วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

:d แอบแว่บไปขอเรียนวิชชาเพิ่มเติมกับพี่คณานันท์มาค่ะ ไปกับเพื่อนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา..

ก่อนเรียนได้ทำการไหว้ครูบาอาจารย์ทั้งหมดผ่านพี่คณานันท์ ขอให้ท่านรวมถึงพี่คณานันท์โปรดเมตตาสอนสั่งเยอะๆ(งก) ขอให้เรียนได้สำเร็จ เรียบร้อยแล้วจึงเริ่มเรียน

"กสิน 10 อรูป 4 และ ลมปราณ" คือสิ่งที่เราต้องการ

กสิน ก็มองสิ่งที่จะจับเป็นกสินให้เป็นทรงกลมลอยเด่นตรงหน้า แล้วเปลี่ยนให้ขาวขึ้น โปร่งขึ้น ใสขึ้นและสุดท้าย..ปิ้งให้เป็นเพชร จบ ไม่มีอะไรพิเศษ

อรูป ทั้ง 4 อารมณ์ใจที่รู้สึกคือ เมื่อถึงที่สุดก็เป็นสีขาว โล่ง แต่ยังมีความอึดอัด ไม่โปร่ง เบา สบาย เหมือนนิพพาน มีอยู่ช่วงหนึ่ง หลุดเข้าไปในที่ที่หนึ่ง มืดสนิท มองไม่เห็นอะไร ความรู้สึกที่จับได้คือ ความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง การรอคอยที่ทรมาน รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก พี่คณานันท์บอกว่าที่หลงเข้าไปเป็นอีกขั้วที่อยู่ตรงข้ามกับอรูปพรหมเป็นมหานรกชื่ออะไรจำไม่ได้ รอคุณครูมาเฉลยก็แล้วกัน

สิ่งที่ชัดเจนหลังจากได้กำลังอรูปฌาณคือ พุทธนิมิตรชัดแจ๋วกว่าเดิม สีทองก็ทองสุกปลั่งเป็นประกาย เพชรก็วูบวาบสวยกว่าเพชรบนโลกที่เคยเห็น ยิ่งหลังตัดสังโยชน์ด้วยแล้ว ยิ่งชัดขึ้น ชัดกว่าตาเนื้อซะอีก และเมื่อจะขึ้นบนนิพพานก็ไปอย่างรวดเร็วเหมือนติดเทอร์โบ วูบเดียว และที่สำคัญ รู้อาการของจิตขณะกำลังเคลื่อนขึ้นไปบนนิพพาน ผิดกับก่อนฝึกอรูป การขึ้นนิพพานจะเป็นแบบพอนึกจะขึ้นก็ไปโผล่บนนั้น ระหว่างทางขึ้นไปจับความรู้สึกไม่ได้

จากนั้นก็ฝึกลมปราณกัน มีคนแถวๆนั้นแอบมองอย่างสนใจด้วย เสียดายรำสวยสู้ครูไม่ได้ - - "

ของแถมสุดท้าย...ได้ลองใช้พลังจิตบังคับวัตถุให้เคลื่อนไหวและใช้ใบไม้-ทิชชูตัดตะเกียบด้วยล่ะ

วันนี้ลองบังคับลูกกุญแจที่ร้อยเชือกไว้ให้แกว่ง มองไปมองมาเห็น.. แสงสีน้ำเงินใสๆล้อมรอบ(หุ้ม)ลูกกุญแจและเชือกที่ร้อยไว้ อ๋อ.. มันเป็นฉะนี้แล

 

ผมขอยืนยันเรื่องแสงครับ ผมก็เห็นแสงสีน้ำเงินอ่อนๆใสๆเหมือนกันครับ โดยจะอยู่รอบๆบริเวณที่เราสั่งให้หมุน ส่วนนรกอันนั้นชื่อโลกันตมหานรกครับ เป็นนรกที่ลึกที่สุด น่ากลัวสุดๆเลยครับ ลึกกว่าที่พระเทวทัตไปอีกครับ นรกขุมนี้สำหรับคนที่มีมิจฉาทิฏฐิขั้นรุนแรงครับชนิดที่จิตใจมืดดั่งหลุมดำ ขออนุโมทนากับพี่ตุ๊กตาแก้วด้วยครับ ซักวันนึงคงจะได้พบกันครับ

 

ผมยังไม่เก่งเท่าพี่น้องๆเลย ได้ฝึกพยายามฝึกมโนยยิทธิเต็มกำลังออกจากกายไป หลวงพ่อฤาษีกับหลวงปู่ปานท่านมีคำสั่งให้ฝึกกสิน10ให้ครบโดยมีดวงกสินล้อมกายทิพเรา
อยู่ฝึกที่ชั้นนิมมานนรดีครับ โมทนาพี่น้องด้วยครับ

 

โอ.เค.เลยคุณน้อง ( แอบปลื้มตัวมานานแล้ว ... เอาแบบตัวเป็นๆนะ :d )
(deejai) (deejai) (deejai) (deejai) (deejai)

 

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Xorce<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:29 PM
วันที่สมัคร: Oct 2007
อายุ: 17 ปี
ข้อความ: 66 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 1,167 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,454 ครั้ง ใน 68 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 153


</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ติดใจพระนิพพาน
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->-พี่ครับปัจจุบันผมมีอาการคือจิตมันจะจับพระนิพพานอัตโนมัติคล้ายมันรู้ว่าสุขก็เลยชอบ ปัจจุบันก็จะสัมผัสอารมณ์พระนิพพานได้ทั้งวันเลย รู้สึกว่ามีความสุขและอารมณ์เบาสบายมากๆ และขอถามต่อครับหากว่าผมเอาจิตขึ้นไปไว้บนพระนิพพานบ่อยๆ กิเลสก็จะละลายไปเองใช่ไหมครับ
-และวันนี้เพื่อนผมเขาลองหลับตาไปแวบนึง ผมก็เห็นว่ากายทิพย์เขาเปล่งประกาย ผมก็เลยถามเขาว่าตะกี้ไปพระนิพพานมาใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ ทีนี้เขาก็บอกให้ผมลองใหม่ทีนี้เขาแกล้งหลับตาโดยไม่ขึ้นไปบนพระนิพพาน ผมก็บอกเขาว่าไม่เห็นอะไรเลย ทีนี้เขาเชื่อเลยว่าเขาไปถึงพระนิพพานจริงๆ เจอวิชาดักใจเข้าไป ทีนี้เชื่อเลย
-และก็ผมคิดว่าควรจะมีการนัดคนที่อยู่ในกลุ่มที่มองเห็นภาพรวม ให้มารวมกันซักครั้งนึง เพราะว่าตอนนี้ท้องฟ้าเกิดพลังลบและถูกขจัดออกไปตั้งสองครั้งแล้ว ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะเหลือเวลาอีกนานแค่ไหน
ยังไงก็ขอขอบพระคุณมากครับ แล้วเจอกันวันอาทิตย์นี้ที่บ้านซอนสายลมนะครับ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
หมั่นมองดูจิต คิดชำระให้สะอาดใส ห่างไกลซึ่งมารร้าย ขอสิ้นซึ่งภพชาติ
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เห็นแสงเป็นสีๆ เหรอครับ สงสัยจะเป็นออร่ากระมังครับ
ลองฝึกมาเพ่งที่คนดูซิ อิอิ เผื่อจะเห็นสีอะไรมากขึ้น

 

ขอบคุณพี่คณานันท์มากเลยครับ โมทนา สาธุ ครับผม

ได้อะไรมาเพิ่มเยอะเลย ขอน้อมนำสิ่งที่พี่คณานันท์แนะนำไปปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบไว้ให้

ผมเอง ยิ่งมีการพัฒนามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความรักศรัทธาในครูบาอาจารย์มากขึ้น เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ท่านสอนนั้นเป็นจริงไม่มีผิดเลย

ขอเป็นลูกศิษย์ของพี่คณานันท์คนนึงนะครับ หวังว่าคงจะรับนะครับ (^_^)

ขอตัวไปฝึกต่อนะครับ มีอะไรคืบหน้าเอ็มจะมาขอรบกวนถามอีกนะครับ

แว้บ...

 

พลังงานด้านลบในช่วงนี้เป็นผลทำให้ตัวเรา หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่ายรึเปล่าครับ
แล้วมีวิธีแก้ยังไงครับ คือว่า จิตรู้สึกหดหู่ อิจฉาคนอื่น ทั้งที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย พอเป็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเลวเหลือเกิน แต่ว่ามีอาการแบบนี้เป็นระยะๆ ไม่นานก็หาย ประมาณ 5-10 นาที แต่ไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย ขอโทษน่ะครับที่ถามมาก แต่ว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นด้วยก้อเลยถามอ่ะคับ

 

ให้ทำตามที่คุณนาคามูระแนะนำเลยครับ เพราะเป็นสติปัฏฐาน4ไปในตัว แนะนำให้แผ่เมตตาอัปปนานฌาณเพื่อต้านอารมณ์หงุดหงิดไปด้วยเลยยิ่งดีครับ เมื่อจิตใจเราเย็นด้วยเมตตา อกุศลก็จะครอบงำไม่ได้ครับ วันนี้ได้ยินเรื่องเตือนภัยสึนามิ แถวๆอินโดนีเซีย คิดว่าระลอกแรกน่าจะอีกไม่นานแล้วครับ
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>

• เกิดอาฟเตอร์ความรุนแรง 5.9 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันออก ของอินโดนีเซีย

</TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 31-01-2551 | 11:02:42 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">อินโดนีเซีย 31 ม.ค.- เกิดอาฟเตอร์ความรุนแรง 5.9 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่ง ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย หลังเกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์วานนี้
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซียรายงานว่า อาฟเตอร์ช็อก ความรุนแรง 5.9 ริกเตอร์ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.41 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 08.41 น. ในไทย มีศูนย์กลางอยู่นอกชายฝั่งห่างจากจังหวัดโมลุกะราว 250 กิโลเมตร
แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อบ่ายวานนี้ เพิ่งเกิดแผ่นดินไหว 6.6 ริกเตอร์ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนภัย คลื่นสินามิ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โอ้ !จอร์จ อ่านแค่หน้านี้(73)หน้าเดียวก็อยากร้องไห้แล้ว ยังเด็กๆทำไมเก่งกันจังเลย ข้าพเจ้าไม่ไปไหนเล้ยยยยย... อายลูกอายหลานแล้วนะเนี่ย! คงต้องยืมคำพูดคุณpattarawat ที่ว่า ขอเป็นลูกศิษย์ของพี่คณานันท์คนนึงนะครับ หวังว่าคงจะรับนะครับ (^_^)

 

เอื้อเฟื้อกันในธรรม เป็นกัลยาณมิตรกันมากกว่าครับ ยิ่งปรากฏคนดีสู่สังคมมากขึ้นเท่าไร ประโยชน์และความสุขของส่วนรวมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้นครับ

 

พรหมวิหารสี่นั้น ต้องบริบูรณ์สมบูรณ์พร้อมอยู่ในจิตเราเสมอ

พวกเรานั้นส่วนใหญ่จะคล่องและชำนาญในเมตตา

แต่พอการพิจารณาใน กรุณา มีจิตปราณีนั้นบ้างครั้ง ก็ยังมีพลาดหรือเข้าใจผิด วางกำลังใจผิด หรือขาดไป จิตกรุณาหรือจิตปราณีนั้น ก็คือการให้อภัย ทั้งที่เขาทำผิดพลาดทั้งที่รู้ตัวก็ดีไม่รู้ตัวก็ดี เรามีใจกรุณาก็ให้อภัยต่อเขา ไม่ถือโทษโกรธตอบหรืออาฆาตพยาบาทจองเวรผู้ใด จะเกิดโทษต่อเขาได้ประการใด เราก็มีใจกรุณางดโทษที่จะพึงเกิดกับเขาเสีย โลกก็เย็นสงบ สงบโดยเริ่มจากใจเราก่อนนั่นเอง ศัตรูของกรุณาก็คือ ความโกรธ ความอาฆาตพยาท การจองเวร

ส่วนข้อมุทิตานั้น คือจิตที่เรามีความยินดีในความดี ความเจริญความก้าวหน้าของเขา เขาได้ดีมีความสุข เราก็แช่มชื่นหัวใจ สุขไปกับเขาด้วย การโมทนาบุญก็จัดว่าเป็นจิตที่ประกอบไปด้วยมุทิตาจิต เช่นกัน


แต่หากจิตเราเกิดความริษยา เกิดหมั่นไส้ เกิดอยากกลั่นแกล้งคนที่เขาดีกว่าเรา ไม่ว่าด้านใด นั่นคือจิตเราขาดมุทิตาจิต เสียแล้ว

หลายท่านมีจิตเมตตามาตลอด ครั้นพอคนที่เราเมตตาและได้ดีกว่าเรา คราวนี้ไอ้ที่เราเมตตามันดันพลิกกลายเป็นอิจฉาริษยาเห็นเขาดีกว่าตัวเองไม่ได้ นั่นคือ การทรงพรหมวิหารสี่ไม่ครบ คิดว่าพรหมวิหารสี่มีเมตตาแค่ตัวเดียว แต่อันที่จริงเราต้องวางกำลังใจให้ครบทั้ง เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาให้ครบ

ประเทศไทยเราเองการที่ มีคำผูกเอาไว้ว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน"นั้น ก็เพราะการเกิดจิตอิจฉาริษยานั้นเกิดง่ายมาก เราเองบางครั้งก็ไม่ทันรู้ตัว และหนังไทยละครทีวี ยิ่งเน้นเนื้อหาด้านนี้มากก็ยิ่งส่งเสริมให้คนเรามีจิตริษยาก่อเกิดขึ้นมากไปด้วย

จิตมุทิตานั้นเรามุ่งยินดีในความดีของผู้อื่นเสมอ เรามีแต่ได้กับได้ เขาทำบุญเราโมทนาเราได้บุญ และพลอยอิ่มใจไปด้วย

แต่หากเขาทำบุญ เขาทำความดี เราไปติเขาบ้าง กล่าวโทษเขาบ้าง แทนที่จะได้บุญเรากลับได้บาปแถมมีจิตใจร้อนรุ่มด้วยไฟริษยาที่แผดเผาใจตนเองอยู่เพียงฝ่ายเดียว

ส่วนท้ายสุด อุเบกขา คืออารมณ์ใจที่ปล่อยวาง ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ใช่พอช่วยคนไม่ได้เราก็เกิดทุกข์นี่ยังถือว่า ยังทรงพรหมวิหารสี่ได้ไม่เต็มไม่ครบ อุเบกขาก็คือการวางใจเราเอาไว้ว่าเราเองจะช่วย จะสงเคราะห์ผู้อื่น ตามกำลังเท่าที่เราจะสามารถทำได้ หากช่วยไม่ได้เราก็ปล่อยวาง เสีย อย่าไปทุกข์ให้คิดว่า แม้องค์พระสุคตท่านก็ยังไม่อาจโปรดบุคคลได้ทุกๆคนเลย ดังนั้นเราเองก็ย่อมมีข้อจำกัดที่ทำให้ทำไม่ได้ในทุกสิ่งที่เราอยากช่วยอยากทำเช่นกัน ดังนั้นต้องรู้เท่าทันและปล่อยวาง เมื่อถึงวาระที่เราช่วยเขาได้เราค่อยช่วย เรื่องนี้พุทธภูมิหลายท่านยังขาดตัวนี้กันมาก เวลาบำเพ็ญบารมีจึงเกิดทุกข์เพราะไปจมอยู่กับทุกข์ที่เราช่วยเขาไม่ได้ ที่จริงท่านให้ ปล่อยวาง รอเวลาวาระ แล้วค่อยช่วยใหม่ ทำใหม่

เมื่อทำดังนี้ การทรงพรหมวิหารสี่ก็จะทรงความสงบ เย็น ไม่ทุกข์ ไม่เร่าร้อน มีแต่จิตที่อิ่มเต็ม เป็นสุข พร้อมที่จะให้พร้อมที่จะสงเคราะห์อยู่เสมอ

ขอให้พรหมวิหารสี่อัปปันนาณญาณจงอิ่มเต็ม ในทุกดวงจิตของทุกๆท่านผู้มีความเจริญในธรรมด้วยเทอญ

 

ตำรากับปฏิบัติจริงต่างกันครับ ทำให้ได้ ทำให้ถึงจริงจะสิ้นสงสัยในคำสอนของพระพุทธองค์ครับ

ท่านที่ปฏิบัติจนถึงอรูปได้ยืนยันตรงกันหมดครับว่า กลับปฏิบัติได้ง่ายกว่าเพราะสมาธิถึงกำลังฌานสูงสุด ปัญญาญาณอันบังเกิดจากสัมมาสมาธิ จึงปรากฏชัดเจนในจิตใจเต็มที่เช่นเดียวกันครับ

รวมทั้งแยกแยะอารมณ์จิต เรื่อง"จิตว่าง" ว่าต่างกันกับ อารมณ์พระนิพพานอย่างไรครับ

ขอทุกท่านจงทรงสัมมาทิษฐิตามแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านทรงพระพุทธประสงค์กันทุกท่านด้วยเทอญ

 

หัวใจมีนิดเดียว คุยกันหลังไมค์เนอะ ถ้าจะสอนเป็นสาธารณะคงต้องขอให้ท่านอาจารย์เป็นคนสอนเองจะดีกว่าค่ะ (ศิษย์คนนี้ยังโง่อยู่)