อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์. พระบรมศาสดา และเหล่าผู้พระสาวก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 11 ตุลาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    .................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2015
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ในทางโลก การได้มามากๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ในทางธรรม การสละสิ่งที่มีมากๆ ให้หมดไป แม้แต่สิ่งละเอียดอ่อน ภายในใจได้.. ท่านว่า ประเสริฐสุด

    หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป..



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มิถุนายน 2015
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]




    ควรที่จะฝึกตนเองให้อภัยคนอื่น แม้คนอื่นจะว่าให้เราอย่างไรก็ตาม ทำอย่างนี้ดีกว่า เราจะทำน้อยทำมากแค่ไหน สร้างวัดวาอาวาส ทำคุณงามความดีบริจาคทานอย่างไรก็ตาม เราทำตามกำลังของเรา ใครจะมาว่าให้อย่างโน้นอย่างนี้ก็ช่างเขา อภัยให้เสีย เราอย่าไปโกรธเกลียดแค้นแสดงอาการต่างๆ ทั้งร่างกายและวาจา เราไม่ต้องไปตอบโต้อะไรเขา หัดเป็นคนฉลาดมีสติปัญญาให้อภัยทาน มันจึงไม่มีเรื่องราวเถียงกัน ทำให้มีความสุขสบายก็เลยทำให้เราเป็นผู้สงบ มีความสุขเฉพาะตนเอง จึงจะเรียกว่าผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ให้อภัยเขาในเรื่องของการบริจาคทาน


    ...พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • __141_207.jpg
      __141_207.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      218
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ในทางปฏิบัติที่ว่า ปฏิบัติจิต ปฏิบัติใจ โดยให้ใจอยู่กับใจนี้ ก็คือให้มีสติกํากับใจให้เป็นสติถาวร ไม่ใช่เป็นสติคล้ายๆ หลอดไฟที่จวนจะขาด เดี๋ยวก็สว่างวาบ เดี๋ยวก็ดับ เดี๋ยวก็สว่าง แต่ให้มันสว่างติดต่อกันไปตลอดเวลา
    เมื่อสติมันติดต่อกันไปอย่างนี้แล้ว ใจมันก็มีสติควบคุมอยู่ตลอดเวลา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อยู่กับตัวรู้ตลอดเวลา" ตัวรู้ก็คือ "สติ" นั่นเอง หรือจะเรียกว่า "พุทโธ" ก็ได้ พุทโธที่ว่า รู้ ตื่น เบิกบาน ก็คือตัวสตินั่นแหละ..



    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล..


    [​IMG]
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]




    เรื่อง "นักเรียนลัด"
    สมาธิไม่จำเป็น เดินลัดตัดเข้าหาปัญญาเลย นั้นแลคือ "ตัวโง่ที่สุด" อวดฉลาด โง่ที่สุดแต่อวดฉลาด มีมากนักเรียนลัดทุกวันนี้ เรียนลัดมันก็มารัดคอเจ้าของนี่ แล้วมันจะไปรัดที่ไหน
    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    ที่ว่า "เมื่อมีสมาธิแล้วปัญญาเกิดเอง" คนนั้นคือ "คนไม่เคยมีสมาธิไม่รู้สมาธิ" จิตไม่เคยเป็นสมาธิ จึงพูดมาอย่างนั้นได้ ถ้าหากเป็น "ขิปปาภิญญา" มันก็กลมกลืนไปในขณะเดียวกัน และมิหนำซ้ำยังพูดว่าสมาธิไม่จำเป็น เดินลัดตัดเข้าหาปัญญาเลย นั้นแลคือ "ตัวโง่ที่สุด" อวดฉลาด โง่ที่สุดแต่อวดฉลาด มีมากนักเรียนลัดทุกวันนี้ เรียนลัดมันก็มารัดคอเจ้าของนี่แล้วมันจะไปรัดที่ไหน
    เก่งกว่าศาสดาได้เหรอ ใครเป็นคนบัญญัติไว้ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่ศาสดาเป็นใครมาบัญญัติ เราจะเก่งกว่าศาสดาได้เหรอ เก่งกว่าศาสดามันก็เลย "มัชฌิมา" น่ะซี ศาสดาสอนไว้เป็น "มัชฌิมา" ทั้งนั้นหาที่ค้านไม่ได้ นี่ได้พิจารณามาแล้ว
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    เรื่อง "ไม่มีผู้ใดในโลกนี้จะเลิศเลอยิ่งกว่า พระพุทธเจ้า"
    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


    ไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่จะมาสอนให้ละเอียดลออยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า
    ที่กล่าวมานี้ละเอียดสุดขีด ละเอียดจนกระทั่งเลยขั้นสมมุติไปแล้วเป็นวิมุตติ


    ไม่มีความรู้ของผู้ใดในโลกนี้ ใครจะเก่งขนาดไหนก็เก่งเถอะ
    ความรู้ประเภทนี้จะไม่มี ไม่รู้-รู้แบบนี้ รู้แบบสมมุติ ละเอียดขนาดไหนก็เป็นละเอียดของสมมุติ
    ซึ่งไม่มีเวลาที่จะผ่านพ้นความสมมุตินั้นไปได้ รู้ตรงไหนก็ติดตรงนั้น รู้ตรงไหนติดตรงนั้น


    ไม่เหมือนความรู้ที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นและทรงสั่งสอนสัตวโลก
    รู้ไปเท่าไรก็ยิ่งละยิ่งถอน เพราะรู้เป็นความจริง รู้ความจริงแล้วต้องถอน
    รู้ด้วยความจำความคาดด้นเดาไม่ถอน กิเลสจึงไม่ถลอกเพราะความจำมา
    จะเรียนจบพระไตรปิฎกก็เป็นสัญญาความจำเฉย ๆ ไม่ใช่ปัญญาไปเห็นความจริง

    ความจริงกับความจำจึงต่างกันคนละโลก


    นี่ละเราอยากเห็นความจริงจึงต้องปฏิบัติ



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    "กิเลสแก้ยาก เพราะมุ่งแก้กิเลสผู้อื่น"
    " .. อย่าไปมุ่งเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่น แม้ปรารถนาเป็นผู้พ้นทุกข์ ทุกข์เกิดจากกิเลส เพราะการเพ่ง เล็งแก้กิเลสของผู้อื่นนั้น นอกจากจะไม่ทำให้กิเลสของตนเบาบางห่างไกลออกไป ยังจะเพิ่มกิเลสของ ตนให้มากขึ้น กิเลสของใครคนใด ใครคนนั้นต้องแก้ ไม่ใช่คนอื่นจะไปแก้ให้ได้
    ดังนั้น แม้คิดจะไปเพ่งโทษคนอื่น คือคิดไปแก้กิเลสของคนอื่นนั่นเอง ก็พึงมีสติรู้ให้เร็วที่สุดว่า กำลัง ทำไม่ถูก ที่ถูกคือต้องแก้กิเลสของตนเอง กิเลสของตนเอง ของทุกคนที่ทุกคนควรแก้ของตนเอง ไม่ใช่ไปมุ่งแก้ของคนอื่น

    "คนนั้นก็ไม่ดีอย่างนี้ ไม่ดีอย่างนั้น ผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนี้" เช่นนี้ไม่มีทาง ที่ตนจะถึงความสุขได้ .. "


    (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)




    [​IMG]
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]





    ลูกศิษย์หลวงตา ถามเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2547

    การอโหสิกรรมจากจิตแท้จริง เกิดจากการพิจารณาทางปัญญา

    กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาบัว    
                      ลูกมีข้อข้องใจ  ขอให้พระหลวงตาช่วยเมตตาชี้แนะนำว่า      คำที่กล่าวว่า   "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"      เมื่อลูกต้องการไม่จองเวรกับบุคคลที่ลูกมีเรื่องทะเลาะด้วย   หรือโกรธให้กันนั้น   ลูกอยากอโหสิกรรม  ไม่ก่อเวรให้แก่กันอีก   ทำอย่างไรจึงจะอโหสิกรรมออกมาจากจิตอย่างแท้จริง    เพราะลูกไม่อยากมีการผูกเวรอีกต่อๆไป   ลูกไม่อยากมีกรรมต่อกัน   แต่การที่จิตจะปล่อยจากอารมณ์นี้อย่างแท้จริง   มักจะไม่เป็นโดยง่าย    จิตมักจะกระเพื่อมเมื่อเจอกันอีก   ลูกอยากที่จะอโหสิกรรมกันจริงๆ  โดยเมื่อเจอกันจะต้องไม่รู้สึกอะไรกันอีก   เหมือนไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนเลย    ซึ่งการที่จะทำได้นั้นจะเกิดจากการพิจารณาทางปัญญาเท่านั้นใช่ไหม   จึงจะถอดความรู้สึกนี้ออกจากจิตได้      กราบนมัสการมาเพื่อขอความเมตตาช่วยแนะนำให้ลูกด้วย

    คำตอบ

    เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2547

    เรียนคุณผู้ถาม เนื่องจากคุณไม่ได้แจ้งEMail ของคุณมาให้ จึงตอบรวมมาในหน้า รวมถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

    หลวงตาเมตตาแสดงธรรมตอบปัญหาธรรมให้คุณ
    เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด  ดังนี้

    โยม           :     คนที่ ๓ ครับ อันนี้เรียกตัวเองว่าลูกครับ

    หลวงตา     :     ลูกเหรอ เอาๆ พ่อให้พูดแล้วเอาพูดได้

    โยม            :     เมื่อลูกต้องการไม่จองเวรกับบุคคลที่ลูกมีเรื่องทะเลาะด้วยหรือโกรธให้กันนั้น ลูกอยากอโหสิกรรม ไม่ก่อเวรให้แก่กันอีก ทำอย่างไรจึงจะอโหสิกรรมออกมาจากจิตอย่างแท้จริง เพราะลูกไม่อยากมีการผูกเวรอีกต่อๆ ไป แต่การที่จิตจะปล่อยจากอารมณ์นี้อย่างแท้จริง มักจะไม่เป็นไปโดยง่าย จิตมักจะกระเพื่อมเมื่อเจอกันอีก ลูกอยากที่จะอโหสิกรรมกันจริงๆ โดยเมื่อเจอกันเหมือนไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนเลย ซึ่งการที่จะทำได้นั้นจะเกิดจากการพิจารณาทางปัญญาเท่านั้นใช่ไหมคะ

    หลวงตา     :     อันนี้ก็ใช่ ยังไม่ได้มากอะไรให้เก็บความรู้สึกไว้และกิริยาอย่าให้แสดงออกไปตามที่เป็นการก่อเวร ให้พยายามระงับความคิดเช่นนี้เสมอ ความคิดที่จะก่อกรรมก่อเวรให้ระงับทันที เข้าใจเหรอ ก็มีเท่านั้นแหละ เราไม่ก่ออารมณ์เหล่านั้นไม่เป็นภัย ถ้าเราคิดก่อกรรมก่อเวรกับเขา ก็เป็นก่อกรรมก่อเวรต่อเราอยู่ตลอด เป็นอารมณ์ตลอด เข้าใจไหมล่ะ อารมณ์นี่แหละมันเผาเราเป็นก่อกรรมก่อเวรต่อเรา ถ้าเราไม่ไปคิดถึงเรื่องเขา เราก็ระงับการก่อเวรกับเขา ของเราไม่มีก่อนแล้ว เข้าใจไหม มันก็ไม่มีกรรมเวรกับใคร เอาว่าไป

    โยม           :     อ่านให้จบนะครับ ซึ่งการที่จะทำได้นั้น จะเกิดจากการพิจารณาทางด้านปัญญาเท่านั้นใช่ไหมคะ จึงจะถอดความรู้สึกนี้ออกจากจิตได้ กราบนมัสการขอความเมตตาช่วยแนะนำให้ลูกด้วย 

    หลวงตาแนะนำไปแล้วครับ

    หลวงตา     :     แนะนำไปแล้วก็ถูกต้องแล้ว ให้ถึงขั้นที่มันจะมาตัดกันแล้ว มันเป็นขั้นเป็นตอนของธรรม ธรรมละเอียดเท่าไรๆ เรื่องเหล่านี้มันจะตัดของมันไปด้วยกันๆ ตอนแรกให้เขาทำอย่างนั้นถูกต้องแล้ว ที่เราสอนถูกต้องแล้ว
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]


    พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติสัมพุทโธ (กรรมใดๆๆก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพพระสัมพุทโธ)




    เป็นคาถาที่หลวงพ่อ เงินบางคลานท่านได้เจริญภาวนาทุกวันก่อนบิณฑบาตว่ากันว่าเป็นการแผ่เมตตาไป ยังสัตว์โลกด้วยเพราะปรากฏว่าการเจริญพระคาถานี้ทำให้จระเข้ตัวนึงที่ชื่อ ไอ้สีเลิกอาละวาดทำร้ายคนเดินเรือในแม่น้ำน่านเพราะว่าหลวงพ่อเงินท่านจะ ภาวนาทุกทีตอนที่บิณฑบาต(ทางเรือ)มันจะคอยว่ายน้ำตามเรือไม่ทำอะไรผู้คนจน บางทีถ้าหลวงพ่อเงินท่านจะข้ามแม่น้ำว่ากันว่ามันจะว่ายมาที่แล้วหลวงพ่อเงินก็นั่งบนหลังมันข้ามน้ำไปได้(เป็นคาถาเดียวกับที่สมเด็จโตใช้สะกด จระเข้)ผู้ที่เป็นเจ้าของวิชานี้คือหลวงพ่อใหญ่มืองพิจิตรหนึ่งในอาจารย์ สมเด็จโตและคาถานี้หลวงพ่อไป๋วัดท่าหลวงได้ใช้เสกตะกรุดกระดูกแร้งจนลือ เลื่องด้วย

    ที่มาของพระคาถานี้ว่ากันว่าที่สาวัตถี
    มีตายาย สองคนมีอาชีพหาปลาตลอดชีวิตไม่เคยทำความดีเลย วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยปรมาภิเษกสัมโพธิญาณว่า
    ตากับยายคู่นี้เคยถวายสังฆทานแก่สมเด็จพระพุทธตัณหังกรมาก่อนแต่ ก็มีการยักยอกเงินในสัยพระพุทธเมธังกรผลกรรมเลยต้องตกเป็นคนทุกข์ยากหลาย ชาติพระองค์เห็นว่าสองตายายนี้จะต้องตายไปใน7วัน จึงควรจะสอนให้ภาวนา เพื่อไม่ให้ไปทางอบายรุ่งเช้าพระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปที่ตากับยายพักอาศัย พอไปถึงพระองค์ทรงแสดงพระฉัพพรรณรังสีจนตายายสองคนเลื่อมใส่ได้ห่อข้าวยาคู ใส่บาตร พระองค์ทรงถามว่า อยากรวยไหมตากับยายก็บอกว่าอยากพระองค์บอกว่า ตถาคตจะให้คำภาวนาแล้วจะรวยตายายก็ดีใจแต่ต้องนั่งบ่นภาวนาไปนะห้ามจับปลานะ ตายยายทั้งสองก็รับคำก็นั่งภาวนาคำที่พระพุทธเจ้าทรงให้ก็คือ พุทโธ กัมมัฏฐาโมกรรมมะจุติ สัมพุทโธตายายก็ภาวนา ผ่านไปสิ้น7วันทั้งสองก็ตายลงนายนิริยบาลมารับตัวไปแต่จิตที่ภาวนาไว้ก่อน ตายทำให้ดวงวิญญาณทั้งสองจิตจับที่คำภาวนา
    ภาวนาไปตลอดทางพอไปสำนักพระยายมราช นายบัญชีก็อ่านความดีความเลวของดวงวิญญาณทั้งสองและเรียกวิญญาณกุ้งปลาเต่าที่ ตายายเคยฆ่ามาให้การปรากฏว่าไม่มีใครมาก็มีเต่ามาบอกว่าเธอทั้งสองภาวนาคาถา นี้เป็นการแผ่เมตตาขออโหสิกรรมฉันไม่โกรธเธอหรอกอโหสิกรรมให้

    แล้วเต่าก็ เดินจากไปพระยายมราชจึงเสด็จลงมาจากบัลลังก์ตรัสว่า ไม่มีเจ้าทุกข์ตายายใส่บาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเกิดที่จาตุมหา ราชิกได้

    ตายายก็งงว่าตนได้ฆ่ากุ้งปลาเต่ามามากมายทำไมได้ไปสวรรค์ พระยายมราชบอกว่าก็พระที่พวกเจ้าเจอคือองค์พระพุทธเจ้าและคาถาที่ให้

    พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติ สัมพุทโธ แปลว่ากรรมใดๆๆก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพพระสัมพุทโธนะสิ พวกโจทก์ก็เลยอโหสิกรรมหมดท่านก็ว่าดวงจิตเจ้าทั้งสองผูกกับคำภาวนานี้ผู้ ถึงพระพุทโธเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานไม่อาจลงอบายภูมิได้ไปได้จตุมหาราชิกา ขึ้นไป

    หลังจากนั้นพระโมคคัลานะได้ไปพบเทพบุตรเทพธิดาทั้งสองนี้ จึงได้จดจำพระคาถานี้ไว้ตกทอดมายังพระครูใหญ่วัดเมืองพิจิตรอาจารย์สมเด็จ พระพุฒาจารย์โตและหลวงพ่อเงินบางคลานอีกทีได้เรียนกันจำสืบมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2015
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]


    หมั่นเสกตัวเองให้เป็นพระ พระดีอยู่ที่ใจตนเอง ...ภิกษุ ภิกษุณี เป็นพระอริยเจ้า ในเครื่องแบบ

    อุบาสก อุบาสิกา เป็นพระอริยบุคคล นอกเครื่องแบบ ได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2015
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]



    เรื่องอดีตชาติของหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ผู้ชำนาญกสิณไฟ จนหลวงปู่ชอบ ฐานสโม สอนให้เจริญเมตตา จึงก่อเกิดความร่มเย็นเผื่อแผ่มาถึงศิษยานุศิษย์จนถึงปัจจุบันนี้

    เรื่อง "อดีตชาติของท่านพระอาจารย์เปลี่ยนที่เขาวังเพชรบุรี"

    ปี ๒๕๔๖ ผู้เขียน(วีระศักดิ์ โพธิสัตย์) เข้ามาพักที่วัดป่าเชิงเลนหลังมูลนิธิหลวงปู่มั่น ได้พบกับท่านพระอาจารย์เปลี่ยนอีกครั้งที่นี่ ท่านอาจารย์พัลลภเจ้าอาวาสวัดป่าเชิงเลนศิษย์ผู้พี่ชวนไปสรงน้ำท่านพระอาจารย์เปลี่ยนด้วยกัน ระหว่างสรงน้ำอยู่นั้นท่านอาจารย์เปลี่ยนพูดให้ฟังว่าลูกศิษย์ของท่านนิมนต์ไปเทศน์ที่เพชรบุรี ขากลับลูกศิษย์นิมนต์ท่านไปดูพระตำหนักเขาวังเพชรบุรี ท่านบอกเราก็ไม่เคยไปเขาวังมาก่อนจึงอยากจะไปดู..

    พอไปถึงพระตำหนักเขาวังท่านลงจากรถไปนั่งพักอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อน ท่านนั่งพักอยู่ที่นี่ประมาณสิบนาที มีลิงตัวผู้สองตัวพยายามจะเข้ามากัดท่าน ลิงสองตัวนี้แสดงกิริยาโกรธเกรี้ยวใส่ท่านตั้งแต่แรกเห็นหน้ากัน เจ้าหน้าที่ดูแลพระตำหนักเขาวังและลูกศิษย์ของท่านพากันไล่ลิงสองตัวนี้ให้ออกไปพ้นจากท่าน พอถูกไล่ลิงสองตัวนี้ก็จะหนีออกไปไม่ไกล ลิงทั้งสองพยายามวนเวียนจะลอบเข้ามากัดท่านให้ได้..

    อาจารย์เปลี่ยนท่านพิจารณาในลิงสองตัวนี้ทำไมมันจึงมีความอาฆาตมาดร้ายต่อเรานักหนา ท่านทราบด้วยญาณวิถีความรู้ของท่านว่า อดีตชาติในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเกิดเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นหัวหน้าทหารองค์รักษ์รัชกาลที่ ๕ มียศพันตรี ท่านได้ติดตามมาอารักขาถวายความปลอดภัยพระองค์ท่านที่พระตำหนักเขาวัง..

    ลิงสองตัวนี้เคยเป็นทหารลูกน้องเก่าของท่านมาก่อนในชาตินั้น ลิงตัวหนึ่งเป็นอดีตทหารยศนายสิบ ลิงอีกตัวหนึ่งเป็นพลทหารเกณฑ์..

    ทั้งสองคนตอนชาติเป็นทหารพากันหนีเวรยามแอบหลบไปกินเหล้า พอท่านจับได้ท่านจึงสั่งลงโทษและกักขังทหารทั้งสองนาย ทั้งสองเมื่อถูกท่านลงโทษสั่งขังจึงมีใจเคียดแค้นให้กับท่าน พอพ้นจากโทษแล้วทั้งสองก็วางแผนลอบทำร้ายท่าน แต่แผนการไม่สำเร็จ ทหารทั้งสองนายตายจากชาตินั้นก็มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหมุนเวียนเปลี่ยนชาติที่รอบบริเวณเขาวัง ชาติปัจจุบันพากันมาเกิดเป็นลิงที่เขาวังอีก ด้วยจิตใจที่มีความพยาบาทต่อท่านมาก่อน พอมาเจอกันในชาติปัจจุบันลิงทั้งสองตัวจึงมีใจมุ่งที่จะทำร้ายท่านให้ได้..

    ชาตินั้นท่านบอกเรามีลูกสาวสองคน ปัจจุบันลูกสาวของเราทั้งสองได้มาเกิดเป็นผู้หญิงอีกเหมือนเดิม ลูกสาวคนหนึ่งเกิดอยู่ที่กรุงเทพฯ ลูกสาวอีกคนหนึ่งเกิดอยู่ที่เชียงใหม่ ลูกสาวของท่านทั้งสองก็ได้มาเจอกันกับท่านอีกในชาติปัจจุบัน แต่เป็นการมาเจอกันในฐานะครูบาอาจารย์ผู้เป็นหลักใจให้กับเขาทั้งสอง..

    ชาตินั้นท่านสิ้นอายุขัยเมื่ออายุหกสิบสองย่างหกสิบสาม ตายจากชาตินั้นท่านมาเกิดเป็นรุกเทวดาในเวลาสั้นๆไม่กี่สิบปีของเวลาโลกมนุษย์ ท่านได้รับเมตตาธรรมจากองค์ท่านหลวงปู่มั่นเมื่อครั้งท่านเกิดเป็นรุกเทวดา บุญเมตตาขององค์ท่านหลวงปู่มั่น และบุญบารมีของตนเองที่สร้างมา ทำให้ท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบันโดยเร็ว พอท่านได้มาบวชท่านก็ทำความเพียรปฏิบัติจนรู้ธรรมได้ในปัจจุบัน..

    หลวงปู่ชอบ ท่านพูดถึงท่านพระอาจารย์เปลี่ยนให้ฟัง “ ท่านเปลี่ยนเป็นลูกศิษย์เราที่มีความชำนาญในเรื่องกสิณไฟ เพราะวาสนาเก่าท่านเปลี่ยนเคยเป็นฤษีมาหลายชาติ จิตจึงมีความชำนาญในเรื่องนี้ จริตท่านเปลี่ยนโลดโผนออกรู้ออกเห็นในเรื่องลึกลับเสมอ สมัยท่านเปลี่ยนเป็นพระหนุ่มถ้าตกใจ หรือไม่พอใจขึ้นมา ถ้าเพ่งจิตใส่ใครแล้วผู้นั้นจะเป็นอันตรายได้เลย ท่านเปลี่ยนถามเราว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี เวลาเพ่งมองใครแล้วมันจะพุ่งออกมาจนห้ามจิตไม่ทัน ”..

    “ เราก็ว่ามันเอาแต่กสิณนำหน้านี่ เอากสิณนำหน้ามันก็เป็นแบบนี้แหละ ให้ฝึกจิตมีเมตตามีความชำนาญในเมตตา เมตตาจะเป็นผู้ประคองจิตให้อ่อนโยน ถ้าไม่มีเมตตามาคุมจิตแล้วเวลากสิณพุ่งออกมา ผู้อื่นจะเป็นอันตรายได้ ตัวอย่างอาจารย์ฝั้น(อาจาโร)ท่านก็เคยเป็นมาก่อน นกเค้ามันร้องอยู่บนต้นไม้ขณะท่านกำลังเดินจงกรม ท่านหันขึ้นไปมองนกเค้าแค่นึกในใจของตนเองว่า โห้..นกเค้านี่ อำนาจกสิณของท่านพุ่งใส่นกเค้าจนตกต้นไม้ตาย อาจารย์ฝั้นเองท่านก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายนกเค้า แต่ท่านก็ไม่รู้วิธีควบจิตในตอนนั้น "..

    " อาจารย์ใหญ่มั่นท่านจึงแก้ให้อาจารย์ฝั้นให้เจริญเมตตาให้มากๆ เพราะเมตตาจะเป็นตัวควบจิตไม่ให้แสดงฤทธิ์ออกมาโดยพละการ อาการจิตของท่านเปลี่ยนกับอาการจิตของท่านอาจารย์ฝั้นเป็นอาการเดียวกัน เราจึงให้อุบายธรรมไปเป็นยารักษา เราบอกท่านเปลี่ยนให้ใช้วิธีนี้แก้ไขควบคุมจิตของตนเอง ท่านเปลี่ยนจึงแก้ไขจิตตนเองได้ในเรื่องนี้ ”..

    ขอขอบพระคุณเรื่องราวดีดีจากพ่อแม่ครูจารย์อย่างนี้ คัดลอกเนื้อหามาจากเฟสบุ๊ค วีระศักดิ์ โพธิสัตย์ พี่กล้วย เมืองเลย สาธุครับผม

    ** แก้ไขข้อมูลรูปภาพนิดนึงครับ พระอาจารย์เปลี่ยน มาอุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ ปี พ.ศ.๒๕๑๖ ขณะอายุ ๔๐ ปี ในช่วงออกพรรษาที่ ๑๕ ครับ (ไม่ใช่พรรษา ๑๖ พิมพ์ผิด)
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...