ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    น้ำมันขึ้นชั่งใจผลกระทบข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน หุ้นมะกันบวก-ทองลง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2558 04:25 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/เอพี - ราคาน้ำมันปิดบวกในวันอังคาร(14ก.ค.) ตลาดชั่งน้ำหนักผลกระทบข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกับชาติมหาอำนาจ ส่วนวอลล์สตรีทขยับขึ้นจากความเป็นไปได้ที่เฟดอาจเลื่อนแผนขึ้นดอกเบี้ยออกไป ขณะที่ทองคำปรับลดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 53.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 58.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    เหล่าชาติมหาอำนาจที่ประกอบด้วย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซียและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์กับอิหร่านเมื่อวันอังคาร(14ก.ค.) ที่มีเป้าหมายจำกัดการได้มาซึ่งระเบิดนิวเคลียร์ของเตหะราน และเปิดทางยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน และเป็นไปได้ว่าอาจนำมาซึ่งการยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมาหลายทศวรรษระหว่างสองฝ่าย

    เชื่อกันว่าข้อตกลงประวัติศาสตร์นี้ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการยกเลิกมาตรการห้ามอิหร่านส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในปีนี้และในอนาคต อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ามันอาจต้องใช้เวลาอีกสักกว่าที่น้ำมันของเตหะรานจะส่งผลกระทบต่อตลาด

    "ดูเหมือนกำลังผลิตของอิหร่านจะเพิ่มขึ้นในปี 2016 แต่คงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเทียบเท่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้" ฟิตช์ เรตติ้ง ระบุ "การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ตอนนี้อยู่ที่ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากที่เคยส่งออกราวๆ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันก่อนปี 2012"

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(14ก.ค.) ปิดบวกเล็กน้อย ถือเป็นการขยับขึ้น 4 วันติด นักลงทุนมองข้ามข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอเดือนมิถุนายน ด้วยเชื่อว่ามันจะเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)เลื่อนกำหนดขึ้นดอกเบี้ยออกไป

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 75.90 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,053.58 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.35 จุด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,108.95 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 33.38 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,104.89 จุด

    ชาร์ลี บิเลลโล นักวิเคราะห์จากเพนเชียน พาร์ทเนอร์ส บอกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯได้แรงหนุนจากข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอของอเมริกา ซึ่งลดลง 0.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจทำให้เฟดตัดสินใจเลื่อนกรอบเวลาขึ้นดอกเบี้ยออกไปจากกำหนดเดิม

    ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(14ก.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ หลังดอลลาร์ฟื้น ขณะที่ตลาดจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเข้าให้ปากคำต่อสภาคองเกรสในช่วงกลางสัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,153.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079874
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้นำโลกแซ่ซ้องข้อตกลงนุกอิหร่าน แต่ยิวตอกผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์-ย้ำชิงลงมือโจมตีก่อน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2558 01:36 น.

    [​IMG]
    @ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ (ที่ 5 จากซ้าย) และรัฐมนตรีต่างประเทศของ 6 ชาติมหาอำนาจ ถ่ายภาพร่วมกัน ภายหลังสามารถทำข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานได้ ณ กรุงเวียนนา วันอังคาร (14 ก.ค.)

    เอเอฟพี - เหล่าผู้นำโลกพากันออกมายกย่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์ในวันอังคาร(14ก.ค.) ด้วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา บอกว่ากำลังแลเห็นทิศทางใหม่และวลาดิมีร์ ปูติน ชี้เป็นเสียงถอนหายใจแห่งการผ่อนคลายเฮือกใหญ่ของโลก แต่อิสราเอล คู่อริตัวฉกาจของเตหะรานประณามว่าเป็นความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์

    หนุ่มสาวชาวอิหร่านออกมาร้องเพลง เต้นรำบนท้องถนนสายต่างๆในกรุงเตหะราน ส่วนผู้ขับขี่ก็บีบแตรดังสนั่น ส่งเสียงเชียร์ข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์กับชาติมหาอำนาจ ด้วยพวกเขาหวังว่ามันจะช่วยสิ้นสุดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่บังคับใช้มานานาหลายปีและถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติมาหลายทศวรรษ

    เหล่าชาติมหาอำนาจของโลกที่บรรลุข้อตกลงกับเตหะราน พูดเป็นเสียงเดียวกัน แสดงความหวังว่านับตั้งแต่นี้อิหร่านจะสร้างโอกาสแห่งการเริ่มเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ อย่างไรก็ตามนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แย้มว่าเขายังพร้อมออกคำสั่งปฏิบัติการทางทหารต่อที่ตั้งทางนิวเคลียร์ต่างๆของเตหะราน

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหัฐฯ ระบุข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสปรับแก้ความสัมพันธ์ที่ระคายเคืองกับอิหร่านเสียใหม่ "ทุกเส้นทางแห่งการมุ่งสู่อาวุธนิวเคลียร์ถูกตัดแล้ว" เขากล่าว "ข้อตกลงนี้นำเสนอโอกาสมุ่งสู่ทิศทางใหม่ เราควรคว้ามันไว้"

    อย่างไรก็ตามนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรีพับลิกัน แสดงความเห็นว่าข้อตกลงนี้จะเป็นการปลุกขวัญแก่เตหะรานและดูเหมือนจะเติมเชื้อแห่งการแข่งขันทางด้านอาวุธนิวเคลียร์

    ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกันคราวนี้ ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมนี ตามหลัง 13 ปีแห่งการเผชิญหน้า มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านทั้งของอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ จะถูกยกเลิก แลกกับการที่เตหะรานตกลงตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตนลงเป็นระยะเวลายาวนาน

    ทั้งนี้ฝ่ายตะวันตกระแวงสงสัยว่า โครงการของอิหร่านนี้มีเป้าหมายในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เตหะรานปฏิเสธมาตลอด

    ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยกย่องข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นทางเลือกที่มั่นคงสำหรับเสถียรภาพและความร่วมมือ "โลกหายใจด้วยความปลดเปลื้องเฮือกใหญ่" พร้อมบอกว่ามอสโกจะทำทุกทางในขอบเขตของอำนาจเพื่อรับประกันว่าข้อตกลงนี้ได้ผล ส่วนนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ เสริมว่าข้อตกลงนี้จะช่วยทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางผาสุกยิ่งขึ้น

    อย่างไรก็ตามในส่วนของอิสราเอล ศัตรูของอิหร่านที่คัดค้านการเจรจามาโดยตลอด บอกว่าข้อตกลงนี้คือความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ "เรามีหน้าที่ป้องกันไม่ให้อิหร่านได้มาซึ่งอาวุธนิวเคลียร์ และหน้าที่นั้นยังมีอยู่" นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรียิวกล่าว ย้ำถึงท่าทีที่เคยออกมาขู่ชิงลงมือโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านก่อน

    "อิหร่านไม่มีข้อผูกมัดในข้อตกลงกับอิหร่านครั้งนี้ เพราะว่าอิหร่านยังคงหาทางทำลายล้างเรา" เขากล่าวต่อและพูดถึงการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรของมหาอำนาจตะวันตกว่า "อิหร่านจะกอบโกยเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งพวกเขาจะนำไปเติมเชื้อเพลิงแก่เครื่องจักรก่อการร้าย" นายเนทันยาฮุกล่าว

    นายโอบามา มีกำหนดพูดคุยกับเหล่าผู้นำของอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย ที่แสดงความเคลือบแคลงใจต่อข้อตกลงนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติบอกว่าข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายความท้าทายด้านความมั่นคงในตะวันออกกลาง

    ด้านนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้โลกปลอดภัยยิ่งขึ้นและตอนนี้ อิหร่าน มีโอกาสที่แท้จริงที่จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ส่วน ซิกมาร์ กาเบรียล รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี บอกว่ามีแผนเดินทางเยือนอิหร่านเร็วๆนี้ "มันจะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อบางภาคอุตสากรรมของเยอรมนี จากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นปกติและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอิหร่าน ทั้งหมดล้วนเกิดจากข้อตกลงของวันนี้"

    ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุโลกกำลังก้าวไปข้างหน้าและเรียกร้องอิหร่านช่วยชาติมหาอำนาจยุติความขัดแย้งในซีเรีย "ตอนนี้อิหร่านจะมีความสามารถทางการเงินมากขึ้น ในขณะที่จะไม่มีมาตรการคว่ำบาตรอีกต่อไปแล้ว เราต้องระมัดระวังอย่างที่สุดต่อสิ่งที่อิหร่านจะเป็นไปนับแต่นี้"

    บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย บอกว่าอิหร่าน พันธมิตรสำคัญของเขาประสบชัยชนะครั้งประวัติศาสต์ในข้อตกลงดังกล่าว พร้อมแสดงความยินดีกับ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ต่อจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ทั้งของอิหร่าน ภูมิภาคและของโลก

    ทั้งนี้เหล่าเพื่อนบ้านของอิหร่านก็แสดงความยินดีต่อข้อตกลงนี้เช่นกัน โดยอัฟกานิสถาน บอกว่ารู้สึกยินดีต่อความพยายามที่มีเป้าหมายเสริมสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ส่วนปากีสถานระบุมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ถือเป็นการ "ปักหมุดสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคของเรา"

    สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บอกว่าอิหร่านสามารถเล่นบทบาทสำคัญในภูมิภาค หากว่าหยุดแทรกแซงกิจการภายในประเทศต่างๆ อย่างเป็นอิรัก ซีเรีย เลบานอนและเยเมน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079858
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    US-5มหาอำนาจคุยอิหร่านสำเร็จ ทำข้อตกลง'นุก'พลิกโฉมตอ.กลาง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 21:28 น.

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/wGJvHurbvko" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เอเจนซีส์ - อิหร่านและมหาอำนาจ 6 ชาติ สามารถทำความตกลงด้านนิวเคลียร์กันได้แล้วในวันอังคาร (14 ก.ค.) เป็นการปิดฉากการเจรจามาราธอนยาวนานกว่าทศวรรษ ด้วยข้อตกลงซึ่งน่าจะพลิกโฉมภูมิภาคตะวันออกกลาง

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงยกย่องว่า นี่เป็นก้าวเดินไปสู่ “โลกที่มีความหวังเพิ่มมากขึ้น” ขณะที่ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน บอกว่า ความสำเร็จนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า “การมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ได้ผล” อย่างไรก็ตาม อิสราเอลประกาศว่าจะยังคงทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อทำลายข้อตกลงนี้ซึ่งรัฐยิวระบุว่าเป็น “การยอมจำนนครั้งประวัติศาสตร์”

    ในสหรัฐฯนั้น ขั้นตอนจากนี้ไป ข้อตกลงนี้จะนำเข้าพิจารณาในรัฐสภา แต่โอบามายืนยันว่าเขาจะใช้อำนาจวีโต้ของเขาลบล้างมาตรการใดก็ตามที่จะมาสกัดกั้น

    “การตกลงกันคราวนี้เป็นการเสนอโอกาสสำหรับการเคลื่อนไปในทิศทางใหม่ๆ” โอบามาบอก “พวกเราควรฉวยคว้าเอาไว้”

    ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกันคราวนี้ มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านทั้งของอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ จะถูกยกเลิก แลกกับการที่เตหะรานตกลงตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตนลงเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งนี้ฝ่ายตะวันตกระแวงสงสัยว่า โครงการของอิหร่านนี้มีเป้าหมายในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เตหะรานปฏิเสธมาตลอด

    การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะสำคัญทั้งสำหรับโอบามา และสำหรับรูฮานี ที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อสองปีที่แล้วจากการให้คำมั่นลดการถูกโดดเดี่ยวทางการทูตต่ออิหร่าน ประเทศที่มีประชากร 77 ล้านคน

    แต่ผู้นำทั้ง 2 ต่างเผชิญการต่อต้านจากนักการเมืองสายเหยี่ยวภายในประเทศ หลังจากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา 2 ชาติได้เป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ต่างขนานนามอีกฝ่ายหนึ่งเป็น “มหาซาตาน” และ “แกนอักษะปีศาจ”

    ถึงแม้คู่เจรจาสำคัญคืออเมริกาและอิหร่าน แต่งานนี้ยังมีสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีก 4 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส และรัสเซีย บวกด้วยเยอรมนี ร่วมหารือด้วย

    ทันทีที่มีการประกาศข้อตกลงจากที่ประชุมเจรจาในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ออกมาวิจารณ์ทันควันว่า นี่เป็น “ความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์สำหรับโลก” โดยระบุว่า เตหะรานจะได้เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์จากการยกเลิกมาตรการลงโทษ ทำให้สามารถสานต่อความก้าวร้าวรุกรานและการก่อการร้ายในตะวันออกกลางและทั่วโลก รวมถึงสานต่อโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

    US-5มหาอำนาจคุยอิหร่านสำเร็จ ทำข้อตกลง'นุก'พลิกโฉมตอ.กลาง
    รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ (ที่ 5 จากซ้าย) และรัฐมนตรีต่างประเทศของ 6 ชาติมหาอำนาจ ถ่ายภาพร่วมกัน ภายหลังสามารถทำข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานได้ ณ กรุงเวียนนา วันอังคาร (14 ก.ค.)

    ซีปี โฮโตเวลี รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศยิว ยังขานรับว่า ข้อตกลงนี้เป็น “การยอมจำนนครั้งประวัติศาสตร์” และประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า อิสราเอลจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งการให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงนี้ ซึ่งบ่งชี้ชัดเจนถึงการพยายามใช้อิทธิพลเพื่อสกัดกั้นข้อตกลงนี้ในรัฐสภาสหรัฐฯ (คองเกรส)

    ทั้งนี้ คองเกรสมีเวลา 60 วันในการพิจารณาข้อตกลง โดยหากโหวตคัดค้าน โอบามาสามารถใช้อำนาจยับยั้งการลงมติดังกล่าว และหากคองเกรสต้องการล้มล้างอำนาจของโอบามา ก็ต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 2 ใน 3 นั่นหมายความว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตต้องแปรพักตร์มาร่วมคัดค้านข้อตกลงนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงด้านนโยบายต่างประเทศของโอบามา

    การเจรจารอบสุดท้ายในเวียนนาครั้งนี้ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ใช้เวลาต่อรองอยู่เกือบ 3 สัปดาห์ แต่สำหรับโอบามา การดำเนินการทางการทูตกับเตหะรานเริ่มต้นอย่างลับๆ มากว่าสองปี พร้อมกับการเดินเกมปรับความสัมพันธ์กับคิวบาที่เป็นปฏิปักษ์กันมานานหลายทศวรรษเช่นเดียวกัน

    สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า จากข้อตกลงนี้เตหะรานจะได้รับเงินหลายพันหลายหมื่นล้านที่ถูกอายัดไว้กลับคืน ขณะที่มาตรการแซงก์ชันต่อธนาคารกลาง บริษัทน้ำมันแห่งชาติ บริษัทชิปปิ้ง และสายการบินของประเทศ จะถูกยกเลิกเช่นเดียวกัน เตหะรานยังมีสิทธิ์ในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในระดับที่ตะวันตกระบุว่า จะไม่ทำให้อิหร่านสามารถสะสมยูเรเนียมเพียงพอนำไปผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้

    นักการทูตตะวันตกยังเปิดเผยว่า ภายใต้ข้อตกลงสุดท้าย อิหร่านยอมรับกลไกย้อนกลับ ซึ่งหมายถึงการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันบางอย่างอีกครั้งภายใน 65 วัน หากเตหะรานละเมิดสัญญา

    นอกจากนี้ มาตรการของยูเอ็นในเรื่องการคว่ำบาตรห้ามซื้อขายอาวุธกับอิหร่าน จะยังคงบังคับใช้ต่อไปอีก 5 ปี และห้ามอิหร่านจัดซื้อเทคโนโลยีขีปนาวุธอีก 8 ปี

    ขณะเดียวกัน ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ซึ่งเป็นองค์กรชำนัญพิเศษของยูเอ็น ประกาศว่า ได้ร่วมลงนามข้อตกลงโรดแมปกับเตหะรานในการแก้ไขปัญหาที่ยังค้างคา และจะเปิดเผยรายงานการตรวจสอบภายในวันที่ 15 ธันวาคมปีนี้

    ข้อตกลงหลักล่าสุดอิงกับความสามารถของไอเออีเอ ในการเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และการตอบคำถามของเตหะรานเกี่ยวกับเป้าหมายทางการทหารที่เป็นไปได้ของโครงการวิจัยก่อนหน้านี้

    ผลประโยชน์ที่เตหะรานจะได้รับจากข้อตกลงนี้ สร้างความกังวลต่อพวกพันธมิตรอาหรับของอเมริกาในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่ปกครองโดยมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่เชื่อว่า อิหร่านซึ่งนับถือนิกายชีอะต์ หนุนหลังศัตรูของตนทั้งในสนามรบซีเรีย เยเมน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

    กระนั้น วอชิงตันกลับมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงความสัมพันธ์กับเตหะราน เนื่องจากมีศัตรูร่วมกันคือกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่กำลังยึดครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรัก

    สำหรับอิหร่าน การยุติการแซงก์ชันจะส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถกลับเข้าสู่ตลาดน้ำมันอีกครั้ง และนี่คือปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงกว่าหนึ่งดอลลาร์ในวันอังคาร หลังจากมหาอำนาจ 6 ชาติตกลงกับอิหร่านได้ แม้ในความเป็นจริงแล้วกว่าที่น้ำมันจากอิหร่านจะกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดโลกได้อาจต้องรอถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้าก็ตาม


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079810
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายกฯกรีซ'หืดจับ'กล่อมสภายอมรับ ข้อตกลงโหดแลก'เงินกู้'-ได้อยู่ 'ยูโร'ต่อ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 21:18 น.

    [​IMG]
    @ชายคนหนึ่งเดินผ่านภาพวาดบนกำแพงเลือดกำลังไหลออกจากลัญลักษณ์ยูโร ใจกลางกรุงเอเธนส์ในวันอังคาร(14ก.ค.) โดยในวันเดียวกัน นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ นัดประชุมพรรคที่เขาต้องเผชิญภารกิจหนักในการในการกล่อมรัฐสภายอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิมให้ลุล่วงภายในวันพุธ (15 ก.ค.)

    เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ เจองานหนักในการกล่อมรัฐสภายอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิมให้ลุล่วงภายในวันพุธ (15 ก.ค.) นี้ ตามเงื่อนไขที่เขาไปตกลงไว้กับพวกผู้นำยูโรโซนเมื่อวันจันทร์ (13) จะได้สามารถเปิดเจรจาโปรแกรมแพกเกจเงินกู้ก้อนที่ 3 มูลค่า 86,000 ล้านยูโร ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงกระแสต่อต้านจากประชาชนที่ส่วนใหญ่ไม่พอใจข้อตกลงล่าสุด ขณะที่พวกข้าราชการนัดประท้วง 24 ชั่วโมงในวันพุธแล้ว

    ซีปราส จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวกรีก รัฐสภา และโดยเฉพาะพรรคฝ่ายซ้าย “ไซริซา” ของตนเอง สำหรับการใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศกำหนดไว้ ในการเข้าสู่โปรแกรมเงินกู้ครั้งใหม่

    ข้อตกลงที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (13) ภายหลังการเจรจามาราธอน 17 ชั่วโมงระหว่างซีปราสกับพวกผู้นำ 19 ชาติยูโรโซน เป็นการรับรองว่าเอเธนส์จะไม่ต้องหลุดออกจากการใช้สกุลเงินตรา “ยูโร” ทว่าก่อนอื่นเลย รัฐสภากรีซจะต้องแก้ไขกฎหมายแรงงาน บำนาญ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการจัดเก็บภาษีให้แล้วเสร็จภายในวันพุธ (15)

    หลังจากนั้น ยูโรโซนอีก 18 ประเทศจึงจะเริ่มการหารืออย่างเป็นทางการกับกรีซ ในเรื่องโปรแกรมเงินกู้แพกเกจที่ 3 ระยะ 3 ปีมูลค่า 86,000 ล้านยูโร

    [​IMG]
    @นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ต้องเผชิญภารกิจหนักในการในการกล่อมรัฐสภายอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิมให้ลุล่วงภายในวันพุธ (15 ก.ค.)

    ซีปราสยืนยันว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดีสำหรับกรีซ ถึงแม้พวกนักวิเคราะห์ระบุว่า เงื่อนไขบางข้อเข้มงวดมากกว่าข้อเสนอก่อนหน้านี้ที่ชาวกรีกลงประชามติคัดค้านเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมาตามการเสนอแนะของซีปราสเสียอีก

    กระนั้น ผู้นำกรีซยืนยันว่า ข้อตกลงใหม่ช่วยผ่อนปรนภาระหนี้มหึมาของกรีซและฟื้นฟูระบบการธนาคารที่เป็นอัมพาตในขณะนี้ หลังจากถูกทางการสั่งปิดให้บริการมานานสองสัปดาห์

    ทว่า ชาวกรีกจำนวนมากไม่มั่นใจว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยยกระดับชีวิตของตนได้ และพากันระบายความโกรธแค้นผ่านสื่อสังคมด้วยแฮชแท็ก #ThisIsACoup ในทวิตเตอร์

    นอกจากนั้น ข้าราชการกรีซยังนัดประท้วง 24 ชั่วโมงในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการนัดหยุดงานเช่นนี้ครั้งแรก นับจากซีปราสชนะการเลือกตั้งด้วยการชูนโยบายยุติมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว

    ในส่วนการประชุมรัฐสภาของกรีซนั้น มีการคาดหมายว่า อาจมีการปลด ปานาจิโอทิส ลาฟาซานิส รัฐมนตรีพลังงาน และ ดิมิสทริส สตราตูลิส รัฐมนตรีช่วยแรงงาน ที่ประกาศคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด นอกจากนั้น ซีปราสยังต้องเผชิญขวากหนามสำคัญจาก โซ คอนสแตนติโนปูลู ประธานสภาซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายซ้ายที่ประณามและประกาศขัดขวางมาตรการรัดเข็มขัดเต็มที่

    [​IMG]
    @ประชาชนยังคงพากันแห่ถอนเงินตามตู้เอทีเอ็มใจกลางกรุงเอเธนส์ในวันอังคาร(14ก.ค.) โดยในวันเดียวกัน นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ต้องเผชิญภารกิจหนักในการในการกล่อมรัฐสภายอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิมให้ลุล่วงภายในวันพุธ (15 ก.ค.)

    หลังจากรัฐสภากรีซยอมอนุมัติกฎหมายปฏิรูปด้านต่างๆ ตามที่กำหนดแล้ว ในส่วนของพวกชาติยูโรโซนนั้น หลายประเทศจำเป็นต้องให้รัฐสภาของพวกตนอนุมัติข้อตกลงที่ทำกับกรีซเสียก่อน โดยที่คาดกันว่าอาจจะมีการลงมติกันในวันศุกร์ (17) เนื่องจากรัฐสภาของหลายประเทศแสดงความไม่เต็มใจที่จะช่วยกรีซเพิ่มเติมอีก รวมทั้งรัฐสภาของเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดอย่างเยอรมนี ดังนั้นจึงบีบบังคับให้รัฐสภากรีซต้องรีบผ่านกฎหมายตามที่ฝ่ายเจ้าหนี้ต้องการให้เสร็จสิ้นภายในวันพุธนี้

    ในระหว่างการเจรจาต่อรองกับกรีซนั้น ยูโรโซนได้เกิดขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายยืนหยัดชูมาตรการรัดเข็มขัดที่นำโดยเยอรมนี และฝ่ายต้องการประนีประนอมและช่วยเหลือกรีซที่นำโดยฝรั่งเศส แต่ถึงตอนนี้ ยูโรโซนจำเป็นต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อจัดการปัญหาเร่งด่วนในการหาเงินมาอัดฉีดให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤตเฉพาะหน้า เนื่องจากข้อตกลงแพกเกจเงินกู้ก้อนที่ 3 ยังต้องใช้เวลาในการพิจารณา

    วันจันทร์ที่ผ่านมา บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือที่เรียกกันว่า “ยูโรกรุ๊ป” เผยว่า กำลังพิจารณาหาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อให้กรีซสามารถชำระหนี้อีซีบีและเจ้าหนี้อื่นๆ ที่จะถึงกำหนดภายในไม่กี่สัปดาห์นี้

    ทั้งนี้แม้ตกลงกับยูโรโซนได้ แต่เอเธนส์ก็ยังคงผิดนัดชำระหนี้ครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์กับไอเอ็มเอฟเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้มียอดคงค้างรวม 2,000 ล้านยูโรโดยประมาณ

    วันเดียวกัน คณะมนตรีบริหารของอีซีบีประกาศคงกองทุนอัดฉีดสภาพคล่องฉุกเฉินสำหรับกรีซที่ 89,000 ล้านยูโร และกระทรวงการคลังกรีซแถลงว่า ธนาคารในประเทศจะยังคงปิดทำการจนถึงวันพุธ

    ทั้งนี้ ตู้เอทีเอ็มหลายแห่งในกรีซไม่มีเงินสดให้กดอีกต่อไป แม้รัฐบาลจำกัดการถอนไม่เกินวันละ 60 ยูโรมาตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079805
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    สถิติสหรัฐฯส่งตัวผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายออกนอกประเทศปีละเกือบครึ่งล้านคน อังกฤษครึ่งแสน อธิบายซิว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างที่กล่าวหาไทยหรือไม่? จะปฏิรูปสื่อฯไทยให้มีสามัญสำนึกในความรักชาติได้อย่างไร?

    [​IMG]
    -----------
    วันนี้ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องวิกฤตหนี้ของกรีซภาคต่อซะหน่อย แต่ข้อมูลค่อนข้างเยอะมาก ขอเขียนในโพสต์ต่อไปนะครับ หลังจากที่เขียนเกี่ยวกับอุยกูร์ไปแล้วถึง 4 ตอนยาวๆ มีบางประเด็นที่อยากจะพูดแต่ยังไม่ได้พูด ไหนๆก็ไหนๆแล้วจะขอเขียนต่ออีกซักโพสต์หนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย (illegal immigrants) จำนวนร้อยกว่าคนกลับไปยังประเทศต้นทางคือจีนหลังจากที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแล้ว แต่ทั้งสหรัฐฯ อียู UNHCR HRW ต่างก็ออกมาหาเรื่องตำหนิไทยโดยอ้างว่าไทยกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศและละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีนี้ ส่วนพวกติ่งอเมริกาและสื่อฯขี้ข้าอเมริกาหรือพวกที่เห็นคำพูดของสหรัฐฯถูกต้องทุกอย่าง เขาว่าอะไรมาก็บอกว่าถูกต้องทั้งหมด ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ก็คอยทำตัวเป็นกระบอกเสียงเป็นโทรโข่งให้ต่างชาติ (บางประเทศ) ที่รุมด่าไทยหาเรื่องไทยอีกต่อหนึี่ง มันน่าเศร้าใจจริงๆที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยังถูกครอบงำทางความคิดแบบนั้นโดยอิทธิของต่างชาติ และในการนำเสนอข่าวของสื่อฯไทยบางสำนักที่ไม่เคยคิดจะปกป้องแผ่นดินเกิดของตัวเอง ถนัดนักในเรื่องช่วยเหลือต่างชาติบ่อนทำลายประเทศตัวเอง

    [​IMG]

    จึงลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทดูซิว่า ไอ้พวกประเทศที่ออกมาด่าเราเหยงๆอยู่นั้นเคยทำอย่างเรามาบ้างหรือไม่? เพราะเมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวว่าทางอียูไม่รับผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าเมืองอีกแล้ว แต่จะใช้วิธีให้กองทัพทำลายเรือผู้อพยพในทะเลแทน สมาชิกประเทศต่างๆในอียูจำนวน 10 ประเทศจากทั้งหมด 28 ประเทศไม่เห็นด้วยที่จะแบ่งโควต้ารับผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นที่มาจากแอฟริกาและตะวันออกกลางเข้าไปอยู่ในยุโรปอีก จึงหาทางผลักดันออกไป ไม่เห็นประเทศไหนหรือองค์ด้านสิทธิมนุษยชน หรือ UNHCR ออกมาประณามการกระทำแบบนั้นของอียูบ้างเลย มันจ้องจะเล่นแต่ไทยนี่แหละ ทั้งๆที่ UNHCR กับสหรัฐฯนั่นและที่ต้องสงสัยว่าน่าจะอยู่เบื้องหลังและส่งผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ก่อการร้ายอุยกูร์เหล่านี้เข้ามาในเมืองไทย
    เอาแค่สองประเทศก็พอคือสหรัฐฯและอังกฤษ ถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้สามารถค้นหาในอินเตอร์เน็ทเพิ่มเติมได้ เฉพาะกรณีของสหรัฐฯนี้ Pew Research Center ของสหรัฐฯเองได้อ้างอิงข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการส่งตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของสหรัฐฯออกนอกประเทศ (deportations of immigrants) จากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯเอง (Department of Homeland Security) ตั้งแต่ปี 2001-2013 ดังนี้ เอาเฉพาะ 2 ปีสุดท้ายก็พอหากต้องการทราบมากกว่านี้ให้ดูภาพที่2ประอกบ ปี 2012 สหรัฐฯส่งตัวชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายออกไปจากสหรัฐฯจำนวน 418,000 คน ซึ่งมีอาชญากรรวมอยู่ด้วยถึงจำนวน 200,000 คน ส่วนปี 2013 มีจำนวนทั้งหมด 438,000 คน และมีอาชญากรรวมอยู่ด้วยจำนวน 198,000 คน
    ส่วนในปี 2014 ข้อมูลจากรายงานของหน่วยงานผลักดันผู้อพยพและศุลกากรของสหรัฐฯ (U.S. Immigration and Customs Enforcement - ICE) บอกว่าสหรัฐฯได้ดำเนินการขับผู้อพยพต่างถิ่น (removals) ออกไปจากสหรัฐฯจำนวน 315,943 คน
    คราวนี้มาดูของอังกฤษบ้าง รายงาน "Briefing Deportations, Removals and Voluntary Departures from UK" จาก The Migration Observatory at The University of Oxford ได้แสดงตัวเลขการผลักดัน ส่งมอบ เนรเทศ ขับผู้อพยพออกจากประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 1997-2013 โดยสรุปว่า ในปี 2013 อังกฤษได้ขับชาวต่างชาติออกจากสหราชอาณาจักรภายใต้กฎหมายการอพยพ หรือที่รู้กันโดยทั่วไปว่าถูกส่งออกไปที่อื่นเนื่องจากการเป็นภัยคุกคาม จำนวน 50,741 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2012 ถึง 14.5%
    ไทยเราผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากประเทศไทยจำนวน 109 คน (ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของไทยเช่นกัน) กลับไปยังประเทศต้นทางคือจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหัฐฯ อียู UNHCR HRW และบางประเทศออกมาต่าและตำหนิไทย แต่พอประเทศตัวเองส่งตัวผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นออกนอกประเทศมีจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสนคน ไม่เห็นบอกว่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนบ้างเลย ถ้าด่าเป็นภาษาชาวบ้านก็ต้องพูดว่า "ไอ้ลูกหมาเอ้ยยยย!" ทำไมประเทศเหล่านั้นถึงได้ตลบตะแลงตอแหลได้เก่งขนาดนี้นักนะ? ประเทศของพวกเขาส่งกลับออกไปเป็นแสนๆคนบอกว่าไม่ผิด แต่พอไทยส่งกลับไป 100 กว่าคนบอกว่าผิด (กรรม!) จะเอาอะไรเป็นมาตรฐานกับประเทศพวกนี้ได้ พวกนี้ใช้ลูกไม้นี้หากินกับประเทศอื่นที่ต้องการจะกดดันอยู่บ่อยๆ
    ที่น่าเจ็บใจก็คือว่าสื่อฯไทย (หลายสำนัก) ก็บ้าจี้ตามเขาไปด้วย เห็นเขาด่าประเทศตัวเองก็ช่วยเขาซ้ำเติมประเทศตัวเองซะนี่ เฮ้อ… ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะนะสื่อฯไทย (โอกาสนี้แหละเหมาะที่สุดแล้วที่จะปรับปรุงสื่อฯไทย ลุงตู่ว่าไหมครับ?) เอาอย่างนี้จะยกตัวอย่างให้ฟัง หลังจากที่ติดตามข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียและจีนมาได้สักพัก ที่เห็นได้ชัดนี่ก็คือสื่อฯฝั่งรัสเซียนี่แหละ เวลาถูกสื่อฯสหรัฐฯหรือของตะวันตะด่าหรือใส่ร้ายรัฐบาลหรือประเทศรัสเซีย แทนที่สื่อฯรัสเซียจะออกมาทำตัวเป็นจั๊กจั่นหน้าหนาวช่วยสื่อฯตะวันตกประสานเสียงด่าประเทศตัวเองอย่างที่สื่อฯไทยบางสำนักได้ทำอยู่เป็นนิจสินนั้น
    สื่อฯรัสเซียเขาจะเล่นข่าวเชิงรุกแทนคือนำเสอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งอาจจะในประเด็นเดียวกันแต่เป็นข้อมูลที่เป็นลบและเป็นข้อเท็จจริงของประเทศที่มากล่าวหารัสเซียเพื่อเป็นการตอบโต้ หรือนำเอาคำพูดหรือบทความจากชาวอเมริกันหรือยุโรปที่ซัดพวกอเมริกันหรือยุโรปด้วยกันนั่นแหละตอบโต้กลับ และหากสื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตกบิดเบือนข้อมูล เมื่อสื่อฯรัสเซียเขาจับได้ว่าโกหกหรือบิดเบือน สื่อฯรัสเซียก็จะเอาข้อมูลความจริงออกมาซัดสื่อฯจอมลวงเหล่านั้นกลับทันที ทำให้สำนักข่าวใหญ่ของทั้งสหรัฐฯและตะวันตกหน้าแตกไปหลายครั้งมานักต่อนักแล้ว แต่พวกนั้นก็ไม่เข็ดซักที นี่สงครามสื่อฯเขาเล่นกันอย่างนี้
    แต่เท่าที่ดูจากการนำเสนอข่าวของสื่อฯไทยเราแล้ว ต้องถอนหายใจซักหลายๆทีก่อนมันคนละชั้นกันเลยจริงๆเมื่อเทียบกับสื่อฯของรัสเซียนะ ทำอย่างไรสื่อฯกระแสหลักของเราถึงจะสามารถมีวิวัฒนาการไปได้ระดับของรัสเซียบ้างนะ วิสัยทัศน์ของสื่อฯมวลชนไทยส่วนมากยังเดินตามก้นสหรัฐฯและตะวันตกอยู่มาก การทำข่าวต่างประเทศของสื่อฯไทยทำได้เพียงแปลจากสำนักข่าวต่างประเทศเท่านั้น เป็นนักแปล ไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่นักวิเคราะห์ ไม่มีความคิดที่จะโต้แย้ง เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ เขาเขียนมาอย่างไรก็แปลไปอย่างนั้น ไม่กล้าที่จะคิดนอกกรอบ ไม่กล้าที่จะแย้ง เพราะคิดเพียงว่าการแปลตามต้นฉบับถือว่าเป็นกระดองป้องกันภัยชั้นดีที่สุดในการป้องกันตนเองจากการถูกฟ้องร้องในภายหลัง ไม่กล้าที่จะหาข้อมูลใดๆมาโต้แย้งข่าวบางข่าวที่เขาใช้โจมตีประเทศไทย เพราะบางคนอาจจะมองว่าไม่ใช่หน้าที่ แล้วเป็นหน้าที่ของใครที่จะต้องโต้แย้งต่างประเทศ? พวกเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มุมมองแบบนี้นับว่าอันตรายต่อภาพรวมในระยะยาวของประเทศเป็นอย่างมาก
    บทบาทของสื่อฯไทยนอกจากจะนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงให้กับสังคมแล้ว ลักษณะอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะมีเหมือนอย่างสื่อฯต่างประเทศแม้กระทั่งของสหรัฐฯและตะวันตกก็มี ในเรื่องของจรรยาบรรณสื่อมวลชนไทยนั่นก็คือ "สามัญสำนึกในการหวงแหนและปกป้องศักดิ์ศรีของแผนดินเกิด" ด้วย มันปลูกฝังยากมากนักหรือไงเรื่อง "สามัญสำนึกในความรักชาติ" นี่? ถ้าสื่อฯมวลชนสามารถทำตรงนี้ให้เป็นตัวอย่างได้ เชื่อเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกฝังค่านิยมในความรักชาติหวงแหนชาติและแผ่นดินเกิดให้กับเยาวชนไทยได้เป็นอย่างมาก แทนที่จะกระแดะออกมาเรียกร้องหาแต่เสรีภาพในการบ่อนทำลายชาติของตนตามที่ต่างชาติวางกลเอาไว้ เชื่อว่านี่คืออีกจุดหนึ่งที่สังคมและประชาชนคนไทยต้องการเห็นการปฏิรูปของสื่อฯไทยในสมัยปัจจุบัน
    The Eyes
    14/07/2558
    ----------
    http://www.pewresearch.org/…/u-s-deportations-of-immigrant…/
    FY 2014 ICE Immigration Removals | ICE
    • Chart: Deportations from the U.S. Dip in 2013 | Statista
    http://migrationobservatory.ox.ac.uk/…/deportations-removal…
    Number of U.S. Deportations | Statistic Brain
    Deportation Numbers Unwrapped | Center for Immigration Studies
    EU Leaders Squabble as UN Approval Still Needed to Destroy Smugglers' Ships / Sputnik International
    Ten EU Member States Oppose Introduction of Migrant Intake Quotas / Sputnik International
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ !! ยานอวกาศของนาซาเข้าใกล้ดาวพลูโต หลังเดินทางเกือบ 10 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 19:59 น.

    [​IMG]
    @ภาพจำลอง

    เอเอฟพี - ยานอวกาศไร้นักบินของนาซากำลังจะเผยให้เห็นรายละเอียดพื้นผิวของดาวพลูโตเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (14 ก.ค.) ขณะเร่งความเร็วเข้าใกล้ดาวเคราะห์แคระดวงนี้ หลังเดินทางนานเกือบทศวรรษ

    ยานอวกาศ "นิว ฮอไรซอน" ที่มีขนาดเท่ากับเบบี้แกรนด์เปียโนและถูกระบุว่าเป็นยานอวกาศที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา ขณะนี้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 30,800 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความกังวลใจเกิดขึ้น เมื่อยานมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ลำนี้ กำลังมุ่งหน้าสู่พื้นที่เขตแดนที่ไม่เคยมีใครสำรวจของระบบสุริยะ

    จากข้อมูลของ อลัน สเติร์น หัวหน้าทีมตรวจสอบการเดินทางครั้งนี้ พบว่ามีโอกาสประมาณ 1 ใน 10,000 ที่ยานอวกาศลำนี้อาจพังสูญหายจากการชนกับเศษอุกกาบาตที่ลอยอยู่รอบพลูโต ดาวที่เคยถูกพิจารณาว่าเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลดวงอาทิตย์มากที่สุด จนกระทั่งมันถูกลดระดับลงไปเป็นดาวเคราะห์แคระในปี 2006

    ช่วงเวลาที่ยานอวกาศลำนี้จะเข้าใกล้ดาวพลูโตมากที่สุดคือ 7.49 น. ของวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น (18.49 น. ตามเวลาไทย) โดยทางทีวีของนาซาเริ่มรายงานตั้งแต่เวลา 7.30 น.

    แต่ถึงกระนั้นมันก็จะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าที่นักวิทยาศาสตร์จะได้ข้อมูลกลับมาจากยานลำนี้ เพราะว่ายานอวกาศ "นิว ฮอไรซอน" จะวุ่นอยู่กับการถ่ายภาพและเก็บรวบรวมข้อมูล ถือว่าเป็นยานลำแรกที่ไปเยือนดาวเคราะห์แคระดวงนี้ที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน นับตั้งแต่เริ่มมีภารกิจท่องอวกาศของนาซาในยุคปี 1970

    ยานลำนี้จะส่งสัญญาณ "โฟน โฮม" กลับมายังโลกตอนเวลา 16.20 น. (3.20 น. ของวันพุธตามเวลาไทย) แต่คงจะกินเวลาอีกเกือบ 5 ชั่วโมง กว่าสัญญาณที่ว่าจะมาถึงมือนักวิทยาศาสตร์

    ด้วยเหตุนี้ทางนาซาจึงจะไม่มีการประกาศใดๆ จนกว่าจะยานจะบินผ่านจุดนั้นแล้วประมาณ 13 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลา 21.02 น. (8.02 น. ของวันพุธตามเวลาไทย) ไม่ว่ายานลำนี้จะสามารถรอดจากการปะทะด้วยความเร็วสูงหรือไม่ก็ตาม

    "ผมไม่ได้กังวลจนนอนไม่หลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความจริงที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ ช่วงค่ำวันพรุ่งนี้มันจะต้องมีดราม่าเกิดขึ้นนิดหน่อยแน่ๆ" สเติร์น กล่าวในวันจันทร์

    "เราไม่มีทางรู้จริงได้อย่างแน่นอนหรอก ว่าเราจะสามารถผ่านพ้นการสำรวจดาวดวงนั้นและไม่ชนเข้ากับเศษอุกกาบาต จนกว่าเราจะผ่านจุดนั้นในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้" เขากล่าว

    สเติร์นบอกว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ค้นหาถึงความเป็นไปได้ที่จะชนเข้ากับเศษอุกกาบาตแล้ว โดยไม่พบเรื่องที่น่ากังวล แต่ถึงกระนั้นการท่องอวกาศก็ยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง

    สเติร์นได้ระบุถึงแถบวงแหวนวัตถุน้ำแข็งไคเปอร์ ซึ่งอยู่สุดขอบของระบบสุริยะ ใกล้กับดาวพลูโต ว่าจะต้องถูกถ่ายรูปมาได้ไม่มากก็น้อย พร้อมด้วยดาวหางขนาดเล็กช่วงเริ่มต้นอีกมากมาย กับสิ่งอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าดาวพลูโต

    ที่ผ่านมาไม่เคยมียานอวกาศลำไหนไปไกลถึงแถบวงแหวนวัตถุน้ำแข็งไคเปอร์มาก่อน โดยยาน "นิว ฮอไรซอน" นั้นใช้เวลาเดินทางนานมากกว่า 9 ปี เป็นระยะทางราว 3 พันล้านไมล์ โดยจะผ่านดาวพลูโตที่ระยะห่าง 7,767 ไมล์

    "เรากำลังบินเข้าไปในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก" สเติร์น บอกนักข่าว

    สเติร์นบอกว่า สิ่งที่มีการรับรู้กัน เกี่ยวกับดาวพลูโตในขณะนี้อาจเป็นเพียงแค่การ์ดข้อมูลไม่กี่ใบ แต่ข้อมูลที่ได้จากยานนิวฮอไรซอนจะเป็นเหมือนกับเปิดหนังสือทั้งเล่ม ที่เต็มไปด้วยความลึกลับของอวกาศ

    ภารกิจการสำรวจของนาซาได้เคยยืนยันแล้วว่ามีดินแดนที่เป็นน้ำแข็งอยู่บนดาวพลูโต ทั้งยังพบไนโตรเจนไหลออกมาจากชั้นบรรยากาศของดาวพลูโตด้วย

    สเติร์น ยังได้บอกด้วยว่า ดาวเคราะห์แคระดวงนี้ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางความยาว 736 ไมล์

    หลังจากยาน "นิว ฮอไรซอน" เข้าใกล้แล้วส่งขนาดที่แม่นยำชัดเจนกลับมา ก็จะทำให้การถกเถียงกันมานานนับทศวรรษเรื่องขนาดของดาวพลูโตยุติลงเสียที

    นาซาบอกว่า ขนาดที่ใหญ่กว่าที่คาดนั้นจะทำให้ความหนาแน่นของดาวพลูโตน้อยกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคิดไว้ รวมถึงทำให้สัดส่วนน้ำแข็งบริเวณศูนย์กลางของดาวนั้นมากขึ้นด้วย

    บรรดาภาพที่จะชวนให้ตกตะลึง กำลังจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน อาทิ บริเวณพื้นที่สีอ่อนรูปหัวใจที่อยู่ใกล้จุดดำ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "เดอะ วาฬ"

    นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเข้าใกล้ครั้งนี้จะเป็นระยะที่ทำให้ได้รับข้อมูลชนิดที่ว่าถ้าหากส่งสวนเซ็นทรัลปาร์คไปไว้บนดาวพลูโต ก็จะสามารถระบุยืนยันถึงบรรดาหนองน้ำในเซ็นทรัลปาร์คได้เลย ขนาดของความละเอียดที่กำลังจะได้รับมันอยู่ในระดับนั้นเลย

    "เรากำลังจะได้ทำแผนที่ด้วยกล้องสเตอริโอ ซึ่งนั่นจะทำให้เราได้เห็นว่าถูเขาสูงแค่ไหน หุบเหวลึกเพียงใด" นักวิทยาศาสตร์ ระบุ

    ถัดจากนั้น นักวิทยาศาสตร์จะชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกเบื้องหลังดาวพลูโต โดยใช้อุปกรณ์ของยานในการสร้างภาพขนาดเต็มของดาวพลูโตและดวงจันทร์ทั้ง 5 ของมัน รวมถึงศึกษาฝุ่นผงในบริเวณรอบนอกของระบบสุริยะ กับชั้นบรรยากาศรอบดาวพลูโตกับชารอน ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของมัน

    นาซาระบุว่า การศึกษาดาวพลูโตให้มากขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับสาธารณชน เพราะมันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโลกและคำถามที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือไม่

    "พลูโตเป็นเหมือนฟอสซิลของต้นกำเนิดระบบสุริยะของเรา เรากำลังจะได้เรียนรู้เรื่องที่ว่าเรามาจากไหน ทั้งยังเป็นการเปิดดินแดนใหม่ของการสำรวจ" นาซา ระบุ



    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079781
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    In Pics :ประยุทธ์อนุมัติเงินกู้ 1.8 พันล้านดอลลาร์ช่วยชาวนาวิกฤตภัยแล้ง เกือบ 1ใน 3 ของประเทศยังต้องปันน้ำใช้ - สุดอึ้ง ดร.สมิทธทำนายภัยแล้งใหญ่รอบ 12 ปีถูก!! โผล่เตือนแล้งสาหัสช่วงสิงหา-กันยา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    14 กรกฎาคม 2558 19:01 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 20:53 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลไทยประกาศอนุมัติงบช่วยเหลือจำนวน 1.8 พันล้านดอลลาร์ แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และได้ประกาศขึ้น 4 จังหวัด รวมถึง แพร่ ตาก ชลบุรี และปทุมธานี เป็น “เขตพิบัติภัยแล้ง”นอกจากนี้เกือบ 1 ใน 3 ของประเทศใช้วิธีปันน้ำแก้ปัญหาความขาดแคลน ในขณะที่ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ได้ออกมาเตือนว่า ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า หากยังไม่มีฝนตกมาเพิ่มอาจถึงขึ้นวิกฤตโดยเฉพาะในเดือนสิงหาและกันยายนที่จะถึงนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ดร.สมิทธเคยเตือนว่า ปรากฎกาณ์เอลนีโญจะส่งผลกระทบต่อไทยที่ทำให้ต้องพบกับภัยแล้งครั้งร้ายแรงมากที่สุดในรอบ 12 ปี

    รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(13)ว่า กระทรวงการคลังได้แถลงในวันจันทร์(13)ว่า รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีประยุทธ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหาร มีนโยบายต้องการอัดฉีดเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรไทยที่ประสบปัญหาจากภัยแล้ง และทำให้รัฐบาลไทยจากการรายงานข่าวของสำนักข่าวซินหัว สื่อจีน ประกาศว่าไทยได้ขึ้นบัญชี 4 จังหวัดเป็นเขตภัยพิบัติแล้งจัดทางภาคกลาง จ.ปทุมธานี ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี และภาคเหนือ 2 จังหวัดคือ จ.ตาก และจ.แพร่

    ทั้งนี้ถึงแม้ว่าในขณะนี้ไทยจะเข้าสู่ฤดูฝน แต่ทว่าฝนกลับไม่ตกตามฤดูกาล ส่งผลทำให้ 7 จังหวัดจาก 76 จังหวัด โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติแถลง และเสริมต่อว่า เกือบ 1 ใน 3ของประเทศต้องใช้วิธีปันน้ำเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลน

    นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส.ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐได้อนุมัติเงินกู้สำหรับเกษตรจำนวน 1 ล้านคน หลังจากก่อนหน้านี้มีการประชุมกระทรวงการคลังที่มีรัฐมนตรีการคลังนั่งเป็นหัวโต๊ะ

    และรอยเตอร์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับเม็ดเงินกู้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยประกอบไปด้วย กองทุนช่วยเหลือระยะสั้นสำหรับป้อนเม็ดเงินความช่วยเหลือเฉพาะหน้าให้กับชาวนาที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และกองทุนช่วยเหลือระยะยาวในการให้ความช่วยเหลือชาวนาสำหรับการเพาะปลูกพร้อมเงื่อนไขการจ่ายหนี้คืนในระยะเวลาตั้งแต่ 1-10ปี

    และสำหรับกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงมีหนี้สินค้างชำระ แต่ไม่สามารถจ่ายคืนได้ทันทีเนื่องมาจากประสบปัญหาภัยแล้ง ทางรัฐบาลไทยอนุญาตให้ชาวนากลุ่มนี้สามารถยืดอายุหนี้ต่อไปได้ แต่จำกัดการอายุไม่เกิน 1ปีเท่านั้น

    ทั้งนี้สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีการคลังของไทยชี้แจงว่า “ชาวนาที่ประสบปัญหาจากภัยแล้งจะได้เงินกู้ก้อนนี้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งในการจ่ายคืนหนี้เก่า และเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน” โดยเงินกู้ก้อนใหม่ที่ให้เกษตรกรไทยจะช่วยให้ชาวนาสามารถฟื้นตัวจากปัญหาไม่มีน้ำทำการเกษตรได้ รวมไปถึงสนับสนุนการมีงานทำ และเพิ่มกำลังการผลิต สมหายกล่าวต่อ

    และนอกจากนี้รัฐมนตรีการคลังไทยยังยืนยันข่าวที่ว่า ปัญหาภัยแล้งจะทำให้ GDP ของไทยต้องลดลงไปถึง 0.5 % ถึงแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2015จะมีการเติบโต 3% ก็ตาม

    “หากในปีนี้ไทยยังสามารถโตได้ถึง 3% ก็ไม่น่าจะเลวร้ายเท่าใด” สมหมายให้ความเห็น และให้เหตุผลว่า “เพราะ 3% ของการเติบโตตัวเลข GDP จะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศอื่นๆ”

    แต่ทว่าในความจริงแล้ว รอยเตอร์ชี้ว่า ในปีที่ผ่านมาไทยเห็นตัวเลข GDP โตเพียงแค่ 0.9% เท่านั้น ผลจากการทำรัฐประหารในไทยได้ฉุดเศรษฐกิจถดถอยในช่วง6 เดือนแรกของปี 2014

    และธนาคารแห่งประเทศไทยล่าสุดได้ปรับลดการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยประจำปี 2015 ลงจาก 3.8 % เหลือ 3.0 %

    ในขณะที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยา และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ออกโรงเตือนวิกฤตภัยแล้งในครั้งนี้ว่า “อย่าประมาท” และคาดว่าภัยแล้งในปีนี้จะสาหัสมากที่สุดในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2015 เป็นเพราะ “ช่วงนี้ไทยจะไม่มีพายุจรพัดเข้า และจะไม่ทำให้ฝนตก” จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษาอังกฤษ บางกอกโพสต์ และสื่อไทยอื่นๆ

    โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพยากรณ์อากาศและสึนามิของไทยอธิบายต่อว่า ไทยจะถึงขั้นวิกฤตหากในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ฝนไม่ตกเลย หรือตกลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และชี้ว่าภัยแล้งครั้งล่าสุดในไทยอาจต้องลากยาวไปจนถึงปี 2015 เนื่องมาจากฝนที่ตกในไทยเกิดจาก(1)อิทธิพลร่องฝน และ (2)พายุเป็นหลัก

    และดร.สมิทธยังเสริมต่ออีกว่า ภัยแล้งที่ว่าอาจต้องลากยาวไปจนถึงปลายปีนี้เป็นเพราะ การมีพายุคลื่นลมแรงในทะเลจีนใต้ พัดร่องฝนขึ้นไปจีนทั้งหมด ทำให้ฝนไม่ากลับมาตกในภาคเหนือและภาคกลางของไทย ประกอบกับสภาพอากาศแห้งแล้งทำให้ไม่สามารถทำฝนเทียมได้มากนัก

    และดร.สมิทธยังชี้ว่า ปัญหาภัยแล้งสาหัสในไทยครั้งนี้เกิดจากภัยธรรมชาติเอลนีโญและรวมไปถึงปัญหาโลกร้อนที่ทั่วโลกประสบ ซึ่งทางประธานมูลนิธิศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติชี้เปรียบเทียบกับปัญหาคลื่นความร้อนในอินเดียและปากีสถาน รวมไปถึงสหรัฐฯที่ทำให้มีประชาชนจำนวนมากเสียชีวิต

    นอกจากนี้ ดร.สมิทธยังแนะให้เกษตรกรไทยแก้ปัญหาโดยการเร่งขุดบ่อกักเก็บน้ำสำรอง และประชาชนทั่วไปควรหาแทงก์น้ำ หรือภาชนะกักเก็บสำรองไว้ใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคในกรณีที่ขาดแคลนน้ำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนในภาครัฐ ดร.สมิธเห็นควรให้ศึกษาการรับมือวิกฤตภัยแล้งจากรัฐบาลเวียดนาม และเตือนให้เร่งทำโครงการผันน้ำในแม่น้ำโขงมาก่อนช่วงฤดูฝน

    และเป็นที่น่าทึ่งว่า สภาพภัยแล้งที่สาหัสที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ไทยเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้น ดร.สมิทธได้เคยออกมาเคยเตือนแล้วในปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้จากการรายงานของสำนักข่าวไทยในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014 ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านอุตุนิยมวิทยาของไทยได้เคยออกมาเตือนประชาชนไทยให้รับมือกับวิกฤตภัยเอลนีโญครั้งรายแรงที่สุดซึ่งจะเกิดขึ้นในเอเชียและโดยเฉพาะกับไทย

    โดยในขณะนั้นทางดร.สมิธกล่าวระบุว่า “ปีนี้ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย จะแล้งจัดในรอบ 12 ปี จากปรากฏการณ์เอลนีโญ และจะมีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส”

    นอกจากที่ไทยกำลังประสบปัญหาในขณะนี้ที่ดร.สมิทธได้คาดการณ์ถูกต้องแล้ว เมื่อพิจารณาถึงในส่วนของสิ่งที่เกิดขึ้นในเอเชีย พบว่าการทำนายของดร.สมิทธในส่วนของเอเชียเป็นจริงด้วยเช่นกัน

    เพราะในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประเทศในแถบเอเชียใต้ประสบปัญหากับเอลนีโญ โดยในขณะนั้นสำนักข่าวเอเจนซีส์ต่างประเทศรายงานว่า วิกฤตคลื่นความร้อนในอินเดียและปากีสถานที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยในส่วนอินเดียมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2,500 คน จากการรายงานของรอยเตอร์ในวันที่ 3 มิถุนายน 2015 และในส่วนของปากีสถานในวันที่ 27 มิถุนายน 2015 อัลญาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนไม่ต่ำกว่า 1,200 คน และอุณหภูมิได้ทะลุถึง 45 องศาเซลเซียส

    อย่างไรก็ตามสถานการณ์ภัยแล้งในวันนี้ในไทยนั้น มีรายงานล่าสุดถึงวิกฤตน้ำขาดแคลนในลพบุรี และปทุมธานีได้คลี่คลายในบางส่วนโดยสื่อไทย ASTVผู้จัดการออนไลน์รายงานในวันนี้(14)ว่า สถานการณ์น้ำประปาในลพบุรีเริ่มดีขึ้น หลังมวลน้ำที่สำนักงานชลประทานสูบจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านประตูน้ำมโนรมย์ ชัยนาท เดินทางถึงประตูน้ำโคกกะเทียม ลพบุรี แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เตือนประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด เช่นเดียวกับปัญหาขาดแคลนน้ำประปาที่ปทุมธานี เริ่มคลี่คลายลงแล้วเช่นกัน ส่วนอ่างทอง ยังแล้งหนัก ส่งผลนกปากห่างอพยพหากินตามทุ่งนา ชาวนาเผยช่วยกำจัดศัตรูข้าว

    ด้าน พงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์การขาดแคลนน้ำประปาของชาวธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่า ได้คลี่คลายลงแล้ว ซึ่งได้กำชับ กปภ.ธัญบุรี ให้เฝ้าระวังเรื่องระดับน้ำ และต้องเตือนประชาชนให้ทราบเร็วกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำ

    ส่วนน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้จะใช้ได้นานเท่าไหร่นั้นส่วนหนึ่งมาจากผู้ใช้น้ำที่อยู่ทางเหนือของสถานีสูบน้ำ ในการนำน้ำเข้าพื้นที่เกษตร จึงขอชะลอออกไปก่อนในช่วงนี้ พร้อมประสานไปยังกรมชลประทาน รวมถึงผู้ว่าจังหวัดที่ใกล้เคียง ไม่ให้เกษตรกรสูบน้ำไปใช้ในการเกษตรด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาจจะทำให้น้ำมาไม่ถึง ส่วนการผลิตน้ำประปายังผลิตตามมาตรฐานเดิม ซึ่งหากประชาชนไม่มั่นใจก็สามารถนำมาต้มก่อนบริโภคได้

    ความขาดแคลนน้ำประปาเป็นเรื่องที่เคยมีการคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วจากปัญหาบกพร่องจากการจัดเก็บน้ำโดยเฉพาะในกรณีน้ำท่วมจากฝนตกหนัก

    ในการรายงานของรอยเตอร์ในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวง ได้คาดการณ์ในขณะนั้นว่า ชาวเมืองหลวงอาจมีน้ำประปาใช้ต่อได้แค่ 30 วันหากไม่มีฝนตกลงมาเพื่มให้ทางการประปาสามารถมีน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาได้

    และธนศักดิ์ยังเคยได้สรุปถึงปัญหาการผลิตน้ำประปาในไทยว่า เป็นเพราะไทยยังไม่สามารถนำน้ำฝนที่ตกลงมาทั้งปีเพื่อกักเก็บ และผลิตเป็นน้ำประปาได้ ตลอดจนถึงน้ำที่ท่วมทุกปีในไทยเกิดสูญเปล่าไปกับความพยายามในการต้อนน้ำลงสู่มหาสมุทร แทนที่จะนำน้ำที่ท่วมเหล่านั้นมาเก็บกักสำรองสำหรับการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภคและบริโภค

    ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ในไทย ที่ด้านหนึ่งของประเทศ ปัญหาภัยแล้งหนักสาหัสจนถึงกับต้องปันน้ำเพื่อการยังชีพ แต่ทว่าที่จ.นครราชสีมาในเช้าวันอังคาร(14)กลับเกิดน้ำท่วมใหญ่จากฝนที่ตกหนักลงมาในเขต อ.เมืองนครราชสีมานานกว่า 4 ชั่วโมงตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา

    และฝนที่ตกหนักส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังบนถนนหลายจุดในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาเกิดน้ำท่วมขังสูงบนถนนหลายสาย และน้ำไหลทะลักเข้าท่วมร้านค้า บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนทรัพย์สินเปียกน้ำเสียหายเป็นจำนวน เช่น ตลาดเซฟวัน ถ.มิตรภาพ, ตลาดไนท์วัดบูรณ์, แยกห้างฯ ไอทีพลาซ่า, จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, ต.หัวทะเล, สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 1 และห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมระดับสูงที่บริเวณชั้นใต้ดินของห้างฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าต่างๆ จำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าต้องเร่งเก็บสินค้า ทรัพย์สินสิ่งของต่างๆ หนีน้ำกันอย่างโกลาหล

    โดยสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า ปริมาณน้ำฝนรวม 24 ชั่วโมง เขต อ.เมืองนครราชสีมา วัดได้ 104.3 มม. อ.ปากช่อง พื้นที่เหนือเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว วัดได้ 6.7 มม. และ อ.โชคชัย วัดปริมาณน้ำฝนได้ 43.1 มม

    และการให้สัมภาษณ์ของผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีม ชิตชนก สมประเสริฐ สอดคล้องกับการยืนยันของธนศักดิ์ที่ว่า “ปัญหาขาดแคลนน้ำของไทยคือ การขาดประสิทธิภาพในการจัดการน้ำ” เมื่อชิตชนกยอมรับว่า “ปัญหาน้ำท่วมตัวเมืองโคราชที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ ระบบระบายน้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมามีปัญหาจึงเกิดน้ำท่วมขังในหลายจุด แต่ขณะที่ระดับน้ำในลำน้ำสาธารณะยังต่ำมาก” และเสริมต่อว่า “ขณะนี้มีน้ำไหลลงสู่ลำน้ำลำตะคองและลำบริบูรณ์น้อยมาก”

    จากการรายงานพบว่า นอกจากน้ำในระบบน้ำสาธารณะของจ.นครราชสีมาที่ได้รับบน้ำท่วมไหลงไปไม่มากนัก แต่ในทางกลับกันบริเวณเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว ได้รับผลดีจากฝนที่ตกลงมาในครั้งนี้ โดยปริมาณน้ำฝนรวมวัดได้ 44.6 มม. มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร


    In Pics :
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เป็นเรื่อง! พบเชื้อมรณะ“ไข้หวัดนก” สายพันธุ์ H7N7 โผล่ในอังกฤษ ยัน ติดต่อคนได้ ฆ่าไก่ทิ้งแล้วเกือบ 2 แสนตัว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 15:41 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษยืนยันในวันจันทร์ ( 13 ก.ค.) พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “ไข้หวัดนก” ในฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ปีกในเขต “แลงคาเชียร์” ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

    รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรออกคำแถลงในวันจันทร์ ( 13) ยืนยันถึงการพบภาวะแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช7เอ็น7 (H7N7 virus) โดยจุดที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ ระบุว่าอยู่ที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ปีกแห่งหนึ่งในเขตกูสนาร์ฟ ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง “เปรสตัน” ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียงเล็กน้อย

    แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและนักระบาดวิทยาภายในกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเผยว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช7เอ็น7 นี้สามารถ “ติดต่อมาสู่มนุษย์ได้” แต่ย้ำว่า ความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสที่ตรวจพบในแถบแลงคาเชียร์คราวนี้จะแพร่ระบาดลุกลามเป็นวงกว้างยังอยู่ใน “ระดับต่ำ”

    ด้านสำนักงานรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารแห่งสหราชอาณาจักรออกคำแถลงที่ยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์อาหารที่แปรรูปมาจากสัตว์ปีกที่วางจำหน่ายในเมืองผู้ดีขณะนี้มีความปลอดภัย และไม่พบว่ามีสินค้าที่มีต้นตอจากฟาร์มที่พบการระบาดวางจำหน่ายในตลาดขณะนี้

    ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ฟาร์มที่เป็นต้นตอของการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช7เอ็น7 ในครั้งนี้ คือ ฟาร์มเลี้ยงไก่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท “สเตฟลีย์ส เอกก์ส” ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ในแถบแลงคาเชียร์

    รายงานข่าวระบุว่า การฆ่าไก่จำนวนกว่า 170,000 ตัวของฟาร์มแห่งดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังตรวจพบการระบาดครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ (10 ก.ค.) และคาดว่า อาจดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในวันอังคาร ( 14 ก.ค. ) นี้ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช7เอ็น7 ที่พบในฟาร์มแห่งนี้ แพร่กระจายไปสู่พื้นที่อื่น ๆ

    ทั้งนี้ ในทวีปยุโรป เคยพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช7เอ็น7มาแล้ว เมื่อปี ค.ศ. 2003 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยในครั้งนั้นพบการแพร่ระบาดของเชื้อมรณะจากสัตว์ปีกมาสู่คนมากกว่า 80 กรณี และมีผู้เสียชีวิต 1 รายซึ่งมีอาชีพเป็นสัตวแพทย์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079631
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    กองทุนฝรั่งทุบหุ้นจีนเพื่อดิสเครดิตหยวน แต่โดนล๊อคใส่กุญแจมือ
    ทำไมกองทุนฝรั่งถึงได้เปิดฉากทุบหุ้นจีนในช่วงเวลานี้? คำตอบง่ายๆ คือฝรั่งต้องการดิสเครดิตความพยายามของจีนที่จะให้หยวนแจ้งเกิด ลองดูพัฒนาการของเหตุการณ์สำคัญดังนี้:
    1. จีนและรัสเชียประชุมซัมมิทที่Ufaประเทศรัสเซียระหว่าวันที่8-9กรกฎาคมกับพวกประเทศกลุ่มBRICS มีประกาศชัดเจนจากกลุ่มBRICSว่าจะค้าขายกันโดยใช้เงินสกุลของตัวเอง โดยไม่เอาดอลล่าร์สหรัฐ
    2.ที่ประชุมBRICSที่Ufaมีการประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการNew Development Bankแข่งWorld Bankด้วยเงินทุนประเดิม$500,00ล้าน ธนาคารNew Development Bankจะออกบอนด์เป็นหยวนเพื่อระดมทุน หรือใช้สกุลอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่ดอลล่าร์เพื่อมาให้ประเทศกำลังพัฒนากู้เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
    3. จัดตั้งกองทุนอัตราแลกเปลี่ยนทำหน้าที่คล้ายIMFด้วยเงินทุนประเดิม$100,000ล้านเพื่อช่วยประเทศเกิดใหม่ดูแลเสถียรภาพค่าเงิน
    4. จีนจัดตั้งAsia Infrastructure Investment Bankเรียบร้อยโดยมีเงินทุน$100,000ล้าน มี57ประเทสรวมทังไทยเป็นสมาชิก AIIBจะปล่อยกู้เป็นเงินหยวน
    5. มีการประชุมShanghai Economic Cooperationต่อการการประชุมBRICSที่Ufa อินเดียและปากีสถานเข้าเป็นสมาชิก ในปีต่อไปอิหร่านจะสมัครเป็นสมาชิก กลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เป็นความร่วมมือทางความมั่นคง คล้ายกับนาโต้ ประกอบด้วยสมาชิกในปัจจุบันคื อChina, Kazakhstan, Kyrgyzstan, Russia, Tajikistan, and Uzbekistan.
    6. จีนและรัสเซียประกาศค้ากันไม่เอาดอลล่าร์ ใช้แต่หยวนและรูเบิ้ลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    7. ปูตินและเสี่ยสีประกาศผนวกเขตการค้าเสรีของรัสเซียและทางสายไหมของจีนเข้าด้วยกันเพื่อให้ยูเรเซียและทางสายไหมเป็นเขตการพัฒนาเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่21 จะเป็นเขตเศรษฐกิจที่ปลอดดอลล่าร์
    8.อิหร่านคุยสหรัฐเรื่องนิวเคลียร์ หลอกกันไปหลอกกันมาอิหร่านยืดเวลาจนสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์พร้อมเผชิญหน้าอิสราเอลหรือซาอุฯในตะวันออกกลาง
    9.มะกันต้องสกัดหยวนด้วยการให้พ่อมดโซรอสนำทัพกองทุนฝรั่งถล่มตลาดหุ้นจีนตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ทำให้หุ้นจีนถล่มไป$3.7ล่านล้าน เพื่อดิสเครดิตฐานะการเงินและเศรษฐกิจจีนว่าไม่อยู่ในสภาพที่จะดูแลหยวนให้มั่นคงได้
    10. กองทุนฝรั่งแอบเข้ามาถือหุ้นจีนนานแล้วผ่านโนมินีต่างๆ แม้ทางการจีนจะเข้มงวดแต่ก็สามารถผ่านสายตาการตรวจสอบไปได้ ไฮไลท์คือการประชุมBRICSในช่วง8-9กรกฎาคม กองทุนฝรั่งจึงพยายามกลบข่าวBRICSที่จะร่วมมือกันทิ้งดอลล่าร์ ด้วยการถล่มตลาดหุ้นจีน สื่อตะวันตกแทบจะไม่รายงาน หรือให้ความสำคัญของการประชุมBRICSเลย
    11. จีนออกมาตรการต่างๆเพื่ออุ้มตลาดหุ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือการบังคับไม่ให้ผู้ถือหุ้นเกิน5%ในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นขายหุ้นออกไปเป็นเวลา6เดือน แล้วให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับและตรวจสอบตลาดหุ้นไปตรวจดูว่าใครขายหุ้นอย่างไร มีที่ไปที่มาของเงินไหลมาอย่างไร
    ผู้ถือหุ้นจีนไม่ได้เป็นเป้า นอกจากพวกที่เป็นโนมินีให้กองทุนฝรั่ง การห้ามไม่ให้ขายหุ้นเป็นการดัดหลังกองทุนฝรั่งนำทัพโดนายจอร์จ โซรอส
    12. กองทุนฝรั่งเล่นหุ้นเวียนทั่วโลก เริ่มจากนิวยอร์ค ไปญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลย์ ไทย อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรป ก่อนที่จะกลับมาจบที่นิวยอร์ค โดยจะเทรดวอลุ่มใหญ่ กินกำไรมาร์จิ้นนิดเดียวก็พอใจแล้ว แต่เมื่อจีนใช้มาตรการล๊อคกุญแจมือกองทุนฝรั่ง หรือพวกโนมินีให้ฝรั่งที่ลงทุนในหุ้นจีนเป็นเวลา6เดือนเท่ากับบีบท่อ ทำให้เงินไม่สามารถจะหมุนให้รอบวงตลาดทั่วโลกได้ เกิดอาการสะดุดขึ้นมา จำนวนเงินน่าจะเป็นล้านล้านเหรียญที่ติดในตลาดหุ้นจีน
    13.ต้องดูต่อไปว่ากองทุนฝรั่งจะดิ้นอย่างไร เพราะว่าพอร์ตติดอยู่ในตลาดหุ้นจีน ออกตัวมาไม่ได้ ในขณะเดียวกันทางการจีนเตรียมเงิน$500,000ล้านเพื่อช๊อปปิ๊งของถูก เวลาหุ้นฝรับตัวลงมามากๆ พวกแมงเม่าซวยไป แต่เป้าใหญ่คือกองทุนฝรั่ง
    ฝรั่งคิดว่าจะถล่มตลาดหุ้นจีนตอนประชุมBRICSเพื่อให้จีนเสียหน้า ให้ชาวโลกไม่ให้ความเชื่อถือในหยวนที่จะค่อยๆปล่อยออกมาในตลาดโลกในปีนี้ หรือปีหน้า แต่ไปๆมาๆ กองทุนกลับถูกจีนล่อให้ติดกับดัก แล้วก็ล๊อคใส่กุญแจมือ
    ใครแยบยลหรือฉลาดกว่ากัน?
    thanong
    15/7/2015
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มาร์จิน – ผู้ร้ายตัวสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนดำดิ่ง โดย เอเชียอันเฮดจ์ 13 กรกฎาคม 2558 10:59 น.

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    China stocks show margin and market are moving in tandem
    By Asia Unhedged
    10/07/2015

    ลูกจ้างพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในปักกิ่งบอกว่า ถ้าดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ยังเซถลาลงมาจนกระทั่งถึงแถวๆ 3,000 จุดแล้ว การบังคับให้ลูกหนี้มาร์จินต้องขายทิ้งหุ้นของพวกเขา จะบังเกิดขึ้นอย่างขนานใหญ่ ทั้งนี้ ดัชนีนี้หล่นลงมาจนอยู่ที่ระดับ 3,373 ในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นไปจนในตอนปิดบวกขึ้นมา 5.8% ยืนอยู่ที่ 3,709 แล้วพอวันศุกร์ (10 ก.ค.) ดัชนีนี้ยังกระโจนขึ้นไปอีก 4.5% อยู่ที่ 3,878

    “มาร์จิน” (Margin) ถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้ร้ายตัวสำคัญที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนเกิดการดำดิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงน่าจะมาทำความเข้าใจกันอีกครั้งถึงเรื่องการใช้มาร์จินในการซื้อขายหุ้น, การใช้มาร์จินไปในทางที่ผิด, และข้อจำกัดของมาร์จิน

    มาร์จินคือเงินกู้ที่บริษัทหลักทรัพย์ปล่อยให้แก่ลูกค้า โดยวิธีอนุญาตให้ลูกค้าเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 100 หยวนได้โดยวางหลักประกันเพียงส่วนเดียว ซึ่งตามปกติที่ทำกันจะวางแค่ 20 หยวน เมื่อมีการดำเนินการตามตัวอย่างนี้ ก็เท่ากับทำให้ตลาดมีสภาพคล่องเป็น 5 เท่าตัวของการลงทุนจริงๆ ของลูกค้าผู้นั้น

    รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ปล่อยเงินกู้มาร์จินแก่พวกลูกค้ารายย่อยประเภทที่ไม่พิถีพิถันขาดข้อมูลข่าวสารในการลงทุน ผลก็คือ การใช้มาร์จินของพวกเขากลายเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีส่วนสำคัญมากทีเดียวในการทำให้ตลาดหุ้นจีนพุ่งพรวดพราด จนได้เห็นดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้บวกขึ้นไป 152% จนยืนอยู่ในระดับ 5,166 จุด ในระยะเวลา 12 เดือนซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา

    ในวันที่ 18 มิถุนายน ปริมาณของมาร์จินในหุ้นประเภท เอ (A-share หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนและปกติจำกัดให้เฉพาะนักลงทุนชาวจีนเข้าไปซื้อขาย -ผู้แปล) อยู่ในระดับที่สูงลิ่วเป็นประวัติการณ์ถึง 2.27 ล้านล้านหยวน ทั้งนี้ตามข้อมูลของ ไฉซิน ออนไลน์ (Caixin Online) สื่อมวลชนด้านการเงินของจีนที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง (ดูรายละเอียดรายงานของ ไฉซิน ได้ที่ http://english.caixin.com/2015-07-09/100827504.html) ปรากฏว่าสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดในระเบียบกฎเกณฑ์การปล่อยกู้มาร์จิน เพื่อลดปริมาณเงินกู้ประเภทนี้ลง

    มันเป็นอุทาหรณ์ข้อเตือนใจอันชัดเจนในเรื่องที่ว่า คุณจะต้องระมัดระวังพยายามทำความเข้าใจให้มาก ในเวลาที่คุณเรียกร้องขออะไรก็ตามที เพราะคราวนี้รัฐบาลก็ได้สิ่งที่ตนเองต้องการนั่นแหละ กล่าวคือ นักลงทุนรายย่อยเริ่มต้นลดเงินกู้มาร์จินของตน และกลายเป็นการจุดประกายให้ดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้หล่นฮวบลงมา จนถึงระดับ 30% ทีเดียว

    “ปริมาณของการซื้อขายด้วยเงินกู้มาร์จินซึ่งได้มาจากพวกบริษัทหลักทรัพย์ ได้ตกวูบลงมาเป็นประวัติการณ์ถึง 170,000 ล้านหยวนเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม” รายงานของ ไฉซิน ระบุ “นี่เป็นวันที่ 13 ติดต่อกันที่ตัวเลขนี้ไหลรูดลงมา จนทำให้ปริมาณของเงินกู้ซึ่งใช้ในการเล่นหุ้น ต่ำลงมาสู่ระดับ 1.46 ล้านล้านหยวน”

    นี่เท่ากับว่าปริมาณมาร์จินในตลาดได้ลดน้อยลงมา 36% ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับการที่มูลค่ารวมของหุ้นในตลาดก็ลดลงราว 30% ในระยะเดียวกัน ตัวเลขทั้งสองนี้มีความใกล้เคียงกันมาก พูดอย่างหยาบๆ ทั้งสองตัวต่างดำดิ่งลงมาราว 1 ใน 3 คงมองเห็นความเชื่อมโยงกันแล้วนะครับ

    ปัญหาใหญ่ในการซื้อขายด้วยการใช้เงินกู้มาร์จินก็คือ เมื่อใดที่ราคาหุ้นตกลงมาจนถึงจุดซึ่งหุ้นตัวนั้นๆ ไม่สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้มาร์จินได้อีกต่อไป บริษัทหลักทรัพย์ก็จะเรียกให้ลูกค้าวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติม ปกติแล้ว วิธีที่ลูกค้าทำก็คือการขายหุ้นตัวนั้นทิ้งไปแล้วนำเงินที่ได้มาชำระเงินกู้ สิ่งที่น่าหวาดกลัวมากก็คือการที่นักลงทุนจำนวนเป็นแสนเป็นล้านคน พากันขายหุ้นของพวกเขาในเวลาเดียวกันเพื่อนำเงินมาชำระมาร์จิน สภาพเช่นนี้ย่อมจะเป็นชนวนทำให้ยิ่งเกิดการเทขายกันหนักหน่วงขึ้นอีก

    จวบจนถึงเวลานี้ สภาวการณ์ดังกล่าวยังมิได้เกิดขึ้น ไฉซิน รายงานว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พวกนักลงทุนหลายแสนคนซึ่งเล่นหุ้นโดยใช้มาร์จินนั้น ส่วนใหญ่แล้วได้ขายหุ้นของพวกเขาไปก็เพื่อทำกำไรที่ยังได้อยู่มาไว้ในกำมือให้อุ่นใจ เนื่องจากพวกเขาหวาดกลัวว่าตลาดหุ้นยังจะไหลรูดกันต่อไปอีก ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของพวกลูกจ้างพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ ขณะที่การขายหุ้นทิ้ง สืบเนื่องจากระเบียบกฎเกณฑ์การซื้อขายหุ้นด้วยมาร์จินที่บังคับให้ต้องขายไปเมื่อราคาหุ้นหล่นลงมาจนถึงระดับที่กำหนดไว้นั้น ยังถือว่ามีปริมาณน้อย

    ลูกจ้างพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในปักกิ่งบอกกับ ไฉซิน ว่า ถ้าดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ยังเซถลาลงมาจนกระทั่งถึงแถวๆ 3,000 จุดแล้ว การบังคับให้ลูกหนี้มาร์จินต้องขายทิ้งหุ้นของพวกเขา จึงน่าจะบังเกิดขึ้นอย่างขนานใหญ่ ทั้งนี้ ดัชนีนี้หล่นลงมาจนอยู่ที่ระดับ 3,373 ในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) แต่สามารถดีดตัวกลับขึ้นไปจนในตอนปิดบวกขึ้นมา 5.8% ยืนอยู่ที่ 3,709 แล้วพอวันศุกร์ (10 ก.ค.) ดัชนีนี้ยังกระโจนขึ้นไปอีก 4.5% อยู่ที่ 3,878

    อย่างไรก็ตาม เอเชียอันเฮดจ์ยังคงยืนยันความเห็นที่ได้เสนอเอาไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว นั่นคือ หุ้นของตลาดจีนเวลานี้อยู่ในความครอบครองของนักลงทุนมืออ่อน เป็นนักลงทุนรายย่อยที่ไม่พิถีพิถันขาดความรู้ขาดข้อมูลข่าวสาร จนกระทั่งพวกเขาไม่ได้มีความเข้าใจอย่างเต็มที่ว่าตลาดหลักทรัพย์นั้นทำงานกันอย่างไร ดังนั้น พวกเขาจะเทขายทันทีที่ปรากฏสัญญาณแรกของความยุ่งยากลำบากขึ้นมา

    รัฐบาลจีนจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปต่างๆ เพื่อให้หุ้นเข้าไปอยู่ในความครอบครองของนักลงทุนมือแข็งแรงมั่นคง นักลงทุนที่มีทัศนะมุมมองมุ่งผลระยะยาวไกลยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ แน่นอนทีเดียว เอเชียอันเฮดจ์กำลังพูดถึงนักลงทุนสถาบัน ปัจจุบันสถาบันต่างๆ ของจีนยังถือครองหลักทรัพย์กันน้อยนิดเหลือเกิน

    รัฐบาลมีความเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ด้วยการอนุญาตให้พวกกองทุนบำนาญและบริษัทประกันภัยของจีน เข้ามามีส่วนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงตอนนี้กองทุนและบริษัทเหล่านี้จะต้องเร่งมือและแสดงบทบาทอันพึงควรของพวกเขาแล้ว

    (จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มีผลแล้ว! 5 หมวด 35 มาตรา พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ปี 58 “นายกฯ” ใช้อำนาจเต็ม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 19:50 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 20:08 น.)

    [​IMG]

    มีผลแล้ว! 5 หมวด 35 มาตรา พระราชบัญญัติ การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตาม กม. นี้ จัดเต็ม! “ระเบียบนชุมนุมสาธารณะ” ห้ามชุมนุมพื้นที่รัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวัง “มาตรา 8” ห้ามขวางสถานที่ราชการ - ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล สถานศึกษา ศาสนสถาน สถานทูต หรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ ผู้ใดประสงค์จัดชุมนุมให้แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่าย 24 ชั่วโมง ฝ่าฝืนโทษหนักสุด จําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กําหนดหรือจะไม่ลงโทษก็ได้ คุมเข้มไม่ให้ จนท. ใช้กำลังสลายการชุมนุม เว้นคำสั่งศาล

    วันนี้ (14 ก.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

    มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘”

    มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

    มาตรา ๓ พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะ ดังต่อไปนี้
    (๑) การชุมนุมเนื่องในงานพระราชพิธีและงานรัฐพิธี
    (๒) การชุมนุมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมตามประเพณีหรือตามวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น
    (๓) การชุมนุมเพื่อจัดแสดงมหรสพ กีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ทางการค้าปกติของผู้จัดการชุมนุมนั้น
    (๔) การชุมนุมภายในสถานศึกษา
    (๕) การชุมนุมหรือการประชุมตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือการประชุมสัมมนาทางวิชาการของสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ทางวิชาการ

    (๖) การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึกและการชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้ง แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

    มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
    “การชุมนุมสาธารณะ” หมายความว่า การชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง สนับสนุนคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถร่วมการชุมนุมนั้นได้ ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่
    “ที่สาธารณะ” หมายความว่า ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือที่หน่วยงานของรัฐมิได้เป็นเจ้าของแต่เป็นผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ บรรดาซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ รวมตลอดทั้งทางหลวงและทางสาธารณะ
    “ทางหลวง” หมายความว่า ทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง
    “ทางสาธารณะ” หมายความว่า ทางบกหรือทางน้ําสําหรับประชาชนใช้ในการจราจร และให้หมายความรวมถึงทางรถระบบรางที่มีรถเดินสําหรับประชาชนโดยสารด้วย
    “ผู้จัดการชุมนุม” หมายความว่า ผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ และให้หมายความรวมถึงผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ และผู้ซึ่งเชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมการชุมนุมสาธารณะโดยแสดงออกหรือมีพฤติการณ์ทําให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้จัดหรือร่วมจัดให้มีการชุมนุมนั้น
    “ผู้ชุมนุม” หมายความรวมถึง ผู้จัดการชุมนุม และผู้เข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะไม่ว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะนั้นตามคําเชิญชวนหรือการนัดของผู้จัดการชุมนุมหรือไม่
    “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐบาล องค์การมหาชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานอื่นของรัฐ
    “ผู้รับแจ้ง” หมายความว่า หัวหน้าสถานีตํารวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดให้เป็นผู้มีหน้าที่รับแจ้งการชุมนุมสาธารณะตามพระราชบัญญัตินี้
    “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

    มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอํานาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

    หมวด ๑ บททั่วไป

    มาตรา ๖ การชุมนุมสาธารณะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธการใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ชุมนุมในระหว่างการชุมนุมสาธารณะต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

    มาตรา ๗ การจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรจากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของพระรัชทายาทหรือของพระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป พระราชนิเวศน์ พระตําหนัก หรือจากที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป หรือผู้สําเร็จ ราชการแทนพระองค์ ประทับหรือพำนักหรือสถานที่พํานักของพระราชอาคันตุกะ จะกระทํามิได้ การจัดการชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทําเนียบรัฐบาล และศาลจะกระทํามิได้ เว้นแต่มีการจัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สําหรับการชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่นั้น ศาลตามวรรคสองหมายความถึง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร และศาลอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาล ในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แห่งการรักษาความปลอดภัยสาธารณะและความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายมีอํานาจประกาศห้ามชุมนุมในรัศมี ไม่เกินห้าสิบเมตรรอบสถานที่ตามวรรคสอง ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงจํานวนของผู้เข้าร่วมชุมนุมและพฤติการณ์ในการชุมนุมด้วย

    มาตรา ๘ การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ ดังต่อไปนี้
    (๑) สถานที่ทําการหน่วยงานของรัฐ
    (๒) ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งสาธารณะ
    (๓) โรงพยาบาล สถานศึกษา และศาสนสถาน
    (๔) สถานทูตหรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ หรือสถานที่ทําการองค์การระหว่างประเทศ
    (๕) สถานที่อื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด

    มาตรา ๙ หน่วยงานของรัฐอาจจัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สําหรับการชุมนุมสาธารณะก็ได้การจัดให้มีสถานที่เพื่อการชุมนุมสาธารณะตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อเสรีภาพของประชาชนที่จะจัดการชุมนุมสาธารณะในที่สาธารณะอื่น
    มิให้นําความในหมวด ๒ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ มาใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นภายในสถานที่ตามวรรคหนึ่ง

    หมวด ๒ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ

    มาตรา ๑๐ ผู้ใดประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ ให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ให้ถือว่าผู้เชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุมในวัน เวลา และสถานที่ที่กําหนดไม่ว่าจะด้วย วิธีการใด ๆ รวมทั้งผู้ขออนุญาตใช้สถานที่หรือเครื่องขยายเสียง หรือขอให้ทางราชการอํานวยความสะดวก ในการชุมนุมเป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะตามวรรคการแจ้งการชุมนุมสาธารณะต้องระบุวัตถุประสงค์ และวัน ระยะเวลา และสถานที่ชุมนุมสาธารณะตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดซึ่งต้องเป็นวิธีที่สะดวกแก่ผู้แจ้ง และต้องให้แจ้งผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ด้วย

    มาตรา ๑๑ เมื่อได้รับแจ้งแล้ว ให้ผู้รับแจ้งส่งสรุปสาระสําคัญในการชุมนุมสาธารณะตามพระราชบัญญัตินี้ให้ผู้แจ้งทราบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้รับแจ้งในกรณีที่ผู้รับแจ้งเห็นว่าการชุมนุมสาธารณะที่ได้รับแจ้งนั้นอาจขัดต่อมาตรา ๗ หรือมาตรา ๘ ให้ผู้รับแจ้งมีคําสั่งให้ผู้แจ้งแก้ไขภายในเวลาที่กําหนด หากผู้แจ้งการชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคําสั่งตามวรรคสอง ให้ผู้รับแจ้งมีคําสั่งห้ามชุมนุมโดยแจ้งคําสั่งเป็นหนังสือไปยังผู้แจ้ง กรณีผู้แจ้งการชุมนุมไม่เห็นชอบด้วยกับคําสั่งตามวรรคสามให้ยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือผู้รับแจ้งขึ้นไปหนึ่งชั้น และให้ผู้รับอุทธรณ์วินิจฉัยและแจ้งคําวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงคําวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นให้เป็นที่สุดในระหว่างมีคําสั่งห้ามชุมนุม การอุทธรณ์ และพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้งดการชุมนุมสาธารณะ

    มาตรา ๑๒ ให้ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะซึ่งไม่สามารถแจ้งการชุมนุมได้ภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๐ แจ้งการชุมนุมพร้อมคําขอผ่อนผันกําหนดเวลาดังกล่าวต่อผู้บังคับการตํารวจผู้รับผิดชอบพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร หรือผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดในจังหวัดอื่นแล้วแต่กรณีก่อนเริ่มการชุมนุม ให้นําความในมาตรา ๑๐ วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การแจ้งตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลมให้ผู้รับคําขอผ่อนผันตามวรรคหนึ่งมีหนังสือแจ้งคําสั่งพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ยื่นคําขอทราบภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้รับคําขอ

    มาตรา ๑๓ ให้ผู้รับแจ้งตามมาตรา ๑๑ และผู้รับคําขอผ่อนผันตามมาตรา ๑๒เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

    มาตรา ๑๔ การชุมนุมสาธารณะที่ไม่เป็นไปตามมาตรา ๖ หรือไม่แจ้งการชุมนุมตามมาตรา ๑๐ หรือที่ผู้แจ้งไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้รับแจ้งหรือที่ผู้รับแจ้งมีคําสั่งห้ามการชุมนุมตามมาตรา ๑๑ หรือที่จัดขึ้นหลังจากที่ผู้ยื่นคําขอได้รับหนังสือแจ้งว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะผ่อนผันกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๒ ให้ถือว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    หมวด ๓ หน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม

    มาตรา ๑๕ ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
    (๑) ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
    (๒) ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ตลอดจนดูแลและรับผิดชอบให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามมาตรา ๑๖
    (๓) แจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบถึงหน้าที่ของผู้ชุมนุมตามมาตรา ๑๖ และเงื่อนไขหรือคําสั่งของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ
    (๔) ให้ความร่วมมือแก่เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะในการดูแลการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตาม (๑) และ (๒)
    (๕) ไม่ยุยงส่งเสริมหรือชักจูงผู้ชุมนุมเพื่อให้ผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๖
    (๖) ไม่ปราศรัยหรือจัดกิจกรรมในการชุมนุมโดยใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น
    (๗) ไม่ใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าที่มีขนาดหรือระดับเสียงตามที่ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด

    มาตรา ๑๖ ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
    (๑) ไม่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นที่ชุมนุมหรือทําให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามเหตุอันควร
    (๒) ไม่ปิดบังหรืออําพรางตนโดยจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้อง เว้นแต่เป็นการแต่งกายตามปกติประเพณี
    (๓) ไม่พาอาวุธ ดอกไม้เพลิง สิ่งเทียมอาวุธปืน หรือสิ่งที่อาจนํามาใช้ได้อย่างอาวุธ เข้าไปในที่ชุมนุมไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้มีสิ่งนั้นติดตัวหรือไม่
    (๔) ไม่บุกรุกหรือทําให้เสียหาย ทําลาย หรือทําด้วยประการใด ๆ ให้ใช้การไม่ได้ตามปกติซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น
    (๕) ไม่ทําให้ผู้อื่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือเสรีภาพ
    (๖) ไม่ใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายผู้เข้าร่วมชุมนุมหรือผู้อื่น
    (๗) ไม่ขัดขวางหรือกระทําการใด ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะในการคุ้มครองความสะดวกของประชาชนในการใช้ที่สาธารณะ และการดูแลการชุมนุมสาธารณะนั้น
    (๘) ไม่เดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ
    (๙) ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคําสั่งของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ

    มาตรา ๑๗ ในกรณีที่ผู้จัดการชุมนุมมิได้แจ้งว่าจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจะเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมได้ต่อเมื่อได้แจ้งล่วงหน้าต่อหัวหน้าสถานีตํารวจซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแล
    การชุมนุมสาธารณะนั้น

    มาตรา ๑๘ ผู้ชุมนุมต้องเลิกการชุมนุมสาธารณะภายในระยะเวลาที่ผู้จัดการชุมนุมได้แจ้งไว้ต่อผู้รับแจ้ง
    หากผู้จัดการชุมนุมประสงค์จะจัดให้มีการชุมนุมต่อไป ให้แจ้งขอขยายระยะเวลาการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง

    หมวด ๔ การคุ้มครองความสะดวกของประชาชนและการดูแลการชุมนุมสาธารณะ

    มาตรา ๑๙ ให้หัวหน้าสถานีตํารวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะ เป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และให้แจ้งพนักงานฝ่ายปกครองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะ หรือหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐหรือเอกชนในท้องที่นั้นเพื่อทราบการชุมนุมสาธารณะที่ต่อเนื่องหลายพื้นที่ ให้ผู้บังคับการ หรือผู้บัญชาการตํารวจซึ่งรับผิดชอบพื้นที่การชุมนุม แล้วแต่กรณี เป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะตามวรรคหนึ่งในกรณีที่เห็นสมควร ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติอาจแต่งตั้งข้าราชการตํารวจอื่นเป็นเจ้าพนักงานเพิ่มหรือแทนเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองก็ได้

    เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความสะดวกของประชาชน การดูแลการชุมนุมสาธารณะและการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ มีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
    (๑) อํานวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นสถานที่ชุมนุม
    (๒) รักษาความปลอดภัย อํานวยความสะดวก หรือบรรเทาเหตุเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้อื่นซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ชุมนุม
    (๓) รักษาความปลอดภัยหรืออํานวยความสะดวกแก่ผู้ชุมนุมในสถานที่ชุมนุม
    (๔) อํานวยความสะดวกในการจราจรและการขนส่งสาธารณะในบริเวณที่มีการชุมนุมและบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมน้อยที่สุด
    (๕) กําหนดเงื่อนไขหรือมีคําสั่งให้ผู้จัดการชุมนุม ผู้ชุมนุม หรือผู้อยู่ภายในสถานที่ชุมนุมต้องปฏิบัติตามเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้ เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะอาจมีคําสั่งให้ปิดหรือปรับเส้นทางการจราจรเป็นการชั่วคราวได้เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความสะดวกของประชาชนหรือการดูแลการชุมนุมสาธารณะ

    ในกรณีที่เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะร้องขอ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะดําเนินการตามคําร้องขอภายในขอบอํานาจหน้าที่ของผู้นั้น เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะและข้าราชการตํารวจซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการชุมนุมสาธารณะต้องผ่านการฝึกอบรมให้มีทักษะ ความเข้าใจ และอดทนต่อสถานการณ์การชุมนุมสาธารณะและต้องแต่งเครื่องแบบเพื่อแสดงตน และอาจใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนได้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด

    มาตรา ๒๐ ก่อน ระหว่าง และภายหลังการชุมนุมสาธารณะ ให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติและหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐจัด หรือประสานให้มีการประชาสัมพันธ์เป็นระยะเพื่อให้ประชาชนทราบถึงสถานที่ที่ใช้ในการชุมนุมและช่วงเวลาที่มีการชุมนุม ตลอดจนคําแนะนําเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรหรือระบบการขนส่งสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมน้อยที่สุด

    มาตรา ๒๑ ในกรณีมีการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๔ หรือกรณีผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะดําเนินการ ดังต่อไปนี้

    (๑) กรณีการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๔ หรือไม่เลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่ได้แจ้งไว้ต่อผู้รับแจ้งตามมาตรา ๑๘ ให้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่กําหนด

    (๒) กรณีผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗ ให้ประกาศให้ผู้ชุมนุมแก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนดหากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะร้องขอต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มีเขตอํานาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะเพื่อมีคําสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะนั้น ในระหว่างรอคําสั่งศาลให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะมีอํานาจกระทําการที่จําเป็นตามแผนหรือแนวทางการดูแลการชุมนุมสาธารณะที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนและคุ้มครองการชุมนุมสาธารณะแผนหรือแนวทางการดูแลการชุมนุมสาธารณะตามวรรคสอง ต้องกําหนดให้เจ้าพนักงานหลีกเลี่ยงการใช้กําลัง ในกรณีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้กําลังได้ ให้ใช้กําลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนเพียงเท่าที่จําเป็น

    การดําเนินการของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะตามมาตรานี้ ไม่ตัดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการชุมนุมสาธารณะนั้นที่จะร้องขอต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มีเขตอํานาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะเพื่อมีคําสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม

    มาตรา ๒๒ เมื่อได้รับคําขอให้มีคําสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา ๒๑ ให้ศาลพิจารณาคําขอนั้นเป็นการด่วน

    ในการพิจารณา หากความปรากฏต่อศาลว่ามีผู้ชุมนุมซึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา ๒๑ ให้ศาลมีคําสั่งโดยออกคําบังคับให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะภายในระยะเวลาที่ศาลกําหนดคําสั่งศาลตามวรรคสอง ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค คําสั่งศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคให้เป็นที่สุด ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศคําสั่งศาลตามมาตรานี้ไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ บริเวณที่มีการชุมนุมสาธารณะนั้น และประกาศโดยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ คําสั่งศาลดังกล่าวด้วย

    มาตรา ๒๓ ในกรณีที่ผู้ชุมนุมไม่เลิกการชุมนุมสาธารณะตามคําสั่งศาลภายในระยะเวลาที่ศาลกําหนด ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะรายงานให้ศาลทราบกับประกาศกําหนดให้พื้นที่บริเวณที่มีการชุมนุมสาธารณะนั้น และปริมณฑลของพื้นที่นั้นตามควรแก่กรณีเป็นพื้นที่ควบคุม และประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ควบคุมภายในระยะเวลาที่กําหนดและห้ามบุคคลใดเข้าไปในพื้นที่ควบคุมโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ และให้รายงานรัฐมนตรีเพื่อทราบเมื่อมีการประกาศกําหนดพื้นที่ควบคุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้บัญชาการตํารวจนครบาลในกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดอื่น หรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายให้รับผิดชอบเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์เพื่อให้มีการเลิกการชุมนุมสาธารณะตามคําสั่งศาลในกรณีที่มีเหตุจําเป็น รัฐมนตรีอาจมอบหมายให้ผู้อื่นรับผิดชอบเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์เพื่อให้มีการเลิกการชุมนุมสาธารณะได้

    มาตรา ๒๔ เมื่อพ้นระยะเวลาที่ประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ควบคุม หากมีผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่ควบคุมหรือเข้าไปในพื้นที่ควบคุมโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะให้ถือว่าผู้นั้นกระทําความผิดซึ่งหน้า และให้ผู้ควบคุมสถานการณ์และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์ดาเนํ ินการให้มีการเลิกการชุมนุมสาธารณะตามคําสั่งศาล โดยให้ผู้ควบคุมสถานการณ์และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์มีอํานาจ ดังต่อไปนี้

    (๑) จับผู้ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมหรือผู้ซึ่งเข้าไปในพื้นที่ควบคุมโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ
    (๒) ค้น ยึด อายัด หรือรื้อถอนทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการชุมนุมสาธารณะนั้น
    (๓) กระทําการที่จําเป็นตามแผนหรือแนวทางการดูแลการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา ๒๑
    (๔) มีคาสํ ั่งห้ามมิให้กระทําการใดๆ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการให้มีการเลิกการชุมนุมให้นําความใน
    มาตรา ๑๙ วรรคเจ็ด มาใช้บังคับแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม

    มาตรา ๒๕ ในกรณีที่ผู้ชุมนุมกระทําการใด ๆ ที่มีลักษณะรุนแรงและอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สินของผู้อื่นจนเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะมีอํานาจสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการกระทํานั้น หากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าวให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะและผู้ควบคุมสถานการณ์และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์มีอํานาจดําเนินการตามมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ ในกรณีที่ผู้ชุมนุมไม่เห็นด้วยกับคําสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคําร้องคัดค้านต่อศาลแพ่ง หรือศาลจังหวัดที่มีเขตอํานาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะเพื่อพิจารณาภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่มีคําสั่ง คําสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค คําสั่งศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคให้เป็นที่สุด

    มาตรา ๒๖ ให้เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ผู้ควบคุมสถานการณ์ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์ หรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งของบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

    หมวด ๕ บทกําหนดโทษ

    มาตรา ๒๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือมาตรา ๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    มาตรา ๒๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
    มาตรา ๒๙ ผู้ใดฝ่าฝืนคําสั่งห้ามชุมนุม หรือจัดการชุมนุมระหว่างมีคําสั่งห้ามชุมนุมตามมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับมาตรา ๓๐ ผู้จัดการชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือผู้ชุมนุมผู้ใดไมปฏ่ ิบัติตามมาตรา ๑๖ (๑) หรือ (๒) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

    มาตรา ๓๑ ผู้จัดการชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕ (๔) (๕) (๖) หรือ (๗) หรือผู้ชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๖ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งทําให้ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบการสื่อสารหรือโทรคมนาคม ระบบผลิตหรือส่งกระแสไฟฟ้าหรือประปา หรือระบบสาธารณูปโภคอื่นใดใช้การไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราว หรือถาวร ผู้จัดการชุมนุมต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    มาตรา ๓๒ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งหรือประกาศของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา ๑๙ (๕) หรือมาตรา ๒๓ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุม ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ แต่ถ้าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ภายในสถานที่ชุมนุม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กําหนดหรือจะไม่ลงโทษก็ได้

    มาตรา ๓๓ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้ควบคุมสถานการณ์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์ตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กําหนดหรือจะไม่ลงโทษก็ได้

    มาตรา ๓๔ ผู้ใดไม่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ หรือผู้ควบคุมสถานการณ์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พาอาวุธเข้าไปในที่ชุมนุม ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้มีอาวุธนั้นติดตัวหรือไม่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับถ้าอาวุธตามวรรคหนึ่งเป็นอาวุธปืน วัตถุระเบิด หรือวัตถุอื่นใดอันมีสภาพคล้ายคลึงกัน ผู้กระทําความผิดต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

    มาตรา ๓๕ บรรดาทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการชุมนุมสาธารณะที่ยึดได้จากการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือที่ไม่เลิกการชุมนุมตามคําสั่งศาล ให้ศาลมีอํานาจสั่งริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคําพิพากษาหรือไม่

    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
    พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    นายกรัฐมนตรี

    หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิชุมนุมสาธารณะให้ชัดเจน และโดยสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคี ทั้งนี้ เพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่กระทบกระเทือนต่อ ความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิและเสรีภาพและศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้.

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079776
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รายชื่อข้าราชการที่อาจมีส่วนเข้าไปเกี่ยวพันในเรื่องทุจริต ที่มีรายชื่อออกมา 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับรายชื่อออกเป็น 2 ส่วน คือ ข้าราชการระดับซี 8 ขึ้นไป หรือข้าราชการระดับสูง ซึ่งมีการใช้คำสั่ง คสช. ตามอำนาจมาตรา 44 ในการปรับย้ายและให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ช., ป.ป.ท., สตง. เป็นผู้ตรวจสอบ

    “บิ๊กตู่” จี้ 5 รองนายกฯ ลงพื้นที่ ตจว.ตอบโจทย์ ปชช. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 19:19 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 19:52 น.)

    [​IMG]
    @พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

    “บิ๊กตู่” จี้ 5 รองนายกฯ ลงพื้นที่ ตอบโจทย์ความต้องการประชาชน รัฐบาล ยังสรุปคดี ข้าราชการเอี่ยวทุจริตทุกล็อต เกรงหลักฐานตกหล่น

    วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลสำรวจทัศนคติวัดผลความพึงพอใจ รวมทั้งความต้องการของประชาชน ต่อการดำเนินงานหรือการบริหารงานของรัฐบาลและ คสช. ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รับทราบ จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำข้อมูลดังกล่าว แจงจ่ายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้องของประชาชน นอกจากนี้ ยังสั่งการให้บรรดารองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อรับทราบถึงปัญหาของประชาชนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่จำเป็นต้องรอการลงพื้นที่พร้อมตัวนายกฯ และให้นำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการแก้ไขปัญหาด้วย

    ทั้งนี้ การลงพื้นที่ดังกล่าวต้องหาข้อยุติ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และหากพบว่ามีสิ่งใดเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนก็จำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจในทุกประเด็น ส่วนเรื่องใดที่เข้าใจถูกต้องแล้ว ก็ให้มีการขยายผลให้เข้าใจทั่วกันด้วย

    พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สอบถามข้อมูลการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงสอบถามรายชื่อข้าราชการที่อาจมีส่วนเข้าไปเกี่ยวพันในเรื่องทุจริต ที่มีรายชื่อออกมา 2 ครั้ง โดยแบ่งระดับรายชื่อออกเป็น 2 ส่วน คือ ข้าราชการระดับซี 8 ขึ้นไป หรือข้าราชการระดับสูง ซึ่งมีการใช้คำสั่ง คสช. ตามอำนาจมาตรา 44 ในการปรับย้ายและให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ช., ป.ป.ท., สตง. เป็นผู้ตรวจสอบ

    ขณะที่ข้าราชการระดับกลาง หรือระดับล่าง ที่ไม่ได้โยกย้ายออกจากหน้าที่เดิม เพราะเห็นว่าหากอยู่ในตำแหน่งเดิมคงไม่มีผลที่จะทำให้หลักฐานต่าง ๆ ยุ่งเหยิงได้ อย่างไรก็ตาม ในการพิสูจน์หลักฐานของข้าราชการระดับซี 8 ขึ้นไป นายกฯ ไม่ต้องการให้เร่งรีบ หรือรีบร้อนในการสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ เพราะไม่อยากให้หลักฐานตกหล่น

    พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า แต่ขณะเดียวกัน ขอให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่ตรวจสอบข้อมูลได้เข้าใจสถานการณ์ว่าจะช้ามากไม่ได้ เพราะจะเป็นที่ครหาว่าใช้เวลานานเกินไป แต่ขณะนี้สังคมกำลังจับตาข้าราชการระดับสูงอยู่ ส่วนข้าราชการระดับล่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งขณะนี้การส่งข้อมูลข้าราชการระดับล่างยังมีจำนวนน้อย นายกฯ จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งสอบสวนขึ้นมา

    ทั้งนี้ มีการแจ้งข้อมูลว่าบางกระทรวงมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหลายราย การตั้งคณะกรรมการสอบอาจไม่พอที่ประชุม จึงมีมติว่าให้แต่ละกระทรวงที่มีฐานข้อมูลที่เชื่อได้ว่าข้าราชการอาจมีส่วนเข้าไปเกี่ยวพันกับการทุจริตฐาน ให้ใช้คณะกรรมการสอบสวนเพียงคณะเดียว และทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอน

    ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การส่งตัวชาวอุยกูร์ส่วนหนึ่งกลับไปยังประเทศจีนนั้น ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือถึงประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ต้องการให้มีการขยายผลในเรื่องนี้ เพราะถือว่ารัฐบาลได้ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างถูกต้องแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาสากล เพราะไม่ทำอย่างนั้นกฎหมายก็จะถูกละเลย และกลับกลายเป็นว่า ประเทศใดก็ตามที่มีเหตุร้ายขึ้น แล้วมีคนหลบหนีเข้ามายังไทย คนเหล่านั้นก็จะรู้สึกปลอดภัย เพราะเชื่อว่าจะไม่ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดี จากนั้นไทยเองก็จะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อเหตุร้าย ดังนั้น วิธีการจัดการของรัฐบาลถือเป็นทางออกของปัญหา.


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตามดูสาเหตุที่รัฐบาล-คสช.อนุมัติขยายเวลาคงแวตที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 18:32 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 18:44 น.)

    [​IMG]

    ตามดูสาเหตุที่ รัฐบาล - คสช. อนุมัติขยายเวลาคงแวต ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี “บิ๊กตู่” ย้ำภาวะเศรษฐกิจยังตึงตัว ไม่ต้องการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชนในระยะนี้ ยัน รัฐบาลไม่สามารถคงภาษีไว้ที่ระดับนี้ได้ตลอด เหตุราคาสินค้าไม่สะท้อนกับความเป็นจริง และอาจทำให้ประชาชนไม่ใช้จ่ายอย่างประหยัด ชี้ การปรับลดภาษีเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวรายปีไป

    วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติขยายเวลาคงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี ตามที่ กระทรวงการคลัง เสนอ

    “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจยังตึงตัว และไม่ต้องการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชนในระยะนี้ จึงได้ให้คงอัตราภาษีแวตไว้ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี แต่รัฐบาลไม่สามารถคงภาษีไว้ที่ระดับนี้ได้ตลอด เนื่องจากจะทำให้ราคาสินค้าไม่สะท้อนกับความเป็นจริง และอาจทำให้ประชาชนไม่ใช้จ่ายอย่างประหยัด จึงให้การปรับลดภาษีเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจเป็นรายปีไป”

    มีรายงานว่า คณะรัฐมนตรีมีมติมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

    ทั้งนี้ กค. เสนอว่า 1. ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 92/2557 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 6.3 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 และกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 9 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป

    2. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ในด้านอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศยังอยู่ในภาวะที่ไม่ฟื้นตัว การบริโภค การลงทุน การส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังหดตัว ระดับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้รัฐมีรายได้เพื่อนำไปใช้ในการลงทุนขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้น แต่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการบริโภคในประเทศที่อยู่ในภาวะหดตัว โดยระดับราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ จะมีการปรับราคาสูงขึ้น ดังนั้น จึงเห็นควรมีมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

    3. มติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2558 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2558 นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้การเสนอร่างกฎหมายตามนโยบายการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมให้ กค. พิจารณาและวิเคราะห์ผลกระทบในภาพรวมจากการปรับอัตราภาษีดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการปรับลดอัตราภาษีที่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ

    4. มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม คาดว่าจะมีผลกระทบ ดังนี้

    4.1 ในส่วนของประชาชน การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะช่วยลดผลกระทบจากค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ภาคธุรกิจมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัว

    4.2 ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจ ทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของอัตราภาษี ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้แก่ภาคเอกชนและสามารถวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้องต่อไป

    4.3 ในส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

    1) หากกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ถึงแม้จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 211,900 ล้านบาท แต่จะส่งผลต่อระดับราคาสินค้าและค่าบริการเพิ่มสูงขึ้น อันจะส่งผลต่อการบริโภค การผลิต การนำเข้า และการลงทุนภาคเอกชนลดลงทำให้ระบบเศรษฐกิจชะลอตัว

    2) การขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี จะไม่มีผลกระทบต่อการประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ เนื่องจากในการจัดทำงบประมาณได้มีการคำนวณประมาณการรายได้ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) และคาดว่าในระยะยาวจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น

    สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

    1. กำหนดให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 92/2557 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2557

    2. กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากรและคงจัดเก็บในอัตรา ดังต่อไปนี้ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558

    2.1 ร้อยละหกจุดสาม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

    2.2 ร้อยละเก้า สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป.


    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079745
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เปิดกฎกระทรวง ฟัน “พี่วินมอไซค์หัวหมอ” ให้คนอื่นขี่แทน-ให้เช่าเสื้อกั๊ก ผิดหมด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 18:22 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 18:28 น.)

    [​IMG]

    เปิดกฎกระทรวง “คุมวินมอไซค์รับจ้าง” ให้อำนาจนายทะเบียนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เอาผิด “พี่วินหัวหมอ” เพิกถอนใบขับขี่ เหตุตาย - พิการ ขี่ต่อไม่ได้ ให้อำนาจฟัน “วินเถื่อน” ฝ่าฝืนเก็บค่าโดยสารเกินความจริง ให้คนอื่นขับขี่รถแทน - ให้เช่าเสื้อกั๊ก หากพบ 6 เดือน ไม่ขับรถหรือเอารถไปวิ่งวินอื่น ก็มีความผิด

    วันนี้ (14 ก.ค.) มีรายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงาคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

    โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

    1. กำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป และให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. 2553

    2. กำหนดให้นายทะเบียนในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบที่มีที่ตั้งสถานที่รอรับคนโดยสาร มีอำนาจเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะในกรณีที่ผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์สาธารณะได้

    3. กำหนดให้นายทะเบียนในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบที่มีที่ตั้งสถานที่รอรับคนโดยสารมีอำนาจเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะในกรณีที่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการว่าผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังนี้

    3.1 ใช้หนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะปลอมเป็นหลักฐานประกอบการขอจดทะเบียนรถหรือเปลี่ยนประเภทรถ

    3.2 กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการในส่วนที่เกี่ยวกับสถานที่รอรับคนโดยสาร เส้นทาง หรือท้องที่ในการรับจ้างหรือค่าจ้างหรือค่าบริการอื่น

    3.3 กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดและถูกคณะกรรมการถอดชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้ขับรถในสถานที่รอรับคนโดยสารที่ผู้นั้นขับอยู่ เช่น ให้บุคคลอื่นเช่า ซื้อ หรือดำเนินการอื่นใดเพื่อให้ผู้อื่นขับรถของตนเพื่อการรับจ้างหรือใช้เสื้อกั๊ก หรือเสื้อคลุมของตนในการรับจ้าง ไม่ขับรถของตนเพื่อการรับจ้างติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน หรือในรอบระยะเวลา 1 ปี นำรถของตนไปรับจ้างในสถานที่รอรับคนโดยสารอื่นที่ตนเองไม่มีชื่ออยู่ในบัญชี

    3.4 ถูกคณะกรรมการถอดชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้ขับรถในสถานที่รอรับคนโดยสารที่ผู้นั้นขับรถอยู่เนื่องจากเหตุดังนี้ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเลิกประกอบอาชีพ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามกฎหมายที่กำหนดไว้

    4. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งเหตุแห่งการเพิกถอน รวมทั้งการตรวจสอบและการพิจารณาของนายทะเบียนเมื่อได้รับหนังสือแจ้งจากคณะกรรมการ

    5. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการมีคำสั่งเพิกถอนหรือไม่มีคำสั่งเพิกถอนของนายทะเบียน รวมทั้งการดำเนินการของผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะเมื่อได้รับคำสั่งเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ป.ป.ช.แจง พ.ร.บ.ใหม่ สกัดผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี ยกคดีแม้ว-ปูเข้าข่าย - ปัดชงโทษประหารชีวิต โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2558 17:59 น. (แก้ไขล่าสุด 14 กรกฎาคม 2558 18:38 น.)

    [​IMG]

    ป.ป.ช. แจง พ.ร.บ. ใหม่ ให้การนับอายุความคดีชะงัก กรณีผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี ไม่ถือเป็นการขยายอายุความ ยกคดีแม้ว-ปูเข้าข่าย ปัดชงเสนอโทษหนักข้าราชการ ทุจริตประหารชีวิต แค่อิงประมวลกฎหมายอาญา ม.149 ให้เกิดความชัดเจน “ณรงค์” รับเล็งใช้สอบคดีคอรัปชั่นค้างเก่า จับได้จัดการขั้นเด็ดขาด

    วันนี้ (14 ก.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ป.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2558

    โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ตามที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ทำ ให้มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามพันธกรณีอนุสัญญาดังกล่าวหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายภายในของประเทศไทย เพื่ออนุวัติการตามอนุสัญญาซึ่งเป็นมาตรฐานสากล การที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเพื่ออนุวัติการตามพันธกรณีอนุสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเรื่องความพยายามและความจริงจังในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภายในเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงการแก้ไขปัญหาการทุจริตภายในประเทศ

    จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีกลไกในการขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น

    1.เรื่องอายุความ

    ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 74/1 กำหนดให้ในการดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล อายุความจะสะดุดหยุดอยู่ และเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยแล้ว ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ จะไม่นำเรื่องอายุความมาใช้บังคับ

    การแก้ไขนี้มิได้เป็นการขยายอายุความในคดีทุจริตแต่อย่างใด แต่เป็นการยกเว้นมิให้นับอายุความในกรณีที่ผู้กระทำความผิดหลบหนีเท่านั้น ซึ่งหลักการนี้ได้บัญญัติไว้ใน พ.ร.ป. ป.ป.ช. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554) อยู่แล้ว โดยกฎหมายใหม่ได้เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีอาญาในทุกขั้นตอน ทั้งในกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กระบวนการฟ้องคดี กระบวนการพิจารณาของศาล รวมถึงกระบวนการภายหลังศาลมีคำพิพากษาด้วย

    2. การกำหนดฐานความผิดสำหรับนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่

    ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 123/5 วรรค 2 กำหนดให้มีฐานความผิดเฉพาะสำหรับนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่ขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์ที่เกิดจากการให้สินบน เช่น การได้รับสัมปทาน หรือโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ แท้จริงแล้วผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการติดสินบนดังกล่าว ก็คือ นิติบุคคลนั้นเอง
    กฎหมายใหม่จึงกำหนดให้นิติบุคคลมีความผิดถ้าคนที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล เช่น ลูกจ้าง ตัวแทน ได้ให้สินบนเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ไทย หรือต่างประเทศ และทำไปเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลนั้น โดยนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกัน โดยมีการกำหนดโทษเป็นโทษปรับเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของนิติบุคคลที่ไม่อาจรับโทษจำคุกได้ โดยมีอัตราโทษปรับจากค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่นิติบุคคลนั้นได้รับ ซึ่งกรณีที่เป็นการให้สินบนในโครงการขนาดใหญ่ อาจทำให้มีโทษปรับทางการเงินเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาท โดยมาตรการลงโทษทางการเงินนี้จะทำให้รัฐได้รับการเยียวยาความเสียหาย เพื่อเอาประโยชน์ที่นิติบุคคลไม่ควรได้กลับคืน และเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิด

    3. บทกำหนดโทษสำหรับความผิดกรณีเรียกรับสินบน

    ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 123/2 กำหนดบทลงโทษกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย เจ้าหน้าที่ของรัฐ
    ต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ เรียกรับสินบน โดยมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต ซึ่งโทษประหารชีวิตนั้นมีกำหนดอยู่แล้วตามฐานความผิดกรณีเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้ได้กำหนดตัวผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม คือ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ และยกบทกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาใช้ มีการปรับเปลี่ยนแค่ในส่วนของอัตราโทษปรับที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

    4. ฐานความผิดเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศเรียกรับสินบน

    ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 123/2 ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ มีความผิดหากมีการเรียกรับสินบน ซึ่งเป็นการกำหนดฐานความผิดเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญา UNCAC และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการด าเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ ตามหลักความผิดอาญาสองรัฐ (Dual - Criminality)

    5. หลักการริบทรัพย์ตามมูลค่า (Value- Based Confiscation)

    ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 123/6 - 123/8 กำหนดให้การริบทรัพย์ในคดีทุจริตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้ครอบคลุมถึงทรัพย์สินที่ได้มาแทนเนื่องจากมีการจำหน่าย จ่าย โอน หรือแปลงสภาพทรัพย์ไป และในกรณีที่ไม่สามารติดตามทรัพย์คืนมาได้ หรือการติดตามเป็นไปได้โดยยาก ศาลสามารถกำหนดมูลค่าของทรัพย์สิน และให้มีการชำระเป็นเงินหรือริบทรัพย์อื่นที่มีมูลค่าเท่ากันได้ หลักการนี้จะเป็นการสกัดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน

    นายวิชา กล่าวว่า ส่วนกรณีอายุความ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ฉบับที่ 2 ปี 2554 ได้พูดถึงเรื่องอายุความไว้ในกรณีที่อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนของ ป.ป.ช. และผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี จนมีการออกหมายจับ จะไม่ต้องนับอายุความ คือให้อายุความหยุดลง แต่ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ฉบับนี้ ได้เพิ่มเติมในกรณีของระหว่างการพิจารณาของศาล และมีการหลบหนี หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย และจำเลยได้หลบหนีระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุด โดยไม่ให้นำบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญามาบังคับใช้ในกรณีนี้ หมายความว่า หากจะหลบหนี ต้องหลบหนีตลอดชีวิต ทั้งนี้ เพื่อให้การปราบปรามการทุจริตได้ผลยิ่งขึ้น

    ส่วนคดีที่คำพิพากษาไปแล้วจะมีผลกระทบหรือไม่นั้น นายวิชา กล่าวว่า เมื่อเราใช้ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ปี 2554 มีการโต้เถียงกันว่าต้องการให้เรื่องอายุความหยุดลงนั้น มีผลย้อนหลัง แต่ปรากฏว่า ศาลตีความว่าไม่มีผลย้อนหลัง เพราะเป็นเรื่องของการให้โทษกับบุคคลซึ่งเป็นกฎหมายอาญา แต่เรื่องนี้ยังเป็นการตีความ เรายังไม่ได้ใช้กับกรณีที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น ต้องรอดูต่อไปว่า สำหรับคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปก่อนกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ จะอยู่ในข่ายว่าอายุความหยุดลงหรือไม่

    ถามว่า กฎหมายมีมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีใครกลัวกัน นายวิชา กล่าวว่า ถ้ากลัวก็คงต้องกลัวตั้งแต่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 แล้ว แต่ก็ยังมีการเรียกรับสินบนอยู่เรื่อยๆ มีใครกลัวบ้างหรือไม่

    ถามว่า เท่ากับว่า พ.ร.บ.ป.ป.ช. ฉบับนี้ เป็นแค่การขู่เท่านั้น นายวิชา กล่าวว่า ก็ไม่ทราบ แต่กฎหมายมีสองแบบคือ ให้คนทั่วไปได้ปฏิบัติ และเพื่อป้องปราม หมายความว่า ให้คนรู้สึกว่ามีโทษรุนแรง ยังมีโทษประหารชีวิต เขาก็คิดว่ามันจะมีส่วนในการช่วยยับยั้งได้บ้าง

    ถามว่า กรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนีคดีที่มีคำพิพากษาไปแล้ว สามารถรื้อฟื้นขึ้นมาอีกได้หรือไม่ คดีที่จบไปแล้วไม่อาจรื้อฟื้นได้อีก แต่บางคดีที่มีการออกหมายจับไว้ ต้องอยู่ในข่ายเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนี และจะมีการอ่านคำพิพากษาเร็วๆ นี้ เช่น คดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาทโดยมิชอบ (มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ) ก็อยู่ในข่าย หรือแม้แต่คดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนก่อให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว เมื่อเร็วๆ นี้ ก็อยู่ในข่ายเช่นกัน

    นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2558 ได้มีการกำหนดให้การนับอายุความคดีชะงักลงในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีในระหว่างที่มีการพิจารณาคดี หรือกรณีที่จำเลยหลบหนี หลังศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ได้รับจำคุก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการขยายอายุความ แต่เป็นการยกเว้นการนับอายุความเท่านั้น และ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่มีผลย้อนหลังกับคดีความที่มีการพิพากษาสิ้นสุดแล้ว เพราะจะมีโทษกับจำเลย เว้นแต่กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหลบหนีและมีออกหมายจับเท่านั้น

    นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ ว่า เรื่องโทษประหารชีวิตที่อยู่ในมาตรา 123/2 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 3) เป็นการกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษจำคุก 5 - 20 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 - 40,000 บาท หรือประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษเดิม ป.ป.ช.ไม่ได้เสนอปรับแก้อะไรใหม่ มีเพียงการปรับแก้ในส่วนของคำนิยามของเจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิมจำกัดแค่เจ้าหน้าที่รัฐภายในประเทศ แต่ตามคำนิยามของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (UNCAC) ซึ่งไทยเป็นประเทศภาคี ได้นิยามคำว่าเจ้าหน้าที่รัฐไว้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศด้วย จึงต้องปรับแก้เพื่อให้สอดคล้องกัน

    ด้าน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ถือว่ากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งในส่วนของ ศธ. ตนได้ย้ำทุกครั้งที่มีการประชุม ว่า การดำเนินการต่าง ๆ จะต้องปราศจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคนด้วย บางคนอาจจะติดว่า ถ้าทำแล้วไม่ถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าถูกจับได้ตนก็จะจัดการเต็มที่

    “ที่ผ่านมา ในส่วนของ ศธ. มีหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และมีความล่าช้า ซึ่งผมจะไปดูรายละเอียดข้อกฎหมายดังกล่าว ว่า สามารถนำมาใช้ในการสอบสวนเรื่องที่ยังค้างอยู่ได้หรือไม่ ยอมรับว่า บางเรื่องค้างมาหลายปี และมีการขอขยายเวลาไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นปัญหา เพราะที่ผ่านมา ศธ. ไม่สามารถไปควบคุมคณะกรรมการสอบสวนชุดต่าง ๆ ได้”

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079730
     
  16. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    แล้วอย่างนี้นักโทษที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศกะนับนิ้วให้หมดอายุความก็แห้วรับประทานซิครับ
     
  17. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ข่าวร้ายหรือดี
    สหภาพยุโรป ลงมติ คว่ำบาตร ประเทศไทย เป็นทางการ ความตกลง ความร่วมมือความช่วยเหลือ แม้แต่ การเดินทางมาเยือนประเทศไทย ถูกระงับ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ได้ยินว่าข่าวสหภาพยุโรปลงมติคว่ำบาตไทยเป็นข่าวเท็จ HOAX น่ะครับ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฉลุย... รัฐสภากรีซรับเงื่อนไขเจ้าหนี้

    [​IMG]

    --------------
    รัฐสภากรีซโหวตรับข้อตกลงของรัฐบาลกรีซเจ้าหนี้ทรอยก้าด้วยคณะแนน 229 (Yes) ต่อ 64 (No) จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 300 เสียง (งดออกเสียง 6 ขาดประชุม 1) เฉพาะสมาชิกจากพรรค Syriza ของนายกฯ Alexis Tsipras โหวต No 39 เสียง จากทั้งหมดในพรรค 149 เสียง แต่ก็ยังชนะ ในช่วงสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมานี้หลังจากฝ่ายรัฐบาลกรีซชนะการทำประชามติเมื่อวันที่ 5 ก.ค.58 ที่ผ่านมาก่อนเข้าเจรจารอบใหม่กับเจ้าหนี้ทรอยก้านั้น มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นหลายอย่างมาก ตอนนี้ขอเวลาในการกรองข้อมูลก่อน เดี๋ยวจะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปเร็วๆนี้นะครับ
    The Eyes
    16/07/2558
    --------------
    http://rt.com/news/273952-greece-vote-euro-bailout/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียส่งเครื่องบินบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 2 ลำไปให้เยเมน

    [​IMG]

    -------------
    ในขณะที่สหรัฐฯเป็นหัวเรือใหญ่ในการสนับสนุนด้านอาวุธและเทคนิค (คอยชี้เป้า) ให้กองกำลังผสมรัฐอาหรับโดยซาอุดิอาระเบียไปถล่มเยเมน แต่ทางรัสเซียและอิหร่านกลับส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (humanitarian aid) เช่นข้าวปลาอาหารเวชภัณฑ์ไปให้เยเมนแทน
    เมื่อวานและวันนี้ (14-15 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik newsรายงานว่ากระทรวงฉุกเฉินของรัสเซีย (EMERCOM) ได้ส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้เยเมนตามคำร้องขอจากฝั่งรัฐบาลเยเมน โฆษกกระทรวงฉุกเฉินของรัสเซียแถลงว่า "ตามคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย เครื่องบินลำเลียง Ilyushin Il-76 จำนวน 2 ลำของรัสเซียได้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้พลเมืองของสาธารณรัฐเยเมน (Republic of Yemen) ซึ่งประสบความทุกข์ยากจากสงครามกลางเมือง โดยจะบินออกจากกรุงมอสโคว์ไปยังเยเมน"
    รายงานข่าวจากกระทรวงฉุกเฉินของรัสเซียบอกว่า เครื่องบินรัสเซียได้บรรทุกเครื่องบรรเทาทุกและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมซึ่งมีน้ำหนักถึง 46 ตันมีทั้งอาหารเช่นเนื้อสัตว์บรรจุกระป๋อง ปลากระป๋อง อาหารเด็กและน้ำตาล
    เมื่อวันที่ 10 ก.ค.58 ที่ผ่านมา Stephane Dujarric โฆษกของนายบัน คีมูน เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติออกมากล่าวว่ามีประชาชนชาวเยเมนราว 21 ล้านคนหรือมากกว่า 4 ใน 5 ของประชากรทั้งหมดทั่วประเทศมีความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (แต่สหรัฐฯไม่ได้ยินเสียงดังกล่าว มีแต่รัสเซียเท่านั้นที่ได้ยิน พิลึกดีน้อ)
    รายงานข่าวบอกว่า ตั้งแต่วันที่ 10-17 ก.ค.58 เป็นการพักรบเพื่อเปิดโอกาสให้มีการส่ง กระสุนและระเบิด โอ๊ะ… ม่ายช่าย หมายถึงส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ชาวเยเมนตามประกาศของยูเอ็น ในขณะที่พึ่งจะมีการประกาศพักรบกันได้ไม่กี่ชั่วโมงนี้ ก็มีรายงานว่ายังมีเครื่องบินรบของกองกำลังผสมรัฐอาหรับนำโดยซาอุดิฯบินเข้าไปทิ้งระเบิดในเยเมนอยู่อีก
    รายงานข่าวจาก Dujarric บอกว่าหน่วยดูแลสุขภาพและโภชนาการจะถูกส่งเข้าในเยเมน และยูเอ็นกล่าวว่า "…โปรแกรมการช่วยเหลืออาหารโลก (World Food Programme - WFP) บอกว่าได้เตรียมพร้อมที่จะขยายการดำเนินการในเยเมน ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงเพื่อสนับสนุนด้านมนุษยธรรมมีผลบังคับใช้ (และที่ขาดไม่ได้ก็คือขอเงินบริจาคตามฟอร์มเดิม) WFP บอกว่ายังคงต้องการการสนับสนุนด้านการเงินจำนวน 103 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 พันล้านบาท) เพื่อการแจกจ่ายอาหารฉุกเฉินจนถึงเดือนสิงหาคม 2015"
    ก็แล้วทำไมถึงไม่ไปขอสหรัฐฯสิที่อยู่เบื้องหลังของสงครามในครั้งนี้กับซาอุดิฯที่ร่ำรวยมากเล่า? เงินแค่นี้จิ๊บๆสำหรับพวกนั้น และจะมาทำเป็นขอบริจาคทั่วโลกกันทำไม ดูอย่างรัสเซียสิ ไม่เห็นต้องออกมาประกาศขอรับบริจาคทั่วไปซักครั้ง พอพักรบปุ๊บ ขึ้นบินทันทีเลย เขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่เห็นต้องมาแสดงละครเอาหน้าหาเงินเข้ากระเป๋าอย่างพวกองค์กรลวงโลกเหล่านั้นที่มีสหรัฐฯชักใยอยู่เบื้องหลังซะหน่อย อายรัสเซียบ้างไหมนั่นหนะ คนจริงไม่พูดมาก ทำเลย ปูตินซะอย่าง
    เอ… ว่าแต่ว่างานนี้อิหร่านจะมีของฝากไปยังกลุ่มกบฎฮูติส่งไปจูจุ๊บเครื่องบินรบ F-16 ของกองกำลังผสมรัฐอาหรับที่นำโดยซาอุดิฯติดไปกับเครื่องบินของรัสเซียบ้างหรือเปล่านะ? ฮี่ๆๆ… มีลุ้นนะครับ
    The Eyes
    15/07/2558
    ----------
    Russian EMERCOM to Send Two Planes With Humanitarian Aid to Yemen / Sputnik International
    Two Russian Aircraft With Humanitarian Aid Arrive in Crisis-Hit Yemen / Sputnik International
     

แชร์หน้านี้

Loading...