอยู่ในงบดุลในปริมาณที่มาก เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทหรือประเทศใดที่จะไปได้ดี จำต้องมีผลประกอบการที่ดี หรือกำไรดี และผลประกอบการและกำไรที่ดีขึ้นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่สามารถปรับตัวเอง ดำเนินการปฏิรูป หรือเอาเทคโนโลยี่ใหม่ๆเข้ามาใช้ กองทุนหรือนักลงทุนจะพิถีพิถันมากยิ่งขึ้นในการแยกแยะเลือกลงทุนในบริษัท หรือประเทศที่มีการปฏิรูป จะไม่เหมารวมลงทุนซื้อตลาดเกิดใหม่ เอเซีย หรืออาเซี่ยนโดยรวมเหมือนในอดีต แต่จะลึกลงรายตัวหรือรายประเทศ
thanong
21/7/2015

 

Thanong Fanclub



3. โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคชะงักงันทางฆราวาส
ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ไม่มั่นคง และมีการถกเถียงระหว่างฝ่ายที่เชื่อในพลังขับดันของไอทีหรือยุคเครื่องจักรยนต์ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในอนาคตอย่างยั่งยืน และฝ่ายที่เชื่อว่าโลกอยู่ภาวะเศรษฐกิจซบเซาทางฆราวาส ด้วยเหตุที่หนี้สูง การลงทุนและการบริโภคที่อ่อนแอ จำต้องมีการดำเนินนโยบายการคลังและการเงินที่เข้มข้นต่อไปเพื่อช่วยต่อยอดการฟื้นตัว Philipp Hildebrand รองประธานของBlackRock ชี้ว่ายังมีความเสี่ยงที่พวกเราทุกคนต้องเผชิญข้างหน้า คือ
1. การเตรียมการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพราะJanet Yellen ประธานเฟดพูดชัดเจน และได้ปูพื้นข่าวสารให้ตลาดได้รับทราบมานานพอสมควรว่าได้เวลาแล้ว ที่เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อปรับโครงสร้างดอกเบี้ยให้เข้าสู่สภาวะปกติ (normalization) ถ้าดอกเบี้ยขึ้น หมายความว่าการลงทุนในตลาดบอนด์ที่เป็นสวรรค์ของพวกนักลงทุนในfixed incomeหรือตราสารหนี้จะมีความน่าดึงดูดน้อยลง จะมีการจ่ายหนี้ในรูปดอลล่าร์มากขึ้น เพราะว่าค่าเงินดอลล่าร์มีการแข็งตัว ในขณะที่สินค้าบริโภคภัณฑ์มีราคาอ่อนตัวลง ราคาน้ำมันอาจจะไม่นสูงขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า
2. ทุกคนเฝ้าดูว่าจีนจะสามารถเลี่ยงการลงจอดแบบฮาร์ดแลนดิ้งได้หรือไม่ เพราะว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นที่แตก และมาตรการทางการเงินของทางการที่เข้าไปแทรกแซงจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนในการทำให้ตลาดหุ้นกลับคืนสู่ภาวะปกติ ถ้าทำไม่ได้ จีนอาจจะมีความเสี่ยงของการที่เศรษฐกิจจะหัวทิ่มบ่อ แต่Hildebrandเชื่อมั่นว่า จีนจะยังคงรักษาปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจให้เติบโตได้6.0%เป็นอย่างน้อย เพราะฉะนั้นเรื่องจีน ไม่น่าเป็นที่กังวลมากนัก
3. จีนจะสามารถปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมทั้งเพิ่มการบริโภคภายในเพื่อฟื้นฟูการเจริญเติบโตให้ยั่งยืนได้หรือไม่ อีกครั้งหนึ่งที่Hildebrandแสดงความมั่นใจว่าทั้งจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นเสาหลักของเอเซีย จะสามารถฟันฝ่าความจำเป็นของการปฏิรูปเศรษฐกิจไปได้
4. กรีซจะออกหรือไม่ออกจากเขตยูโรยังคงเป็นประเด็นใหญ่ แม้ว่ากรีซจะเป็นประเทศเล็ก มีขนาดจีดีพีประมาณ2%ของเขตยูโร แต่วิกฤติหนี้กรีซกลายเป็นปัญหาใหญ่ของยุโรปที่ทำให้ระดับผู้นำไม่ต้องประชุมเรื่องอะไรอื่น เพราะมัวมาถกแก้ปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ ยิ่งถ้าลงลึกไปดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวกรีกยิ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าหนักลงไปอีก เพราะว่าคนกรีกต้องเจอกับมาตรการรัดเข็มขัดที่รุนแรง ทั้งภาษีสูงขึ้น และการตัดลดเบี้ยบำนาญต่างๆ ทางยูโรโวนจะไม่มีแผนการลดหนี้ให้กรีซ แต่จะลดดอกเบี้ย หรือยืดอายุหนี้ให้แทนเพื่อให้เป็นแบบอย่างในการจัดการกับประเทศที่ประสบวิกฤติในเขตยูโร โดยส่วนตัวHildebrandคิดว่า กรีซน่าจะอยู่ในเขตยูโรต่อไป เพราะว่าถ้ากรีซออกจากยูโร จะสร้างปัญหาให้ยุโรปในอนาคต เพราะว่ามีตัวอย่างแล้ว ประเทศอื่นๆอาจจะคิดออกจากยูดรก็ได้ทำให้เขตยูโรเสียเอกภาพ
5. ตลาดเกิดใหม่อาจจะต้องเผชิญกับภาวะผันผวนทางการเงิน เนื่องมาจากความไม่แน่นอนต่างๆ รวมทั้งดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของเฟด ที่ผ่านมาดอกเบี้ยถูกกดต่ำนานเกินไป สภาพแวดล้อมของดอกเบี้ยที่ต่ำนานเกินไป หรือการแทรกแซงของธนาคารกลางในตลาดการเงินนานเกินไปทำให้เกิดความเสี่ยงของความผันผวนที่รุนแรง อะไรที่มันสงบมานาน อาจจะเป็นภาพหลอกที่จะนำมาสู่ความผันผวนที่รุนแรงหรือไม่คาดฝันได้ในอนาคต
จากภาพรวมทั้งหมดนี้ ทำให้คนตั้งคำถามมากมายกับBlackRockว่ามีนโยบายบริหารความเสี่ยงอย่างไร? Hildebrand ตอบว่า การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ แต่เชื่อว่าโอกาสยังดีที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้น หรือ/และบริษัทที่โดดเด่นออกมาในเชิงปฏิรูป มีการใช้ไอทีเพื่อปรบปรุงประสิทธิภาพ รวมทั้งจะเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง
บทต่อไปจะเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศSwiss National Bank หรือธนาคารกลางของสวิส ในฐานะที่Hildebrandเคยเป็นผู้ว่าการธนาคารนี้
thanong
21/7/2015

 

Thanong Fanclub



4. โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคชะงักงันทางฆราวาส
Philipp Hildebrand รองประธานของBlackRock และในอดีตเคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางสวิสอธิบายหลักการลงทุนของธนาคารกลางสวิสว่ามีการกระจายความเสี่ยงอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนใดๆก็ตามของพอร์ตการลงทุนต้องขัดกับนโยบายการเงินที่เป็นเป้าหมายใหญ่สุด
ในกรณีของธนาคารกลางสวิส การลงทุนหรือการแทรกแซงในตลาดค่อนข้างจะสลับซับซ้อน เพราะว่าสวิสไม่มีตลาดบอนด์ เวลาธนาคารกลางสวิสแทรกแซงในตลาด ต้องซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
สวิตเซอร์แลนด์เป็นสวรรค์ของนักลงทุน (safe haven)ทำให้มีเงินไหลเข้าประเทศมากในช่วงวิกฤติยูโรโซน เพราะว่าชาวยุโรปไม่มั่นใจว่ารัฐบาลของตัวเองจะยึดเงินฝากหรือไม่ หลังเกิดวิกฤติการเงินแผ่กระจายไปทั่วในกลุ่มประเทศยุโรปใต้ การยึดเงินฝากของประชาชนโดยรัฐบาลไซปรัสยิ่งยืนยันความกลัวนี้ และวิกฤติหนี้ที่ลากยาวของกรีซทำให้คนถือยูโรยิ่งตกใจ มีการถอนเงินฝากจากประเทศตัวเองไปฝากที่เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ฯลฯ
เมื่อเงินไหลเข้าประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาก ทางธนาคารกลางจำต้องเข้าแทรกแซง เพราะว่าค่าเงินสวิสฟรังค์จะแข็งโป๊ก เพื่อรักษาความเชื่อมันในค่าเงินสวิสฟรังค์มีการใช้ระบบค่าเงินคงที่ หรือผูกค่าเงินสวิสฟังค์กับยูโรในช่วง3ปีกว่าที่ผ่านมาที่ระดับ1.20สวิสฟรังค์ต่อ1ยูโร แต่วิกฤติยูโรทำให้เงินไหลเข้าประเทศมากทำให้ทางการมีปัญหาในการแทรกแซงด้วยการขายสวิสฟรังค์ออกไป และซื้อทรัพย์สินต่างประเทศเข้ามา ผลก็คืองบดุลของธนาคารกลางสวิสโป่งจนถึง80-90%ต่อจีดีพี นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับบรรดาธนาคารกลางทั้งหลายก็ว่าได้
ในที่สุดเมื่อต้นปีนี้เอง ธนาคารกลางสวิสอั้นผูกค่าเงินกับเงินยูโรไม่ไหว ต้องเลิกระบบผูกค่าเงิน ปล่อยให้สวิสฟรังค์ลอยตัว ทำให้ตลาดการเงินยุโรปปั่นป่วนมาก
Hildebrandเลี่ยงไม่พูดถึงการลดการถือทองคำสำรองอย่างมีนัยสำคัญของธนาคารกลางสวิสในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากที่เคยถือทองคำ30%ในงบดุลทั้งหมด ในขณะนี้ลดลงเหลือประมาณ10% ในขณะที่เยอรมัน เนเธอร์แลนด์และประเทศต่างๆเริ่มมีการทวงทองคำคืนจากศูนย์รับฝากทองที่นิวยอร์ค หรือลอนดอน เพราะว่าไม่มั่นใจว่าระบบการเงินโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อใดจากผลของการพิมพ์เงินของธนาคารกลางต่างๆเพื่ออุ้มระบบการเงิน
ชาวสวิสมีการทำประชามติเมื่อปีที่แล้ว ว่าควรที่จะกลับไปเตรียมการวางพื้นฐานของระบบมาตรฐานทองคำด้วยการซื้อทองคำกลับคืนมา และถือทองคำในปริมาณที่มากขึ้นหรืออย่างน้อยมีสัดส่วน20%ของงบดุลธนาคารกลางสวิส แต่ผู้บริหารธนาคารกลางสวิสไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้ โดยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าการเพิ่มทองคำในทุนสำรอง หรือการกลับไปหามาตรฐานทองคำจะทำให้ธนาคารกลางไม่มีความวืดหยุ่นในการบริหารการเงิน หรือพูดง่ายๆพิมพ์เงินตามใจชอบนั้นเอง
แต่Hildebrandได้เน้นถึงการกระจายการลงทุนของธนาคารกลางสวิสในหุ้น สัดส่วนของหุ้นในพอร์ตหรือทุนสำรองของธนาคารกลางสวิสอยู่ที่16-18% แต่หลักของการลงทุนในหุ้นนั้นจะเป็นแบบเฉื่อยชา (passive investment)หรือการลงทุนระยะยาว ไม่ได้ซื้อขายหวือหวา เลือกหุ้นพวกเบนช์มาร์ค หรือหุ้นที่เป็นตัวแทนของตลาดที่มีสภาพคล่องสูงหรือปัจจัยพื้นฐานดี
เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน ธนาคารกลางสวิสจะไม่ลงทุนในหุ้นแบงค์ เพราะว่าการแทรกแซงใดๆของธนาคารกลางสวิส กลุ่มแบงค์จะได้ประโยชน์
ก่อนชาวบ้าน และจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลดี มีมาตรฐานทางจริยธรรมสูง
แต่Hildebrandย้ำว่า การลงทุนในหุ้นของธนาคารกลางเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ดีๆ เพราะว่าในระยะแรกของการลงทุน พอร์ตมักจะขาดทุน มีnegative returnsแต่ในระยะยาวแล้ว จะให้ผลตอบแทนที่แน่นอนกว่า
แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยคงยังลงทุนในหุ้นไม่ได้ เพราะว่ากฎหมายยังไม่อนุญาต การตั้งกองทุนมั่งคั่งยังคงคาราคาซัง อย่างว่าธนาคารกลางต่างๆมีเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมของตัวเองที่แตกต่างกัน จำต้องมีวิธีบริหารจัดการที่แตกแต่งกัน
thanong
22/7/2015

 

Thanong Fanclub



5. โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคชะงักงันทางฆราวาส (จบแล้ว)
ภาพใหญ่ทางการเงินในสายตาของPhilipp Hildebrand รองประธานของBlackRock คืออะไร? Hildebrandมองเห็นสองปัจจัยใหญ่ที่เกื้อหนุนตลาดการเงินโลกในช่วงที่ผ่านมา คือเงินเฟ้อที่ติดลบ (disinflation)และการเจริญเติบโตของจีน แต่ในขณะนี้เราได้เห็นแล้วว่าระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนานของเงินเฟ้อที่ติดลบ (disinflationary period)กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว และประการที่สอง การเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนในช่วงที่ผ่านมากำลังสิ้นสุดลงเหมือนกัน
ในเมื่อ2ปัจจัยนี้ไม่ได้อยู่กับเราอีกต่อไป การบริหารจัดการต้องมีความยืดหยุ่นหรือมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากประการแรก Janet Yellenประธานธนาคารกลางของสหรัฐได้ชี้ชัดว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ตลาดบอนด์จะได้เห็นดอกเบี้ยขยับขึ้น และไม่ดึงดูดการลงทุนเหมือนในช่วงที่ผ่านมาที่ดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนเหมือนจะได้รับการันตีทางธนาคารกลางว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ตอนนี้Yellenจะเอาจริงแล้ว หลังจากกดดอกเบี้ยที่ระดับ0.25%มาตั้งแต่ปี2009 ส่วนหุ้นขึ้นเอาๆในช่วงดอกเบี้ยต่ำเหมือนกันในสภาพแวดล้อมที่ดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องสูง มีเบน เบอร์แนงกี้และYellenการันตีไม่ขึ้นดอกเบี้ย ถ้าจะขึ้นจะกระซิบล่วงหน้า โดยใช้ศัพท์หรู forward guidanceเพื่อไม่ให้ตลาดการเงินตกใจหรือเซอร์ไพรซ์
ประการที่สอง ฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนได้แตกไปแล้ว มูลค่าหายไป30%และทางการจีนกำลังดำเนินมาตรการทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผลกระทบลามไปยังเศรษฐกิจภาคจริง Hildebrandไม่ได้วิพากษ์วิจารย์นโยบายของทางการจีนรุนแรงเหมือนนักวิเคราะห์หรือนักการเงินตะวันตกอื่นๆที่โจมตีว่าทางการจีนดำเนินมาตรการที่ไม่โปร่งใส ให้หุ้นหยุดเทรด รวมทั้งห้ามผู้ถือหุ้นเกิน5%ในบริษัทจดทะเบียนขายหุ้นออกมาในระยะ6เดือนข้างหน้า แต่Hildebrandเห็นใจทางการจีนและยอมรับว่าที่จีนแทรกแซงหนักในตลาดหุ้น ก็ไม่ได้ต่างจากธนาคารกลางของโลกตะวันตกที่แทรกแซงในตลาดไม่น้อยกว่า หรือมากกว่าธนาคารกลางของจีนด้วยซ้ำ
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า จีนยังคงเป็นตลาดที่ยังไม่พัฒนาจำต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อไป และการแทรกแซงของทางการเพื่อช่วยตลาดหุ้นจีนในช่วงจังหวะเวลานี้ น่าจะเปิดโอกาสให้ตลาดหุ้นหรือบริษัทจีนมีเวลาหายใจทำการปฏิรูป เพื่อว่าเวลาสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะสงบ ทั้งตลาดหุ้นจีนและบริษัทจีนจะได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
พูดง่ายๆ คนธนาคารกลางเข้าในหรือเห็นอกเห็นใจกัน
ในเดือนตุลมคมปีนี้ เงินหยวนของจีนอาจจะได้รับการบรรจุในตระกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเคียงคู่กับเงินดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโรและเยน จะทำให้บทบาทของหยวนเด่นชัดมากยิ่งขึ้นในระบบการเงินโลก สำหรับเรื่องนี้ Hildebrandมองว่า เป็นเรื่องดีที่หยวนจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าจะมีดีมานด์ของพันธบัตรจีนเพิ่ม และจะมีตราสารการเงินอื่นๆตามมา
ทางการจีนได้ประกาศเปิดเสรีการเงินเป็นระยะๆ เพื่อสอดคล้องกับการลอยค่าเงินหยวนให้เป็นเงินสกุลหลักของโลก โดยที่ล่าสุดได้อนุญาตให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆสามารถเข้าไปถือพันธบัตรรัฐบาลจีนได้ที่มีขนาด$6ล้านล้านกว่า
ด้วยเหตุความไม่แน่นอนทั้งหมด หรือปัจจัยหลักที่เปลี่ยนไป Hildebrandอธิบายว่า การกลยุทธของลงทุนข้างหน้าจำต้องพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น ต้องดูบริษัทรายตัว หรือดูเป็นรายประเทศ ไม่ใช่เหมารวมรายเซ้คเตอร์ หรือดูเป็นกลุ่มประเทศเช่นตลาดอาเซี่ยน หรือตลาดเกิดใหม่อีกต่อไป เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ตัวผลประกอบการจะเป็นเครื่องวัดหรือตัวตัดสิน
ย้อนกลับไปที่หัวข้อหลักที่Hildebrandพูดต้องแต่ตอนต้น บริษัทใด หรือประเทศใดที่มีการปรับตัว ทำการปฏิรูปเชิงโครงสร้างโดยใช้ไอทีหรือเทคโนโลยี่เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (productivity) หรือวางรากฐานของการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนจะได้ประโยชน์จากการลงทุนเม็ดเงินใหม่ของนักลงทุนที่จะมีความพิถีพิถันมากยิ่งขึ้นในการเลือกการลงทุน
โดยภาพรวม Hildebrandมองว่า เม็กซิโกในอเมริกากลาง จีน และอินเดียในเอเซีย เสปน โปรตุเกสในยุโรปกำลังผ่านการปฏิรูปที่สำคัญที่น่าจะทำให้ประเทศเหล่านี้ยืนหยัดต่อไปได้ดีในเวทีเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเจอวิกฤติก่อน จึงจำต้องปฏิรูปผ่านความเจ็บปวดที่จำเป็น เขาไม่ได้แตะประเทศไทยมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศไทยยังคงต๊อแต๊ะๆอยู่
ขอจบซีรี่ส์สั่้นเกี่ยวกับPhilipp Hildebrandแต่เพียงเท่านี้ นานๆจะเขียนอธิบายเศรษฐกิจและการเงินแนวคิดกระแสหลัก
thanong
22/7/2015

 

Thanong Fanclub



3 เหตุผลใหญ่ที่สหรัฐไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้
ขณะนี้ตลาดการเงินได้ขานรับไปเรียบร้อยแล้วว่า ธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เพราะว่าJanet Yellenประธานเฟดออกมาแย้มหลายครั้งเป็นนัยแล้วว่าได้เวลาขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้แล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่เฟดกดดอกเบี้ยลงอยู่ระดับ0%ตั้งแต่ปลายปี2008
แต่Phoenix Capital Researchไม่เชื่อว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นเชิงสัญญลักษณ์คือขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานจาก0.25% เป็น0.30% หรือ0.50%ภายในระยะเวลา1ปีข้างหน้า แต่จะขึ้นดอกเบี้ยจริงๆจังๆเพื่อให้กลับไปสู่สภาวะปกติที่เฉลี่ย4.0%คงจะเป็นไปไม่ได้
มีเหตุผลหลัก3ประการที่เฟดโดนล๊อคกุญแจมือ ไม่สามารถจะปล่อยให้ดอกเบี้ยขึ้นสู่สภาวะปกติได้
ประการแรก มีตราสารอนุพันธ์ที่อิงดอกเบี้ยอยู่ประมาณ$555ล้านล้านอยุ่ในงบดุลของแบงค์ ถ้าดอกเบี้ยขึ้น งบดุลของแบงค์ระระเบิดออกมา
ประการที่สอง มีการกู้ยืมในรูปดอลล่าร์ในปริมาณที่สูงถึง$9ล้านล้านในช่วงที่ผ่านมาที่ดอกเบี้ยต่ำ และดอลล่าร์อ่อน
และประการที่สาม รัฐสวัสดิการของโลกตะวันตกจะล้มละลาย ถ้าหากดอกเบี้ยสุงขึ้นกลับไปสู่สภาวะปกติ
ย้อนกลับไปข้อแรก ถ้าหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดบอนด์จะระเบิดออกมา ตลาดบอนด์อยู่ในภาวะกระทิงในช่วง30ปีที่ผ่านมาจากการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยที่กดต่ำลงมาเรื่อยๆของเฟดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ขนาดของตลาดบอนด์อยู่ที่$100ล้านล้าน ตราสารอนุพันธ์ที่เกี่ยวพันกับดอกเบี้ยมีปริมาณตัวเลข (notional value)$555ล้านล้านที่เทรดกันโดยอิงตลาดบอนด์นี้ เมื่อตลาดบอนด์มีปัญหาจากดอกเบี้ยขึ้น ตลาดอนุพันธ์จะมีปัญหาด้วย
ด้วยเหตุนี้ เบน เบอร์แนงกี้ อดีตประธานเฟดได้ยอมรับในการพูดคุยปิดห้องว่า ชั่วชีวิตของเขาจะไม่ได้เห็นดอกเบี้ยกลับไปสู่สภาวะปกติเฉลี่ย4%อีกต่อไป เพราะว่าจะทำให้ตลาดอนุพันธ์ระเบิดออกมา เจเน็ต เยลเลนต้องรับรู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ที่เฟดทำมาทั้งหมดในระยะ7ปีที่ผ่านมาคืออุ้มแบงค์Wall Streetที่ล้มละลายไปแล้ว เนื่องจากมีพอร์ตอนุพันธ์ที่มีขนาดใหญ่มโหฬาร ด้วยเหตุนี้ เฟดไม่สามารถจะขึ้นดอกเบี้ยได้
ในข้อที่สอง จากการที่มีการกู้ยืมดอลล่าร์มากถึง$9ล้านล้านในรูปcarry tradeในช่วงที่ผ่านมา คือกู้ดอลล่าร์ดอกเบี้ยต่ำแปลงเป็นเงินสกุลอื่นเอาไปลงทุนหรือใช้จ่าย โดยเชื่อว่าเวลาคืนเงินกู้ดอลล่าร์จะไม่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเพราะว่าเฟดทำQEค่าดอลล่าร์จะอ่อนต่อ แต่ตอนนี้ค่าเงินดอลล่าร์ตีกลับเนื่องจากตลาดการเงินเชื่อว่าเฟดกำลังจะขึ้นดอกเบี้ย
ให้สังเกตุดูอัตราดอกเบี้ยดอลล่าร์สหรัฐที่ธนาคารกลางสหรัฐอยู่ที่ 0.25% ฝากเงินเยนที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.001% ฝากเงินยูโรที่ธนาคารกลางยุโรปอยู่ที่ -0.2% ฝากเงินสวิสฟรังค์ที่ธนาคารกลาง-0.75%
การกำหนดดอกเบี้ยในลักษณะนี้ของธนาคารหลักของโลก ทำให้เงินไหลออกจากตลาดการเงินอื่นๆเข้าดอลล่าร์ที่เป็นที่น่าดึงดูดใจเป็นหลัก ทำให้ดอลล่าร์แข็งค่าสร้างสถิติในรอบ10ปีเมื่อเทียบกับตระกร้าเงินในดอลล่าร์อินเด็กซ์
ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐสูงขึ้นไป ผู้ที่กู้ดอลล่าร์carry tradeจะมีปัญหาชำระหนี้ เงินจะไหลเข้าตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นไปอีก จะทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกป่วนหนัก
ข้อสุดท้าย ฐานะการคลังของประเทศในโลกตะวันตกล้มละลายหมดแล้วจากการใช้จ่ายกับสวัสดิการสังคมต่างๆ ทำให้ภาระที่ต้องใช้จ่ายที่แท้จริงหรือหนี้นอกบัญชีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยุ่ในระดัสูงและไม่สามารถจะเก็บภาษีมาจ่ายคืนได้ รัฐบาลเหล่านี้พึ่งพิงตลาดบอนด์ในการกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายในสวัสดิการสังคม ถ้าดอกเบี้ยต้องสูงขึ้น จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ และมีปัญหาในการกู้เงิน
ยกตัวอย่างเช่นสหรัฐมีหนี้สาธารณะ98%ต่อจีดีพี แต่ถ้านับรวมเอาหนี้นอกบัญชีที่ผูกพันไปในอนาคต หนี้ที่แท้จริงคือ522%ต่อจีดีพี ไม่สามารถจะเก็บภาษีมาใช้หนี้ได้ ทุกๆอัตราการขึ้นดอกเบี้ย1% จะเพิ่มภาระการจ่ายหนี้ในงบประมาณรัฐบาลสหรัฐอีก$100,000ล้าน จะทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ทั้งนี้และทั้งนั้น สหรัฐดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุลติดต่อกันมา20ปีแล้ว
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ยกมานี้ สรุปได้ว่าสหรัฐไม่สามารถจะขึ้นดอกเบี้ยกลับสู่สภาวะปกติที่เฉลี่ยที่4%ได้ หลังจากกดดอกเบี้ยต่ำอยู่ระดับ0%ตั้งแต่ปลายปี2008 เฟดของสหรัฐอาจจะขึ้นดอกเบี้ยจาก0.25%เป็น0.30%หรือถึงระดับ 0.50%เพื่อแสร้งทำให้พอหอมปากหอมคอเท่านั้น แต่เอาเข้าจริง เฟดติดบ่วงดอกเบี้ย ถ้าต้องขึ้นดอกเบี้ยจริงๆ ตลาดการเงินจะพังทั้งระบบ
thanong
22/7/2015

Three Huge Reasons Why the Fed Cannot Let Rates Normalize | Zero Hedge

 

Jeerachart Jongsomchai



... "ซูดาน : พันธมิตรหลักของ จีน โดน ISIL ทหารรับจ้างจากเมกา ป่วนหนัก"
.
... ตามข่าวสื่อกระแสหลักที่ออกมาคือ มีการรบจากกลุ่มจีฮัสใน ซีเรีย และกำลงขยายวงออกไปที่ "ซูดาน" ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาวอังกฤษเชื้อสายซูดานที่อาศัยอยู่ในลอนดอน ที่ช่วงแรกได้เดินทางไปร่วมกับกลุ่ม ISIL ในซีเรียเมื่อไม่นานมานี้ คือนาย Osman Mustafa Fagiri, วัย 23 ปี โดยกลุ่มเขาเป็นกลุ่มที่ทำงานด้านการแพทย์มีชายห้าคนหญิงสี่คนเป็นสมาชิก เพื่อจะทำงานในโรงพยายาลในเขตพื้นที่ ที่ ISIL ควบคุมอยู่ ... ซึ่งข่าวล่าสุดคือเขาเสียชีวิตแล้ว
... ก่อนนี้เข้าใจว่าเขาได้ร่วมการสู้รบกันในซีเรีย โดยข่าวบอกว่าเขาได้ร่วมกับกลุ่มนักรบจีฮัดที่ไปสู้รบที่ประเทศมาลีในปี 2013 ก่อนที่จะกลับไปอังกฤษชั่วคราวสิบวันเมื่อปีที่แล้วและกลับมาอาฟริกาใหม่
... อังกฤษเคยมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีชาวอังกฤษเชื้อสายอาฟริกาได้ออกมาร่วมกับกลุ่ม ISIL มากมายทั้งในสมรภูมิเอเชีย เช่น ซีเรีย อิรัก หรือในอาฟริกา
... และยิ่งกว่านั้น กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ISIL ประกาศขู่ว่าให้ “ซูดาน” ระวังตัวไว้ดีๆ ได้เจอแน่ โดยจะมีการหนุนกลุ่มอิสลามในซูดานป่วนประเทศ ... ... The looming threat of ISIS in Sudan ... Mohamed Elshabik 17 June 2015
... ในปี 2014 ผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของซูดานได้ออกมาประกาศหนุนกลุ่ม ISIL แล้วอย่างเต็มที่ ... ... In mid-2014, the Sudanese cleric Mohamed Abdullah al-Jazouli expressed his full support for ISIS
... ทำไมต้องโบโกฮารัมใน "ไนจีเรีย" และ ISIL สาขาย่อยใน "ซูดาน" ?
... ไนจีเรียเราทราบกีว่าได้รับเงินกู้ยืมจากจีนแบบหวุดหวิดแบบตัดหน้าข้ามหัวธนาคารโลก ที่เป็นบริษัทลูกของอเมริกาไปแบบไม่ไว้หน้า และหลังจากนั้นจีนก็ซื้อน้ำมันจากไนจีเรีย ที่มีมากเป็นอันดับสองของอาฟริการองจาก "ลิเบีย" ( ที่โดนสอยก้นร่วงคาอุ้งตรีนที่หยาบน้อยกว่าจิตใจของตะวันตกเรียบร้อยโรงเรียน ซีไอเอ โดยอ้างเรื่องกัดดาฟี่เป็นเผด็จการ ใช้ข่าวล้างสมองชาวโลกสะอาดกว่าซันไลท์ขวดสีเหลือง ตอนนี้มีขวดสีขาว กลิ่นมะนาวหอมชื่นใจ ) ... แถมไนจีเรียยังเจอโรค "อีโบล่า" และ "กลุ่มโจรโบโกฮารัม" ที่เป็นสาขาไก่ย่างห้าสิบดาวของ ISIL ที่นักข่าว นักการเมืองกว่าครึ่งโลกรู้กันทั่วว่าอเมริกาหนุนหลังเพื่อป่วนโลกอิสลามและจีนอยู่
... ทำให้กิจการจีนทั้งน้ำมัน เหมืองทองคำ ยูเรเนียม เหล็กมีปัญหา หลายเหมืองโดนปิด เพราะโจรโบโกฮารัม และ โรคจากห้องแลปอย่างอีโบล่า
... "ซูดาน" หล่ะ ทำไม แรงจูงใจอะไรที่ ISIL ต้องมาเปิดสาขาแฟรนไชด์ฆ่าคนอย่างไร้ความปราณีที่นี่ ทั้งๆที่ไม่มีปัญหาอะไรกับตะวันตกมากนัก ?
... คำตอบคือ "จีน" ซูดานเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับจีนมาตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองและชนะสงครามภายในกับก๊กมินต๋งในปี 1949 หลังจากนั้น "ซูดาน" ก็ประกาศเป็นมิตรกับจีนในช่วงสงครามเย็นโดยไม่เกรงกลัวการคำรามฟ่อๆ จากตะวันตกที่กำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ใน "สงครามเย็น" เลย โดยมีการประกาศก่อตั้งการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม 1959 และยาวนานราบรื่นมาตลอด
... "จีน" คือประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของ "ซูดาน" จีนนำเข้า "น้ำมัน" จากซูดาน, ส่วนซูดานก็นำเข้า "อาวุธ" ยุทโธปกรณ์จากจีน รวมทั้งสินค้าบริโภคเครื่องมือเครื่องใช้ตามบ้านร้านค้าจิปาถะที่เรารู้จักกันดี ทั้งคู่มีสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีทั้งการค้า เศรษฐกิจและการเมือง ( คล้ายๆที่สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวันคือ ลูกสมุน ลูกเงาะคู่ของเมกา )
... พูดแบบอำนาจทางการเมือง "ซูดาน" คือประเทศพันธมิตรหรือบริวารของ "จีน" ประเทศหลักๆในอาฟริกานั้นเอง และแรงจูงใจที่ทำให้ "ทหารรับจ้าง" ในคราบข้ออ้างศาสนาอย่าง ISIL ก็คือเรื่อง "การสกัดอิทธิพลจีน" ในอาฟริกา ตามใบสั่ง ( เรื่องทหารรับจ้างที่แอบอ้างเรื่องเพื่อชาติศาสนามีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยกรีก จนถึงสงครามครูเสด ... ที่แท้ผลประโยชน์ทั้งนั้น หมายถึงระดับสูงๆที่หากินกับความศรัทธาของชาวบ้านที่ศรัทธาจริงๆ )
... "การโจมตีเสบียงก่อนสงคราม" ถ้าเราอ่านพงสาวดารโบราณทั้งของจีนและตะวันตก สามารถอ่านเกมได้ว่า เป็นการโจมตีแหล่งเสบียงของคู่ต่อสู้ก่อนการสงครามที่จะมาถึง หรือระหว่างสงคราม เพราะในสมัยโบราณก่อนจะประกาศสงครามใดๆ การโจมตีแหล่งเสบียงศัตรูล่วงหน้า หรือระหว่างสงครามเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งปัจจุบัน "น้ำมัน" คือเสบียงในการสงครามทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด
... ตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2011, มีโครงการสนับสนุนทางการเงินใหญ่โตจาก "จีน" ที่ "ซูดาน" มากกว่า 65 โครงการที่นับวันจะเติบโตและสนิทแนบแน่นกันมากขึ้น ทั้งช่วยสร้างทางรถไฟ จาก Khartoumไปท่าเรือ ซูดาน ( เหมือนไนจีเรียเลย แต่โดนสกัดด้วย โรคอีโบล่าและโจรโบโกฮารัม คงไม่อยากให้พวกลูกน้องจีน เจริญ พัฒนา อยากให้จนดักดานต่อไป ) สร้างเขื่อน โรงไฟฟ้าถ่านหิน อุปกรณ๊ทางเครื่องกลไฮโดรมากมาย
... เมื่ออำนาจเก่าถูกท้าทายและสั่นครอน เขาจึงต้องทำทุกทางเพื่อจะทำลายทุกประเทศที่เป็นศัตรูหรือไปเข้าเป็นพวก มิตร บริวาร หรือสหายของศัตรูหลักเขา เหมือนที่ไทยเรากำลังโดนจากทั้ง "ทหารเก่าแก่รับจ้าง" มาป่วนใต้แล้วโยนบาปให้ศาสนาอื่น ทั้ง โรฮีนจา อุยกูร์ เพื่อเอากระแสความขัดแย้งทางศาสนามาป่วน แบบที่เคยใช้ในอินเดีย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การบิน และอืนๆ
... "ซูดาน" และ "ไทย" จึงลงเรือลำเดียวกัน ที่ถูกสกัดไม่ให้คบกับ "จีน"
.
https://www.opendemocracy.net/…/looming-threat-of-isis-in-s…
https://en.wikipedia.org/wiki/China–Sudan_relations
http://www.theguardian.com/…/osman-mustafa-fagiri-isis-jiha…

 

Jeerachart Jongsomchai



... "Emmanuel Jal : จากทหารเด็กสู่นักดนตรีเพื่อสังคม ... พูดถึงบทบาท 'จีน' ในซูดาน"
... Emmanuel Jal เป็นนักร้องเพลงแรปที่มีชื่อเสียงของ "ซูดาน" ได้กล่าวถึงบทบาท "จีน"เกี่ยวกับนโยบาย "ไม่แทรกแซงทางการเมือง" ในซูดานและอาฟริกาว่า
... "จีน ไม่ได้พยายามมามีอิทธิพลต่อการเมืองของเรา, พวกเขาไม่ออกความเห็นกับเรื่องเหล่านั้น พวกเขาจะจ่ายในสิ่งที่ต้องการ บางครั้งด้วยเงินที่มากกว่าปรกติถึงสองเท่า และมีแนวโน้มที่ทำให้คนอาฟริกาพอใจ , จากทั้งผู้นิยมเผด็จการและประชาธิปไตย"
... "ไม่มีพรรคการเมืองใดที่ไม่ชอบพวกเขา แม้ว่าพวกคุณจะเป็นขบวนการกบฏ ถ้าบอกคนจีนว่าพวกเขาสามารถจัดหาทองมาได้ คนจีนก็จะซื้อมัน มีนโยบายต่างประเทศเดียวที่ผมได้ยินจากคนจีนคือ 'อย่ากลับไปสู่สงครามอีก' พวกเขาไม่พยายามผลักดันสิ่งใดๆให้เกิดสงครามขึ้น, แต่อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายประเทศที่รู้สึกโกรธ ต่อนโยบาย 'ไม่แทรกแซงทางการเมือง' ของจีนมาก เพราะพวกเขาต้องการจัดหาอาวุธให้กับรัฐบาลเพื่อจะฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์"
... Emmanuel Jal เกิดในเขต Bahr el Ghazal ที่เป็นซูดานใต้ในปัจจุบัน วัยเด็กเขาถูกห้อมล้อมด้วยสงครามในซูดานครั้งที่ 2 พ่อเขาได้เข้าร่วมกับกลุ่ม Sudan People's Liberation Army ( SPLA =ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1983 ตอนนั้นเป็นกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาล จนสุดท้ายได้เป็นเอกราช "ซูดานใต้" ในปี 2011 ในที่สุด ) แม่เขาถูกฆ่าตายตอนที่เขาอายุเจ็ดขวบโดยทหารที่ฝักใฝ่รัฐบาล จากจุดนั้นเขาจึงต้ดสินใจเหมือนเด็กๆอีกหลายคนที่จะหนีสงครามไปหาโอกาศในชีวิตและการศึกษาที่ดีกว่าในเอธิโอเปีย
... แต่ในระหว่างทางเขาก็ถูกคัดจาก SPLA ให้ไปเป็นทหารเด็ก โดยหน้าฉากต้องทำเหมือนมาเรียนหนังสือในโรงเรียนที่ได้รับการช่วยเหลือจากสหประชาชาติ แต่ลับหลังจะถูกฝึกให้เป็นทหารเพื่อการต่อสู้ และเขาต่อสู้กับกลุ่มนี้ในดินแดนเอธิโอเปียอยู่หลายปี มีเด็กหลายคนถูกบีบบังคับให้กลับไปทำสงครามที่ซูดานอีก เด็กหลายคนสงสัยว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา สิ่งที่เขาคิดได้คือการแก้แค้น
... เมื่อถึงจุดที่รับสภาพการรบในสงครามไม่ไหวเขาและเด็กหลายคนก็หลบหนีไป สามเดือนแห่งการเดินทางหนีกองทัพ เด็กหลายคนตายระหว่างทาง จนมาถึงเมือง Waat ที่เป็นเมืองหลักของกลุ่มย่อยที่แยกตัวมาจาก กลุ่ม SPLA อีกที และที่นี่เขาได้พบกับ Emma McCune, หญิงอังกฤษผิวขาวที่แต่งงานกับ Machar ผู้บัญชาการอาวุโสของ SPLA ที่ตัดสินใจจะรับเลี้ยงดูแลเขา และแอบส่งเขาลอบเข้าไปที่เคนย่าเพื่อเรียนหนังสือที่ไนโรบี
... แต่หลังจากที่ Emma McCune เสียชีวิตจากการถูกยิงที่เคนย่า ทำให้ Riek Machar ไม่ยอมรับเลี้ยงต่อ เขาต้องไปอยู่สลัมในเคนย่า
... ในสลัม, หลังจากนั้นเขาก็หลงไหลในเพลงฮิบฮอบและเริ่มร้องเพลงเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนและคนในสลัม เนื่องจากสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งดีงาม ผู้คนรอบตัวเขาจึงส่งเสริมเขามีการตั้งเป็นกลุ่มทำดนตรีออกมา ซิงเกิ้ลเพลง "All We Need Is Jesus",ได้รับความนิยมมากในเคนย่า จนได้ข้ามไปออกอากาศที่ในอังกฤษ ที่จากนั้นก็เป็นจุดที่เขามีชื่อเสียง ทั้งๆที่เขาไม่มีพื้นฐานทางดนตรีทางก่อนเลย
... แต่เขาก็ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคมเสมอมาโดยเฉพาะเพื่อเด็กๆ เขามีการแต่งเพลงเพื่อเด็กๆมากมาย บทเพลงของเขากล่าวถึงความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ที่เอาชนะความต่างของเชื้อชาติและศาสนา
... ครั้งหนึ่งเขาเคยแต่งเพลง "50 Cent" ที่พูดถึงแรปเปอร์ชื่อดังชาวอเมริกันว่าควรเปลี่ยนการแสดงออกในบทเพลงที่ดูกร้าวร้าวไป ที่จะไม่เป็นอิทธิพลด้านร้ายทำลายล้างให้กับเด็ก"
... "You have done enough damage selling crack cocaine/now you got a 'kill a black man' video game/We have lost a whole generation through this lifestyle/now you want to put it in the game for a little child to play..."
... ปัจจุบันนอกจากเป็นนักดนตรีแล้ว Emmanuel ยังเป็นโฆษกของกลุ่ม Make Poverty History ที่รณรงค์ให้หยุดการใช้ทหารเด็กและการควบคุมอาวุธด้วย
.
https://en.wikipedia.org/wiki/Emmanuel_Jal
https://en.wikipedia.org/wiki/China–Sudan_relations

 

Jeerachart Jongsomchai

... "รัสเซีย : ตอบโต้ว่าไม่เคยปฏิเสธกรีซในการขอกู้เงิน ... เพราะกรีซไม่เคยขอกู้มาเลย"
... รัสเซียบอกว่ากรีซ โดยนายซิปราสไม่เคยขอกู้เงินจากรัสเซียเลย หลังประชามติ ( ก่อนจะจบลงที่การกลับไปรับการกู้สุดโหดจากอียูเหมือนเดิม ) โดยรัสเซียบอกว่าพยายามจะเจรจาให้กองทุนในประเทศให้กู้กับกรีซแล้ว แต่ว่าเครดิตความน่าเชื่อถิอของกรีซต่ำมาก ทำให้การหาเงินมาให้กรีซนั้นไม่ได้ ผิดกฏกองทุนกลัวหนี้สูญ
... เพราะว่าในอดีตปูตินเคยเสนอให้กองทุนเอาเงินไปให้ยูเครนกู้มาแล้วตอนก่อนจะไปเข้ากับนาโต้และอียูเพื่อดึงยูเครนไว้ ทั้งๆที่ตอนนั้นยูเครนเครดิตต่ำกว่าเกณท์ในการให้กู้ คือยอมทำผิดกฎ ( จนป่านนี้หนี้ก้อนนั้นคงเป็นหนี้สูญไปแล้ว ในทางปฏิบัติ )
... รัสเซียเลยบอกว่ามีทางเดียวคือต้องตกลงการเดินท่อแก๊สกับบริษัท Gazprom ยักษ์ใหญ่พลังงานของรัสเซีย โดยตอนนั้นเดือนเมษายนถ้ากรีซยอมตกลงให้เดินท่อผ่านประเทศ Gazprom ยินดีจ่ายเงินล่วงหน้าทันที 5 พันล้านดอลล่าร์ แต่ปรากฎว่ากรีซไม่ตอบตกลง
... แต่มาตกลงตอนเดือนมิถุนายนที่ตอนนั้น Gazprom บอกว่าไม่สามารถจ่ายเงินล่วงหน้าให้แล้ว และหลังจากประชามติจากประชาชนกรีกที่ไม่เอาเงินกู้จากอียู กรีซก็ไม่เคยกลับมาขอกู้จากรัสเซียอีกเลย ดังนั้นรัสเซียจึงไม่ได้ปฏิเสธกรีซ ตามที่สำนักข่าวกรีซออกข่าวโจมตีรัสเซีย
... โดยรัสเซียบอกว่ากรีซอาจจะออกข่าวเพื่อรักษาหน้าของนายซิปราสมากกว่า โดยเอารัสเซียเป็นแพะรับบาป ( งานนี้สนุกจัง ไม่รู้ใครคือไส้ศึกของจริง )



Greek Media Almost Certainly Lying: Putin Never Said No - Tsipras Never Asked
.

 

สหรัฐฯ ทุ่ม 4 ล้านดอลล่าร์ฝึกซ้อมกบฏซีเรีย : เงินนั้นใช้ซื้ออะไรได้อีก?
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงใช้เงินหลายพันล้านดอลล่าร์เพื่อสนับสนุนทุนแก่การทำสงครามในต่างประเทศและทำลายเสถียรภาพของตะวันออกกลาง ขณะที่อเมริกาต้องดิ้นรนเพื่อชักหน้าให้ถึงหลังภายในประเทศของตัวเอง โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 21, 2015



@(ภาพ) กบฏซีเรียเข้าร่วมการฝึกซ้อมในมาเร็ต อิควาน ใกล้เมืองอิดลิบ ประเทศซีเรีย กบฏซีเรียน้อยกว่า 100 คน เข้ารับการฝึกซ้อมจากกองทัพสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม เป็นจำนวนน้อยนิดสำหรับโครงการที่ระบุป้าหมายว่าจะผลิตนักรบปีละ 5,400 คน ความพยายามในการฝึกซ้อมนี้ดำเนินการไปอย่างเชื่องช้าจนมีเสียงวิจารณ์ตั้งคำถามว่ามันจะสามารถผลิตนักรบที่มีศักยภาพเพียงพอได้เร็วพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ของกองทัพกล่าวว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้พวกเขายังหวังว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผลิตนักรบได้ 3,000 คน โดยส่วนตัวแล้ว พวกเขายอมรับว่าแนวโน้มนี้กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิดพลาด
วอชิงตัน – เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขหลายล้านดอลล่าร์ที่ใช้จ่ายไปอย่างไร้ประสิทธิภาพในโครงการฝึกซ้อมกบฏซีเรียของสหรัฐฯ ในขณะที่ความไม่เท่าเทียมกันของสหรัฐฯ มีความย่ำแย่ลง โครงสร้างพื้นฐานของชาติเริ่มซวนเซ เมืองสำคัญๆ เช่นดีทรอยท์ต้องประสบกับความล่มสลายทางเศรษฐกิจ และหนี้ของนักเรียนกับความไม่เท่าเทียมกันก็ยังคงมีแนวโน้มว่าจะเกินควบคุม

ปีที่แล้ว สหรัฐฯ ได้ตั้งงบประมาณ 500 ล้านดอลล่าร์ เพื่อฝึกซ้อมกบฏซีเรียที่ต่อต้านกลุ่มที่เรียกว่ารัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย หรือไอซิซ เจ้าหน้าที่หวังว่าเงินนี้จะฝึกซ้อมนักรบใหม่ๆ หลายพันคนในสงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ที่ได้สร้างความเสียหายให้แก่พลเรือนไปแล้ว ออสติน ไรท์ เขียนในรายงานข่าวบทหนึ่งที่ตีพิมพ์โดย Politico เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้อ้างคำพูดของผู้ช่วยดำเนินงานในสภานิติบัญญัติผู้หนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการนี้ “จนถึงขณะนี้ประมาณครึ่งหนึ่งของ 500 ล้านดอลล่าร์ได้อนุมัติไปแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ไปกับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการฝึกซ้อมนักรบซีเรีย” ผู้ช่วยคนเดียวกันนี้ยังบอกอีกว่าจนถึงขณะนี้ได้ฝึกซ้อมนักรบไปแล้วประมาณ 60 คน เป็นตัวเลขที่ห่างไกลกันมากกับเป้าหมายของโครงการ

“สหรัฐฯ ได้ใช้จ่ายไปเท่าไหร่แล้วในการฝึกซ้อมกองกำลังที่ประกอบด้วยกบฎซีเรีย 60 คนนี้ เพื่อรับมือกับกลุ่มรัฐอิสลาม?” ไรท์ถาม “ตามหลักคณิตศาสตร์พื้นฐาน ก็ประมาณ 4 ล้านดอลล่าร์ต่อคน”

เงินช่วยเหลือหลายล้านดอลล่าร์ที่ให้แก่กบฏซีเรียนี้เป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยของเงินหลายพันล้านดอลล่าร์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ไปในการช่วยเหลือทางการทหารแก่รัฐบาลต่างชาติในทุกๆ ปี ในขณะที่กำลังทำให้เครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมภายในประเทศถูกบาดลึกยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐฯ ได้ขยายความช่วยเหลือแก่ซาอุดิอารเบียในเดือนมีนาคม และเงินทุนเหล่านี้ถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งภายในประเทศและในปฏิบัติการทิ้งระเบิดนานหลายเดือนที่ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรมในเยเมน และสหรัฐฯ จะใช้เงินอีกประมาณ 3,100 ล้านดอลล่าร์เกี่ยวกับอิสราเอลในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการยึดครองปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมายและการก่ออาชญากรรมสงครามของประเทศนี้ เช่นการจงใจมุ่งเป้าโจมตีพลเรือน

ระหว่างการดำรงตำแหน่งสองวาระของเขา ประมาณาธิบดีบารัก โอบาม่า ได้เฝ้าสังเกตการขยายตัวของเครื่องจักรสงครามของอเมริกา ในขณะที่ความไม่เท่าเทียมเลวร้ายลงทั่วประเทศ ต่อไปนี้คือประเด็นในประเทศที่สำคัญบางประการที่น่าจะเอาเงินหลายพันล้านดอลล่าร์นั้นมาใช้มากกว่า

โครงสร้างพื้นฐาน : หน่วยทหารวิศวกรของสหรัฐฯ (U.S. Army Corps of Engineers) ได้จัดอันดับโครงสร้างพื้นฐานของอเมริกาให้อยู่ที่ D+ ในปี 2007 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทำการสำรวจทั่วประเทศ สภาพขององค์ประกอบสำคัญในภูมิทัศน์ของอเมริกาอย่างเช่น สะพาน, ทางหลวง และเขื่อน มีแต่ย่ำแย่ลงนับตั้งแต่นั้นมา จากบทความหนึ่งของ Vice เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ได้บอกไว้ว่า จะต้องใช้เงิน 3.6 ล้านล้านดอลล่าร์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของอเมริกา แต่เงินหลายล้านดอลล่าร์ที่ใช้ไปกับกบฏซีเรียนั้นสามารถนำไปใช้ในโครงการสำคัญๆ อย่างเช่น ระบบระบายน้ำทิ้งของบัลติมอร์ และสะพานยกระดับ Alaskan Way Viaduct ของซีแอตเทิล


@(ภาพ) นักดำน้ำค้นหาในแม่น้ำมิสซิสซิปปี เมื่อ 3 สิงหาคม 2007 ระหว่างพยายามที่จะฟื้นฟูหลังจากสะพานข้ามรัฐหมายเลข 35W พังถล่มในมินนีแอโพลิส
การศึกษาและหนี้กู้ยืมของนักเรียน : ระบบการศึกษาของรัฐในอเมริกาไม่เคยฟื้นตัวจากเศรษฐกิจหดตัวเลย จากข้อมูลของศูนย์การจัดลำดับงบประมาณและนโยบาย (Center on Budget and Policy Priorities) บ่งบอกว่า รัฐส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินไปในด้านการศึกษาน้อยกว่าที่เคยใช้ก่อนภาวะเศรษฐกิจถดถอย “การฟื้นฟูเรื่องเงินทุนทางการศึกษาควรเป็นเรื่องเร่งด่วน การตัดค่าใช้จ่ายของ K-12 (การศึกษา 12 ปีก่อนระดับอุดมศึกษาที่รัฐสนับสนุนในอเมริกา) ในระดับรัฐในหลายปีที่ผ่านมานี้มีผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวงต่อชาติ” ไมเคิล ลีชแมน และคริส ไม ผู้เขียนรายงานฉบับนี้เขียนไว้ ในขณะที่หนี้สินของนักเรียนก็ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่ง USA Today ระบุว่ามีสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลล่าร์ในเดือนเมษายน


@(ภาพ) ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า (ขวา) กับอาร์เน ดันแคน รัฐมนตรีศึกษาธิการ (สองจากขวา) หันกลับไปมองนักเรียนขณะที่เขาเรียกร้องให้สภาคองเกรสหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยการกู้ยิมของนักเรียนเป็นสองเท่า
เมืองต่างๆ ของอเมริกา : ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตย้ายออกไปสู่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ใช้แรงงานต้องประสบกับ “การกลับไปสู่สภาพว่างงาน” เมืองต่างๆ ของอเมริกาอย่างเช่น ดิทรอยต์ กำลังต่อสู้กับการขาดแคลนงบประมาณขนาดหนัก งานดีหาได้ยาก โดยที่คนทำงานบางคนต้องเดินไปทำงานเป็นระยะทางหลายไมล์ทุกวัน เมื่อเครือข่ายขนส่งของรัฐล่มสลายจากการตัดงบเป็นเวลาหลายปี ทางหนึ่งที่อาจจะดีกว่าการใช้เงินหลายล้านดอลล่าร์ไปกับกบฏซีเรียก็คือการเอามาใช้เพื่อทำให้มีนำสะอาดเอาไว้ให้ประชาชนหลายพันคนในบัลติมอร์และดิทรอยต์ได้ใช้ ซึ่งพวกเขาต้องพบกับการตัดน้ำเนื่องจากไม่ได้จ่ายค่าน้ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายหลายล้านในใบแจ้งหนี้ค่าน้ำที่ยังไม่ได้จ่ายจากลูกหนี้ขององค์กร


Source : MintPress News | Independent, non-partisan journalism
แปล/เรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์



สหรัฐฯ ทุ่ม 4 ล้านดอลล่าร์ฝึกซ้อมกบฏซีเรีย : เงินนั้นใช้ซื้ออะไรได้อีก? | abnewstoday

 

แย่แล้ว!!ประมงไทยมีสิทธิ์เจอ'ใบแดง'ห้ามนำอาหารทะเลเข้าตลาดอียู โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 03:19 น. (แก้ไขล่าสุด 24 กรกฎาคม 2558 03:25 น.)



เดอะการ์เดียน - สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านการประมงของยุโรปวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) เรียกร้องให้ "ใบแดง" ห้ามนำสินค้าประมงของไทยเข้าสู่ตลาดอียู หลังไทยล้มเหลวในการใช้มาตรการอย่างพอเพียงสำหรับจัดการกับปัญหาแรงงานทาสและการประมงผิดกฎหมาย หลังจากให้ใบเหลืองมาแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

นายกาเบรียล โกโต สมาชิกชาวสเปนของพรรคประชาชนยุโรปและคณกรรมาธิการด้านการประมงของรัฐสภายุโรป บอกว่าเขาสนับสนุนให้ "ใบแดง" แก่ไทย ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงของไทย หากประเทศแห่งนี้ล้มเหลวในการยับยั้งการทำประมงผิดกฎหมายและเลิกใช้แรงงานทาส โดยเขาบอกว่าภายใต้กฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ยับยั้งและขจัดการทาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) เจ้าหน้าที่ในรัฐสมาชิก อาจปฏิเสธนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงจากประเทศนั้นๆที่ถูกอียูระบุว่าไม่ยอมให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับการทำประมงผิดกฎหมาย

สหภาพยุโรป(อียู) ให้ "ใบเหลือง" แก่ไทยในเดือนเมษายน สืบเนื่องจากยังไม่มีขอบข่ายงานทางกฎหมายที่พอเพียงในการจัดการกับการทำประมงผิดกฎหมาย รวมถึงระบบตรวจตรา ควบคุมและตรวจสอบที่ย่ำแย่ และในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการทบทวนใบเหลืองดังกล่าว ซึ่งอาจจะคงไว้ตามเดิมหรือยกระดับเป็น "สีแดง" ผลก็คือห้ามผลิตภัณฑ์ประมงจากไทยเข้าสู่ตลาดอียู

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ รายงานว่าไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต กลุ่มสิทธิมนุษยชนและในสื่อมวลชนเอง ได้เปิดโปงถึงวิธีปฏิบัติที่น่าตกใจต่างๆนานาในอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่มุ่งส่งออกของไทย ในนั้นรวมถึงการใช้แรงงานทาส และแสวงหาประโยชน์จากชาวโรฮีนจาหลายพันคน

ชาวโรฮีนจาที่ถูกเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรงในพม่า พากันหลบหนีออกมาในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคนเหล่านั้นมักมุ่งหน้าสู่ไทย ซึ่งมีประชาคมมุสลิมขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับมาเลเซีย ซึ่งมีคนมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่

"ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อมาตรการของอียูเลือกใช้ในบริบทนี้จนถึงปัจจุบัน และผมจะสนับสนุนใบแดง หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น" มาโตกล่าว "เห็นชัดว่า มันไม่ได้มีแค่คำถามเกี่ยวกับแรงงานทาสต่างด้าวในภาคการประมงของไทย ซึ่งเฉพาะตัวมันเอง ก็เพียงพอที่จให้ใบเหลืองแก่ประเทศแห่งนี้แล้ว" เขาระบุ พร้อมชี้ให้เห็นถึงกรณีมีเรือประมงไทยหลายลำถูกยึดโดยประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ตามคำกล่าวหาว่าลอบทำประมงผิดกฎหมาย

เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐสภายุโรปได้รับคำถามขอคำตอบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมาธิการด้านการประมง ร้องขอให้การทำประมงผิดกฎหมายและค้าแรงงานทาส เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆในการสานสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับไทย

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหมของไทยเผยเมื่อสัปดาห์ที่้แล้วว่า อียู ได้ส่งหนังสือชี้แจงว่ามาตรการของกรุงเทพฯยังไม่ถูกต้อง ทั้งด้านการบริหารจัดการและทางกฎหมาย พร้อมยอมรับด้วยว่ายังมีเรือประมงอีก 3,000 ลำทั่วประเทศที่ยังไม่ขึ้นทะเบียน

นอกจากนี้แล้ว มาจา โคซิจานซิช โฆษกของเฟเดริกา โมเกรินี ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป บอกว่าประเด็นสิทธิมนุษยชนก็อยู่ในการจับตาของอียูเช่นกัน "ภาคการประมงของไทยมีประเด็นด้านแรงงานอยู่แล้วและมันยังเป็นประเด็นลำดับต้นๆในความสัมพันธ์ของเรากับไทย" เธอกล่าว "เจ้าหน้าที่ไทยได้ใช้มาตรการที่เป็นรูปเป็นร่างในประเด็นด้านบังคับใช้แรงงาน ยกตัวอย่างเช่นการจับกุม 2 ผู้ต้องสงสัยนายหน้าบังคับแรงงานในเรือประมงเมื่อเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังเรียกร้องให้ใช้มาตรการและความพยายามเพิ่มเติมในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์"

โฆษกของประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ชี้แจงว่าคณะกรรมาธิการและกระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป(EEAS) กำลังทำงานให้ความช่วยเหลือไทยในการจัดการกับข้อบกพร่องด้านแรงงานในภาคการประมง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็กและแรงงานบังคับ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมการทำงาน โดยเฉพาะกับแรงงานต่างด้าวก็จะได้รับการจัดการเช่นกัน

 

น้ำมันหลุด$49ต่ำสุดรอบ4เดือน หุ้นสหรัฐฯลง-ทองคำฟื้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 05:23 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันสหัฐฯขยับลงต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ทรุดลงต่ำกว่า 49 ดอลลาร์อีกครั้ง จากความกังวลต่ออุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ 3 วันติด ตามรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่ทองคำฟื้นเล็กน้อย

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 48.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ 55.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้น้ำมันตลาดสหรัฐฯ ปิดลบต่ำกว่า 49 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม และตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ขยับลงมากว่า 21 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่แตะระดับ 61.01 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน

แม้ว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลง แต่ราคาน้ำมันยังคงปิดลบ โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยสำคัญคือความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก ขณะที่กำลังผลิตน้ำมันดิบทั้งในสหรัฐฯและโอเปกยังคงสูงลิ่ว

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ปิดลบ 3 วันติดต่อกัน ท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่นาผิดหวังจากแคทเทอร์พิลลาร์ อเมริกัน, เอ็กซ์เพรสและอื่นๆ ซึ่งบดบังรายงานอันแข็งแกร่งของบริษัทบางแห่ง

ดาวโจนส์ ลดลง 119.12 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,731.92 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.00 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,102.15 จุด แนสแดค ลดลง 25.36 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,146.41 จุด

3 สมาชิกดาวโจนส์ อย่าง อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, แคทเทอร์พิลลาร์ และ 3M ต่างร่วงลงอย่างแรง ร้อยละ 2.5, 3.6 และ 3.7 ตามลำดับ ตามหลังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง แต่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 หลังมีรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจาก 1 ปีก่อนถึง 4 เท่า

ด้านทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สิ้นสุดการปิดลบ 10 วันติดต่อกันที่ผลักให้ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,094.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ตุรกีเดือด!ระดมถล่มฐานที่มั่นISในซีเรีย แก้แค้นทหารถูกยิงตาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 02:06 น.



เอเอฟพี - กองทัพตุรกีเมื่อวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ระดมโจมตีฐานที่มั่นต่างๆของพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) ในซีเรีย หลังจากทหารเติร์กนายหนึ่งเสียชีวิตจากลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากพื้นที่ควบคุมของนักรบญิฮัดกลุ่มนี้

เหตปะทุดังกล่าว ซึ่งน่าจะเป็นครั้งหนักหน่วงที่สุดระหว่างกองทัพตุรกีกับไอเอส เกิดขึ้นไม่กี่วันตามหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในเมืองซูรุคของตุรกี คร่าชีวิตชาวบ้าน 32 ศพเมื่อวันจันทร์(20ก.ค.) ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของไอเอส

สำนักข่าวอนาโตเลียรายงานว่าทหารนายดังกล่าวเสียชีวิตในคีรีส เมืองชายแดนของตุรกี จากลูกกระสุนที่ถูกยิงมาจากพื้นที่ๆหนึ่งในซีเรีย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุของไอเอส ส่วนโดแกนนิวส์ ระบุว่านอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีทหารอีก 4 นายได้รับบาดเจ็บ

สถานีโทรทัศน์เอ็นทีวีรายงานว่ต่อมารถถังจากกองพันทหารราบยานเกราะที่ 5 ของตุรกี ก็ตอบโต้ด้วยการยิงถล่มเป้าหมายต่างๆของพวกไอเอสในซีเรีย พร้อมระบุนักรบไอเอสเสียชีวิต 1 รายเช่นกัน

มีผู้เสียชีวิต 32 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวคนหนุ่มสาวอายุน้อยสุดแค่ 18 ปี จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีศูนย์วัฒนธรรมในเมืองซูรุคของตุรกีเมื่อวันจันทร์(20ก.ค.) ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังเตรียมตัวสำหรับภารกิจบรรเทาทุกข์ในซีเรีย

เหตุโจมตีดังกล่าวเป็นครั้งแรกทีรัฐบาลกล่าวโทษอย่างชัดเจนว่าเป็นฝีมือของไอเอส นอกจากนี้มันยังกระพือความตึงเครียดกับชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดของตุรกี ซึ่งไม่พอใจรัฐบาลที่ไม่ค่อยให้การสนับสนุนเหล่านักรบเคิร์ดในการสู้รบกับพวกไอเอสในดินแดนซีเรีย

ในอดีต ตุรกีถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับพวกหัวรุนแรงไอเอส ในความหวังว่าจะใช้ประโยชน์พวกเขาโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย แต่อังการาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าวอย่างแข็งกร้าว

ความไม่สงบก่อความกังวลอย่างแรงกล้าว่าตอนนี้การสู้รบระหว่างนักรบไอเอสและเคิร์ดในซีเรีย กำลังทะลักเข้าสู่ดินแดนของตุรกี

บูเลนต์ อารินซ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร(21ก.ค.)ว่ารัฐบาลมีการหารือถึงการบูรณาการระบบต่างๆเพื่อรับประกันความปลอดภัยตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย

ขณะที่สื่อมวลชนตุรกีรายงานในวันพุธ(22ก.ค.) ในมาตรการต่างๆที่จะถูกนำมาใช้ ในนั้นรวมถึงการส่งเรือบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในความสูงหลายร้อยเมตรเพื่อสังเกตการณ์ตามแนวชายแดน และสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นพรมแดน

พันธมิตรตะวันตกกล่าวหาตุรกีมานานว่าล้มเหลวในการควบคุมอย่างเหมาะสมตามแนวชายแดนระยะทาง 911 กิโลเมตรหรือแม้แต่สมคบคิดกับไอเอส โดยปัจจุบันตามแนวชายแดนของพวกเขามีแค่รั้วตะแกรงเหล็กเป็นที่กั้น แถมพบเห็นรูโหว่หลายจุด เปิดทางให้นักรบและพวกลักลอบผ่านเข้าออกอย่างง่ายดาย

จนถึงตอนนี้ ตุรกี ยังไม่มีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบในปฏิบัติการของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งกำลังให้ความช่วยเหลือชาวเคิร์ดสู้รบกับไอเอส อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยตเผยในวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ว่าในที่สุด อังการา ก็ให้ไฟเขียวกองกำลังอเมริกาใช้ฐานทัพอากาศอินเคอร์ลิค ในภารกิจกำราบไอเอสในซีเรีย

 

รัฐบาลตุรกีประกาศแนวรั้วเพื่อความมั่นคงยาว 800 กิโลเมตร กั้นชายแดนซีเรีย หวั่นถูก “นักรบไอเอส” โจมตีซ้ำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 09:15 น.



เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลตุรกี ประกาศแผนสร้างแนวรั้วเพื่อความมั่นคงความยาว 500 ไมล์ (ราว 804.6 กิโลเมตร) กั้นพรมแดนด้านที่ติดต่อกับซีเรีย หวังป้องกันดินแดนและพลเมืองเติร์ก จากการตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรง หลังเพิ่งเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เมืองชายแดนอย่าง “ซูรูค” เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 32 รายเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

บูเลนต์ อารินซ์ รองนายกรัฐมนตรีตุรกี ออกมาแถลงถึงเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง ผ่านทางสำนักข่าว อนาโดลู ซึ่งอยู่ในความควบคุมของรัฐในวันพฤหัสบดี ( 23 ก.ค.) หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีตุรกีที่กรุงอังการา

โดยรองนายกรัฐมนตรีตุรกีระบุ การสร้างแนวรั้วซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ด้านความมั่นคงอันทันสมัย ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลตุรกี จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้พวก “ผู้ก่อการร้าย” ได้มีโอกาสเข้ามาก่อเหตุโจมตีในแผ่นดินตุรกีได้อีก

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการตุรกีมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันจันทร์ ( 20 ก.ค.) มือระเบิดฆ่าตัวตายที่เชื่อว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มไอเอสจากซีเรีย ได้ลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาก่อเหตุโจมตีที่ซูรูค เมืองชายแดนของตุรกีซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนซีเรียเพียง 6 ไมล์ (ราว 9.65 กิโลเมตร) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 104 ราย

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในรัฐบาลตุรกีเปิดเผยเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการสร้างแนวรั้วกั้นพรมแดนด้านที่ติดต่อกับซีเรียแล้ว ทางการตุรกีจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ด้านความมั่นคงอื่น ๆ ตลอดแนวความยาวของรั้วดังกล่าว ซึ่งรวมถึงระบบตรวจการณ์ด้วย “โดรน” หรืออากาศยานไร้นักบินตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นักรบชาวต่างชาติจำนวนหลายพันราย ได้เดินทางเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย ผ่านทางชายแดนของตุรกีตลอดหลายปีที่ผ่านมา และถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศแผนสร้างแนวรั้วกั้นชายแดนตุรกี - ซีเรียในครั้งนี้

 

นิกเกอิทุ่ม$1,300ล้านซื้อ'ไฟแนนเชียลไทม์ส' รวม2สื่อชั้นนำเอเชีย-ยุโรป โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2558 00:34 น.



รอยเตอร์ - นิกเกอิ สื่อมวลชนของญี่ปุ่นเมื่อวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อ "ไฟแนนเชียลไทม์ส" จากบริษัทเพียร์สันของอังกฤษ ในข้อตกลงมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่รวม 2 องค์กรข่าวสารด้านการเงินชั้นนำจากยุโรปและเอเชียเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตามการขายไฟแนนเชียลกรุ๊ปคราวนี้ ไม่รวมถึงหุ้น 50 เปอร์เซนต์ที่ถือครองอยู่ในนิตยสารอีโคโนมิสต์หรือสำนักงานต่างๆในลอนดอนของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ซึ่งตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำเทมส์

รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ว่าในที่สุด บริษัทเพียร์สันที่ก่อตั้งมานานกว่า 171 ปี ก็ตัดสินใจขายหนังสือพิมพ์ธุรกิจไฟแนนเชียลไทม์ส หลังจากมีข่าวลือมานานหลายปีว่ามันจะถูกขายออกไป เนื่องจากเพียร์สันมีแผนขยายธุรกิจด้านการศึกษา

รายงานข่าวดังกล่าวกระพือการคาดเดาต่างๆนา ด้วยหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับในนั้นรวมถึง ไฟแนนเชียลไทม์ส ระบุว่าผู้ซื้อน่าจะเป็น Axel Springer ของเยอรมนี แต่ต่อมาทาง Springer ออกมาปฏิเสธ

ในถ้อยแถลงร่วม เพียร์สัน บอกว่าทางบริษัทตกลงขายไฟแนนเชียลกรุ๊ป ให้แก่นิกเกอิ ในราคา 1,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้หุ้นของเพียร์สัน ขยับขึ้นสูงสุดถึง 2.3 เปอร์เซ็นต์ ตอนเวลา 14.40 จีเอ็มที

"ผมภูมิใจอย่างยิ่งที่กำลังจะได้ร่วมงานกับไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในองค์กรข่าวซึ่งเป็นที่นับถือมากที่สุดในโลก" สึเนโอ คิตะ ประธานและซีอีโอของนิกเกอิระบุ

 

'ปักกิ่ง'ยัวะ เรียกร้อง 'พม่า'ส่งนักโทษจีนกลับ แต่เจอ'หม่อง'พลิ้วอ้างไม่แทรกแซงระบบศาล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 23:01 น.


@ชาวจีนที่ถูกพม่ากล่าวหาลักลอบตัดไม้ กำลังถูกพาตัวไปขึ้นศาลในรัฐคะฉิ่น

เอเอฟพี - มังกรกริ้ว เรียกร้องพม่าส่งตัวคนจีนกว่าร้อยที่ถูกศาลตัดสินลงโทษ “สถานหนัก” กรณีลักลอบตัดไม้คืนโดยเร็ว ด้านรัฐบาลหม่องปัดไม่อยากแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซ้ำตอกกลับ ชี้วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริงคือ หยุดยั้งการลักลอบตัดไม้ในอนาคต

การตัดสินลงโทษหมู่เกิดขึ้นหลังจากชาวจีนที่ลักลอบตัดไม้ถูกจับกุมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ระหว่างการปราบปรามการลักลอบทำไม้ผิดกฎหมายในรัฐคะฉิ่น ทางเหนือของพม่าที่อยู่ติดกับจีน

วันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) หลู กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงผ่านเว็บไซต์เรียกร้องให้พม่าจัดการกรณีนี้ตามกฎหมาย อย่างมีเหตุผล และยุติธรรม และส่งคนจีนที่ถูกจับกุมกลับประเทศโดยเร็วที่สุด

ทว่า รัฐบาลพม่ากลับบอกปัดว่า ไม่ต้องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และหวังว่า ปักกิ่งจะเข้าใจ

เย ถุด โฆษกรัฐบาลพม่าสำทับว่า สิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ คือหยุดยั้งการลักลอบตัดไม้ในอนาคต

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ (22) เจ้าหน้าศาลในรัฐคะฉิ่นที่ไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า มีชาวจีนที่ลักลอบตัดไม้ 153 คนถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเทียบเท่า 20 ปีสำหรับกฎหมายพม่า

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกต่อว่า ชายจีนอีก 2 คนที่อายุไม่ถึง 18 ปี ถูกตัดสินจำคุก 10 ปีโดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ ขณะที่ผู้หญิงจีนคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุก 15 ปีจากข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด

บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์โกลบัล ไทมส์ของจีนฉบับวันพฤหัสบดี ประณามคำตัดสิน “สถานหนัก” ของพม่า พร้อมแสดงความหวังว่า ปักกิ่งจะเข้าแทรกแซงเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ รวมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนพม่าคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีทางการค้าระหว่างสองประเทศ

เหตุการณ์นี้นับเป็นกรณีความขัดแย้งล่าสุดระหว่างจีนกับพม่า

ปักกิ่งนั้นเคยเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของพม่าในช่วงปลายระบอบทหาร จากการกางปีกปกป้องการประณามของนานาชาติและการเป็นคู่ค้าที่ช่วยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจพม่าที่แคะแกรนภายใต้การบริหารที่ด้อยประสิทธิภาพอย่างรุนแรงของรัฐบาลทหาร

ทว่า ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า ระดับผลประโยชน์ที่เพิ่มพูนของจีนระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ตั้งแต่เขื่อน เหมืองแร่ จนถึงท่อส่งก๊าซ ทำให้เกิดความไม่พอใจและผลักดันให้พม่าลุกขึ้นมาปฏิรูปประเทศเพื่อพยายามคานอำนาจปักกิ่ง

การปฏิรูปดังกล่าวที่เริ่มต้นในปี 2011 ทำให้ชาติตะวันตกส่วนใหญ่กลับลำยกเลิกมาตรการลงโทษพม่า

การเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ยังถูกจับตาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นหลักระบุขอบเขตการเปิดเสรีของพม่า

ขณะเดียวกัน หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญของประธานาธิบดีเต็งเส่ง หัวหน้ารัฐบาลกึ่งพลเรือนที่เข้ามาแทนระบอบทหารคือ การระงับโครงการเขื่อน “มิตโสน” ขนาดใหญ่ในคะฉิ่นที่จีนสนับสนุน

ต่อมาในปี 2013 จีนได้ประหารชีวิตหน่อคำ พ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญของพม่า ฐานสังหารกะลาสีจีน 13 คนในแม่น้ำโขงในปี 2011

แต่สิ่งที่ทำให้พม่าขุ่นเคืองอย่างมากคือ การถ่ายทอดสดขณะนำตัวหน่อคำไปยังแดนประหาร

ล่าสุดต้นปีนี้ ปักกิ่งออกคำแถลงประณามพม่าอย่างรุนแรง หลังจากเครื่องบินของกองทัพพม่าที่กำลังรบกับกลุ่มกบฏโกกัง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวจีน ทิ้งระเบิดผิดพลาดไปลงในฝั่งจีน ทำให้มีพลเมืองเสียชีวิต 5 คน

สำหนรับเรื่องการตัดไม้ รัฐบาลของเต็งเส่งพยายามสกัดการไหลทะลักของไม้ซุงออกนอกประเทศ ด้วยการสั่งห้ามการส่งออกไม้ที่ยังไม่ได้แปรรูป ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว

ทว่า นักเคลื่อนไหวระบุว่า ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นของพม่าและจีนต่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ปล่อยเครือข่ายขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนลักลอบขนทุกอย่างตั้งแต่อาวุธจนถึงหยก ไม้ และข้าว

การตัดไม้ในพม่าแพร่หลายอย่างมากภายใต้ระบอบทหาร เนื่องจากบรรดานายพลมองข้ามแนวทางการทำไม้ที่ยั่งยืน และตั้งหน้ากอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศ

ผลลัพธ์คือป่าไม้ถูกตัดราบคาบเป็นบริเวณกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการตามแนวชายแดนในจีน ขณะที่กบฏคะฉิ่นถูกกล่าวหาว่า นำกำไรจากการตัดไม้และการทำเหมืองไปเป็นทุนรอนในการสู้รบ


'

 

รีพับลิกันสะเทือน 'ทรัมป์'เศรษฐีปากพล่อยขู่ลงชิงปธน.มะกันฐานะผู้สมัครอิสระ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 22:34 น.



รอยเตอร์ - “โดนัล ทรัมป์” มหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปากไม่มีหูรูด ขู่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในฐานะนักการเมืองอิสระ หากไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจากพรรครีพับลิกัน จากบทสัมภาษณ์ของเขาที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(23ก.ค.) ความเคลื่อนไหวที่อาจกระทบต่อฐานเสียงของพรรคการเมืองอนุรักษ์นิยมแห่งนี้

ทรัมป์บอกกับหนังสือพิมพ์เดอะ ฮิลล์ ว่าการเสนอตัวในฐานะผู้สมัครอิสระหรือไม่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน ระหว่างกระบวนการเลือกตั้งแบบไพรมารีของพรรค "ผมจะดูว่าผมจะได้รับการปฏิบัติอย่างไรจากรีพับลิกัน" ทรัมป์กล่าว "แน่นอนว่า ถ้าพวกเขาไม่มีความยุติธรรม มันก็จะเป็นหนึ่งในปัจจัย"

ความเห็นของมหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเซเลบฯ ผู้เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางจากการเป็นพิธีกรรายการเรียลิตีโชว์ มีขึ้นหลังจากเขาถูกเหล่าแกนนำพรรคตำหนิกรณีออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผู้อพยพเม็กซิโกและประวัติสงครามของนายจอห์น แม็กเคน วุฒิสภาสหรัฐฯ รวมถึงโจมตีส่วนตัวต่อเหล่าผู้สมัครชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ

ด้วย ทรัมป์ มีคะแนนนิยมลำดับต้นๆของบรรดาผู้สมัคร 16 คนในสมรภูมิชิงเป็นตัวแทนพรรคลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ การแยกตัวออกมาในฐานะผู้สมัครอิสระอาจทำให้คะแนนของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงรีพับลิกันแตก และเปิดทางให้นางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ขยับเข้าใกล้ชัยชนะในศึกเลือกตั้งเก้าอี้ทำเนียบขาวเดือนพฤศจิกายน 2016

ทรัมป์บอกว่าทางคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกันให้การสนับสนุนเขาตลอดตอนที่เขาบริจาคเงินเข้าพรรค แต่ตอนนี้คณะกรรมาธิการกลับไม่ให้การสนับสนุนเขาอีกต่อไป และเขาคิดว่าสิ่งที่คณะกรรมาธิการทำนั้น เป็นเรื่องงี่เง่ามาก

คณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกันออกถ้อยแถลงระบุว่าคำพูดของทรัมป์ ซึ่งเมื่อวันเสาร์(18ก.ค.) โต้แย้งความเป็นวีรชนของแม็กเคน ที่เคยตกเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนามนาน 5 ปี ว่า "ไม่ควรมีที่ยืนในพรรคหรือแม้แต่ในประเทศของเรา"

แกว่งปากโจมตี “จอห์น แม็กเคน” ว่าได้เป็นวีรบุรุษสงครามเพราะถูกทหารเวียดนามจับขังคุกเท่านั้น แถมเรียกวุฒิสมาชิกพรรคเดียวกันผู้นี้ว่า “พวกขี้แพ้” จากการที่เขาปราชัยศึกชิงทำเนียบขาวเมื่อปี 2008 มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เขาบอกว่าผู้อพยพผิดกฎหมายชาวเม็กซิโกว่าเป็นพวกพ่อค้ายา นักข่มขืน และชักนำปัญหาอาชญากรรมเข้าสู่อเมริกา ทำให้ทางประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกันต้องร้องขอให้เขาลดสุ้มเสียงโวหารลง

ทั้งนี้เมื่อถูกซีเอ็นเอ็นซักถุามเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ว่าเขาจะปรับเปลี่ยนสุ้มเสียงหรือไม่หากได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นายทรัมป์ตอบว่า "ผมก็คิดอย่างนั้น ผมจะปฏิบัติตัวต่างออกไปอย่างมาก"

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ผ่าน The Weather Channel



น้ำทะเลเปลียนเป็นสีแดงเกิดขึ้นเพราะอะไร คำตอบ เนื่องจากฝุ่นสีแดงจากหางของ นิบิรุ "This popular spot has gone through quite a transformation.
...........Answer: Because of the Red Dust from Nibiru's tail...... อีโมติคอน wink)"

@มุมมองจาก 'Salt Lake ใน Aksaray, ตุรกี, 16 กรกฏาคม 2015 (ภาพจาก Murat Oner Tas/Anadolu Agency/Getty) "A view from the 'Salt Lake' in Aksaray, Turkey, on July 16, 2015. (Murat Oner Tas/Anadolu Agency/Getty Images) "

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc กับ Dawn Lynn Woodburn



fyi ~~~>>>
ผลลัพธ์จาก NIBIRU ในแม่น้ำ เขื่อน และทะเลของเรา ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา NIBIRU’s effect on our rivers, dams and seas over the past 3 years.

 

ปอกเปลือก ทรราช
หมัดสามของปูติน พั๊ว! ปูตินสั่งทำลายอาหารในรายการแบนนำเข้าจากต่างประเทศ ณ จุดข้ามแดน ไม่ต้องส่งกลับ



-----------
ว้าวๆๆๆ... ข่าวนี้ไม่ลงไม่ได้แล้ว เพราะจะทำให้พวกอียูสดุ้งกันใหญ่แน่ๆ เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียรายงานว่า ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ได้ขอให้รัฐบาลรัสเซียเตรียมออกกฎหมายจัดการกับสินค้าต่างๆที่ (ลักลอบ) นำเข้าไปยังรัสเซียซึ่งละเมิดการห้ามนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่มีรายชื่อติดแบล็คลิสต์เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการแซงชั่นจากกลุ่มอียู รายงายข่าวบอกว่าทางการรัสเซียจะสั่งให้ทำลายอาหาร ณ บริเวณชายแดน แทนการส่งกลับประเทศต้นทาง
มาตรการดังกล่าวได้เสนอโดยนาย Aleksandr Tkachev รมว.เกษตรของรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Aleksandr Tkachev ได้ขอให้ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน และรัฐบาลแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ศุลกากรของรัสเซียสามารถทำลายสินค้านำเข้าเหล่านั้นได้ทันทีแทนที่จะส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง
ปูตินกล่าวว่า "ขอให้พวกเราเห็นด้วยกับข้อเสนอของท่านรัฐมนตรี ผมขอให้ฝ่ายบริหารและรัฐบาลมองไปที่ประเด็นนี้ร่วมกันกับนักกฎหมายและดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป" (ชัดมะ!)
รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเดือนสิงคหาคมปี 2014 รัสเซียได้เริ่มสั่งห้ามน้ำเข้าสินค้าประเภท เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา เนย นม ผลไม้ พืชผักต่างๆ จากสหรัฐฯ อียู ออสเตรเลีย แคนาดา นอร์เวย์ และบางประเทศร่วมมือกันแซงชั่นรัสเซียก่อน เนื่องจากวิกฤตปัญหาในยูเครนและการรวมไคร์เมียเข้ากับรัสเซีย (ที่กลุ่มประเทศเหล่านั้นใช้เป็นข้ออ้างในการแซงชั่นรัสเซียก่อน)
นาย Arkadiy Dvorkovich รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของรัสเซียได้เริ่มใช้กฎหมายกับคดีอาญาหลายร้อยคดีในการลักลอบขนอาหารต้องห้ามเข้าไปในรัสเซีย
เจ้าหน้าที่ฝั่งรัสเซียกล่าวย้ำว่า มาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมกันซึ่งอาจจะมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อการแซงชั่นในลักษณะเดียวกันนี้จากต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วเท่านั้น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานาย Dmitry Peskov โษฆกของปธน.ปูติน ได้แสดงความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของปธน.บารัค โอบาม่าที่ยืดเวลาการแซงชั่นของสหรัฐฯต่อรัสเซียออกไปอีกว่า การต่อเวลาการกดดันจะไม่มีผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของกรุงมอสโคว์ Dmitry Peskov เรียกการแซงชั่นว่า "ดาบสองคม" (a double-edged sword) ซึ่งทำร้ายเศรษฐกิจของรัสเซียและธุรกิจต่างๆในประเทศอื่นๆด้วย ที่ดำเนินการอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งรวมทั้งเศรษฐกิจโลกทั้งหมดด้วย (ก็บอกแล้วว่าสงครามแซงชั่นของพวกมหาอำนาจเหล่านี้มันมีผลกระทบไปทั่วโลกจริงๆ)
รายงานข่าวบอกว่า พวก ส.ส.ฝ่ายซ้าย (Leftis) ได้แนะนำให้ยกเลิกการสั่งห้ามนำเข้าอาหารอยู่หลายครั้ง แต่พรรค United Russia ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายกลาง (centrist) ที่ปกครองรัสเซียอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งประธานาธิบดี และรัฐบาลได้ปฏิเสธที่จะกระทำเช่นนั้น
ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งก็คือว่า รัสเซียเลือกที่จะทำลายสินค้าติดแบล็คลิสต์เหล่านั้นแทนการส่งกลับไปประเทศต้นทางหรือแทนการยึดมาใช้ซะเอง นี่ถือว่าสร้างความเจ็บปวดให้กับพวกหัวหมอที่คิดจะหาช่องทางระบายสินค้าของตนเข้าไปในรัสเซียโดยวิธีที่ผิดกฎหมาย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อียูกำลังดิ้นหนีความตายสุดๆ แทนที่จะส่งกลับให้พวกนั้นเอาขายในราคาถูก ลดความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง หรือยอมนำเข้าแต่ยึดเป็นของรัสเซียซะเลย ซึ่งอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทุจริต แบบฟอกขาวสินค้าเหล่านั้นผ่านขบวนการต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วพวกนายทุนต่างชาติอาจจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐทำผิดกฎหมายซะเอง เช่นยึดมา แต่ก็เปิดโอกาสให้ตามไปประมูลซื้อในราคาถูก โดยอ้างว่าเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาทำกันเป็นขบวนการ รัสเซียรู้ว่านั่นไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง มีแต่จะเปิดโอกาสให้มีการทุจริตเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงสั่งทำลาย ณ จุดผ่านแดนบริเวณชายแดนซะเลย ทำให้พวกอียูต้องยืนอ้าปากทำตาปริบๆ พูดไม่ออกซักคำ จะเอากลับก็ไม่ได้ จะไปแกล้งรับซื้อปลายทางก็ไม่ได้ กรรม! ฮ่าๆๆ
The Eyes
25/07/2558
----------
http://www.rt.com/po…/310670-putin-agrees-to-destroy-banned/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประชาธิปไตยยูเครนแบบฉบับอเมริกาจัดให้ ยูเครนสั่งแบนพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ให้มีสิทธิ์เลือกตั้ง!



-----------
มันเป็นไปแล้วครับท่าน... โปรอเมริกาที่ชอบออกมาเรียกร้องให้คนอื่น "รับฟังความเห็นต่าง" (วาทกรรมเด็ดเขาหละ) โปรดอ่านข่าวนี้ ฮี่ๆๆ
เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรวมทั้ง RT news ของรัสเซียด้วย (ยกเว้นสื่อฯกระแสหลักของสหรัฐฯและตะวันตก) รายงานว่า นาย Pavel Petrenko รมว.ยุติธรรมของยูเครน (ยุติธรรมจริงหรือ?) ได้ลงนามในคำสั่งห้ามพรรคการเมืองต่างๆที่เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั่วประเทศ (ว้าววว! นี่นะประชาธิปไตย?)
นาย Aleksandr Turchinov เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครนให้สัมภาษ์กับสื่อฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า "ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันแห่งความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ วันนี้รัฐมนตรีได้ตัดสินใจลงนามออกกฎหมายที่รับรองโดยสภาสูงของยูเครน ตามกฎหมายนี้พรรคคอมมิวนิสต์ต่างๆก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองและการเลือกตั้ง" นาย Petrenko รมว.ยุติธรรมของยูเครนกล่าวว่าคราวนี้พรรคคอมมิวนิสต์ทั้ง 3 พรรคก็จะถูกห้ามจากการเลือกตั้ง (ถูกใจจักรวรรดิเฮเกต้นแบบประชาธิปไตยปลอม หละสิ)
รายงานข่าวบอกว่า อย่างไรก็ตามพรรคคอมมิวนิสต์ก็จะต่อต้านการตัดสินใจดังกล่าว: Pyotr Simonenko หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งยูเครน (Ukraine’s Communist Party) ประกาศว่าพรรคของเขาจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีการสั่งห้ามก็ตาม การออกกฎหมายฉบับดังกล่าวถือว่าเป็นการเดินตามรอยของกฎหมายสลายพวกนิยมคอมมิวนิสต์ (the de-communization law) ที่ลงนามโดยปธน.Petro Poroshenko ผู้นำ (หุ่นเชิดของจักรวรรดิเฮเก) ของยูเครนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวได้รวมถึงการสั่งแบนสัญลักษณ์ของโซเวียตและการประณามระบอบคอมมิวนิสต์และนาซีด้วย
(เดิมทีห้ามเฉพาะคอมมิวนิสต์ มีการทำลายรูปเหมือนบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ในอดีตภายในยูเครนในที่สาธารณะเป็นจำนวนมาก คล้ายกับการโค่นล้มรูปปั้นของซัดดัมในอิรัคสมัยก่อนนั่นแหละ ต่อมาถูกวิจารณ์จากทางรัสเซียรวมทั้งในตะวันตกโจมตีหนักว่าเลือกปฏิบัติ ยูเครนต้องการที่จะทำลายแต่เพียงคอมมิวนิสต์เท่านั้น แต่จะส่งเสริมพวกนีโอนาซีขึ้นมาแทน ต่อมาโปโรเชนโก้ก็เลยออกกฎหมายเพิ่มว่างั้นสั่งห้ามนาซีด้วย แต่ก็ยังพบว่ามีการเคลื่อนไหวของพวกนีโอนาซีอาร์ซอฟ ไรท์เซ็คเตอร์ มีบทบาททั้งในสภาและในบทท้องถนนอยู่เป็นอย่างมาก ก็แค่ละครฉากหนึี่งที่จักรวรรดิเฮเกจัดให้ดูเท่านั้นเอง)
พวกผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในยูเครนพากันออกมาประณามกฎหมายฉบับดังกล่าวว่าเป็นการแสดงออกถึงการย่ำยีบรรทัดฐานประชาธิปไตยและคุณค่าและท่าทีของชาวยุโรป (trampling of democratic norms and European values and attitudes)
Simonenko กล่าวว่า "นี่เป็นการทุจริตทางการเมือง เป็นการผิดศีลธรรมทางการเมือง… เป็นความพยายามที่จะก่อตั้งระบบเผด็จการทางการเมือง (This is political corruption, political immorality… It’s an attempt to establish political dictatorship)" ทาง OSCE องค์กรกลางที่ทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ในยูเครนตะวันออก ออกมาบอกว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวอาจจะเป็นการคุกคามต่อเสรีภาพในการพูด (it could put freedom of speech under threat)
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา รมว.ต่างประเทศของรัสเซียได้ประณามกฎหมายฉบับดังกล่าว (ของยูเครน) โดยได้แสดงความคิดเห็นว่า "รู้สึกวิตก" และ "เป็นกังวล" เกี่ยวกับการต่อสู้กับอดีตของยูเครนที่มีความกล้าหาญ ซึ่งดำเนินการโดยกองกำลังในการเข้าควบคุมอำนาจ รัฐบาลยูเครนได้ยอมรับกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพของความคิดเห็น มโนธรรม และมุมมอง
การเดินเกมแบบนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เข้าทางจักรวรรดิเฮเกทั้งนั้น เช่นเล่นงานพรรคคอมมิวนิสต์ในยูเครนเพื่อสะกิดและยั่วยุความภาคภูมิใจของรัสเซียในอดีต ลดความนิยมในความเป็นคอมมิวนิสต์ที่เป็นคู่แข่งระบอบประชาธิปไตยลง แล้วก็เอาประชาธิปไตยแต่เปลือกนอกเท่านั้น ข้างในเผด็จการนิยมความรุนแรงมาแทน การกำจัดคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม โดยใช้อำนาจที่มีเป็นเครื่องมือ อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งย่อมมีสิทธิ์ที่จะออกกฎหมายได้ทุกอย่าง แม้จะขัดกับหลักการประชาธิปไตยสากลก็ตาม
หากมีการต่อต้านและความขัดแย้งเกิดขึ้นก็อาจจะนำไปสู่การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายและอาจจะบานปลายไปสู่วิกฤตรอบใหม่ในยูเครนก็ได้ และยูเครนก็จะไม่มีวันสงบอีกเลย ส่วนพวกนักการเมืองก็รวมหัวกับต่างชาติโกงกินคอรัปชั่นกันพุงกางต่อไป สื่อฯก็จะเล่นแต่ข่าวความขัดแย้งของประชาชน เพื่อดึงความสนใจของประชาชนทั่วไปให้อยู่กับเหตุการณ์ความขัดแย้งรายวัน ใครติดตามข่าวได้มากและต่อเนื่องก็จะได้ยอดขายและเรตติ้งดี โฆษณาก็จะตามมาอีกมาก ในขณะเดียวกันก็จะเปิดทางให้พวกนักการเมืองสวาปามได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะมีรู้หรือคอยตรวจสอบ เช่นเหตุการณ์ทองคำจำนวน 21 ตัน ($300,000) หายไปจากธนาคารกลางของยูเครนช่วงเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อต้นปี 2014 จนป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ เพราะว่าทุกคนต่างก็ให้ความสนใจไปที่ความขัดแย้งและจลาจลเป็นหลัก เป็นไงโมเดลการสมคบคิดของพวกเขา? กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว นะแม่งูเอ๋ย
The Eyes
25/07/2558
----------
Communist parties in Ukraine banned from elections – Justice Ministry — RT News
$300,000 in gold missing from Ukraine Central Bank after swapped for lead bricks — RT Business
Where has all Ukraine's gold gone? — RT Business