วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265

    พยายามฝึกไปค่ะ อย่าคิดมาก ทั้งหลวงปู่ หลวงพ่อท่านเมตตามาฝึกให้ขนาดนั้น แสดงว่า "แววดี" คงไม่นานหรอกค่ะ

    เอ้า... สู้ !!!

    เราก็ยังไม่ถึงไหน ยังต้องขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์อยู่เลย ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆก้าวไปด้วยกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2008
  2. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ว่าแต่คุณตุ๊กตาแก้ว ช่วยสอนผมเรื่องพลังจิต บ้างซิ ผมก็สนใจเช่นกัน
    ขออนุญาติ pm นะครับ
     
  3. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    จะเล่าเรื่องแปลกให้อ่านเล่นๆ..

    เมื่อวันที่ไปขอความเมตตาจากอาจารย์คณานันท์ วันนั้นกว่าจะเสร็จสิ้นการเรียนการสอนก็ปาเข้าไป บ่าย 4 ก่าๆ ต้องออกมาโบก TAXI กลับบ้าน
    ขึ้นคันแรก เข้าไปนั่งแล้วนะ คนขับเปลี่ยนใจไม่ไปส่ง เลยต้องลงจากรถหลังจากรถวิ่งไปได้แค่ 5-6 เมตร เพราะจุดหมายมันไกลเหลือเกิน ตั้งปทุมธานี (เรียกจากแถวหน้าวัดพิชัยญาติ) เดี๋ยวจะไปคืนรถไม่ทัน แป่วว...

    2 สาว ลงมายืนข้างถนน โบกก็แล้ว ยิ้มก็แล้ว แท็กซี่ต่างก็วิ่งเลยไป มองนาฬิกา ตายละหว่า 5 โมงฉันต้องไปรับลูกที่โรงเรียน(แถวบ้าน ก็อยู่ที่ปทุมธานีนั่นแหละ) นี่ บ่าย 4 ครึ่งแล้ว ฉันยังยืนหน้าละห้อยอยู่ข้างถนนอยู่เลย ใจนึกขอบารมีองค์ปฐม+ครูบาอาจารย์ ขอให้ได้แท็กซี่ดีๆสักคันโดยเร็วด้วยเถิด ...ผ่านไปอีก สัก 2 คัน เฮ่อ .. หรือจะไม่ได้ผลซะแล้ว เหลือบไปเห็นคันสีน้ำเงินสว่างไสว.. คันนี้แหละ!!! โบกค่ะ โบก .. มาแฮะ เปิดประตูบอกจุดหมาย คนขับนิ่งคงกำลังคิด
    "โอยย.. ตกลงเถอะ ไปนะ ไปนะ ถ้ารอนานไปละก็ ชีวิตฉันเย็นนี้ เศร้าแน่นอน" งานนี้คนขับตกลง เออ โล่งอก
    รีบตะกายขึ้นรถ โอ๊ะโอ..หน้ารถมีพระพุทธชินราช เป็นรูปหล่อแบบลอยองค์ แถมพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง เราก็อึ้งง.. ดูเวลา 16.32 น.รับลูกชายที่ปทุมตอน 17.00 น. จะเป็นไปได้อย่างไร วิตกจัด ขอบารมีพระท่านใหม่ "ขอให้ลูกกลับถึงบ้านโดยเร็วด้วยเถิดค่ะ ขอให้รถวิ่งฉลุย ถนนโล่ง ยังไงก็อย่าให้เกิน 17.30 น.นะเจ้าค่ะ ไม่งั้น..." ชักไม่อยากนึกต่อ แล้วก็นั่งลุ้นมาตลอดทาง "ถ้าจะให้ดีนอกจากถึงเร็วๆแล้ว ขอค่าโดยสารอย่ามากนักด้วยได้ก็ดีนะคะ" เหมือนมีเสียงตอบกลับว่า "ถ้าค่าโดยสารมันถูกนักก็ไม่ยุติธรรมกับคนขับนะสิ" "อืมม..ก็จริง" ลุ้นต่อดีกว่า ขับๆมา เจอจุดเกิดอุบัติเหตุกลางทางอีก แต่เพียงชลอรถแป๊บเดียว รถไม่ติดยาว+นานเหมือนทุกที แปลก!! จากแถววัดพิชัยญาติ ไปเจริญนคร ลอดสะพานสาธร เข้าราชพฤกษ์ ตรงเข้า 345 ถึงแยกบางคูวัด แล้วไปอีกหน่อยจนถึงบ้าน เร็วสุดก็น่าจะสักชั่วโมงในเงื่อนไขรถไม่ติดเลยนะ (วันนั้นมันวันทำงานและเป็นช่วงเย็นรถน่าจะมากกว่านี้มาก) แต่นี่ถึงจุดหมายก่อน 5 โมงเย็นเล็กน้อย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะถึงเวลา 16.53 น. แค่ 21 นาที คนขับก็บอกว่าเร็วมาก มาดูค่ารถ เกือบ 300 บาท (i)

    เวลาลดลงแต่ค่ารถคงเดิมค่ะ .. นี่ถ้าลดลงด้วยละก้อเรี่ยมเลย เอาเถอะ ได้ขนาดนี้ก็บุญโขแล้ว เพราะท่านโปรด..จึงสามารถไปรับลูกกลับบ้านทันเวลา ทำกับข้าว และดำเนินชีวิตตามปกติได้อย่างไม่มีพิรุด โฮะ โฮะ (แต่ความอาจแตกเพราะมาแบ่งปันกันอ่านนี่แหละ จุ๊ จุ๊ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2008
  4. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ช่วงนี้ตอนที่ยังไม่ได้ทำสมาธิมักมีเสียงคนเรียก เพราะผมชอบนอนขี้เกียจ สงสัยเค้าคงมาเตือนมั้งครับ สมาธิของผมยังคงที่อยู่เลยคับ ก้อเลยไม่คืบหน้า ใจก็อยากจะสอนเพื่อน เพราะเค้าเริ่มสนใจมากขึ้น แต่จะสอนยังไงในเมื่อผมเองก็ยังไม่คืบหน้าเลย พอได้คุยกับน้องชัดทางmsn ก็สบายใจขึ้นหน่อย แต่ว่าก็ยังเป็นกังวลอยู่ มันเหมือนว่าตัวเองมีภารกิจ แต่ทำไม่สำเร็จสักที แล้วจะไปช่วยคนอื่นยังไง อาทิตย์นี้ผมจะไปที่เกาะแห่งหนึ่งในชุมพร ไปทำงานด้วย และจะไปฝึกสมาธิด้วย ผมอยากขอคำแนะนำหน่อยครับ เกาะที่ว่าเป็นเกาะเงียบธรรมชาติล้วนๆ เหมาะแก่การเจริญธรรมและสมาธิ ควรใช้สมาธิแนวไหนดีครับ
    คือฝึกคนเดียวคับ ผมอยู่ที่นั้นประมาณ 4-5 วัน กะว่ากลับมาสมาธิจะก้าวหน้าบ้าง รบกวนอีกแล้วครับ
     
  5. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    55555 สงสัยคงเคยมีกรรมร่วมกัน ผมก็คนปทุมเช่นกันครับ เพิ่ง pm คุย
    กันตะกี้ ที่ไหนได้อยู่ใกล้ๆ กันนี่เอง คาดว่าคงได้เจอกันในอีกไม่ช้าแน่นอน
    หุหุ มานต้องมีเหตุและปัจจัย เพียงพอในการ pm หากันครั้งนี้ ไม่มีบังเอิญ

    สาธุ (good)
     
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณครูคะ... ช่วยจัดให้ทีเถอะค่ะ... ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  7. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    :'( อาจารย์คณานันท์เจ้าค๊า....

    โหลๆ 2 โหล 3 โหล 4 โหล
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จะจัดให้เป็น Workshop เรื่องการใช้พลังจิตเบื้องต้นและการประยุกต์ใช้เพนดูดัม ในทริปที่เราไปภูทับเบิกกัน ซึ่งจะมีวันหนึ่งที่เราจะค้างที่มูลนิธิของพี่ปลิตตา ซึ่งที่นั่นเป็นอาคารปิรามิดครับ เหมาะสมในการฝึกพลังจิตแนวนี้ครับ

    ส่วนท่านที่ไปไม่ได้ในทริปนี้ จะจัดเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สวนลุมครับ กำหนดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

    ส่วนพวกซุ่มๆนี่ที่จริงไม่น่าห่วงเพราะแอบย่องมาฝึกกันแบบจรยุทธ์อยู่แล้ว
     
  9. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    สุดยอดจริงๆ....(เป็นกำลังใจให้ครับ)
     
  10. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    นิพพานไม่ได้แปลว่า สูญ นิพพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพานเป็นธรรมว่าง อย่างยิ่ง
    คือว่างจากความชั่วทุกอย่าง ถึงจะไปนิพพานได้ เมื่อว่างจากความชั่วแล้ว

    นิพพานัง ปรมัง สุขัง
    เมื่อไปอยู่นิพพานแล้วเป็นความสุขอย่างยิ่ง จิตต้องว่างจากความชั่วเลย จึงไป
    นิพพานได้ ต้องเข้าใจตามนี้
    นิพพานมีสภาพเป็นทิพย์ เคยถามท่านว่า ควรจะเรียกว่าอย่างไร ท่านบอกว่าเรียกว่าทิพย์-พิเศษคือ ไม่มีการเคลื่อน มันเหมือนกับคนที่พ้นจากเรือนจำ พวกเราเหมือนกับอยู่ในเรือนจำ
    เรียกว่า วัฏฏะ ถ้าความชั่วของจิตยังมีอยู่น้อยหนึ่ง มันก็ต้องวนอยู่อย่างนี้แหละ มีความดีบ้าง
    ก็ไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ถ้าหมดบุญ ก็มาเกิดเป็นคนบ้าง ไปเป็นสัตว์นรกบ้างวนกัน
    ไปวนกันมาไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนกับเราอยู่ในเรือนจำ ใช่ไหม ถ้าไปถึงนิพพานแล้ว
    หมายความว่าพ้นจากสภาพของเรือนจำจะบังคับ และก็ไม่อยากกลับมาอีก นี่ข้อเปรียบเทียบนะ
    โอวาทหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  11. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ที่บอกว่า [FONT=&quot]"อภิญญา เป็น แค่ โลกียะฌาณ"

    ถูกแต่ถูกส่วนเดียว กล่าวคือ

    อภิญญา 5 เป็น โลกียะฌาณ (ยังลงนรกได้ ยังมีกิเลสอยู่)
    ส่วน อภิญญา 6 เป็น โลกุตตระ[/FONT][FONT=&quot]ฌาณ (ตัดกิเลสเป็นสมุทรเฉจประหารแล้ว ปิดอบายภูมิแล้ว)


    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    นิพพานไม่ได้เป็นทั้งอัตตา และอนัตตา อยู่เหนือคำพูดทั้งหมด
    เป็นภาษาปฎิบัติ ไม่ใช่ภาษาพูด
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    "แม้แต่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็ไม่ได้ - ไปอ่านในหนังสือ ประวัติ หลวงปู่มั่นได้
    [FONT=&quot]ที่เขียนโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เขียนว่า หลวงปู่มั่นท่านเคยนิมิตรฝันไว้[/FONT]
    [FONT=&quot]ภายหลังเมื่อมีภูมิธรรมมากแล้วกลับมาพิจารณาฝันนั้นแล้ว จึงรู้ว่า ไม่อาจทำ ปฎิสัมภิทาญาณ[/FONT]
    [FONT=&quot]ให้แจ้งได้)"[/FONT]



    ต้องขออนุญาตแก้ไขทิษฐิตรงนี้ให้ถูกต้องครับ ก่อนที่จะพาท่านผู้อื่นลงนรกไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    วิสัยของพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครูบาอาจารย์นั้น ท่านจะไม่มาประกาศตนว่าท่านบรรลุธรรมขั้นนั้น ขั้นนี้ ท่านมักจะบอกกับผู้อื่น ว่าท่านยังมีความเลวอยู่เสมอ (เพราะตราบใดที่ยังไม่ละสังขารจากกายเนื้อถึงพระนิพพาน ก็ยังมีทุกข์อยู่แต่จิตท่านไม่ติดอีกต่อไปแล้ว)

    สำหรับหลวงปู่มั่น ท่านเคยอธิฐานเป็นพุทธภูมิมาแต่เดิม และด้วยเมตตาที่มีต่อมวลสรรพสัตว์ ท่านเองได้ขอลาพุทธภูมิเพื่อมาช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ครบหาพันปี เช่นเดียวกับหลวงปู่ หลวงพ่อครูบาอาจารย์อีกหลายๆท่าน ท่านจึงปรากฏบารมีเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่สายพระป่า เน้นหนักในธุดงค์วัตร

    ผมไม่อาจจะมีหน้าที่พยากรณ์ชี้ชัดลงไปได้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เนื่องจากท่านผู้สามารถพยากรณ์ได้มีเพียง พระพุทธเจ้าเท่านั้น

    แต่ผู้มีปัญญารอบรู้ในการปฏิบัติ รอบรู้แตกฉานในธรรม ย่อมสังเกตุเห็นองค์แห่งปฏิสัมภิทาญาณ ปรากฏขึ้นในหลายๆด้านของหลวงปู่มั่น

    -เรื่องที่ท่านรู้ภาษาสัตว์
    -การที่ท่านสอนธรรมมะได้ละเอียดลึกซึ้งถึงจิตถึงหัวใจของผู้ฟังธรรม
    -เวลากลางคืนท่านสอนธรรมให้เทวดา อยู่เสมอ
    -การรู้วาระจิตของท่านและใช้เจโตปริยญาณเพื่อ สอนธรรมมะต่อศิษย์ของท่าน

    และอีกมากมายที่ต้องศึกษาค้นคว้าดูครับ


    ต้องขอย้ำอีกครั้งเรื่องการปฏิบัติให้ได้จริงๆ กับการใช้ปัญญาแบบโลกๆคิดไปเอง ว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนคนตาบอดมาคลำช้าง แล้วจินตนาการไปว่าการบรรลุธรรมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

    สำหรับฤาษีผู้ได้ฌาน ได้อภิญญาสมาบัตินั้น ก็มีส่วนที่ได้ทั้งสัมมาทิษฐิ และที่เป็นมิจฉาทิษฐิ

    ท่านที่ได้สัมมาทิษฐินั้น เมื่อวาระแห่งกุศลมาถึงและได้พบพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านสะกิด และยกจิตนิดเดียว ท่านเหล่านั้นก็สามารถบรรลุธรรมแบบฉับพลันเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณกันได้

    การบรรลุธรรมนั้นขึ้นกับเวลาและวาระครับ
     
  14. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ผมเชื่อว่า หลวงปู่มั่น ได้ปฏิสัมภิทาญาณครับ

    ดูลูกศิษย์ท่านแต่ละรูปปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบทั้งนั้น สอนธรรมะได้ถูกจริตแต่ละคน ภาคทฤษฎีก็แน่น ให้ไปอ่านหนังสือทิพยอำนาจ สอนได้ถึงอภิญญา จนนิพพาน ผู้แต่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น แน่นทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ


     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีเรื่องที่ได้ฟังจากคุณเจี๊ยบ แห่งชมรมรักษ์พระธาตุ เรื่องของหลวงปู่สุภา (ท่านมีอายุสิริรวมได้ ร้อยกว่าปี) ที่ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังครับ

    เหตุที่ท่านมาอยู่ที่จ. ภูเก็ต

    มีวันหนึ่งหลวงปู่ท่านได้เข้าสมาธิ และได้พบกับเทวดามากมายหลายท่าน รวมพญานาคที่อยู่บริเวณภาคใต้

    เทวดา ได้มาอารธนาท่าน บอกว่า ให้ท่านไปช่วยคนอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกนี้เป็น มิจฉาทิษฐิรุนแรง ไม่มีพระ ไม่มีสรณะ ไม่มีเคร่องยึดเหนี่ยวหรือเกาะติดบุญแต่ประการใด ทุกๆคนในหมู่บ้าน ลงนรกหมดไม่มีเหลือ เนื่องจาก ทำอาชีพประมง ทำปาณาเป็นอาจิณกรรม

    หลวงปู่ท่านก็ตอบว่าไม่รู้จะช่วยอย่างไร แต่จะลองดู

    จากนั้นท่านก็ เดินทางไปโปรด ที่หมู่บ้านชายทะเลแห่งนั้น ซึ่งอยู่ใน จ.ภูเก็ต (เป็นเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ท่านจะมาจำพรรษาอยู่ที่ จ.ภูเก็ตนี้)

    ครั้นพอไปถึง ท่านก็สอนชาวบ้านให้รักษาศีลห้า ทำวัตร สวดมนต์ ชาวบ้านส่ายหน้า ไม่รับ บอกท่านว่าผมจน ไม่มีจะกิน ธรรมมะอะไร ไม่เอา ขอหวยดีกว่า

    ท่านก็ตอบตกลงว่าจะให้หวยกับชาวบ้าน (ตรงนี้ พวกปราชญ์ท่านหลายที่อวดรู้ อวดฉลาดไปก่อนจะมีจิตคิดติเตียนท่านว่า ทำไมทำให้คน งมงาย บ้าง ทำให้คนหลงบ้าง ไม่ให้โมกขธรรมอันพ้นทุกข์บ้าง ทำแบบนี้ศาสนาเสื่อมบ้าง ก็ขอให้อ่านให้ศึกษาต่อไป หากคิดได้ก็ขอให้หมั่นกราบขอขมาพระรัตนไตรกันเอาไว้ให้มากๆๆ)

    วันรุ่งขึ้นท่านก็บอกให้ชาวบ้านที่อยากรวย อยากได้หวย มาพบท่าน

    จากนั้นท่านก็จับชาวบ้านฝึกสมาธิ จนกระทั่งชาวบ้านได้ตัวเลขมา และต่างดีใจกัน

    พอถึงงวดที่หวยออกปรากฏว่าหมู่บ้านนั้น ถูกหวยกันทั้งหมู่บ้าน หายจนกันไป พอสมควร

    คราวนี้ชาวบ้านเกิดศรัทธากับพระในพระพุทธศาสนาแล้ว ยกกันมากราบท่านกันทั้งหมู่บ้าน 60-70 คน อยากจะมาขอให้ท่านสอนสมาธิให้เพื่อที่จะเอาไปดูหวยกัน ทุกคนต่างหมายมั่นปั้นมือกันเต็มที่

    เมื่อหลวงปู่สุภาท่านได้พิจารณาเห็นว่า ชาวบ้านทั้งหลาย เกิดศรัทธาในจิตขึ้นแล้ว ได้บำเพ็ญทานแล้ว ควรแก่การโปรด

    ท่านก็จับชาวบ้านทั้งหมดฝึกสมาธิแบบครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้ท่านหักลำ แทนที่ท่านจะพาเขาไปดูหวย ท่านพาเขาไปเที่ยวดูนรก พอชาวบ้านเขาไปกันได้ ก้ได้เห็นญาติพี่น้องของตนเอง คนในหมู่บ้านของตนเองที่อยู่ในนรกเสียเป็นจำนวนมาก นับแต่ปู่ย่าตายาย เป็นต้นมา ด้วยความเป็นทิพย์ของจิตก็ได้สอบถามว่าเหตุใด ทำไมจึงมาอยู่ในนรก มีสภาพน่าสังเวชทนทุกข์ได้มากขนาดนี้

    ญาติผู้อยู่ในนรกก็ตอบว่าเพราะไม่ได้ทำบุญ ทำกุศล เห็นว่า สวรรค์ไม่มี นรกไม่มี พรหมนิพพานไม่มี จึงทำแต่กรรม เอาแต่สุขในโลกเป็นสำคัญ ครั้นตาย ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจ จิตก็ลื่นไหลลงสู่นรกภูมิ ครั้น พระยายมท่านถามถึงบุญถึงกุศล เพื่อพอเอาจิตรอดจากนรก ก็นึกระลึกถึงไม่ได้ จึงตกนรกกันทั้งหมู่บ้านเป็นที่เอน็จอนาถใจ

    พวกที่ไปดูนรก พอออกจากสมาธิก็ต่างร้องไห้กะจองอแง หวั่นใจในบาปอกุศลกรรม ครั้นพอถามว่า ด้วยกรรมของตนเองในชาตินี้ จะไปจุติยังที่ใด ก็ปรากฏคำตอบว่าเป็นที่เดียวกันนั่นเอง

    คราวนี้ชาวบ้านทั้งหมด ก็เกิดหิริโอตปะ การเกรงกลัวและละอายต่อบาป กลัวเวรกรรมและผลของกรรม

    หลวงปู่สุภาท่านก็ ถามอีกครั้งว่า จะเอาหวยไหม จะได้ดูต่อ

    ชาวบ้านก็ส่ายหน้าไม่ขอเอาแล้ว ตอนนี้ ขอท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะรอดจากนรกดีกว่า

    ท่านได้เห็นว่าวาระจิตของชาวบ้านน้อมมาในกุศลจิตแล้ว จึงได้ ให้ไตรสรณะคมม์ และได้เทศนาโปรดจนชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน นั้น พลิกจิตจากมิจฉาทิษฐิกลาย กลับมาเป็นสัมมาทิษฐิ บำเพ็ญตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีกันทั้งหมู่บ้าน

    จะเห็นได้ว่า หากไม่มีอภิญญาและด้วยจิตเจตนาอันเป็นเมตตาพรหมวิหารสี่เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยากที่จะเจริญศรัทธาให้เกิดในจิตของคนได้

    เพราะท้ายที่สุดแล้วพระสุปฏิปันโนทุกๆท่าน ย่อม ใช้อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ทั้งหมด เพื่อมุ่งหวัง ประโยชน์ของผู้อื่นให้ได้เข้าถึงสวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ จนถึงพระนิพพานสมบัติในที่สุด
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ผมเชื่อว่า หลวงปู่มั่น ได้ปฏิสัมภิทาญาณครับ

    ดูลูกศิษย์ท่านแต่ละรูปปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบทั้งนั้น สอนธรรมะได้ถูกจริตแต่ละคน ภาคทฤษฎีก็แน่น ให้ไปอ่านหนังสือทิพยอำนาจ สอนได้ถึงอภิญญา จนนิพพาน ผู้แต่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น แน่นทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ

    -------------------------------------------------------------------

    น้องนาคามูระช่วยยกข้อความที่อยู่ในหนังสือทิพยอำนาจเรื่องสภาวะ ของพระนิพพาน มาลงเป็นธรรมทาน นิดหนึ่งครับ

    เพราะเป็นเครื่องยืนยันตรงกันทั้งสายพระป่า พระธรรมยุติ และพระบ้าน พระมหานิกาย ผู้ปฏิบัติได้จริง ถึงจริง ยืนยันตรงกันครับ

    มีเรื่องในพระไตรปิฏก เรื่องที่มีพระพี่น้อง สององค์ องค์พี่ ศึกษาแตกฉานในพระไตรปิฏกจนได้ชื่อว่าเป็นจอมปราชญ์ แต่ไม่ยอมปฏิบัติธรรมเอาแต่ตีความพระไตรปิฏกด้วยปัญญาแบบโลกๆของตน มากด้วยคำสรรเสริญและลาภสักการะ

    ส่วนพระองค์น้อง ไม่ศึกษาพระไตรปิฏกมุ่งเข้าป่า ปฏิบัติจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณอย่างรวดเร็ว

    พอเข้ามาในเมือง ก็ถูกพระผู้พี่และมารดา ดูถูกดูหมิ่น ดูถูกภูมิธรรม

    ครั้นพอถึงกาลกิริยา ทั้งพระผู้พี่และมารดาก็ไปเกิดในอเวจีมหานรกเป็นเวลาช้านาน

    ครั้นพ้นจากอเวจีมหานรก ก็มาเกิดเป็นปลา สีทองอร่ามสวยงาม(เนื่องจากมีศีล) แต่ปากเหม็นอย่างบรมเหม็นด้วยการปรามาสจาบจ้วงพระอรหันต์

    มีผู้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ท่านจึงทรงได้ตรัสเล่าเรื่องอันเป็นบุพกรรมนี้ให้ฟัง และปลาตัวนั้นก็เอาหัวกระแทกขอบเรือตาย กลับลงไปเกิด ในอเวจีมหานรกใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    เหตุที่ปลาตัวนี้หลุดขึ้นมาเกิดเป็นปลาสีทอง ในยุคแห่งพระพุทธเจ้านั้นก็เพื่อเป็นพยานแห่งกรรมเป็นการกระตุ้นเตือนไม่ให้ผู้ปฏิบัติยึดติดกับตำรา ติดกับพระไตรปิฏกจนลืมเลือนการปฏิบัติเพื่อให้ได้รู้ได้เห็นได้ด้วยตนเอง

    ขอให้ทุกๆท่านจงทรงอยู่ในสัมมาทิษฐิล่วงพ้นจากบ่วงมาร ปฏิบติให้ได้เองรู้เห็นเอง เจริญในธรรมแห่งสมเด้จพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    พุทธจักขุ ตาพุทธะได้แก่ปรีชาญาณที่สามารถมองเห็นโลกและธรรมตามความเป็นจริงได้หมดทุกแง่ทุกมุมแล้ว สามารถสังหารอวิชชาขาดเด็ดจากขันธสันดาน บรรลุถึงภูมิพระนิพพาน ดับทุกข์โศกโรคภัยได้หมดแล้ว ถึงความเป็นแก้ว เป็นตาของผู้ตื่นตัวเต็มที่แล้ว เป็นตาที่สามารถมองเห็น พระแก้ว คือวิสุทธิเทวา บรรรดาที่ปรินิพพานไปแล้วทั้งสามารถฟังเสียงพระแก้วได้ด้วย
    อ้างอิงจาก หนังสือ ทิพยอำนาจ เรียบเรียงโดย พระอริยคุณาการ(ปุสโส เส็ง ป.ธ.6)
    พระนิพพานเป็นเช่นไร เมื่อถึงแล้วเท่านั้นจึงจะทราบได้ การคาดเดาส่งเดชนั้น นอกจากจะทำให้เราเขวออกนอกทางแล้ว ยังทำให้ผู้อื่นที่ได้ฟังเขวไปตามๆกัน เป็นบาปอกุศล ที่ขวางกั้นมรรคผลของตัวเอง
    หากผู้ฝึกประพฤตตามหลักสัมมาปฏิบัติ สัมมาทิฏฐิ สัมมสมาธิ สัมมาปัญญา ย่อมต้องถึงซึ่งพระนิพพาน แล้วท่านก็จะทราบเองว่า พระนิพพานนั้นสูญจากกิเลสหรือว่าสูญไปเลย อย่าพึ่งคาดเดารสชาติของส้ม ก่อนที่จะได้ลิ้มรสของส้ม ไม่อย่างนั้นพระนิพพานจะไม่สูญหายไปไหนหรอก แต่ท่านตะหากที่จะสูญไปจากพระนิพพาน ขออนุโมทนาในสัมมาปฏิบัติของทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  18. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ไม่อยากเอาสภาวะนิพพานมากล่าว เด่วจะจำติดไปเป็น "สัญญา" แล้วความรู้แจ้งมันจะไม่เกิด

    อยากให้ปฎิบัติเอง รู้เห็นเอง แล้วจะคลายความสงสัยทั้งปวงเอง

    ดีไหมครับ ^^
     
  19. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    นิพพาน ปรมัง สุขขัง เขียนถูกรึเปล่าไม่รู้คับ ต้องปฏิบัติให้ถึงจึงจะรู้แจ้งซึ๋งธรรมมะ อันผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง
     
  20. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    พระอรหันต์ท่านเป็นผู้สะอาดแล้ว มี วิสัย ครอบ ปฏิสัมภิทาณานทั้งหมด

    เพราะฉะนั้น (*ถ้าคุณทรงจิตที่มีวิสัยแบบนั้นได้) คุณย่อมสามารถเรียนวิชา ที่อยู่ ภายในวิสัยแบบนั้นทั้งหมด ส่วนใหญ่ ท่านไม่เจริญ หรือเรียนต่อ

    พอได้ อรหัตผลแล้ว ท่าน อยู่เฉยๆ วิชามีเท่าไหร่ก็ใช้แค่นั้นเพราะท่าน ถึงแล้ว สุดแล้ว ไม่ลงไปเรียนอีกแล้ว มีแต่ทำของเก่าให้ดีขึ้น

    หลวงปู่ดูลย์ท่านก็เคยอธิบายเอ่าไว้ ในเมื่อมีสิ่งที่ประเสริฐที่สุดอยู่แล้ว คือจิตพระอรหันต์ แล้วจะไปเรียน วิชาอื่นๆทำไม


    พวกท่านเหล่านี้ จึง บรรลุปฏิสัมภิทาญาณ อรหัตผล ในวันที่ท่านดับขันธ์โดยไม่ต้องเรียนนั้นเอง

    (*คือไล่ เจริญทุกกองให้คล่อง แล้ว สลับณาน แล้ว ยกจิตขึ้นสู่โลกุตระ แล้วขอรวม ทั้งหมด)


    -----------------------------------------------

    รู้แต่รู้ยังไม่ครบหมดนะครับ

    ผมเห็นคุณอโหสิกรรมแต่ว่าอารมณ์จิตนี้ส่งมานี้มันกระทบเข้ามานะครับว่าเป็นยังไง ^^

    เจริญในธรรมครับ _/\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...