ฝึกนอนสมาธิแล้วเกิดสภาวะธรรมแปลกๆ!

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 20 กรกฎาคม 2015.

  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ไม่ได้ใช้คำภาวนาใดๆครับ เพียงนอนดูลมหายใจแล้วคอยเฝ้าสังเกตุดูร่างกายนอน ตะแคงซ้าย ขวา นอนหงายก็มีสติรู้อยู่ (ไม่ได้ดูว่ามันหลับไปตอนหายใจเข้าหรือออก แต่ดูการทำงานของลมหายใจกับอริยาบทนอนว่ามันทำงานสัมพันกันอย่างไร)

    ผลที่ได้คือรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว บางทีรู้สึกเหมือนลมมันวิ่งเข้าวิ่งออกทั่วร่างกาย ออกหูออกหน้า ออกตามทวารนี่จะชัดเจนมาก(ตา หู จมูก ปาก สะดือ ฯลฯ) ถ้าไปเพ่งจ้องมันอาการนั้นก็จะหายไปทันที ก็เลยปล่อยตามสบาย แล้วมันก็ดับไป พออาการลมวิ่งดับไปความสงบก็เข้ามาแทนที่ คราวนี้เกิดขยับตัวไม่ได้สะแล้ว ทำไงดีจะพลิกตัวเปลี่ยนท่าก็ทำไม่ได้ ฝึกแรกๆความรู้สึกกลัวตายจะเกิดขึ้น แต่ก็ผ่านมาได้แล้วครับ

    ช่วงนี้ถ้าสติอ่อนมันก็จะหลับไป แต่รู้สึกมันหลับไปนิดเดียว เหมือนเวลามันผ่านไปนานหลายๆชั่วโมง มันอิ่มเหมือนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยแปลกมาก บางทีก็นิมิตถึงเรื่องราวต่างๆ อดีตบ้าง อนาคตบ้าง ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆบ้าง...เคยสังเกตุดูถ้าสติมันมาทันในขณะหลับฝันไป ก็รู้ว่าเรากำลังฝันไปเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรแล้วจะตื่นจากฝันเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าตั้งจิตไว้ก่อนจะหลับนอนว่าเราจะตื่นเวลาไหนกี่ชั่วโมงก็สามารถทำได้ครับ

    เมื่อหลายปีก่อนฝึกพิจารณากายครับ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง พอนอนสมาธิเห็นฟันของตนเองบีบขบกันแน่นจนแตกละเอียด เกิดความกลัวจึงถอนจิตออกมาใช้มือจับดูก็ปกติ น่าเสียดายจังไม่ทันได้เห็นของจริง ^_^
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ตรงเนี่ยะ โดน กิเลสหลอก !!

    ภาวนาแทบตาย ไปมุ่งทำ สมมติที่ขึ้นกับภพชาติให้มันเที่ยง อยู่ในบังคับบัญชา

    ภาวนาไปเรื่อยๆ จะค่อยๆเผลอสติ สำคัญว่า ตนสั่งจิตได้ แต่จริงๆ โดนจิต
    หลอกปาหี่เอา

    ถ้าเอา ความเป็นจริงมาพูด สั่งไม่ได้หลอก แล้วจริงๆ ไม่ต้องไปสั่ง

    มันจะตื่น หรือ ไม่ตื่น หาก มันมีจิต อาศัยระลึกอยู่ ตรงนี้ต่างหากทาง
    [ แล้วเขาเอาตรงนี้ ตัวที่ แลอยู่นี้ ไปดูว่ามันไม่เที่ยง เอาไปต่อยอด เข้าสมาธิพุทธ ซึ่งหากทำได้
    นอนอยู่ก็รู้ ไม่นอนอยู่คืออยู่ในฌาณ ทรงฌาณ หรือ โคจรไป โยคะ ก็จะรู้ ไม่ติดข้อง
    ในการเข้าไปบัญญัติความเป็นภพ ]


    ส่วนเรื่อง ตื่นได้ ตื่นไม่ได้ บัญญัติเวลาตื่นได้ นั่น หลงจมภพชาติไปแล้ว โง่ดักดานไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2015
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ก็แค่เอามาใช้งานนี่ครับ ^_^
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำว่า " จิตควบคุมได้ " ที่ครูบาอาจารย์ใช้ หากฟังไม่ดี
    จะคิดว่า ฝึกเพื่อให้มีฤทธิ์ไปเสกสรรสิ่งต่างๆ ให้เป็นดั่งใจ


    " จิตควบคุมได้ " แท้จริงหมายเอา จิตที่มัน พรากออกจากขันธ์ ไม่กำเริบกลับ
    หรือ " มีเจโตวิมุตติอันไม่กำเริบกลับ มีปัญญาวิมุตติอันไม่กำเริบกลับ "
    [ + ถ้ากำเริบกลับ ก็จะรู้เหตุของการกำเริบ หากรู้ เหตุนั้นดับ ก็จะ พยากรณ์ตนได้ ถึง การควบคุมได้ หรือ อกุปธรรม ]


    ซึ่ง คุณเอาไปสังเกตดีๆ ตอนที่ ตื่นขึ้นมาจากการระลึกได้ว่ากำลังฝัน แล้วใจ
    ไม่เกิด ความเหลื่อมล้ำระหว่าง จิตที่กำลังฝัน กับ จิตที่ตื่นจากนอน

    หากมัน ราบเรียบเสมอกัน นี่ จิตมันพรากออกจากขันธ์ ขันธ์5เป็นเพียงกริยา
    จิตที่ถูกรู้ถูกดู ห่างออกไปจากจิตทั้งหมด จะนอน จะตื่น จะเข้าฌาณ ล้วนแต่
    เป็น ภพ ที่ย้อมจิตที่เป็นอิสระอยู่อีกฝาก ไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2015
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    "ฝึกนอนสมาธิแล้วเกิดสภาวะธรรมแปลกๆ!"


    ไม่แปลกหรอกครับ ธรรมดาของมัน
     
  6. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ใจเย็นๆ ครับไม่ต้องเครียด พี่ๆผู้กระจ่างในอรรถธรรมทั้งหลาย

    สำหรับกระผม ถ้าเกิดขึ้นครั้งเเรกก็ดีใจเหมือนกันครับ

    การตั้งจิตปลุกถ้าทำได้ถือว่าจิต มีกำลังขั้นหนึ่งเเล้วหล่ะครับ

    เเนะนำให้ลองฟังหลวงพ่อ ฤาษีดูนะครับ ท่านก็อธิบายอาการเหล่านี้ไว้อยู่

    ^_^ พยามเข้านะครับ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    สภาวะ (ตัวเดียวโดดๆ) ก็ดี (เต็มๆ) สภาวธรรม ก็ดี พูดกันทั่วๆไป หมายถึงยังไง ลองดู

    สภาวะ, สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเองตามเหตุปัจจัย

    สิ่งที่ปรากฏ (เพราะมนสิการนามรูป) ดังว่านั่นแหละ เรียกสภาวะหรือสภาวธรรม คือเป็นเองตามเหตุปัจจัยของมัน (สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ)

    เมื่อเป็นสภาวะ ก็จึงเป็นไปตามเรื่องของมัน เมื่อมันเป็นไปตามเรื่องของมัน จึงขัดกับความต้องการของเรา เพราะเราไม่ต้องการมัน ดังนั้น สภาวธรรม กับ เรา จึงขัดกันอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

    ดังนั้น ภาคปฏิบัติท่านจึงให้ตามดูรู้ทันมัน (สภาวะ) ทุกๆขณะ มันเป็นยังไง รู้สึกยังไง ก็รู้ยังงั้นๆตามที่มันเป็น เหมือนนั่งดูกระแสน้ำที่ไหลอยู่เฉพาะหน้า
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จะกี่เรื่องกี่สภาวะแหล่งกำเนิดที่เดียวกัน

    นำตัวอย่างหนึ่งให้สังเกต

    เมื่อเช้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้หนูตกใจมากๆ คือว่า ในตอนเช้าหนูจะฟังเทปเกี่ยวกับการทำสมาธิ แล้วหนูก็กำลังตามลมหายใจ เข้าออก ตามซักครู่หนูรู้สึกเมื่อมีแสงสว่าง (ใหญ่มาก) วิ่งเข้าใส่ตัวหนู จนทำให้หนูตกใจ แต่ก็ยังสามารถกำหนดรู้ว่า ตกใจหนอ อยากรู้จังค่ะว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น...
     
  9. ผู้เตือน warn

    ผู้เตือน warn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +688
    ทำดีแล้ว ทำถูกแล้ว ทำต่อไป..
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำสมาธิ เพื่อ ให้จิต ใจ สงบ เป็นสมาธิ ดูที่ใจ ที่จิตตัวเองครับ

    อาการทางกายใดๆ อย่าไปสนใจ มันเรื่องพื้นๆ ของกายหยาบ ตัดทิ้งอย่าไปติดครับ

    ทำให้จิตเป็นสมาธิ มีกรรมฐานที่ปฏิบัติ อยู่กับคำภาวนาในกรรมฐานกองนั้นๆ ครับ จะได้ไม่เผลอ ฟุ้งซ่านไม่รู้ตัว หลุดออกจากรรมฐานที่ตัวเองปฏิบัติอยู่ นะครับ

    การที่ไปรู้ไปเห็นสิ่งอื่นๆ นอกใจ นอกจิตนั้น เป็นการส่งจิตออก ให้กลับมาดูใจ จิตตัวเอง พิจารณาจิต ตัวเองครับ จะได้ไม่หลง ปฏิบัติผิดวิธี

    ให้มีสติอยู่กับกรรมฐานกองที่เราปฏิบัตินั้นเอง ถ้ารู้ตัวว่าเผลอ สติตามทันทีหลังว่าหลุดจากกรรมฐานที่ปฏิบัติแล้ว ก็ให้กลับไปอยู่กับกรรมฐานตามเดิม หัดไปเรื่อยๆ เดี่ยวก็จะดีขึ้นเอง ไม่เผลอ ฟุ้งซ่านโดยไม่รู้ตัว

    .
     
  11. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    การนอนสมาธิโดยหลัก ไม่จัดให้ทำเป็นกรรมฐานหลักนะครับ แต่มันเป็นกรรมฐานรอง คือ ในระหว่างที่เรายังฝึกไม่ไปถึงการสร้างสติ สัมปชัญญะแบบทั้งกลางวันกลางคืนทั้งยามหลับและยามตื่น เมื่อเราฝึกถึงกรรมฐานหลักได้จนเป็นกิจวัตรแล้ว ความเพียรที่สะสมมาจะเริ่มมีกำลัง และมีความฉลาดในการที่จะทรงจิตที่มีสติ สัมปชัญญะได้ทั้งวัน เวลาจะนอนคนฝึกจะรู้แล้วว่า ความแตกต่างระหว่างการไม่มีสติกับการมีสติเป็นอย่างไร การหลับแบบมีสติก็จะเป็นสิ่งที่นักภาวนาต้องเข้าถึง

    แต่หากว่านักปฏิบัติ ยังฝึกฝนกรรมฐานหลัก คือนั่ง ยืน และเดิน ไม่สม่ำเสมอ แล้วทำกรรมฐานระหว่างนอน ซึ่งสติซึ่งคนเราไม่ค่อยมีอยู่แล้วในการนั่ง ยืน เดิน เพราะไม่ได้ฝึกไว้ดี ลองอย่างนี้ครับ ลองนับอานาปานสติ กับเลข คือ หายใจเข้านับหนึ่ง หายใจออกนับหนึ่ง จนไปถึงร้อย แล้วจะพบว่า ที่เราว่าเรามีสติน่ะ มันไม่จริง เพราะคนเราทั่วไปถ้าไม่ฝึกนะครับ แค่สิบก็หลุด ต้องเริ่มใหม่ คือหลุดว่า เลขนับนี้เป็นชุดเดียวกับการหายใจไหม ถ้าเราสติมั่นคง นับถึงหมื่นก็ไม่หลุด แต่เอาแค่ถ้าได้สักร้อยก็พอ ทีนี้พอสติสัมปชัญญะไม่กล้าแกร่งพอแล้วมานอนกำหนดจิต จิตมันหลุดคือ สติ สัมปชัญญะมันวูบไปแน่นอน ทีนี้ สังเกตครับ อาการที่ท่านสัมผัสนั่น เป็นอาการรับรู้แบบบางๆ ทั้งนั่น ไม่ใช่อาการรู้ตัวทั่วพร้อม แต่อาจเข้าใจำปอย่างนั้น เมื่อความหลับเข้ามาผสมนะครับ กำลังกายใจมันอ่อนลง คือ การรับรู้มันจะตีบแคบลง การรับรู้อื่นจะเริ่มดับ เหลือที่เพ่งไว้มากที่สุด ซึ่งมันจะวูบไหวไปเรื่ิอย ไม่แน่นอนว่าสมาธิจิตจะตั้งตรงไหน การรับรู้ลมต่าง เสียงต่างๆ แสงต่างๆ แบบนิมิตที่จิตไปปรุงแบบฝันไปก็มี อาการเหล่านี้ หลุดจากกรรมฐานนะครับ เพราะท่านไม่ได้ตั้งที่ฐานที่จะทำกรรมฐาน เช่น บอกว่า กำหนดลมหายใจเข้าออก แต่พอเกิดการรับรู้อื่นเช่น ลม แสง เสียง ภาพนิมิต จิตท่านตามคลอสิ่งนั้นๆ ซึ่งเมื่อพิจารณาจะเห็นว่า ไม่ใช่กรรมฐาน และจัดเป็นผลสมาธิที่เกิดตามธรรมชาติแบบอาศัยจังหวะการแปรปรวนของําตุขันธ์ ซึ่งไม่ผิด แต่กำลังของสมาธิจิตต้องเรียกว่า อ่อน เปรียบเหมือนคนเจ็บไข้ได้ป่วยหลายคนสัมผัสได้ บางคนจิตช่วงนี้พุ่งออกไปภพต่างๆ จนมาเล่าว่า ตายแล้วฟื้น อันนี้ ไม่ใช่กรรมฐานครับ เป็นเหตุการณ์ปกติ เหมือนตอนเด็กๆ ที่ผมเคยจิตนิ่งสงบมากตอนนอน เพราะว่า ไม่คิด ไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุ ไม่มีไฟฟ้า จิตมันสงบเองจนมีอาการรับรู้แปลกๆ คล้ายอย่างที่ท่านเล่า แต่นั่นไม่ใช่การเห็นสภาวะธรรมครับ นั่นแค่ธรรมชาติที่เห็นได้ตามปกติ

    ในเบื้องต้น ถ้าจะทำสมาธิตอนนอน การทำสมาธิคือต้องเพิ่มพูนสติสัมปชัญญะนะครับ ต้องรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งร่างกายและจิต รู้ว่าหลับ ร่างกายนอนในท่าไหน จิตตื่นแม้ร่างกายหลับสนิท รู้ได้ตลอดว่าจะเกิดอะไรแก่กาย หมายถึงสามารถตื่นได้ตลอดเวลา

    ถ้าท่านเพิ่งเริ่มต้น ไม่เสียหายครับ นักปฎิบัติทุกคนต้องเจอสภาพการรับรู้ตอนก่อนจะหลับทุกคนแต่เมื่อเข้าใจหลักกรรมฐาน ว่าทำอย่างไร เพื่ออะไร ได้กำลังสมาธิถึงระดับใด ได้อานิสงฆ์อะไรแล้วให้ปฏิบัติตามหลักไปก่อน การไปรับรู้สิ่งที่พาให้ออกจากกรรมฐาน จัดเป็นอุปสรรคที่ทำให้สมาธิจิตไม่ถึงความสำเร็จของกรรมฐานนั้น พลาดจากเอกัคตา ซึ่งจะได้แค่สมาธิแบบคนกึ่งหลับกึ่งตื่น (คล้ายวิชาหมัดเมา หรือวิชาห้วงนิทรา อาศัยจิตที่สงบจากการหลับมาใช้ประโยชน์ ) ซึ่งสมาธิแบบหลับๆต ื่นๆ จะสู้สมาธิแบบตื่นไม่ได้
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    โมทนาสาธุครับกับท่านเจ้าของกระทู้ครับ คุณทำไปเถอะครับ เดี๋ยวปัญญามันเกิดเอง รู้เองเห็นเอง คุณเป็นผู้กิน บางคนไม่รู้อะไรเลยก็มี มาแสดง สอนคุณ แต่มีหลายท่าน พูดถูก ทำกรรมฐาน ๔๐ ใครทิ้ง อานาปานัสติ กรรมฐานกองนั้นๆเดี๋ยวก็พังหมดครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อานันทะดูก่อน อานนท์ เราเองก็มากด้วยอานาปานุสติ ทำไปเรื่อยๆ ถ้าได้อาปานุสติ คล่องอานาปานุสติ จะรู้เวลาตาย รู้อดีดอนาคต แล้วทำให้กรรมฐานทุกๆกองไม่มีการเสื่อม แล้วยิ่งได้ถึงระดับฌาณ ระงับกายสังขาร เวทนาได้ดีด้วยครับ แค่อุปจาระสมาธิ ก็ช่วยรักษาคนได้แล้ว


    คุณนอนแค่ ๕ นาที ๑๐ นาทีเหมือนนอนหลายชั่วโมง แต่ถ้าคนนอนแบบจริงจัง นอนเป็นสิบชั่วโมง เหมือนนอนไม่อิ่น นั่นมันนอนไม่ได้สติ จึงเป็นแบบนั้น คุณนอนนิดเดียวเหมือนนอนนาน นั่นถ้าคุณทำได้บ่อยๆ จะเป็นผลดีกับคุณตลอดไป การอธิฐานจิต ต้องการ ตื่นเวลาไหน มันจะตื่นเวลนั้น ไม่คลาดเคลื่อน ถึงเลื่อน ผมว่าไม่เกิน ๕ นาที่ครับเคยทำได้เหมือนกันเมื่อก่อนแบบคุณ แต่ไม่ถึงแบบคุณ ถ้าคุณสามารถ ถอดจิต ดูกายให้ทั่วร่างกายจะสามารถ รักษาโรคที่เป็นได้ และช่วยรักษาผู้อื่นได้ด้วยครับ พอดีมีคนมาหาครับเลยยังอธิบายไม่หมด ขอจบแค่นี้ครับ
     
  13. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    เคยนอนเฉยๆไม่ขยับ6ชั่วโมงนะ
    ธาตุแปรปวน
     

แชร์หน้านี้

Loading...