ติดตามสถานะการณ์

เศรษฐีจีนทุ่ม 270 ล้าน จ้างนางเอกAVผูกขาด15ปี ในภาวะอำนาจซื้อจีนรุกคืบตลาดญี่ปุ่น updated: 14 พ.ค. 2558 เวลา 21:00:47 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



มหาเศรษฐีชาวจีนทุ่มเงินเกือบ 1,000 ล้านเยน เซ็นสัญญาผูกขาดว่าจ้างนางเอกหนังเอวีชาวญี่ปุ่นมาเป็นเลขานุการส่วนตัว ระยะเวลานานถึง 15 ปี ด้านเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ชี้ว่า เรื่องนี้สื่อถึงอำนาจซื้อของจีนที่เข้ามารุกคืบในญี่ปุ่น เป็นเรื่องปกติในภาคธุรกิจที่ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่สามารถต้านทานอำนาจเงินหยวนของจีนได้อีกต่อไป

สำนักข่าว The Tokyo Reporter รายงานว่า มหาเศรษฐีหนุ่มชาวจีนรายหนึ่งทุ่มเงินว่าจ้างอดีตนางเอกภาพยนตร์เอวีสุดฮอต "โรล่า มิซาดิ " หรือชื่อในวงการคือ ทากิซาวะ โรล่า มาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว ด้วยเงินว่าจ้างชดเชยจำนวน 965 ล้านเยน หรือราว 271 ล้านบาท โดยได้เซ็นสัญญาผูกขาดยาวนานถึง 15 ปีเต็ม

เว็บไซต์ Nikkan Gendai ระบุว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สื่อถึงอำนาจซื้อของจีนที่เข้ามารุกคืบในญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันที่ญี่ปุ่นไม่สามารถต้านทานอำนาจเงินหยวนของจีนได้อีกต่อไป ชาวญี่ปุ่นทำได้เเค่เฝ้าดูเรื่องเเบบนี้เกิดขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น

รายงานจากสำนักข่าวในจีน ระบุว่า มหาเศรษฐีปริศนารายนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงของจีน เป็นเจ้าของสินทรัพย์มากมาย เฉพาะสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ก็มีมูลค่าถึงหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯแล้ว อีกทั้ง ในรายงาน ยังระบุอีกว่า เศรษฐีรายนี้เป็นนักจ่ายตัวยง ใช้เงินฟุ่มเฟือย จนถึงขั้นเคยจ่ายทิปกว่าล้านบาทมาแล้ว

โดยนักธุรกิจรายนี้ได้ชื่นชมสาวโรล่า มิซาดิ มานาน ตอนนี้จึงยอมทุ่มเงินกว่า 50 ล้านหยวน หรือ 965 ล้านเยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 271 ล้านบาทเพื่อเซ็นสัญญาว่าจ้างผูกขาดกับเธอ โดยต้องทำงานอยู่กับเศรษฐีจีนคนนี้เป็นเวลาถึง 15 ปี ซึ่งนอกจากอาชีพเป็นเลขาส่วนตัวแล้ว เขายังจะสนับสนุนให้ลอร่าโด่งดังในวงการบันเทิงประเทศจีนอีกด้วย

รายงาน ระบุว่าเศรษฐีชาวจีนผู้ลึกลับรายนี้ยังไม่เปิดเผยตัวเเน่ชัด แต่ไม่นานมานี้ในงานอีเว้นท์เปิดตัวเกมงานหนึ่ง ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา สาวโรล่าได้ไปร่วมงานพร้อมกับชายปริศนาที่สวมหน้ากากเสือปิดบังใบหน้า ทำให้เชื่อว่าชายคนดังกล่าวน่าจะเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงจีนผู้นั้นอย่างเเน่นอน

สาวโรล่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-รัสเซียวัย22 ปี เธอมีผลงานเอวีออกมาจำนวนไม่น้อย ถือหนึ่งในบรรดาสนักเเสดงเอวีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน โดนเริ่มเเรกเปิดตัวในวงการหนังเอวีกับค่ายใหญ่อย่าง Prestige ด้วยความคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จอย่างมากจากหน้าตาลูกครึ่งสุดสวยกับหน้าอกคัพดี โดยช่วงเเเรกหลายฝ่ายต่างออกมาฮือฮาว่า ในอนาคตเธอน่าจะโด่งดังเทียบเท่านางเอกเอวีรุ่นพี่คนดังอย่าง มาเรีย โอซาว่า หรือ มิยาบิ เลยทีเดียว

แต่ทว่า ในที่สุด โรล่าก็ไม่ได้โด่งดังเป็นพลุเเตกอย่างที่คาดไว้ ในช่วงหลังๆเธอมีผลงานออกมาไม่มากนัก ก่อนจะประกาศหยุดรับงานเเสดงเอวีไปเงียบๆ จึงถือว่าเป็นดาราที่มีชื่อเสียงเเค่ระดับกลางๆในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ถ้าในฝั่งเเดนมังกรแล้วถือว่าเธอได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเลยทีเดียว โดยตั้งเเต่ปี 2013 โรล่าเริ่มทำงานในวงการบันเทิงจีน จากนั้นก็มียอดผู้ติดตามเธอใน Sina Weibo หรือทวิตเตอร์ของจีน มากถึง 4.8 ล้านผู้ติดตาม

ด้านผู้สื่อข่าว เอจิ มิยางิ ระบุว่า ในหลายปีที่ผ่านมาดาราเอวีจากประเทศญี่ปุ่นแทบจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการบันเทิงจีนไปเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าลองถามชาวจีนว่ารู้จักคนดังชาวญี่ปุ่นบ้างหรือเปล่า หลายคนคงจะตอบเป็นชื่อดาราเอวีออกมาแน่ๆ

เเม้กระเเสข่าวการทุ่มเงินมหาศาลของมหาเศรษฐีจีนเพื่อเซ็นสัญญาผูกขาดกับอดีตนางเอกเอวี จะเป็นเรื่องที่สร้างความตกตะลึงให้แก่หลาย คน ทว่าด้านผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ชี้ว่า เหตุการณ์นี้คือเรื่องปกติในภาคธุรกิจระหว่างจีนกับญี่ปุ่นไปแล้วหากจะดูตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในด้านสถานให้บริการในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า300% ในปี 2014

ทาคุยะ อิวานามิ นักเขียนบทความด้านเศรษฐกิจ ให้ความคิดเห็นว่า ในปัจจุบันนี้บรรดาอพาร์ตเม้นท์สุดหรูในญี่ปุ่นถูกกว้านซื้อโดยชาวจีนไปหมดแล้ว เงินหยวนในมือของชาวจีนทำให้ทุกอย่างในญี่ปุ่นราคาถูกลงหมดเเล้ว ส่วนเงินพันล้านเยนนั้นก็แค่เศษเงินของเขาเท่านั้น

เเปลเเละเรียบเรียงจาก TokyoReporter.com

เศรษฐีจีนทุ่ม 270 ล้าน จ้างนางเอกAVผูกขาด15ปี ในภาวะอำนาจซื้อจีนรุกคืบตลาดญี่ปุ่น : ประชาชาต

 

EBRD เล็งลงทุนในกรีซ รอผลเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้
updated: 15 พ.ค. 2558 เวลา 21:18:18 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ธนาคารพัฒนาเพื่อการบูรณะและพัฒนายุโรป (European Bank of Reconstruction and Development - EBRD) ที่แสดงความสนใจที่จะลงทุนในกรีซก่อนหน้านี้นั้น กำลังรอฟังผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซ และเจ้าหนี้ ก่อนที่จะตั้งเงื่อนไขและวางแผนลงทุนในอนาคต

นายซูมา จักรพรรดิ ประธานธนาคาร EBRD ระบุในระหว่างการประชุมประจำปีที่กรุงทบิลิซี ของประเทศจอร์เจีย ว่า EBRD จะประเมินการลงทุนในกรีซ หลังจากที่ได้ทราบเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีแห่งกรีซกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และสหภาพยุโรป เจ้าหนี้ แต่อย่างไรก็ตาม นายจักรพรรดิระบุว่า มีความจำเป็นที่ EBRD จะต้องลงทุนในกรีซ และจะเป็นประเทศที่ EBRD ให้ความสนใจเป็นพิเศษในปีนี้

โดยหลังจากที่กรีซร้องขอให้มีการเพิ่มการลงทุนในประเทศ EBRD เปิดเผยเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาว่า จะจัดตั้งโครงการการลงทุนเป็นระยะเวลา 5 ปี ในประเทศกรีซ โดยยังไม่กำหนดตัวเลขในการลงทุนที่แน่นอน ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้มีการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของกรีซ และเตือนว่า กรีซอาจต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้ง หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ในเรื่องเงื่อนไขในการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ได้เงินกู้ยืมเพิ่มอีก 7.2 พันล้านยูโร

นอกจากนี้ EBRD ยังระบุว่า เศรษฐกิจของกรีซ ที่ขยายตัวราว 0.8% ในปี 2557 นั้นอาจทำให้เกิดการชะลอตัวในการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และอาจจะขยายตัวอีกราว 2% ในปี 2559 หากการเจรจาสำเร็จ



EBRD เล็งลงทุนในกรีซ รอผลเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ฝรั่งเศสเสนอคืนเงิน 785 ล้านยูโรให้รัสเซีย เพื่อยกเลิกสัญญาซื้อขายเรือรบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 19:52 น.



เอเอฟพี - มีรายงานในวันศุกร์ (15 พ.ค.) ที่ระบุว่า ฝรั่งเศสได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 785 ล้านยูโรให้แก่รัสเซีย เพื่อยกเลิกสัญญาขายเรือรบ 2 ลำ ที่ถูกดองไว้นานไม่มีการส่งมอบ เนื่องจากวิกฤติในยูเครน

แหล่งข่าวด้านกลาโหมของรัสเซียได้บอกกับหนังสือพิมพ์คอมเมอร์ซอง ว่ารัฐบาลรัสเซีย กระทรวงกลาโหม รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายเรือรบเมื่อปี 2011 กำลังศึกษาเอกสารข้อเสนอดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สื่อแดนหมีขาวเจ้านี้ได้รายงานว่า ทางการรัสเซียดูจะไม่ค่อยพอใจกับข้อเสนอจากทางฝ่ายฝรั่งเศส โดยทางกระทรวงกลาโหมหมีขาวอ้างว่า บรรดาบริษัทของรัสเซียมีค่าใช้จ่ายถึง 1.16 พันล้านยูโร ในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรือรบ 2 ลำนั้น

เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้นมิสทรัล 2 ลำ ได้บ่อนทำลายความสัมพันธ์รัสเซีย-ฝรั่งเศส มานานนับปีแล้ว หลังจากที่ทางแดนน้ำหอมตัดสินใจแช่แข็งข้อตกลงที่มีมูลค่า 1.2 พันล้านยูโรนี้ เพื่อตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากปัญหาการผนวกไครเมียกับเรื่องการสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครน

เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีรัสเซีย "วลาดิมีร์ ปูติน" ทำทีเหมือนเรือรบพวกนี้ไม่สำคัญ โดยอ้างว่าที่รัสเซียสั่งซื้อเรือรบพวกนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อช่วยธุรกิจอู่ต่อเรือของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากได้เงินคืน หากไม่ได้รับสินค้า

"เราไม่ได้วางแผนที่จะเรียกร้องให้มีการลงโทษหรือเรียกค่าปรับแพงลิบลิ่ว แต่เงินทั้งหมดที่จ่ายไปควรจะได้คืนมา" ผู้นำรัสเซียกล่าว

ในขณะที่คอมเมอร์ซองรายงานว่า ทางฝรั่งเศสได้เสนอที่จะคืนเฉพาะเงินที่จ่ายไปตามข้อตกลงการซื้อขาย แต่รัสเซียอยากให้คืนเงินในส่วนอื่นด้วย อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนลูกเรือ 400 คน กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ท่าเรือในวลาดิวอสต็อค ซึ่งจะถูกใช้เป็นฐานจอดเรือ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055573

 

จีนทุ่มเม็ดเงินร่วม 50 พันล้านดอลลาร์ ลงทุนในระบบสาธารณูปโภคบราซิล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 11:52 น.



เอเจนซีส์ – ข้อตกลงการลงทุนจำนวนร่วม 50 พันล้านดอลลาร์ในโครงการระบบสาธารณูปโภคของบราซิลนั้นคาดว่าจะสามารถลงนามร่วมกันผ่านตัวแทนของสถาบันการเงินของทั้งสองชาติในระหว่างการเยือนบราซิลของนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียงในสัปดาห์หน้า

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(15)ว่า ในการเยือนบราซิลอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านั้นจะมีการลงนามความร่วมมือทางการลงทุนระหว่างทั้งสองชาติด้วยเม็ดเงินถึง 50 พันล้านดอลลาร์ผ่านตัวแทนสถาบันการธนาคารของทั้งจีนและบราซิล

ซึ่งคาดว่าเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้เพื่อสร้างระบบรางเชื่อมจากชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของบราซิลไปจรดฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของของบราซิล เพื่อจะทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าของจีนถูกลง

นอกจากนี้เงินจำนวนนี้จะนำไปก่อตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสองชาติเพื่อผลิตเหล็กกล้า เพราะในขณะนี้บราซิลถือเป็นประเทศที่ป้อนแร่เหล็กให้กลับจีนเป็นจำนวนมาก

โฮเซ กราเซีย ลิมา (Jose Graca Lima)ตัวแทนรัฐบาลบราซิลที่รับผิดชอบกิจการด้านเอเชียและโอเซียเนียให้ความเห็นว่า “เราควรต้องรอจนกว่าการเยือนจะสิ้นสุดลงเพื่อที่จะสามารถทราบได้ว่า โปรเจกต์ใดบ้างที่จะได้รับเงินอุดหนุน”

และนอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมว่า เม็ดเงินการลงทุนนอกจากจะทุ่มไปยังระบบขนส่งทางรางแล้ว คาดกันว่าจะถูกนำมาใช้ในการลงทุนผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมการพลังงาน ท่าเรือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยน้ำ

บราซิลที่เคยเป็นประเทศซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุด แต่ทว่ากลับประสบปัญหาเศรษฐกิจชะงักงันในช่วง 5 ปีล่าสุด นอกจากนี้ข่าวฉาวการคอรัปชันในบริษัทพลังงานที่มีรัฐบาลบราซิลเป็นเจ้าของ Petrobras ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับนักการเมืองชั้นนำของบราซิล และยังทำให้สังคมชาวบราซิลต่างเอือมระอา

ทั้งนี้นอกจากบราซิลแล้ว ผู้นำจีนยังมีกำหนดเยือนโคลัมเบีย เปรู และชิลีอีกด้วย

ในเดือนมกราคมล่าสุด ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงได้ประกาศทุ่มเม็ดเงิน 250 พันล้านดออลาร์เพื่อลงทุนในแถบลาตินอเมริกาเป็นระยะเวลา 10 ปี

 

ไต้หวันเข้ม! ใช้กฎเหล็กจำกัดการนำเข้า “อาหารจากญี่ปุ่น” หลังพบทำฉลากปลอม!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 16:45 น.



เอเอฟพี – วันนี้(15)ไต้หวันประกาศใช้กฎใหม่ที่เข้มงวดเพื่อจำกัดการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่น หลังพบมีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นเป็นจำนวนหลายร้อยชิ้นที่ถูกพบว่ามีการปลอมแปลงฉลากผลิตภัณฑ์ว่า มีการแจ้งเท็จถึงแหล่งที่มาอาหารเหล่านั้นไม่ได้มาจากบริเวณรอบเขตภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ซึ่งทางไต้หวันได้ประกาศห้ามนำเข้าอาหารที่ผลิตได้จากบริเวณนี้จาก 5 แห่งนับตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งนับตั้งแต่นี้ผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นจะต้องได้รับใบรับรองยืนยันว่า “ไม่ได้มาจากแหล่งการเกษตร 5 แห่งใกล้กับเขตภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ” และอาจมีบางผลิตภัณฑ์ต้องมีใบรับรองปลอดสารกัมมันตภาพรังสี

นับตั้งแต่วันศุกร์(15)นี้รัฐบาลไต้หวันได้เริ่มใช้มาตรการใหม่ในการควบคุมการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าต้องได้รับการรับรองว่าไม่ได้มีที่มาจากเขต 5 แห่งที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ฟูกูชิมะปี 2011 ซึ่งทางไต้หวันได้ประกาศห้ามการนำเข้าเด็ดขาดไม่กี่เดือนหลังจากเกิดเหตุในปีนั้น

นอกจากนี้อาหารบางประเภทอาจต้องได้ใบรับรองยืนยันการปลอดสารกัมมันตภาพรังสีกำกับมาอีกด้วย กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันแถลง

การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของไต้หวันมีขึ้นหลังจากมีนาคมที่ผ่านมา พบผลิตภัณฑ์นำเข้าจากญี่ปุ่นจำนวนมาถูกเรียกคืนเนื่องจากมีการปลอมแปลงฉลากสินค้า ปกปิดถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ที่ภายหลังพบว่ามาจากแหล่งภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ

“มาตรการนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องสุขภาพผู้บริโภคชาวไต้หวัน ซึ่งรัฐบาลและบริษัทสมควรที่ต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัย” กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันกล่าวผ่านแถลงการณ์

ทั้งนี้อาหารญี่ปุ่นนั้นโด่งดังและเป็นที่นิยมมากในไต้หวัน ซึ่งหนังสือพิมพ์ไต้หวัน แอปเปิล เดลี รายงานว่า เนื่องจากมาตรการใหม่ที่ออกมาเป็นผลทำให้อาจมีการขาดตลาดในส่วนของช็อกโกแลตแบรนด์ซึ่งเป็นที่นิยม และอาหารบรรจุกล่องพร้อมทานภายใน 3 เดือน

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไต้หวันในกาสืบสวนหาข้อเท็จจริงถึงการปกปิดฉลากอาหารครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันได้เร่งเร้าให้ไต้หวันยกเลิกมาตรการสกรีนนิงนี้โดยเร็ว “การปลอมแปลงฉลากและความปลอดภัยทางอาหารนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งทางญี่ปุ่นจะยังคงยืนยันเพื่อทำให้รัฐบาลไต้หวันและชาวญี่ปุ่นเข้าใจถึงความปลอดภัยอาหารญี่ปุ่น และหวังว่าในอนาคตทางรัฐบาลไต้หวันจะผ่อนคลายมาตรการนี้”

 

3 รัฐแถบบอลติกร้อง “นาโต” ช่วยส่งกำลังรบมาคุ้มครอง หวั่นถูกรัสเซียคุกคาม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 21:18 น.



เอเจนซีส์-ทางการลิธัวเนียแถลงเตรียมจับมือชาติเพื่อนบ้านแถบทะเลบอลติกออกข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ส่งกำลังทหารเข้ามาประจำการถาวรในภูมิภาค เพื่อช่วยป้องปรามภัยคุกคามจากรัสเซีย

รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างร้อยเอก มินเดากาส เนมอนตาส หนึ่งในทีมโฆษกของกองทัพลิธัวเนียระบุว่า ลิธัวเนีย ลัตเวีย และเอสโทเนีย จะยื่นข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้นาโตส่งกำลังทหารในระดับ “กองพัน” เข้ามาประจำการถาวรในทั้งสามประเทศ เพื่อช่วยรัฐแถบทะเลบอลติกรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากรัสเซีย

ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมเผยว่า ขณะนี้พลเอก ฟิลิป บรีดเลิฟ แม่ทัพใหญ่ชาวอเมริกันของนาโตได้รับทราบถึงข้อเรียกร้องของทั้งลิธัวเนีย ลัตเวีย และเอสโทเนียแล้ว และตระหนักดีถึงความกังวลของรัฐแถบบอลติกต่อภัยคุกคามที่ก่อโดยรัฐบาลมอสโก แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า นาโตจะสามารถจัดสรรกำลังพลเข้าประจำการในทั้ง 3 ประเทศได้หรือไม่ และได้มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาได้ส่งกำลังทหารอเมริกันราว 600 นายเข้าประจำการในรัฐแถบบอลติก และโปแลนด์ในแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแทนการประจำการถาวร เนื่องจากการส่งกำลังทหารเข้าประจำการถาวรในยุโรปตะวันออกจะถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงที่นาโตทำไว้กับรัสเซียเมื่อปี 1997 และอาจเป็นการก่อความตึงเครียดเพิ่มเติมระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซีย นอกเหนือไปจากการเผชิญหน้าเพราะ “วิกฤตยูเครน”

3

 

เตือนมีคลิปโป๊เด็กในมือถือ รีบลบทิ้ง!ถูกจับ-โทษหนัก | เดลินิวส์

„เตือนมีคลิปโป๊เด็กในมือถือ รีบลบทิ้ง!ถูกจับ-โทษหนัก ปลัดยธ.เตือนปชช.มีคลิปโป๊เด็กต่ำกว่า 18 ปี ให้ลบทิ้งทันที เสียดายมีสิทธิติดคุก ย้ำตร.ห้ามละเมิดชาวบ้านเรียกตรวจมือถือตามใจชอบ วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 16:48 น.



เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงกรณีที่ที่ประชุม สนช. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ในวาระที่ 3 ว่า ภายหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเษกษา จะมีผลบังคับใช้แก่คนไทยทุกคนในอีก 90 วัน โดยกฎหมายดังกล่าวมีสาระสำคัญเพื่อคุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อไม่ให้บุคคลนำไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือคลิปวิดิโอ ดังนั้นประชาชนที่ครอบครองคลิปวีดีโอโป๊เด็กที่อายุต่ำว่า 18 ปี อยู่ในโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ จะถือว่ามีความผิด แต่จะต้องดูจากเจตนาของบุคคลที่ครอบครองว่าจะนำภาพดังกล่าวไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ทางเพศของเด็กหรือไม่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรเปิดดูหรือบันทึกคลิปวีดีโอดังกล่าวเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ขอให้ลบทิ้งทันที หากฝ่าฝืนแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในขณะที่ผู้ส่งคลิปวีดีโอหรือภาพลามกของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่งต่อไปให้ผู้อื่น ก็จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่มีไว้เพื่อจำหน่าย ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับ 60,000– 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกต่อกฎหมายฉบับนี้ เพราะหากไม่มีเจตนาที่จะครอบครอง ก็ถือว่าไม่มีความผิด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปทำความเข้าใจของเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ให้ใช้ดุลยพินิจไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน และไม่ใช่อยู่ๆจะไปขอตรวจค้นโทรศัพท์มือถือของประชาชนโดยไม่มีเหตุหรือหลักฐานที่เชื่อได้ว่าบุคคลดังกล่าวจะครอบครองสื่อลามกจริงนั้น.“

อ่านต่อที่ : เตือนมีคลิปโป๊เด็กในมือถือ รีบลบทิ้ง!ถูกจับ-โทษหนัก | เดลินิวส์

 

จีนลากคอพวกกังฉินจากต่างแดนรับโทษ | เดลินิวส์

„จีนลากคอพวกกังฉินจากต่างแดนรับโทษ จีนควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทุจริตคอร์รัปชั่น จาก 32 ประเทศได้ 150 คน หลังจากหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกวาดล้างการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลจีน วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:11 น.



สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ว่า หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยประพฤติทุจริตคอร์รัปชั่นกลับประเทศจำนวน 150 คนจาก 32 ประเทศ ขณะที่ รัฐบาลแดนมังกรเอาจริงในการปฏิบัติการกวาดล้างการกระทำความผิดก่ออาชญากรรมด้านเศรษฐกิจ เข้มข้นมากขึ้น ในจำนวนผู้ต้องสงสัยทั้งหมดนี้ มีอยู่ 8 คนหลบหนีออกจากประเทศ ไปเสวยสุขอยู่ในต่างประเทศมานานกว่า 10 ปี และมีอยู่ 44 คน เกี่ยวข้องกับคดีที่เกี่ยวโยงการฉ้อโกงเงินจำนวนหลายสิบล้านหยวน โดยไชน่า เดลี อ้างคำกล่าวของเก๋า เฟิง หัวหน้าสำนักงานปราบปรามการก่ออาชญากรรมด้านเศรษฐกิจของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ หรือเอ็มพีเอส การปฏิบัติการ “ล่าสุนัขจิ้งจอก” ถูกกำหนดขึ้นโดยรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว เพื่อตามล่าตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งหลบหนีออกจากจีนไปขอลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ พร้อมกับนำเงินจำนวนมหาศาลติดตัวไปด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์กวาดล้างปัญหาคอร์รัปชั่นในวงราชการที่นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยนายเก๋า กล่าวว่า มีคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอยู่ถึง 100,000 คดี เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนเกือบ 192,000 ล้านหยวน หรือ 30,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 990,720 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นการระดมเงินทุนอย่างผิดกฎหมายจากประชาชน, ฉ้อโกงเครดิตการ์ด และผลิตพันธบัตรปลอมในจีนแผ่นดินใหญ่ ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เอ็มพีเอส ระบุว่า จับตัวผู้กระทำความผิดได้ 680 คนจากเดือนก.ค.ถึง ธ.ค.ปีที่แล้ว“

อ่านต่อที่ : จีนลากคอพวกกังฉินจากต่างแดนรับโทษ | เดลินิวส์

 

อนาคตบนเส้นด้ายของร้านอาหารริมถนนในฮ่องกง | เดลินิวส์



„อนาคตบนเส้นด้ายของร้านอาหารริมถนนในฮ่องกง "ไต้ ไผ่ ตง" ( Dai Pai Dong ) หรือร้านอาหารแบบแผงลอยที่ขายอยู่ตามทางเท้าหรือริมถนน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวฮ่องกงมานาน ทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความเจริญทางสังคมที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:40 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า "ไต้ ไผ่ ตง" หรือร้านอาหารข้างถนนแบบแผงลอย ถือเป็นเสน่ห์ที่อยู่คู่กับการพัฒนาทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดของเกาะฮ่องกงมานานหลายทศวรรษ ด้วยเอกลักษณ์ของการปรุงอาหารที่รวดเร็ว ราคาไม่แพง และมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่ชามโต ข้าวหน้าเนื้อ หรือแซนด์วิชสอดไส้เนยถั่วหรือแยม ที่เสิร์ฟพร้อมชานมรสเข้มข้น อย่างไรก็ตาม กาลเวลาที่ผ่านเลยและพัฒนาการทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ซึ่งจำนวนประชากรในปัจจุบันอยู่ที่ 7 ล้านคน ส่งผลให้จำนวนร้านอาหารประเภทนี้ลดลงเหลือที่นับอยู่ได้เพียง 24 แห่ง ภาพแผงลอยขายอาหารที่เป็นครัวเปิด พร้อมเสียงตะหลิวกระทบกับกะทะที่ผัดอาหารจนขวันโขมง ก่อนเสิร์ฟมาในภาชนะพลาสติกหรือจานสังกะสี และการมีเพียงตะเกียบใส่กระปุกวางเอาไว้บนโต๊ะเพื่อบริการลูกค้ากำลังจะหายไปพร้อมกับตึกระฟ้าที่ผุดขึ้นมาแทนที่ ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงมองการปิดกิจการอย่างต่อเนื่องของไต้ ไผ่ ตง ว่าเป็น "การลดจำนวนตามธรรมชาติ" เนื่องจากนับตั้งแต่อังกฤษมอบเกาะฮ่องกงกลับคืนสู่จีนเมื่อปี 2540 รัฐบาลปักกิ่งผลักดันให้มีการปฏิรูปความสะอาดของร้านอาหารในฮ่องกง เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และด้วยเหตุที่ร้านอาหารลักษณะนี้ได้รับการร้องเรียนเป็นระยะ ว่าความสะอาดได้มาตรฐานเพียงใด และการปรุงอาหารกลางแจ้งเช่นนี้ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงและอากาศรบกวนประชาชนหรือไม่ ทางการฮ่องกงจึงยังไม่แสดงท่าทีเรื่องการอนุรักษ์ไต้ ไผ่ ตง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม แต่สั่งให้เจ้าของกิจการปรับปรุงความสะอาดแทน อนาคตของไต้ ไผ่ ตง ที่เหลืออยู่ในฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครให้คำตอบได้อย่างชัดเจน แต่ชาวฮ่องกงรุ่นเก่ากล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยให้ร้านอาหารแบบพื้นบ้านที่สมควรได้รับการอนุรักษ์เอาไว้จนถึงรุ่นลูกหลานเช่นนี้หายไปเองตามกาลเวลาโดยไม่คิดทำสิ่งใดเลย แต่กลับปล่อยให้เครือร้านอาหารจากตะวันตกเข้ามาเปิดกิจการแทบทุกหัวมุมถนน“

อ่านต่อที่ : อนาคตบนเส้นด้ายของร้านอาหารริมถนนในฮ่องกง | เดลินิวส์

อนาคตบนเส้นด้ายของร้านอาหารริมถนนในฮ่องกง | เดลินิวส์

 

สหรัฐเรียกความมั่นใจมหาอำนาจอาหรับเรื่องอิหร่าน | เดลินิวส์



„สหรัฐเรียกความมั่นใจมหาอำนาจอาหรับเรื่องอิหร่าน รัฐบาลวอชิงตันยืนยันการอยู่เคียงข้างและให้ความสนับสนุนกลุ่มประเทศมหาอำนาจอาหรับ หลังเกิดความตึงเครียดจากการที่สหรัฐบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 9:27 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงร่วมกับตัวแทนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย ( จีซีซี ) ทั้ง 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ บาห์เรน คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) และโอมาน หลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันระหว่างวันพุธ-วันพฤหัสบดี ที่แคมป์เดวิด ในรัฐแมริแลนด์ ยืนยันรัฐบาลวอชิงตันพร้อมช่วยเหลือพันธมิตรจีซีซีในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ อย่างไรก็ตาม โอบามาเลี่ยงกล่าวถึงการเสนอข้อตกลงความร่วมมือทางทหารอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งที่จีซีซีเรียกร้องมาเป็นเวลานาน แต่ย้ำเรื่องการให้ความสนับสนุนกลุ่มประเทศมหาอำนาจแห่งโลกอาหรับในการเผชิญกับ "กิจกรรมบ่อนทำลายความมั่นคง" ของอิหร่าน และเสนอแผนการติกตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ ตลอดจนการเพิ่มความร่วมมือในการซ้อมรบ และการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์แทน ด้านบรรดาผู้สันทัดกรณีมองว่า ผู้นำสหรัฐแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความพยายามผ่อนคลาย "ความกังวล" ของจีซีซีในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน หลังรัฐบาลวอชิงตันและมหาอำนาจโลกอีก 5 ประเทศ สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกับรัฐบาลเตหะรานเมื่อเดือนที่แล้ว ปูทางสู่การลงนามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายในสิ้นเดือนมิ.ย. เพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของรัฐบาลเตหะราน ที่จะมาพร้อมกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ แต่ทรงมอบหมายให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ มกุฎราชกุมาร และเจ้าชายโมฮัมเมห็ด บิน ซัลมาน รองมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทน เรียกเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า เป็นเพราะพระองค์ทรงไม่พอพระทัยเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน“

อ่านต่อที่ : สหรัฐเรียกความมั่นใจมหาอำนาจอาหรับเรื่องอิหร่าน | เดลินิวส์

 

เป็ดไล่ทุ่งล้มตายด้วยโรคปริศนากว่า 60 ตัว | เดลินิวส์



„เป็ดไล่ทุ่งล้มตายด้วยโรคปริศนากว่า 60 ตัว เป็ดไล่ทุ่งป่วยเป็นโรคประหลาด ชักล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุพร้อมกันกว่า 60 ตัว ขณะอีกหลายตัวมีอาการป่วยซึม คาดทยอยตายเพิ่ม เจ้าหน้าที่เร่งเก็บตัวอย่างน้ำ อาหาร และซากไปตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัด หวั่นเป็นโรคระบาด วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:06 น.

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. นายสุทธิ กงเกตุ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเป็ดป่วยและล้มตายไม่ทราบสาเหตุพร้อม ๆกันกว่า 60 ตัว จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังทอง เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก โดยสถานที่ที่พบเป็ดป่วยล้มตายปริศนาจำนวนมาก อยู่ที่บ้านเลขที่ 336 บ้านสีธนูทิศ หมู่ 15 ของนายอำนวย เชียงแสน อายุ 60 ปี โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนต้อนฝูงเป็ดออกไปหากินในทุ่งตามปกติ และพบว่าทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งใกล้เที่ยงสังเกตพบว่าเป็ดเริ่มทยอยชัก มีอาการสำรอกอาหาร ก่อนจะล้มตาย เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จึงได้เก็บตัวอย่างข้าวเปลือกอาหาร น้ำในบึง และซากเป็ดที่ตาย 4 ตัวไปผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายที่ห้องแล็บ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจเป็นโรคระบาด นายอำนวย กล่าวอีกว่าเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบยังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับสาเหตุการตายของเป็ดจำนวนมาก เพราะเป็ดที่เลี้ยงไว้ โดยปกติแข็งแรงดี แต่หลังจากกินอาหารประมาณครึ่งชั่วโมงเริ่มล้มป่วยชักและตายลงจำนวนมาก ซึ่งในปากเป็ดยังมีเศษข้าวเปลือกติดคาอยู่ทุกตัว ตนได้สอบถามไปยังเจ้าของข้าวเปลือกว่าผสมยาหรือสารเคมีใดหรือไม่ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นเมล็ดข้าวเปลือกที่ไม่ได้ผสมสารเคมี สำหรับเป็ดไล่ทุ่งดังกล่าว นายอำนวย ได้ซื้อมาเลี้ยงเมื่อวันที่ 18 เม.ย. จำนวน 382 ตัว ในราคา 36,000 บาท ออกไข่และเก็บไข่ขายได้วันละ 6-7 แผง หรือเกือบวันละ 200 ฟอง ส่งขายแผงละ 40 บาท ทุกวันกำลังเริ่มมีรายได้ แต่กลับมาเกิดปัญหาล้มตายจำนวนมาก ส่วนกลุ่มที่เหลือบางตัวก็หาอาหาร และว่ายน้ำหากินได้ตามปกติ โโยเท่าที่สังเกตพบว่าเป็ดที่ติดโรค ก้นจะชี้ฟ้าเวลาว่ายน้ำตัวจะจม ลอยตัวอยู่ในน้ำไม่ได้ คาดว่าจะทยอยล้มตายอีกในไม่ช้า. “

อ่านต่อที่ : เป็ดไล่ทุ่งล้มตายด้วยโรคปริศนากว่า 60 ตัว | เดลินิวส์

เป็ดไล่ทุ่งล้มตายด้วยโรคปริศนากว่า 60 ตัว | เดลินิวส์

 

ซ่อนอะไรในกอไผ่?? 'ตี ปตท.สผ.' สกัดเต็ง1 เก้าอี้ ปตท. | เดลินิวส์



„ซ่อนอะไรในกอไผ่?? 'ตี ปตท.สผ.' สกัดเต็ง1 เก้าอี้ ปตท. มองแง่นี้อาจไม่แปลกเท่าไร เมื่อเสียผลประโยชน์ก็ย่อมร้องเรียนเพื่อปกป้องตนเอง แต่ปัญหาคือ ปตท.สผ. มีการเซ็นสัญญากับเจ้าใหม่ คือ บริษัท ยูไนเต็ด ออฟชอร์ เอวิเอชั่น จำกัด มาตั้งแต่ปลายปี 2556 แล้ว นั่นคือ ผ่านมาเป็นปีแล้ว... วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 6:30 น.

เป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับผู้คนใน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. รวมทั้ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้ที่สนใจเรื่องราวในแวดวงพลังงาน เมื่อจู่ ๆ มีข่าว นายทิษณุ รัตนะรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟเอส เอวิเอชั่น จำกัด (สีชังฟลายอิ้งเซอร์วิส) เข้าร้องเรียน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ว่า มีความไม่โปร่งใสในการให้สัมปทานบริการจ้างเหมาเฮลิคอปเตอร์ ตาม TOR NO.OLG-13-0151 เพื่อรับขนส่งคนและอุปกรณ์จากฐานปฏิบัติการชายฝั่งออกไปยังแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมกลางทะเล ที่มีอายุ 7 ปี มีมูลค่าประมาณ 1-1.5 หมื่นล้าน โดย เอสเอฟเอส เอวิเอชั่น เป็นผู้ได้รับสัมปทานจาก ปตท.สผ.มาก่อน มองแง่นี้อาจไม่แปลกเท่าไร เมื่อเสียผลประโยชน์ก็ย่อมร้องเรียนเพื่อปกป้องตนเอง แต่ปัญหาคือ ปตท.สผ. มีการเซ็นสัญญากับเจ้าใหม่ คือ บริษัท ยูไนเต็ด ออฟชอร์ เอวิเอชั่น จำกัด มาตั้งแต่ปลายปี 2556 แล้ว นั่นคือ ผ่านมาเป็นปีแล้ว... เหตุไฉนเพิ่งมาเอะอะมะเทิ่งให้เป็นข่าวในช่วงนี้?? หวังก่อกระแส...อะไร?? บางประเด็นที่ร้องเรียน เช่น เอื้อประโยชน์ให้บริษัทใหม่ทางด้านเทคนิค เพราะไม่มีใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC) อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์ นักบิน และช่างอากาศยาน ก็ไม่พร้อม เรื่องนี้ถือว่า เข้าสมัยเป๊ะเลย เพราะ ICAO เพิ่งให้ใบเหลือง กรมการบินพลเรือนไทย สอบตกเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยทางการบิน ขนาดเกาหลีใต้ จีน ห้ามบางสายการบินจากไทยบินเข้าประเทศแล้ว เป็นความเสียหายโด่งดังไปทั่วโลก อย่างที่รู้กัน แต่ก็เป็นเรื่องเกิดทีหลังจากการรับสัมปทาน ปตท.สผ. “การเปิดประมูลก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท เราจึงส่งหลักฐานให้ พล.อ.ไพบูลย์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง” นายทิษณุ ให้สัมภาษณ์ และว่า ยังได้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ป.ป.ท. ประธานองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชั่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกด้วย รวมทั้งเปิดเผยว่า ยูไนเต็ด ออฟชอร์ เอวิเอชั่น (ยู โอ เอ) เป็นบริษัทที่มีกลุ่มการเมืองเก่าเกี่ยวข้อง... ทำให้ได้สัมปทาน และได้ใบ AOC ด้วย เรื่องทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่คณะผู้บริหารของ ปตท.สผ. ต้องชี้แจงไปตามกระบวนการปกติกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เอกชนรายนี้ได้เข้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อไป เป็นเหรียญด้านหนึ่ง ที่ปรากฏต่อสาธารณชน แต่เหรียญมีอีกด้าน และสำคัญมากเช่นกัน... แหล่งข่าวจาก ปตท.สผ. กล่าวว่า สีชังฟลายอิ้งฯ ไม่ใช่คนหน้าใหม่เลย แต่คือเอกชนเจ้าเดิมที่เคยประมูลงานขนส่งทางเฮลิคอปเตอร์ได้ และเพิ่งจะหมดสัญญาไปไม่นาน เมื่อมีการเปิดประมูลใหม่ ปรากฏว่า มีเอกชน 3 เจ้า เข้าแข่ง 1. เจ้าเก่า เอสเอฟเอส เอวิเอชั่น หรือสีชังฟลายอิ้งเซอร์วิส 2. ยู โอ เอ บริษัทร่วมทุนไทยกับมาเลเซีย ที่ได้สัมปทานตอนนี้ และ 3. บริษัทฝรั่งเศส ที่รับสัมปทานให้เชฟรอนอยู่ “ปรากฏว่า ยู โอ เอ เสนอราคาต่ำสุด ต่ำกว่าเจ้าเดิม 10% นั่นหมายความว่า ปตท.สผ. จะประหยัดเงินได้ตามสัญญาเกือบ 2,000 ล้านบาท ฮ.ก็ชนิดเดียวกัน เทคนิคผ่านแต่ต้น จะไม่ให้เขาได้ไง เรื่องไลเซนนักบิน เราระบุว่า วันเซ็นสัญญาต้องเรียบร้อย เขาก็หามาจนได้ เป็นไปตามทีโออาร์ ส่วนเรื่อง ฮ.ไม่ครบ 6 ลำ ตอนนั้นมีการชัตดาวน์กรุงเทพฯ นานหลายเดือน การขนส่งมีปัญหา เขาเอา ฮ.เข้ามาไม่ทัน เขาขอความเห็นใจขอผ่อนผัน แต่เราก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายอยู่” แหล่งข่าวกล่าว แหล่งข่าวบอกอีกว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเคยตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และมีข้อสรุปแล้วเช่นกันว่า ไม่พบว่ามีการเอื้อประโยชน์แก่ ยู โอ เอ และถ้า ยู โอ เอ ถูกถอนใบอนุญาตจริง ก็สีชังฟลายอิ้งฯ เจ้าเก่านั่นแหละได้เปรียบ ยิ่งดูเจ้าของสีชังฟลายอิ้งฯ แล้ว ยิ่งไม่ต้องแปลกใจ เพราะคือ คุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต พี่สาว นายทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ อดีตผู้บริหาร ปตท. และเนื่องจากเป็นบริษัทคนไทย ปตท.สผ.ก็เคยผ่อนปรนตามกฎที่มีอยู่ให้ตอนสีชังฟลายอิ้งฯ ไม่พร้อมในตอนแรกเช่นกัน กระทั่งบริษัทเติบโตเป็นผู้รับสัมปทานของ ปตท.สผ.ในเวลาต่อมา ปตท.สผ.ไม่มีอะไรผิดใจหรือต้องกลั่นแกล้งสีชังฟลายอิ้งฯ เลย “มันมีอะไรต้องต่อจิ๊กซอว์ เพราะก่อนหน้านี้มีการโจมตีสัมปทานรอบ 21 อย่างรุนแรง จนต้องชะลอออกไป ช่วงนี้ก็กำลังจะมีการสรรหาผู้บริหารคนใหม่ แทน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กก.ผจก.ใหญ่ ปตท. ที่จะครบวาระอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่ และ กก.ผจก.ใหญ่ ปตท.สผ. เป็นตัวเต็งเต็มขั้นที่จะได้รับการสรรหา เพราะคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ คุณวุฒิ วัยวุฒิ ครบถ้วนสมบูรณ์” ทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่... หากแต่เริ่มมีขบวนการเตะสกัดไม่ให้ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ได้ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้บริหารของ ปตท. มีการประสานมือเพื่อดิสเครดิต สร้างรอยด่าง ให้นายเทวินทร์ และคงจะมีการโจมตีตามมาอีกหลายเรื่อง “ในกอไผ่” มีอะไรไหว ๆ? “หน้าเดิม” เป็นใคร? คนรู้ทั้งบาง มีการเตรียมตั้งบริษัทเพื่อนำเข้าแอลเอ็นจีในอนาคต ก็มีคนรู้ แต่ปล่อย คนเก่ง มีฝีมือ เป็นมืออาชีพ ได้มีโอกาสทำงาน เพื่อพัฒนาธุรกิจพลังงานไทยให้ก้าวหน้า มั่นคง เป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ... ดีกว่ามั้ย??.“

อ่านต่อที่ : ซ่อนอะไรในกอไผ่?? 'ตี ปตท.สผ.' สกัดเต็ง1 เก้าอี้ ปตท. | เดลินิวส์

 

สลด! พบซาก ฮ.สหรัฐฯ - 3 ศพแล้ว ตกบนภูเขาที่เนปาล
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 พ.ค. 2558 17:55



ทหารเนปาลพบซาก ฮ.กองทัพสหรัฐฯ ตกบริเวณภูเขา ระหว่างนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ที่หมู่บ้านห่างไกลของเนปาล ใกล้พรมแดนจีน พร้อมทั้งยังพบศพแล้ว 3 ศพแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของ รมว.กลาโหมเนปาล ว่า ทีมค้นหาได้พบเศษซากเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ และพบศพในบริเวณที่เฮลิคอปเตอร์ตกแล้ว 3 ราย หลังจากเฮลิคอปเตอร์ได้หายสาบสูญขาดการติดต่อไป ในระหว่างนำอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวใหญ่ในเนปาล ใกล้กับพรมแดนจีน ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 58 โดย รมต.กลาโหมเนปาล กล่าวว่า สภาพของซากเฮลิคอปเตอร์มีลักษณะโดนไฟไหม้เกรียม และคงไม่มีโอกาสที่ผู้โดยสารและนักบินบนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ 6 คน และชาวเนปาลอีก 2 คน รวม 8 คนจะรอดชีวิต

นายคุนดา ดิสิต บรรณาธิการ เนปาล ไทม์ เผยกับนักข่าวบีบีซีว่า พบซากเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็น รุ่น UH-1Y Huey ตกอยู่บริเวณภูเขา ใกล้หมู่บ้าน คาลินโชค ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงราว 56 กม. หลังจากทางการเนปาลได้ระดมกำลังทหารนับ 400 นาย ช่วยกันค้นหาเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว นับแต่หายไป ในวันที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ซ้ำสองที่เนปาล ขนาด 7.3 เมื่อช่วงหลังเที่ยงของวันเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ขณะนี้กองทัพอากาศสหรัฐฯ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตก ทว่า เฮลิคอปเตอร์ของอินเดีย ซึ่งบินอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ได้ยินวิทยุสื่อสาร จากเฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเชื้อเพลิง

สลด! พบซาก ฮ.สหรัฐฯ - 3 ศพแล้ว ตกบนภูเขาที่เนปาล - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เรียก 6 บิ๊ก มท.ถูกพักราชการเข้ากรุ 18 พ.ค.นี้ | เดลินิวส์



„เรียก 6 บิ๊ก มท.ถูกพักราชการเข้ากรุ 18 พ.ค.นี้ ปลัด มท.เรียก 6 บิ๊กขรก.ถูกสั่งพักราชการตามคำสั่งหัวหน้า คสช.เข้ารายงานตัว 18 พ.ค.นี้ จ่อตั้งผู้ว่าฯ ใกล้เกษียณ รักษาการรองปลัด ลือหึ่งเตรียมเชือด ขรก.เอี่ยวคดีจัดซื้อปุ๋ยแพงยกลอตปลายเดือนนี้ วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2558 เวลา 17:00 น.

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 ที่ออกตามมาตรา 44 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว โดยสั่งพักราชการข้าราชการประจำ และข้าราชการในองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) รวม 45 คน ว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยมีทั้งหมด 3 กลุ่ม เป็นข้าราชการจาก 3 กรม สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง 2 คน คือรองปลัดกระทรวง กับผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) 2 คนกรมการปกครอง (ปค.) 2 คน โดยทั้งหมดเป็นระดับซี 9 ขึ้นไป ซึ่งตนได้สั่งการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา และให้มาประจำที่สำนักงานปลัดกระทรวง โดยให้มารายงานตัวในวันที่ 18 พ.ค.นี้ สำหรับขั้นตอนไป พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมอบหมายงานให้หรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้สำหรับตำแหน่งรองรับข้าราชการเหล่านี้นั้น อาจจะต้องรอตำแหน่งที่สำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด และกลุ่มที่ 2 เป็นข้าราชการท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล และข้าราชท้องถิ่น ก็ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน ซึ่งรายชื่อทั้งหมดอยู่ในกระบวนการสอบสวนทั้งสิ้น เมื่อถามว่าสำหรับตำแหน่งที่ว่างลง จะสามารถแต่งตั้งคนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้หรือไม่ นายวิบูลย์ กล่าวว่า ต้องปรึกษากับ รมว.มหาดไทยก่อน เนื่องจากผู้ที่ถูกสั่งพักราชการยังไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม แต่หากจำเป็นต้องตั้งอาจจะใช้วิธีการให้มารักษาการในตำแหน่ง เนื่องจากงานของรองปลัดกระทรวงมีจำนวนมาก และเป็นตำแหน่งที่สำคัญ อย่างไรก็ตามขณะนี้ข้าราชเหล่านี้ เหลืออายุราชการอีกเพียง 3-4 เดือน จึงต้องรอพิจารณาอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ที่ถูกสั่งพักราชการตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถูกตรวจสอบการทุจริตเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และการใช้งบประมาณในการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเมื่อปี 2554-2555 โดยเป็นกลุ่มข้าราชการที่เคยปฏิบัติหน้าที่ใน จ.อำนาจเจริญ ในขณะนั้น ซึ่งแนวทางของกระทรวงมหาดไทยน่าจะมีการตั้งรักษาการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับรักษาการตำแหน่งรองปลัดกระทรวงคาดว่าจะมีการตั้ง ผวจ.ที่มีอาวุโสสูง หรือใกล้เกษียณอายุราชการเข้ารักษาการ นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าก่อนสิ้นเดือน พ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาโทษ ผวจ. และนายอำเภอ ที่ไม่ปรากฎชื่อในคำสั่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.)กระทรวงมหาดไทย จะสั่งลงโทษไล่ออกข้าราชการในจังหวัดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชราคาแพงด้วย.“

อ่านต่อที่ : เรียก 6 บิ๊ก มท.ถูกพักราชการเข้ากรุ 18 พ.ค.นี้ | เดลินิวส์

 

ชี้นายกฯ"ลุงตู่"คิดถี่ถ้วน ก่อนเชือดหมู่ข้าราชการ | เดลินิวส์



„ชี้นายกฯ"ลุงตู่"คิดถี่ถ้วน ก่อนเชือดหมู่ข้าราชการ รองโฆษกรัฐบาล "พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" กล่าวยืนยัน หัวหน้าคสช. คิดอย่างถี่ถ้วนและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ก่อนใช้ ม.44 ประกาศคำสั่งแก้ปัญหาสอบปมทุจริต ขรก.-ผู้บริหารอปท. 45 ราย วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 23:30 น.

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงการออกประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 16/2558 เรื่องมาตราการการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 17/2558 เรื่องการจัดหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษว่า การออกคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ ได้ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ แม้อาจจะทำให้บางส่วนไม่สบายใจบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่อธิบายได้ด้วยข้อมูลหลักฐาน โดยเอาประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อให้การเดินหน้าปฏิรูป อีกทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาที่เก่าที่คั่งค้างสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเดินหน้าเตรียมการเพื่อสนับสนุนแลพรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในอนาคตอันใกล้“

อ่านต่อที่ : ชี้นายกฯ"ลุงตู่"คิดถี่ถ้วน ก่อนเชือดหมู่ข้าราชการ | เดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ศึกชิงไซปรัสระหว่างกรีซกับตุรกี (และระหว่างรัสเซียกับนาโต้)





------------
ว่าจะเขียนเล่าเกี่ยวสหรัฐฯขยับไปเล่นเกมชิงกรีซกับรัสเซีย และตามด้วยข่าวนี้ศึกชิงไซปรัส (Cyprus) ให้แฟนเพจได้ฟังซักหน่อย พอไปศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมดู อัยย๋า… ข้อมูลเพียบเลยดูลิ้งค์ข้างล่างสิครับ จะเล่าไหวไหมเนี่ย? แต่ก็น่าสนใจนะ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนะ... วันนี้ (วันศุกร์ที่15 พ.ค.58) ที่ยูเอ็นเขาจะมีการคุยกันเกี่ยวกับเรื่องประเทศไซปรัสที่แตกแยกกันเพราะสงครามตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่สามารถรวมกันได้สนิท ครั้นจะเอาแต่เนื้อข่าวจากสื่อฯมาเล่าให้ฟังก็จะทำให้ผู้อ่านบางท่านไม่รู้ความเป็นมาของปัญหาได้ ผู้เขียน (คุณอาย) จึงได้ไปหาข้อมูลเพ่ิมเติมมาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีปัญหาอะไรกัน ก็พึ่งจะรู้นี่แหละ เมื่อรู้แล้วก็อยากจะแชร์สิ่งที่รู้มานี้กับสังคมบ้าง ก่อนจะเข้าสู่ข่าวล่าสุดขอย้อนอดีตเกี่ยวกับเหตุการณ์ในไซปรัสตั้งแต่ปี 1974 ให้ฟังซักเล็กน้อยนะครับ
เกาะไซปรัสซึ่งตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใกล้กับสถานที่ที่ทัพเรือของรัสเซียและจีนไปซ้อมรบกันตามที่ได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นั่นแหละ เกาะไซปรัสนี้มีปัญหามาตั้งแต่หลังยุคอาณาจักรอ็อตโตมันใน 1960s โน่นแล้วหลังจากที่อาณาจักรอ็อตโตมันล่มสลายไปหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทางตุรกีในปัจจุบันซึ่งเป็นศูนย์กลางอาณาจักรอ็อตโตมันในอดีตก็พยายามจะยึดเอาไซปรัสมาเป็นส่วนหนึ่งของตุรกีให้ได้ แต่ทางกรีซก็ไม่ยอม ก็ระหองระแหงกันมาเรื่อย
วันที่ 15 ก.ค. 2517 (1974) ผู้นำคณะปฏิวัติภายใต้การนำของ Dimitrios Ioannides ของกรีซ ได้มอบหมายให้ Nikos Sampson ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากปธน. Makarios III ของไซปรัสซึ่งมาจากฝ่ายตุรกี 5วันต่อมาคือวันที่ 20 ก.ค. 2517 กองทัพตุรกียกทัพประมาณ 6,000 นายและรถถังยานพาหนะทางทหาร ส่งทหารพลร่มเข้าเปิดสงครามถล่มไซปรัสจากทางตะวันออกและทางตอนเหนือที่อยู่ใกล้กับตุรกี 3 วันต่อมาหลังจากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ตรุกีก็ส่งทหารของตนเข้าไปในไซปรัสเพื่อยึดเมือง Kyrenia อีก 30,000 นาย แม้ว่าจะมีการเจรจากันเพื่อสงบศึกในเวทีนานาชาติ แต่วันที่ 14 สิงหาคมปีเดียวกันนี้ตุรกีก็รุกเข้ายึดเมือง Morphou, Karpass, Famagusta และ Mesaoria ในไซปรัสเพิ่มขึ้นอีก โดยขับไล่ชาวไซปรัสเชื้อสายกรีซจำนวน 180,000 คนออกจากพื้นที่ยึดครองโดยตุรกี (คล้ายกรณีอิสราเอลยึดปาเลสไตน์)
ในขณะเดียวกันตุรกีก็ส่งชาวไซปรัสเชื้อสายตุรกีประมาณ 50,000 คนเข้าไปยึดครองบ้านเรือนและที่ทำกินแทนเจ้าของเดิมในพื้นที่เหล่านั้น สงครามจากการรุกรานไซปรัสโดยตุรกีในปี 1974 นี้มียอดผู้สูญหาย (เสียชีวิต) จากฝั่งนิยมกรีซ (Greek Cypriots) จำนวน 1,534 ราย ในขณะที่ฝั่งนิยมตุรกี (Turkish Cypriots) มีผู้สูญหายจำนวน 502 คน แม้สงครามสงบแต่ตุรกีก็ไม่ยอมถอนทัพของตนออกจากไซปรัส ยูเอ็นส่งกองทัพเข้าไปทำเขตบัฟเฟอร์โซน (Green Line) คั่นระหว่างของเขตแดน (แบ่งแยกประเทศแล้วปกครอง) การปกครองของไซปรัสในช่วงนั้นจึงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายกรีซไซปรอยท์ (Greek Cypriots) และฝ่ายตุรกีไซปรอยท์ (Turkish Cypriots)
ในปี 2557 ศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปมีคำสั่งให้ตุรกีชดใช้ค่าเสียหายจากการรุกรานไซปรัสมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับไซปรัส ทางตุรกีก็ทำเป็นหูทวนลมไม่จ่าย ในปีเดียวกันนี้ศาลระหว่างประเทศก็ดำเนินคดีกับประเทศตุรกีข้อหาเป็นอาชญากรสงครามซึ่งขับไล่พลเมืองของประเทศอื่นออกจากพื้นที่แล้วเข้ายึดครองซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตราที่ 49 ของสนธิสัญญากรุงเจนีวาฉบับที่4 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี
และสัปดาห์นี้ที่ประชุมสหประชาชาติก็ยกกรณีของไซปรัสขึ้นมาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง โดยทางสหรัฐฯเสนอให้ผู้นำกรีซและตุรกีมาตกลงกันเกี่ยวกับการรวมประเทศไซปรัสเข้าด้วยกันแบบไบโซนอลสหพันธรัฐ (bizonal federation) มันเป็นยังไงรึไอ้ระบบ bizonal federation หรือบางครั้งเรียกว่า bicommunal federation นี่? ยูเอ็นได้ให้คำนิยามคร่าวๆว่า "A settlement must be based on a State of Cyprus with a single sovereignty and international personality and a single citizenship, and comprising two politically equal communites in a bicommunal and bizonal federation." แปลเป็นไทยคร่าวๆว่า "สถานะของไซปรัสจะต้องเป็นรัฐที่มีอธิปไตยเดียวและมีลัษณะสถานะระหว่างประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และประชาชนต้องมีสัญชาติเดียว มีระบบการเมืองอย่างเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย"
มึนตื๊บเลยกับทางออกของยูเอ็น เข้าข่ายแบ่งแยกแล้วปกครองเป๊ะเลย เขาไม่บอกว่าให้เป็นประเทศเดียว แม้จะพูดว่าให้มีอธิปไตยเดียวกันก็จริง แต่ปัญหาก็อยู่ที่คำว่า "bizonal federation" นี่แหละ คำว่า "การปกครองกันที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย" นี่มันคือยังไง? ภายใต้คำว่า "bizonal federation" นี้สถานะของไซปรัสจะไม่เหมือนกับประเทศอื่น สำหรับชาวไซปรัสแล้วเขาบอกว่าไม่ต้องการอะไรมาก แค่ต้องการความสามัคคีของคนในชาติ ต้องการให้ทหารต่างชาติออกไปจากดินแดนของพวกเขา ซึ่งตอนนี้มีอยู่หลายชาติมากที่เข้าไปตั้งฐานทัพอยู่ในไซปรัส
คำว่า "federation" ในที่นี้สำหรับไซปรัสแล้วก็มีลักษณะเหมือนกับคำว่า "state" (รัฐ/มลรัฐ) ในประเทศสหรัฐฯ และคำว่า "Länder" ในประเทศเยอรมัน และคำว่า "cantons" ในประเทศสวิทเซอร์แลนด์ หรือคำว่า "provinces" ที่ใช้ในแบ่งเขตบริหารทางการปกครองในประเทศแคนาดานั่นเอง หากเป็นบ้านเราก็เหมือนจังหวัดๆหนึ่งนั่นเอง สถานะของ "bizonal federation" ในไซปรัสจึงไม่เหมือนกับรัฐที่มีเอกราชและมีอธิปไตยเดียวแบบ "A Unitary State" อย่างประเทศไทยและอีกหลายประเทศที่คล้ายกันนี้ Unitary State ไม่ได้มีความหมายเท่ากับคำว่า "United State" อย่างที่ใช้อยู่ในสหรัฐฯหรือในรัสเซียหรืออีกหลายประเทศทั่วโลก และไม่เหมือนกับ A Federal State ทั่วไปด้วย (ดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำเหล่านี้ได้จากลิ้งค์ข้างล่าง)
สมัยก่อนพอไซปรัสหลุดพ้นจากเงื้อมมือของอาณาจักรอ็อตโตมัน ก็ถูกอังกฤษเข้ายึดครองต่อในปี 1878-1959 ต่อมาได้รับเอกราชในปี 1960 ในช่วงที่ปลายของอาณาจักรอ็อตโตมันนั้น ทางอ็อตโตมันได้ทำข้อตกลงกับอังกฤษเหมือนให้เป็นผู้ป้องกันภัยจากโซเวียตแลกกับพื้นที่บางส่วนในไซปรัสซึ่งก็คือ Akrotiri และ Dhekelia ซึ่งอังกฤษก็ยังยึดครองมาจนถึงทุกวันนี้ และถือว่าเป็นอีกดินแดนแห่งหนึ่งนอกแผ่นดินแม่ของตนเอง เมือง Akrotiri อยู่ในฝั่ง Greek Cypriot ส่วนเมือง Dhekelia อยู่ในฝั่ง Turkish Cypriot อังกฤษใช้พื้นที่ทั้งสองแห่งนี้เป็นฐานทัพของนาโต้ เพื่อเป็นมืองหน้าด่านกั้นระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลางรวมทั้งแอฟริกาด้วย อิสราเอลก็ใช้ฐานตรงนี้ในการจับตาดูความเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางอีกแห่งหนึ่งด้วย สหรัฐฯและฝรั่งเศสก็ใช้ฐานนาโต้ในไซปรัสในการเคลื่อนไหวทางกองทัพในละแวกนี้ด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นตะวันตกหรือยุโรปด้วยกันไซปรัสและกรีซก็ไม่ไว้ใจนักล่าอาณานิคมเหล่านั้น มีหรือที่ไซปรัสจะคบเฉพาะฝั่งยุโรปกับสหรัฐฯเท่านั้น เกิดวันดีคืนดีพวกนาโต้รวมหัวกันเข้าข้างตุรกีขึ้นมา กรีซกับไซปรัสก็คงจะถูกรุมกินโต๊ะอีกรอบแน่ ดังนั้นทางรอดของกรีซกับไซปรัสก็คือต้องมีลูกพี่ ใครหละที่จะช่วยคุ้มกันให้ไซปรัสได้ที่พอจะคานอำนาจของนาโต้ได้? ก็ปูตินแห่งรัสเซียไงครับ และแล้วพระเอกก็ออกโรง รัสเซียมีฐานทัพของตัวเองอยู่ที่เมือง Paphos และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางไซปรัสได้เสนอให้รัสเซียเช่าฐานทัพเรือและสนามบินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3 แห่ง โดยฐานทัพเรือแห่งที่สองที่ทางไซปรัสเสนอให้นั้นอยู่ห่างจากฐานทัพนาโต้ของอังกฤษในเมือง Akrotiri เพียงประมาณ 50 กม.เท่านั้น นี่ขีปนาวุธของรัสเซียจ่อก้นนาโต้เห็นๆเลยนะนี่ประกบทั้งซ้ายและขวาด้วย
ส่วนสนามบินอีกที่หนึ่งซึ่งทางไซปรัสยื่นข้อเสนอให้รัสเซียเช่านั้นก็อยู่ใกล้เมือง Dhekelia ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฐานทัพของนาโต้อีกแห่งเช่นกัน แถมให้อีกนิด รัสเซียเป็นผู้ลงทุนใหญ่ที่สุดในไซปรัส เศรษฐกิจของไซปรัสต้องพึ่งพารัสเซีย ตอนที่อียูกับสหรัฐฯเล่นเกมแซงชั่นรัสเซียนั้นกรีซกับไซปรัซเดือดร้อนมากที่สุดเพราะโดนรัสเซียแซงชั่นกลับทางอียูซึ่งเลี่ยงไม่ได้ แต่พักหลังนี้ทางรัสเซียก็อะลุ่มอล่วยให้ทั้งไซปรัสและกรีซ คงจะแลกกับการให้เช่าฐานทัพเรือและสนามบินในไซปรัสนั่นเอง คราวนี้ S-300 และเรือดำน้ำรวมทั้งเครื่องบินรบของรัสเซียก็รุกเข้าไปในยุโรปได้ การที่ยุโรปจะหาเรื่องทำสงครามกับรัสเซียนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้ว อียูกับสหรัฐฯเล่นเกมจะชิงยูเครนไปจากรัสเซีย งั้นรัสเซียก็จะชิงกรีซกับไซปรัสมาจากอียูและนาโต้เช่นกัน
The Eyes
15/05/2558
-----------
US Encourages Greek, Turkish Leaders to Create Bizonal Federation in Cyprus / Sputnik International
http://www.mfa.gov.cy/…/3AF861EE6C2042E0C2257A4D0037CD2B/$f…
http://www.cyprus-conflict.net/Greek v Turk narr -%…
http://www.moi.gov.cy/…/A…/6F5DD418DD053ED1C2256D6D001E7571…
http://www.independent.co.uk/…/turkey-ordered-to-pay-cyprus…
Cyprus - Wikipedia, the free encyclopedia
Akrotiri and Dhekelia - Wikipedia, the free encyclopedia
Turkish invasion of Cyprus - Wikipedia, the free encyclopedia
http://unterm.un.org/…/8f…/ffcd530f6876538f85256a0000078fd7…
http://www.geopolitical-info.com/…/greece-cyprus-and-israel…
Russia to Get Military Bases in Cyprus
Russia and Cyprus sign military deal for Mediterranean ports | News | DW.DE | 26.02.2015
Cyprus denies 'Russia deal on military bases' - BBC News
http://www.al-monitor.com/…/russia-sanctions-europe-nato-ec…#
http://news.yahoo.com/cyprus-signs-military-deal-russia-144…

 

ปอกเปลือก ทรราช
อียูเรียกร้องให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารกับกรณีนักค้ามนุษย์ผู้อพยพในลิเบีย



------------
ตอนนี้กระแสปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญาในบ้านเรากำลังเป็นข่าวหน้าหนึ่งและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก พวกนักสิทธิมนุษยชนและสื่อฯสำนักต่างๆก็ออกมาเรียกร้องตามใบสั่งจากฝั่งสหรัฐฯและยุโรปให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้ทั้งเหล่า NGO พวกเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน นักวิชาเกินและนักวิชาการกำมะลอ และสื่อฯต่างๆรับเหล่าผู้อพยพชาวโรฮิงญามาอุปการะเลี้ยงดูในบ้านในที่ดินของตัวเอง โดยรัฐบาลไทยไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ เพราะคนพวกนี้บอกว่าจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง (เฮ้อ… แอ็ดมินฝันไปหรือเปล่านี่?)
ที่ยุโรปก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพทั้งจากตะวันออกกลางและจากลิเบียในแอฟริกาเหนือเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของอียู เนื่องจากเมื่อปี 2011 ทางสหรัฐฯและยุโรปใช้กองทัพทำสงครามถล่มลิเบียอ้างว่าเพื่อปลดปล่อยลิเบียจากกัดดาฟี่ โดยปลุกกระแส อาหรับอัพสปริงขึ้นมา จนสามารถโค่นล้มกัดดาฟี่และพวกได้สมใจนักประชาธิปไตยจอมปลอมทั้งหลาย สหรัฐฯและอียูบอกว่าตอนนี้ลิเบียเป็นประชาธิปไตยตามแบบฉบับที่สหรัฐฯต้องการแล้ว แต่ความวุ่นวายปั่นป่วนในลิเบียก็ไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ลิเบียในปัจจุบันนี้กลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว (failed state) ไปซะแล้ว เป็นที่ซ่องสุมของเหล่าผู้ก่อการร้าย บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข เป็นกลียุคเต็มรูปแบบ
นั่นคือผลที่ตามมาจากการที่สหรัฐฯและอียูพยายามที่จะยัดเยียดประชาธิปไตยของตนให้กับประเทศอื่น ผลที่ตามมาอีกอย่างก็คือ ประชาชนชาวลิเบียหลายแสนคนต่างก็พากันอพยพเข้าไปในยุโรปทางทะเลอย่างผิดกฎหมายเช่นเดียวกันกับกรณีชาวโรฮิงญาที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในตอนนี้
คราวนี้มาดูว่าทางสหภาพยุโรปเขาจัดการกับปัญหาคลื่นซึนามิผู้อพยพจากลิเบียในยุโรปอย่างไร เมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 ที่ผ่านมา Federica Mogherini ประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศของอียูได้ออกมาเรียกร้องให้สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ผ่านแผนแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้อพยพจากลิเบียโดยอนุญาตให้กองทัพจากกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งรวมทั้งนาวิกโยธินของสหราชอาณาจักรเข้าปฏิบัติการปราบปรามพวกแก๊งค้ามนุษย์ในลิเบียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (ถ้าเล่นถึงการใช้กองทัพอีกรอบแบบนี้คงไม่ใช่เฉพาะเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์เพียงอย่างเดียวหละมั๊ง? อย่าลืมนะฐานทัพของรัสเซียก็อยู่ในไซปรัสในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย แผนนี้กลิ่นมันแปลกๆนะนี่)
เมื่อปี 2556 นายเดวิด คาเมรอน นายกฯของอังกฤษได้เดินทางไปเยี่ยมลิเบียหลังจากที่กองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสถล่มลิเบียในปี 2554 ซะจนราบคาบไม่เหลือชิ้นดี และกล่าวว่า "ในการสร้างลิเบียขึ้นมาใหม่นั้น คุณจะไม่สามารถหาเพื่อนใหม่ที่ดีที่สุดได้นอกจากอังกฤษ เราจะอยู่เคียงข้างคุณทุกๆก้าวตลอดเส้นทางที่คุณเดินไป" (นั่นเป็นวาทะของนักการเมือง ฟังดูดี บางคนบอกว่ามันฟังดูแปลกๆเหมือนกันนะ หนทางที่ว่านั้นจะนำไปสู่หุบเหวหรือเปล่า? พออังกฤษเดินไปส่งชาวลิเบียถึงปากเหวแล้วก็ผลักชาวลิเบียให้ตกเหวตายหรือบอกว่าโดดลงไปเลยนั่นคือสวรรค์ จากนั้นอังกฤษก็จะเดินทางกลับไปยึดที่ดินและบ่อน้ำมันของลิเบียแต่ผู้เดียวแทนอย่างนั้นหรือเปล่า?)
แต่จากการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sputnik news นาง Nabila Ramdani นักข่าวและนักวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางชาวฝรั่งเศสบอกว่าตอนนี้ประเทศลิเบียกลายเป็นประเทศที่ไร้กฎหมาย (กลียุค) อย่างถาวรไปแล้ว (Libya is now in a permanent state of lawlessness) โดยนาง Nabila Ramdani กล่าวว่า "พูดสั้นๆก็คือ ลิเบียกำลังจะกลายเป็นโซมาเลียแห่งใหม่อย่างเห็นได้ชัด การเป็นรัฐที่ล้มเหลวกลายเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน" (ชาวตะวันตกพึ่งจะรู้เองหรอกรึ? ไปก่อสงครามในบ้านเขา พอประชาชนเขาอพยพหนีตายจากภัยสงครามและความอดอยากหลั่งไหลเข้ามาในยุโรป ชาวตะวันตกก็บอกว่าเป็นภัยคุกคามต่อตัวเองซะอย่างนั้น)
คำถามก็มีอยู่ว่าการใช้ปฏิบัติการทางกองทัพจะเป็นคำตอบได้จริงหรือ? ตามความคิดเห็นของ Ramdani นั้นเธอมองว่า การที่กองทัพของอังกฤษและฝรั่งเศสเข้าไปทิ้งระเบิดใส่ลิเบียในปี 2554 นั้นทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม การโค่นล้มกัดดาฟี่นั้นเป็นการกระทำแบบขาดวิสัยทัศน์และสิ่งที่เหลือก็คือปัญหาความวุ่นวาย (chaos) ที่ไม่รู้จักจบสิ้น Ramdain กล่าวว่านายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ และพวกนักการเมืองชาวตะวันตกจำเป็นต้องยอมรับความล้มเหลวของพวกเขาเอง แทนที่อังกฤษกับฝรั่งเศสจะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ก็ควรจะร่วมมือกับรัฐบาลของลิเบียในการสร้างสถาบันและกลไกต่างๆในลิเบียให้ทำงานได้ตามปรกติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทางกรุงบรัสเซลส์ (Brussels) ประเทศเบลเยี่ยมมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกรณีนี้? กรุงบรัสเซลเสนอให้ชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปทั้ง 28 ประเทศแบ่งโควต้าแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาผู้อพยพจากลิเบีย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาจากวิกฤตเรือผู้อพยพล่มในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อเร็วๆนี้ เยอรมันเห็นด้วยกับแผนดังกล่าว แต่อังกฤษปฏิเสธ (นี่หละแผนของขบวนการค้ามนุษย์แบบครบวงจรเลย ประเทศต้นทางกินหัวคิว ประเทศปลายทางก็รับไปกักบริเวณไว้ในค่ายผู้อพยพต่อไป กินกันเป็นทอดๆ)
แผนของเบลเยี่ยมก็คือให้อียูรับผู้อพยพเหล่านี้ แต่ไม่ได้บอกให้ชัดเจนว่าจะเอามากักขังไว้ในสถานที่เฉพาะในค่ายผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ หรือว่าจะให้สัญชาติอียูแก่ผู้อพยพเหล่านั้นและหางานทำให้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้อพยพจากทั้งตะวันออกกลางและลิเบียถูกจำกัดให้อยู่แต่เพียงในค่ายผู้อพยพเป็นจำนวนหลายแสนคนทั่วยุโรป แน่นอนว่าถ้าทำตามที่กรุงบรัสเซลส์เสนอ ก็จะมีผู้อพยพจากลิเบียและที่อื่นไหลเข้าไปในยุโรปโดยไม่มีวันหมดสิ้น แล้วยุโรปจะรับเลี้ยงไหวรึ?
ปัญหาการต่อต้านผู้อพยพจากต่างถิ่นที่ว่ามาแย่งที่ทำกิน แย่งงานแย่งอาชีพของคนท้องถิ่นชาวยุโรปก็จะลุกลามใหญ่โตขยายวงกว้างออกไปอีก กลุ่มต่อต้านชาวต่างชาติ และกลุ่มเหยียดผิว กลุ่มชาตินิยม อย่างพวกเพจิด้าในเยอรมันนีและกลุ่ม EDL ในอังกฤษจะมีเพิ่มมากขึ้น ปัญหาสังคมต่างๆก็จะตามมา นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนั้น สาเหตุก็มาจากการกระทำของสหรัฐฯและอียูเองนั่นแหละที่เที่ยวไปก่อปัยหาวุ่นวายในประเทศอื่น จนมาซึ่งปัญหาภายในประเทศของตนอย่างที่เห็นอยู่นี้
ทางอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษขอปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในแผนใดๆในอนาคตเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยที่ไม่ใช่ชาวยุโรปที่พยายามข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาอย่างมีชีวิต (กรรม!)
นาย Viktor Orban นายกฯของฮังการีกล่าวตอบโต้อังกฤษและท่าทีของยุโรปว่า "แนวความคิดของพวกยุโรปบางคนที่อนุญาตให้ผู้อพยพเข้าสู่ประเทศของตน จากนั้นก็กระจายพวกเขาไปยังประเทศอื่นๆที่เป็นสมาชิกของอียูนั้นเป็นความคิดของคนเสียสติ และไม่ยุติธรรม" (distributing them among other member states is a mad and unfair idea) (ใช่เพราะว่าฮังการีและประเทศอื่นบางประเทศในยุโรปไม่ได้เห็นด้วยหรือไม่ได้ไปก่อสงครามถล่มลิเบียด้วย ใครสร้างปัญหานี้ขึ้นมา คนนั้นก็รับไปเลี้ยงดูเอาเองสิ เรื่องอะไรจะต้องกระจายความรับผิดชอบไปให้ประเทศอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย?)
นักวิเคราะห์มองว่าการที่อียูเสนอให้ใช้กำลังทางทหารกับกรณีผู้อพยพจากลิเบียนี้เป็นคำตอบที่ผิดและยิ่งจะเป็นการขยายปัญหาออกไปอีก โดยกล่าวว่า "ภายใต้นโยบายนี้ เรือลำใดๆอาจจะกลายเป็นเป้าก็ได้ และการแทรกแซงด้วยกำลังทางกองทัพจะแยกแยะได้อย่างไรว่าเรือลำไหนเป็นเรือประมงหรือเป็นเรือค้ามนุษย์ มันจะนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน"
นักวิเคราะห์ที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับกรณีผู้อพยพจากลิเบียกล่าวว่า "พวกเขามักจะไม่มีเอกสารการเดินทางติดตัวมาด้วย เนื่องจากถูกขโมยหรือถูกยึดโดยแก๊งค้ามนุษย์ (human traffickers) และพวกลักลอบส่งผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย (human smugglers) ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถออกจากลิเบียโดยเส้นทางปกติได้ ซึ่งกรณีเช่นนี้เป็นการบังคับให้พวกเขาต้องเดินทางทางทะเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
ปัญหาก็คือว่าแล้วไอ้ตัวเป้งๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในยุโรปนี้เป็นใคร ถ้าไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในยุโรปหรือในองค์ระหว่างประเทศ พวกนี้จะทำไม่ได้โดยง่ายแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าทางยุโรปพยายามที่จะไม่พูดถึงกรณีนี้ หรือไม่ติดตามสืบหาผู้มีส่วนร่วมในขบวนการค้ามนุษย์ในยุโรป หรือว่าสืบแล้วไปเจอตอเข้าให้จึงไม่กล้าออกมาเปิดเผยก็ไม่อาจจะรู้ได้
คราวนี้มามองดูปัญหาเดียวกันนี้ในเอเซียบ้าง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ในเอเซียนั้น ตอนแรกทางสหรัฐฯและอียูก็โจมตีไทยเรื่องสิทธิมนุษยชน ในอุตสาหกรรมการประมงของไทย เพื่อหาเรื่องแบนอาหารทะเลของไทยไม่ให้เข้าไปตีตลาดในอียูได้ เนื่องจากเขาไม่สามารถส่งออกอาหารทะเลของเขาไปยังรัสเซียได้ ทำให้ราคาอาหารทะเลของเขาตกต่ำและล้นตลาด ต่อมาอียูก็หันมาโจมตีไทยเรื่องแรงงานเถื่อนในอุตสาหกรรมการประมงของไทยอีก จุดมุ่งหมายก็เรื่องการกีดกันทางการค้านี่แหละ พอไทยเริ่มปราบปราบการค้ามนุษย์อย่างหนัก ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติเดือดร้อน พวกนี้ก็ยุให้ต่างชาติและสื่อฯสมองไหลในไทยหันมาเล่นงานรัฐบาลไทยทางอ้อมโดยเล่นข่าวปัญหาการอพยพของชาวโรฮิงญาเป็นหลักในช่วงนี้
เนื่องจากรัฐบาลไทยไม่รับผู้อพยพชาวต่างชาติที่แอบหนีเข้าเมืองไทยอย่างผิดกฎหมายหรือใช้เป็นทางผ่านไปยังประเทศปลายทาง พวกขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อน ก็พากันออกมากดันรัฐบาลไทยให้รับดูแลชาวโรฮิงญาเหล่านั้นแทนโดยใช้เงินภาษีของประชาชนชาวไทยในการดูแล อ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ทั้ง UNHCR และสหรัฐฯและองค์การด้านสิทธิมนุษยชนรวมทั้งสื่อฯต่างๆที่ออกมาเรียกร้องนั้นไม่กล้าที่จะรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาเหล่านั้นเข้าไปไว้ในบ้านหรือประเทศของพวกเขาเลย
หากไทยรับเข้ามา วันหนึ่งทางสหประชาชาติก็จะออกมาเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆให้กับชาวโรฮิงญาเหล่านั้นในประเทศไทย อย่างที่ทำให้เมียนมาร์ (พม่า) เช่นเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าออกบัตรประจำตัวประชาชนให้พวกเขา เรียกร้องสิทธิในดินแดนที่ทำกิน เรียกร้องสวัสดิการต่างๆเช่นเดียวกับคนพม่า ในขณะที่ตะวันตกและสหรัฐฯกลับไม่ทำอย่างนี้ในประเทศของตัวเองบ้าง แล้วอย่างนี้ไทยจะรับไหวหรือ? ทำไมไทยจะต้องมาแก้ไขปัญหาที่ไทยไม่ได้สร้างแต่แรกและไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาด้วย? ส่วนกรณีที่ว่ามีคนไทยบางกลุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรงฮิงญานั้นก็ใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการไป แต่เรื่องอะไรที่จะต้องผลักภาระการดูแลคนเหล่านั้นมาให้ประเทศไทยด้วย?
The Eyes
16/05/2558
-----------
EU Calls for Military Action to Combat Migrant Smugglers in Libya / Sputnik International
Mogherini Rules Out Military Action in Libya to Tackle Migrant Smuggling / Sputnik International
German Navy Vessel Rescues Almost 300 Refugees in Mediterranean / Sputnik International
EU Members Appear Deeply Split on Brussels' Refugee Quota Plan / Sputnik International

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย





วันที่ 16 พ.ค.58 ประจาน..อเมริกาขับไล่ผู้อพยพ ไม่ยอมรับเข้าให้ที่พักพิง
ผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน จากประเทศแถบอเมริกาใต้ ที่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนอ่อนแอ อดอยาก ยากจน ข้นแค้น ในประเทศตนเอง ที่ถูกบริษัทอเมริกาเข้าไปแย่งชิงทรัพยากร ต่างขึ้นห้อยโหนรถไฟ บางส่วนตกลงมาเสียชีวิต
เพื่ออพยพย้ายถิ่นฐานเข้าอเมริกา โดยมีชาวอเมริกัน ทำเป็น "ขบวนการค้ามนุษย์" ผ่านทางพรมแดนในรัฐเท็กซัส แต่ทางการอเมริกาไม่ยอมให้เข้า ใช้วิธีสั่งเจ้าหน้าที่ให้กระทำรุนแรงทั้งยิงด้วยอาวุธ ทุบตี และทำร้ายต่างๆ นาๆ เพื่อให้เข็ดหลาบ
จากนั้นก็ผลักดันกลับไปแบบไร้มนุษยชน ไม่ให้อาหาร และน้ำ เพื่อประทังชีวิต ช่างเป็นพฤติกรรมที่ไร้น้ำใจที่สุดในโลก
แถลงการณ์ในนามประชาชาชนไทย
ขอเรียกร้องให้อเมริกา เห็นแก่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หยุดการผลักดันผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน ผู้ยากจนเหล่านี้ และปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล รับพวกเขามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนอเมริกา ที่มีแผ่นดินมากถึง 10 ล้านตารางกิโลเมตร
มีประชากรอาศัยแค่ 33 คนต่อ ตารางกิโลเมตร เท่านั้น อเมริกา และ UN ควรแบ่งปันดินแดน อาหาร น้ำ จัดที่อยู่อาศัย สวัสดิการสุขภาพ งานทำ เงินค่าดำรงชีพ ฯลฯ ให้กับผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเหล่านี่ที่มีเพียงไม่กี่แสนคนเท่านั้น..แทงกิ้วทรีทาม !!
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 15 พ.ค.58 บิ๊กตู่ ถามอะไร ?? นักข่าวเรื่องโรฮิงยา อึ้งทั้งแถบ
นักข่าวถาม บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช. เรื่องการหาสถานที่พักพิงชาวโรฮิงญาที่เข้ามาในไทย บิ๊กตู่ สวนกลับว่า "แถวบ้านมีที่มั้ยล่ะ คนไทยยังไม่มีที่จะอยู่เลย " แล้ว UN ให้เงินอุดหนุน/ช่วยเหลือด้วยรึเปล่า งบประมาณ เอาที่ไหน งบประมาณก็เอาภาษีของคนไทยไปดูแลเค้า แล้ว UN ให้ทั้งหมดไหมล่ะ ??
---------------------------->
เออ..จริง อันนี้ตอบเก๋มาก เพราะ UN นั้นจะช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเฉพาะที่......ที่มีความสามารถจ่ายหนักๆ ให้กับ UNHCR ชาวโรฮิงยา จนๆ UN เขาไม่แยแสในสายตาหรอก
ขนาดผู้ยพยพชาวลิเบีย และแอฟริกา ไปยังยุโรป UN สายชาติตะวันตกยังจะออกมติ ให้ใช้อาวุธยิงถล่มเรือผู้ลี้ภัยได้ทันที ให้เรือจมลงไป อ้างว่าจะได้ไม่มีพาหนะขนกันมาอีก ดีที่รัสเซีย ที่เป็น UN สายตะวันออก คัดค้านไว้เพราะมันเกินกว่าเหตุ
และเป็นการฆ่าคนที่ไร้มนุษยธรรม มติ UN ที่แปลกประหลาดนี้จึงตกไป..ที่เราเห็นภาพเปลือกนอก UN และชาติตะวันตก ผ่านสื่อยิวไซออนิสต์ใหญ่ๆ เช่น CNN , AFP , BBC ฯลฯ ที่ผ่านมานั้น ความจริงคือตรงกันข้ามนั้นทุกเรื่อง
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

รัฐบาล "บิ๊กจิ๋ว" กับเศรษฐกิจฟองสบู่: ความอ่อนหัดในเวทีการเงินระดับโลก

17 พฤศจิกายน 2539 นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 21 ของประเทศไทยนับจากการอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 นี้เป็นการเลือกตั้งแบบผสมระหว่างแบ่งเขตกับรวมเขต ให้เขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน 3 คน รวมมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 393 คน

ผลการเลือกตั้งก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ที่เกิดจากการปฏิรูปการเมืองสมัยนายบรรหาร ศิลปะอาชาเป็นนายกรัฐมตนตรี เป็นการสร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองแบบพลิกความคาดหมาย เมื่อพรรคความหวังใหม่ ที่เพิ่งก่อตั้งและส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกประสบความสำเร็จ สามารถเฉือนเอาชนะ พรรคประชาธิปัตย์ ไปได้ 2 เสียง ทำให้ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ซึ่งผลการเลือกตั้งในคราวนั้น ออกมาดังนี้ (ชื่อพรรคการเมือง ตามด้วยหัวหน้าพรรค) คือ พรรคความหวังใหม่ (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) 125 คน, พรรคประชาธิปัตย์ (นายชวน หลีกภัย) 123 คน, พรรคชาติพัฒนา (พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ) 52 คน, พรรคชาติไทย (นายบรรหาร ศิลปะอาชา) 39 คน, พรรคกิจสังคม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) 20 คน, พรรคประชากรไทย (นายสมัคร สุนทรเวช) 18 คน, พรรคเอกภาพ (นายอุทัย พิมพ์ใจชน) 8 คน, พรรคเสรีธรรม (นายพินิจ จารุสมบัติ) 4 คน, พรรคมวลชน (นายอำนวย วีรวรรณ) 2 คน, พรรคพลังธรรม (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) 1 คน, พรรคไท (นายธนบดินทร์ แสงสถาพร) 1 คน

จากนั้นจึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เจ้าของสมญา "ขงเบ้งแห่งกองทัพบก" หรือที่สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เรียกว่า "บิ๊กจิ๋ว" จึงเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 52 ตามประกาศพระบรมราชโองการ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2539 โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2539 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีอีก 49 คน

แต่แล้วเพียงต้นปี 2540 คลื่นลูกแรกของวกฤตเศรษฐกิจก็ซัดเข้ามาหยั่งกำลังแนวต้านรับของไทย โดยในชั้นต้นรัฐบาลพล.อ.ชวลิตและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในเวลานั้น นายอำนวย วีรวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประกาศตัดงบประมาณแผ่นดินลงอย่างรุนแรงถึง 2 ครั้ง เพื่อชะลอเศรษฐกิจและเพื่อลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ประวัติศาสตร์ยุคใกล้ของไทยคงต้องจารึกไว้อย่างน่าเศร้า ถึงความอ่อนหัดไร้เดียงสาในเวทีเศรษฐศาสตร์การเงินการคลังระดับนานาชาติสำหรับโลกยุคไร้พรมแดน ว่าในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 มีการโจมตีค่าเงินบาทโดยกองทุนต่างชาติอย่างรุนแรง ด้วยความกลัวว่า ระบบการเงินจะพัง ธปท.ได้ทำสัญญา swap เพื่อปกป้องค่าเงินบาทไปถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ขณะนั้นไทยมีหนี้ต่างประเทศ 91,000 ล้านดอลลาร์) ครั้งนั้นแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดักหน้าออกคำสั่งจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินบาทของธนาคารในประเทศ จนทำให้กองทุนต่างชาติต้องไปตั้งโต๊ะขอซื้อเงินบาทที่สิงคโปร์ในราคาแพงและขาดทุนไปตามกัน แต่กองทุนต่างชาติมิได้ล่าถอยแต่กลับไปตั้งหลักระดมเงินบาทเพื่อกลับเข้ามารอบใหม่ใหม่

ตามมาด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดูเหมือนว่าจะกำลังเติบโตอย่างผิดสังเกต ด้วยการกู้เงินจากสถาบันการเงินนอกประเทศเข้ามาปล่อยกู้ปั่นราคาธุรกิจ และการตกแต่งหน้าตาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมุ่งเพิ่มมูลค่าหุ้นในลักษณะ "เศรษฐกิจฟองสบู่" แทนที่จะเป็นการพัฒนาธุรกิจและการผลิตโดยตรง ผลที่ทยอยเกิดขึ้นก็คือมูลหนี้เหล่านั้นกลับกลายเป็นหนี้เสียในสถาบันการเงินมากขึ้น ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมบางอย่างก็เกิดเป็นหนี้เสียเช่นกัน ในเดือน มีนาคม ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่ามีบริษัทเงินทุน 10 แห่งต้องเพิ่มทุนเป็นการด่วน ประชาชนที่ได้ข่าวหนี้เสียก็แห่กันมาถอนเงินฝาก บริษัทเงินทุนขาดสภาพคล่อง จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากกองทุนฟื้นฟู

ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคมได้มีการโจมตีค่าเงินบาทครั้งใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ต่อสู้โดยทำสัญญา swap ไปกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ จนทำให้ทุนสำรองสุทธิ เหลือเพียง 2 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์ (ทุนสำรองสุทธิ คือทุนสำรอง หักด้วยภาระ swap แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุนสำรองจริงๆเหลือเท่านั้น เพราะการส่งมอบภาระ swap ทำที่เวลาต่างๆ กันในอนาคต ส่วนจะเสียหายเท่าไรก็อยู่ที่อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อถึงกำหนดส่งมอบ)

ตามรายงานคณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) ที่ตั้งโดยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย (รัฐบาลชวน 2) การต่อสู้ครั้งใหญ่ทั้งสองครั้ง ทางธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานเพียงชัยชนะในการปกป้องค่าเงินบาท แต่ไม่ได้รายงานยอด swap ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบ โดยถือว่าเป็นบัญชีซื้อขายของฝ่ายการธนาคาร และไม่ได้กระทบกับเงินสำรองในทันที อีกทั้งต้องการปิดบังไม่ให้ตลาดเงินและประชาชนรู้ ป้องกันไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกแถอนเงินฝากและการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์

แต่แล้วกลับไม่อาจยับยั้งกระแสตื่นตระหนกดังกล่าวได้ ผลก็คือในวันที่ 21 มิถุนายน นายอำนวย วีรวรรณ ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยแต่งตั้ง นายทนง พิทยะ เข้ารับตำแห่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทน

ในวันที่ 25 มิถุนายน 2540 นายทนงสั่งการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานสถานะเงินสำรองสุทธิ ซึ่งมีการเข้ารายงานต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ในวันที่ 29 มิถุนายน จากนั้นจึงมีการประกาศลดค่าเงินบาทโดยเป็นการปล่อยลอยตัวค่าเงิน ในวันที่ 2 กรกฎาคม ด้วยเหตุผลที่เป็นที่ชัดเจนในเวลานั้นว่า เงินสำรองสุทธิลดลงมากจนไม่อยู่ในสถานะที่จะปกป้องค่าเงินได้อีก และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

และในเดือนกรกฎาคมนั้นเองบริษัทเงินทุน 16 แห่งถูกระงับกิจการเป็นการชั่วคราว และอีก 42 แห่งในเดือนสิงหาคม เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบสถานะทางการเงินและการทำธุรกรรมทางการเงิน

จากช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม มีการปลุกกระแสสังคมผ่านสื่อต่างๆอย่างหนักและต่อเนื่องว่า ประเทศไทยกำลังจะล้มละลาย เพราะการดำเนินนโยบายทางการเงินการคลังผิดพลาดของรัฐบาล และแม้ว่าจะมีความพยายามกอบกู้สถานการณ์ด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีขนาดใหญ่ถึง 2 ครั้ง คือในวันที่ 15 สิงหาคม และ 24 ตุลาคม แต่แล้วในที่สุด นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540

ขณะนั้นเงินบาทอยู่ที่ 36.85 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ.


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2553
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

http://arinwan.info/index.php?topic=2128.0